ที่ใดในประเทศไทยที่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติ

ขอบคุณมากค่ะ คุณpanadpuff มีผู้ใจดีให้ข้อมูลเพิ่มเติม มีทั้งแบบถาวร และเคลื่อนย้ายได้ ที่สำคัญคนไทยเราทำเอง ตาม link นี้ เลยค่ะ www.thainanohouse.com

 

อยู่แถบฝั่งโขง ระวังน้ำไหลบ่า เหมือนที่เคยเตือนผู้อื่นนะคะ โดยเฉพาะช่วงสามเหลี่ยมทองคำ ตอนนี้ดูแผ่นดินไหวที่พม่าเป็นตัวอย่างค่ะ

 

แฮ่ๆๆๆๆๆ

Nirvana จะไปอยู่นครพนม ครับ

ขอบคุณที่เป็นห่วง......:d

 

^
^
^

ระวังรอยเลื่อนท่าแขกนะจ๊ะ

13 รอยเลื่อน ในประเทศไทยประกอบด้วย

1. "รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง" ครอบคลุม พื้นที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่

2. "รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน" ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก

3. "รอยเลื่อนเมย" ครอบคลุม จ.ตาก และกำแพงเพชร

4. "รอยเลื่อนแม่ทา" ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย

5. "รอยเลื่อนเถิน" ครอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่

6. "รอยเลื่อนพะเยา" ครอบคลุม จ. ลำปาง เชียงราย และพะเยา

7. "รอยเลื่อนปัว" ครอบคลุม จ.น่าน

8. "รอยเลื่อนอุตรดิตถ์" ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์

9. "รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี

10. "รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี

11. "รอยเลื่อนท่าแขก" ครอบคลุม จ.หนองคาย และนครพนม

12. "รอยเลื่อนระนอง" ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา และ

13. "รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย" ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา


ถนนยกตัว น่าคิดนะ

ชาวบ้านแห่ดูถนนแยกตัวเชื่อมีพญานาคโผล่ใต้พื้น หลังมีคนถ่ายภาพไว้ได้

<style>p { margin: 0px; }</style> เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน บ.นาเชือกน้อย หมู่ 3 ต.หนองเทาใหญ่ อ.ปลาปาก ว่า มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศแตกตื่นหลั่งไหลกันไปดูถนนคอนกรีตแยกลอยตัวนูนเหนือ พื้น เชื่อว่ามีพญานาคอยู่ใต้พื้นถนนดังกล่าว หลังมีผู้พบเห็นและถ่ายภาพติดคล้ายลำตัวพญานาคมุดลงใต้พื้นถนน จึงเดินทางไปตรวจสอบ

พบว่าบนถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.)สายปลาปลา-ดงอินำ ก่อนทะลุถนนสายนาแก-หนองญาติ กลางถนนพบเต็นท์ 2-3 หลังกางอยู่ ริมถนนมีพ่อค้าแม่ค้านำส้มตำ ไก่ย่าง น้ำดื่ม แผงล๊อตเตอรี่มาวางจำหน่ายคึกคัก ภายในเต็นท์พบชาวบ้านกว่า 300 คน กำลังผลัดกันมุดส่องใต้ลอยแยกพื้นถนน คสล.สายดังกล่าว ซึ่งนูนสูงกว่าระดับพื้นถนนราว 50 ซ.ม. ภายหลังจากชาวบ้านหลายรายได้พบวัตถุ ไม่ทราบชนิดลำตัวขนาดใหญ่ มีเกล็ดประกายเงินแดง โผล่มุดลงกลางรอยแยก พร้อมบันทึกภาพไว้ได้ กระทั่งข่าวแพร่สะพัดไป จึงมีชาวบ้านทยอยแห่มาดูไม่ขาดสายเพื่อพิสูจน์เห็นกับตา

นายบุญทอง แสนสร้อย อายุ 545 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ.นาเชือกน้อย หมู่ 3 กล่าวว่า เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา นางระนอง ปลาปะ ผช.ผู้ใหญ่บ้าน ได้ขับขี่รถยนต์มาตามถนนสายดังกล่าว พอถึงจุดถนนที่แยกยกตัวสูง รถได้กระโดดลอยขึ้น จึงจอดหยุดดูและโทรศัพท์เรียกตนมาตรวจสอบ พบถนน คสล.แยกยกตัวสูงเหนือพื้น 40-50 ซ.ม. เกรงจะเกิดอันตรายแก่ผู้สัญจรไปมา จึงนำแผงเหล็กพร้อมกรวยมากั้น และเปิดไฟกระพริบเฝ้าจุดนี้นาน 3 คืน

“ต่อมามีเจ้าหน้าที่ อบต.โคกสีเป็นผู้หญิง ขับรถผ่านมาจอดดูรอยแยกนูน แล้วใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพไว้ ก่อนนำมาให้ตนดูเห็นภาพปรากฏคล้ายลำตัวขนาดใหญ่ มีเกล็ดส่องประกายวาววับ ตนจึงรีบนำไปอัดล้าง ชาวบ้านและผู้เฒ่าผู้แก่ เห็นภาพเชื่อว่าเป็นลำตัวคล้ายพญานาค กำลังมุดและโผล่ให้ปรากฏเห็น จึงพากันแตกตื่นแห่มาดูวันละนับพันคน พร้อมจุดธูปเทียน แต่งขันธ์ห้าขอขมาก่อนขอโชคลาภตามความเชื่อ และที่หมู่บ้านนี้มีดอนปู่ตาศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าอาจมาปกปักรักษาแสดงอภินิหาริย์ให้ชาวบ้านเห็น” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 กล่าว

น.ส.จิตลดา นามวงศ์ อายุ 16 ปี หนึ่งในผู้บันทึกภาพไว้ได้ นำภาพในกล้องมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดูและกล่าวว่า ตนมาส่องดูใต้พื้นถนน คสล.ที่พบรอยนูนแยก จึงนำโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพติดไว้ได้ พบวัตถุขนาดใหญ่มีเกล็ดคล้ายงู มีคลีบ หงอนสีแดง คดเคี้ยวอยู่ใต้พื้นถนน จึงนำไปบอกเล่าให้เพื่อนบ้านทราบ ก่อนพากันแห่มาดู

นายกานทอง แก้วศรีนวม อายุ 51 ปี ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ระบุว่า น้องสาวตนคือนางระนอง ผช.ผู้ใหญ่บ้าน จะไปส่งลูกที่ จ.มุกดาหาร โทรมาแจ้งว่าพบถนนนูนแยกและมีชาวบ้านมาเล่าให้ฟัง จึงไปส่องพิสูจน์ดูนาน 30 นาที เห็นแต่ความมืดใต้พื้น ก่อนมีแสงสว่างจ้าเป็นวงกลมสีทอง อีก 2 วันจึงไปดูอีกครั้ง พบแสงกลมวาบคล้ายตาแมว มีลำตัวสีเงินประกายทองขดในพื้นดินยาวครึ่งแขน เชื่อว่าน่าจะเป็นพญานาคโผล่ปรากฏ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยเห็น ส่วนพญานาคจะเกี่ยวโยงกับหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายกัมมัฎฐาน วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก ที่มรณภาพแต่ศพยังอยู่หรือไม่นั้น ทราบประวัติแค่ว่าสมัยก่อนหลวงปู่เคยเป็นพญานาคมาก่อน

ต่อมาชาวบ้านได้นำคุณยายนิล อ้วนดวงดี วัย 102 ปี ซึ่งเป็น “จ้ำบ้าน” หรือผู้ประกอบพิธีในดอนปู่ตา เพื่อมาประกอบพิธีรับเอาพญานาค และจะย้ายออกจากบริเวณดังกล่าวให้ไปอยู่ในหอ เนื่องจากอยู่กลางถนนทำให้ผู้สัญจรไปมาลำบาก ขณะที่ชาวบ้านหลายคนที่มุดส่องดูมีทั้งเห็นและไม่เห็น พร้อมระบุว่าในวันแรม 12 ค่ำ เดือน 4 ตรงกับวันที่ 31 มี.ค. พื้นถนน คสล.ที่แยกนูนขึ้น จะยุบลาดตามปกติเอง ภายหลังอัญเชิญพญานาคไปอยู่หอที่ชาวบ้านเตรียมจัดสร้างให้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียด เพื่อเข้าคิวยื้อแย่งกันมุดส่องดูใต้พื้นถนน คสล. พร้อมกับนำดอกไม้ ธูปเทียน ขันหมากเบง ขันห์ห้า พานบายศรี น้ำเขียว น้ำแดง ผลไม้หลายชนิดมาบูชาขอขมา พร้อมกับนำภาพถ่ายที่เชื่อว่าเป็นพญานาค 2 รูปมาจำหน่ายใบละ 20 บาทขายดิบขายดี และนำตู้บริจาคมาตั้งไว้ ส่วนพ่อค้าแม่ค้าแผงล๊อตเตอรี่ระบุว่า มีเลข 377, 77,11 ที่ชาวบ้านแห่ซื้อตามทะเบียนรถ 4377 ของ น.ส.ระนอง ผช.ผู้ใหญ่บ้านที่พบเห็นคนแรก







<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="295"> <tbody><tr> <td height="21" width="21"></td> <td background="http://palungjit.org/images/line_top.gif">
</td> <td height="21" width="21"></td> </tr> <tr> <td background="http://palungjit.org/images/line_left.gif">
</td> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3" width="100%"><tbody><tr><td align="left" valign="top">

​

</td></tr></tbody></table> </td> <td background="http://palungjit.org/images/line_right.gif">
</td> </tr> <tr> <td height="21" width="21"></td> <td background="http://palungjit.org/images/line_bottom.gif">
</td> <td height="21" width="21"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="295"><tbody><tr> <td height="21" width="21"></td> <td background="http://palungjit.org/images/line_top.gif">
</td> <td height="21" width="21"></td> </tr> <tr> <td background="http://palungjit.org/images/line_left.gif">
</td> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3" width="100%"><tbody><tr><td align="left" valign="top">

​

</td></tr></tbody></table> </td> <td background="http://palungjit.org/images/line_right.gif">
</td> </tr> <tr> <td height="21" width="21"></td> <td background="http://palungjit.org/images/line_bottom.gif">
</td></tr></tbody></table>ชาวบ้านแห่ดูถนนแยกตัวเชื่อมีพญานาคโผล่ใต้พื้น หลังมีคนถ่ายภาพไว้ได้

 

กราบโมทนา ค่ะ ทำให้นึกถึงคำทำนายของหลวงปู่ค่ะ

หลวงปู่สรวง



ท่าน จะเป็นใครและเป็นอะไรกันแน่ทุกวันนี้ก็ยังหาคนรู้ชัดได้ยาก แต่ที่เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคือความอัศจรรย์ที่ท่านทำ เป็นอัศจรรย์ที่เมื่อเผยแพร่ออกไปก็กลายเป็น ‘นวนิยาย’ หรือ ‘หนังอินเดีย’ ไปทันที เพราะมีความมันส์อยู่ในเนื้อเรื่องเหมือนได้เห็นตัวละครเหาะเหินเดินอากาศ

เดิน ตากฝนไม่เปียก นั่งอยู่ใต้น้ำได้หลายชั่วโมงโดยไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำและไม่ตาย ปรากฏตัวได้ในเวลาเดียวกันถึงสามแห่ง กระทืบแผ่นดินทีเดียวตัวเลขดัชนีดาวน์โจนส์ในสหรัฐก็เลื่อนไปตรงกับตัวเลข ที่บอกชาวบ้านว่าจะเป็นหวย เอามือคลึงท๊อฟฟี่ให้คนขับรถที่ง่วงจนเหลือทนอมแล้วหายง่วงขับรถได้อีกนับ สิบชั่วโมง เอามือไปลูบหน้าอกผู้หญิงที่เป็นมะเร็งระยะที่สามแค่นั้นก็หายขาดไม่ต้องผ่า ตัดรักษาใด ๆ ศิษย์บ่นยากกินต้มปลาก็เอามือล้วงลงในย่ามหยิบเอาปลาดุกปลาช่อนสด ๆ ออกมาหลายตัวให้ไปต้มกิน จะไปไหนขึ้นรถแล้วชี้นิ้วบอกทางอย่างเดียวทั้งที่ท่านไม่เคยไปคนขับรถก็ไม่ เคยไปแต่ก็ไม่เคยหลงไม่เคยพลาดไปมาแล้วทั่วประเทศไทย ฯลฯ

สิ่ง เหล่านี้คือ ‘ปาฏิหาริย์’ เพียงส่วนหนึ่งในหลายร้อยเรื่องที่หลวงปู่สรวงบันดาลให้เกิด คนที่ใกล้ชิดพบเห็นกันอยู่เป็นประจำจนเกิดศรัทธาอย่างไม่คลอนแคลน หากคนไกลกลับมองเป็นสิ่งงมงายและสร้างขึ้นเพื่อลวง ส่วนจะลวงกันเพื่อเหตุผลอะไรก็คิดค้นกันได้ตามอัตภาพ

จาก การที่คุณอาสุธน ศรีหิรัญ ได้ตามเก็บข้อมูลเรื่องราวของหลวงปู่สรวงเพื่อนำมาเผยแพร่ ได้ไปพบกับพระเถระรูปหนึ่งซึ่งเคยเจอหลวงปู่สรวงและมีข้อมูลบางอย่างที่น่า ประหลาดใจยิ่งนัก จึงขออนุญาตนำความนั้นมาบอกเล่าเพื่อให้พวกเราได้พิจารณากัน

ท่านพระ ครูจันทธรรมานุโยค (ลมัย จันทโร) อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดโคกตาเขียว อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่หลวงปู่สรวงเดินทางมาพบโดยที่ท่านไม่เคยรู้จักกัน มาก่อน เมื่อมาถึงแล้วหลวงปู่ก็ได้กระทำกฤษดาภินิหารให้ท่านพระครูได้เห็นหลายอย่าง เป็นที่น่าอัศจรรย์ เช่น ตีฆ้องใหญ่ด้วยไม้นวมจนปุ่มตียุบเข้าไป เรียกเงินธนบัตรและเหรียญให้หล่นลงมาจาก ‘อากาศ’ แล้วมอบให้ท่านพระครูเก็บไว้สร้างวัด ฯลฯ

อภินิหาร เหล่านี้ท่านแสดงให้ท่านพระครูได้พบเห็นเพื่อเป็นการปลูกศรัทธา หลวงปู่สรวงมาหาท่านพระครูนับได้ทั้งสิ้นราว 7 ครั้ง ครั้งที่ 6 เป็นสิ่งที่มาสัมพันธ์กับเรื่องราวของพวกเรา กล่าวคือหลวงปู่สรวงได้พูดกับท่านพระครูลมัยเป็นภาษาเขมรราวกับคำสั่งเสียมี ใจความว่า

“ใน ปีพ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมโลกใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะตายไปมาก ส่วนคนดีคนมีศีลธรรมจะอยู่รอดปลอดภัยได้

ปี 2555 นะ คนที่ว่าเก่งอยู่ในเมืองไทยจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่มุมไหนของประเทศก็แล้วแต่ พ่อแม่ญาติพี่น้องไม่ต้องสู้นะ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดทะเลาะกันนะ ไม่ต้องอยากชนะกันให้ออกไป อย่ามีเวรมีกรรมต่อกันเลย

แล้ว พวกที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นี่นะ ไปก่อน นางนาคเป่าน้ำทะเลเต็มหมด มันจะไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่า ๆ น้ำก็ตีเข้ามาท่วมภูเขา มีทั้งขี้ดินขี้โคลนเข้ามา พวกทำไม่ดีตายหมด

เทวดา ตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง ไม่ต้องกลัวเลย 2555 นางนาคเป่าน้ำท่วมทั้งน้ำทั้งดินตายวอด คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย คนดีมันเป็นเอง ไม่ตาย จะรอด คอยดูเถอะ นางนาคจะกลับเอาน้ำขึ้นข้างบนสามวันสามคืน มีลูกเห็บ ถูกใครตายระเนระนาดนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก เพราะเราไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัวนะ คนที่กบฏ คนที่อยากชนะผืนแผ่นดินตายแน่”

หลวงพ่อลมัยนั้นมีความเชื่อในหลวงปู่สรวงเป็นทุนอยู่แล้ว เมื่อท่านพูดขนาดนี้จึงมีความตระหนกอยู่มิใช่น้อย ได้บอกกับหลวงปู่สรวงว่า

“ถ้าน้ำท่วมมากขนาดนั้น อย่าว่าแต่คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมเลย แม้คนดีก็คงจะไม่รอดเหมือนกัน จะทำอย่างไรได้ พอมีหนทางช่วยเหลือไหม”

หลวงปู่สรวงนิ่งอยู่อึดใจจึงบอก ‘คาถา’ เพื่อเป่าน้ำไม่ให้ท่วมตัวมีใจความที่ออกเสียงตามภาษาเขมรจริง ๆ ว่า

“อ้ม เกร๊อะ เกร๊อะ เกร๊อะ เตียงตึ๊ก เกร๊อะ ตึงได อ้มสติสวาหะ”

เมื่อ ผมรับทราบถึงคาถานี้ก็ได้โทรศัพท์ทางไกลหาครูอำพล เจน ทันที แล้วลงมือเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ปรากฏว่าครูค่อนไปทางเชื่ออยู่มาก เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกับครูเป็นตำรวจอยู่ที่อุบล ฯ หลวงปู่สรวงได้เดินทางมาหาถึงโรงพักโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วบอกว่า นายตำรวจคนนี้เคยเป็นลูกของท่านเมื่อในอดีต จึงเดินทางมาเพื่อเยี่ยมเยียน

แล้ว ได้แสดงอภินิหารหลายอย่างหลายประการจนเป็นที่น่าอัศจรรย์และเป็นที่น่าปวด หัวแก่ตำรวจทั้งสถานี อาทิ ถามเขาว่าขังคนพวกนี้ไว้ทำไมน่าสงสาร เมื่อตอบท่านว่าเขาทำผิดกฎหมาย ท่านฟังแล้วก็นิ่งอยู่ แผลบเดียวท่านไปเป่ากุญแจเขาหลุดออกหมดปล่อยผู้ต้องหาออกมาเดินเฉย อย่างนี้เป็นต้น

เมื่อ ผมเล่าเรื่องคาถานี้ให้ครูอำพลฟังท่านก็รีบต่อสายไปถึงเพื่อนสนิทที่มีเชื้อ สาย ‘เขมร’ จริง ๆ ในจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนก็บอกว่าคาถาที่พูดมาในทีแรกนั้นในภาษาเขมรแล้วไม่มีเหตุเพราะออก เสียงผิด ที่ถูกควรต้องออกเสียงอย่างนี้จึงถูกต้อง แล้วก็พูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำให้ฟัง ซึ่งทุกคำที่ถูกต้องผมก็ได้นำมาลงไว้แล้วดังบรรทัดบน พร้อมกับแปลเป็นภาษาไทยให้ฟังว่า

“อ้ม แปลว่า ลุง เกร๊อะ แปลว่า ดื่ม ซึ่งโดยมากมักหมายถึงการดื่มสุราเป็นหลัก เตียง คือ บึงน้ำ บ่อน้ำใหญ่ ตึ๊ก หมายถึง น้ำ แหล่งน้ำ ตึงได หมายถึง แขนขา ในที่นี้แปลว่า สาขาที่แตกย่อยออกไปของแม่น้ำลำคลองลำธารต่าง ๆ สติ ก็คือสติ สวาหะ เป็นคำคาถา ดังนั้นโดยรวมจึงหมายความว่า คุณลุงดื่มน้ำ แล้วก็ดื่ม ดื่ม ดื่ม ได้อย่างกับบึงบ่อที่ไม่รู้จักอิ่มน้ำ เหมือนมีสาขาย่อยแยกน้ำออกไปไม่รู้จักเต็ม แต่ถึงดื่มขนาดนั้นก็ยังมีสติ”

มองไม่เห็นว่าจะศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน
แต่เชื่อเถิดว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ จริง

เพราะ ที่บ้านน้อยผมนั้นน้ำท่วมได้ท่วมดีทุกปีจริง ๆ แฟนหนังสือศักดิ์สิทธิ์หลายท่านที่เคยเข้าไปหาผมถึงบ้านในหน้าน้ำ ได้เคยมีประสบการณ์ร่วมกันมาแล้วว่า น้ำท่วมบ้านผมมันน่าสงสารขนาดไหน มันท่วมหนักมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ไม่มีปีไหนที่น้ำจะไม่ท่วมท้นล้นเข้ามาจนถึงห้องนอนเลยแม้สักปีเดียว

แต่นับจากวันที่ได้รู้จักกับคาถานี้แล้วทดลอง ‘เป่า’ ด้วยตัวเองตามมีตามเกิด เชื่อเถิดครับสามปีติดกันแล้วน้ำไม่เคยท่วมบ้านผมอีกเลย.........

 

หลวงปู่มรณะภาพในวันที่7ก.ย 2543.... แต่คำทำนายท่านไม่ต่างอะไรกับเหตุการ"สินามิ" ที่เกิดขึ้นเลยค่ะ
"ประมาณสองชั่วโมงกว่า ๆน้ำก็ตีเข้ามาท่วมภูเขา มีทั้งขี้ดินขี้โคลนเข้ามา"

 

สาธุครับ คำทำนายของหลวงปู่

ผมอยู่ อ.เมืองจังหวัดประจวบฯ ที่นี้มีการป้องกันอะไรมัยครับ สถานที่? เขตปลอดภัย
อยู่ติดทะเลอ่าวมะนาว ครับ

 

ขอบคุณที่ย้ำเตือนเรื่องรอยเลื่อนในประเทศไทย

แต่ถ้าเรายังคงยึดอยู่กับคำเตือนของทางการอันนี้ เราจะสังเกตได้ว่าไม่มีที่ใดในประเทศไทยที่ปลอดภัย นั่นก็คือ ไม่มีที่ไหนหลบภัยได้อีกแล้ว ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง

Nirvana เชื่อในข้อมูลและการวิเคราะห์ของตนเองและคำพยากรณ์ของพระอริยะเจ้า ครับ

 

คุณNirvanaช่วยนำคำพระอริยะเจ้าที่ท่านได้เคยบอกกล่าวสงเคราะมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เพื่อจะเป็นประโยชย์กับทุกๆท่านที่ได้ติดตามกระทู้อยู่ในขณะนี้ กราบโมทนาสาธุ ค่ะ(ชอบกระทู้นี้มากๆเลยค่ะ)

 

พระอาจารย์ของแมวที่ท่านพูดถึงเรื่องน้ำท่วมบ่อยๆคือ หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ท่านชอบเตือนบ่อยๆเรื่องน้ำท่วมค่ะ ท่านว่า"น้ำจะท่วมมิดบ้าน...ไม่มี"บุญ"อยู่ไม่ได้หรอก " พอช่วงหลังๆท่านมาอยู่ที่วัดสังฆทาน ท่านก็เตือนอีก" น้ำท่วมถึง"เรือนไทย"ที่ท่านอยู่ เรือนไทยของท่านเป็นเรือนไม้ยกพื้นสูง ท่านว่า"ท่วมหมด" ท่านชอบให้หลวงพี่เอ็ด(พระอุปฐาก)อ่านเรื่องน้ำท่วมให้ฟังค่ะ ดิฉันว่าคงจะเร็วๆนี้แน่ๆค่ะ ท่านจะสอนบ่อยๆให้ช่วยกันพยุง(ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์) ทุกๆครั้งที่ได้ไปกราบท่านค่ะ หลวงปู่ท่านว่าท่านเองยังต้องทำเลยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Nirvana<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4526294", true); </SCRIPT> แถวจังหวัดชัยภูมิตรงไหนมีรอยเลื่อนบางค่ะ แล้วปลอดภัยไหมค่ะขอบคุณค่ะ

 

แนะนำแถว อ.ศรีเชียงใหม่ ใกล้ ๆ โขงเจียม หลวงปู่ฤาษีมณีรัตน์น่าจะช่วยให้ปลอดภัยได้

 

อ.ศรีเชียงใหม่ จ.อุบลครับ

 

หลวงปู่หงส์ สุสานทุ่งมน จ.สุรินทร์ ท่านเตือนมาว่า อีกไม่นาน น้ำไม่รู้ว่ามาจากไหน ผู้คนอดอยาก คนจนปล้นฆ่าคนรวย คนจนมีเยอะกว่าคนรวม ท้ายที่สุด เงินจะไม่มีความหมายเลย

 

จริงๆแล้วมีผู้โพสต์กระทู้ในเวปพลังจิตนี้มากมาย

ข้อมูลตรงกันหรือใกล้เคียงทั้งสิ้น
ส่วนตัวนับถือและศรัทธา บรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร ครับ
มีผู้อยู่ในสายของท่านมากมายพอสมควร

 

ชัยภูมิน่าจะปลอดภัย ครับ

แต่ดูที่ทางให้ดีๆ อย่าไปตรงกับทางน้ำไหลหลาก
เลือกที่ดอนไว้หน่อยจะดีกว่า ครับ

 

อำเภอศรีเมืองใหม่นะคะ ไม่ใช่ศรีเชียงใหม่ ช่วยแก้ข้อมูลค่ะ

อิิอิ จากอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลจร้า

 

ขออภัย ขอคุณมากครับ อ.ศรีเชียงใหม่ อยู่ จ.อุดรเน๊าะ
ศรีเมืองใหม่ ถึงจะอยู อุบล

 

อ.ศรีเชียงใหม่อยู่ จ.หนองคายค่ะ ใกล้กับจ.เลย

จากสาวเมืองพญานาค อิอิ