ทำร่างกายเสมือนลม ทำใจเสมือนน้ำ ทำสมองเสมือนดิน ทำจิตเสมือนไฟ

เทคนิคการทำใจให้เปิดกว้างเพื่อรับรู้ในสิ่งต่างๆที่คุณยังไม่เคยรู้มาก่อน หรือจะเรียกว่า ทำสมาธิ ก็ไม่ผิด ถ้าคุณทำได้ทั้งหมดนี้นั่นคือธาตุในตัวคุณหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สภาวะนี้ผมเรียกว่า จิตรวมกายกายรวมจิต จะทำให้คุณพร้อมจะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆและได้รับแบบเต็มๆ

ทำร่างกายเหมือนลม ใจเหมือนน้ำ สมองเหมือนดิน จิตเหมือนไฟ ทำอย่างไร? การที่คุณจะเป็นอะไรก็ตาม คุณจะต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่คุณจะเป็นนั้นมีลักษณะเช่นไรเป็นแบบใด และมีจุดเด่น-จุดด้อยอย่างไร

ลม เวลาสงบอาจจะพัดอะไรไม่ได้ แต่ก็ทำให้เรามีชีวิตอยู๋ได้

น้ำ จะทำให้ ร้อน-เย็น-อ่อน-แข็ง-เหลว ก็ได้เช่นกัน

ดิน เวลารดน้ำลงไปสามารถ ดูด-คาย-เก็บ แล้วแต่คุณภาพดินว่า ร่วน-ซุย-เหนียว แค่ไหน

ไฟ จะให้แสงต่อเมื่อส่อง และสามารธเผาทำลายก็ได้ในขณะเดียวกัน

สรุปก็คือ คุณจะเป็นอะไรหรือทำสิ่งใดคุณต้อง เชื่อและศรัทธา แล้วจึง รู้ จากนั้นใช้ ปัญญา พินิจวิเคราะห์เพื่อตัดสิน สุดท้ายก็ลอง ปฎิบัติ ดู เมื่อรู้แล้วได้ผลลัพท์ก็ วาง ไว้สะ ไม่เช่นนั้นหากทำต่อจะไม่มีวันจบ กลายเป็น ยึด ตึด หลง นั่นหมายความว่า คุณเป็นอะไรไม่ได้เลยแม้แต่คุณเอง

 

อนุโมทนาครับ เป็นธรรมะที่ลึกซึ้งมาก จะนำไปพิจารณาในขณะเจริญปัญญาครับ

 

ร่างกายเปรียบเสมือนได้ดั่งลม

เลี้ยงหัวใจไว้ด้วยน้ำจะได้เย็น

ส่วนสมองที่เป็นมันปั้นเป็นดิน

จินตนาการให้จิตนั้นโชดช่วงดั่งเปลวเพลิง

 

อนุโมทนาเช่นกันครับ ขอให้ท่านสมหวังในสิ่งที่คุณกำลังเจริญอยู่ อยากให้ทุกคนมองให้เป็นแบบคุณจังครับ

"ถ้ามองด้วยเห็นจะไม่เห็น แต่ถ้าอยากเห็นต้องลองมองแบบไม่เห็น เห็นคือไม่ชัด ไม่เห็นนั่นแหละชัดที่สุด"

ที่บอกว่าไม่เห็นชัดที่สุด เพราะที่ไม่เห็นหน่ะมัน ใสมาก บริสุทธิ์มาก เลยไม่เห็นรอยด่างรอยเปื้อน จริงมั้ยครับ จะมีใครเคยเห็นรูปร่างของลมแท้ๆบ้าง ถ้าในลมนั้นไม่มีฝุ่นหรือน้ำปะปนอยู่

 

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของท่านwacaholic<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4683752", true); </SCRIPT>
บังเอิญอ่านเจอ เพื่อนๆจะได้เข้าใจ

 

พลาดกระทู้ดีๆ แบบนี้ไปได้ไง? ขอบคุณท่าน"วสุธรรม"ครับ

 

ตำราไหนอ่ะครับ

จะสมมติไปทำไมกันเยอะแยะขนาดนั้น อ่ะครับ

 

ก็อย่าไปสมมุติว่ามัน เยอะ น้อย สิครับจะได้ไม่ต้องตั้งสมมุติ


แท้จริงแล้วตั้งแต่ที่พวกเราเกิดมาลืมตาดูโลก พวกเราก็จะถูกผู้ใหญ่ทุกคนสอนตั้งแต่เล็กจนโตว่า ให้ท่องจำๆเท่านั้น ไอ้วิชาจำ เนี่ยพวกคุณว่าจริงมั้ย? แล้วคุณเคยสงสัยหรือเคยลองคิดเล่นๆกันบ้างมั้ยครับ? ว่าทำไม่ท่านจึงไม่ยอมสอน วิชาลืม ให้พวกเรากันบ้าง ? ก็เพราะว่า ไอ้วิชาจำ เนี่ยคือบทเรียนของคนที่ ชอบยึด ชอบติด และใช้เป็นบททดสอบของหลักสูตรของการมีชีวิตของพวกเราคุณว่าจริงหรือไม่ ? และเมื่อจบหลักสูตรการมีชีวิตพวกเราก็จะได้เรียน วิชาลืม แต่ก็มีคนบางจำพวกที่สามารถใช้ วิชาลืม ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ก่อนจบชีวิตเสียอีก เพราะคนจำพวกนั้นคิดว่า วิชาจำ เนี่ยไม่ใช่หนทางที่จะทำให้เรียนจบหลักสูตรได้อย่างแท้จริง ต้องกลับมาเรียนซ้ำอยู่เสมอ แต่ วิชาลืม ต่างหากเล่าที่เป็นหนทางที่แท้จริงในการจบหลักสูตรนี้ และก็ไม่ต้องกลับมาเรียนซ้ำอีกต่อไป ขอให้คุณทุกคนสำเร็จ วิชาลืม นะครับ

 

ลืม จ่ายหนี้
ลืม ว่ามีเมียแล้ว
ลืม คืนของ
ลืม ให้หมดเลย ดีป่ะ

 

อยู่ที่ ใจ คุณหน่ะครับ

 

..ชีวิตไม่มีวันสับสนสำหรับผู้ที่เข้าใจธรรม
ทุกอย่างจะชัดเจนกระจ่างแจ้ง
และเป็นไปตามครรลองของมัน

ยิ่งเราเข้าใจภาพรวมของชีวิตได้ชัดเจนมากขึ้นเท่าใด
ก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีจุดหมายและใสกระจ่างมากขึ้นเท่านั้น..

เมื่อจิตใจใสกระจ่าง ปัญญาคมชัด ชีวิตก็สว่าง
แต่หากจิตหม่นมัว ชีวิตก็มัวหม่น
ไร้ความเข้าใจ ไร้ปัญญา..

 

แจ่มแจ้งเข้าใจ ... ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ .... ด้วยใจ .. ครับ ...

 

แค่ชื่อกระทู้ก็สะดุดตา ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ ข้าน้อยขอคารวะ

 

ทําไมไม่ทํา ร่างกาย ใจ สมอง จิต ให้สงบ อ่ะครับ

 

ทำร่างกายเสมือนลม ทำใจเสมือนน้ำ ทำสมองเสมือนดิน ทำจิตเสมือนไฟ
ลืมทุกอย่างให้หมด ใช้สำนึกกระบี่ เพราะไร้กระบวนท่าจึงหนือกระบวนท่า
ไอหย๋า.. นี้มันเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย ท่านคือศิทย์ของฟงชิงหยางกะนั้นรึ ไอหย่า
<!-- google_ad_section_end -->

 

ใช้แล้วด้วยเหตุนี้ต๊กโกคิ้วป่าย จึ่งได้ชื่อว่าโดดเดี่ยวแสวงพ่าย

 

ครับคนคิดวิชานี้เลยออริจินอล

 

ครับคอหนังจีนเหมือนกัน นับถือๆๆๆๆ

 

“วิธีไม่มีวิถี วิธีไร้รูปแบบ
วิถีไร้รูปก็เป็นวิธี ไม่มีวิธีเป็นวิถี” ​

 

ความรู้เป็นอจินไตย​

แรกเริ่มเดิมทียังไม่มีสุริยะจักรวาล มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าของสุญญากาศ มีพลังจิตเป็นทิพย์เป็นมหัศจรรย์ขององค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาอยู่ในอวกาศ ซึ่งเป็นนิพพานอยู่ทั่วไป ไม่มีนรกโลก เปรต อสุรกาย สัตว์ คน ไม่มีสวรรค์ พรหม ไม่มีรูปลักษณ์ พลังจิตองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาซึ่งมีมาแต่กาลก่อน ไม่มีใครสร้างเป็นพลังจิตยิ่งใหญ่อยู่เหนือธรรมชาติ เหนือกฎของจักรวาล พระองค์ท่านเนรมิตรูปลักษณ์เป็นกายแก้ว กายทิพย์ กายนิพพาน แล้วพระองค์ท่านก็เปล่งพลังแสงทิพย์ในพระวรกายพระองค์ท่านกระจายเป็นพลังจิตเล็กๆได้ 9,600 ล้านล้านดวง คือ ดวงจิตนิพพานทั้งหมดที่อยู่ใน 3พิภพนี้ องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาจึงโปรดเมตตาสร้างสุริยะจักรวาล มีดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ จำลองนิพพานมาไว้ในโลกชมภู(โลกเรานี้)โลกสูตู โลกจามร ให้เป็นสถานที่น่าอยู่สบาย กลายเป็นรูปธรรม วัตถุธรรมหรือโลกธรรม พระองค์ท่านวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดา จึงตรัสสั่งพลังจิตลูกๆ เล็กๆ ที่เป็นทิพย์นิพพานทั้งหลายว่า“ลูกจงลงไปเรียนรู้สภาวะของโลกจักรวาล พ่อสร้างไว้ให้เป็นรูปธรรม ไปช่วยกันสร้างสรรค์ให้โลกเป็นนิพพานบนดิน ทำงานเรียนรู้โลกธาตุจบ หมดอายุขัยจิตใจลูกให้กลับคืนนิพพาน เป็นการจบหลักสูตรเรียนรู้ในรูปธรรม วัตถุธรรม ครบหมดแล้วลูกไม่ต้องลงไปเรียน ทำงานโลกธรรมอีก แต่อย่าได้ไปลุ่มหลงในสิ่งมายาสมมุติ มันจะทุกข์หนักแล้วลูกจะหลงลืมหาทางกลับคืนสู่นิพพานไม่ได้”ลูกๆจิตนิพพานทั้งหลายต่างก็กระจายมาเที่ยวเล่นในโลก มีความเป็นทิพย์สุขสบาย สมปรารถนาทุกอย่าง รุ่นแรกๆกลับคืนสู่นิพพานได้ไม่ยากเพราะจิตไม่ติดใจในของสมมุติ ส่วนรุ่นหลังๆ อยู่ไปอยู่มาเริ่มมีอวิชชา เกิดติดใจหลงใหลใน รูป รส กลิ่น เสียงในโลก เกิดตัณหาอยากอยู่ในโลก ร่างกายทิพย์นิพพานกลับกลายเป็นร่างพรหม ไม่สว่างเท่าร่างทิพย์นิพพาน เมื่อมองร่างทิพย์ของกันและกัน เกิดมีความผูกพันรักกัน (ราคะตัณหา) จึงเริ่มมีเพศสัมพันธ์เป็นเทวบุตร และเทพธิดา จากนั้นมีจิตหยาบหนา มีความโลภในสมบัติของโลก มีความโกรธ ความหลงในตนและผู้อื่น ร่างเทวดาจึงพัฒนาต่ำลงๆ กลายเป็นคนมีขันธ์ 5 เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท คือสาเหตุของการเวียนว่ายตายเกิด มี กาย เวทนา มีสัญญา ความจำได้หมายรู้ มีสังขาร ความคิดดีคิดชั่ว มีวิญญาณ คือมีระบบประสาท ความรู้สึกทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย อารมณ์ดีๆ ร้ายๆ รักผิดเพศ ผิดลูกสามีภรรยา ดื่มสุรายาเมา ทำความเดือดร้อนยุ่งยากแก่ผู้คนรอบข้าง องค์พระบรมบิดาผู้ทรงควบคุมดูแลดวงจิต ของลูกๆทุกคนอยู่จึงต้องจัดการสร้างนรกขึ้นมาทำโทษ กักขัง สอนสั่ง ผู้มีจิตชั่วช้าไม่มีเมตตาต่อผู้อื่น เมื่อพ้นจากขุมนรกได้พัฒนาจิตดีขึ้นเป็นคนไม่หลงในโลกียสมบัติ เทวสมบัติ กลับคืนสู่นิพพานตลอดกาลนานไม่ต้องกลับมาเรียนรู้อีก