เมื่อข้าพเจ้าไปขออโหสิกรรมกับ ''พระนางเรือล่ม''

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย soonyata, 10 เมษายน 2006.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ...แล้วก็ดูเหมือนว่าวงล้อแห่งโชคชะตาจะพาอดีตหมุนเวียนกลับมา ราวเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2545 หม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ในวัยเกือล 90 ปี ได้กลับไปเยือนวังสวนสุนันทา ซึ่งปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาไทย

    กลับมายืนในสถานที่เดิม หากวันเวลาหมุนผ่านไปเกือนร้อยปี คุณย่าเนื่องได้กล่าวถึงวังสวนสุนันทาในวันนี้ว่า

    "เขารื้อหมดเลย ของเดิมไม่มีเลย เสียดายจริง ๆ แต่เขาก็จะเป็นต้องรื้อ เพราะมันพัง มันหมดอายุของมัน ไม้กระดาน ลูกกรง เอามือไปหยิบทีมันก็หักเปราะ ๆ เลย...เปลี่ยนไปหมด ใจหายเหมือนักนที่เคยเห็นสร้างไว้ดี ๆ กลับมาอีกทีเห็นพังหมดแล้ว แต่เดิมที่เป็นเรือนกล้วยไม้ เขาก็สร้างขึ้นมาใหม่ เป็นตึกยาว ๆ ให้นักเรียนนักศึกษาได้อยู่เยอะ ๆ พอนึกถึงสะพานกระโดดน้ำกระโดดท่า มันก็ผุพังหมด คลองที่เคยกว้างมันก็แคบลง ต้นมะม่วงต้นใหญ่ที่เคยปีนนั้นยังคงอยู่ แต่พวกต้นกระท้อน ต้นเกาลัดหายไปหมด ไม่มี"

    ถ้าย้อนวันเวลากลับไปได้ ถามว่าคุณย่าเนื่องอยากให้สวนสุนันทากลับมาฟื้นชีวิตเหมือนเดิมไหม ท่านถามกลับเพียงสั้น ๆ ว่า "ถ้าฟื้นชีวิตเหมือนเดิม จะเอาใครมาอยู่ " เผยให้เห็นถึงแนวคิดของผู้ที่รู้อดีต หากไม่จมอยู่กับมัน ด้วยรู้ทันความเป็นไปของโลก

    "ถ้าปัจจุบันกระทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องห่วงอนาคตว่าจะไม่ดี อย่าไปเฝ้าจำเรื่องแต่อดีตที่ผ่านมา ไม่มีใครในโลกที่จะไปแก้ไขอดีตได้"

    เพราะเพียงแค่หนึ่งลมหายใจเข้าออก ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป


    จาก...วันวารในเวียงวัง

    คำนี้ช่างกินใจจัง......

    "ถ้าปัจจุบันกระทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องห่วงอนาคตว่าจะไม่ดี อย่าไปเฝ้าจำเรื่องแต่อดีตที่ผ่านมา ไม่มีใครในโลกที่จะไปแก้ไขอดีตได้"

    เพราะเพียงแค่หนึ่งลมหายใจเข้าออก ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป


    ................................

    อดีตผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว ไม่มีใครแล้ว ไม่เหลือใครแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียว "ความทรงจำ ให้คิดถึงกัน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2022
  2. piyaphunj

    piyaphunj สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    สิ่งที่ผมจะบอกกล่าวต่อไปนี้ ผมขอสาบานว่าเป็นเรื่องจริง ครับ
    ปัจจุบันผม ได้คบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเพิ่งจะรู้จักน้องเขาก็ เพียงแค่ 2 ปีเองครับ

    และน้องคนนี้ที่สำคัญ ในอดีตชาติ เธอคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ พระราชธิดา ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
    ซึ่งเธอก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าเธอคือ พระราชธิดา และเป็นลูกของ เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 เมื่อประมาณ ช่วง เดือน เมษายน 2554 ที่ผ่านมานี้เอง
    เธอเล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่ยังเป็นเด็ก โรงเรียนเธอ ได้พาเด็ก ๆ เข้าไปเยี่ยมชม พระที่นั่งวิมานเมฆ (วังของ รัชกาลที่ 5) ก็เดินเยิ่ยมชมภายในวัง
    จนเวลาผ่านไป ได้เวลาโรงเรียนต้องพานักเรียนกลับโรงเรียน คุณครูก็พาเด็ก ๆ กลับ แต่เธอ (ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเด็ก) มีความรู้สึกผูกพันธ์ กับสถานที่นี้มาก
    และไม่อยากกลับ ได้แต่ร้องไห้ และไม่อยากกลับ

    เธอเล่าให้ผมฟังอีกว่า เธอผูกพันธ์ กับ รูปปั้นเสด็จพ่อ ร5 มาตั้งแต่เด็ก ๆ ต้องบูชากราบไว้ทุกวัน (อันนี้ผมก็ยังคิดว่า คนส่วนใหญ่ก็ กราบไหว้ท่านอยู่แล้วไม่น่าแปลกอะไร)

    และก็มักฝันเกี่ยวกับ เสด็จพ่อ ร 5 อยู่บ่อย ๆ

    จนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งผมก็เริ่มรู้จักเธอ เมื่อต้นปี 53 มีอยู่วันหนึ่ง ณ สถานที่ๆ เธอทำงาน ได้มี ลูกค้าท่านหนึ่ง ได้พูดคุยกับเธอ แล้วบอกว่า เธอเคยอยู่ในวัง ร 5 เมื่ออดีตชาติ
    แล้ว ร5 รักเธอมาก เสียใจมากที่เธอเสียชีวิต โดยที่ท่านช่วยอะไรไม่ได้ บอกก่อนว่าคนที่มาทักนี่เขาบอกว่าเขามี จิตสัมผัส อะครับ แต่ที่อึ้งในการทักของลูกค้าคนนี้
    ก็คือว่า เขาบอกว่าชาติที่แล้วเธอจมน้ำ และปัจจุบันนี้ ที่บ้านเธอลำบากมาก คนที่บ้านรอเธอส่งเงินกลับไปให้ แล้วบอกอีกว่า ที่บ้านเธอที่อยู่ เป็นแบบ นี้ ใช่ไหม มีคนอยู่ จำนวน
    คนเท่านี้ใช่ไหม มีผู้ใหญ่กี่คน เด็กกี่คน ซึ่งเธอ ถึงกับอึ้ง ส่วนลูกค้าคนนี้ก็บอกว่าเขาไม่ได้พูดจากร่างของเขานะ แต่เหมือนมีคนมาบอกให้เขาพูดแบบนี้อีกที


    เดี๋ยวผมมาพิมพ์ต่อนะครับ ...


    ลูกค้าคนนั้นยังบอกอีกว่า เสด็จพ่อ ร 5 คุ้มครอง เธออยู่ ระหว่างที่ผมคบกับเธอ เธอก็จะชวนผมไปกราบไหว้ เสด็จพ่อ ร 5 ณ ลานพระรูป ผมก็ไปกราบไหว้ท่าน
    ปกติผมก็ ไม่เคยมากราบท่าน ครับ ก็ เริ่มมีไปก็ตอนที่คบกับเธอเนี่ยแหละ
    ถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวนะครับว่าเธอคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ พระราชธิดา ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เธอได้แต่สงสัย
    ว่าทำไมเธอถึงผูกพันธ์ กับ ร 5 เท่านั้นเอง

    จน วันนั้นวันที่ 17 เมษายน วันเสาร์ 2553 ผมจำแม่นเลย เธอชวนผมไปพระที่นั่งวิมานเมฆ บอกผมว่าอยากเข้าไปเที่ยวในวัง ร 5 และมันก็คือครั้งที่สองของเธอ
    ที่ได้กลับเข้ามาเที่ยวในวัง จำได้ว่าตอนนั้นไปช่วงบ่าย เขาก็จะปิด บ่าย 3 มั้งครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะครับ ที่ได้มาที่นี่อะ
    ก็ เปลี่ยนชุด ให้สุภาพ ตามเจ้าหน้าที่เขาให้เปลี่ยนอะครับ ช่วงที่เดินอยู่ในนั้น ผมเองอะ ไม่ค่อยรู้สึกอะไรก็ ดูสวยดี แต่เธอนะสิครับ รู้สึกมึนๆ หัว แล้วบอก ไม่รู้ทำไมอยู่ในนี้
    แล้วมึน ๆ เดินไปบางห้อง ก็ คุ้น ๆ ยังไงบอกไม่ถูก และเธอก็บอกผมว่า เธอ เคยมาที่นี่ 1 ครั้งแล้ว ตอนเด็ก ระหว่างเดินชม ผมดูอาการเธอ สายตาเธอดูแบบแปลก ๆครับ
    คือ เดินไปหยุดแต่ละจุดแล้วมอง เหมือนนึกอะไรตามอะครับ เธอบอกแต่ว่ารู้สึกผูกพันธ์ที่นี่มาก ผมยังแซวเธอว่า ชาติที่แล้วเคยเป็นนางสนม มั้ง คงเคย เอาข้าวปลาสำรับ
    มารับใช้ มั้ง ก็เวลาผ่านไปก็ ได้เวลาเขาก็จะปิดแล้ว ตอนนั้น บ่าย 3 หรือ บ่าย 4 ไม่แน่ใจครับ ผมกับเธอก็กลับบ้าน กัน ก็ไปหาอะไรกินกันต่อ แถวท่าพระจันทร์
    แล้วก็กลับบ้านผม คืนนั้นเธอนอนค้างบ้านผม ในคืนนั้นปิดไฟนอนได้ไม่ถึง 5 นาที เธอ ก็สะดุ้งเฮือกใหญ่ แล้วก็ออกอาการกลัวมาก บอกว่า มองไปปลายเท้า และมองไปรอบๆ
    ห้องนอน มีคนยืนเต็มไปหมด มีทั้งผู้ใหญ่ และเด็กหัวจุก เด็กหัวแกะ เต็มห้องผมเลย ผมก็สะดุ้งสิครับ รีบเปิดไฟ เอาพระมาห้องคอ เธอบอกผมว่าพวกสิ่งที่เธอมองเห็น
    นั้น(แต่ผมไม่เห็น) มาเรียกชื่อเธอบอกว่ากลับบ้านเราเถอะ ... ก็พอหลังเปิดไฟก็ไม่เห็นอะไรอีก ก็ หลับปกติ จนเช้า ก็มีแปลกๆ แค่คืนนั้นคืนเดียวครับ
    ผมก็ยังคุยกับเธอว่า สงสัย เราไปในวังมา แล้วเขาอาจตามเรามาอะ คงไม่มีอะไรหลอก ...

    เดี๋ยวผมมาพิมพ์ต่อนะครับ ...

    มาเล่าต่อครับว่าแล้วใครเป็นคนบอกเธอว่าในอดีตชาติเธอคือ ..สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ พระราชธิดา ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
    เมื่อประมาณต้นปี เธอได้มีโอกาสไปวัด วัดหนึ่งผมไม่บอกนะครับว่าวัดไหน แต่วัดนี้อยู่ในจังหวัดนนทบุรี ครับ เธอไปทำ พิธีบายศรี
    ก็ไปตามคำชวนของคนแถวบ้านเธอ ซึ่งวัดนี้ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเข้าไปมาก่อนเลย ส่วนใหญ่เธอไปทำบุญก็จะทำ ทีวัดแถวบ้านเธอครับ
    จากการที่เธอไปวัดนี้ เธอได้พบกับหลวงพ่อองค์หนึ่ง และก็ไม่ทราบอะไรดลจิต ให้เธอกับไปทำบุญ กับหลวงพ่อ และเริ่มเล่าถึงปัญหาชีวิตในชาติ นี้ว่าทำอะไรมาถึง
    เดือนร้อน ทุกใจ เป็นยิ่งนัก
    คือผมจะบอกว่า ในความเป็นจริง ที่ทั้ง หลวงพ่อ และเธอได้เจอกัน มันคงมีรายละเอียด เยอะนะครับ แต่เนื่องจากผมไม่ได้ไปด้วย และเธอไปคนเดียว และเธอโทรศัพท์
    มาเล่าให้ผมฟัง เธอบอกผมว่า ชาตินี้เธอมีกรรม ที่ต้องมาชดใช้ หลวงพ่อท่านเห็นหมดว่า ปัจจุบันนี้ เธอทุกอะไร มีปัญหาอะไรบ้าง หลวงพ่อบอกว่า เธอต้องใช้กรรม โดยเฉพาะปีนี้
    แล้วปีหน้าชีวิตเธอจะดีขึ้น และบอกอีกว่า ทุกวันนี้เธออยู่ได้ด้วยบุญ ให้ทำบุญเยอะๆ เธอบอกผมว่าหลวงพ่อบอกเธอว่า เธออายุหมดแล้ว แต่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะการทำบุญ
    ที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างที่ผมคบเธออยู่นั้น เธอก็มักบอกเสมอว่า แวะไปทำบุญ อยู่เป็นประจำ

    หลวงพ่อ ที่วัดนี้บอกว่า ถ้าเป็นไปได้ ให้เธอ มานุ่งขาวห่มขาวทุกวันพระ จนเมื่อ ช่วง เมษายน - พฤษภาคม เธอก็ ได้แวะไปวัดนี้ เรื่อยมา ไปทุกวันพระ
    ไปทุกครั้งก็ได้มีโอกาส ได้พบหลวงพ่อท่านทุกครั้ง เธอบอกว่าหลวงพ่อส่วนใหญ่ติดกิจของสงฆ์ เยอะมาก เธอต้องไปตอนเช้า เพื่อถามถึงว่า เธอมีเวรกรรม อะไรหนักหนา

    สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมขอยืนยันว่า เธอเล่าให้ผมฟังนั้นเป็นเรื่องจริงนะครับ ...... โดยรายละเอียดการพูดจา กัน คงจะมีเยอะนะครับ แต่เธอก็เล่าให้ผมฟัง
    โดยหลัก ๆ นะครับ
    หลวงพ่อ : "โยมนะ เกือบเสียชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหม จากผู้ชาย แต่โยมรอดมาได้ พระมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเอาไว้ "
    หลวงพ่อ : "โยมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง "

    ** อันนี้เธอก็เคยเล่าให้ผมฟังเมื่อต้นเดือนมกราคม 53 เธอเคยนั่งรถไปกับแฟนเก่า ตอนกลางคืน ถนน เส้น 345 นั่งไปก็ทะเลาะกันไป
    แฟนเก่าเธอโมโห จอดรถข้างทางแล้วกระชากเธอลงเข้าไปในพงหญ้า รถๆ ข้างทาง แล้วตบตี เธอเสียหลักนอนกับพื้นหญ้า แฟนเก่า เธอ ไปหินก้อนหินก้อนใหญ่
    แล้วจับก้อนหินนั้น เพื่อจะทุบหัวเธอแต่ ช่วงที่แฟนเก่าจะ ง้างมือขึ้น ก็ต้องตกใจ เนื่องจาก เห็นผู้หญิง ชุดขาว ปรากฏ กาย ยืนอยู่หลังหัวเธอ (เธอบอกเธอไม่เห็น)
    จ้องหน้า แฟนเก่า แฟนเก่าเธอ
    ร้องตกใจด้วยความกลัว แล้วไม่ทำร้ายเธอ แต่บอกให้เธอ รีบขึ้นรถไปจากที่นี่เร็ว ๆ ...เธอเลยรอดมาได้ แล้วแฟนเก่าเธอบอกเมื่อกี้เจอผู้หญิง ชุดขาว
    หลังจากวันนั้นเธอกับแฟนเก่าก็เลิกกัน **

    หลวงพ่อ : "โยม มีเจ้ากรรมคอยตามอยู่ 1 คน เป็นผู้ชาย แต่ เขาไม่ให้อาตมา บอกว่าเขาคือใคร เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะบอก โยมเอง แล้วโยม ต้อง
    ทำตามสัญญาที่เขาขอ..
    เธอ :เธอก็ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ว่าเขา เจ้ากรรม ที่ตาม คือใคร

    --- ก็หลายอาทิตย์นะครับ ที่เธอได้แวะ ไปวัดนี้ ทุกวันพระ การไปครั้งหลัง ๆ นี้ หลวงพ่อ ท่านถึงได้ บอกอะไรเพิ่มเติม เกี่ยวกับเธอ ใน อดีต ชาติ ---

    ประมาณปลายเดือนเมษายน การที่เธอได้ไป เจอ หลวงพ่อครั้งนี้ หลวงพ่อท่านถึงได้บอกครับ

    เธอได้เล่าให้ผมฟังว่า

    หลวงพ่อ : "โยมนะในอดีตชาติ เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ พระราชธิดา ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
    โยมเสียชีวิตพร้อมโยมแม่ "

    เธอเล่าให้ผมฟังว่า : เธอบอกหลวงพ่อไปว่า ทำไมเธอรู้สึกผูกพันธ์ กับเสด็จพ่อ ร.5 มาก (ผมลืมบอกไปว่า ก่อนเธอคบผม เธอเคยไป พระราชวังบางปะอิน ไปแล้ว
    รู้สึกไม่อยากกลับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันตอนนั้น) เธอบอกผมว่า เธอบอกหลวงพ่อ ว่าเธอ เคยไปพระที่นั่งบางปะอิน ไม่รู้สึกอยากกลับ และได้เคยไปพระที่นั่งวิมานเมฆ
    ก็ไม่อยากอยู่ ร้องไห้ ตอนที่เธอเป็นเด็กนักเรียน แล้วก็ฝัน ถึง เสด็จพ่อ ร.5 บ่อยมาก แล้วเธอก็บอกว่าเด็กหัวจุกหัวแกะ ที่เจอเต็มไปหมดในห้องนอนคืออะไร

    หลวงพ่อ : บอกว่า "ก็เพราะโยมคือ "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์" พระราชธิดา ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
    เด็ก ๆ หัวจุก หัวแกะ เขามาทักทายโยม เพราะโยม กับไปในวังมา "

    ถึงตอนนี้ เธอบอกผมว่า หลวงพ่อ ที่คุยกับเธอ ร้องไห้ ผมถามเธอว่า ยังไง ร้องไห้ทำไม
    เธอเล่าต่อว่า หลวงพ่อที่ นั่งอยู่ข้างหน้าเธอ นั้นคือเสด็จพ่อ ร.5 ในอดีตชาติ พ่อของเธอเอง


    ** คือ ผมฟังถึงตรงนี้ผมถึงกับอึ้ง แล้วให้เธอเล่าต่อ เธอบอกผมว่าพี่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ได้นะ แต่เธอเล่าความจริง ผมเลยให้เธอเล่าต่อ **


    เธอบอกว่า หลวงพ่อร้องไห้ แล้วบอกให้เธอหลับตา ตั้งจิต แล้วลืมตา เธอบอกผมว่าเธอลืมตา จ้องหน้าหลวงพ่อ แล้วสิ่งที่เธอเห็น เธอบอกผมว่าเธอเห็น สัญลักษณ์ ร5
    ที่หน้าผาก หลวงพ่อ เป็นแสงสว่าง ผมถามเธอว่าเป็นอย่างไร ผมไม่รู้จัก เธอบอกว่าเป็นตราสัญลักษณ์ ของ ร.5 แล้วเธอก็บอกว่าเธอจ้องไปที่หน้าหลวงพ่อ
    ตาของหลวงพ่อ คราวนี้ไม่ใช่หลวงพ่อแล้ว แต่เป็นตาของเสด็จพ่อ ร.5 ถึงตรงนี้ผมก็ ขนลุกเหมือนกัน
    แล้วหลวงพ่อท่าน ก็พูดแทนนาม ว่าพ่อ แล้วเรียกเธอว่าลูก
    หลวงพ่อ : บอกว่า พ่อรู้ว่า ลูก เกิดมาชาตินี้ต้องมาใช้กรรม ลูกเกิดมาไม่เหมือนคนอื่น มีรูปเป็นทรัพย์ เพราะชาติก่อนที่จะเกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ ลูกเป็นลูกหลาน
    พญานาค มาก่อน (เธอคนนี้เป็นคนหน้าตาดี และเป็นคนมีเสน่ห์ครับ ผู้ชายเห็นก็หลงรักทุกคน)
    เธอถามว่า : แล้วทำไมถึงหน้าตาเป็นทรัพย์ เธอถามหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่า พญานาค สวยไหม.. นั่นแหละคือคำตอบ..
    เธอบอกว่าช่วงที่คุยกับหลวงพ่อ บางครั้ง หลวงพ่อ ก็เรียกแทนตัวเองว่าพ่อ(หมายถึง เสด็จพ่อ ร.5 ครับ) แล้วเรียกเธอว่าลูก
    ถึงตอนนี้ เธอบอกผมว่าหลวงพ่อน้ำตาไหลออกมา แล้วบอกว่า พ่อช่วยลูกไม่ได้ในอดีตชาติ ชาตินี้หลวงพ่อก็รับรู้ทั้งหมด ที่เธอต้องมีกรรม อะไรบ้าง แต่กรรมทั้งหมด
    จะหมดในปีนี้ ปีหน้าถึงจะดีขึ้น แล้วชาตินี้ ลูกเกิดมาเพื่อใช้กรรม จากกรรมหลาย ๆ ชาติ มาประดังกันชาตินี้ แล้วชาตินี้คือชาติสุดท้ายที่ลูกจะเกิด
    ผมฟังถึงตอนนี้ ก็ ยังถามไปว่าจริงเหรอ หลวงพ่อรู้ขนาดนั้นเลย เหรอ ว่านี่คือชาติสุดท้ายของเธอ เธอบอกว่า พ่อเธอ(คือหลวงพ่อ หรือ เสด็จพ่อ ร.5) บอกอย่างนั้น

    เธอถามว่าชาตินี้ทำไมถึงมีกรรมขนาดนี้ เธอเคยทำอะไรใครไว้ในอดีตชาติ หลวงพ่อบอกว่า ลูก เคยเกิดเป็นผู้ชาย แล้วไปทำไม่ดีกับผู้หญิงไว้เยอะมาก ชาตินี้ลูกจึง
    เกิดมาเป็น ผู้หญิง แล้วต้องใช้กรรม ถูกผู้ชาย เอาเปรียบ รังแก ทำร้าย
    และกรรม นั้น รวมจากหลาย ๆ ชาติ มารวมตัวกันในชาตินี้

    ผมลำดับอดีตชาติของน้องคนนี้นะครับ ตามที่ หลวงพ่อบอก (หลวงพ่อก็คือเสด็จพ่อ ร.5) ของเธอครับ
    เคยเป็น ลูก พญานาค มา หนึ่งชาติ
    เคยเป็น ลูก กษัตริย์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ เธอ เป็น พระราชธิดา ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
    เคยเป็น ผู้ชาย (ชาตินี้ทำร้ายผู้หญิงไว้มาก อยากได้ใครต้องได้) เธอบอกหลวงพ่อบอกเธออย่างนั้น
    ชาติปัจจุบัน เป็นผู้หญิง และเธอบอกผมว่า หลวงพ่อ(พ่อเธอ เสด็จพ่อ ร.5) บอกว่า ชาตินี่เป็นชาติสุดท้ายแล้วที่ต้องใช้กรรม จากหลาย ๆ ชาติ ที่สะสมรวมกัน

    เธอบอกกับผมเพิ่มเติมว่า วัดนี้ที่เธอไป เธอได้เจอ พี่ผู้หญิงที่วัดนี้(เธอบอกชื่อพี่เขาว่าชื่อ..แต่ผมไม่เปิดเผยชื่อนะครับ) พี่ผูหญิงคนนี้เคยเป็นม้า ที่เสด็จพ่อ ร.5
    นั่งบนหลังม้าตัวนั้น ที่เราเห็นกันที่ลานพระรูปอะครับ ชาติปัจจุบันนี้ ในชาตินี้เกิดมาเป็นคน และเป็นน้องสาวของหลวงพ่อครับ
    ผมฟังถึงกับอึ้ง...แล้วให้เธอเล่าต่อ
    เธอบอกว่า ตอนนี้เธอเจอแม่แล้ว ผมถามต่อ..ว่าแม่ไหนยังไงไม่เข้าใจ .. เธอบอกว่า แม่สุนันทา ผมถึงกับขนลุก แล้วบอกเฮ้ย..จริง อะ
    เธอบอกว่า จริง เธอไม่โกหกผม แล้วบอกว่า พี่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้นะ แต่เธอเล่าความจริง ผมเลยบอกผมอะเชื่อ แล้วก็ให้เธอเล่าต่อ ..
    เธอบอกว่า แม่สุนันทา ก็เป็นผู้หญิง

    ถึงตอนนี้ผมแย้งเธอว่า อะไรจะไปบังเอิญเจอกันที่วัดนี้ .. เธอบอกผมว่า เขาตามหากันมาหลายชาติแล้ว แล้วเขาเจอกันตั้งนานแล้ว ยกเว้นเธอ
    เพราะ หลวงพ่อบอกเธอว่า ลูกนะตามหาพ่อมาในชาติที่แล้ว แต่ คาดกัน ไม่เจอกัน มาชาตินี้มีสิ่งดลใจให้ลูกมาวัดนี้ แล้วได้เจอกันแล้ว ลูกจึงหมดกรรม
    ในชาตินี้แล้ว และชาตินี้คือชาติสุดท้ายที่จะได้เกิด เพราะลูกเจอพ่อแล้ว เธอก็บอกว่าหลวงพ่อ(พ่อเธอ เสด็จพ่อ ร .5) พูดกับเธอแบบนี้
    ลูกเกิดมาชาตินี้ ลูกไม่เหมือนคนธรรมดา

    เธอบอกผมว่า แม่จะมาทุกวันพระ มาทำบุญกับหลวงพ่อ แล้ววันที่เธอเจอแม่ ที่ในอดีตชาติคือ(สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ) แม่(ในอดีตชาติร้องไห้
    กับเธอ แล้วบอกว่า ชาติที่นั้น แม่ช่วยลูกแล้ว เสียชีวิตพร้อมกัน ถึงตอนนี้ผมถามเธอว่า ผมเจอในเน็ตบอกอุบัติเหตุนิ แต่เธอบอกผมว่าเธอถามแม่เธอ
    แม่บอกว่า ถูกแกล้ง ไม่ใช่อุบัติเหตุ

    ถึงตอนนี้ผมถามว่า แล้วแม่ในชาตินี้ ตอนนี้เขาอายุเท่าไร มีครอบครัวไหม เธอบอกว่า ก็น่าจะ 50 กว่า ก็มีครอบครัว และบ้านก็อยู่แถวนั้น
    เธอเล่าให้ผมฟังต่อว่า.. พี่ผู้หญิง (ที่ชาติที่แล้วเป็นม้า) บอกเธอว่า มักมีหลายคน ที่มาที่วัดนี้ แล้วมักคิดว่าตัวเองผูกพันธ์ กับ เสด็จพ่อ ร.5 แล้วคิดว่าน่า
    จะเป็นลูก หลาน แต่หลายคน ไม่ใช่ พี่ผู้หญิง(ที่ชาติที่แล้วเป็นม้า)คนนี้บอกกับเธอ .. แต่สำหรับเธอ นั้น เธอบอกว่าเธอไม่เคยคิดว่าจะเป็นลูกท่านเลย
    คิดว่าคงแค่ผูกพันธ์เท่านั้น ...แต่เธอกับเป็นลูกท่าน คือวันนั้นที่เธอไปที่กุฏิ ก็ได้เจอทั้ง หลวงพ่อ(ร.5) แม่(สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ) เจอม้า(ที่ชาตินี้
    เป็นผู้หญิง และเป็นน้องสาวหลวงพ่อ)
    ถึงตอนนี้ผมถามเธอว่า แล้วพี่เราเคยไปไหว้ พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 กันนะ ท่านรับรู้ไหม เธอบอกว่าท่านรับรู้ทุกเรื่อง
    แล้วผมถามว่า แล้ว แม่ละ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ผมเห็นในเนท เขาบอกมีหลายที่เลยอนุสรณ์ท่านนะ ที่ไหนที่ควรไปที่สุด เธอบอกผมว่า ต้องที่วัดกู้

    เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดมันเกี่ยวสัมพันธ์กันครับ คือ ก่อนหน้าที่เธอจะมาเจอหลวงพ่อวัดนี้ เธอมักเล่าให้ผมฟังว่า เธอมักฝันถึง ร.5 ฝันบ่อย และมีบางครั้งก็จะฝันถึง
    พญานาค ครับ แล้วผมก็จะบอกว่าเรื่องบังเอิญอีกเหมือนกัน ท้ายซอยบ้านผมเป็นวัดครับ และก็ติดแม่น้ำ แล้ววัดนี้มีศาลพญานาคราช คือเมื่อปีที่แล้วผมพาเธอไป
    เดินเล่น ดูเรือวิ่งริมแม่น้ำ ก็เจอศาลพญานาคราช แล้วเธอก็เข้าไปกราบไหว้ ขอบารมีท่านให้ช่วยบางสิ่งบางอย่าง(ไม่ขอบอกนะครับ ว่าเรื่องอะไร) ก็สมหวัง
    คือ ณ ตอนนั้น ประมาณกลางปี 53 นะ คือเธอยังไม่รู้หลอกว่าอดีตชาติ เธอคือใคร อันนี้เล่าให้ฟังเฉย ๆ ว่า มันผูกพันธ์ มีที่มาที่ไป อะครับ
    *********************************************
    เมื่อวันอาทิตย์ 15 ที่ผ่านมา เธอแวะมาที่บ้านผม ผมก็ให้เธอเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง ถึงเรื่องที่เธอไปหาหลวงพ่อมาอะครับ เพราะผมฟังแล้วขนลุก เธอก็เล่าให้ฟังอย่างละเอียด
    พอเล่าเสร็จเธอบอกว่า ให้พาเข้าไปไหว้ศาลพญานาคหน่อย ที่อยู่ท้ายซอย อยู่หลังวัด ตอนนั้น เที่ยงคืนแล้ว ผมบอกว่า ตอนนี้เนี่ยอะนะ.. เธอบอกว่าทำไม กลัวเหรอ
    ผมว่าว่าไม่ใช่เรื่องกลัว แต่มันดึกแล้ว หมาจะเห่าเสียงดัง เธอเลยบอกไม่เป็นไร ไว้วันหลังก็ได้ แต่เธอก็บอกผมว่าตอนเธอมายืนรอผมหน้าบ้าน หมามันหอนเธอ
    พี่ได้ยินเสียงหมาหอนไหม ผมบอกว่าได้ยินดิ หมามันเห่าคนแปลกหน้ามั้ง เธอบอกมันหอน มันไม่ได้เห่า คือเธอกำลังบอกผมว่า มีบางอย่างที่เธอจะต้องไปท้ายวัด
    ไปไหว้ศาลพญานาคราช อะครับ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปนะครับ
    ผมก็เลิก เปิด คอม แล้ว เปิด เน็ต ให้เธอดู เกริ่นก่อนนะครับ เธอ ไม่มีคอม ที่บ้าน ใช้คอมไม่เป็น และไม่มีความรู้เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ มาก่อน
    และช่วงที่คบกัน เธอก็ไม่เคยพูดถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เลย มีแต่พูดถึงแต่ เสด็จพ่อ ร.5 และในความฝัน เวลาเธอฝันร้าย เธอบอกมักมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    มาช่วยในความฝันทุกครั้ง
    ผมได้ทำการเปิดหาข้อมูลของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (พระนางเรือล่ม) ให้ดู เธอสนใจมาก แล้วจ้องรูป สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ รวมถึงเด็ก
    ที่เธอบอกเธอคือ เด็กคนนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ เธอบอกผมว่าพอได้เห็นรูปภาพแล้ว เธอบอกว่า ผู้หญิงที่เจอที่วัด คนที่เธอบอกเป็นแม่
    ในอดีตชาติ(สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์) เธอบอกเหมือนมาก โครงหน้าเหมือน ทรงผมก็ใช่
    เธอบอกว่าไม่ได้เรือล่มเพราะอุบัติเหตุ แต่แม่เธอบอกว่า ถูกแกล้ง ถูกพวกอิจฉาแกล้งอะครับ
    แล้วที่ทำให้ผมอึ้ง สุด ๆ ก็ ตรงที่ พอเธอได้อ่านประวัติ คร่าว ๆ เธอบอกผมว่า "พี่อ่านบรรทัด นี้สิ"

    อันนี้คัดลอกมาให้อ่านนะครับ

    "ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2421 พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ประสูติพระราชธิดาพระองค์แรกของพระองค์
    โดยเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 21 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้มี
    พระตำหนิเด่นชัด คือ มีติ่งที่พระกรรณข้างขวามาแต่แรกประสูติ จึงพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้า
    ฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนียลักษณ์ อัครวรราชกุมารี "

    เธอบอกว่า เธอก็มีติ่งที่หู แล้วเธอก็จับใบหูเธอข้างขวา แล้วเธอบอกว่า
    ตอนเธอเกิดมา ในชาตินี้ เธอก็มีติ่งที่ใบหูมาแต่เกิด เธอบอกว่ามันใหญ่ คล้าย ๆ ฝี ต้องผ่าตัดถึง 3 ครั้ง ผมก็มองดูที่ใบหูเธอ ด้านบน ก็ ถึงกับสะดุ้ง ว่า มันเป็นอย่าง
    นั้นจริง ๆ มันเป็นลอยผ่าตัดนะครับ
    ถึงตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าที่เธอเล่ามาเป็นเรื่องจริง นึกในใจว่าเฮ้ย นี่เรารู้จักกับ เธอ ที่เคยเกิดเป็นลูก กษัตริย์ จริง ๆ เหรอนี่

    แล้วก็เป็น พระราชธิดาพระองค์ที่ 21 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    และก็บังเอิญอีก เธอเกิด วันที่ 21 ผมไม่บอกเดือนนะครับ (อันนี้อาจจะบังเอิญกันได้ครับ)
    ทุกครั้งที่เปิดภาพ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เธอจ้องมองด้วยความสนใจ แล้ว ก็ บอกดูแล้วมึนหัว แล้วบอกว่า เธอจะไปกราบแม่ ที่วัดกู้
    พอเปิดข้อมูล พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ที่ศาลวัดกู้ เธอจ้องรูปภาพ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ก็ในนั้นมีหลายภาพนะครับ แต่เธอชี้นิ้วไปที่ภาพ ภาพหนึ่ง
    ในนั้น แล้วบอกว่า รูปภาพ ภาพนั้น ตรงกลางมีพลังที่สุด (เอาไว้ผมจะนำ้ภาพนั้นมาลง)

    เธอก็ให้ผมหา รูปเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ แต่ก็ไม่มีรายละเอียดอะไรมากครับ
    นอกจากรูปภาพ ที่ เธอ ถูกอุ้มที่ถ่าย พร้อม สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ครับ

    ...... ออกตัวก่อนว่า หลายท่านที่อ่านจะเชื่อตามผมหรือไม่ก็ได้นะครับ .....
    แต่ผม พอทราบเรื่องนี้ ทำให้ผม ได้ ค้นหาประวัติ ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา ในเน็ต ทันทีครับ
    ทั้งๆ ที่่ไม่เคยสนใจประวัติของท่าน และไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ ....


    ยังไม่หมดครับ เดี๋ยวผมมาพิมพ์ต่อ ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2011
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    รออ่านนะ.........

    แต่อ่านแล้วมีข้อขัดแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์อรรควรวราชกุมารี นะ....
     
  4. supermanonlinejob

    supermanonlinejob สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    แปลกๆดีเนอะแต่ละตอน ขนลุกจัง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2011
  5. piyaphunj

    piyaphunj สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    ผมพิมพ์เพิ่มเติมแล้วนะครับ


    ---------------------------------------------------------
    ผมยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับ ผมก็ไม่เคยรู้ และเธอ ก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
    จนเธอได้ไปวัด ๆ นี้ครับ
     
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    จ้า ก็ไม่ได้ว่าโกหกนี่...

    แค่รู้สึกประหลาดใจ ในเรื่องพระที่นั่งวิมานเมฆ แค่นั้น......
     
  7. piyaphunj

    piyaphunj สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    เจ้าฟ้าน้อย


    --------
    คือเพิ่มเติมครับ เธอคนนี้ บอกว่า ที่ได้คุยกับหลวงพ่อ และบุคคลที่ เขาเรียกเธอว่า จ้าฟ้าน้อย ครับ วัดนี้อยู่ในจังหวัดนนทบุรี ครับ ชื่อวัดผมไม่กล้าบอกทางนี้ครับ

    วันนี้ผมนั่งอ่าน มาตั้งแต่หน้าแรก ของเวบนี้ แล้วก็เห็น คุณสร้อยฟ้า บอกว่า
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ เรียกอีกชื่อหนึ่ว่า "เจ้าฟ้าน้อย" ผมอ่านแล้วใช่เลยครับ เธอบอกผมว่า เขาเรียกเธอว่า เจ้าฟ้าน้อย ครับ จึงมาพิมพ์ บอกเลยครับ

    อยากบอกทางเมล์กับคุณสร้อยฟ้ามาลา ครับ
     
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    เอ เคยบอกอย่างนั้นเหรอ จำไม่ได้อ่ะจ่ะ

    ที่จำได้ จำได้ว่า เจ้าฟ้าน้อย คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี หรือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ส่วนเจ้าฟ้าอีกพระองค์ ที่ชาววังในสมัยรัชกาลที่ ๕ เรียกกันก็คือ สมเด็จหญิงน้อย หรือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงนิภานพดล กรมขุนอู่ทองเขตรขัตติยนารี ในพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา จ่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2011
  9. piyaphunj

    piyaphunj สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กรรมเหนือกรรม [​IMG]
    สวัสดีค่ะ ได้แวะเข้ามาอ่านกระูทู้นี้ได้สัก 2-3 หน้า

    แต่อดใจรอจนอ่านจบครบทุกหน้าไม่ไหว จึงมีอันต้องขออนุญาตถามคำถามสักหน่อย

    ไม่เจาะจงว่าใครเป็นผู้ตอบนะคะ อยากทราบข้อมูลจริงๆ

    คืออยากทราบนามของกุมารา และกุมารีของพระนางเรือล่มค่ะ

    ทั้งที่เกิดแล้ว และพระนามที่ตั้งให้เจ้าฟ้าที่อยู่ในพระครรภ์ด้วย

    แล้วเคยได้ยินนาม "เจ้าฟ้าน้อย" กันบ้างหรือเปล่าคะ ว่าน่าจะหมายถึงพระองค์ใด

    รบกวนด้วยค่ะ


    ------------------------------------------------------------------------
    พระนาม คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี

    ส่วน สมเด็จเจ้าฟ้าชายในพระครรภ์ ตามประวัติศาสตร์ยังไม่ได้ตั้งพระนาม เพราะตามธรรมเนียมราชประเพณี จะต้องประสูติก่อนโดยจะนำดวงพระชะตามาประกอบการตั้งพระนาม และเมื่อสมโภชน์เดือนถึงมีพระบรมราชโองการประกาศพระนามโดยมีจารึกในพระ สุพรรณบัฏ

    เจ้าฟ้าน้อย ไม่ทราบเจ้าค่ะ ทราบแต่ สมเด็จหญิงน้อย ทรงมีพระอิศริยยศ เจ้าฟ้าชั้นสมเด็จคือชั้นรอง ไม่ใช้เจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อมคือชั้นเอก..... แต่เมื่ออ่านตามคำ เจ้าฟ้าน้อย ตามนัยแห่งความหมาย ก็อาจเป็นพระองค์เดียวกันก็ได้ แต่ในราชสำนัก เรียกพระนามว่า สมเด็จหญิงน้อย โดยมากไม่มีการเรียก ขานพระนามว่า เจ้าฟ้าน้อย หรือจะเรียกพระนามว่า ทูลกระหม่อม ก็เรียกว่าทูลกระหม่อมเลย จะไม่ใช้คำว่า เจ้าฟ้านำหน้า

    สมเด็จหญิงน้อย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงนิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี...


    แต่ ถ้านับย้อนไปแผ่นดินรัชกาลที่ ๔ หรือรัชกาลที่ ๓ เจ้าฟ้าน้อย คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี หรือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว...

    ------------------------------
    พอดีไปอ่านในหน้าเก่า ๆ ครับ ที่ คุณกรรมเหนือกรรม ถามคุณสร้อยฟ้ามาลา ครับ ที่คุณกรรมเหนือกรรมได้ ถามว่า เคยได้ยิน
    "เจ้าฟ้าน้อย" กันบ้างหรือเปล่าคะ ว่าน่าจะหมายถึงพระองค์ใด เธอได้บอกผมว่าบุคคลที่เธอเจอที่วัดนั้น
    เรียกเธอว่า "เจ้าฟ้าน้อย" ครับ


     
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กรรมเหนือกรรม [​IMG]
    สวัสดีค่ะ ได้แวะเข้ามาอ่านกระูทู้นี้ได้สัก 2-3 หน้า

    แต่อดใจรอจนอ่านจบครบทุกหน้าไม่ไหว จึงมีอันต้องขออนุญาตถามคำถามสักหน่อย

    ไม่เจาะจงว่าใครเป็นผู้ตอบนะคะ อยากทราบข้อมูลจริงๆ

    คืออยากทราบนามของกุมารา และกุมารีของพระนางเรือล่มค่ะ

    ทั้งที่เกิดแล้ว และพระนามที่ตั้งให้เจ้าฟ้าที่อยู่ในพระครรภ์ด้วย

    แล้วเคยได้ยินนาม "เจ้าฟ้าน้อย" กันบ้างหรือเปล่าคะ ว่าน่าจะหมายถึงพระองค์ใด

    รบกวนด้วยค่ะ


    ------------------------------------------------------------------------

    เดี๋ยวจะแบ่งโจทย์คำถามของคุณกรรมเหนือกรรมให้ฟังก่อนนะ....

    ข้อแรกคุณกรรมเหนือกรรม ถามว่า

    คืออยากทราบนามของกุมารา และกุมารีของพระนางเรือล่มค่ะ

    ทั้งที่เกิดแล้ว และพระนามที่ตั้งให้เจ้าฟ้าที่อยู่ในพระครรภ์ด้วย


    ส่วนสร้อยฟ้า ตอบว่า
    พระนาม คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี

    ส่วน สมเด็จเจ้าฟ้าชายในพระครรภ์ ตามประวัติศาสตร์ยังไม่ได้ตั้งพระนาม เพราะตามธรรมเนียมราชประเพณี จะต้องประสูติก่อนโดยจะนำดวงพระชะตามาประกอบการตั้งพระนาม และเมื่อสมโภชน์เดือนถึงมีพระบรมราชโองการประกาศพระนามโดยมีจารึกในพระ สุพรรณบัฏ


    ข้อที่สอง คุณกรรมเหนือกรรม ถามว่า
    แล้วเคยได้ยินนาม "เจ้าฟ้าน้อย" กันบ้างหรือเปล่าคะ ว่าน่าจะหมายถึงพระองค์ใด

    ส่วนสร้อยฟ้า ตอบว่า
    เจ้าฟ้าน้อย ไม่ทราบเจ้าค่ะ ทราบแต่ สมเด็จหญิงน้อย ทรงมีพระอิศริยยศ เจ้าฟ้าชั้นสมเด็จคือชั้นรอง ไม่ใช้เจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อมคือชั้นเอก..... แต่เมื่ออ่านตามคำ เจ้าฟ้าน้อย ตามนัยแห่งความหมาย ก็อาจเป็นพระองค์เดียวกันก็ได้ แต่ในราชสำนัก เรียกพระนามว่า สมเด็จหญิงน้อย โดยมากไม่มีการเรียก ขานพระนามว่า เจ้าฟ้าน้อย หรือจะเรียกพระนามว่า ทูลกระหม่อม ก็เรียกว่าทูลกระหม่อมเลย จะไม่ใช้คำว่า เจ้าฟ้านำหน้า

    สมเด็จหญิงน้อย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงนิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี...



    แต่ ถ้านับย้อนไปแผ่นดินรัชกาลที่ ๔ หรือรัชกาลที่ ๓ เจ้าฟ้าน้อย คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี หรือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว...


    แต่ในเรื่องของสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี นั้น พระองค์ทรงประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีซึ่งมีพระอิสริยศักดิ์ในฐานะลูกหลวงของรัชกาลก่อน ฉะนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอที่ประสูตินั้น จะใช้คำว่า เจ้าฟ้า เฉยๆ คงไม่ต้องกับพระราชประเพณีเท่าใดนัก ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องนั้นจะต้องใช้ว่า "ทูลกระหม่อม" จ่ะ แล้วสิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ ทูลกระหม่อมบน ได้ทรงพระกรุณาอบรมสั่งสอนพระราชโอรสพระราชธิดาของพระองค์ ทุกพระองค์ว่า อิสริยยศ อิสริยศักดิ์ของเจ้านายทุกพระองค์ต้องจดต้องจำให้ได้ เจ้านายพระองค์ไหนพระนามว่าอะไร ฐานันดรศักดิ์อะไร ต้องอย่าให้ผิด เรื่องนี้จึงผิดไม่ได้....

    ......................................
     
  11. พรรณนา

    พรรณนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +1,178
    ขอบคุณ คุณ pookbkk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4719693", true); </SCRIPT> ที่นำเรื่องราวมาแบ่งปัน สำหรับบางอย่างพี่สร้อยฟ้าเคยบอกพรรณนาว่า "ปัตจัตตัง" ในความคิดของพรรณนาเองว่าการรับรู้ก็ต่างกัน เพราะขึ้นอยู่การที่เราได้สร้างมา รูปนาม สังขาร ก็ต่างกัน สำหรับจิตไม่ดับสูญ เพราะพระญาณ แต่ละท่าน แต่ละองค์ การสะสมมาไม่เหมือนกัน สิ่งที่ให้บารมีของพระองค์ท่านสูงขึ้นก็คือ การทำบุญ ไหว้พระ รฤกถึงพระองค์ บางญาณยังไม่ข้ามพ้น บางที่ยังถวายพระองค์จำพวก บุหรี ซิกก้า บรั่นดี ของมึนเมา เพราะเนื่องจากความไม่รู้ คิดว่าท่านชอบ หากจะถวายก็จะเป็น น้ำชา น้ำเปล่า เป็นการดี เพราะที่บ้านพรรณนาถวายอยู่เช่นนั้น

    เรื่องอดีตก็คืออดีต ผ่านมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ พระองค์ท่านบอกให้อยู่กับปัจจุบัน อย่าไปลื้อฝื้นเลย มาทางสายองค์สัมมาฯดีที่สุด ที่ท่านเคยบอกอยู่

    หากพรรณนากล่าวสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างไร ขออภัยมา ณ กาลนี้ด้วย
     
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ศรัทธาได้ แต่ต้องถูกทางและอย่าเกินพอดี มีมากไปเดี๋ยวกลายเป็นงมงาย...

    ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร คุณเป็นใคร ใครเป็นใคร ในอดีตไม่มีใครตอบได้อย่างแน่ชัด ตัวของตัวเองนั่นแหล่ะต้องค้นหาเอง ใครบอกอะไรฟังได้แต่อย่าเชื่อทั้งหมด ตนเองต้องรู้ให้แจ้งชัดด้วยตัวของตนเอง แล้วอะไรที่ทำให้มั่นใจ ถ้าใช่จะยังไงต่อ แล้วถ้าไม่ใช่ก็จะยังไงต่อ ถ้าใช่จะยึดถื่อต่อไหม หรือแค่รู้ไว้แล้วก็จบแค่นั้น อดีตรู้ไว้ก็มีดีและไม่มีดี รู้ว่าเคยเป็นใครมียศฐาบรรดาศักดิ์เพียงใด แล้วยังไงมาถึงปัจจุบันนำสิ่งนั้นกลับคืนมาได้ไหม ก็ไม่ได้ รู้มากก็ทรมานกับสิ่งที่กลับคืนมาไม่ได้

    สิ่งที่รู้และจำได้ ต้องพึงระลึกเสมอว่าตนเป็นใคร ต้องอยู่อย่างไม่ให้ใครดูหมิ่นในศักดิ์แห่งวงศ์ อยู๋อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน อย่าไปหมิ่นใคร เกิดมาดีแล้ว มีศักดิ์ในวงศ์ดีแล้วอย่าใช้สิ่งนี้ไปข่มแหงรังแกใคร หากสิ่งใดที่เป็นอย่างเลวแล้วลงไปทำอย่างนั้นก็จงลงไปเป็นอย่างเลว สิ่งที่เขียนนี้เขียนแบบขยายความ ไม่อยากเขียนแบบคำตรงๆ เพราะอาจจะดูหนักไปมาก แต่นี่คือสิ่งที่ถูกสั่งสอน หากยังระลึกอยู่ได้และครองได้ ทิฏฐิมานะ ขัตติยา ก็ยังคงอยู่....
     
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    อันนี้บ่นให้ฟังเฉยๆ อย่าถือเป็นเรื่องซีเรียส อิ อิ.........
     
  14. พรรณนา

    พรรณนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +1,178
    ใช่ครับพี่สร้อยฟ้า ศรัทธาได้อย่างมงาย เห็นดู ที่เรารู้ ก็ยังไม่รู้แน่ แต่ให้ดูกายปัจจุบัน ยศศักดิ์ จากอดีตก็นำกลับมาไม่ได้ ทำบุญ ทำกุศลกันเถอะ สิ่งนี้หละ ที่จะติดตัว ติดกายเราไปภพหน้า นะ
     
  15. พรรณนา

    พรรณนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +1,178
    บ่นๆๆๆๆqsqu เดี๋ยวหน้าไม่ตึงนะ
    ถือว่าพี่สร้อยฟ้ามาชี้แนะดีกว่า นะ,,,,,,,
     
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ก็พูดไปตามเรื่องตามราวอ่ะจ่ะ....

    อย่าจับมาเป็นสาระมากเลย เดี๋ยวมึน....
     
  17. เด็กหัวจุก

    เด็กหัวจุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +1,436
    พระที่นั่งวิมานเมฆ สร้างหลังจากสมเด็จพระนางเจ้าฯสิ้นพระชนม์แล้วหลายปี เหตุเพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงมีพระราชดำริว่า พระบรมหาราชวังคับแคบ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และข้าราชบริพารมีจำนวนมากจึงทรงสร้างพระที่นั่งองค์นี้ขึ้น ส่วนสวนสุนันทาทรงระลึกถึงพระปิยะมเหสี ซึ่งพระนางทรงโปรดธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ จึงทรงสร้างและพระราชทานชื่อสวนว่า สวนสุนันทา

    หากดูปีพ.ศ. จะทราบว่าพระนางเจ้าฯและพระราชธิดามิได้เคยทรงเสด็จแปรพระราชฐานมายังสถานที่แห่งนี้เลย เนื่องจากทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
     
  18. เด็กหัวจุก

    เด็กหัวจุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +1,436
    ปัจจุบันนี้เราก็คือเรา
    ไม่ได้เป็นคนในอดีต
    และไม่ได้เป็นคนในอนาคต
     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    นี่ไง ประเด็ดที่ประหลาดใจ คิ คิ...

    ขอบคุณจ้าที่ตอบให้

    คิดถึงเสมอนะ.....^^
     
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ก็สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๓ (วันนี้วันที่ ๒๑ พฤษภาคม อีกไม่กี่วันก็ครบรอบอีกแล้ว)

    พระที่นั่งวิมานเมฆ สร้างขึ้นแล้วเสร็จเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ก็ประมาณ ๒๑ ปี ฉะนั้น ทั้งสองพระองค์จึงไม่เคยเสด็จมา ณ พระราชวังดุสิต ซึ่งพระที่นั่งวิมานเมฆได้สถิยต์อยู่ ณ ที่แห่งนี้

    ทั้งสองพระองค์ทรงประทับอยู่แต่ในพระบรมมหาราชวัง...

    ส่วนพระราชวังบางปะอิน เป็นสถานที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงโปรดยิ่ง แต่หากว่า ทูลกระหม่อมหญิง นั้น ทรงประสูติเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๒๑ ฉะนั้น ทูลกระหม่อมหญิงจะเคยเสด็จมาที่พระราชวังบางปะอิน จากวันที่ประสูติก็น่าจะไม่เกิน ๒ ครั้ง หรือแค่อาจจะครั้งเดียวก็เป็นได้ ตามการคาดคะเน ในปี พ.ศ.๒๔๒๒ และการเสด็จแปรพระราชฐาน ในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๓ ซึ่งยังเสด็จไม่ถึงพระราชวังบางปะอิน หากนับพระชนม์ก็ขวบกว่าๆ นั่นคือความทรงจำอะไรที่พระราชวังบางปะอินก็ยังไม่มีเต็มที่...

    ทูลกระหม่อมหญิงจะทรงผูกพันกับพระราชมารดาและพระราชบิดา มากกว่าความผูกพันกับสถานที่...
     

แชร์หน้านี้

Loading...