พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณVibeครับ

    ภาพยนตร์การ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้าผีมือคนไทย (ล้วนๆ) เกือบจะเสร็จแล้วครับ


    <!--MsgIDBody=0-->
    เมื่อปลายปี 48 เมื่อผมตั้งใจที่จะทำรายการธรรมะสำหรับเด็กและเยาวชน ได้ไปประชุมกันที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มีท่านว.วชิรเมธี เป็นประธานการประชุม

    เราคุยกันหลายเรื่อง ท่านว. เสนอให้นำพระบรมราโชวาทของในหลวงมาทำเป็นละคร กึ่งเรียลลิตี้ เพื่อให้เห็นขั้นตอนการทำงานของพวกเขา ผ่านความคิดที่สร้างสรรค์และได้เรียนรู้ พระบรมราโชวาทของในหลวงท่านไปด้วย
    เพราะปีนั้นเรียลลิตี้กำลังมาแรงสุดๆๆ

    หลังจากที่ทุกคนสรุปจบเรื่องที่ตนเองอยากทำกันหมดแล้ว เป็นคราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวัยกลางคน สีหน้าเรียบเฉย รับฟังพวกเราอย่างตั้งใจทุกครั้งที่ผมหรือเพื่อนในกลุ่มคุยกัน เธอก็จะอมยิ้มน้อยๆ ราวกับแม่ที่ชื่นชมในความคิดของลูกๆ

    ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร ไม่รู้ว่าเธอมาทำไม และไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวอะไรกับการทำสื่อ ที่ออกจะเน้นเด็กๆ และวัยรุ่นแบบนี้ เพราะท่าทางเธอดูนิ่ง ...เฉยจนพวกเราไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวข้องด้วย

    ก่อนที่ทุกอย่างจะจบ ด้วยข้อสรุปของพวกเรา ผมหันไปถามเธอว่า เธอมีไอเดียอะไรมาเสนอหรือ

    เธอหยิบแฟ้มงานเล่มใหญ่ ซึ่งหน้าแรกๆ เต็มไปด้วยเอกสารที่เกี่ยวกับบริษัทอะไรซักอย่าง เธอพูดอย่างกระตือรือร้นถึงพ้นงานที่เธอเตรียมมานำเสนอ ให้ที่ประชุมของเราดูกัน

    ผมแทบจะไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่าคงเป็นงานที่ผู้ใหญ่คิดและยัดเยียดให้เด็กดูตามปกติเหมือนที่เคยร่วมงานมา

    แต่เมื่อเธออธิบายพร้อมทั้งเปิดพลิกข้ามหน้าไปที่หน้าที่มีภาพประกอบ

    สายตาทุกคู่ของเราทุกคนที่อยู่ในที่นั้นหยุดมองเป็นตาเดียวกัน เพราะมันเป็นภาพการ์ตูน ที่สวยที่สุดที่ผมเคยเห็นมามันหยุดอยู่ตรงหน้าของผม

    ภาพพระพุทธเจ้า ในฉบับวอลดิสนีย์ (ผมคิด)

    นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็น เธอยังคงเป็นภาพในหน้าถัดๆไปให้ผมดูอย่างกระตือรือร้น แต่เป็นผมเองที่หยุดภาพเหล่านั้นให้ช้าลง เพราะทุกอิริยาบถที่เคยจินตนาการ มันกำลังโลดแล่นอยู่ตรงหน้าอย่างมีชีวิตชีวาและสีสันสะดุดตาสุดๆๆ

    เธออธิบายว่าสิ่งที่เธอทำคือ ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น
    ชื่อเรื่องว่า ประวัติพระพุทธเจ้า หรือ The life of Buddha

    เป็นฝีมือการวาดของคนไทย .....ผมถามย้ำคนไทยจริงหรือ .....นี่มันวอลดิสนีย์ชัดๆ

    เธอบอกว่า นี่แหละ...ที่วอลดิสนีย์ก็ฝีมือคนไทย

    ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะมีสื่อที่ดีที่สุดและสวยที่สุดเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนั้น

    วันนั้นแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ดึกมากๆแล้ว แต่ทั้งผมและท่านว.ต่างใจจดใจจ่อกับการอธิบาย ผลงานและแนวคิดที่เป็นรูปธรรมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดของเธอคนนี้ โดยลืมสิ่งที่เราคุยกันมาอย่างยาวนานไปเสียสิ้น

    เธอแนะนำตัวเองว่า ชื่อ ดร. วัลลภา พิมพ์ทอง

    เราตัดสินใจตามเธอไปดูสำนักงานที่วาดการ์ตูน เป็นตึกแถวคูหาเดียวแถวถ.วงศ์สว่าง เลยบิ๊กซีวงศ์สว่างไปหน่อย

    หลังจากดูทุกอย่างเรียบร้อย เราค่อยมีเวลาสงบใจนั่งคุยกัน จึงได้ทราบปํญหาจากเธอว่า หนังเรื่องนี้ สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาที่เธอมีต่อพุทธศาสนาและพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเธอไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่อินเดีย

    ประกอบกับเธอทำสื่อเพื่อการศึกษาของเด็กอยู่แล้ว และตอนนั้นมีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่งมาว่าจ้างเธอให้อบรมการเขียนแอนนิเมชั่นให้กับคนจำนวนหนึ่ง ประมาณ 120 คน โดยเซ็นสัญญาว่าจ้างกัน ต่อมาภายหลังคนที่จบไปไม่ครบ หน่วยงานดังกล่าวจึงถือโอกาสเบี้ยวค่าจ้างที่เซ็นสัญญากับเธอไว้ โดยที่เธอได้เริ่มและตั้งใจที่จะทำหนังแอนนิเมชั่นเรื่องนี้ เพื่อรองรับคนที่จะจบมา เพราะเชื่อว่า ด้วยงบที่หน่วยงานของรัฐดังกล่าวสนับสนุน คงพอที่จะทำให้เสร็จ แต่เมื่อเกิดการเบี้ยวสัญญาขึ้น ทำให้เธอต้องรับผิดชอบภาระทั้งการผลิตหนังและคนที่จบออกมา

    เพราะเธอเสียดายทั้งความทุ่มเทและโอกาสที่เราจะได้มีหนังการ์ตูนไทยดีๆแบบนี้

    จึงตัดสินใจ รวมทีมที่สอน คือคนที่เคยวาดให้กับทางวอลดิสนีย์และทีมที่เรียน จำนวนหนึ่ง ....วาดต่อ
    และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตัวเธอเอง พร้อมกับดำเนินการฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐ

    เวลาผ่านไป งบประมาณจากที่ตั้งไว้ 50 ล้านเริ่มบานปลายออกไป แพงสุดคือ ค่าแรงการวาด เพราะต้องละเอียดมากถึง 24 ภาพต่อวินาที

    เธอเริ่มเอาที่ดินมาจำนอง จำเป็นต้องขายบ้าน เริ่มกู้หนี้ ยืมสิน พี่น้อง เครือญาติ

    ตอนแรกผมไม่คิดว่าเธอจะเดือดร้อนอะไรมากมายและคิดว่าเราจะช่วยอะไรไม่ได้มาก

    คิดแต่ว่าจะช่วยกันทำให้หนังนี้ออกไปสู่สายตาคนดูมากที่สุด เราจึงตั้งกลุ่มกันขึ้นมาชื่อว่า ธรรมะการ์ตูน 80 พรรษามหาราช เป็นชื่อที่ท่านว.ตั้งขึ้น

    เพื่อขับเคลื่อนให้หนังเรื่องนี้ ไม่ต้องออกมาในรูปของธุรกิจ

    ดร.วัลลภา ซึ่งต่อมาผมเรียกท่านว่า อาจารย์วัลลภา เห็นด้วย
    เพราะเจตนารมณ์ของเธอ คือต้องการให้เรามีสื่อที่ดี ที่ดูได้ชั่วลูกชั่วหลาน เป็นบุญกุศลที่ทำร่วมกัน

    มติกลุ่มเบื้องต้น เรียนเชิญ ท่านอาจารย์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นที่ปรึกษา

    ผมดำเนินการกราบเรียนเชิญท่าน ท่านดร.สุเมธ ตอบตกลงหลังจากเห็นโครงการของเรา โดยไม่มีพิธีรีตอง

    เราจัดแถลงข่าวกันที่มูลนิธิชัยพัฒนา โดยความอนุเคราะห์อย่างสูงสุดจากอาจารย์ดร.สุเมธ

    ผมคิดว่ามันจะง่าย

    คิดว่าเมื่อคนรู้ คงมีคนมาช่วยกันสนับสนุน
    ท่านอาจารย์ดร. สุเมธ ให้คำปรึกษาและพยายามผลักเข้าสู่โครงการของมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด เพื่อเป็นโครงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม เพื่อของบประมาณสนับสนุนจากองค์กรแหล่งทุน

    แต่มันไม่ง่ายนัก เพราะภาพลักษณ์ของเรา ยังเป็นบริษัท แม้ว่าเราจะตั้งกลุ่มขึ้นมา แต่ในแง่สังคม คงไม่มีใครสนใจกลุ่มเล็กๆอย่างพวกเรา ...และเพราะมันไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายด้วย

    เราจึงถอนตัวออกมา ไม่อยากรบกวนท่านอาจารย์ดร.สุเมธมาก

    และหาทางออกทางอื่น เงินทองที่อาจารย์วัลลภา หยิบยืมก็เริ่มพร่องไปมาก

    ผ่านไปหนึ่งปี เราช่วยกันทำแทบทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเป็นค่าแรง วิ่งหาทุกวัน ทุกที่ โดยเฉพาะอาจารย์วัลลภา ต้องขายรถเบนซ์ที่ตนขับไป เปลี่ยนมาเป็นรถโตโยต้าโซลูน่ารุ่นเก่าธรรมดาคันหนึ่ง (ที่ขอยืมญาติมาใช้)

    ทุกครั้งที่คุยกันอาจารย์จะต้องเสียงสั่น ด้วยความสิ้นหวังหลังบากหน้าไปขอกู้ ขอยืมเงินทองจากทุกคนที่รู้จัก

    ในที่สุดไม่มีทางเลือกอื่น เห็นน้ำใจและความทุ่มเทจากใจจริงของท่าน จนยากจะบรรยายออกมาได้ ...ผมตัดสินใจช่วยท่านด้วย....บ้าน


    สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง แต่อาจารย์ยังต้องแบกรับภาระหนี้สิน และการทวงหนี้ แบบถึงรากถึงโคน เช้าถามเย็นถาม


    เราไปธนาคารออมสินด้วยกันเพื่อขอให้ช่วยสนับสนุน ดูเหมือนวิสัยทัศน์ในเรื่องการเผยแผ่ธรรมะผ่านการ์ตูนนั้น ช่างจำกัดเสียเหลือเกิน เพราะเมื่อมองในแง่การลงทุนแล้วเขาคิดว่า ผลตอบแทนต่ำ ความเสี่ยงสูง โอกาสได้ทุนคืนยาก

    แต่ถ้ามองในแง่คุณค่าหล่ะครับ เด็กอีกนับไม่ถ้วนที่จะได้แรงบันดาลใจ และเข้าใจว่า ทำไมต้องมีพระพุทธเจ้า พระองค์สอนอะไร ทำไมต้องบวช แล้วอะไรต่ออะไร ในพุทธศาสนาก็พรั่งพรูออกมา ...จากหนังการ์ตูนที่สวยที่สุดเรื่องนี้


    เรารอแล้วรออีก อาจารย์เหนื่อยสุด

    หลังจากนั้นเราได้ออกรายการเจาะใจ มีคนสนใจมากขึ้น
    ทุกคนชื่นชม หลายคนช่วยเหลือ บางคนมาร่วมกันผลักดัน ประชุมคุยกัน ช่วยกันคิด ...แต่ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก

    เรื่องเงินทองเป็นเรื่องที่ใครก็อยากได้ แต่ไม่อยากให้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพ มันยังดูแยกแยะลำบาก เพราะทำงานด้วยบริษัท จะบริจาคก็ไม่ได้ แต่มันเป็นงานศาสนา พวกที่เป็นธุรกิจ ก็ไม่อยากลงทุน เพราะไม่คุ้ม

    ซึ่งสำหรับผม ผมคิดว่า งานนี้มันเป็นงานศาสนาที่จะช่วยเปลี่ยนสังคมนี้ให้ดีขึ้น ให้มีศีลธรรมมากขึ้น
    ทำให้คน...โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ที่จะได้ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าและหลักธรรมะที่ท่านสอน ผ่านสื่อและการ์ตูน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ เหมือนเมื่อตอนเด็กๆที่เราดู ดราก้อนบอล หรืออะไรพวกนี้แล้วเราก็ชอบ อยากทำดี ช่วยคนอื่น ...แต่หนังเรื่องนี้...ยิ่งกว่านั้นเยอะ


    ตอนนี้ ทางออกและทางรอดที่ยังมีหวังคือ พึ่งพลังของคนที่เห็นคุณค่าของงานนี้ ว่ามันจะให้ผลในทางจิตใจ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่กำลังรอดู และรอว่าผู้ใหญ่ในยุคนี้จะได้ให้อะไรกับเขาบ้าง

    หนังเรื่องนี้เป็นหนังของคนไทยทุกคนที่จะได้ภูมิใจ เป็นหนังแห่งธรรมะ ที่จะชนะพวกหนังผีทั้งหลายที่อยู่มากมาย จนคนตายแล้วตายอีกก็ไม่หมดสิ้น

    แต่หนังธรรมะดีๆสักเรื่องน่าจะมีคนสนับสนุนบ้าง

    ล่าสุด ผมเข้าไปกราบขอความช่วยเหลือ จาก อาจารย์ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมต. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ท่านใจดีมากโทรหาธนาคารออมสินให้เลยตั้งแต่วันนั้น และท่านยังรับปากว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แต่ด้วยศักยภาพของหน่วยงานราชการ (โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ซึ่งจะอยู่อีกไม่นาน) การช่วยเหลือคงจะไม่ทันท่วงทีเป็นแน่ เพราะเงินต้องใช้ทุกวัน เพราะเราต้องรีบทันให้วันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของคนไทยทั้งชาติในปีนี้

    หวังว่า ถ้าช่วยกันได้เร็ว หนังเสร็จเร็ว เด็กไทยได้ดูกันเร็ว
    แล้วเขาคิดกันได้เร็ว เกิดศรัทธาได้เร็ว ปัญญาเกิดได้เร็วเท่าไหร่

    ก็เท่ากับเราได้ช่วยให้ประเทศก้าวหน้า ...อีกก้าวหนึ่งเร็วเท่านั้น

    เมื่อวานอ.วัลลภาได้บอกผมว่ามีบริษัทหนึ่งของประเทศเยอรมันติดต่อมาจะขอซื้อหนังเรื่องนี้ โดยต้องการซื้อลิขสิทธิ์ไปเป็นของเขาทั้งหมด โดยยินดีจ่ายเงินร้อยล้านให้เลยทีเดียว แวบแรกผมคิดว่าคงจะดีหนี้สินทุกอย่างจะสูญสิ้น อ.ไม่ต้องแบกรับภาระนี้อีกต่อไป ผมได้บ้านได้เงินคืน แต่เมื่อคิดดูอีกที เราสองคนคงไม่บังอาจขายหนังแอนนิเมชั่นที่ดีที่สุดที่เป็นฝีมือคนไทยล้วนๆเรื่องนี้ไปให้ใครได้ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ของกลุ่มเรา แต่เราตกลงกันแล้วว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นของคนไทยทุกคน

    เงินที่เราได้ลงทุนไป และจะขอกู้มาทำทุนอีกต่อไปนั้นยังไงก็ทำได้เพียงสร้างหนังให้เสร็จขึ้นมาและใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราไม่มีเงินจ้างนักการตลาด นักประชาสัมพันธ์ และเราคงไม่มีเงินไปลงโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสู้กับหนังเรื่องอื่นๆแน่ๆ เพราะตอนนี้เรายังต้องทุ่มเงินเพื่อทำหนังเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ให้ได้เพียงเท่านั้น

    สุดท้ายท่านที่สนใจ ที่อยากจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ช่วยกันผลักดัน ทั้งทุนทรัพย์ ซึ่งยังต้องการอีกจำนวนมาก และการลงแรง ร่วมกันคิด ช่วยกันผลักดัน (ต้องการคนช่วยอีกมากครับ)

    เพราะหนังเรื่องนี้ เป็นหนังของมนุษย์ทุกคนที่สามารถเข้าถึงได้


    กรุณาติดต่อ eee004@hotmail.com หรือ โทร 081-842-8271 แทนคุณ จิตต์อิสระ

    เวบไซต์ www.thelifeofbuddha.net (กำลังต้องการคนพัฒนา) แต่พอจะมีเนื้อหาที่จำเป็นเข้าไปดูได้ครับ อีกอย่างผมกำลังจะ upload ตัวอย่างหนังไว้ในเวบ youtube เอาไว้จะมาแปะลิ้งค์ให้ชมกันครับ <!--MsgFile=0-->

    <!--MsgFrom=0-->จากคุณ : จิตต์อิสระ [​IMG]<!--MsgTime=0--><!--MsgIP=0--> - [ 8 ก.พ. 50 00:44:50 ] [​IMG] [​IMG] <!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT>






    นำมาบอกต่อจาก pantip มีรูปอีกเยอะดูได้ที่กระทู้นี้ครับ
    ใครเชี่ยวชาญด้านไหนเเล้วอยากช่วยให้หนังการ์ตูนเรื่องนี้ไปสู่สายตาคนทั่วโลก ติดต่อไปได้เลยนะ เเละขออนุโมทนากุศลใหญ่นี้ล่วงหน้ากับทุกท่านไว้ด้วยเลยครับ<!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
    :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  2. ปุ

    ปุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +456
    พึ่งขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน.....ผู้อยู่ในกระแสธรรม กระแสบุญโดยแท้...สาธุ ...สาธุ...สาธุ
     
  3. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ผมและคณะพระธาตุแก้วมณีโชติฯ ร่วมทำบุญซื้อ server พระแม่ธรณีและโครงการพระไตรปิฎก-ฐานข้อมูล โดยโอนเงินไปให้
    คุณ นายณัฐพัชร จันทรสูตร
    บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 081 - 2 - 47448 - 7
    ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    สาขา สะพานใหม่ดอนเมือง

    เวลา 15.08น. วันที่9/2/50 เป็นจำนวนเงิน 400 บาทถ้วน
    น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชาฯ พร้อมทั้งโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนานี้ร่วมกับพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระอริยสงฆ์ทั้งหมดและท่านทั้งหลายผู้ที่มีจิตเลือมใสในคุณพระรัตนตรัยฯ

    ขอพระศาสนาเจริญยิ่งๆขึ้นไป โดยมีเว็ปพลังจิต อยู่คู่พระศาสนาตลอดกาล
     
  4. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    318.jpg 319.jpg 324.jpg
    322.jpg
    วัดพระธาตุจอมแจ้ง ต.ทุ่งยาว อ.ปาย แม่ฮองสอน ร่วมถวายทองคำปัจจัยดอกไม้ธูปเทียนร่วมสร้างพระประธานพระบรมธาตุวัดวิหารโบสถ์ที่ดินวัดและขอร่วมทำบุญทุกอย่างกับทางวัดและขอน้อมถวายเป็น พุทธบูชา สังฆบูชา ธรรมบูชา และขอโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนานี้ร่วมกับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ฯขอผลบุญทั้งหลายอันประมาณมิได้นี้ได้โปรดเกื้อกุลทุกท่านอันมีบิดามารดาอาจารย์ผู้พระคุณและทุกๆท่านได้มีความสุขสบายไม่มีทุกข์ปรารถนาสิ่งได้ให้ได้ตามประสงค์และได้มีดวงตาเห็นธรรมได้และปฏิบัติธรรมได้ตามประสงค์ได้เข้าสู่ธรรมอย่างแท้จริงและขอพระฯได้โปรดได้สงเคาะห์ท่านทั้งหลายเหล่านี้ได้เข้าสู่ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  5. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญภาคหนือ น้อมถวายเป็นพุทธบูชาฯคับ

    318.jpg 328.jpg
    วัดพระธาตุศรีวิชัย ห้วยแก้ว ต.แม่อี้ อ.ปาย แม่ฮองสอนร่วมถวายปัจจัยร่วมสร้างพระบรมธาตุร่วมสร้างวัดฯถวายดอกไม้ธูปเทียนกราบไหว้ครุบาศรีวิชัย ขอร่วมทำบุญทุกอย่างกับทางวัดและขอน้อมถวายเป็น พุทธบูชา สังฆบูชา ธรรมบูชา และขอโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนานี้ร่วมกับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ฯขอผลบุญทั้งหลายอันประมาณมิได้นี้ได้โปรดเกื้อกุลทุกท่านอันมีบิดามารดาอาจารย์ผู้พระคุณและทุกๆท่านได้มีความสุขสบายไม่มีทุกข์ปรารถนาสิ่งได้ให้ได้ตามประสงค์และได้มีดวงตาเห็นธรรมได้และปฏิบัติธรรมได้ตามประสงค์ได้เข้าสู่ธรรมอย่างแท้จริงและขอพระฯได้โปรดได้สงเคาะห์ท่านทั้งหลายเหล่านี้ได้เข้าสู่ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  6. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณtoyaครับ(ผู้รู้โปรดให้ความสว่างด้วยเทอญ)

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ toya [​IMG]
    ปัญหา พระเจ้าจักพรรดิและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอาศัยอะไร ในการปฏิบัติภาระหน้าที่ของพระองค์ ?

    พุทธดำรัสตอบ
     
  7. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความโดยคุณสุริยทรงศีลครับ

    พระพุทธเจ้าเคารพธรรม คือเคารพในความเป็นธรรมดาของ กฎแห่งกรรม ซึ่งกฎแห่งกรรม ทำให้ เกิดวัฏสงสารมากมาย

    ธรรม ธรรมดา กฎแห่งกรรม วัฏสงสาร


    สิ่งเหล่านี้พระพุทธองค์ทรงค้นพบและตรัสไว้ดีแล้ว ที่สำคัญที่สุด พระองค์ทรงหลุดพ้นแล้วซึ่งวัฏสงสาร

    พระธรรมมีอยู่แล้วเพราะเป็นธรรมชาติ แต่ก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ถ้าจะถามว่ามีพระธรรมอยู่หรือไม่ ต้องตอบว่าไม่มีเพราะไม่มีใครรู้จัก พระธรรมมีขึ้นเมื่อไร ต้องตอบว่ามีขึ้นเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระรรมนั้นขึ้นในโลก

    หากไม่มีพระพุทธเจ้า พระธรรมใครจะรู้จัก

    แล้วอะไรคือพระธรรม หากไม่ถามพระพุทธเจ้า เว้นท่านแสดงเอง


    ความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หากเป็นธรรมราชา ก็ทรงปกครองโดยธรรม หากใช้อำนาจก็ทรงเป็นผู้ที่ไร้คู่เปรียบได้อย่างสิ้นเชิง หรือ ผู้ที่ทรงอำนาจเด็จขาดที่สุดขณะนั้น ไร้ซึ่งผู้ต่อกร (เท่าที่ทราบ แต่แบบนี้มีแน่ ) ก็ทรงปกครองโดยอำนาจของพระองค์ แต่ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอำนาจของตน

    ผู้ที่ทรงคุณเยี่ยงนี้ต้องมีแน่ หากไม่มีผู้ทรงคุณเยี่ยงนี้จะเคารพใคร เกรงใครในเมื่อไม่มีคนที่มีคุณสมบัติดังกล่าว


    เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงมีขึ้นทีละพระองค์ก็เพราะ พระพุทธเจ้าไม่เป็นสองรองใคร จะมีผู้เสมอเหมือนก็ไม่ได้ ดังนี้ละครับ

    หากใครไม่เห็นด้วยก็ขอขมาครับ

    ( หากข้าพเจ้าคิดผิด ก็ขอขมาพระฯ ทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์
    ขอท่านทั้งหลายโปรด อดโทษให้ข้าพเจ้าด้วยเทอญ)

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: (verygood)
     
  8. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    [​IMG]
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์คุ้มครองท่านและครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นในธรรมตลอดไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญฯ
    ปล.ที่วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี กำลังสร้างพระ,พระบรมธาตุฯทานใดสนใจเชิญร่วมบริจาคได้ที่วัดครับ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  9. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    [​IMG]
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ถ้ำจั๊กต่อ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธหัตถ์ขวา รอยพระบาทคู่ฯ ซึ่งมีมาแต่ครั้งโบราณกาล คู่กับพระหัตถ์ซ้ายที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มีความเข้าใจกันว่าพระหัตถ์ที่ทรงประทานในถ้ำจั๊กต่อนี้ นอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระศาสนาตามปกติแล้ว ยังเป็นที่เฉพาะสำหรับผู้ที่จะบำเพ็ญบารมีต่อให้มาอธิษฐานจิตบำเพ็ญบารมี ณ ที่แห่งด้วย (ถ้ำจักต่อ,ถ้ำจะต่อ)
    ในตอนบวงสรวงถวายดอกไม้ธูปเทียนทองสรงน้ำพระหัตถ์ ถวายเป็นพุทธบูชาฯได้พบรอยพระหัตถ์ใหม่ปรากฏขึ้นบนหินตามที่เห็นในภาพ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2007
  10. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ Rinnn ครับ

    หากรู้สึกว่า ไม่อยากภาวนาเลย อยากนอน ขี้เกียจ ให้พิจารณาเพื่อเพิ่มวิริยะ ดังต่อไปนี้
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อรรถกถา มหาสติปัฏฐานสูตร


    ธรรมเป็นเหตุเกิดวิริยสัมโพชฌงค์

    ธรรม ๑๑ ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อความเกิดแห่งวิริยสัมโพชฌงค์ คือ

    ๑. การพิจารณาเห็นภัยในอบาย

    ๒. การเห็นอานิสงส์ของความเพียร

    ๓. การพิจารณาวิถีทางดำเนิน

    ๔. ความเคารพยำเกรงในบิณฑบาต

    ๕. การพิจารณาความเป็นใหญ่แห่งการ
    รับทรัพย์มรดก

    ๖. การพิจารณาความมีพระศาสดาเป็นใหญ่

    ๗. การพิจารณาความมีชาติเป็นใหญ่

    ๘. การพิจารณาความมีสพหมจารีเป็นใหญ่

    ๙. การงดเว้นบุคคลเกียจคร้าน

    ๑๐. การคบหาบุคคลผู้ปรารภความเพียร

    ๑๑. ความน้อมจิตไปในวิริยสัมโพชฌงค์นั้น.

    ๑. การพิจารณาเห็นภัยในอบาย


    บรรดาธรรม ๑๑ ประการนั้น เมื่อภิกษุผู้เจริญวิริยสัมโพชฌงค์ แม้พิจารณาเห็นภัยในอบายอย่างนี้ว่า

    ใครๆ ไม่อาจยังวิริยสัมโพชฌงค์ให้เกิดได้ ในเวลาที่เสวยทุกข์ใหญ่จำเดิมแต่ถูกลงโทษด้วยเครื่องจองจำ ๕ ประการในนรกก็ดี ในเวลาที่ถูกเขาจับด้วยเครื่องจับมี ข่าย แห และอวนเป็นต้นบ้าง ในเวลาขับต้อนทิ่มแทงด้วยเครื่องประหารมีปะฏักเป็นต้น ให้ลากเกวียนบ้าง ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็ดี ในเวลาที่ทุรนทุรายด้วยความหิวกระหายตั้งหลายพันปีบ้าง พุทธันดรหนึ่งบ้าง ในเปรตวิสัยก็ดี ในเวลาที่ต้องเสวยทุกข์อันเกิดแต่ลมและแดดเป็นต้น ด้วยเรือนร่างที่สูงประมาณ ๖๐ ศอก ๘๐ ศอก เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ในจำพวกกาลกัญชิกอสูรก็ดี

    ดูก่อนนะภิกษุ เวลานี้เท่านั้น เป็นเวลาทำความเพียรของเธอดังนี้

    วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมเกิดขึ้นได้.



    ๒. การเห็นอานิสงส์

    เมื่อเห็นอานิสงส์อย่างนี้ว่า คนเกียจคร้านไม่อาจได้โลกุตตรธรรม ๙ คนที่ปรารภความเพียรเท่านั้นจึงสามารถ นี้เป็นอานิสงส์ของความเพียร ดังนี้
    วิริยสัมโพชฌงค์ก็ย่อมเกิดได้.


    ๓. การพิจารณาวิถีทางดำเนิน

    เมื่อพิจารณาวิถีทางดำเนินอย่างนี้ว่า ควรดำเนินทางที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระมหาสาวกทุกพระองค์ดำเนินไปแล้ว ทางนั้น คนเกียจคร้านไม่อาจเดินไปได้ดังนี้
    วิริยสัมโพชฌงค์ก็ย่อมเกิดได้.

    ๔. การเคารพยำเกรงต่อบิณฑบาต


    เมื่อพิจารณาความเคารพยำเกรงต่อบิณฑบาตอย่างนี้ว่า มนุษย์เหล่าใดบำรุงเธอด้วยปัจจัยมีบิณฑบาตเป็นต้น มนุษย์เหล่านั้นนี้ ก็ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ทาส และคนงานของเธอเลย ทั้งมนุษย์เหล่านั้นก็มิใช่ถวายปัจจัยมีจีวรเป็นต้นอันประณีตแก่เธอ ด้วยคิดว่าจักอาศัยเธอเลี้ยงชีวิต โดยที่แท้ เขาหวังให้อุปการะที่ตนทำแล้วมีผลมาก จึงถวาย

    แม้พระศาสดาก็มิได้ทรงพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า ภิกษุนี้บริโภคปัจจัยเหล่านี้แล้ว จักมีร่างกายแข็งแรงมากอยู่เป็นสุข ดังนี้ แล้วทรงอนุญาตปัจจัยแก่เธอ โดยที่แท้ พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า ภิกษุบริโภคปัจจัยเหล่านี้ บำเพ็ญสมณธรรม จักพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะได้ดังนี้ จึงทรงอนุญาตปัจจัยไว้ เดี๋ยวนี้ เธอเกียจคร้านอยู่ ไม่เคารพยำเกรงบิณฑบาตนั้น


    ขึ้นชื่อว่าการเคารพยำเกรงต่อบิณฑบาต ย่อมมีแก่ผู้ปรารภความเพียรเท่านั้น ดังนี้ วิริยสัมโพชฌงค์ก็เกิดได้
    เหมือนวิริยสัมโพชฌงค์เกิดแก่ท่านพระมหามิตตเถระฉะนั้น.



    เรื่องพระมหามิตตเถระ


    เล่ากันว่า พระเถระอาศัยอยู่ในถ้ำชื่อ กสกะ. และมหาอุบาสิกาผู้หนึ่งในบ้านเป็นที่โคจรของท่าน บำรุงพระเถระเหมือนบุตร.

    วันหนึ่ง นางจะไปป่า จึงสั่งลูกสาวว่า ลูก ข้าวสารเก่าอยู่โน้น น้ำนม เนยใส น้ำอ้อย อยู่โน้น เวลาที่พระเป็นเจ้ามิตตะ พี่ชายของเจ้ามาแล้ว จงปรุงอาหารถวายพร้อมด้วยน้ำนม เนยใส และน้ำอ้อย ด้วยนะลูก.


    ลูกสาวถามว่า ก็แม่จะรับประทานไหมจ๊ะ. มหาอุบาสิกาตอบว่า ก็เมื่อวานนี้ แม่รับประทานอาหารสำหรับค้างคืน (ปาริวาสกภัต) ที่ปรุงกับน้ำส้มแล้วนี้จ๊ะ.

    ลูกสาวถามว่า แม่จักรับประทานกลางวันไหมจ๊ะ. มหาอุบาสิกาสั่งว่า เจ้าจงใส่ผักดองแล้วเอาปลายข้าวสาร ต้มข้าวต้มมีรสเปรี้ยวเก็บไว้ให้เถอะลูก.



    พระเถระครองจีวรแล้วกำลังนำบาตรออก (จากถลก) ได้ยินเสียงนั้นแล้วก็สอนตนเองว่า ได้ยินว่า มหาอุบาสิการับประทานแต่อาหารสำหรับค้างคืนกับน้ำส้ม แม้กลางวันก็จักรับประทานข้าวต้มเปรี้ยวใส่ผักดอง นางบอกอาหารมีข้าวสารเก่าเป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่เธอ ก็มหาอุบาสิกานั้นมิได้หวังที่นาที่สวน อาหาร และผ้า เพราะอาศัยเธอเลย แต่ปรารถนาสมบัติ ๓ ประการ (มนุษย์สมบัติ สวรรคสมบัติ นิพพานสมบัติ) จึงถวาย เธอจักสามารถให้สมบัติเหล่านั้นแก่มหาอุบาสิกานั้นได้หรือไม่เล่า ดังนี้

    ท่านคิดว่า บิณฑบาตนี้แล เธอยังมีราคะโทสะโมหะอยู่ ไม่อาจรับได้ดังนี้แล้ว ก็เก็บบาตรเข้าถลก ปลดดุมจีวร กลับไปถ้ำกสกะเลย เก็บบาตรไว้ใต้เตียง พาดจีวรไว้ที่ราวจีวร นั่งลงอธิษฐานความเพียรว่า เราไม่บรรลุพระอรหัต จักไม่ออกไปจากถ้ำดังนี้. ภิกษุผู้ไม่ประมาทอยู่มาช้านาน เจริญวิปัสสนา ก็บรรลุพระอรหัตก่อนเวลาอาหารเช้า เป็นพระมหาขีณาสพ (สิ้นอาสวะแล้ว) นั่งยิ้มอยู่ เหมือนดอกปทุมที่กำลังแย้มฉะนั้น.


    เทวดาผู้สิงอยู่ที่ต้นไม้ใกล้ประตูถ้ำเปล่งอุทานว่า
    นโม เต ปุริสาชญฺญ นโม เต ปุริสุตฺตม
    ยสฺส เต อาสวา ขีณา ทกฺขิเณยฺโยสิ มาริส

    ท่านบุรุษอาชาไนย ข้าพเจ้าขอนอบน้อมท่าน
    ท่านยอดบุรุษ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมท่าน ข้าพเจ้าขอ
    นอบน้อมท่านผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ท่านผู้นิรทุกข์ ท่าน
    เป็นผู้ควรทักษิณาทาน ดังนี้



    แล้วกล่าวว่า ท่านเจ้าข้า พวกหญิงแก่ถวายอาหารแก่พระอรหันต์ทั้งหลาย เช่นท่านผู้เข้าไปบิณฑบาต จักพ้นจากทุกข์ได้ ดังนี้.

    พระเถระลุกขึ้นเปิดประตูดูเวลา ทราบว่ายังเช้าอยู่ จึงถือบาตรและจีวรเข้าสู่หมู่บ้าน ฝ่ายเด็กหญิงจัดเตรียมอาหารเสร็จแล้ว นั่งคอยดูอยู่ตรงประตู ด้วยนึกว่า ประเดี๋ยวพี่ชายเราคงจักมา ประเดี๋ยวพี่ชายเราคงจักมา.


    เมื่อพระเถระมาถึงประตูเรือนแล้ว เด็กหญิงนั้นก็รับบาตรบรรจุเต็มด้วยอาหารเจือน้ำนม ที่ปรุงด้วยเนยใส และน้ำอ้อยแล้ว วางไว้บนมือ (ของพระเถระ). พระเถระทำอนุโมทนาว่า จงมีสุขเถิด แล้วก็หลีกไป. เด็กหญิงนั้นยืนจ้องดูท่านอยู่แล้ว. ความจริง ในคราวนั้น ผิวพรรณของพระเถระบริสุทธิ์ยิ่งนัก อินทรีย์ผ่องใส หน้าของท่านเปล่งปลั่งยิ่งนัก ประดุจผลตาลสุกหลุดออกจากขั้วฉะนั้น.


    มหาอุบาสิกากลับมาจากป่าถามว่า พี่ชายของเจ้ามาแล้วหรือลูก. เด็กหญิงนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟัง.

    มหาอุบาสิกาก็รู้ได้ว่า วันนี้ บรรพชิตกิจแห่งบุตรของเราถึงที่สุดแล้ว จึงกล่าวว่า ลูก พี่ชายของเจ้ายินดียิ่งนักในพระพุทธศาสนา ไม่กระสัน (อยากสึก) แล้วล่ะดังนี้.

    ๕. การพิจารณาความมีทรัพย์มรดกเป็นใหญ่


    เมื่อพิจารณาความมีทรัพย์มรดกเป็นใหญ่อย่างนี้ว่า ก็ทรัพย์มรดกของพระศาสดามีมากแล คือ อริยทรัพย์ ๗ ประการ ทรัพย์มรดกนั้น ผู้เกียจคร้านไม่อาจรับได้

    เหมือนอย่างว่า มารดาบิดาย่อมตัดบุตรผู้ประพฤติผิด ทำให้เป็นคนภายนอกว่า คนนี้ไม่ใช่ลูกของเรา เมื่อมารดาบิดาล่วงลับไป เขาก็ไม่ได้รับทรัพย์มรดกฉันใด แม้บุคคลผู้เกียจคร้านก็ฉันนั้น ย่อมไม่ได้มรดก คืออริยทรัพย์นี้ ผู้ปรารภความเพียรเท่านั้น ย่อมได้รับดังนี้
    วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมเกิดได้.



    ๖. การพิจารณาความมีพระศาสดาเป็นใหญ่

    เมื่อพิจารณาความมีพระศาสดาเป็นใหญ่อย่างนี้ว่า
    พระศาสดาของเธอเป็นใหญ่ เพราะในเวลาที่พระศาสดาของเธอทรงถือปฏิสนธิ ในพระครรภ์ของพระมารดาก็ดี เวลาเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ก็ดี เวลาตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณก็ดี เวลาประกาศพระธรรมจักร แสดงยมกปาฏิหาริย์ เสด็จลงจากเทวโลก และทรงปลงอายุสังขารก็ดี เวลาเสด็จดับขันธปรินิพพานก็ดี หมื่นโลกธาตุก็หวั่นไหวแล้ว เธอบวชในพระศาสนาของศาสดามีอานุภพมากขนาดนี้แล้ว เป็นคนเกียจคร้าน ควรแล้วหรือ ดังนี้
    วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมเกิดได้.

    ๗. การพิจารณาความมีชาติเป็นใหญ่


    เมื่อพิจารณาความมีชาติเป็นใหญ่ อย่างนี้ว่า

    แม้โดยชาติ บัดนี้ เธอไม่ใช่คนมีชาติต่ำแล้วละ เธอชื่อว่าเกิดแล้วในวงศ์ของพระเจ้าอุกกากราช ที่สืบทอดกันมาโดยมหาสมมตประเพณี ไม่เจือปนกับชนชาติอื่น


    เธอเป็นพระนัดดา(หลาน)ของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช และพระนางเจ้ามหามายาเทวี เป็นพระอนุชา(น้อง)ของท่านพระราหุลพุทธชิโนรส ขึ้นชื่อว่าเธอ เป็นพุทธชินบุตรเห็นปานฉะนี้แล้ว อยู่อย่างคนเกียจคร้าน ไม่สมควรดังนี้
    วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมเกิดได้.


    ๘. การพิจารณาความมีสพรหมจารีเป็นใหญ่

    เมื่อพิจารณาความมีสพรหมจารีเป็นใหญ่อย่างนี้ว่า
    ท่านพระสารีบุตร ท่านพระโมคคัลลานะ และพระสาวกผู้ใหญ่ ๘๐ รูป แทงตลอด (ตรัสรู้) โลกุตตรธรรมด้วยความเพียรกันทั้งนั้น เธอจะดำเนินตามทางของสพรหมจารีเหล่านั้น หรือไม่ดำเนินตามเล่า ดังนี้
    วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมเกิดได้. <!--MsgFile=4-->

    สำหรับ

    ๙. การงดเว้นบุคคลผู้เกียจคร้าน
    ๑๐. การคบหาบุคคลผู้ปรารภความเพียร
    ๑๑. ความน้อมจิตไปในวิริยสัมโพชฌงค์
    นั้น


    เมื่อเว้นบุคคลผู้เกียจคร้าน ผู้สละความเพียรทางกายและทางใจ ซึ่งเป็นเหมือนงูเหลือมกินเต็มท้อง แล้วก็หยุดอยู่กับที่ก็ดี คบหาบุคคลผู้ปรารภความเพียร ผู้อุทิศตนมุ่งปฏิบัติธรรมก็ดี มีจิตโน้มน้อมโอนไป เพื่อให้ความเพียรเกิดขึ้น ในอิริยาบถทั้งหลายมียืนนั่งเป็นต้นก็ดี วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมเกิดได้.

    ภิกษุย่อมรู้ชัดว่า วิริยสัมโพชฌงค์นั้นที่เกิดแล้วด้วยอาการอย่างนี้ ย่อมเจริญบริบูรณ์ด้วยอรหัตตมรรค.

    ทีฆนิกาย มหาวรรค
    ๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒)

    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
     
  11. ซังกุงเอ๋

    ซังกุงเอ๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ขอโมทนาบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบูชา

    ขอโมทนาบุญทุกอย่างของคุณศิษย์โมคคัลลานะถวายเป็นพุทธบูชา ขอบารมีพระได้โปรดปกปักรักษาคุ้มครองให้ท่านสมปรารถนาทุกประการ ข้อความที่คุณนำมาเผยแพร่นั้นล้วนเป็นธรรมอันเป็นประโยชน์ยังให้ผู้อ่านมีความสุขและเกิดปัญญา เอามาให้อ่านอีกเยอะ ๆ เลยนะคะ โมทนาด้วยค่ะ
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  12. ซังกุงเอ๋

    ซังกุงเอ๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ขออนุญาตคัดลอกข้อความที่คุณ paang นำมา post ไว้ในหมวดพุทธศาสนาให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ:cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:

    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    [​IMG]



    ทางให้ถึงความดับภพดับชาติ

    ภพชาติเป็นตั้งของกองทุกข์ ทุกข์ทั้งหลายมากองอยู่ที่ผู้ยังมีภพชาตินี้ทั้งนั้น ภพชาติจะเกิดมีขึ้นมาได้ก็ต้องอาศัยผู้ยังมีกิเลสอันเป็นคู่กันกับนิมิต นำให้ไปเกิดในที่นั้นๆ ผู้ต้องการอยากจะให้ดับภพดับชาติ ก็ต้องพยายามอย่าให้นิมิตทั้งสองนั้นเกิดขึ้นได้ในเมื่อจวนจะแตกดับนิมิตทั้งสองเราจะแต่งเอาตามปรารถนาไม่ได้ แต่มันเป็นไปตามบุญกรรมกิเลสของแต่ละบุคคลที่ได้สร้างเอาไว้ดังกล่าวแล้ว

    ๑. เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะทำอย่างไร จึงจะไม่ให้นิมิตเกิดขึ้นได้ในเมื่อจวนจะแตกดับ

    ตอบ เมื่อเราเกิดมาจมอยู่ในกองแห่งทุกข์ทั้งหลายในป่าดงของกิเลสอันน่ากลัว แล้วเห็นผลของกรรมชั่วอันน่าสยดสยองอย่างยิ่ง จึงพอกันที แล้วบำเพ็ญแต่กรรมดีที่ให้ผลเป็นความสุข จนอิ่มพอในความสุขที่กรรมดีมอบให้นั้น แล้วละความสุขนั้นเสียไม่หลงมัวเมาเอามาเป็นของตนของตัวอย่างจริงจัง เรียกว่าละทั้งดีและชั่วเพราะอิ่มแก่ความต้องการทั้งหมดแล้ว นิมิตทั้งสองนั้นจึงจะไม่เกิด

    ๒. หากจะมีคำถามว่า เมื่อยังไม่อิ่มในกรรมทั้งสองนั้นจะทำอย่างไร

    ตอบก็ต้องสร้างกรรมดีต่อไป แต่อย่าไปสร้างกรรมชั่วเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะกรรมชั่วเราได้สร้างมามากแล้ว จนมีผลเหลือที่จะเก็บและจำหน่ายออกได้แล้ว

    ๓. เมื่อชีวิตยังมีอยู่ กรรมดีกรรมชั่วก็ไม่ทำแล้ว แล้วจะอยู่และทำอะไรอีก

    ตอบเมื่อชีวิตยังมีอยู่ การเคลื่อนไหวก็ต้องมี การเคลื่อนไหวอันได้แก่กรรม แต่ก็อย่าให้มีกรรมชั่ว จงให้มีแต่กรรมดี เพราะกรรมดีคนดีทำง่าย แต่คนชั่วทำได้ยาก คนดีทำกรรมดีไม่ปรารถนาผลตอบแทนถึงแม้จะทำกรรมดีอยู่ก็ไม่ชื่อว่าทำกรรม เรียกว่ากิริยา ฉะนั้นพระพุทธเจ้าก่อนจะดับภพดับชาติได้ คือถึงพระสัพพัญญุตญาณ ท่านได้สร้างบารมีมาแล้วเป็นอเนกชาติ มีทานบารมีเป็นต้น ผลสุดท้าย เมื่อบารมีของท่านอิ่มพอแล้ว จึงละโลกนี้ที่มีกรรมเป็นมูลฐานดับแล้ว ไม่มีเชื้อเหลืออยู่อีกต่อไป

    [​IMG]คัดลอกบางส่วนจาก
    เรื่องของความเกิด-ดับ
    แสดงธรรมโดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    วัดหินหมากเป้ง
    ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
    http://www.dharma-gateway.com/:cool: :cool: :cool:
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    DSC03242.JPG SSL10152.JPG SSL10142.JPG
    SSL10140.JPG SSL10141.JPG
    ร่วมทำบุญที่พระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง ลำพูน ร่วมถวายผ้าห่มพระธาตุร่วมสร้างพระประธานปิดทองบูรณะพระวิหารหลวงบูชารอยพระบาทสี่รอยจำลองทำบุญภัตรหารค่าน้ำไฟร่วมสร้างศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาและขอร่วมทำบุญทุกอย่างกับทางวัดและขอน้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชาฯขอผลบุญทั้งหลายเหล่านี้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีสุขสมหวังตามปรารถนาทุกประการตราบจนเท่าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  14. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    SSL10145.JPG SSL10146.JPG
    ร่วมทำบุญกับคุณลุงที่วาดภาพพระธาตุคับที่พระธาตุหริภุญชัยคับ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)​
     
  15. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    SSL10155.JPG SSL10158.JPG SSL10159.JPG
    ร่วมทำบุญที่วัดพระนอนม่อนช้าง อ.ป่าซาง ลำพูน ร่วมสร้างพระวิหารพระนอนบริจาคกระเบี้องและปัจจัยถวายร่วมสร้างพระธาตุร่วมทำบูญทุกอย่างกับทางวัดน้อมถวายเป้นพุทธบูชาคับ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  16. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    384 รอยตากผ้าจีวรของพระพุทธเจ้า.jpg
    SSL10161.JPG SSL10162.JPG SSL10166.JPG
    ทำบุญที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า ต.มะกอก อ.ป่าซาง ลำพูน ร่วมถวายทองคำเครื่องหอมธูปเทียนดอกไม้บุชาพระบาทและร่วมสร้างวิหารครอบพระบาทปิดทองรอยพระบาทถวายน้ำหอมปัจจัยร่วมสร้างถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชาฯ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  17. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    SSL10171.JPG SSL10182.JPG SSL10187.JPG
    SSL10184.JPG SSL10193.JPG SSL10180.JPG
    SSL10179.JPG SSL10208.JPG
    ทำบุญที่พระพุทธบาทสี่รอย ใกล้ สภอ.ทุ่งหัวช้าง ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูนถวายทองคำปัจจัยเครื่องหอมดอกไม้ธูปเทียนสวดมนต์บูชารอยพระบาท
    ปล.มีหลายรอยมากคับสวยยมากมีกรีบดอกบัวด้วยคับคืนนั้นพระจันทร์ก้อเต้มดวงสวยมากคับ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  18. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    SSL10209.JPG
    วัดแม่ปันเดง ม.6 ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหังช้าง ลำพูน ร่วมถวายปัจจัยร่วมสร้างวัดพระธาตุวิหารและร่วมทำบุญทุกอย่างกับวัดน้อมถวายเป็นพุทธบูชาฯฃ
    ปล.หลงไปคับเลยมาเจอวัดเลยได้ทำบุญด้วยร่วมโมทนานะคับ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  19. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    SSL10218.JPG
    SSL10215.JPG SSL10216.JPG SSL10220.JPG
    477 พญากวางคำ.jpg 481 เนื้อและกระดูกกลายเป็นหินของพญาก.jpg 476 ที่บรรจุอัฐิพญากวาง ว.jpg
    วัดพระธาตุดอยกวางคำ บ.โป่งแดง ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหังช้าง ลำพูน ร่วมถวายปัจจัยใจร่วมสร้างพระธาตุถวายทองคำปิดพระบรมธาตุร่วมสร้างวิหารร่วมโมทนาพญากวางคำ ร่วมทำบุญทุกอย่างกับทางวัดน้อมถวายเป็นพุทธบูชาฯ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     
  20. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    ร่วมทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบุชาคับ

    100_5289.JPG
    ร่วมทำบุญที่วัดพระธาตุดอยกองมูลร่วมถวายปัจจัยทองคำร่วมสร้างวัดพระธาตุวิหารฯน้อมถวายเป็นพุทธบุชาฯ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...