43.ไหว้พระเมืองแม่กลอง

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 5 กรกฎาคม 2011.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๔๓

    ไหว้พระเมืองแม่กลอง


    วันจันทร์อีกแล้ว วันนี้ต้องไปทำงานแต่ขี้เกียจตื่นเลยหยุดงานเสียเลย อิ อิ เมื่อวานเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ก็ออกไปใช้เสียงลงคะแนนตามหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ก็ขอให้ท่านผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งทำงานด้วยความสุจริตและอย่าลืมทุกเสียงจากประชนชนที่เลือกท่านเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนเป็นปากเป็นเสียงแทนเขา พอแล้วไม่พูดเรื่องการเมืองดีกว่า ไม่อยากยุ่งด้วย....น่าเบื่อ.....


    เมื่อขี้เกียจตื่นเพราะง่วงก็เลยตื่นสาย หลังจากลุกจากที่นอนได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรทำ คุณพ่อคุณแม่ก็เลยชวนไปไหว้พระที่เมืองแม่กลองหรือจังหวัดสมุทรสงคราม ก็ไปไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมเหมือนเดิม แต่เนื่องจากวันนี้ว่างเลยคิดแผนว่าน่าจะไปไหว้พระที่วัดอื่นๆ ในจังหวัดสมุทรสงครามด้วย ก็เลยเข้าไป search หาข้อมูล มีวัดที่น่าสนใจเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก เลยกะแผนคร่าวๆไว้ว่าไหว้พระ ๙ วัดเสียเลย ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าเพราะตื่นสาย .... นี่ก็ปาเข้าไป ๙ โมงครึ่งแล้วเพิ่งจะออกจากบ้าน ออกมาก็รถติดอีกกว่าจะหลุดถึงถนนพระราม ๒ ได้ก็ ๑๐ โมงกว่าๆ ไหว้พระ ๙ วัดก็คงไหว้ได้ไม่ครบแล้ว ไหว้เท่าที่ได้ก็แล้วกัน.......
    ได้ขับรถมาถึงวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เวลา ๑๑ โมงกว่าๆ แดดเปรี้ยงดีมาก หน้าดำอีกแล้ว....


    วัดเพชรสมุทรวรวิหาร

    เดิมชื่อว่า "วัดศรีจำปา"สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ตามตำนานเล่าว่า ในปีพ.ศ.๒๓๐๗ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลองเหนือวัดศรีจำปาและเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม" ตามชื่อหมู่บ้านเดิมของตนชาวบ้านแหลมได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า "วัดบ้านแหลม"ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร"

    a.jpg

    วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม
    หลวงพ่อวัดบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรหล่อด้วยทองเหลืองแบบสมัย สุโขทัยตอนปลาย ภายในโปร่งขนาดส่วนสูง ๑๗๐ เซนติเมตรประดิษฐานยืนอยู่บนแท่น ภายในพระอุโบสถวัดบ้านแหลม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามตามประวัติที่จารึกกล่าวไว้ว่า หลวงพ่อได้ล่องลอยน้ำลงมาจากทางเหนือพร้อมกัน ๓องค์แสดงอภินิหารให้ผู้คนเห็นมาตลอดลำแม่น้ำเจ้าพระยา และ ครั้งหนึ่งได้ล่องลอยมาถึงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาตอนสามเสนประชาชนสามแสนกว่าคนประสงค์ที่จะนิมนต์หลวงพ่อขึ้นบนฝั่งช่วยกันเอาเชือกผูกมัดองค์หลวงพ่อแล้วช่วยกันฉุดลากแต่ก็ไม่สามารถจะนำหลวงพ่อขึ้นฝั่งได้และท่านก็จมน้ำหายไปจากที่นั้น ต่อจากนั้นท่านก็ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ผุดให้คนเห็นในที่ต่าง ๆกันเรื่อยมาจนในที่สุดก็ได้มาประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญอยู่ในพระอุโบสถวัดบ้านแหลมนี้จนถึงปัจจุบัน


    a.jpg

    ตำนานเดิมกล่าวว่าชาวบ้านแหลมซึ่งอยู่ปากอ่าวจังหวัดเพชรบุรีได้พากันมาตีอวนจับปลาในทะเลในขณะที่ลากอวนจับปลาอยู่นั้น ได้ลากพระพุทธรูปติดอวนขึ้นมา ๑ องค์ต่างพากันดีใจมากกว่ามาจับปลาแต่กลับมาได้พระพุทธรูปเห็นว่าคงจะเป็นลาภอันใหญ่หลวงแล้วจึงได้อาราธนาพระพุทธรูปนั้นขึ้นบนเรือ แล้วพากันล่องกลับจากทะเลในระหว่างทางคงจะเป็นด้วยบุญบารมีของชาวบ้านแหลมคนในเรือคนหนึ่งได้แลเห็นพระเกศของพระพุทธรูปลอยปริ่ม ๆ น้ำอยู่ไม่ไกลจากเรือที่แล่นอยู่เท่าใดนัก จึงร้องบอกให้ทุกคนทราบ แล้วเทียบเรือเข้าไปทุกคนต่างปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองแต่ล่องลอยอยู่ในกระแสน้ำได้ต่างพากันกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสในอภินิหารและอิทธิฤทธิ์ที่ได้พบเห็น ต่อจากนั้นก็ได้อาราธนาขึ้นบนเรือ อีกลำหนึ่งแล้วพากันแล่นเรือกลับด้วยความดีใจเป็นที่สุดครั้นเรือแล่นมาถึงแม่น้ำแม่กลองตอนหน้าวัดศรีจำปาได้เกิดอาเพศคล้ายกับว่าหลวงพ่อประสงค์ ที่จะอยู่วัดนี้จึงทำให้ฝนตกหนักลมพายุพัดจัดไม่ลืมหูลืมตาเรือลำที่หลวงพ่อบ้านแหลมประดิษฐานอยู่ทนคลื่นลมไม่ไหวประคองตัวไม่อยู่เรือเอียงวูบไปหลวงพ่อที่อยู่บนเรือจึงเคลื่อนตกจมหายลงไปในแม่น้ำชาวประมงบ้านแหลมพากันตกใจและเสียดายมากต่างช่วยกันเพียรดำน้ำค้นหาอยู่หลายวันจนอ่อนใจ ก็ไม่พบตกลงไม่ค้นหากันต่อไปอีกจึงนำพระพุทธรูปองค์ที่เหลืออยู่ไปยังถิ่นของตนและนำพระพุทธรูปองค์นั้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี

    กาลต่อมาชาวบ้านศรีจำปาต่างก็ช่วยกันลงดำค้นหาหลวงพ่อที่จมอยู่นั้นเป็นด้วยเพราะอภินิหารของหลวงพ่อที่จะอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวบ้านศรีจำปาจึงทำให้ชาวบ้านศรีจำปาพบและอาราธนานำไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา ชาวประมงบ้านแหลมครั้นรู้ข่าวเข้าว่าชาวบ้านศรีจำปาได้พระของตนที่จมน้ำนั้นแล้ว ก็ยกขบวนกันมาขอพระคืนแต่ชาวบ้านศรีจำปาไม่ยอมให้จนเกือบจะเกิดศึกกลางวัดขึ้นแต่ด้วยอภินิหารของหลวงพ่อบ้านแหลม และการมีเหตุผลด้วยกันทั้ง ๒ฝ่ายก็ประสานสามัคคีตกลงปรองดองกันได้ทางฝ่ายชาวประมงบ้านแหลมก็ยินยอมยกพระพุทธรูปที่ชาวบ้านศรีจำปางมได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีจำปาตามแต่ต้องเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ ให้ชื่อว่า “วัดบ้านแหลม” เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ที่ชาวบ้านแหลมได้พระพุทธรูปมาทีแรกตั้งแต่นั้นมาวัดศรีจำปาจึงได้นามว่าวัดบ้านแหลม มาจนทุกวันนี้

    ตามประวัติ หลวงพ่อบ้านแหลมเมื่อคราวที่ไปลอยวนอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนสามเสน นั้นประชาชนสามแสนกว่าคนประสงค์จะอาราธนานิมนต์หลวงพ่อขึ้นฝั่งช่วยกันเอาเชือกพรวนผูกมัดแล้วช่วยกันฉุดลากก็ไม่สามารถนำหลวงพ่อขึ้นฝั่งได้แล้วหลวงพ่อก็แสดงปาฏิหาริย์จมน้ำหายไปทั้ง ๓องค์ ต่อมาทราบว่าองค์หนึ่งได้ขึ้นไปประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธร คือหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกองค์หนึ่งไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดบางพลีใหญ่ในคือ หลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการ ตามที่ท่านแสดงปาฏิหาริย์จมน้ำหายไปครั้งนั้นหลวงพ่อได้แสดงอภินิหารให้เห็นว่าถ้าท่านไม่ประสงค์จะอยู่ในที่ใดแล้วให้มีคนมากกว่าสามแสนคนมาฉุดดึงท่านก็ไม่รับนิมนต์แต่พอถึงที่หน้าวัดบ้านแหลมท่านก็ยอมขึ้นแต่โดยดีมิต้องใช้เชือกมัดหรือใช้ผู้คนมากมาย ไม่ต้องฉุดดึงเพียงแต่เจ้าอาวาสในสมัยนั้นกับชาวบ้านเพียงไม่กี่คนอาราธนาอัญเชิญหลวงพ่อถูกต้องตามพิธีการท่านก็รับนิมนต์ยอมขึ้นมาประดิษฐานอยู่ประจำวัดเป็นมิ่งขวัญตลอดมา


    a.jpg

    เมื่อได้หลวงพ่อมาแล้วชาวบ้านก็ได้อาราธนานำท่านไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดบ้านแหลมและทำพิธีจัดงานสมโภชฉลององค์หลวงพ่อกันอย่างครึกครื้นแล้วพากันขอความศักดิ์สิทธิ์จากหลวงพ่อให้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษาไม่เว้นแต่ละวันหลวงพ่อวัดบ้านแหลมมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนความศักดิ์สิทธิ์ประการใดบ้างนั้น เหลือที่จะพรรณนาให้ละเอียด

    ได้มีผู้เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเมื่อผู้ใดได้รับความเจ็บป่วย หรือทุกข์ร้อนประการใดก็มากราบนมัสการบนบานต่อหลวงพ่อความเจ็บป่วยหรืออาการทุกข์ร้อนนั้นก็พลันหายไปหรือไม่ก็ทุเลาเบาบางลงจนเป็นที่นับถือของประชาชนทั่วไปแม้แต่ชาวจีนที่เข้ามาพึ่งบรมโพธิสมภารก็พากันนับถือเป็นอันมาก พากันมาเซ่นไหว้ในวันสำคัญของจีนหรือในวันอื่น ๆ แล้วแต่โอกาสเสียงจุดประทัดบูชาดังสนั่นหวั่นไหวพวกละครชาตรีหรือละครไทยและงิ้ว ที่ประชาชนหามาแสดงจะพบเห็นอยู่เสมอกล่าวกันว่าพวกละครหรืองิ้วที่แสดงถวายนี้ถ้าไม่รำถวายมือหลวงพ่อวัดบ้านแหลมเสียก่อนบางคนถึงกับชักดิ้นชักงอหรือมีอันเป็นไปต่างๆ จึงเลยเกิดเป็นธรรมเนียมประเพณีว่า ก่อนจะแสดงเรื่องราวต่าง ๆต้องรำถวายมือต่อหลวงพ่อเสียก่อนเป็นการสักการะและครั้งหนึ่งชาวจีนได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้าในความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของหลวงพ่อ ได้พากันนำงิ้วมาแสดงถวายประชันกันถึง ๕โรง บางคนป่วยหนักหมดหวังในชีวิต หมอละทิ้งไม่มีผู้ใดรับรักษาพยาบาลก็มาขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยชีวิต โดยรับเอาน้ำมนต์ดอกไม้ที่บูชาหลวงพ่อเอาไปรับประทานและพอกทาอาการป่วยก็หายวันหายคืนและกลับเป็นปกติก็มีอยู่หลายราย บางคนตกทุกข์ได้ยากเป็นถ้อยร้อยความไปบนบานปิดทองนมัสการ ขอให้หลวงพ่อช่วยหลวงพ่อก็ช่วยเหลือได้สมประสงค์ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดบ้านแหลมมีมากมายจนประชาชนยกย่องเป็นพ่อบ้านพ่อเมืองมีอภินิหารปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกผู้ทุกนามเป็นที่สักการบูชา เป็นมิ่งขวัญของชาวเมืองสมุทรสงครามมาจนตราบเท่าทุกวันนี้


    ตอนที่ชาวประมงพบในอ่าวแม่กลองบาตรนั้นสูญหายไปในทะเลสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เคยเสด็จมานมัสการหลวงพ่อบ้านแหลมได้ถวายบาตรแก้วสีน้ำเงินถวายหลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพุทธบูชาซึ่งยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

    a.jpg

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาหลวงพ่อบ้านแหลม ได้พระราชทานผ้าดิ้นทองแก่หลวงพ่อจำนวนสองผืนแต่ละผืนมีขนาดหน้ากว้าง ๖นิ้ว ยาวประมาณ ๑๐ฟุตปัจจุบันทางวัดได้จัดแสดงไว้ในพระอุโบสถที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม ในวันสำคัญเช่น วัดสงกรานต์ วันทอดกฐินพระราชทานจะนำผ้าดิ้นทองพระราชทานมาประดับองค์หลวงพ่อบ้านแหลมด้วย


    "หลวงพ่อบ้านแหลม"เป็นที่เคารพบูชาในหมู่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปในแต่ละวันจะมีผู้ศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศมากราบนมัสการอย่างเนืองแน่นมีการเปรียบเปรยว่า หากใครไปเมืองสมุทรสงครามไม่ได้ไปนมัสการหลวงพ่อบ้านแหลมก็เสมือนไม่ได้ไปเมืองสมุทรสงครามใครพูดถึงเมืองสมุทรสงครามไม่กล่าวถึงนามหลวงพ่อบ้านแหลมก็เสมือนไม่รู้จักสมุทรสงครามคนสมุทรสงครามคนใดไม่เคยเห็นหลวงพ่อบ้านแหลมก็เปรียบเสมือนลูกกำพร้าไม่เคยเห็นหน้าพ่อ

    งานนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    วัดบ้านแหลมนี้มีงานนมัสการหรืองานเทศกาล ๒ ครั้ง คือ
    ๑. งานสงกรานต์เดือน ๕ มีงานรวม ๖ วัน ๖ คืน เริ่มงานตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๑๘เมษายนของทุกปี
    ๒. งานวันสารท เดือน ๑๑มีงานนมัสการหลวงพ่อ ๔ วัน ๔ คืนมีประชาชนทั้งใกล้และไกลไปนมัสการหลวงพ่อกันอย่างคับคั่ง


    พระพุทธปฏิมาอันสำคัญที่ทรงอภินิหารและทรงศักดิ์สิทธิ์นั้นถ้าจะกล่าวกันไปแล้วก็ยังมีอีกเป็นจำนวนหลายวัดตามจังหวัดและอำเภอต่าง ๆทั่วประเทศทั้งในเมืองและตามชนบทถ้าจะทบทวนนับจาก หลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงครามแล้วก็เห็นจะมีพระพุทธปฏิมากรที่สำคัญอีก ๒องค์ นั้นคือ หลวงพ่อวัดเขาตะเคราจังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ซึ่งนับว่าเป็นหลวงพ่อที่ทรงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ดุจเดียวกันเพราะมีพุทธศาสนิกชนประชาชนพากันมาสักการบูชากันมากมายเนืองแน่นไปหมดเมื่อเวลามีงานสมโภชตามเทศกาล และตามจดหมายเหตุประวัติความเป็นมาอันเก่าแก่ดั้งเดิมของทางวัด ก็ได้แจ้งไว้ว่าท่านได้ปาฏิหาริย์ลอยน้ำมาเช่นเดียวกันถึงกับบางท่านได้สรุปรวมความว่าเป็นพระพี่น้องกันซึ่งก็สามารถจัดเป็นเช่นนั้นได้เพราะท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถปกป้องคุ้มครองรักษาประชาชนที่เคารพนับถือสักการบูชาท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บภัยพิบัติต่างๆ ให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าหากจะนับรวมกันอย่างที่ทราบกันมาว่าพระพุทธรูปที่มีปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา ก็คงจะมี ๕องค์ดังนี้ ซึ่งตรงกับคำว่า “ พุทธปัญจะภาคี ปาฏิหาริย์กระสินธุ์โน” พอดี

    แต่ส่วนประวัติความเป็นมานั้นทุกท่านต้องศึกษาถึงมูลเหตุพุทธประวัติอันลึกซึ้งของแต่ละองค์ ตามจดหมายเหตุประวัติและคำบอกเล่าของแต่ละที่กันเองซึ่งทุกองค์ก็มีความสำคัญมาก เช่นเดียวกันเพราะพระพุทธปฏิมาอันศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นที่เคารพนับถือสักการบูชาเป็นศูนย์รวมจิตใจอันผ่องใสเชื่อมั่นของประชาชนสาธุชนทั่วไปและตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆในสากลพิภพยังมีอยู่อีกมากมายเหลือที่จะคณานับได้ดั่งจะเห็นได้ว่ามีข่าวคราวปรากฏขึ้นที่นั่นที่นี่ตามกาลอันควรตลอดมาอยู่บ่อย ๆครั้งพระพุทธปฏิมากรที่สำคัญ ๆที่มีอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ก็มีปรากฏอยู่มากมายตามวัดต่าง ๆแต่ละจังหวัดแต่ละอำเภอกระจายทั่วไปทั้งประเทศเพื่อแผ่บารมีและพุทธคุณปกป้องคุ้มครองสาธุชนประชาชน ผู้ประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามปกป้องประเทศชาติให้คงอยู่เป็นไทยมาจนทุกวันนี้ ก็ด้วยบุญบารมีพระพุทธคุณพระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และสิ่งต่าง ๆ ซึ่งทรงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทุกคนหรือบางคนได้ประสบมาด้วยตนเองหรือจากคำบอกเล่าจดหมายเหตุๆอันเป็นประวัติแต่ดั้งเดิมมาประเทศของเราจึงจัดได้ว่าเป็นประเทศที่นับว่าร่มเย็นเป็นสุขตามควรภายใต้พระบรมโพธิสมภาร อันมีสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์นั่นคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นสิ่งที่ทุกคนเทิดทูนเหนือเศียรเกล้าเคารพสักการบูชายึดมั่นหยั่งลึกฝังอยู่ในจิตใจของทุกคนชาวพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งชาติทุกคนตลอดมา และจะยั่งยืนตลอดไปอีกจนชั่วกาลนาน

    คำอาราธนาหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    สะทา วะชิระสะพุททะวะวะ วิหารเร
    ปติฏฐิตัง นะระเทโวหิ ปูชิตังปัตตะหัตตัง
    พุทธรุปัง อะหัง วันทามิ ทูระโต

    คาถาหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    นะมะระอะ นะ เท วะ อะ

    ............................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมเสร็จแล้วก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ไปหาอะไรทานก่อน ก็ก๋วยเตี๋ยวข้างๆ วัดนั้นแหล่ะง่ายดี ขี้เกียจเดินไกล แดดร้อนด้วย.....

    a.jpg

    เนื่องจากในจังหวัดสมุทรสงคราม มีเพียงวัดเพชรสมุทรวรวิหารแห่งนี้ที่รู้จักเป็นอย่างดี ส่วนวัดอื่นๆ ที่ตั้งโปรแกรมไว้ว่าจะไปก็ไม่รู้อยู่ทางทิศไหนแล้ววัดไหนจะถึงก่อนถึงหลังก็ไม่รู้ จึงได้เดาสุ่มๆ ไป พึ่ง GPS อีกแล้ว สุ่มไปสุ่มมาก็ตกลงว่าไปวัดบางกะพ้อมก่อน


    ....................................​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2023
  3. sitmatrix

    sitmatrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,365
    นอกจากวัดบ้านแหลม หรือ วัดเพชรสมุทรวรวิหารแล้ว ยังมี วัดที่น่าสนใจอีกครับ
    เริ่มจาก วัดสวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งมี พระเกจิดัง คือ หลวงพ่อปึก ท่านมรณะภาพนานแล้ว มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ เป็นที่รู้จักกันดี สำหรับคนแม่กลองคือ พี่จุก กุมารเทพ อายุ 200 กว่าปี www.watsuanluang.com

    <object width="425" height="349"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/S03wIryfb0Q?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/S03wIryfb0Q?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

    <object width="425" height="349">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/lsVI12RC62I?version=3&hl=th_TH&rel=0" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="349"></object>

    <object width="425" height="349">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/cDdFjAoHuBE?version=3&hl=th_TH&rel=0" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="349"></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  4. sitmatrix

    sitmatrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,365
    และอีกวัดหนึ่ง ที่คนไม่ค่อยทราบ ซึ่งมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มีประวัติ ที่น่าสนใจคือ ยักษ์แม่ใหญ่ วัดนางตะเคียน จมอยู่ใต้น้ำ มีคนฝันว่า ให้ไปงมขึ้นมาที อยู่หน้าวัด (หน้าวัดมีคลองผ่าน) จนได้มีการ นำท่านขึ้นมา ซึ่งพบตามในความฝันจริงๆ

    <object width="425" height="349"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/DWkZmiN2puM?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/DWkZmiN2puM?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  5. sitmatrix

    sitmatrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,365
    ปัจจุบันเป็นที่กล่าวขานกันมาก ว่าที่วัดนางตะเคียน ตำบลคลองเขิน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม มี ยักษ์ชื่อว่า แม่ใหญ่ หรือ พระนางสุพรรณอัปสร
    ให้โชคลาภแม่นมาก มีผู้คนทั่วไปถูกหวยกันมากมาย

    เมื่อ ผู้เขียนทราบข่าวลือดังกล่าวก็รีบบึ่งไปพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเป็นเรื่อง จริง หรือ เปล่า เพื่อจะได้นำเรื่องราวมาเสนอแนะให้ท่านผู้อ่านที่เคารพรักทันที ที่ชอบ
    ด้านแสวงโชคลาภได้ทราบกันและเผื่อมีโอกาสว่างจะได้เดินทางมากราบไหว้ ขอโชคลาภกันบ้าง

    เมื่อ เดินทางไปถึงวัดนางตะเคียนและได้พูดคุยกับชาวบ้านละแวกนั้นๆ ก็ได้รับคำยืนยันว่า เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง และเกิดมานาน หลายปี จนถึงปัจจุบัน

    ในสมัยก่อนวัดนางตะเคียน แห่งนี้ยังไม่เจริญเหมือนปัจจุบันนี้ วัดมีสภาพรกร้างน่ากลัวมาก ชาวบ้านเล่าว่า ผีดุมากหลอกหลอนผู้คนเป็นประจำทำให้
    ยามค่ำคืนมักจะไม่ค่อยมีใครกล้าเดินผ่านวัด โดยเฉพาะต้นตะเคียนใหญ่ 2 ต้นที่ลือว่ามีเจ้าแม่ตะเคียนสิงสถิตอยู่ (ปัจจุบันตายหมดแล้ว)

    วัด นางตะเคียน สมัยก่อนด้านริมคลองหน้าวัดจะมีรูปปั้นยักษ์ รูปปั้นฤาษี เรียงรายเป็นทิวแถว และเข้าใจว่ามีวัดเดียวในจังหวัด สมุทรสงครามก็ว่าได้
    ซึ่ง รูปปั้นต่างๆ เหล่านี้เก่าแก่มาก ครั้นกาลเวลาล่วงมาหลายสิปปี สายน้ำได้เซาะตลิ่งด้านริมคลองหน้าวัดไปเรื่อยๆทำให้ตลิ่งซึ่งมีรูปปั้น ยักษ์ รูปปั้นฤาษี และ รูปปั้นอื่นๆ พังทลายจมลงไปในน้ำและ ก็ไม่มีใครคิดที่จะงมขึ้นมา

    จนเวลาล่วงเลยไปนานหลายสิบปีก็ไม่มีอะไร เกิดขึ้นจนกระทั้งประมาณปลายปี พ.ศ 2551 ที่ผ่านมาก็เกิดมีข่าวขึ้นมาว่า ... มีชาวบ้านคนหนึ่งฝันไปว่ามียักษ์ตนหนึ่งจมอยู่ในน้ำริมคลองวัดนางตะเคียนมา นานหลายสิบปีแล้วและนอนหนาวอยู่ในน้ำด้วย ตอนแรกชาวบ้านคนนี้ไม่เชื่อภายหลังได้นำความฝันไปพูดคุยและปรึกษากับผู้รู้ หลายๆ คน

    ในที่สุดก็สรุปว่าให้ลองดูก่อนโดยได้ไปจ้างประดาน้ำที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ทางด้านการดำน้ำโดยเฉพาะ
    เมื่อประดาน้ำลงไปงมดูปรากฏว่า พบท่อนหินขนาดค่อนข้างใหญ่ อยู่กลางคลอง แต่ก็ไม่สามารถนำขึ้นมาได้จึงนำเรือเครนมายกก็ยกไม่ขึ้นอีก
    สร้างความอัศจรรย์ให้แก่ผู้ที่อยู่บนริมฝั่งทั้งสองเป็นอย่างมาก

    ภายหลังมีชาวบ้านแถวนั้นให้ทำบายศรีและทำพิธีบวงสรวงขึ้นก็ปรากฏว่าเรือเครนสามารถยกท่อนหินนั้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
    พอ ได้ขึ้นมาแล้วเมื่อสำรวจดูก็พบว่ามีแต่ส่วนตัว (เศียร) นั้นไม่มีและทราบต่อมาท่อนหินนั้นเป็นยักษ์ชื่อพระนางสุพรรณอัปสรที่จมอยู่ ใต้น้ำนานหลาย
    สิบปี(บางคนก็บอกว่าประมาณ 100ปี)

    ส่วนสภาพที่เห็นในขณะนั้นซึ่งเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์มาก คือในอ้อมแขน ของพระนางสุพรรณอัปสรนั้นอุ้มบุตรชายของตนไว้ด้วย แต่สำหรับส่วนหัวที่หายไปนั้น เมื่อก่อนเคยมีคนนำมาไว้ที่ใต้ต้นไทรหน้าวัด แต่ภายหลังมีนักนิยมสะสมของเก่ามาเช่าบูชาเอาไป และไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากไม่ได้มีใครสนใจ จึงทำให้หายไปตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้

    สมัยก่อนวัดนางตะเคียนคน เฒ่าคนแก่เล่าว่ามีคนเคยเห็นยักษ์ออกมาเดินเผ่น พล่านภายในบริเวณวัดด้วยบางครั้งก็เป็นพวกบริวารยักษ์ลงมาเล่นน้ำที่ลำคลอง หน้าวัดนางตะเคียนนั้นอย่างสนุกสนาน ต่อมาภายหลังยักษ์ที่สร้างไว้ริมตลิ่งได้จมลงไปในน้ำหายไปจนหมดและได้มา ทำพิธีงมขึ้นมา ตามความฝันของชาวบ้านคนหนึ่ง และ เมื่อข่าวการงมยักษ์พระนางสุพรรณอัปสรขึ้นมาจากลำคลองหน้าวัดนางตะเคียนได้ แล้วข่าวนี้ก็เริ่มแพร่กระจายจากปากต่อปาก รวมทั้งสื่อแขนงต่างๆไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี ต่างก็ลงข่าว และ แพร่ภาพออกไปทั้งที่ทราบกันอยู่
    เป็นเหตุทำให้ผู้ที่ทราบข่าวต่างก็เริ่มทยอยมายังวัดนางตะเคียนตลอดเวลาวัดที่เคยเงียบเหงาก็กลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง

    ขอ ย้อนมาถึงเรื่องการงมยักษ์นางสุพรรณอัปสรกันต่อ เมื่อได้มีการงมยักษ์สุพรรณอัปสรขึ้นมาได้แล้วก็ได้นำมาไว้บนศาลาริมน้ำใกล้ กับที่งมขึ้นมา ในวันนั้นและวันต่อๆมาก็เริ่มมีนักแสวงโชคลาภ หรือผู้ที่ชอบเล่นหวยต่างก็เดินทางมากราบไหว้ขอเลขเด็ดโดยการเขย่าติ้วบ้าง ขัดถูและเพิ่งพินิจพิจารณาดูบ้าง ผลก็ ปรากฏว่ามีผู้โชคดี ถูกหวยตรงๆ ได้เงินคนละหลายแสนบาท พอมางวดต่อไปก็มีผู้ถูกอีก ทำให้ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้คนในละแวกสมุทรสงครามและใกล้เคียงเดินทางมาขอโชคลาภแทบทุกวัน และหลังจากนั้นค่อนๆ ก็มีผู้ที่มีจิตศรัทธาทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ คนหนุ่มสาวพากันมาบริจาคทรัพย์คนละเล็กละน้อย เพื่อให้ช่างปั้นศรีษะหรือส่วนหัวของยักษ์พระนางสุพรรณอัปสรขึ้นแทนของเก่า ที่สูญหาย (ที่เห็นส่วนศรีษะ (หัว) ปัจจุบันคือของใหม่ที่ปั้นขึ้นมาแทนของเดิม)

    ปัจจุบันยักษ์พระนาง สุพรรณอัปสรได้เคลื่อนย้ายมาประดิษฐาน ณ สถานที่แห่งใหม่ เป็นฐานปูนปูกระเบื้อง ลดหลั่นตาม ลำดับโดยแบ่งสถานที่ประดิษฐานให้พระ นางสุพรรณอัปสรอยู่ทางทิศตะวันออก พร้อมเหล่าบริวารและมีรั้วล้อมรอบทั้งสี่ด้าน และ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ามณฑปเก่าแก่

    เมื่อพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี ได้ประดิษฐาน ณ ที่ใหม่ดังกล่าวผู้คนจากทั่วสารทิศ ก็เดินทางมากราบไหว้ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าจรดเย็น กระทั้งมืดค่ำ
    จากการ สอบถาม พูดคุยกับคุณ ป้าแย้ม สมบูรณ์ อายุ 70 ปี เรื่องแม่บ้านผู้สละเวลาการทำงานบ้านมาช่วยเหลือในด้านการบริการดอกไม้ธูป เทียนตามกำลังศรัทธาแก่ผู้ที่เดินทางมากราบไหว้พระนางสุพรรณอัปสรได้เปิดเผย ว่า
    ทุกวันไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา เสาร์ อาทิตย์ วันนักขัตฤกษ์ จะมีผู้คนเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวบ้าง เหมารถมาบ้าง ขับรถมอเตอร์ไซด์มากราบไหว้กันเป็นประจำ และบางรายที่มีโชคลาภ ถูกหวยมากๆ ก็จะนำสิ่งของที่ได้บนบานมาถวายให้ ทั้งของคาวของหวาน พวงมาลัย ประทัด หรือ บางรายที่บนด้วยละคร ภาพยนต์ พอถึงเวลาก็นำมาแสดง และฉายถวายให้ ดังเช่นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 ที่ผ่านมาหยกๆ ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งบ้านอยู่แถวๆวัดนางตะเคียนไม่ห่างไกลกันมากนัก ทราบข่าวว่ามากราบไหว้บนบานต่อหน้ารูปปั้นพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี ขอโชคลาภกับท่าน

    ปรากฏว่าถูกตรงๆ ได้เงินไปมากพอสมควร (แต่ไม่ขอเปิดเผยจำนวนเงินที่แท้จริง) หลังจากนั้นก็นำภาพยนต์มาฉายให้เป็นภาพยนต์ใหม่เอี่ยมชนโรงเลยทีเดียว

    ใน ด้านความศักดิ์สิทธิ์ของยักษ์พระนาง สุพรรณอัปสรจอมเทวี เท่าที่เล่าขานสืบต่อๆ กันมาปากต่อปาก ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาช้านานตั้งแต่อดีตก่อนที่จะจมลงไปอยู่ในน้ำ สมัยก่อนก็จะมีชาวบ้านมากราบไหว้บนบานเสมอ ครั้นพองมเจอขึ้นมาแล้วนำมาประดิษฐานไว้บริเวณดังกล่าว ความศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เสื่อมคลาย บางรายมีเรื่องเดือดร้อนเพราะขายที่ขายทางไม่ได้ก็มาจุดธูปเทียนอธิฐาน บอกกล่าวกับท่าน ก็ ปรากฏว่าขายที่ขายทางได้อย่างเหลือเชื่อ ส่วนบางคนรับราชการตามกองต่างๆ ที่มีความเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับที่ตนประสบมาแล้วประสบผลสำเร็จก็เดิน ทางมาขอให้มีหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งก็ประสบผลสำเร็จสมหวัง
    บางรายแต่งงานมาหลาย ปีไม่ มีบุตรไว้ชมเชยและเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า มีคนแนะนำให้ลองเดินทางมากราบไหว้ก็มาลองดู ปรากฏว่าได้บุตรไว้ชมเชยหลายคู่ด้วยกัน คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า

    ใครที่มา บนบานขอลูกกับพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวีแล้วได้บุตรสมใจแล้วก็อย่า ลืมเลี้ยงดูให้ดีด้วยจะเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ หรือดุด่าทุบตีไม่ได้เด็ดขาดท่านอาจจะได้รับความเดือดร้อนหรือมีเรื่อง วุ่นวายในครอบครัว เนื่องจากลูกของท่านก็คือลูกของพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวีด้วย ดังจะเห็นได้จากรูปปั้นของท่านที่โอบกอดลูกไว้ในอ้อมแขนอย่างเหนียวแน่น แสดงให้เห็นว่าพระนางรักลูกน้อยมาก
    บางท่านที่มีความเชื่อมากๆ พอมีลูกน้อยเกิดขึ้นมาก็จะมาขอนม (นมกล่องที่ชาวบ้านนำมาถวายให้) ไปให้ลูกของตัวเองนำไปดื่มกิน เด็กก็จะสมบูรณ์แข็งแรง มีความเฉลียวฉลาด (อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละบุคคลขอให้อยู่ในวิจารณญาณของท่านผู้อ่านด้วย)
    ใน สมัยก่อนที่รูปปั้นพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี ประทับยืนอยู่ริมตลิ่งด้านลำคลองหน้าวัดนั้น บรรดาเรือหางยาวที่วิ่งรับผู้โดยสารจากตลาดแม่กลองไป ตามสถานที่ต่างๆ ละแวกวัด

    พอแล่นเรือผ่านก็มักจะยกมือขึ้นกราบไหว้แสดงความเคารพแทบ ทุกลำเพราะมีความ เชื่อว่าท่านจะคุ้มครองให้ความ ปลอดภัยทางด้านอุบัติเหตุหรือมีผู้โดยสารเต็มลำ

    แต่ถ้าใครลบหลู่ดูหมิ่นไม่เชื่อถือเวลา แล่นเรือผ่านทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แถมไม่ยกมือขึ้นไหว้ แสดงความเคารพเหมือนเรือลำอื่นๆ เท่าที่ทราบเขาเล่ากันว่าเรือลำนั้นเครื่องจะเกิดอาการขัดข้องและดับไปเฉยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือไม่ก็เรือเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำหรือชนคอสะพานชนตลิ่งทำให้เรือเสียหาย
    สมัย ก่อนคลองนางตะเคียนหน้าวัดนับเป็นเส้นหนึ่งที่บรรดาพ่อค้าขายพืชผักผล ไม้ ขายหมู ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ และเรือขายสินค้าอื่นๆ มักจะพายเรือมาเร่ขายให้กับชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมคลอง (สมัยนี้แทบจะไม่มีหลงเหลือให้เห็นกันแล้ว เนื่องจากมีถนนหนทางดี ผู้คนจึงขับรถไปซื้อของกันเอง)
    คร้นพอพายเรือหรือขับเรือที่บรรทุกสินค้า เหล่านั้นมาผ่านรูปปั้นยักษ์พระนาง สุพรรณอัปสรจอมเทวีจะยกมือขึ้นกราบไหว้อธิษฐานขอให้ขายดิบขายดี พร้อมกับใช้มือวักน้ำบริเวณสั้น ประพรมสินค้าพืชผัก ผลไม้ที่บรรทุกมาเต็มลำ ของนั้นจะขายดิบขายดีจนกลายเป็นความเชื่อสืบต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณีและ ยึดถือเรื่อยมาถึงปัจจุบัน

    และ อีกเรื่องหนึ่งจริงเท็จอย่างไรไม่อาจทราบได้ เพราะเรื่องนี้เกิดมานานหลายสิบปีตั้งแต่วัดยังไม่เจริญ เขาเล่ากันว่าตอนกลางคืนเคยมีคนพรายเรือมาเจอเหล่ายักษ์ลงมาอาบน้ำและเล่น น้ำกันอย่างสนุกสนาน พอพาคนไปดูก็ปรากฏว่าไม่มีแล้วจะเห็นแต่รูปปั้นที่ยืนอยู่ลักษณะเหมือนเปียก น้ำหรือเล่นน้ำมาใหม่ๆ เท่านั้น

    ความเฮี้ยนและความศักดิ์สิทธิ์ของ ยักษ์พระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวีชาวบ้าน ละแวกนั้นต่างก็ยอมรับนับถือมากแม้ปัจจุบันจะงมขึ้นมาจากท้องน้ำมาประดิษฐาน กลางแจ้งด้านหน้ามณฑปจตุรมุขเก่าแก่แล้วก็ตามที่ผู้คนก็ยังให้ความเคารพ นับถือเสมอมา
    ในวันที่ผู้เขียนเดินทางไปทำข่าวนั่งสังเกตุเห็นผู้คนทยอย กันมาเรื่อยๆ พอคนนี้กราบไหว้บนบานเรียบร้อยแล้ว คนใหม่ หรือชุดใหม่ ก็เข้ามาแทนที่สลับหมุนเวียนเช่นนี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
    เมื่อเข้าไปสอบ ถามก็ล้วนจะมาจากแดนไกลแทบทั้งสิ้น บางคนก็บอกว่าพึ่งมาครั้งแรก จากคำบอกกล่าวของเพื่อนๆ ที่เคยเดินทางมาแล้วประสบผลสำเร็จ
    บางคนก็ บอกว่ามาหลายครั้งแล้วที่มาอีกก็เนื่องจากได้โชคลาภเลขเด็ดตรงๆเลย เกิดความเชื่อมั่นอยากจะมาลองพิสูจน์อีก ครั้งและเหมือนอัศจรรย์ถึงมาอีกครั้งก็ถูกอีก จึงได้นำของมาแก้บนถวายให้
    บาง คนบอกว่าไม่เคยเดินทางมาวัดนางตะเคียนแม้แต่ครั้งเดียว ภายหลังทราบข่าวว่ารูปปั้นพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี ให้โชคลาภแม่นถูกกันหลายรายก็ลองเดินทางมาขอดูบ้าง
    มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง มากับประมาณ 7-8 คน มีเด็กเล็กอายุประมาณ 7 ขวบ หรือ 8 ขวบไม่แน่ใจ คุณแม่กำลังพากันไปกราบไหว้รูปปั้นพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี เผอิญผู้เขียนได้ยินคุณแม่พูดกับบรรดาญาติที่มาด้วยกันว่า ลูกชายตนเองเมื่อคืนนี้ฝันเห็นยักษ์ท้าวเวสสุวรรณและบอกให้คุณแม่พาไปดูท้าว เวสสุวรรณที่ไหนก็ได้

    คุณแม่ของเด็กคนนั้นจึงพามาที่วัดนางตะเคียน จังหวัดสมุทรสงครามพอเด็กคนนี้เห็นรูปปั้นยักษ์พระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี เท่านั้นแหละ แกก็บอกว่าเหมือนยักษ์ที่แกฝันเมื่อคืนนี้เลยนับว่าเป็นเรื่องแปลกมาก
    เรื่อง ราวอภินิหารเร้นลับ แปลกมหัศจรรย์ของรูปปั้นยักษ์พระนางสุพรรณอัปสรเชื่อว่ายังมีอีกมากมายเล่า ขานไม่รู้จบแน่นอน ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อยู่ที่ตัวท่านเองเป็นผู้ตัดสิน แต่เชื่อเหลือเกินว่าคนที่เคยพบเห็นมากับตัวเอง และ ประสบผลสำเร็จมักจะให้ความศรัทธานับถือเป็น อย่างมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3186.jpg
      IMG_3186.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      325
    • IMG_3190.jpg
      IMG_3190.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.3 KB
      เปิดดู:
      148
    • IMG_3189.jpg
      IMG_3189.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.2 KB
      เปิดดู:
      160
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่น่าสนใจจ่ะ
    บอกตรงๆ เลยว่า ไม่รู้จักเลย
    เพราะโดยสภาพของจังหวัดสสมุทรสงครามส่วนมากเป็นพื้นที่สวน มีคลองเยอะ ฉะนั้นวัดก็ก็จะอยู่ลึกเข้าไปตามคลอง คนก็จะไม่ค่อยรู้จักกัน...
     
  7. urai ay

    urai ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,670
    ค่าพลัง:
    +13,551
    สาธุๆๆ ไม่มีโอกาสไปเองมาเกาะคุณสร้อยฟ้าฯไปก็ยังดี
    มีก๊วยเตี๋ยวอร่อยให้ชิมด้วย^_^
     
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ได้เลยไปไหนไปกัน..... ^^

    เรื่องราวยังไม่จบนะ เดี๋ยวคืนนี้อัพให้อ่านกันอีก.....
     
  9. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    เค้าก็เพิ่งไปมาเหมือนกัน เลยเอารูปมาร่วมแจมจ้า . .(deejai)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P5150292-1.JPG
      P5150292-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      240.3 KB
      เปิดดู:
      1,302
    • P5150293.JPG
      P5150293.JPG
      ขนาดไฟล์:
      508.3 KB
      เปิดดู:
      1,364
    • P5150294-1.JPG
      P5150294-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      563.3 KB
      เปิดดู:
      1,367
    • P5150295.JPG
      P5150295.JPG
      ขนาดไฟล์:
      535.8 KB
      เปิดดู:
      1,350
    • P5150296-1.JPG
      P5150296-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      582 KB
      เปิดดู:
      1,301
    • P5150297.JPG
      P5150297.JPG
      ขนาดไฟล์:
      323.8 KB
      เปิดดู:
      1,310
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    มีภาพวัดเพชรสมุทรวรวิหารอีกป่าวพี่เจง เดี๋ยวเค้าจะไปต่อที่ วัดบางกะพ้อม แล้วนะ.....^^

    เมื่อคืนจะเขียนต่อแล้วแต่ง่วงก็เลยนอนดีกว่า....
     
  11. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    [​IMG]
     
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ไปไหว้พระกันต่อกัน...

    [​IMG]

    วัดบางกะพ้อม
    เป็นวัดโบราณ สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.๒๓๑๒สมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฏนามผู้สร้าง มีตำนานเล่าขานกันมาว่า มีตระกุลคหบดีมีฐานะดีตระกูลหนึ่งได้ลงเรือพาครอบครัวพร้อมทั้งทรัพย์สินหนีข้าศึกพม่า เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยารอมแรมถึงแหลมบางกะพ้อมแห่งนี้ เห็นเป็นที่เหมาะสมร่มรื่น จึงได้พักแรมสร้างที่อยู่อาศัยโดยอาศัยการสานกระบุง ตะกร้า เสื่อลำแพน และกะพ้อมใส่ข้าวเป็นสินค้านำไปขายเพื่อเป็นค่ายังชีพ ต่อมามีคนมาบอกว่ากองทัพข้าศึกยกมากำลังทำการสู้รบกันอยู่ที่ค่ายบางกุ้งให้รีบหนีแต่คหบดีผู้นั้นเห็นว่าคงหลบหนีไม่ทันจึงได้เข้าไปแอบอยู่ในกะพ้อมที่สานเอาไว้เพื่อจะขายพร้อมกันนั้นได้ตั้งสัตยาธิษฐานต่อ พระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า "ขออย่าให้ทหารข้าศึกพบเลย หากรอดพ้นไปได้จะจัดการสร้างวัดและวิหารขึ้นตรงนี้"ซึ่งทหารข้าศึกก็ผ่านไปโดยมิได้พบเห็น ต่อมาจึงได้จัดสร้างวิหารวัดบางกะพ้อมขึ้นตามที่ตั้งสัตยาธิษฐานฐานไว้ โดยตั้งชื่อวัดว่า "วัดบังกับพ้อม" ต่อมาคงเพี้ยนไปบ้างหรือเพื่อความเหมาะสมจึงชื่อ "วัดบางกะพ้อม" มาจนถึงปัจจุบัน

    ครอบครับของผู้สร้างวัดนี้ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนในสมัยนั้นได้สร้างอุโบสถเรือนไม้ มีพระพุทธรูปศิลาแลงสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นพระประธาน และได้สร้างวิหารเป็นที่ประดิษฐ์รอยพระพุทธบาท ๔รอย เดิมสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่ามีเชื่อพระวงศ์ในพระราชจักรีวงศ์ทรงผนวช และจำพรรษา ณวัดนี้ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเถระผู้ใหญ่และเป็นเจ้าอาวาสวัดท่านได้บูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังนูนอันเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สร้างด้วยฝีมืออันประณีตงดงาม


    [​IMG]

    วิหารวัดบางกะพ้อม
    เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนมีอิทธิพลของสถาปัตยกรรมจีนตามแบบศิลปะพระราชนิยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าปั้นเป็นลายปูนปั้นแบบจีน ประตูทางเข้าเป็นทรงกลมมีปูนปั้นเป็นรูปทหารฝรั่งยืนเฝ้า ๒ข้างประตู ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังนูนที่สวยงามแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง โดยแบ่งเป็น ๔ ด้าน คือ


    [​IMG]


    [​IMG]


    ด้านที่ ๑ กล่าวถึงพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่ง ที่ประดิษฐาน ณ สุวัณเณมาลิก, ภูเขาสุวรรณบรรพต, ภูเขาสุมนกูฏ, เมืองโยนกและรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐาน ณแม่น้ำนัมมทานที
    ด้านที่ ๒ เป็นภาพพระพุทธประวัติวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์นิพพาน
    ด้านที่ ๓ เป็นภาพที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วได้ ๗ วันได้นำพระศพของพระพุทธเจ้า ขึ้นตั้งบำเพ็ญกุศล
    ด้านที่ ๔ เป็นภาพพุทธประวัติรวมๆ คือ ภาพตอนตรัสรู้ภาพตอนได้อัครสาวกซ้ายขวา


    [​IMG]

    พระพุทธบาท ๔ รอย ภายในพระวิหาร
    .........................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    วิหารหลวงพ่อคง, วิหารหลวงพ่อ ๖ องค์, วิหารหลวงพ่อดำ
    วิหารหลวงพ่อคงเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อมพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งจังหวัดสมุทรสงคราม, วิหารหลวงพ่อ ๖องค์, วิหารหลวงพ่อดำซึ่งอยู่ในบริเวณวัดแห่งนี้



    a.jpg


    ประวัติหลวงพ่อคง ธมฺมโชโต วัดบางกะพ้อม จังหวัดสมุทรสงคราม
    หลวงพ่อคงท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน ๒๔๐๘ ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู ณบ้านสำโรง ปัจจุบันคือ ตำบลโรงหีบ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นบุตรรักของ นายเกตุกับนางทองอยู่ ต่อมานามสกุลที่ท่านใช้คือ นามสกุล "จันทร์ประเสริฐ"ซึ่งเป็นต้นสกุลของหลวงพ่อคง

    เมื่ออายุได้ ๑๒ ปี โยมบิดาและโยมมารดาให้ท่านบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเหมืองใหม่ อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมระหว่างเป็นสามเณรสนใจในวิชาเมตตามหานิยม พอใกล้บวชพระได้สึกจากสมเณรและได้ทดลองวิชาเมตตามหานิยมดูว่าจะขลังจริงหรือไม่โดยเสกสีผึ้งละลายน้ำไปให้หญิงผู้หนึ่งซึ่งอยู่ทางใต้น้ำ ปรากฏว่าเย็นวันนั้นหญิงสาวหอบผ้าหอบผ่อนมาหาท่านถึงบ้าน และร้องไห้จะขออยู่ด้วยให้ได้ทำให้วุ่นวายชี้แจงกันเป็นการใหญ่

    พออายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงได้ลาโยมบิดาและมารดา เพื่อเข้าอุปสมบท ณ วัดเหมืองใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๗โดยมี พระอาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการจุ้ย วัดบางเกาะเทพศักดิ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการทิม วัดเหมืองใหม่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้นามฉายาว่า "ธมมฺโชโต" อันแปลว่า เป็นผู้รุ่งเรืองโดยธรรม

    a.jpg

    หลังอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาที่วัดเหมืองใหม่ จนกระทั่งพรรษาที่ ๒๑ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๘ ชาวบ้านใน ตำบลบางกะพ้อมได้อาราธนาท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม ด้วยตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง

    หลังจากที่ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อมหลวงพ่อได้ทำการฟื้นฟู บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัด ซึ่งชำรุดทรุดโทรมด้วยท่านมีฝีมือในการพัฒนาเป็นทุนเดิมจึงทำให้การสร้างความเจริญให้แก่วัดสำเร็จลุล่วงในเวลาอันสั้นหลวงพ่อคงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลบางกะพ้อม และแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ใน พ.ศ.๒๔๖๔ และท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายชนิดด้วยกัน เช่น

    เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกสร้างในปีพ.ศ.๒๔๘๔ และเหรียญรุ่น ๒ สร้างในปี พ.ศ.๒๔๘๖ และเหรียญหล่อ อรุณเทพบุตร และเหรียญหล่อหนุมานแบกพระสาวก เหรียญรุ่นแรกของท่านสร้างประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ

    เท่าที่พบเจอมีเนื้อทองแดงผสมทองเหลือง ถ้าในบางเหรียญที่ผ่านการใช้จะมีลักษณะเหมือนเหรียญฝาบาตร
    ส่วนเหรียญที่ออกปี พ.ศ.๒๔๘๖ เรียกว่า "เหรียญปาดตาล" มีทั้งเนื้อเงิน ฉลุลงยา และเนื้อทองแดงเหรียญเงิน
    เหรียญอรุณเทพบุตรเป็นเนื้อโลหะผสมหล่อด้านหลังเรียบ และเหรียญหนุมานแบกพระสาวกเป็นเหรียญหล่อ
    ส่วนเรื่องของปลอมระบาดหนักมากสำหรับทุกรุ่นของหลวงพ่อคง ของเก๊หรือทำเลียนแบบทำได้ใกล้เคียงมากไม่ว่าจะเป็นเหรียญปั๊มหรือเหรียญหล่อหากต้องการบูชาควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุดให้เขารับประกันให้ดีกว่าไม่ต้องเสี่ยง
    รุ่นแรกเหรียญ ๒๔๘๔ด้านข้างเหรียญมี ๒ พิมพ์ คือ
    ๑.บล็อกข้างกระบอก ด้านข้างของเหรียญมีลักษณะเรียบเนียนไม่มีริ้วรอย
    ๒.บล็อกขอบสตางค์ ด้านข้างของเหรียญมีลักษณะเป็นรอยเลื่อยถี่ๆมีลักษณะขอบเหมือนเหรียญบาทที่เราใช้อยู่ จึงเรียกว่า ขอบสตางค์ ทั้งนี้ขอบสตางค์จะมีราคาแพงกว่าข้างกระบอกเล็กน้อย เนื่องจากหายากกว่า


    ในส่วนของพุทธคุณของเหรียญหลวงพ่อคงนั้นมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า มีพุทธคุณด้านคงกระพัน โดยเฉพาะเหรียญรุ่นปาดตาลแม้ว่าจะสร้างหลังจากมรณภาพแล้วก็ยังมีความคงกระพันอยู่ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่ามีคนถูกแทงด้วยมีดปาดตาล ซึ่งถือว่าเป็นมีดที่คมมากแต่ไม่เข้าจากนั้นก็ร่ำลือกันต่อๆ มา ในที่สุดก็เรียกเหรียญรุ่นดังกล่าวว่า เหรียญรุ่นปาดตาล

    อย่างไรก็ตามการเรียกชื่อพระเครื่องและเหรียญตามประสบการณ์ใช้นั้น ยังปรากฏในเหรียญรุ่นอื่นๆอีก เช่น พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ได้สร้างพระขึ้นรุ่นหนึ่งซึ่งเป็นพระผงรูปเหมือนของท่านทรงสี่เหลี่ยมนั่งอยู่บนโต๊ะจากนั้นมีผู้นำไปใช้แล้วถูกฟ้าผ่าไม่เป็นไร จึงเรียกพระรุ่นดังกล่าวว่าพระสมเด็จฟ้าผ่า พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นปลดหนี้เนื่องจากผู้นำไปใช้แล้วมีประสบการณ์จากผู้ที่เป็นหนี้ก็หมดหนี้ จึงเรียกว่าพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นปลดหนี้

    หลวงพ่อคงมรณภาพวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๖ สิริอายุ ๗๘ ปี พรรษาที่ ๕๘


    a.jpg

    เมื่อครั้งอาจารย์เภา ศกุนตะสุต ปรมาจารย์เหรียญผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ยังมีชีวิตอยู่มีผู้เรียนถามท่านว่า

    "...หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่าหลวงปู่เฒ่าวัดหนัง หลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติอาจารย์เภาจะเลือกพระเถระองค์ใดว่าท่านเด่นดังมากที่สุด..."

    อาจารย์เภาตอบว่า "...ฉันขอเลือกหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เพราะว่าท่านเป็นหลวงพ่อของฉันถึงจะยิงกันฉันก็ไม่กลัว..."

    จากหลักฐานนี้แสดงให้เห็นว่าอาจารย์เภา ศกุนตะสุต ท่านมีความเชื่อมั่น และเคารพหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมอยู่เหนือพระเถระองค์อื่นๆ ทั้งหมด นี้เป็นประสบการณ์จากการสนทนากับปรมาจารย์เหรียญผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าทรงคุณวุฒิทางด้านนี้อย่างแท้จริง

    คาถาบูชาหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    นะโม ๓ จบ
    พุทธัง เพชร คงฆัง ธัมมัง เพชรคงฆัง สังฆังเพชรคงฆัง
    พุทธัง มาเรโส ธัมมัง มาเรโส สังฆังมาเรโส

    คาถาหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม
    นะโมพุทธายะ มะอะอุ สิวัง มหาอุตมังคลานิ สัมพุทธคัพภเวสันโต


    ...............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2023
  14. ฅนริมน้ำ

    ฅนริมน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +197
    คนเมืองแม่กลอง ขอตามคุณสร้อยฟ้ามาลาไปไหว้พระเมืองแม่กลองด้วยคนครับ(deejai)
     
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    คนเจ้าของพื้นที่ ต้องพาคนนอกพื้นที่เที่ยวสิ ถึงจะถูก.....^^
     
  16. ฅนริมน้ำ

    ฅนริมน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +197
    เมืองแม่กลองวัดเยอะมากประมาณ100วัดเมื่อเทียบกับพื้นที่จังหวัดที่เล็กที่สุด
    คุณสร้อยฟ้า ไปทางอัมพวาไม่เกิน10กม.ได้ไหว้พระมากกว่า9วัดอีกครับ(f)
     
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ก็เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีวัดเยอะมาก...
    แต่ถ้าขับรถเข้าไปลึกๆ จะออกมาไม่ถูก หลงอยู่ในทางวงกต...
     
  18. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    มาลุ้นว่าจะมี ภาพอาหารเยอะไหมรอบนี้





     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ออกจากวัดบางกะพ้อมก็ตั้ง GPS ไปวัดจุฬามณี ก็ขับตามที่เครื่องบอก แต่เครื่องนำทางเจ้ากรรมดันพาไปไหนก็ไม่รู้ บอกว่า “ท่านได้มาถึงจุดหมายแล้ว สิ้นสุดระบบนำทาง” แต่พอหันซ้ายหันขวา ไม่เห็นมีวัดสักกะแห่ง งั้นก็ไม่ไปแล้ว ไปวัดอื่นก็ได้ เลยตั้งจุดหมายใหม่ไปวัดภุมรินทร์กุฎีทองก็ต้องกลับรถเพราะเลยทางเข้าวัดมาแล้ว พอกลับรถได้ อ้าว ทางเข้าวัดจุฬามณีอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เองแล้วเครื่องนำทางดันนำไปไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่ไปแล้วตรงไปวัดภุมรินทร์กุฎีทองเลยก็แล้วกัน ทางที่จะไปวัดภุมรินทร์กุฎีทองนี้เป็นถนนลาดยางสองเลนส์วิ่งสวนกัน ต้องขับรถผ่านแมกไม้และสวนซึ่งบางช่วงคดเคี้ยวและมีโค้งหักศอก ซึ่งถนนอย่างนี้สร้อยฟ้าฯ ชินแล้วหล่ะ และในถนนเส้นนี้มีก็วัดที่น่าสนใจอยู่หลายวัดมาก เห็นชื่อแต่ละวัดก็อยู่ในรายการแนะนำไหว้พระ ๙ วัดทั้งนั้นเลย ตอนนี้เวลาเดินไปถึงบ่ายโมงเกือบครึ่งแล้ว คงไม่ได้ ๙ วัดแล้วหล่ะ.....


    a.jpg

    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
    เดิมมีชื่อว่าวัดภุมรินทร์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองปากคลองประชาชมชื่นฝั่งตะวันตก ตรงข้ามอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัยตำบลสวนหลวงอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยนางพุ่มหรือนางสาวพุ่ม พงษ์พิทักษ์เป็นผู้สร้างจึงเรียกว่าวัดภุมรินทร์ นอกจากนางสาวพุ่มพงษ์พิทักษ์แล้วก็มีนายแจ้ง นางชมพงษ์พิทักษ์เป็นผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างด้วย นางสาวพุ่มเป็นบุตรตรี นายเหล็งพงษ์พิทักษ์ เกี่ยวเนื่องเป็นวงศ์ญาติกับตระกูลอัศเวศน์และนาคสวัสดิ์นางภู่พงษ์พิทักษ์ ภรรยานายเหล็ง มารดานางสาวพุ่มเป็นคนนครปฐมเป็นเถ้าแก่โรงหีบอ้อยประวัติวัดภุมรินทร์ก็เกี่ยวเนื่องอยู่ในสามตระกูลนี้

    a.jpg

    ส่วนคำว่ากุฎทองมาจากที่ในวัดมีกุฎีเป็นเรือนไม้สักทองขนาดใหญ่ ปิดลวดลายทองสวยงามกุฎีทองหลังนี้ตามประวัติเล่าว่า เศรษฐีบิดาของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑) ให้สมภารวัดบางลี่ตรวจดูดวงชะตาคุณนาค สมภารทำนายว่าจะได้เป็นพระราชินี เศรษฐีบิดาคุณนาคจึงให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายให้วัดบางนาลี่น้อย และยังมีเครื่องใช้ส่วนพระองค์ถวายไว้ที่วัดนี้จำนวนมาก

    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงครามนี้แต่เดิมมีวัดบางลี่ตั้งอยู่ใกล้กันสองวัดวัดหนึ่งอยู่ริมฝั่งน้ำตอนเหนือเมื่อล่องเรือไปตามลำน้ำแม่กลองจะถึงวัดนี้ก่อนเรียกว่า วัดบางลี่บนอีกวัดหนึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำ เรียกว่า วัดบางลี่ล่างต่อมาวัดบางลี่ล่างเจริญรุ่งเรืองจึงเรียกว่า วัดบางลี่ใหญ่ส่วนวัดบางลี่บนซึ่งตั้งอยู่บนหัวคุ้งข้อศอกถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังลงเรื่อยๆพระอธิการเกียเจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงรื้อย้ายกุฎีวัดบางลี่น้อยมาสร้างที่วัดภุมรินทร์โดยเพิ่มช่อฟ้าใบระกาใหม่ทั้งหลังเพื่อใช้เป็นที่สวดมนต์เมื่อวัดบางลี่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะพังทลายหายไปวัดภุมรินทร์จึงอยู่ปากคลองบางลี่แทนด้วยเหตุที่เป็นวัดที่ได้นำกุฎีทองของวัดบางลี่น้อยมาสร้างรวมไว้ วัดภุมรินทร์จึงได้มีชื่อเรียกในเวลาต่อมาว่าวัดภุมรินทร์กุฎีทอง

    ในวัดภุมรินทร์กุฎีทอง ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า ๓๐๐ปีเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัย นามว่าพระพุทธรัตนมงคลหรือหลวงพ่อโตและยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประดิษฐานอีกด้วย

    a.jpg

    ภายในกุฎีทอง ปัจจุบันยังปรากฏลวดลายจิตรกรรมอยู่บนเพดานและตามฝาผนัง ซึ่งเป็นลวดลายที่เก่าแก่ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑ ส่วนเสาภายในตัวกุฎีทองนี้ยังคงหลงเหลือเสาเรือนดั้งเดิมอยู่เพียงเสาเดียวและเสาต้นนี้เป็นเสาที่พิเศษ เพราะเป็นเสาไม้ตะเคียนเป็นที่สิงสถิตของนางไม้ นามว่า “องค์หญิงสาวิตรี” ซึ่งสามารถอธิษฐานขอโชคขอลาภได้


    a.jpg

    เสาตะเคียนที่มีนางไม้ อายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑


    .....................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2023
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    มีแค่ภาพเดียวอ่ะจ่ะ พี่ปอฯ........
     

แชร์หน้านี้

Loading...