ทำไมมีแต่คนอ้างคำสอนของครูบาต่างๆมากกว่าพระไตรปิฏก

มะ คราย ม่ายเข้าจาย ภาษาทาย เดี่ยวหลบช่วยแปลมา
ปราบน้ำลายยึดไปแย้ว

 

เคย ทำงาน หรือยัง หรือ ยังเรียนหนังสืออยู่

หากเคยทำงาน

เวลา คุณได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เงินเยอะ

แล้ว เพื่อนร่วมงานมันอยากรู้ คุณ จะบอกเขาไหมว่า คุณทำงาน
ได้เงินเดือนเท่านี้

นี่ไม่อวดนะ หากบอกก็ไม่ใช่การอวด แต่ การมาถามแบบนี้เขาไม่ให้ตอบ

ทำไมหละ พิจารณาได้หรือเปล่า

หาก วุฒิภาวะไม่มี ไร้ความรับผิดชอบ ก็จะมองข้ามหัวจิตหัวใจผู้อื่นนะ

* * * * *

ส่วน กรณีพระ นาคเสน ลองนึกดูเวลาไปเสวนา กับ กษัตรย์ ที่เป็นเจ้าชีวิต
ใครบ้าง เขาให้ พูดยกตนเหนือจ้าวผู้ครองนคร วาทะศิลปจึงต้องนำมาใช้
ซึ่งไม่เห็นจะมีอะไร ของง่ายๆ ไปแปลนู้น กลัวอาบ่งอาบัติ คนละเรื่อง

 

แล้วควรปล่อยให้กรรมเป็นของเขา หรือเราจะไปแบกกรรมเขาทำไมเล่าหนอ

 

ขอทิ้งท้ายคำตอบสุดท้ายแล้วกัน

การบำรุงศาสนา ก็คือการบำรุงจิตใจเรา
ให้ถึงหลักความจริงของศาสนา

การที่คุณไปทุกข์ไปร้อนขุ่นมัวจิตใจ
หาเรื่องวุ่่นวายในศาสนามันจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา
นอกเสียจากความขุ่นมัวของจิตใจตน ที่หาความสงบไม่ได้

แต่หากเราหมั่นบำรุงจิตใจเรา
ให้มี ศีล สมาธิ ปัญญา
จนกระทั่งได้มรรค ได้ผล
แล้วทุกคนต่างปฏิบัติเช่นนี้
ลองดูสิถ้าจังหวัดในประเทศไทย
มี 77 จังหวัด ถ้ามีพระอรหันต์ซักจังหวัดละ
10 องค์ แล้วประเทศไทย และโลกนี้จะมีความสงบร่มเย็นเพียงใด
อำนาจบารมีของพระอรหันต์จะทำให้โลกมีความร่มเย็นขนาดไหน
คิดดูเอาแล้วกัน

ก็คิดเอาจะเลือกแบบไหน
จะหาเรื่องหาราวกับคนอื่น
หรือหามรรคหาผลให้ตนเอง

แต่จะเอาทั้งสองอย่างไม่ได้หรอกนะครับ
เพราะคนไปหาเรื่องหาราวคนอื่น
มันไ่ม่มีความสงบหรอก

แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังทรงหนีเข้าป่าเพื่อแสวงหาธรรม
ตรัสรู้ก็ตรัสรู้ในป่า ไม่ได้ตรัสรู้ในขณะที่ไปทะเลาะกับใคร

แม้แต่ยสกุลบุตร ก็ยังหนีจากบ้านช่องที่ใหญ่โต
ไปหาพระพุทธองค์ ในสถานที่ที่มีความสงบ จึงถึงธรรมได้

 

สมัยก่อน ภิกษุเก็บเกลือในเขาสัตว์ยังเป็นเป็นราวใหญ่โต

 

มั่วๆ ประเทศไทย มี 76 จังหวัด

จะมาไม้ไหน หยอดซะหน่อย ก่อนนอน

ว่าไงพี่เตช..!

 

พูดก็ไม่ชัด
ยังจะมาแปลให้ใครเค้าฟังอีก

จะรู้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย

 

ชอบอ่านโพส เฮียบอยครับ

แนววิทย์นิดๆ หลักการหน่อยๆ พูดน้อยๆ แต่เข้าทาง

 

เหรอ แล้วบึงกาฬเป็นจังหวัดที่เท่าไหร่

หรือคิดว่า กทม. ไม่ใช่จังหวัด
เป็นรูปแบบการปกครองพิเศษเหรอ

 

เชื่อผมเหอะ ไปนอนกกไข่ซะ ^^

 

ถ้าปุถุชนน่ะอวดแน่ครับ แต่พระอรหันต์ท่านไม่อวด
ไปอ่านพระวินัยมาก่อนไป

 

กะกะกะ กระต๊าก..!

กทม. ไม่ใช่จังหวด แต่ เป็นเมืองหลวง

นี่แสดงว่า ไม่เคยส่ง จม.

"จ.ม.คนจน ตอบ หน้ามนอยู่ แนวหลัง" :boo:

 

"ได้รับหรือยัง เจ้าร้อยชั่งจำได้ไหม...."

 

ถ้าเป็นแบบนั้นท่านจะบัญญัติพระวินัยไว้ทำไมล่ะ ก็ปล่อยให้รับกรรมไก็สิ้นเรื่องใช่มั้ยครับ

 

ไปนอนดีกว่า..! :boo:

 

ไปนอนเหมือนกันขอรับ ฝันดีครับผมทุกท่าน

พรุ่งนี้ค่อยมาคุยต่อ อิอิอิ

 

คู่นี่มาแนว"โบรกแบลก" หุบเขาเร้นรักรึเปล่าเนี่ย กิ้วกิ้ว

 

อ้าว แล้ว ตะกี้ เองยกประเด็น "พระอรหันต์" ประกาศ "ชาตินี้ชาติสุดท้าย"
ว่าเป็นเรื่อง การ อวดทำไม

ทีนี้ทำเป็น เข้าใจว่า พระอรหันต์ ไม่อวด

จะอ่านทำไม พระวินัย ก็ในเมื่อคนอ่านมาแล้วอย่างคุณ ยัง พูดสับสนอยู่

ผมรอให้ คุณหยุด แสดงความกำกวม ร้อยเลห์ เสียก่อน ค่อยไปอ่าน พระ
วินัยก็ไม่สาย

อีกอย่าง ผมเป็น ฆารวาส จะไปยุ่งอะไรกับ วินัยแบบพระ

ไม่ได้ ลักเพศ นี่ จะทำอะไร ผิดฐานะ

 

I2D2 ไม่ธรรมกา คาดว่าพรุ่งนี้เตรียมทำสงครามเก้าทัพได้เลย ^^

ไปล่ะ

 

ไปกันใหญ่แล้วครับ พระอรหันต์จริงๆน่ะท่านไม่อวด
แต่ที่อวดทุกวันนี้ท่านไม่ใช่ นี่คือความหมายที่ผมจะพูด
ผมว่าอ่านทบทวนดีๆก่อนดีกว่านะครับ

สมัยพุทธกาลฆารวาสก็ศึกษาพระวินัยนะครับ เพราะว่าจะได้สงเคราะห์พระท่านได้ถูกต้องตามวินัย ถ้าเรามาคิดว่าฆารวาสไม่ต้องรู้วินัยพระป่านนี้ฆารวาสคงพากันอาหารค่ำมาถวายพระเพราะเข้าใจว่าพระคงหิว และพระคงรับเพราะไม่กล้าขัดศรัทธาเป็นแน่

แต่สมัยก่อนเขาศึกษามาเหมือนกันนะครับ อย่างนางวิสาขา เป็นต้น