ถามจริงๆครับ ท่านใดเคยมีประสบการณ์ทางจิตในแง่เหนือธรรมชาติบ้างครับ

ถามจริงๆครับ ท่านใดเคยมีประสบการณ์ทางจิตในแง่เหนือธรรมชาติบ้างครับ
อยากรู้จริงๆครับ ไม่ได้กวน
คือแต่เดิมผมค่อนข้างเชื่อพุทธศาสนาในแง่หลักธรรม มากกว่าในด้านภพ ชาติ สวรรค์ นิพพาน
ผมเชื่อว่าจิตที่ผ่านสมาธิจะสงบ และกำจัดกิเลสได้ด้วยสติที่รู้เท่าทัน

หลังจากได้เริ่มต้นอ่านพระไตรปิฏกและพระอภิธรรมไปพร้อมๆกับการอ่าน สตีเฟ่น ฮอกิ้ง ความพ้องเสมือนอย่างประหลาดในด้านต่างๆของวิทยาศาสตร์และพุทธศาสนา ทำให้ผมเริ่มเกิดความคิดว่า จิตในระดับเหนือธรรมชาติเช่น อภิญญา มโนมยิทธิ ถอดจิด ตาทิพย์หูทิพย์ อาจเป็นไปได้เพียงแต่ตัวผมหรือคนอื่นๆยังไม่มีบารมีพอที่จะได้รู้ได้เห็นก็เป็นได้ พระพุทธเจ้าท่านคงไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้เป็นแค่กุศโลบายให้คนเข้ามาศึกษาศาสนาเท่านั้นหรอก แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังสร้างศรัทธาที่แก่กล้าให้ตัวเองไม่ได้ซักที

ตัวอย่างเช่นเพื่อนผมไปเรียนมโนมยิทธิที่สำนักหนึ่งมาเล่าว่า ถอดจิตไปดูนรกสวรรค์ได้ ผมเลยให้ลองถอดจิตมาที่บ้านผมวันไหนก็ได้แล้วจะถามว่าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว เวลาเท่านั้นเท่านี้ มีกี่ใบ สีอะไรบ้าง กลับบ่ายเบี่ยง บอกว่าให้ไปลองปฏิบัตเองรู้เองเห็นเอง เป็นต้น ผมก็บอกถ้าผมทำได้ ก็ไม่ถามพี่หรอก พี่บอกทำได้ แต่ไม่เห็นทำให้ผมดูซํกที

หรือเรื่องตาทิพย์บอกว่าเพื่อนของเค้าทำได้อย่างโน้นอย่างนี้ ผมบอกว่าเอางี้ นัดวันมา ถ้าเพื่อนพี่รู้ว่าแบงค์ยี่สิบในกระเป๋าผมมีเลขอะไรบ้าง ผมลุยถือศีลแปดตลอดชีวิต ก็บ่ายเบี่ยงบอกเค้ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ etc.


สรุปคือใจผมมันอยากจะเชื่อแต่ยังค่อยไม่เชื่อครับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น

เลยอยากทราบเลยอยากถามท่านที่มีสามารถถอดจิต ตาทิพย์ หูทิพย์ต่างๆดังนี้ครับ
1.ประสบการณ์ที่ท่านเคยผ่านมาเป็นอย่างไรครับ เช่นถอดจิตได้ ไปที่ไหน เจออะไร ทำนองนี้
2.ท่านมีวิธีพิสูจน์ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านพบเป็นความจริงหาได้เป็นอุปาทานครับ

ขอแบบตอบตรงๆเน้นๆเลยนะครับ ไม่ต้องยกพระไตรปิฏกมานะครับ เอาประสบการณ์จริงๆ เป็นอย่างไรบ้างครับ อย่างน้อยก็ทำให้ผมและใครอีกหลายๆคนซึ่งผมว่ามีอีกเยอะ ได้รับทราบสิ่งที่ควรทราบครับ

เพิ่มอีกนิด ความฝันไม่เอานะครับ ประเภท ทดสอบตาทิพย์ผมฝันว่าผมได้เห็นโน่นนี่นั่น ทดสอบถอดจิตในฝัน ทำนองนี้รบกวนผ่านไปเลยก็ได้ครับ มันจะยิ่งทำให้ความ เอ๊ะ! มันบังเกิดน่ะครับ

 

เรื่องอภิญญา ต้องคุยกับผู้ที่ได้อภิญญาแล้ว

ถ้าอยากทดสอบและพิสูจน์คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าเป็นจริงหรือไม่

ขอเชิญบวช ที่วัดท่าขนุน มีบวชฟรี ปีละ4 ครั้ง

จะจริงหรือไม่จริง ต้องลอง ต้องพิสูจน์ ด้วยตนเอง อย่ามัวไปเสียเวลาถามชาวบ้านเค้าเลย


เจริญในธรรมครับ

 

เหอๆ เข้าท่าดีนะ บวชเพื่อพิสูจน์พระศาสนา
ใจจะถึงหรือเปล่านี่สิ ?

 

คิดเหมือนกันกับผมเลย แต่ท่านที่ทำได้จริงก็มีครับ ของอย่างนี้มันต้องลองพิสูจน์ปฏิบัติด้วยตัวเองเท่านั้นครับ ถึงจะหายสงสัย ถ้าจะไปหาความจริงจากบุคคลอื่นมันหายากครับ ถ้าทำถึงแล้วก็จะอุทานออกมาว่า "เฮ้ย! มันเป็นไปได้" ขอเพี่ยงมีความตั้งใจปฎิบัติจริง ไม่ทำแบบเหยาะแหยะ ส่วนวิธีก็ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนแหละครับ
ปล.ผมไม่ได้เป็นผู้รู้หรือมีความสามารถพิเศษอะไรนะครับ เป็นเพียงผู้ฝึกหัด แต่ในบ้างครั้งมันก็มีบางอย่างที่เราไม่สามารถอธิบาย หรือเอามาพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ ซึ่งมันก็อาจจะเคยเกิดขึ้นกับตัวคุณมาแล้วครับ

 

เห็นว่าอยากรู้จริงๆเลยจะช่วยไขข้อข้องใจให้ค่ะ ^_^

---------

แต่ขอ แนะ อะไรอย่างนะคะ...

ความเชื่อ.. ไม่มีความจำเป็นในศาสนาพุทธเลยค่ะ.. คุณเลือกที่จะเชื่อเพื่อนคุณ หรือเลือกที่จะไม่เชื่อก็ได้..

คุณเลือกจะเชื่อสิ่งไหน หรือเลือกที่จะไม่เชื่อสิ่งไหน ก็ได้.. ขอแค่ความเชื่อนั้น มันก่อให้เกิดสิ่งดีๆกับตนเองและผู้อื่น และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

----------

ทีนี้.. กลับมาเรื่อง การถอดจิต

ถ้าคุณจะถือศีล ๘ เพราะเรื่องถอดจิต แสดงว่า คุณยังไม่เข้าใจศาสนาพุทธนะคะ

-------

ความเชื่อ กับการ ถอดจิต เป็นคนละเรื่องกันเลย

ถ้าคุณเลือกที่จะเชื่อ คุณก็.. ไปถามใครก็ได้ แล้วก็เลือกเอาว่า ใครพูดจาน่าเชื่อถือ แล้วก็ไปเชื่อคนนั้น..

-------

แต่ถ้าคุณ ไม่ได้ต้องการความเชื่อ แต่.. ต้องการความจริง! มันก็พอจะมีทางให้คุณพิสูจน์อยู่

วิธีพิสูจน์นี้ ไม่ได้ยากเย็นอะไร

คุณไม่ต้องไปนั่งสมาธิเป็นปีสองปี คุณก็สามารถถอดจิตได้

----

การถอดจิต โครงสร้างของจิต ไม่ใช่เป็น ลูกแก้วใสๆ หรือเป็นร่างโปร่งๆ หรือเป็นอะไรอย่างที่คุณเข้าใจนะคะ (คนที่ไม่เคยปฏิบัติ มักจะตีความแบบผิวเผินว่า จิตคือ วิญญาณที่รูปร่างหน้าตาแบบเรา)

mamboo จะแนะให้เข้าไปที่นี่ >>> มาเรียนรู้จิตวิญญาณที่นี่ (เป็นการศึกษาและทดลองให้รู้ด้วยตนเอง)

คุณอ่านกระทู้ให้ละเอียดนะคะ mamboo เขียนไว้หลายหน้า เลื่อนๆไปอ่าน แล้วปฏิบัติแบบที่ mamboo แนะไว้ 3 ข้อ ไม่เกิน 3 วัน คุณก็พิสูจน์ได้แล้วแหละว่า จิตวิญญาณ คืออะไร?? มีจริงไหม??

คุณจะรู้เรื่องเหล่านี้ ด้วยตัวของคุณเอง (mamboo ยังเขียนบทสรุปไม่เสร็จนะคะ ค้างไว้หลายข้อ แต่เชิญเข้าไปอ่านอันที่เขียนเสร็จแล้วได้เลยค่ะ)

 

จริง ๆ แล้ว ผู้ที่ทำได้แล้วจะไม่ค่อยแสดงออก เพราะทำให้คนอื่นเข้าใจยากและเป็นการโอ้อวด บางคนอาการไม่เหมือนกัน ไปยึดอาการต่าง ๆ ตามตำราไม่ได้ มันเป็นปัจจัตตังจริง ๆ เกิดขึ้นเฉพาะตนจริง ๆ
ประสบการณ์ตรงของเราคือ เป็นอาการคล้าย ๆ ลูกสว่านหมุนอยู่ในท้องตรงสะดือแล้วหมุนเลื่อนขึ้นข้างบนออกกลางกระหม่อม เมื่อหลุดออกไปแล้วเกิดอาการเวิ้งว้างอยู่กลางอากาศ พอหมดกำลังก็หล่นตุ๊บ ช่วงที่หลุดออกไปก็เหมือนกับที่เราไปเอง เห็นเองเต็มตา ดวงตาทั้งสองข้างไปด้วยหมดเพียงแต่ไม่เห็นร่างกาย ใหม่ ๆ ก็เวิ้งว้างเดี๋ยวนี้ไม่แล้ว
ส่วนกายทิพย์มันไปเอง ตอนนอนแต่ยังไม่หลับ นอนหงายอยู่ยังไม่หลับ ครั้งแรกที่เกิดคล้าย ๆ แผ่นดินไหว มันสั่นสะเทือนที่รู้สึกคนเดียว เป็นหลาย ๆ ครั้ง ออกทางหัว พอเห็นร่างกายตนเองก็ตกใจ หลุดจากอาการนี้ แต่ตอนหลังมีกำลังใจเข้มแล้วก็ออกเอง ออกข้างหน้าเดินทะลุกำแพงห้องได้สบาย ๆ แกมตกใจและงง ๆ
ถ่ายทอดมาให้รู้ส่วนหนึ่งเพื่อคลายความอยากรู้และสงสัย ไม่ได้มาโอ้อวดแต่ประการใด เพราะทุกวันนี้ก็ยังฝึกได้ไม่เก่ง ยังต้องขยันอีกมาก ศีล 5 ต้องครบและเป็นอธิศีล และกรรมบถ 10 ต้องเข้ม จึงทำได้และไม่เป็นอุปาทาน บางอย่างรู้แต่พูดไม่ได้ ผู้คนจะตำหนิเอา ของจริงเขาไม่อวด นี่ก็ทำใจอยู่เหมือนกัน ในการมาเล่าสู่กันฟัง เล่าสู่กันอ่านน่ะ
เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

 

ไม่เคยมีประสบการณ์เหนือธรรมชาติครับ มีแต่ประสบการณ์ตามธรรมชาติครับผม

 

เห็นการเกิดดับของขันธ์ 5

 

ไม่ใช่ผู้รู้นะ แต่คุณฮั้วโต๋ แสดงความเห็นได้ตรงใจมากมาย;ปรบมือ

 

ผมเองก็เคยเป็นทั้งผู้ถาม และผู้ตอบในคำถามแบบเดียวกับที่คุณ cantona_z ถามนั่นแหล่ะครับ บอกตามตรงนะที่เพื่อนของคุณไม่ยอมทำตามที่คุณต้องการ อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งเริ่มฝึกในขั้นต้น จึงไม่มีกำลังจิตที่แข็งแกร่งพอ เกรงว่าถ้าตอบผิดจะทำให้คุณเสียศรัทธา และหันหลังให้กับการฝึกจิต ซึ่งเป็นการเสียโอกาสในการทำความดีอย่างน่าเสียดาย

ทำไมการไปดูนรกสวรรค์ ภพภูมิต่างๆมันง่ายกว่า การเข้าไปดูที่บ้านคุณน่ะหรือ ที่จริงมันเกิดจากความวิตกกังวล ฟุ้งซ่าน ลังเล ครับ เพราะกลัวจะตอบผิดจึงทำให้ไม่สามารถรวบรวมกำลังจิตได้ คนที่เพิ่งฝึกได้ไม่นาน หรือยังไม่ช่ำชองมักจะเป็นเช่นนี้ทุกคน ไอ้การไปดูนรกสวรรค์น่ะมันไม่มีตัวชี้วัดแบบเห็นกันจะจะครับผม ความกังวลในส่วนนี้ก็จะลดลงไปมาก และในการฝึกจิตของเราจะถูกควบคุมโดยผู้เป็นครูฝึก(อันนี้ไม่แน่เสมอไปนะครับ) จึงสามารถรวบรวมสมาธิได้ง่าย สังเกตุตัวเองดูก็ได้นะครับ เวลาฝึกกับครูฝึกเทียบกับตอนฝึกด้วยตัวเองจะได้ผลต่างกัน มีสมาธิต่างกันครับ

เมื่อก่อนตอนผมฝึก อาจารยท่านจะพาเราท่องสวรรค์ นรก นิพพาน จนเห็นว่าเรามีกำลังจิตดีพอแล้ว ท่านจะยัดคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นกันจะจะนี่แหล่ะ เช่นท่านกำลูกแก้วไว้ในมือแล้วถามเราว่าลูกแก้วในมือสีอะไร ถ้าประสาทอ่อนก็ตกใจตอบผิดๆถูกๆล่ะครับ แต่ถ้าเข้าใจหลักการและได้รับการฝึกอย่างถูกต้องและต่อเนื่องก็พอเอาตัวรอดได้ครับ

ไหนๆก็เล่ามาแล้วผมเลยขอแนะนำต่อนะครับ สำหรับใครที่ฝึกมโนมยิทธิ ให้ทดสอบกับสิ่งที่เห็นได้จริงครับ เช่นเอาไพ่มาสับๆๆๆแล้วทดสอบดูว่าไพ่ใบบนสุดเป็นไพ่อะไร เป็นการฝึกการวางอารมณ์ได้อย่างดีทีเดียวครับ แนะนำให้ทำเองคนเดียวอย่างให้ใครรู้ มันจะเป็นการโอ้อวดผิดแนวทางที่ครูบาอาจารย์สอนสั่งกันมาครับ

เอาแค่นี้คงพอนะครับ เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจครับว่า การดูนรกสวรรค์ กับการดูสิ่งที่มีอยู่จริงๆบนโลก สำหรับคนที่เพิ่งฝึกล่ะก็ใช้ความพยายามต่างกันมากๆครับ เนื่องจากความกดดัน และความกังวลใจที่ต่างกันครับผม ถ้าใครที่ฝึกอยู่แล้วไม่แน่ใจว่าเรามั่วหรือเปล่าให้ทดสอบกับสิ่งที่มีอยู่จริงๆครับ แต่คุณต้องทำคนเดียวหรือกับสหายธรรมด้วยกันนะครับ

 

ไม่มีสิ่งเหนือธรรมชาติครับ ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นสิ่งนั้นเป็นธรรมชาติ ถ้าคุณเชื่อเพียงแต่สิ่งตาที่มองเห็น และ สัมผัสภายนอก คุณก็จะยึดติดมัน จนยากจะเข้าใจ จิต เพราะว่าเรากำลังฝึกเพื่อเพิ่มพลังจิต ไม่ใช่พลังกาย ถ้าคุณเชื่อว่าจิตพัฒนาได้จริง คุณก็ต้องทดลองด้วยตัวเองครับ ผมไม่เล่าเหตุการณ์ที่ผมพบนะครับ เพราะผมเพิ่งเริ่มต้น ยังตีเป็นอุปทานทั้งหมด แนะนำให้ไปหาพระปฏิบัติ จะดีกว่ามาถามที่นี่มาก เรื่องเพื่อนคุณที่เขาไม่พิสูจน์เพราะเขาก็เหมือนหลายๆคนในนี้ คือ ได้บ้างไม่ได้บ้างยังไม่คล่อง(หรือการจะรักษาญานต่างๆไว้ต้องมีศีลเคร่งครัด)พลาดขึ้นมาคุณจะเสียศรัทธา ศรัทธานั้นสำคัญมากๆ มันจะเป็นสิ่งที่ทดสอบคุณ และอาจเป็นตัวที่บอกคุณว่าคุณจะมีบารมีที่จะหลุดพ้นในชาตินี้หรือไม่ คุณกำลังหาเหตุผลหรือหลักฐานมาวางตรงหน้าเมื่อเห็นว่าน่าเชื่อแล้วจึงลงมือทำตามเขา ไม่ลงทุนเลย
จะทำอะไรก็ต้อง คอยๆๆ ถ้าอยากมีศรัทธามากขึ้น แนะนำให้ไปศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรมครับ ไม่ต้องเอาใครมาเป็นตัวอย่าง ตัวคุณนั่นแหละเจอมาทั้งชีวิต พอเข้าใจจริงๆ ศรัทธาของคุณจะเพิ่ม อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ที่โต้ตอบนี่ไม่ได้จะคัดค้านนะครับ อะไรที่เห็นว่าผิดจากความจริงก็จะพยายามช่วยแนะนำ ที่กล้าอธิบายนี่ไม่ใช่เพราะอ่านมาเยอะนะครับ ทดลองปฎิบัติจริงจนได้ผลในระดับนึงมาแล้ว เรื่องความเป็นทิพย์เป็นของทำได้จริงครับ พิสูจน์กับตัวเองมาจนเชื่อแล้ว ก็อยากให้หลายๆ คนตั้งในปฎิบัติให้ได้ผลเหมือนกันนะครับ เพราะถึงจะไม่ได้ผลได้ฤทธิ์อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นบุญใหญ่ที่ทำได้ยาก สมควรอย่างยิ่งที่ชาตินึงควรจะตั้งใจปฎิบัติ แล้วบุญที่ปฎิบัติไปจะช่วยให้ความจริงกระจ่างเองครับ

 

เมื่อใดที่เราเข้าใจและใช้ชีวิตให้เป็นไปตามธรรมชาติได้ และเราไม่มีกิเลสใดๆมาเป็นเครื่องรัดไว้แล้ว การกระทำที่เรียกว่า เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่ท่านใช้ศัพท์นี้ ก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
จะเห็นตัวอย่างจากครูอาจารย์ไม่ว่าจะย่นระยะทาง หายตัวไปสถานที่แห่งหนึ่ง ท่านทำได้เพราะท่านตัดกิเลสได้หมดจดแล้ว แต่พวกเรานี้ทำไม่ค่อยได้หรอก ต้องว่ากันยาว เอาแค่มโนมยิทธิเต็มกำลังก่อนแล้วกัน อย่างน้อยๆพาดวงจิตไปกราบพระพุทธเจ้า ไปเห็นสัจธรรมของภพภูมิก่อนนะ อิอิ

 

ยุคนี้เป็นยุคแห่งบุญฤทธิ์ ไม่ต้องไปเรียนเขียนยันต์ ไม่ต้องว่าบาลี ว่าพระคาถา แต่เมื่อเราสร้างบารมีถึงที่สุดแล้ว ให้จับโน่นจับนี่ ดีหมด ทำอย่างนั้นได้เมื่อไหร่ คงช่วยเวไนยสัตว์ได้มากเลย
ฤทธิ์ที่เกิดจากบุญนี่ สร้างพระใหญ่อธิษฐานเป็นไหม ก็ต้องใช้ปัญญาอธิษฐานเป็นอีก ในขณะอธิษฐานหากศีลบริสุทธิ์ก็บุญมากมาย หากมีสมาธิด้วยพลังงานบุญชาร์จเต็มที่

ศีล สมาธิ ปัญญา ทาน ศีล ภาวนา เพื่อบุญฤทธิ์ จึงขาดกันเสียอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้

 

ตาทิพย์ ตาที่สามนั้นมีจริง แต่ไม่ใช่จะมองทะลุได้ทุกส่วน บังคับไม่ได้ ผู้ที่บังคับได้ต้องมีพลังจิตที่สูงส่ง เพ่งเห็นได้เป็นบางเรื่อง ขึ้นอยู่กับเจตนาและปัจจัยต่างๆ เช่น บารมี ๑๐ แล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและสาธารณชนหรือไม่......

 

เคยมีหลายครั้งไปได้แบบสตาร์เกตแต่มันก็ไม่เที่ยงแท้อยู่ดี
ช่วงที่เกิดจิตต้องแนบแน่นจริงๆ เรียกว่าทรงอารมณ์ฌานตลอด 24 ชั่วโมง

 

สุนักขัตตะลิจฉวี อ่านพระไตรปิฎกจะรู้จักชื่อนี้

 

จขกท หายไปไหนแล้วไม่เคยเข้ามาตอบเลย คงเซ็งกระมัง