<VSN><<<โปรพิเศษ พย.นี้ 100บ. ทุกรายการ " พระเครื่องพุทธคุณหลักล้าน ราคาหลักร้อย " >>><NSV>

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย momotaro67, 25 สิงหาคม 2011.

  1. mrdon

    mrdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +2,499
    สวัสดีครับขอจองเหรียญเม็ดแตงลพ.ชำนาญ-ลป.ทวด3องค์ และรูปหล่อตะกั่วอวน ลพ.เพี้ยน 1องค์ ขอโอนสักอาทิตย์นะครับเผื่อมีรายการสนใจอีก
     
  2. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458

    รับทราบครับผม...................
     
  3. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    สมเด็จบางขุนพรหม ผสมผงเก่า ปี 47 พิมพ์สังฆาฎิไม่มีหู มวลสารจัด สวยสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมจากวัด

    พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 2547 ที่สร้างครั้งนี้มีส่วนผสมของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะก้อนผงพระสมเด็จกรุใหม่ที่ขุดขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2500 เป็นมวลสารหลักและก้อนผงวิเศษ 5 ประการของวัดระฆังฯที่ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิเมธี เจ้าคณะภาค 11 เก็บรวบรวมไว้ โดยผสมกับผงอิฐฐานรองพระประธานในพระอุโบสถวัดระฆัง ฯ อายุกว่า 200 ปี ซึ่งเชื่อกันว่าพระเถระผู้ใหญ่ของวัดระฆังฯ โดยเฉพาะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ประกอบพิธีอธิษฐานจิตในโบสถ์ อิฐฐานรองพระประธานย่อมได้รับการลงพลังจิตไปด้วย ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หาค่ามิได้ นอกจากนี้ยังมี พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุต่างๆ และวัตถุอาถรรพณ์ ผสมมากมาย ทั้งไม้มงคล ไม้กาฝาก ดินโป่ง และน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดทั่วประเทศ

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อนำรายได้ร่วมสร้างองค์จำลองท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) เพื่อประดิษฐานที่วัดตาลเจ็ดยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ และเป็นที่พึ่งทางใจ จึงได้ขออนุญาตจัดสร้างพระรุ่นนี้ขึ้น เพื่อจัดหารายได้ร่วมสมทบทุน ซึ่งจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก และอาราธนาพระเกจิทั่วประเทศร่วมปลุกเสก ณ อุโบสถวัดใหม่อมตรส(บางขุนพรหม) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2547 เวลา 18.19 น. โดยมีพระเทพวิสุทธิเมธี (เที่ยง) เจ้าคณะภาค 11 วัดระฆังฯ เมตตาเป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมพระเกจิดังอีก 9 รูป

    1. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
    2. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
    3. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี
    4. หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ์ กทม.
    5. หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี
    6. พระอาจารย์ไพโรจน์ วัดห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์
    7. หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    8. พระ ดร.ปรีดา ธัมญาโณ วัดใหม่อมตรส กทม.
    9. หลวงพ่อเทียม วัดใหม่อมตรส กทม.

    หลังจากนั้นได้นำไปให้หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร จ.นครราชสีมาปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง


    สำหรับ วัตถุมงคลรุ่นนี้ถึงจะเป็นพระใหม่แต่ว่าพิธีการสร้างและเจตนาในการสร้างดี พิธีเข้มขลัง สำหรับสายตรงที่รักพระสมเด็จ และราคาไม่แพง มีความเชื่อและศรัทธา
    ควรเก็บไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง



    [FONT=&quot]ให้บูชา 350บ. ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_2445.jpg
      SAM_2445.jpg
      ขนาดไฟล์:
      542.3 KB
      เปิดดู:
      477
    • SAM_2447.jpg
      SAM_2447.jpg
      ขนาดไฟล์:
      583.4 KB
      เปิดดู:
      397
    • SAM_2442.jpg
      SAM_2442.jpg
      ขนาดไฟล์:
      981.5 KB
      เปิดดู:
      529
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2011
  4. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    ล็อกเก็ตรุ่นแรก ฉากขาว เจ้าทรัพย์ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่
    มีเม็ดโค๊ดหมายเลขกำกับทุกองค์ จีวร เกศา หินเขี้ยวหนุมาน ตะกรุดสาลิกา 1ดอก


    [FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • nam1.jpeg
      nam1.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      108
    • nam2.jpeg
      nam2.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      44.9 KB
      เปิดดู:
      105
    • nam3.jpeg
      nam3.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      41.1 KB
      เปิดดู:
      98
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2011
  5. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    [​IMG]

    รูปหล่อ เนื้อนวโลหะ "หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร" วัดสวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี ก้นอุดกริ่งตอกโค๊ต สภาพสวย พร้อมกล่องเดิม

    หลวง ปู่พรหมมา ท่านเป็นพระเกจิที่มีอิทธิญาณบารมีแก่กล้า เป็นพระลึกลับอยู่บนยอดเขาห่างไกลผู้คน มุ่งบำเพ็ญจิตภาวนาเป็นสำคัญ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2440 บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ12 ปี จากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชากับสมเด็จลุน ที่เวินชัยนคร จำปาศักดิ์ นานถึง 6 พรรษา หลังจากที่สมเด็จลุนได้มรณภาพลง หลวงปู่พรหมมาก็ได้ร่วมเดินธุดงค์พร้อมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปหาสถานที่อันสงบเงียบบำเพ็ญภาวนาตามป่าเขา หลวงปู่พรหมมาได้จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดภูเขาควายนานถึง 45 พรรษา กล่าวกันว่าหลวงปู่พรหมมา ท่านมีครูบาอาจารย์เป็นฤาษีตาไฟ มีวิชาอาคมเข้มขลัง ต่อมาได้ธุดงค์ข้ามมายังฝั่งไทย เมื่อปีพ.ศ.2533 หลวงปู่พรหมมาได้เห็นว่าถ้ำสวนหิน ภูกระเจียว ในวันเดือนหงายจะมีสัตว์ป่านานาชนิดวิ่งกันขวักไขว่ เหมาะแก่การฝึกปฏิบัติตน จึงได้พักบำเพ็ญเพียรแต่นั้นมา เมื่อเวลา 22 นาฬิกา 11 นาที 31 วินาที ของวันที่ 23 ส.ค.2545 หลวงปู่พรหมมาได้มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคหัวใจ สิริอายุรวม 105 ปี ณ วัดธาตุวราราม จ.เลย วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างมีด้วยกันหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์และสร้างอภินิหารให้แก่ผู้บูชาอย่างมากมาย

    เมื่อ ประมาณปี 2536 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงข่าวนักการเมืองท้องถิ่น นครสวรรค์โดนยิงขณะรถติดไฟแดง เห็นสภาพรถแล้วกระจกแตกหมด แต่คนที่โดนยิงไม่เป็นไร(โดนหน่ะโดนอยู่แต่ไม่เข้า) เพราะว่าเค้าแขวนพระหลวงปู่พรหมมาฯ

    วัตถุมงคลของท่านเป็นจึงที่นิยม และต่างแสวงหามาเพื่อบูชาเป็นสิริมงคลแก่ตัว ทำให้พระที่ท่านสร้างทุกรุ่น นับวันยิ่งทวีค่าและราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ

    สำหรับรูปหล่อองค์นี้ เป็นเนื้อนวโลหะ สร้างน้อย หายาก ออกวัดองค์ละ 599บาทแล้ว
    ให้บูชาในราคาต่ำกว่าราคาวัดเลยครับ แบ่งของดีกันไปใช้


    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pm1.jpeg
      pm1.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      59.7 KB
      เปิดดู:
      293
    • pm2.jpeg
      pm2.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      57.6 KB
      เปิดดู:
      300
    • pm3.jpeg
      pm3.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      36.5 KB
      เปิดดู:
      303
    • pm4.jpeg
      pm4.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      55.6 KB
      เปิดดู:
      102
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2014
  6. KRITA

    KRITA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,060
    ค่าพลัง:
    +7,264
    ล็อกเก็ตรุ่นแรก ฉากขาว เจ้าทรัพย์ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่
    มีเม็ดโค๊ดหมายเลขกำกับทุกองค์ จีวร เกศา หินเขี้ยวหนุมาน ตะกรุดสาลิกา 1ดอก


    [FONT=&quot]พิเศษให้บูชาองค์ละ 350บ.
    จองครับ
    [/FONT]
     
  7. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458


    รับทราบครับผม...................
     
  8. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    รายการใหม่ เดินทางแล้วนะครับเช้านี้ 8/9/54

    อนันตภพ : RF326894321TH<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    รากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์"

    :: หลวงพ่อมหาอาคม อินฺทสโร ::

    หมายเหตุ:เนื้อหาข้อมูลทั้งหมดต้องขอบคุณพี่กริชภารตะ จากเวบไซต์ www.หลวงพ่อมหาอาคม.com มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%">[​IMG]

    หลวงพ่อมหาอาคม อินทสโร พระผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “อาคมขลังเมืองมะขามหวาน”

    หลวง พ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์ ท่านเป็นเจ้าของตำรับ ตะกรุดโทนคู่ชีวิต ประสบการณ์สูงทางด้าน คงกระพัน มหาอุตม์ ...ท่านเก่งเรื่องตะกรุดมาก ขนาดหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง และ หลวงพ่อออด วัดอับสรสวรรค์ กทม.เจ้าของตำรับ"ฝังตะกรุดทองวิ่งได้ " ยังไปขอเีรียนวิชาลงตะกรุดกับหลวงพ่อมหาอาคมเลยครับ......



    พระครูอนุรักษ์วาปีพิสัย (หลวงพ่อมหาอาคม อินฺทสโร)

    ชื่อเดิม : ชื่อ อาคม ตระกูล ประทุมทอง

    บ้านเกิด : วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2467 ณ บ้านโนนแดง หมู่ที่ 20

    ต.หนองแปง อ.กมลาพิไสย จ.มหาสารคาม(ปัจจุบันเปลี่ยน

    เป็น ต.ลำชี อ.กมลาพิไสย จ.กาฬสินธุ์)

    เป็นบุตรโทนของนายเคน และนางแดง(เสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน)


    บรรพชา/อุปสมบท : ปี พ.ศ.2487 อุปสมบทต่อเนื่องจากการบรรพชา

    โดยมิได้สึกแต่อย่างใด ณ วัดบ้านโนนแดง(วัดบ้านเกิด)

    โดย พระสารคามมุณี เป็นพระอุปัชฌาย์

    ได้รับฉายา “อินทสโร”



    การปกครอง/สมณศักดิ์


    พ.ศ.2494 เป็นเจ้าอาวาสวัดบุ้งน้ำเต้า และเจ้าคณะตำบลบุ้งน้ำเต้า อ.หล่มสัก

    พ.ศ.2519 เป็นเจ้าอาวาสวัดราหุล อ.บึงสามพัน และได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

    พ.ศ.2525 เป็นพระครูสัญญาบัตรพัดยศ ชั้นโท ที่ “พระครูอนุรักษ์วาปีพิสัย” และเป็นเจ้าคณะอำเภอบึงสามพัน พร้อมทั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดาวนิมิต

    พ.ศ.2530 เป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม


    เรื่องราวของ “หลวงพ่อมหาอาคม อินทสโร” พระผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “อาคมขลังเมืองมะขามหวาน” หากจะว่ากันให้ละเอียดแล้ว 2 ฉบับ ก็ไม่หมดเนื้อหา ดังนั้นต้องกราบขออภัยที่ต้องย่อเรื่องให้กระชับ แต่อย่างไรก็ตามผมจะพยายามให้รายละเอียดต่าง ๆ คงเดิม ตามที่ “ครูแดง” ให้ข้อมูลมาครับ

    กล่าว ได้อย่างเต็มที่ว่า หลวงพ่อเป็นผู้ฝักใฝ่ในการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้าเรียนขั้นมูลหรือชั้นประถมต้น เมื่อายุ 10 ขวบ พ.ศ. 2477 ณ โรงเรียนวัดโนนแดง ต.หนองแปง อ.กมลาไสย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใกล้บ้าน หลวงพ่อใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นก็จบชั้นประถมปีที่ 4 ใน พ.ศ. 2480 และในปีรุ่ง พ.ศ.2481 ท่านก็ได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านตูมชัย ต.หนองแปง ในแถบบ้านเกิดของท่าน ขณะนั้นท่านอายุเพียง 14 ปี


    และ ดังที่ได้เรียนไว้เบื้องต้น หลวงพ่อเป็นผู้ใฝ่การศึกษา ดังนั้นในการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านจึงพ้นอย่างสะดวกสบาย โดยในขณะอายุ 19 ปี ท่านก็สอบนักธรรมชั้นเอกเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้น ท่านยังได้เรียนบาลีไวยากรควบคู่ไปอีกจนแตกฉานกว่าสามเณรในวัยเดียวกัน และเพราะความที่ชอบในการศึกษา หลังช่วงว่างจากการศึกษาบาลีไวยากรแล้ว หลวงพ่อก็เริ่มศึกษาวิชาอาคมกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขต จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งแต่ละเถรคณาจารย์จะเก่งทางด้านคงกระพันชาตรีและการขับภูติผีปีศาจ แก้คุณไสยต่าง ๆ อาทิ หลวงปู่ป้อ แห่งวัดบ้านเอียด ต.เขว้า อ.เมือง จ.มหาสารคาม และตั้งแต่เป็นสามเณรหลวงพ่อก็ได้วิชาต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะ วิชาขับผี ไล่ปอบ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้วิชานี้จนโด่งดัง สมัยเป็นสามเณรแล้ว



    หลัง จากอุปสมบทอย่างต่อเนื่องเมื่ออายุครบ 20 ปี แล้วหลวงพ่อก็ได้เดินทางไปศึกษาบาลีธรรมบท ในกรุงเทพมหานคร โดยพักจำพรรษาที่วัดสระเกศ 3 พรรษาด้วยกัน และได้เปลี่ยนสำนักเรียนอีก 2-3 แห่งคือวัดสุทัศน์ และวัดมหาธาตุ แต่แล้วในปี พ.ศ. 2490 ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เกิดวิกฤติ ข้าวยากหมากแพง จากกรุงเทพมหานคร หลวงพ่อก็ได้โยกย้ายกลับขึ้นไปทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ หลบภัยอดอยากจากสงครามโดยจำพรรษาอยู่ที่วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2 พรรษา


    “ก้าวแรกสู่แดนมะขามหวาน นครพ่อขุนผาเมือง”

    ปี พ.ศ. 2494 หลวงพ่อได้ออกธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่ล่องใต้ตามไม้หมอนรถไฟ และข้ามน้ำข้ามห้วยปีนเขามาถึงอำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจำพรรษาครั้งแรกที่วัดไพรสณฑ์วรารามและได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสให้เป็น ครูสอนบาลีธรรมเพราะในขณะนั้น หลวงพ่อได้เปรียญธรรม 4 ประโยค และในปี พ.ศ.เดียวกันนี้ หลวงพ่อก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลลุ้งน้ำเต้า อ.หล่มสัก และจุดนี้คือจุดหักเหให้ชีวิตในสมณเพศของหลวงพ่อ เป็นไปในการเผยแผ่พระศาสนา อบรมปฏิบัติธรรม จริยธรรม แก่พระภิกษุสามเณรในเขตการปกครอง ตลอดจนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยการเทศน์สั่งสอน อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนทั่วไป จนทำให้ชื่อเสียงในการเป็นพระธรรมถึกของหลวงพ่อโด่งดังไปทั่วอำเภอและใกล้ เคียง


    ในปีรุ่งขึ้น พ.ศ.2495 หลวงพ่อก็ได้รับความไว้วางใจ จากคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์แต่งตั้งให้เป็นพระธรรมฑูต ของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหน้าที่ออกเผยแผ่ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ตลอดจนพระภิกษุและสามเณรในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์และใกล้เคียง และเพื่อสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ หลวงพ่อจึงต้องจำพรรษาในจังหวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ ณ วัดมหาธาตุ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่ออยู่จำพรรษามากที่สุด ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบึงสามพัน


    ช่วง ที่อยู่จำพรรษาที่วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ หลวงพ่อได้ศึกษาวิชาทางโลกเพิ่มเติมจนได้รับสิทธิให้เข้าสอบวิชาครู และสอบได้ในประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตร “ครูมลพิเศษ” และนับเป็นรูปแรกของพระภิกษุในจังหวัดเพชรบูรณ์ และเพราะวิสัยชอบศึกษาความรู้ในทุก ๆ แขนง เท่าที่โอกาสจะอำนวยให้จนเป็นผู้คงแก่เรียน รู้จริง ปฏิบัติจริง ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อจึงได้รับโปรดประทานจากสมเด็จพระสังฆราชาฯ ให้ดำรงตำแหน่ง “พระวินัยทรในเขตภาคเหนือ” มีหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบของพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในระเบียบวินัยและกฎ ของมหาเถรสมาคม เขตรับผิดชอบ 8 จังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง อาทิ พิจิตร, นครสวรรค์, กำแพงเพชร, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, ตากและเพชรบูรณ์


    หลวง พ่อมหาอาคมอยู่ในตำแหน่ง “พระวินัยทร” ตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงเมื่อยกเลิกระบบการปกครองของสงฆ์ในปี พ.ศ. 2507 นับเป็นพระวินัยทรรูปสุดท้ายของจังหวัดเพชรบูรณ์


    12 ปี แห่งการธุดงควัตรและวิชาคาถาอาคม

    นับ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2505-2517 หลวงพ่อตั้งปณิธานที่จะออกธุดงควัตร บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมและศึกษาด้านเวทมนต์คาถาจากพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเริ่มต้นจากภาคเหนือ นับแต่ พิจิตร, พิษณุโลก, สุโขทัย ข้ามภูพระวอที่ตาก ไปแม่สอดและข้ามแม่น้ำเมยเข้าไปพม่า จากนั้นจึงวกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือทางจังหวัดเลย มุ่งอีสานข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว แขวงจำปาศักดิ์ แล้วลงภาคใต้ที่ประจวบฯ ลุยขึ้นเขาสามร้อยยอดต่อไปอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปักกลดแถบเขาโตนงาช้างของนครศรีธรรมราช, ยะลาและข้ามไปปาดังเบซาร์แดนมาลายู

    หลวง พ่อใช้เวลาการเดินทางธุดงค์ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆพร้อมทั้งบำเพ็ญเพียรกรรมฐาน และสมาธิจิตกลางป่าดงดิบนานถึง 12 ปีเต็ม ๆ ได้วิชาความรู้ด้านเวทมนต์คาถา จากพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมหลายรูป ทั้งฝากตัวเป็นศิษย์ และทั้งแลกเปลี่ยนวิชาอักขระยันต์ต่าง ๆ ตามแต่โอกาสจะอำนวยให้ เช่น ปี พ.ศ. 2508 ขณะธุดงค์ไปจังหวัดตาก ข้ามภูพระวอไปอำเภอแม่สอด ได้ไปขอศึกษาวิชาคงกระพันชาตรี เพิ่มเติมกับ “ครูบากัญชัย” หรือ พระครูศิริรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมาตานุสสรณ์ บ้านแม่กึ๊ดหลวง ฉายา เทพเจ้าลุ่มแม่น้ำเมย

    และ ในปีเดียวกันนี้ หลวงพ่อก็ได้ตัว “นะ” สำคัญยิ่งมาหนึ่งตัว นะตัวนี้หลวงพ่อเคยนำมาสักให้กับลูกศิษย์คนหนึ่งปรากฏว่าเมื่อเด็กคนนี้โต ขึ้นมา ถ่ายรูปทำบัตรประชาชนไม่ติด ต้องมาสักแก้จึงถ่ายรูปทำบัตรประชาชนได้ นะตัวดังกล่าวคือ “นะลือชา”

    หลวง ปู่แพง วัดสิงห์หารบ้านสะพือ อุบลราชธานี ศิษย์เอกเทพเจ้าภูเขาควายที่ลือลั่น “สมเด็จรุน” หลวงพ่อได้ร่ำเรียนวิชา ฝังตะกรุดทองคำใต้ท้องแขน และฝังแก้วมณี 4 ดวง (แก้วมณี โชติ-แก้วไพฑูรย์-แก้วปัทมราช-แก้ววิเชียร) คาถาเหล่านี้เป็นคาถาสารพัดนึก ใช้ได้ อยู่ยงคงกระพันมหาอุด แคล้วคลาด เมตตามหานิยม แก้คุณไสยทุกประเภท

    หลวง พ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์ สุดยอดพระเกจิในอดีต ได้มอบยันต์และคาถากำกับโดยผ่านศิษย์เอกของท่านรูปหนึ่ง ซึ่งปักกลด อยู่ตรงรอยต่อของอำเภอท่าตะโก นครสวรรค์และเพชรบูรณ์ และหลวงพ่อมหาอาคมได้ไปพบเข้าพอดี นะของหลวงพ่อเดิมที่หลวงพ่อได้รับมา คือ “นะ ซ้อนหัว” ซึ่งหลวงพ่อมหาอาคมได้นำลงในตะกรุดทุกดอกของท่านที่มีการจัดสร้าง

    หลวง พ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี คือ พระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่หลวงพ่อได้ไปขอศึกษาวิชาอาคมโดยถวายตัวเป็น ศิษย์ ซึ่งหลวงพ่อพริ้ง ได้เมตตามอบคาถา “ประสานกระดูก” ให้หลวงพ่อทำน้ำมันวิเศษ 108 รักษาประชาชนได้สารพัดโรค

    หลวง พ่อใช้ จังหวัดอุตรดิตถ์ ศิษย์เอกหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต ได้มอบตำราและคาถาการสร้างยันต์ตะกรุดโทน “คู่ชีวิต” ให้เมื่อครั้งหลวงพ่อธุดงค์ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์


    และ เมื่อต้นปี 2513 เมื่อหลวงพ่อข้ามเขารังไปยังอำเภอชนแดน เพื่อกราบนมัสการเยี่ยมหลวงพ่อทบ ที่วัดพระพุทธบาทชนแดน เพราะทราบข่าวว่ามีคนร้ายบุกขึ้นไปปล้นทรัพย์หลวงพ่อทบบนกุฏิและคนร้ายได้ ยิงหลวงพ่อทบถึง 4 นัด แต่ลูกปืนไม่ออก หลวงพ่อได้กราบเรียนหลวงพ่อทบว่า ขณะที่คนร้ายยิงหลวงพ่อทบได้ใช้คาถาอะไร ปืนคนร้ายจึงยิงไม่ออก หลวง พ่อทบท่านมีความเมตตา และชอบพอนิสัยหลวงพ่อมหาอาคมอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ท่องคาถาให้หลวงพ่อมหาอาคมฟัง 1 เที่ยว แล้วลองให้หลวงพ่อท่องให้ฟัง ปรากฏว่าหลวงพ่อมหาอาคมท่องได้ถูกหมดและแม่นยำ หลวงพ่อทบจึงได้บอกว่าเอาไปใช้ดูเป็นคาถาดับไฟดับปืนให้เป็นน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงพ่อมหาอาคมก็เคยได้คาถา “เมตตาค้าขายดี” ของหลวงพ่อทบมาก่อนแล้ว โดยผ่านโยมผู้หญิงกลางคนหนึ่งที่เป็นศิษย์หลวงพ่อทบ ซึ่งโยมผู้นั้นมีอาชีพค้าขาย ต้องการค้าขายดี ร่ำรวย จึงได้พาลูกและครอบครัวไปกราบขอพึ่งบารมีหลวงพ่อทบ ซึ่งท่านได้เมตตาเขียนเป็นตัวหนังสือขอมลงในกระดาษแทนผ้ายันต์ เพื่อให้ไปบูชา เมื่อได้คาถามาแล้วโยมผู้นั้นอ่านไม่ออก ก็นำคาถาบทนั้นมาให้หลวงพ่อมหาอาคมอ่านและแปลให้ฟัง หลวงพ่ออ่านและแปลจนเข้าใจและท่องจำได้ขึ้นใจ เมื่อมีโอกาสพบหลวงพ่อทบจึงท่องให้ฟัง ซึ่งหลวงพ่อทบบอกว่าใช่ ความจำมหาดีมาก ฉันยกให้ลองเอาไปใช้ดูนะ

    แม้ จะได้วิชาอาคมจากพระเกจิชื่อดังแห่งยุคหลาย ๆ รูป แต่ดูเหมือนจะไม่อิ่มในการใฝ่เรียนรู้ของหลวงพ่อมหาอาคมเพราะแม้แต่คฤหัสคน ใดที่เก่งจริงรู้จริง หรือจะเป็นเทพเป็นร่างทรง ท่านเป็นขอศึกษาเล่าเรียนทันที เช่น “หลวงปู่ทองคำ” ซึ่งอยู่ในร่างทรงของผู้ประพฤติดี ปฏิบัติดี ท่านหนึ่ง (หลวงปู่ทองคำ เป็นพระภิกษุที่มรณภาพกว่า 400 ปีแล้ว) หลวงพ่อมหาอาคมก็เคยฝากตัวเป็นศิษย์ และได้คาถาดี ๆ จากองค์ที่นับถือเป็นครูอาจารย์

    12 ปี แห่งการแสวงหาและบำเพ็ญเพียรของหลวงพ่อมหาอาคม ได้ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีพุทธาคมเข้มขลัง มีพลังแห่งอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์สูงส่ง และเป็นที่มาแห่งฉายา“อาคมขลัง เมืองมะขามหวาน”

    และ นับแต่ปี พ.ศ. 2520 หยุดการธุดงค์แล้ว 15 ปี หลวงพ่อก็เริ่มจำพรรษาที่วัดบ้านราหุล ต.โคกตะยอ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ตามคำนิมนต์ ของบรรดาศิษย์และได้ค้นหาภูเขาเล็ก ๆ ที่เคยเดินธุดงค์มาพบ เพราะเหมาะแก่การสร้างวัด เมื่อค้นพบแล้วจึงชวนชาวบ้านและคณะศิษย์ย้ายจากวัดราหุล เริ่มก่อสร้างวัดขึ้นใหม่ ในทำเลนี้ ซึ่งก็คือ วัดดาวนิมิต ในปัจจุบัน

    หลวง พ่อมหาอาคมถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชราในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ นับเป็นการสูญเสียพระเถระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบไปอีกรูปหนึ่ง สุดท้ายนี้จะได้นำเอาคำสั่งสอนของหลวงพ่อมาลงไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ดังนี้

    "มนุษย์และสัตว์ในโลกนี้ เขาเหล่านั้นมาเกิด
    เขาไม่รู้ว่าชาติความเกิดเป็นทุกข์ ชราความแก่เป็นทุกข์
    พยาธิความป่วยไข้เป็นทุกข์ มรณะ ความตายก็เป็นทุกข์
    เกิดมาแล้วโตขึ้นมาจึงเห็นความทุกข์ จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
    ถ้าเขารู้คงไม่มาเกิดและไม่มีใครอยากเกิดด้วย
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย สี่อย่างนี้มาพร้อมกันตั้งแต่เกิด
    ถ้าไม่เกิด ก็ไม่แก่ ถ้าไม่แก่ก็ไม่เจ็บ ถ้าไม่เจ็บก็ไม่ตาย
    เขาเรียกกันว่าธรรมชาติ เป็นธรรมดาของโลกต้องเป็นไปอย่างนั้น
    ขันธ์ทั้ง ๕ (ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ)
    ไม่มีเจ้าของ ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้เสวย ไม่มีผู้ตั้งมั่น ไม่มีผู้ดำเนิน
    (ดังนั้นจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ว่าเป็นตัวเรา
    และไม่ควรยึดมั่นสิ่งทั้งหลายว่าเป็นของเรา)"
    [​IMG]
     
  10. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    เหรียญเจ้าสัว ล.พ.อาคม วัดดาวนิมิต เพชรบูรณ์ เนื้อทองแดง

    "เหรียญพิธีดี คณาจารย์ดังร่วมปลุกเสก "
    ล.พ.อาคม อินทสโร วัดดาวนิมิตร ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ พระเกจิอาจารย์สุดยอดอาคมขลังแห่งเมืองมะขามหวาน ผู้เป็นเจ้าของตำหรับนะฤชาและตะกรุดโทนคู่ชีวิตอันลือลั่นสมรภูมิเขาค้อและ ภูหินร่องกล้าในสมัยก่อน ของดีของท่านได้คุ้มชีวิตเหล่าทหารหาญมานักต่อนักแล้ว
    เหรียญเจ้าสัวของท่านได้สร้างขึ้นเมื่อปี 2536 โดยใช้เหรียญเจ้าสัวของ ล.ป.บุญ วัดกลางบางแก้วที่มีราคาเรือนแสนอันโด่งดังเป็นต้นแบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปสร้างพระอุโบสถที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จในขณะ นั้น
    การสร้างเหรียญของท่านนั้นนับได้ว่าสร้างถูกต้องตามพิธีกรรมทุกประการ และยังมีพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่ไม่เคยมีงานพุทธาภิเษกใดทำมาก่อน นั่นก็คือ การสวดปาฏิโมกข์ให้พระภิกษุฟังเพื่อทำจิตใจให้บริสุทธิ์ มีศีลครบ 227 ข้อก่อนทำการปลุกเสก และที่สำคัญเหรียญเจ้าสัวของล.พ.อาคมยังได้ผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่ๆมาแล้ว 4 งาน รวมคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกเหรียญนี้ 108 คณาจารย์ด้วยกัน อาทิ ล.พ.เปิ่น วัดบางพระ , ล.ป.คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ผู้เสกหินให้กลายเป็นพระธาตุแจกแก่ทหารหาญ , ล.พ.คูณ วัดบ้านไร่, ล.พ. นิล ครบุรี, ล.พ.พุธ วัดป่าสาละวัน, ล.พ. คง วัดตะคร้อ, ล.พ.หยอด วัดแก้วเจริญ ผู้สำเร็จวิชาไหมเจ็ดสี, ล.พ.ทองคำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์, ล.พ. ผัน วัดแปดอาร์ม ผู้มีญาณแก่กล้าแม้ขมวดชายผ้ายังยิงไม่ออก, ครูบาสร้อย แห่งพระบาทห้วยต้ม ผู้สะกดระเบิดจากพม่าให้กลายเป็นเศษหินธรรมดา, ล.พ. ม.ล. ทวีศักดิ์ ผู้มีกระแสจิตแก่กล้าเสกน้ำมนต์จนเดือด , ล.พ.โง่น วัดพระบาทเขาลวก ผู้มีทิพย์จักขุ สามารถหยั่งรู้ดิน ฟ้า อากาศ เป็นต้น และยังได้รับการปลุกเสกเดี่ยวโดย ล.พ. อาคมอีก 3 วันเต็มๆ


    [FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cs1.jpg
      cs1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.8 KB
      เปิดดู:
      169
    • cs2.jpg
      cs2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.4 KB
      เปิดดู:
      119
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2011
  11. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    รายการใหม่ เดินทางแล้วนะครับเช้านี้ 9/9/54

    pinecoconut : RF676062430TH<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  12. sayank

    sayank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +2,368
    ได้รับพระเรียบร้อยครับ
     
  13. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    ได้รับพระแล้ว ขอบคุณครับ
     
  14. KRITA

    KRITA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,060
    ค่าพลัง:
    +7,264
    โอนให้แล้ว 350.02 บาท ที่อยู่พีเอ็มครับ
     
  15. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458

    รับทราบครับผม วันจันทร์จัดส่งให้นะครับ...................
     
  16. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    [​IMG]
    พระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตร วัดไตรมิตรวิทยาราม

    "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตรวิทยาราม" เป็นพระพุทธรูปทองคำองค์แรกของไทยที่ได้รับการบันทึกไว้ใน The Guinness Book of World Record 1991 ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การบันทึกของกินเนสส์บุ๊กทำให้หลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นที่ รู้จักของชาวโลกมากขึ้น ในฐานะมรดกทางอารยธรรมล้ำค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาคู่ผืนแผ่นดินไทย
    ประวัติหลวงพ่อทองคำ หรือ พระพุทธมหาสุวรรณปฎิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม
    พระ พุทธมหาสุวรรณปฏิมากร มีขนาดใหญ่ หน้าตักกว้างถึง 6 ศอก 5 นิ้ว หรือมากกว่า 2.50 เมตร ความสูงจากพระเกตุมาลาถึงฐานทับเกษตร (ฐานที่รองรับพระพุทธรูป) 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว หรือประมาณ 3.04 เมตร 10 ฟุต มีน้ำหนักประมาณ 5.5 ตัน หรือ 5,500 กิโลกรัม สร้างด้วยทองคำแท้ มีมูลค่าสูงกว่า 21 ล้านปอนด์ พระพุทธรูปทองคำองค์แรกของไทย
    หลวงพ่อทองคำสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย นับเป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก รวมทั้งเป็นพระพุทธรูปที่มีอายุยาวนาน ความเก่าแก่ของหลวงพ่อทองคำ พิจารณาจากอายุวัสดุที่ใช้ในการหล่อแล้ว ยังปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย

    นั่นคือข้อความศิลาจารึก หลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บรรทัดที่ 23-27 ความว่า "กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม"

    ข้อ ความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในสมัยสุโขทัยมีการก่อสร้างพระวิหาร พระพุทธรูปปูนปั้น โลหะ และทองคำ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง ดังปรากฏเป็นหลักฐานประติมากรรมสมัยสุโขทัยที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน จึงสันนิษฐานได้ว่าหลวงพ่อทองคำน่าจะถือกำเนิดในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง มหาราช ก่อนปี พ.ศ.1826 อันเป็นพุทธศักราชที่ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทย หากนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันปี 2550

    หลวงพ่อทองคำจึงน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ ว่า "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร"

    นับเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำ) ประดิษฐาน ณ วิหารหลังปัจจุบันภายในวัดไตรมิตรวิทยาราม ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2498

    [​IMG]

    ประวัติพระพุทธรูปทอง ที่เขียนโดยนายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ กล่าวถึงวัดพระยาไกร...ไว้ว่า ผู้สร้างไม่ใช่พระยาไกรเพชรสงคราม หรือพระยาไกรโกษา แต่เป็นพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เจ๊สัวบุญมา) ข้าหลวงเดิม สร้างขึ้นในสมัยที่ 3 แล้วถวายเป็นวัดหลวง

    ในสมัยที่ 4 พ.ศ. 2400 วัดพระยาไกร มีบันทึกเป็นทางการว่า วัดโชตินาราม ไม่มีเจ้าอาวาส มีเรื่องปรากฏในหมายรับสั่ง...ดังต่อไปนี้

    อนึ่ง เวลา 5 โมงเช้าเศษ นายจำนง กรมวัง สั่งมาว่า ด้วยพระศุภรัตกาศายานุ รับราช โองการใส่เกล้า...ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า สั่งว่า ทรงตั้งพระวินัยธร (จัน) วัดราชบูรณะ เป็นพระครูสาธุกิจการี ไปอยู่วัดโชตินาราม นิตยภัตขึ้นใหม่ 2 ตำลึง 2 บาท....

    [​IMG]
    ให้ชาวพระคลังสมบัติจ่ายเงิน กรมนาจ่ายข้าวสาร เดือนละ 15 ทะนาน ให้แก่กัปปิยการก ของพระครูสาธุกิจการี ให้จ่ายตั้งแต่ ณ เดือน 2 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ นพศกไป ให้จ่ายเสมอทุกเดือน อย่าให้ขาดตามคำสั่ง

    วัด พระยาไกร เริ่มร้างในสมัยที่ 5 พระอุโบสถ วิหารพัง จนเกือบไม่เหลืออะไรให้เห็นว่าเป็นวัด จนเมื่อบริษัทอิสเอเซียติ๊ก ยื่นหนังสือขอเช่า และได้รับอนุมัติจากทางการ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) มีบัญชาให้คณะกรรมการวัดสามจีน (วัดไตรมิตร) ไปอัญเชิญมา

    สภาพ วัดพระยาไกร เมื่อ พ.ศ.2478 เหลือพระพุทธรูปขนาดใหญ่สององค์ องค์หนึ่งเป็นสัมฤทธิ์ วัดไผ่เงินนำไปประดิษฐานไว้ก่อนแล้ว เหลือพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่หน้าตัก 6 ศอก 5 นิ้ว สูงจากทับเกษตร ถึงเปลวพระเกตุมาลา 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้วเหลือทิ้งไว้

    กระบวนอัญเชิญ พระปูนปั้นใหญ่...สะดวกเรียบร้อยทุกประการ บริษัทอิสเอเซียติ๊ก จัดรถบรรทุกใหญ่ให้ 1 คัน ช่วยอัญเชิญพระขึ้นรถแล่นมาตามถนน...ผ่านสายไฟฟ้ารถราง หรือสายโทรศัพท์ ก็ช่วยกันเอาไม้ค้ำให้สูงพ้นพระเกตุมาลา เป็นครั้งคราว

    ถึงวัดไตร มิตร คณะกรรมการเห็นว่าโบสถ์วิหาร เก่าแก่เต็มที ยังไม่เหมาะ...ที่จะนำพระ ใหญ่เข้าไปไว้ จึงนำไปประดิษฐานไว้ข้างเจดีย์ ปลูกเพิงสังกะสีไว้พอกันแดดกันฝน

    ระหว่างเวลานี้ มีผู้ขอพระพุทธรูปใหญ่ องค์ นี้ ไปหลายราย รายหนึ่งมาเจรจาขอท่านไปเป็นพระประธานวัดช่อแฮ จังหวัดแพร่ ท่านเจ้าคุณพระวีรธรรมมุนี (ไสว ฐิตวีโร) เห็นว่าพระประธานวัดไตรมิตรก็มีแล้ว หากให้ท่านไปเป็นพระประธานวัดอื่น จะเป็นการสืบต่ออายุพระศาสนา...ก็อนุญาตให้ไป

    แต่รายนี้ ก็ติดขัดไม่สามารถอัญเชิญท่านไปได้

    ราย ที่มาขอต่อมา ขาดแคลนพาหนะ รายหลังวางแผนที่จะอัญเชิญท่านไปทางรถไฟ แต่เมื่อวัดความกว้างความสูงของ พระ...ไปวัดกับขนาดของสะพานรถไฟก็พบว่า ส่วนพระเกตุ มาลาสูงกว่าสะพานรถไฟ อัญเชิญท่านไปไม่ได้อีก

    รายสุด ท้าย...มาขอไปเป็นพระประธานวัดบ้านบึง (วัดบึงบวรสถิตย์ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี)...พระวีรธรรมมุนี ตกลงให้ แต่ เมื่อฝ่ายวัดบ้านบึงมาดูองค์พระอีกครั้ง ติว่า ท่านไม่งาม ไม่สมกับเป็นพระประธาน...ขอกลับใจ...ไม่เอา

    พระปูนปั้นองค์ ใหญ่...ก็ต้องกรำแดดกรำฝนอยู่ในเพิงสังกะสี วัดไตรมิตรต่อไปอีก

    วันเวลาผ่านมาอีก 20 ปี วัดไตรมิตรสร้างโบสถ์วิหารหลังใหม่เสร็จแล้ว ก็คิดกันว่าจะอัญเชิญพระปูนปั้นองค์นี้ ขึ้นไปประดิษฐานบนวิหาร

    วัน ที่ 25 พ.ค.2498 ถึงกำหนดอัญเชิญท่าน...กระบวนการชักรอกเอาองค์ท่านขึ้น เริ่มครั้งแรกเมื่อเพล...จนพลบ ก็ยกท่านขึ้นไม่ได้ ครั้งสุดท้าย...ยกสูงได้หนึ่งฝ่ามือ...

    ขอที่เกี่ยวองค์พระด้านหนึ่งก็ขาด...พระปูนก็หล่นลงกระแทกพื้น...เสียงดังสนั่น

    เวลาก็เริ่มมืด...พายุฝนฟ้าอสุนีบาตก็คะนอง...ฝนก็ตกหนัก....คณะกรรมการตัดสินใจเลิก นัดวันรุ่งขึ้น ค่อยมาเริ่มใหม่

    คืน วันนั้น...ท่านเจ้าคุณวีรธรรมมุนี...นิมิตว่า มีกุลสตรีสูงศักดิ์ แต่งร่างอย่างนางกษัตริย์สมัยโบราณ ประคองพานใส่สังวาลเพชร... มาถวาย

    เช้า ขึ้นมา...ฝนยังตกปรอยๆ ท่านเจ้าคุณเดินฝ่าสายฝน ไปถึงพระปูนปั้น...ท่านถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อมองไปที่พระอุระของพระ...มีรอยแตกกะเทาะ...ปูนหล่นมากองที่พื้นดิน

    เนื้อในพระลงรักทับไว้สนิทอีกชั้น เมื่อแกะรักออก ก็พบเนื้อในเป็น ทองคำแท้...ส่งประกายอร่าม...จับตา

    แล้ว พระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองขนาดใหญ่ องค์ที่ถูกหลายฝ่ายเมิน ผลักไสไม่สนใจ ก็กลายเป็นพระพุทธรูปทองคำ น้ำเจ็ดสองขา (รองจากทองเนื้อเก้า) น้ำหนักทอง 5 ตันครึ่ง ศิลปะสุโขทัย สมัยคลาสสิก...งดงามที่สุด มีมูลค่าเกินประเมินประมาณได้

    กินเนสส์บุ๊ก บันทึกว่า นี่คือพระพุทธรูปทองคำองค์ที่สวยที่สุด และใหญ่ที่สุดในโลก.

    นิยาย ปรัมปรา หรือเรื่องเขาเล่าว่า ทั้งที่จดบันทึกเป็นหลักฐาน หรือเป็นเรื่องเล่าปาก ต่อปาก ซึ่งมักโลดโผนโจนทะยาน แต่กระนั้น คนเล่าก็ยังเหลือเค้าเงื่อน ขานรับกับร่องรอยหรือหลักฐาน ที่ยังเหลืออยู่

    ตรง ที่เรื่องเล่า...ยังพอมีเค้า.. นี่แหละ นักวิชาการสมัยใหม่ เริ่มให้ความสนใจกับเรื่องเขาเล่าว่ามากขึ้น หลายคน นำไปเชื่อมโยง กับประจักษ์ หลักฐาน ชี้ชัดบางเรื่องราวในอดีตได้อย่าง..ไม่น่าเชื่อ

    แต่เรื่องเล่าส่วนใหญ่...ปล่อยให้เล่ากันไป เค้าลางของความจริง ซึ่งเหลืออยู่น้อย ก็ยิ่งน้อยลง

    วารสาร เมืองโบราณ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2 คุณปราณี กล่ำส้ม บันทึก เรื่องเล่าจากชาวสะพานหัน ไว้หลายเรื่อง นายเทียนชัย จึงแย้มปิ่น ผู้เล่า เกิดที่สะพานหัน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2466 ทุกเรื่องเล่า ได้ยินเขาเล่าต่อๆกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก

    ตัวอย่างหนึ่ง..ของเรื่อง เล่า ต้นตระก้ล จึงแย้มปิ่น ของคุณเทียนชัย ลี้ภัยการเมืองมาจากเมืองจีน สมัยเช็ง คนในสายสกุลเล่ากันต่อๆมาว่า ท่านเป็นองค์ชายสอง

    เบื่อหน่ายที่พี่น้องฆ่าฟันแย่งชิงอำนาจกันเอง จึงหนีมาอยู่เมืองไทย ค้าขายร่ำรวย บริจาคที่ดินสร้างวัดเล่งเน่ยยี่..มีหลักฐานเป็นเจดีย์องค์หนึ่ง เป็นที่บรรจุอัฐิ บรรพบุรุษ

    เรื่องน่าสนใจขึ้นมา ตรงที่วัดเล่งเน่ยยี่ต้องการพัฒนาที่ดิน ขอให้ญาติมารื้อเจดีย์ แต่ญาติซึ่งปัจจุบัน เป็นคนใหญ่โตในหลายสกุล..ไม่ยอม พยายามยื้อไว้

    เรื่อง เล่า..ที่มีเกร็ด..น่าสนใจทำนองนี้ มีอยู่มาก.. เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่ง ที่นอกจากมีการเปิดเว็บไซต์ปะทะคารมกันแล้ว ท่าทีจากนักเลงประวัติศาสตร์โบราณคดี ...ไม่มีมาเกื้อหนุน เรื่องจึงทำท่าจะจางหาย จบลงแบบ.. ไม่สะใจเท่าที่ควร

    อีกเรื่อง ที่ขอบันทึกซ้ำ...มาเล่าสู่กันฟัง คุณเทียนชัยเล่าเรื่องพระทองคำวัดไตรมิตร ไว้น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน

    เมื่อ สงครามโลกครั้งที่ 1 พวกเยอรมันที่มาค้าขายอยู่ในไทย ได้เงินไว้มาก แต่จะขนเงินกลับไปก็กลัว จึงซื้อทองคำมาหลอมเป็นองค์พระ แล้วเอาปูนซีเมนต์พอกไว้ เตรียมนำไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าจะนำพุทธศาสนาไปเผยแพร่ที่เยอรมัน

    แต่ไม่ทันได้เอาไป ที่ 6 ท่านประกาศสงครามกับเยอรมันก่อน พระองค์นั้นจึงถูกทิ้งไว้ที่ท่าเรือวัดพระยา-ไกร ตอนหลังมีคนต้องการสถานเป็นที่ตั้งกองทัพญี่ปุ่น จึงต้องนำพระองค์นี้ไปไว้ที่วัดสามจีน

    พ.ศ.2485 น้ำท่วมใหญ่ พื้นดินก็ทรุด พระองค์นี้พิงกับตึกข้างวัด คนอยู่ในตึกอยากเจาะหน้าต่าง..ด้านที่ตรงกับพระ ก็เจาะไม่ได้ จึงติดต่อ ส.ธรรมภักดี..มาช่วยดึงพระออก ช่วงที่ดึงพระ ปรากฏว่าปูนที่พอกแตกหลุดร่วง เห็นรักที่ทาองค์พระ มีคนไปขูดรักก็เห็นเนื้อทองคำเหลืองอร่าม ก็ตกใจ

    เรื่องเล่าเรื่องนี้ จบลงง่ายๆ..ในที่สุด พระทองคำองค์นี้ จึงไปอยู่วัดไตรมิตร (สามจีน)

    แต่ เรื่องราวที่มีผู้ค้นคว้า และเชื่อถือกัน กลับมีว่าพระทองคำองค์นี้ เดิมทีอยู่แถวจังหวัดภาคเหนือ ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งพบเข้าก็นำมาเก็บไว้รวมกับพระพุทธรูปใหญ่ๆ หลายองค์ที่วัดพระยาไกร

    พ.ศ.2478 วัดนี้เป็นวัดร้าง คณะสงฆ์ขอร้องให้วัดข้างเคียง ช่วยนำพระพุทธรูปไปดูแลรักษา

    วัด ไตรมิตร ได้มาไว้จนถึงปี 2498 ช่วงเวลาที่ทางวัดสร้างวิหารเป็นที่ประดิษฐาน และมีความพยายามจะยกพระขึ้นไปประดิษฐาน จึงพบกันในช่วงนั้นว่า เนื้อในเป็นทองคำ

    เมื่อลอกเอาปูนที่พอกออกหมดแล้ว ใต้ฐานทับเกษตรองค์พระ พบกุญแจกลสำหรับถอดแยกองค์พระออกเป็นเก้าส่วน รวมทั้งเนื้อทองคำสำรอง และมุกใส่พระเนตรไว้ครบถ้วน

    เป็นอันว่า ปัญหา เรื่องยกพระขึ้นประดิษฐาน... ก็หมดไป

    พ.ศ.2543 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดฯพระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร.




    เหรียญหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม ปี 2542 หลังพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ภปร. เฉลิมพระเกียรติ 6รอบ

    [​IMG]


    [FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2012
  17. ttmmtt

    ttmmtt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +836
    แวะมาชมครับ
     
  18. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
  19. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    รายการใหม่ เดินทางแล้วนะครับเช้านี้ 13/9/54

    KRITA : RF198224440TH<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  20. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,458
    [​IMG]

    พระครูสิทธิสารคุณ (หลวงพ่อจาด) วัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง ปราจีนบุรี

    ชีวประวัติ

    หลวง พ่อจาด หรือ พระครูสิทธิสารคุณ เดิมชื่อ จาด วงษ์กำพุช เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2415 ตรงกับวันอังคาร เดือนสี่ ปีวอก แรม 6 ค่ำ ที่บ้านดงน้อย อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา บิดาชื่อนายปอ (บางตำราว่าชื่อ นายเป๊อะ) วงษ์กำพุช ส่วนมารดานั้นไม่ทราบชื่อ เนื่องจากถึงแก่กรรมตั้งแต่ท่านยังเยาว์ ต่อมาบิดาได้ยกท่านให้เป็นบุตรบุญธรรมของนายถิน และนางหลิน สีซัง คหบดีชาวบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งทั้งสองท่านได้ให้ความรักและความเมตตาแก่ท่านมาก เพราะไม่มีลูกเป็นของตนเอง

    ประวัติในวัยเยาว์ของท่านมิได้บันทึกไว้ แต่เมื่อท่านอายุครบ 20 ปี บิดาบุญธรรมของท่านได้นำท่านไปฝากกับพระอาจารย์ที่วัดบ้านสร้าง เพื่อเรียนการขานนาค การอยู่กับพระภิกษุรูปอื่น และการปรนนิบัติอาจารย์

    เมื่อ ฝึกอบรมได้เป็นเวลาพอสมควรแล้วก็ถือเอาวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2436 ทำพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านสร้าง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีท่านพระครูปราจีนบุรี แห่งวัดหลวงปรีชากุล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ้วน วัดบ้านสร้าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์หลี วัดบางคาง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    [​IMG]
    พระครูปราจีนบุรี (หลวงพ่อทอง)
    วัดหลวงปรีชากูล อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    (พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา)


    เมื่อ ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วก็ได้เดินทางไปโปรดบิดา คือนายปอ ที่วัดเกาะแก้วเวฬุวัน ตำบลดงน้อย อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วได้จำพรรษาที่วัดนี้

    ขณะที่ท่านจำพรรษาที่วัดเวฬุวันนั้น ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาจากพระอาจารย์จัน (บางตำราว่าชื่อ พระอาจารย์จีน) ซึ่งเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น และยังเป็นผู้สอนภาคปฏิบัติ พระภิกษุจาดจึงได้ฝึกกรรมฐานจนแก่กล้า

    ครั้นพรรษาที่สอง จึงได้ติดตาม พระอาจารย์อ้วน ไปศึกษาพระปริยัติธรรม กับ พระอาจารย์อยู่ วัดไกรสีห์ บางกะปิ กทม. และเมื่อพรรษาที่สี่ ท่านจึงได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดบางกระเบา

    หลังจากนั้นท่านได้ออกธุดงค์อยู่ในป่าเป็นเวลาหลายปี ได้พบพระภิกษุมากมาย อาทิ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง จังหวัดนครปฐม ฯลฯ

    พระภิกษุจาดได้ศึกษาวิชาหลายแขนง เช่น คาถาการปล่อยคุณไสย เมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน เมื่อพระภิกษุจาด อายุประมาณ 40 ปี ท่านได้เดินทางกลับไปจำพรรษา ณ วัดบางกระเบา อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี

    หลวงพ่อจาดเป็นพระที่เก่งทางด้านคาถาอาคม ทั้งวิชาบังไพรล่องหน หายตัว และวิชามหาอุดอยู่ยงคงกระพัน แต่จะไม่แสดงตนว่าเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ โดยท่านจะใช้วิชาดังกล่าวก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น

    ยุคสมัย นั้นประเทศไทยตกอยู่ในภาวะสงครามมหาเอเชียบูรพา วัตถุมงคลของหลวงพ่อจาด ได้มีการจัดสร้างกันหลายครั้ง แต่ครั้งที่ยิ่งใหญ่ และสร้างกันเป็นจำนวนมากนั้น เห็นจะได้แก่เมื่อคราวเกิด สงครามมหาเอเชียบูรพาปี2483 ซึ่งพระคณาจารย์ ผู้ทรงคุณ วิทยาคม ต่างๆ ทั่วประเทศ ก็ได้จัดสร้างวัตถุมงคลแจกเหล่าทหารหาญกันในปีนี้เป็นจำนวนมาก หลวงพ่อจาดก็ได้รับอาราธนาจากจอมพล ป . พิบูลสงคราม ให้ไปปลุกเสกเครื่องรางของขลังเพื่อแจกจ่ายให้กับทหารตำรวจและประชาชน จังหวัดปราจีนบุรี หลวงพ่อจาด สร้างเป็นเหรียญ นั่งเต็มองค์ ด้านหลังเป็นพระมหาอุตม์ นั่งอยู่กลางดอกบัว มีทั้งเนื้อเงินลงยา และ ทองแดง เกียรติคุณแห่งเหรียญหลวงพ่อจาดได้มาประจักษ์ขึ้นเมื่อ มีเครื่องบินฝรั่งเศสมาทิ้งระเบิด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเกิดปาฏิหาริย์เลื่องลือไปทั่ว จนได้รับสมญานามว่าเทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก

    หลวงพ่อจาดก็ได้รับนิมนต์ ให้ปลุกเสกของขลังมากมาย แต่ที่สำคัญ คือ แหวนมงคล 9 ที่ทำขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่ทหารที่ออกรบ จนเกิดเหตุอัศจรรย์เป็นที่น่าเกรงขามต่อศัตรูคือทหารไทยอยู่ยงคงกระพันชาตรี จนทำให้ชาวต่างชาติตั้งชื่อเรียกขานทหารไทยว่า ทหารผี

    หลวงพ่อจาดดำ รงสมณเพศเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระภิกษุทั่วไป และเป็นที่เคารพนับถือของพระเถระผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ)

    คุณความดีของท่านเป็นที่ทราบไปถึงทางการจึงได้รับสมณศักดิ์ ตามลำดับดังนี้
    พ.ศ.2447 ได้รับสมณศักดิ์ที่ พระครูจาด
    พ.ศ.2457 เป็นเจ้าคณะแขวง อ.บ้านสร้าง
    พ.ศ.2461 เป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ.2470 รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสิทธิสารคุณ ระดับชั้นโท
    [​IMG]
    หลวงพ่อจาดมรณภาพเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 สิริอายุรวม 85 ปี
    แม้ว่าหลวงพ่อจาด จะละสังขารลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีที่ได้ประกอบศาสนกิจมาตลอดชีวิต
    พุทธศาสนิกชนชาวปราจีนบุรี ได้จดจำอย่างมิลืมเลือน

    เหรียญไร้ห่วง หลวงพ่อจาด ปีที่ 126 แห่งอายุขัย หลังพระปิดตา จ.เจริญลาภ ปี 2540





    [FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6587.JPG
      SAM_6587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      101.8 KB
      เปิดดู:
      184
    • SAM_6589.JPG
      SAM_6589.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112 KB
      เปิดดู:
      183
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...