จะยกเลิกคำแช่งยังไง

สมัยวัยรุ่นเคยแช่งคนไว้ เพราะคิดว่าไม่มีจริงหรอก
แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ เพราะดันเป็นจริงซะนี่
ตอนนี้ในใจคิดว่าขอยกเลิกที่เคยแช่งไว้
อภัยให้แล้ว จิตได้อโหสิกรรมที่เค้าเคยทำกับเราให้แล้ว แต่ว่ายังคาใจอยู่
อยากรู้ว่ามีวิธีไหนที่จะยกเลิกได้บ้าง เช่นคำสวดต่างๆ
หรือว่าคำแช่งถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเราได้อโหสิให้

 

(ตั้งนโมสามจบ)

อิมัง มิจฉาอธิษฐานัง ปัจจุทรามิฯ

ทุติยัมปิ อิมัง มิจฉาอธิษฐานัง ปัจจุทรามิฯ

ตติยัมปิ อิมัง มิจฉาอธิษฐานัง ปัจจุทรามิฯ

ข้าพเจ้าชื่อ.......ขอถอนคำสาป ถอนคำแช่ง ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นถึงพร้อมด้วยกิเลส ด้วย

ตัณหา ด้วยอุปทาน ด้วยราคะ ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ ด้วยมานะ ด้วยมิจฉาทิษฐิ เป็นไปเพื่อ

ความพยาบาท เบียดเบียนสร้างเวรสร้างกรรม ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่ประกอบด้วยวินัย ไม่

ประกอบด้วยกุศล ไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ประกอบด้วยบารมี ที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานไว้

สาปไว้ แช่งไว้ ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

ข้าพเจ้าขออ้างเอาพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า แม่พระธรณี พระคงคา พระเพลิง

พระพาย และเทวดาทั้งหลายทั้งปวง มาเป็นพยานว่า ข้าพเจ้าขอถอนคำสาปเหล่านั้น ถอน

คำแช่งเหล่านั้น ร้อยหน พันหน หมื่นหน แสนหน ล้านหน โกฏิหน ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญฯ

นะถอน โมถอน พุทถอน ธาถอน ยะถอน

นะคลอน โมคลอน พุทคลอน ธาคลอน ยะคลอน

ถอนด้วย นะโมพุทธายะ

ข้าพเจ้า ขอยกโทษ อโหสิกรรม และให้อภัย ความบกพร่อง ผิดพลาดของสรรพสัตว์ทั้ง

หลายทั้งปวง ทุกชีวิต ทุกจิตทุกวิญญาณ ทุกที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อเทอญฯ

หากผู้ใดที่ได้เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติก็ดี และคนรักชอบ

ข้าพเจ้าก็ดี หากมีผู้หนึ่งผู้ใดได้คิดร้ายกับข้าพเจ้า และสาปแช่งข้าพเจ้าไว้ ทั้งทางลับและ

ทางแจ้ง ขอให้สิ่งนั้นอย่าเป็นโทษ เป็นกรรมแก่กันและกันเลย หากมีสิ่งใดไม่ดีอยู่ในตัว

ข้าพเจ้า สังขารข้าพเจ้า ขอให้ออกไป ด้วยอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย สาธุ สาธุ สาธุ

และขอให้กุศลที่ข้าพเจ้าถอนคำสาป คำแช่งนี้ ขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นกุศลกลับมาให้ชีวิต

ข้าพเจ้ามีความสงบ ความสว่าง ความสุข และเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ สมความ

ปรารถนาทุกประการ นับตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุฯ


เอาไปท่องนะครับหลังสวดมนต์ ไหว้พระเสร็จ ขอให้เจริญในธรรมครับผม

 

ไม่เที่ยง เกิดดับ คนแช่งก็ตาย คนถูกแช่งก็ตาย ............. ดับทุกข์ได้เลย

 

มาดูกัน

จะเห็นว่า เรื่องตัวบุคคลนั้น คุณถอนแล้ว คุณอธิษฐานถอนแล้ว

แล้วอะไรหละที่ค้างคาอยู่

เรียกว่า วิบาก ครับ วิบากนี้เกิดจากจิตกระทำกรรม วิบากเกิดได้ทั้งดีและไม่ดี
และทั้งกลางๆ แต่เมื่อไหร่ที่ทำไปแล้ว วิบาก จะต้องส่งผล และจะต้องส่งผลอีก
สักพัก จะไปทำให้ วิบาก หายไปก็ไม่ได้ เช่น เราเกิดมามีน้ำเสียง มีน้ำจิต น้ำใจ
อย่างที่เป็นตอนนี้ ก็เกิดจาก วิบาก ที่เคยทำไว้ในอดีต ไม่มีอะไรเกิดโดยบังเอิญ
หรือ ไม่มีเหตุปัจจัย

เหตุปัจจัยหากมีแล้ว ผลก็ต้องมี เมื่อไหร่เหตุจบ ผลก็จะหยุดไปด้วย

กลับมาเรื่องของคุณอีกครั้ง จะเห็นว่า เรื่องตัวบุคคลนั้น เผิกออกไปแล้ว
แต่เป็นไงครับ มันไม่ได้ถอนจริง ทั้งนี้เพราะ ของจริงนั้นไม่ใช่ส่วนของ
คน แต่เป็นส่วน ของกรรมที่จิตกระทำต่างหาก ไม่ได้ขึ้นกับรูป(คนๆนั้น)
แต่เป็น รูป-นาม ที่เกิดจากการปรุงของตัวคุณเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย

เมื่อคุณ กระทำกรรมแล้ว เอาจิตไปกระทำกรรมแล้ว ก็จะเกิด ภพ มารองรับ
ภพ นั้นจะต้องส่งผลเป็น ชาติ ต่อไป เมื่อเป็น ชาติ แล้วการจะไปถอนมัน
จะกระทำไม่ได้ มันจะเป็นการครองภพ ด้วยความยินดี มันอร่อย เห็นเปลว
ไฟแล้วอร่อย เรียกว่า ชอบภพนรก ทีเราสร้างไว้เอง แล้วก็ยินดีให้มันเป็น
อาหารแก่จิตเรา จะไปทำให้มันหาย ก็ไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นส่วน วิบากผล
ที่ต้องชดใช้

วิธีออกจาก ภพ ชาติ ก็คือ ต้องแยกจิตออกจากขันธ์5 ให้ได้ ต้องพรากขันธ์5
ออกจากจิตให้ได้ การพรากจิตออกจากขันธ์นั้นก็ต้องทำให้ถูกมรรควิธี จะไป
คิดเอาเองไม่ได้ ทางนั้นชี้ไว้แล้วโดยพระพุทธเจ้า

ท่านลองปฏิบัติธรรมดูเถอะครับ ลองชิมดู แค่ลองรักษาศีลนี่ ก็เริ่มเห็นทางแล้ว

สาธุ ที่เลือกเว็บธรรมะ เพื่อแสดงคำถามครับ

 

อย่างกรณี คุณ ครัช คุณ บรัช นี่ก็เหมือนกัน จะเทียวไปในกระทู้
เพื่อโพสรูป ซ้ำๆ วนเวียน

เรียกว่า มันอร่อยที่จะกระทำกรรมแบบนี้ ดี หรือ ร้าย นั้นไม่ปรากฏ
เป็นที่รู้แก่คนทั่วไป แต่เขารู้ของเขา เขาเสพของเขา เขายินดีของ
เขา เขาปรุงมันขึ้นแล้วเอร็ดอร่อยในการทำ

ประกาศว่า นี่แหละ ฉัน

นี่แหละ ทางของฉัน

เรียกว่า สร้างภพ เอาไว้ เพื่อครอง เพื่อเป็น เพื่ออยู่

เมื่อสร้างแล้ว จะไปหยุดนั้น ไม่ใช่เรื่องกระทำได้ง่ายๆ มันจะโหยหิว

พอเว้นไปสักระยะ ก็จะต้องกลับมาทำอีก

หากตอนที่กำลังจุติ เปลี่ยนภพ ก็จะระลึกความอร่อยนี้ขึ้นมา เมื่อนั้น
จะรู้ว่า ดีหรือไม่ดี ก็สายไปเสียแล้ว ทำกรรมใดไว้(ดีหรือไม่ดีของสงวน)
ก็ต้องรับกรรมตามนั้น

 

อืมผมเคยแช่งเพื่อนคนนึงอ่ะครับ มันตายเลยอ่ะ แต่ก็ไม่เคยแช่งใครหรอก ไม่รู้ว่ามันมีฤทธิ์จริงหรือเรื่องบังเอิญ แต่ผมว่าเรื่องบังเอิญมากกว่า มันไปขัดผลประโยชน์คนอื่นๆเลยตามมาเก็บ เรื่องธรรมดาอ่ะนะ

 

แรกๆแช่งเพราะโกรธมากๆ แต่พอเค้าเป็นจริงอย่างที่ว่า
เลยเพิ่งสำนึกทีหลังว่า เรากลับไม่อยากให้เค้า
เป็นอย่างที่แช่งเลยแม้แต่นิดเดียว ความโกรธพาไปแท้ๆ
จะไม่ขอแช่งใครอีกแล้วหละ

ขอบคุณทุกท่านมากเลยคะ ขอยืมบทสวดไปสวดหน่อยนะคะ

 

อ่า...น่ากลัวจังเห็นไฟเลย
ขอให้ถึงวันที่คุณจะอภัยให้ได้เร็วๆนะคะ ขอเอาใจช่วย

 

ถอนคำแช่งที่เคยกล่าว คิด นินทา ในทุกๆชาติ
การขอขมา พระรัตนตรัย
เครื่องสักการะพื้นฐาน
1. ธูปเทียนแพ. 1 ชุด
2. พวงมาลัยมะลิสด 1. พวง
3. พานที่จะวางธูปเทียนแพ 1 พาน.
4.ธูป 16 ดอก ตามกำลังใจ
5. เทียนหนัก 1 บาท .2. เล่ม
นำเครื่องสักการะนั้นไปต่อหน้า พระปฏิมากร ( ในต่างประเทศให้ อนุโลมใช้ พระเครื่อง หรือ รูปภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้เช่นกัน )
วิธีการ
วางเครื่องสักการะนั้นๆไว้ในที่สมควร หน้าพระพุทธรูป จุดเทียนก่อน แล้วจึงจุดธูปที่เตรียมไว้
คำขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม....3 จบ
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
ข้าพเจ้า ชื่อ......?????????.?.สกุล.?????????..... หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย ข้าพระพุทธเจ้าขออโหสิกรรมต่อพระรัตนตรัยที่เคยประมาท พลาดพลั้งไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ด้วยเหตุข้าพเจ้าระลึกได้ว่ามีเหตุเป็นหนทางแห่งความฉิบหาย คือ อารมณ์พยาบาทที่สั่งสม หลายภพ หลายชาติ และได้เคยกล่าวคำสาปแช่ง บุคคลใดๆ ที่คิดเป็นศัตรูก็ดีที่มาตักเตือนด้วยความปรารถนาดีก็ดี มีบิดา มารดาเป็นต้น ในปัจจุบันชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นความที่เป็นอกุศลของจิตแล้วด้วยคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันจึงตั้งจิตขอขมาทุกๆ พระองค์ ทุกๆท่านที่ล่วงเกิน ถอนคำแช่งที่เคยกล่าว คิด นินทา ในทุกๆชาติ ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ศรัตรูทุกท่านได้โปรดอดโทษ ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

อ้างอิง อธิษฐานพิเศษ http://www.konmeungbua.com/forum/topic3893.html

 

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ กำลังคิดถอนอยู่เช่นกันเพราะเคยแช่งเช่นกัน เหมือนมีใครรู้ว่าคิดอยากทำอะไร พอคิด ๆปุ๊ปก็เจอกระทู้หรือข้อความที่เกี่ยวกับความคิดหรือตั้งใจว่าจะทำที่เว็บนี้ทุกทีไป สาธุ

 

ก่อนอื่นต้องศึกษาก่อนว่าการแช่งนี่คืออะไร มีผลจริงไหม แล้วจึงค่อยคิดว่าจะถอนคำแช่งอย่างไร

การแช่งก็คือการตั้งความปรารถนาให้ผู้อื่นประสบทุกข์หรือความหายนะอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดจากมโนกรรมที่มีโทสะเป็นพื้น แล้วก็ก่อวจีกรรมหรือกายกรรมตามมา

การแช่งไม่มีผลต่อผู้ถูกแช่งไม่ว่าประการใดๆทั้งสิ้น แต่การที่คนที่ถูกแช่งมีอันเป็นไปตามที่คุณแช่งไว้ เป็นผลมาจากวิบากกรรมเก่าที่ผู้นั้นเคยทำเอาไว้ตามมาส่งผลพอดี ทำให้คุณเข้าใจไปว่าสิ่งที่คุณแช่งมีผลขึ้นมา

แต่การแช่งเป็นการก่อกรรมที่ส่งผลต่อผู้แช่งเองโดยตรง เช่นถ้าแช่งให้คนอื่นถูกฟ้าผ่าตายหรือธรณีสูบ วิบากกรรมที่ผู้แช่งได้รับขึ้นอยู่กรรมที่ตนเองเคยกระทำไว้ เช่นถ้าเคยมีกรรมปาณาติบาตอย่างแรงกล้ามาผสมผสานกับกรรมที่แช่งผู้อื่นไว้ ตนเองก็จะประสบเหตุดังที่แช่งเขาไว้ คุณอาจตายโดยโดยฟ้าผ่าหรือธรณีสูบ แต่ถ้าไม่มีกรรมปาณาติบาตมาผสม วิบากอย่างเบาก็อาจถูกคนอื่นแช่งเอาบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับคนที่คุณแช่งด้วยว่ามีศีลมีธรรมขนาดไหน ถ้าไม่มีมีศีล คุณก็จะโดนคนอื่นแช่งคืนเอาบ้าง แต่ถ้าเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีคุณธรรมมาก คุณอาจรับวิบากกรรมในนรกเลยทีเดียว

ขอให้เข้าใจว่า ทุกข์สุขที่ประสบมีผลจากกรรมดีกรรมชั่วที่เราทำ เมื่อเข้าใจหลักความเป็นจริงอย่างนี้ ก็สบายใจได้ว่า คำแช่งของคุณไม่ใช่ต้นเหตุให้ผู้ใดผู้หนึ่งประสบกับความหายนะ แต่คำแช่งนั้นมีผลต่าอตัวคุณเอง เมื่อรู้ดังนี้จึงจะแก้ไขได้ถูกต้อง เริ่มจากทำบุญใหญ่และก็อธิษฐานให้พ้นจากวิบากกรรมนี้ จากนั้นก็แผ่เมตตาให้เก็บผู้ที่เราเคยล่วงเกิน (อย่าใช้คำว่า "เจ้ากรรมนายเวร" เป็นอันขาด มันเป็นคนละอันกับคนที่เราก่อเวรไว้) ให้นึกแต่สิ่งที่ดีๆ ถ้าวันใดไม่สบายใจอีกก็ให้ทำบุญแล้วอธิษฐานอีก จนใจรู้สึกปลอดกังวลกับสิ่งนั้นอีก แสดงว่ากรรมนั้นเบาบางมากแล้ว จากนั้นก็ลืมข้อผิดพลาดทั้งหมด อย่าไปนึกถึงอีก

 

คำแช่ง ก็เหมือน การปรามาส เราผู้กระทำย่อมได้รับผลนั้นโดยตรง

ถ้าเราไม่ถอน ถ้าเราไม่ขอโทษ ถ้าเราไม่ขออภัย จิตดวงเดิมก็เหมือนยังมั่นคง

กับกรรมที่ได้กระทำไว้ หรือ การปรามาสที่ได้กระทำไว้ เราต้องรับผลนั้นไปตราบนานเท่านาน

สิ่งที่ได้ทำเอาไว้ แม้เราอาจคิดว่า ไม่อาจแก้ไขได้ แต่ ธรรม ในจักรวาล มิได้เป็นอย่างที่เราเพียงแค่รู้นะครับ

 

*** แก้นิสัยสาปแช่ง ****

ท่านเคยสาปแช่ง...เพราะ ตัวกระทำในอดีต มันทำมา
แช่งกันไป แช่งกันมา....วนเวียนไม่รู้จบสิ้น

การแก้ไข...คือ ตัดนิสัยสาปแช่ง
๑. ขอขมาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำผิดพลาดพลั้งไปในอดีต
๒. ขอถวายสัจจะต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า
...ไม่สาป ไม่แช่งผู้อื่น ตลอดชีวิต....

การใช้ชีวิตต่อไป ก็จะมีสัจจะคอยเตือนตลอดเวลา
นี่คือ...สัจจะทำ คำสอนพระพุทธเจ้า
เพื่อให้หลุดพ้นทุกข์จากนิสัยของตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แง้ว..เคยแช่งคนที่ทำเราเจ็บช้ำ ทั้งโค-ตะ-ระ เลย (ประมาณว่าช่วงเวลานั้นโกรธมากเลย)

แล้วมันเป็นจริงเหมือนกัน ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน เพราะแช่งไปก้อเหมือนแช่งตัวเองด้วย

เพราะดันมาอยู่ร่วมตระกลูกะคนที่แช่ง ไม่น่าเลย เป็น เพราะอารมณ์แท้ ๆ

 

ทำง่่ายๆครับ ไปนั่งต่อหน้าพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ได้ ตั้งจิตอธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ ว่า ข้าพเจ้าขอถอนคำสาปแช่งนั้นๆ เพราะ....(เหตุผล)..... โดยที่ข้าพเจ้าได้สำนึกแล้ว
แค่นี้ครับ

 

ต่อไป อย่าแช่งใครเลยครับ

และควรจะ กรวดน้ำคว่ำขัน ไปเลยจะดีกว่านะครับ

 

โดยความเห็นส่วนตัวนะคะ คำสาบแช่งไม่มีจริงหรอกค่ะ แต่ผู้สาบแช่งทุกข์เองค่ะ ผิดข้อมุสา ว่าด้วยการส่อเสียด ต่อผู้ถูกสาบ ไม่รู้สึกอะไร กลับกินอิ่มนอนหลับสบาย

 

แตละอันยาวมากครับ อนุโมทนาครับ มีแต่อันดีๆทั้งนั้นครับ

 

พักนี้มีคนทะเลาะกันบ่อย อาจมีคนเผลอสาบแช่งกัน
ผมจึงขออนุญาตดันกระทู้เก่าๆนี้มาให้ปฏิบัติกัน