เว็บพลังจิต โครงการเรารักศีล ๕

ในห้อง 'ในนามเว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย Mr.Kim, 1 มกราคม 2011.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. pismai

    pismai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +385
    ระมัดระวังมีสติดียิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังด่างพร้อย ในข้อ 4 เหมือนเดิมรักษายากจริงๆข้อนี้
     
  2. อารมณ์ดี

    อารมณ์ดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +550
    Luksit รายงานผลค่ะ 1. การรักษาศีล 5 ทำได้ทุกวัน หากบกพร่องถือว่าเล็กๆ
    2. เมื่อเราปฏิบัติธรรม วิปัสนากรรมฐาน เจริญสติได้ดี มีสมาธิเข้มแข็งขึ้น ขออนุโมทนากับเจ้าของโครงการและทุกท่านที่ร่วมกันรักษาศีล5 ค่ะ
    ----------------------------------------------------------------------------
    อยากนิพพานอย่างเดียว
     
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    white lies : การโกหกด้วยเจตนาดี

    white lies : โกหกด้วยเจตนาที่ดี <o></o>
    <o></o>
    ชายชราคนหนึ่งเจ็บป่วยใกล้ตาย ญาติมิตรรายล้อม แต่แกยังไม่ยอมจากโลกไปจนกว่าลูกชายของแกซึ่งอยู่แดนไกลมาดูใจก่อน คนแก่รอคอยจนสติเริ่มเลอะเลือน ญาติมิตรของแกไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อรู้ว่าคำขอของคนใกล้ตายเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

    แต่ฟ้ายังเห็นใจ ในที่สุดลูกชายของแกก็เดินทางมาถึง ดูใจพ่อทันท่วงที กุมมือผู้บังเกิดเกล้า บอกรักพ่อ ไม่นานพ่อก็จากโลกไปอย่างสงบ

    จุดหักมุมของเรื่องนี้คือชายหนุ่มคนที่มาดูใจพ่อหาใช่ลูกชายของแกไม่ ความจริงคือลูกชายของชายชราตายไปก่อนแล้ว ญาติพี่น้องจึงตัดสินใจหาคนที่มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียง หลอกคนไข้เพื่อให้จากไปอย่างสงบ

    การโกหกคนด้วยเจตนาดีแบบนี้ ฝรั่งเรียกว่า white lies (คำโกหกสีขาว)

    นี่เป็นการทำเรื่อง ‘ไม่ดี’ ด้วยเจตนาดี หรือเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในสถานการณ์หนึ่งๆ มองๆ ดู โลกยังมีเรื่องที่เข้าข่ายเดียวกับคำโกหกสีขาวอีกหลายเรื่อง เช่น การุณยฆาต (euthanasia), ฆ่าสัตว์บาดเจ็บที่ช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว ฯลฯ

    ข้อห้ามโกหกปรากฏในศีลของแทบทุกศาสนา เช่นเดียวกับการฆ่าคน การทรมานคน ทรมานสัตว์ ทั้งหมดจัดว่าเป็น ‘บาป’ถ้าวัดความดีด้วยมาตรศีลธรรม ในกรณีของชายชราใกล้ตาย หากญาติมิตรเลือก ‘ทำดี’ โดยพูดความจริงว่า

    “ลูกชายลุงมาไม่ได้หรอกเพราะเด๊ดไปแล้ว” คนใกล้ตายคงจากโลกไปอย่างทุกข์ใจ ซึ่งเข้าข่ายทรมานคนทั้งที่รู้ๆ อยู่ ในกรณีนี้ ไม่ว่าโกหกหรือไม่โกหก ก็เป็นการทำบาป!

    เช่นเดียวกัน ตามมาตรฐานศีลธรรม การฆ่าคนไข้ที่กำลังทรมานด้วยโรคร้ายรักษาไม่ได้แล้วย่อมเป็นบาป ทว่า การปล่อยให้คนไข้ที่กำลังทนทุกข์ด้วยโรคร้ายรักษาไม่ได้ทรมานต่อไปก็เป็นการทำบาปเช่นกัน!

    การทำแท้งเป็นบาป แต่การไม่ทำแท้งและเลี้ยงเด็กด้วยคุณภาพชีวิตแย่ๆ จนเขากลายเป็นคนเลว ก็เป็นบาปเช่นกัน บางครั้งเส้นแบ่งระหว่างการทำดีกับการทำไม่ดีก็บางนิดเดียว บ่อยครั้งในชีวิต เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำเป็นต้องโกหกเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น หรือเพื่อมนุษยธรรม หรือไม่ต้องการทำร้ายใจคนโดยไม่จำเป็น white lies ตั้งคำถามว่า เราวัดการทำดีชั่วที่อะไร การกระทำหรือผลลัพธ์? ถ้าวัดที่ผลลัพธ์ มันจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ไม่ดีต่อสังคมหรือไม่?


    ปราชญ์โบราณบอกว่า โกหกได้อย่างเดียว สามารถทำเรื่องชั่วได้ทุกอย่าง ก็มีส่วนจริง เพราะเมื่อศึกษาประวัติศาสตร์ จะพบตัวอย่างมากมายของคนโกหกที่เป็นคนชั่วช้าสามานย์ แต่การสรุปว่าคนโกหกสามารถทำเรื่องชั่วได้ทุกอย่าง ก็เหมือนการเห็นหมาตัวหนึ่งเและกัดคน แล้วสรุปว่าหมาทุกตัวที่ต้องกัดคน ทั้งนี้เพราะขอบข่ายของการโกหกนั้นกว้างกว่าแค่การหลอกลวงคนมนุษย์เราอาจอยู่ในโลกที่สับสนวุ่นวายเพราะคนโกหกมานานตั้งแต่วันแรกๆ ของอารยธรรมมนุษย์ จนคนส่วนใหญ่เกิดภาพฝังลึกว่า การโกหกเป็นเรื่องเลวร้ายทว่าการวิจัยและการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่า คุณสมบัติโกหกฝังอยู่ในส่วนลึกของมนุษย์ทุกคน เป็นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดอย่างหนึ่ง มนุษย์โกหกเพราะความกลัว! กลัวอันตราย กลัวการเผชิญหน้าหรือทะเลาะกัน กลัวการลงโทษ กลัวการถูกปฏิเสธ

    การทดลองพบว่า คนส่วนมากมักโกหกโดยไม่รู้ตัว บ้างเป็นการป้องกันตัวเอง เช่น บอกว่าชอบคนนี้คนนั้น สิ่งนี้ สิ่งนั้น เพราะไม่ต้องการต่อต้านคนอื่น หรือไม่ต้องการสร้างศัตรู บ้างโกหกเพื่อให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้น บ้างโกหก เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น หรือรู้สึกดีขึ้น บ้างโกหกเพื่อเสริมอีโก้ เช่น บอกว่าอยู่บ้านราคายี่สิบล้านบาททั้งที่อยู่ในรูหนู บอกว่าสร้อยทองคำที่สวมเป็นของแท้ทั้งที่เป็นทองชุบ เป็นต้น คนเหล่านี้ไม่ได้พูดปดเพื่อหลอกเอาเงินใคร แต่เป็นการเติมเต็มศักดิ์ศรี (self esteem) ที่ตนไม่มีหรือมีน้อยด้วยการโกหกต่อคนอื่นและตัวเองการศึกษายังพบว่า คนที่เปิดเผยโกหกมากกว่าคนที่เก็บตัว!

    การค้นพบทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้มิได้แปลว่า เราสามารถโกหกตามใจชอบ มันเพียงบอกว่า เราไม่อาจมองโลกด้านเดียว ชีวิตไม่ใช่เรื่องสุดโต่งเช่นขาวกับดำ เพราะโลกไม่เคยเป็นสีขาวสีดำ มันเป็นส่วนผสมของทั้งสอง การวัดหรือตัดสินเรื่องหนึ่งด้วยปัจจัยเดียวคือศีลธรรมจึงอาจไม่พอหรือสุดโต่ง หากถอยออกมามองโลกในสเกลกว้างขึ้น จะเห็นว่าการใช้ชีวิตในสังคมมีปัจจัยมากกว่าแค่ศีลธรรมอย่างเดียว สังคมที่น่าอยู่ยังมีปัจจัยที่เรียกว่า ‘ความสุข’ และ ‘สันติ’ ด้วย และเราควรใช้สันติสุขของมนุษย์เป็นโจทย์ มากกว่าการเดินตามกฎ ‘ผิด-ถูก’ เพราะทุกๆ หลักการในโลกถูกสร้างโดยคน เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เสมอ หากใช้มาตรศีลธรรมมาวัด โกหกทุกคำย่อมผิดเสมอ หากใช้มาตรรัฐศาสตร์มาวัด ไม่ทุกโกหกที่เป็นเรื่องแย่ ขึ้นกับเจตนาและผลลัพธ์

    เมื่อคนที่เรารักประสบอุบัติเหตุกลายเป็นคนพิการ เราบอกเขาหรือเธอว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีเอง” ทั้งที่ไม่เชื่อสิ่งที่พูดเลย

    ‘คำโกหก’ ในสถานการณ์นี้ทำหน้าที่เป็นคำปลอบโยน คนที่จิตใจไม่เข้มแข็ง เมื่อป่วยโรคร้ายเช่นมะเร็งขั้นท้ายๆ คนใกล้ชิดอาจไม่บอกความจริง หรือโกหกว่าไม่เป็นอะไรมาก เพื่อให้คนไข้จากโลกไปอย่างสบายใจ

    ‘คำโกหก’ ในสถานการณ์นี้ทำหน้าที่เป็นมนุษยธรรม<o></o>

    กองทัพหนึ่งเดินฝ่าทะเลทรายร้อน ทหารแต่ละคนคอแห้งเป็นผงเพราะขาดน้ำ เดินต่อไปไม่ไหว นายพันผู้นำ

    ทัพโกหกลูกน้องว่า อีกสิบกิโลเมตรข้างหน้ามีน้ำดื่ม ลูกน้องก็มีแรงเดินไปจนถึงจุดหมาย

    ‘คำโกหก’ ในสถานการณ์นี้ทำหน้าที่เป็นกำลังใจ

    เมื่อผู้หญิงถามเพื่อนว่า “ทรงผมใหม่ของฉันน่าเกลียดไหม?” “ฉันอ้วนไหม?” การตอบว่า “ไม่น่าเกลียดหรอก”

    “เธอไม่อ้วนหรอก” ทั้งที่คนตอบไม่เชื่อสิ่งที่พูด ถึงอย่างไรก็น่าจะดีกว่า “ทรงผมเธออุบาทว์มาก” หรือ “เธออ้วนเหมือนหมูตอนเลย” !

    ‘คำโกหก’ ในสถานการณ์นี้ทำหน้าที่เป็นการไม่ทำร้ายใจ

    หนอนกับปลิงเป็นสัตว์ที่คนรังเกียจ แต่คนโบราณรู้จักการใช้ปลิงรักษาโรคโดยดูดพิษออกไป ใช้หนอนรักษา แผลเปื่อย ดูดแผลจนสะอาด บางทีเรื่องไม่ดีใช้เพื่อเจตนาที่ดีก็อาจจะไม่เลวร้ายนัก ทว่าในฐานะของสัตว์โลกที่พัฒนาสมองและความรู้ชั่วดี ย่อมไม่ควรใช้ white liesเป็นข้ออ้างของการโกหก ข้อห้ามพูดปดในศาสนาไม่ได้เกิดมาโดยไร้เหตุผล การกำหนดให้โกหกเป็นบาปก็เพื่อทำให้สังคมอยู่เป็นระเบียบ เพราะบ้านเมืองคงวุ่นวายเต็มทีหากใครๆ ก็โกหกเป็นกิจวัตร

    <o></o>
    ในฐานะปัจเจก ยิ่งโกหกมากเท่าไร ไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กเพียงไร ก็ยิ่งสูญเสียความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจเท่านั้นเราสามารถลดการโกหกลงได้เรื่อยๆ จนมีน้อยที่สุดหรือไม่มีเลยด้วยการเข้าใจแก่นของชีวิต เริ่มที่การไม่โกหกตัวเอง <o></o>
    <o></o>
    การโกหก เพื่อเสริมภาพลักษณ์นั้น สามารถลดลงได้ด้วยการเข้าใจว่า คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ว่าสร้อยทองที่สวมเป็นของจริงหรือเก๊

    การโกหก เพื่อหนีการเผชิญหน้าก็สามารถแก้ไขด้วยการพูดแบบ diplomatic way หรือพูดแบบนักการทูต คือไม่โกหก และไม่ต่อต้าน

    นอกจากไม่โกหกพร่ำเพรื่อแล้ว คนฉลาดย่อมรู้จักวิเคราะห์ว่าคำพูดหนึ่งๆ นั้นน่าเชื่อหรือมีความจริงเพียงไร มิเช่นนั้นก็อาจเสพติดคำโกหกจนไม่อยากฟังความจริง

    อ้อ! เรื่องชายชราใกล้ตายรอลูกชายมาดูใจที่เล่าข้างต้นนี้เป็นเรื่องโกหก!

    วินทร์ เลียววาริณ
    ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔

    อนโมทนาที่มาข้อมูล : http://webboard.gg.in.th/ViewTopic.aspx?f=143&t=316793
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2011
  4. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    487
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,872
    ...หลังจากเข้าโครงการณ์รักษาศีลห้า..มาหลายเดือนแล้ว....เกล้าฯก็ไม่ค่อยดูแลรักษา.......สักเท่าไหร่..
    ...เอาหละ!คืนนี้..เกล้าฯจะนำศีลห้่า..ของเกล้าฯ..มาลองเคาะฝุ่น..ปัดกวาดเช็ดถูใหม่..ให้เอี่ยมอ่อง....สักครา....
    คือปกติไม่ค่อยสมาทานศีล....ไม่ค่้อยเรียกหา....เมื่ิอไม่เรียกหาก็เหมือนไม่ใส่ใจ...

    ...แต่ความเป็นจริงแล้ว....ดูเหมือนจะไม่ค่อยรักษา......แต่ก็รักษาอยู่นั้นเอง
    .....หากจะอุปมา..ศีล๕...ของ..เกล้าฯก็เหมือน..จระเข้..ที่เลี้่ยงไว้ในบ่ออย่างดี...
    ...มีบางที..อาจจะหลุดรอดออกมาบ้าง..ในฤดูน้ำหลาก......

    แต่แม้จะหลุดอย่างไร...เกล้าฯก็จะต้องหาทาง..จับจระเข้..ไปขังไว้ได้ดุจเดิม..ขอรับ
     
  5. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    การมีศีล-ง่ายกว่าการผิดศีล-ศีล ๕



    [​IMG]


    ศีล ๕ เป็นคุณธรรมะเบื้องต้นของความเป็นมนุษย์

    มนุษยธรรมก็คือ คุณธรรมที่ทำให้ได้กลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิมอีก

    มนุษยธรรมก็คือ ศีล ๕ นั่นเอง

    ศีล ๕ เป็นต้นทุนต่ำสุดที่ทำให้มีคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์คงอยู่

    เมื่อผิดศีล ๕ คุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ก็หมดไป

    ต้องไปใช้หนี้กรรมในนรกก่อน แล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน

    ยังไม่ได้กลับมาเป็นมนุษย์ ใช้เวลาอีกนานมาก

    การรักษาศีลเป็นที่รู้สึกกันโดยมาก ว่าเป็นเรื่องยากมากๆ

    เพราะต้องระวังรักษาศีล ทำอะไรก็กลัวจะผิดศีล เลยไม่เป็นธรรมชาติ

    ทำให้ไม่มีความสุข อยากทำอะไรสบายๆตามใจตัวเองเสียมากกว่า

    เลยไม่อยากรักษาศีล

    ลองพิจารณาเรื่องของศีล อีกที เราจะรู้ว่า ในชีวิตประจำวัน

    โดยปกติเราตื่นเช้า ไปทำงาน กลับมาบ้าน พักผ่อน หมดไป ๑ วัน

    คนส่วนใหญ่ก็จะมีศีลอยู่แล้ว บ้างคนก็ ๗๐,๘๐,๙๐ เปอร์เซนต์ อยู่แล้ว

    การที่ไม่ได้รักษาศีล แต่ก็ไม่ได้ผิดศีล

    ก็ถือว่ายังมีศีลอยู่ เพราะไม่ได้ผิดอะไร

    การมีศีล ง่ายนิดเดียว เราก็อยู่เฉยๆทำตัวปกติ ทำงานตามปกติ

    เราไม่ได้ผิดศีลอะไร ก็ถือว่ามีศีลอยู่แล้ว

    การผิดศีลทำยากกว่า ลำบากกว่ามาก ยกตัวอย่างสัก ๑ ข้อ

    ถ้าจะฆ่าสัตว์ สมมุติจะฆ่าสุนัข ต้องเตรียมอาวุธ ต้องไล่จับสุนัข

    ถ้าสุนัขสู้จะทำอย่างไร ต้องลงมือฆ่า และต้องฆ่าให้ตาย

    ถ้ามีศีลไม่ฆ่าสุนัข ก็อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร เอาข้าวให้มันกิน

    ให้เราหายโกธรมัน ให้อภัยมันไปซะ ก็เพียงแค่ทำใจให้สบาย

    ผิดศีลข้ออื่นๆก็เหมือนกันต้องออกเรี่ยวออกแรง หลบๆซ่อนๆ

    อดหลับอดนอน ต้องหนีตำรวจด้วย

    ในความเป็นจริงวันหนึ่งๆถ้าเราพิจารณาให้ดีจะรู้ว่า

    เราก็มีศีล ๕ เกือบครบถ้วนแล้วขาดอีกนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง

    โดยที่เราไม่ได้รักษา แต่เราไม่ได้ผิดอะไร ก็ถือว่ามีศีลอยู่แล้ว

    เพียงแค่เราปรับอีกนิดหน่อยเราก็จะมีศีลบริบูรณ์

    ยุง มด แมลง เราหาวิธีที่จะหลีกเลี่ยงไม่ทำร้ายชีวิตเขา

    หรือคำพูด ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงเราก็ไม่พูด

    "การมีศีลอยู่ที่ใจเรา ถ้าใจเรามีมนุษยธรรม เราก็มีศีล"



    [​IMG]


    ศีล แสดงถึงความเป็นผู้มีจิตใจสูง มีจิตใจประเสริฐ
    มีเรื่องเล่าในอรรถกถาธรรมบทว่า

    ภิกษุรูปหนึ่งรู้สึกว่าวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มีเป็นอันมาก
    ไม่อาจที่จะรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้
    มีความเบื่อหน่ายหมดกำลังใจ
    พระพุทธเจ้าได้ทรงเรียกภิกษุนั้นไปตรัสถาม
    ว่าสามารถจะรักษาเพียงข้อหนึ่งได้หรือไม่
    ภิกษุนั้นก็กราบทูลว่า ถ้าเพียงข้อเดียวก็สามารถ
    พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า

    " ถ้าอย่างนั้นก็ให้รักษาจิตของตน
    เมื่อสามารถรักษาจิตของตนได้เพียงข้อเดียว
    ก็สามารถรักษาข้ออื่นๆได้ทั้งหมด "

    ภิกษุนั้นได้ปฏิบัติตามพระพุทธโอวาท
    ก็สิ้นความอึดอัดรำคาญ
    สามารถรักษาพระวินัยให้บริสุทธิ์บริบูรณ์
    ....................................................................​


    ขอขอบพระคุณบทความธรรมทานจาก : ธรรมลิขิต: การมีศีล-ง่ายกว่าการผิดศีล-ศีล ๕

    ขอขอบพระรูปภาพประกอบจาก : http://www.sil5.net/index.asp?authe...%D2%C3%C3%D1%A1%C9%D2%C8%D5%C5+5&bttcol=False

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  6. ninebeer

    ninebeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +2,664
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

    ลืมไปแล้ว ว่าต้องเข้ามาเขียน
    ตอนนี้ที่ทำอยู่ ไม่ได้นึกว่าต้องรักษาศีล แต่พยายามรักษากาย วาจา ใจ
    ละเว้นสิ่งที่จะส่งผลให้ ต้องเบียดเบียนตัวเอง ผู้อื่น หรือธรรมชาติ
    โดยใช้ความเหมาะสม ความเหมาะสม ตามสติปัญญา และสถานการณ์ นั้นๆ

    เรียนรู้ที่จะอยู่ โดยไม่ให้คำว่าถูก หรือผิด จากทุกอย่างที่กระทบ มากระทบใจ

    เมื่อหลายเดือนก่อน ได้คุยกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า
    เมื่อเจอกายก็วางกาย เมื่อเจอจิต ให้วางจิต เมื่อเจอผู้รู้ก็ให้วางผู้รู้
    เมื่อจิตสอนจิตได้ ก็ไม่มีปัญหา....
    สายกลางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่กำลังของแต่ละคน......ให้วางอุเบกขา

    เดือนก่อน ก็ได้คุยกับพระอาจารย์อีกท่าน ท่านบอกว่า อย่าไปแสวงหาครูบาอาจารย์เลย อย่าไปตามกระแสว่าต้องอาจารย์ท่านโน้น ท่านนี้ ที่นั่นดี ที่นี่ดี สุดท้าย ก็อยู่ที่ปัญญา ที่เราจะนำมาใช้กับชีวิต ทางเดินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้ใช้ปัญญา.....

    ในวันนี้ ทุกความดีที่ทำ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    ขออานิสงค์แห่งบุญและกุศลจิตนี้ จงสำเร็จแก่ตัวเอง ในทุกชาติทุกภพ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ครอบครัว ญาติ เจ้ากรรมนายเวร ในทุกชาติทุกภพ ทุกๆ ดวงจิต ทุกรูปทุกนาม......


    ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของทุกๆ ท่าน
    ขอให้ทุกท่าน ถึงพร้อมด้วยทาน ศีล และภาวนา
    ทุกสิ่งที่ท่านปรารถนา ในสิ่งที่ชอบ ประกอบด้วยกุศล จงสำเร็จ ด้วยอานิสงค์แห่งทาน ศีล และภาวนา ที่ท่านได้ถึงพร้อมแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    [​IMG]

    ธรรมะสวัสดีครับ

    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ pismai คุณ luksit คุณปฐมฌาณ คุณ ninebeer และเพื่อนพ้องน้องพี่ผู้ร่วมโครงการทุกท่าน สำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และขอบพระคุณที่นำประสบการณ์การรักษาศีล๕ มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

    พี่ๆ น้องๆ ท่านใดที่อาจจะยังไม่สะดวกมาโพสในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีเวลาว่าง มีโอกาส สะดวกเมื่อไหร่ก็ขอเรียนเชิญมาโพสเล่าแบ่งปันประสบการณ์การรักษาศีล๕ เป็นธรรมทานแก่ผู้ร่วมโครงการท่านอื่นๆ นะครับ ขอบพระคุณครับ

    ขอให้ทุกๆ ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ สาธุๆๆ
    ..................................................................

    รูปภาพที่มาจาก : http://www.dhammathai.org/dhammayouth/dbview.php?No=26
     
  8. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ที่มาของ การโกหกสีขาว (White Lies)




    [​IMG]



    ที่มาของ การโกหกสีขาว (White Lies) เป็น การโกหกด้วยเจตนาดี เพื่อถนอมความรู้สึกและรักษาน้ำใจ แทนที่จะบอกความจริงที่เชื่อว่าผู้ฟังคงรับไม่ได้ออกไป บางครั้งการโกหกในลักษณะนี้เป็นการพูดเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นการโกหกเพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั่นเอง

    การ รู้จักโกหกเพื่อเข้าสังคมนั้น ส่งผลให้บุคคลนั้นๆ เป็นที่ชื่นชอบของคนในสังคมมากกว่าผู้ที่พูดแต่ความจริงเพราะการเข้าสังคม บางครั้งจำเป็นต้องปรุงแต่คำพูดซึ่งต่างไปจากความรู้สึกที่แท้จริงเพื่อให้ คู่สนทนาสบายใจและประทับใจ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ใส่หน้ากากเข้าหากัน”
    <O></O>
    พอล เอ๊กแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซึ่งศึกษาเรื่องการโกหกมานานกว่า ๔๐ปี ลงความเห็นว่า“มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโกหกได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องการโกหกจะเป็นผลดีต่อชีวิต”ฉะนั้นเราต้องรู้จักแยกแยะข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นเวลาที่มีคนมาพูดอะไรให้เราฟัง อย่าเพิ่งเชื่อทันทีต้องใช้สติปัญญาในการกลั่นกรองข้อมูลอย่างถูกต้อง เราคงต้องมาพิจารณาดูประเภทของการโกหกก่อน
    <O></O>
    ๑ โกหกเพื่อปกป้องตนเอง เป็นการโกหกเพื่อการเอาตัวรอด เช่น กลัวความผิด กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวเสียเกียรติ กลัวการเผชิญหน้า กลัวความผิดหวัง ฯลฯ การโกหกประเภทนี้ในบางครั้งอาจร้ายแรงถึงขั้นโยนความผิด ใส่ความผู้อื่น เป็นพยานเท็จ ฯลฯ
    <O></O>
    โกหกเพื่อหวังผลประโยชน์ เป็นการโกหกเพื่อทำให้ตนเองได้รับการยอมรับ ความไว้วางใจ ได้โอกาสในการทำงาน มักเป็นในรูปของการปลอมแปลงข้อมูลทางคุณวุฒิ คุณสมบัติ ฐานะการเงิน ฯลฯ
    <O></O>
    โกหกตนเอง มักเกิดกับคนที่สูญเสียความมั่นใจ สับสน และหวาดกลัวความจริง คนประเภทนี้มักสร้างเรื่อง “หลอกตนเอง”ให้คลายจากความทุกข์ชั่วขณะ เช่นหลอกว่าคนรักที่ทอดทิ้งไปยังมีใจให้อยู่เสมอ และสุดท้ายคนเหล่านี้มักโทษตนเอง อาจเลยไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายตนเองหรือตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เพราะไม่สามารถรับความเป็นจริงได้
    <O></O>
    การโกหกเป็นเพียงการหลีกเลี่ยงความจริง เมื่อคนที่ฟังทราบความจริงแล้วจะเสียความรู้สึกมากกว่าพูดตั้งแต่ครั้งแรก เราต้องใช้สติปัญญาในการพูดความจริงให้เหมาะสม หรือมีวิธีการสื่อสารที่ดีมากกว่าตัดสินใจเลือกวิธีการโกหกแบบบริสุทธิ์ใจหรือโกหกสีขาว<O></O>

    ถือเป็นความผิดบาปทั้งสิ้น แต่ใช้วิธีโกหก นั่นก็ถือเป็นความผิดบาปยิ่งกว่า<O></O>
    เพราะพระเจ้าสนใจวิธีการ เนื้อหาและท่าที ทั้ง ๓ สิ่งนี้ จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เราต้องพิจารณา เพราะการโกหกนำมาซึ่งการปรับโทษ ความสำคัญคือ การพูดจึงควรต้องพูดให้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคนว่าพูดกับใครด้วย<O></O>
    <O></O>
    องค์ประกอบในการพิจารณา
    กล่าวโดยสรุป การพิจารณาว่า คำพูดใดเป็นการโกหกหรือไม่ ควรคำนึงถึงองค์ประกอบ ๓ สิ่ง ดังนี้<O></O>
    1. แรงจูงใจ คือ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเป็นหลักแต่เห็นแก่ผู้อื่น ด้วยเห็นแก่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม <O></O>
    2. วิธีการ วิธีการที่เราเลือกควรจะไม่ขัดแย้งกับหลักการ เช่น พูดไม่ครบหรือถึงขนาดพูดโกหก แต่ต้องไม่ใช้วิธีการที่ผิดเช่นโกหกซ้อนโกหก <O></O>
    3. จิตสำนึกเรารักษาจิตสำนึกชอบเสมอในการทำทุกสิ่ง รวมทั้งในการพูดด้วย เพราะหากเราเลือกวิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่คับขันด้วยการโกหก จิตสำนึกของเราจะเริ่มเสื่อมไป เพราะคิดว่าจะไม่เป็นไร โกหกครั้งแรกได้ก็มีครั้งต่อๆไป จิตสำนึกเราจะถูกครอบงำโดยมารได้ง่าย

    <O></O>

    [​IMG]



    ข้อแนะนำในภาคปฎิบัติ
    ๑. เลือกใช้วิธีการที่ถูกต้องที่สุดอย่างสุดความสามารถโดยไม่ประนีประนอม

    ๒. พิจารณาแรงจูงใจเบื้องหลังของผู้ถาม และตอบอย่างเหมาะสม หรือบางครั้งไม่ตอบเสียดีกว่าตอบไปอย่างบิดเบือน

    ๓. ในการสื่อสารควรคิดพิจารณาอย่างรอบคอบของผลที่จะตามมาก่อนจะสื่อสาร หากไม่แน่ใจ ควรขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจพระคัมภีร์

    ๔. คิดก่อนที่จะพูดทุกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องที่สำคัญ

    ๕. พูดความจริงด้วยใจรัก โดยเห็นแก่ความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง
    <O></O>
    ดังนั้นการโกหกสีขาว เป็นการกระทำสีเทาๆ ที่เราต้องพิจารณาในหลักการคุณธรรม เราควรจะยึดมันในหลักการ จริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดความจริงจากใจจริง สิ่งที่ตามมาคือ ความจริงที่แจ้งไป เราเอาใจใครทุกคนไม่ได้ บางครั้งสิ่งที่ถูกใจอาจจะไม่ถูกต้อง เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำอะไรสีเทาๆ ครึ่งๆกลางๆ จะทำไม่ได้<O></O>
    <O>
    คัดลอกและปรับความข้อมูลเพื่อความเหมาะสมจาก ที่มาข้อมูล <O></O>
    Pattamarot: โกหกสีขาว(White Lies) การกระทำสีเทาๆ<O></O>

    กราบอนุโมทนาเสียงบรรยายธรรม โดย ท่านอาจารย์สุเทพ โพธิสัททา



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1708434/[/MUSIC]​
    </O>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  9. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    อนุโมทนา สาธุกับโครงการที่ดีมากๆนี้ค่ะ
    สำหรับการรักษาศึล๕ ปกติก็ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน


    ศีลข้อ ๑
    ไม่ฆ่าสัตว์ โดยตั้งใจไม่มี ต้องพยายามรักษาสติเพื่อให้พลั้งเผลอน้อยลงกว่าเดิม เพราะที่อาศัยเป็นบ้านสวน มดแมลงเยอะ

    ศีลข้อ ๒
    ไม่ลักทรัพย์ พยายามรักษาให้เป็นปกติ

    ศีลข้อ ๓
    ไม่ประพฤติผิดในกาม รักษาได้เป็นปกติ

    ศีลข้อ ๔
    ไม่พูดปด รักษาได้ดีขี้น เพราะพูดเพ้อเจ้อน้อยลง
    เม้าท์เรื่องคนอื่นน้อยลง

    ศีลข้อ ๕
    ไม่ดื่มเครื่องดองของเมา รักษาได้เป็นปกติค่ะ

    ถ้ามีโอกาส...ทุกวันพระจะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น
    ในช่วงวันระหว่างการดำเนินชีวิตตามปกติ ถ้าทำได้ก็จะภาวนาพุทโธค่ะ สาธุ
     
  10. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    รักษาศีล ๕ มาได้ซักระยะ ประมาณปีกว่า ๆ แล้วค่ะ และตั้งใจสมาทานศีล ๕ ตลอดชีวิต
    ยังไม่เคยมาโพสแลกเปลี่ยนประสบการณ์เลย จึงขอมาเล่าให้ทุกท่านฟังนะคะ
    เอาประสบการณ์ล่าสุดก่อนนะคะ


    วันก่อนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
    เนื่องจากที่บ้านเป็นบ้านในแถบชนบท การหาอาหารก็มักนิยมหากันตามท้องทุ่ง ไร่นา สระน้ำเล็ก ๆ
    โดยเฉพาะปลาตัวเล็ก ๆ กับกุ้งฝอยนี่ ชาวบ้านจะนิยมนำมารับประทานมากค่ะ เพราะจับง่าย
    ช่วงนี้ที่บ้านฝนตกชุก ปกติกุ้งฝอยจะชอบอากาศแบบนี้
    คุณลุงที่บ้านจึงเอาตาข่ายไนลอนสีฟ้า ไปกวาดมา ได้กุ้งกับปลามาถังใหญ่
    วันนั้นเราเดินผ่านหน้าบ้านลุงกับป้า พอป้ากับลุงเห็นหน้าก็คะยั้นคะยอให้รับเอากุ้งสด ๆ ไปทำอาหารทาน
    เราตะลึง...ยืนกลืนน้ำลายเอื้อกเลยค่ะ เห็นกุ้งตัวที่ยังมีชีวิตกระโดดไปมา แต่ก็เห็นหลายตัวที่ละทิ้งร่างกายตายแล้วกลายเป็นซาก
    ลุงเห็นเรายืนเหม่อ...ก็เร่งให้รับไปเร็ว ๆ เราก็รับมาแบบงง ๆ
    จะทำยังไงดีนะ? ถือศีล ๕ ซะด้วยเรา
    ความคิดอยากกินมันไม่มีเลยค่ะ สงสารมากกว่า แต่บางตัวที่ตายไปแล้วเราก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้ม ใช่ไหมคะ?


    วันนั้นทั้งเช้าก็เลยนั่งแยกกุ้งที่เป็นกับกุ้งที่ตายออกจากกัน
    แม่มาเห็นเข้าก็หัวเราะ ถามว่าทำอะไรน่ะ? เราก็ยิ้ม ๆ ไม่ตอบเพราะไม่เคยบอกแม่ว่าถือศีล ๕
    แยกเสร็จก็เอากุ้งเป็น ๆ ที่ได้มาเกือบ ๑ ชามไปปล่อยในสระน้ำของหมู่บ้านค่ะ
    เห็นว่าบางตัวมีไข่ที่ใต้ท้องด้วย
    ตอนนั่งทำก็คิดค่ะว่า เอ ถ้าหากอนาคตเราจำเป็นต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตเพื่อป็นอาหาร
    เราต้องทำเพื่อการมีชีวิตรอด เราจะลงมือฆ่าไหมนะ?
    ก็ได้คำตอบที่ว่าเรายอมกินผักกินหญ้า กินอย่างอื่นเป็นดีกว่าการฆ่าชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ค่ะ
    วันนั้นนั่งสมาธิก็เห็นภาพกุ้งหลายสิบตัวโบกหนวดไปมา
    ก็เลยตั้งจิตอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้ เสร็จแล้วพวกเขาก็หายแว๊บไปเลยค่ะ


    เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ร่วมแชร์ค่ะ
    และขอโมทนาบุญกับท่านอื่น ๆ ที่รักษาศีลด้วยนะคะ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2011
  11. Marthaporn

    Marthaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +235
    ก่อนอื่นขอขอบพระคุณกับโครงการดีๆ เช่นนี้ด้วยนะคะ

    ขออนุูโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่ตั้งใจรักษาศีล 5 ด้วยนะคะ

    และขอสารภาพว่า ช่วงที่ได้เข้าโครงการรักษาศีล 5 มานี้ ไม่ได้บันทึกลงในสมุดที่ได้รับเลยค่ะ (เคยบันทึกช่วงแรกๆ หน้าเดียวเอง) หลังจากนั้นไม่ได้บันทึกอีกเลยค่ะ เหตุผลก็ ขี้เกียจบ้าง ลืมบ้าง จนกระทั่งลืมเรื่องบันทึกไปเลย

    แต่ไม่ลืมเรื่อง การรักษาศีล 5 ให้้เป็นปกติค่ะ ก็มีผิดบ้าง และด่างพร้อยบ้าง ทั้งที่เจตนา และไม่เจตนา

    ช่วงที่ผ่านมา มีการไปปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ที่วัดอัมพวันค่ะ ได้ความรู้เยอะมากค่ะ ทำให้เราสามารถรักษาใจ รักษาศีล ให้เป็นปกติได้ดียิ่งขึ้น

    ได้แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้ และในโลกทิพย์

    ขอให้บุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วด้วยทาน ศีล และภาวนา ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงส่งผลให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลาย ทั้งปวง ตราบจนกระทั่งถึงพระนิพพานเทอญ
     
  12. MANUELII

    MANUELII Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +56
    ตอนนี้ก็รักษาเป็นปกติครับ
    ศีลข้อ ๑ ไม่ฆ่าสัตว์ อันนี้เราไม่ทำอยู่แล้วมดหรือยุงก็ปัดๆไป
    พยายามลดความโกรธให้มากๆ รู้สึกว่าทำได้ดี (เมตตาช่วยได้เยอะจริงๆ)

    ศีลข้อ ๒ ไม่ลักทรัพย์ พยายามรักษาให้เป็นปกติ แต่บ้างครั้งครับที่ศีลต้องหม่นหมองๆบ้าง เพราะว่าต้องทำงานเกี่ยวกับคอม แล้วบ้างครั้งต้องลงโปรแกรมที่เขาแจกcd-key มาลงเพื่อทำงาน

    ศีลข้อ ๓ ไม่ประพฤติผิดในกาม รักษากายและรักษาใจใม่ให้ปรุงแต่งจนเกินไป

    ศีลข้อ ๔ ไม่โกหก ไม่เพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ ไม่ยุยงให้คนอื่นทะเลาะกัน
    ดีครับคิดก่อนพูดขึ้นเยอะแต่ก็มีจะมีพลาดลืมตัวเพ้อเจ้อไปบ้าง บางที่อยู่กับคนหลายๆคนเขาเม้ากันก็พลาดบ้าง

    ศีลข้อ ๕ ไม่ดื่มเครื่องดองของเมา รักษาได้เป็นปกติไม่มีอยู่ในจิตอยู่แล้ว

    แต่ถ้าเป็นวันพระก็จะถือศีล 8 แบบเต็มอัตราศึก อะไรที่เข้าข่ายผิดศีลก็เลิกทำไปก่อน ตั้งแต่ถือศีล 5 มาก็สุขใจและสงบมากขึ้น สมาธิก็ดีขึ้นเรื่อยๆนั่งได้สบายใจ
    ว่าง่ายๆจิตรวมตัวกันง่ายมากๆ
     
  13. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    ขออนุโมทนาสาธุบุญกับผู้รักษาศีล ทุกๆท่านครับ

    ปกติผมก็รักษาศีล ๕ เป็นปกติอยู่แล้ว พลาดพลังบ้างก็แก้ไข และ พยายามไม่พลาดอีก

    ๑.ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักแกสัตว์ ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยครับ
    ๒.ไม่ลักทรัพย์ และก็ไม่อยากได้ทรัพย์สินของใครโดยไม่ชอบธรรม
    ๓.ไม่ผิดลูก ผิดเมียใคร และไม่นอกใจแฟน แฮะๆๆ
    ๔.ไม่พูดโกหก ไม่พูดยุยงให้ใครเข้าแตกแยกกัน และก็ไม่เพ้อเจ้อไร้สาระ หากไร้สาระก็ทำให้คนฟังมีความสุขครับ
    ๕.ไม่กินเหล้า และดูดบุหรี่ อันนี้เป็นปกติของผมอยู่แล้ว เพราะ รู้แจ้งแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย แถมยังเป็นที่น่ารังเกียจของคนปกติซะอีก

    แถม ข้อ ๖. ผมรักพระนิพพานครับ ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย หากมีบุญได้เข้าพระนิพานชาตินี้ก็ขอไปชาตินี้ ขอกำลังจิตก่อนตายให้ได้เข้าเขตพระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ...

    ขออนุโมทนาสาธุบุญกับผู้รักษาศีล ทุกๆท่านอีกครั้งครับ
     
  14. ต.โต้ง SE

    ต.โต้ง SE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +821
    ขออนุโมทนาสาธุบุญกับผู้เข้าร่วมโครงการเรารักศีลห้า ทุกๆท่านครับ

    หลังจากที่ผมได้เข้าร่วมโครงการก็พยายามรักษาศีลห้าให้ได้เป็นปกติ ข้อดีที่ได้ก็คือทำให้เรามีสติมากขึ้นที่จะไม่ทำอะไรให้ละเมิดศีล ทำให้ใจเย็นลงไม่วู่วาม และรู้สึกปลอดภัยเพราะมีศีลคุ้มครองอยู่ครับ

    ศีลข้อแรก ตอนแรกนึกว่าจะง่ายที่สุดแต่กลับเป็นข้อที่ผิดบ่อยที่สุดครับ เพราะมีมดอาศัยในท่อระบายน้ำ เวลาอาบน้ำคงทำให้มันตายไปบ้างครับ

    ศีลข้อที่สองถึงข้อที่ห้ารักษาได้เป็นปกติครับ จะมีข้อสี่ที่บางครั้งอาจพลั้งเผลอไปบ้างเรื่องการพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ แต่ก็พยายามกลับมาเมื่อมีสติครับ

    ขอบคุณโครงการดีๆครับ
     
  15. zerozodiac

    zerozodiac Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +66
    ศีลข้อ 4 ผมนี่ประจำเลยครับ
    ตอนนี้ผลกรรมก็เกิดขึ้นแล้ว
    คือฝันผุ กลิ่นเหม็น เศร้าครับ
    ทุกวันนี้พยายามจะไม่พูดมาก ไม่เพ้อเจ้อ
     
  16. ชายชุดขาว

    ชายชุดขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    4,007
    ค่าพลัง:
    +12,706
    ปกติก่อนเข้าร่วมโครงการ ผมสมาทานรักษาศีล ๕ เป็นประจำทุกวัน
    และในวันพระจะสมาทานรักษาพรหมจรรย์เพิ่มเติมครับ

    แล้วก็จะเป็นผู้ชี้ข้อดีชักชวนคนรอบๆ ข้างให้รักษาศีล ๕ ด้วย
    อย่างน้อยให้เขาไม่ดื่มสุราเมรัย

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
     
  17. little voice

    little voice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +351
    อนุโมทนา สาธุกับทุกท่านค่ะ
    หลังจากที่เข้าร่วมโครงการ ไปทำบุญเป็นประจำอยู่แล้ว
    ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ทานเหล้า มีพลาดพลั้ง ในศีล ข้อที่ 4 บ้าง แต่ก้อพยายามอยู่ค่ะ
    ขอขอบคุณโครงการดีที่ได้จัดทำขึ้น อยากให้มีโครงการดีอื่นๆอีก
     
  18. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีครับ

    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ AddWassana คุณ Miss Brown คุณ Marthaporn คุณ MANUELII คุณ wara43 คุณ สูญญากาศ คุณ zerozodiac คุณ ชายชุดขาว และคุณ snookkerball สำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และขอบพระคุณที่นำประสบการณ์การรักษาศีล๕ มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

    ช่วงนี้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ สมาชิกพลังจิตหลายๆ ท่าน อาจจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้มากบ้างน้อยบ้าง ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่าน ขอกุศลผลบุญที่พวกเราเพียรสร้างสะสมบำเพ็ญมาได้รักษาพวกเราให้อยู่รอดปลอดภัยจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ทุกท่านนะครับ สาธุๆๆ

    "บุญ ย่อมรักษาผู้เพียรสร้างบุญ
    ศีล ย่อมรักษาผู้เพียรรักษาศีล
    ธรรมะ ย่อมรักษาผู้เพียรประพฤติธรรม.."


     
  19. noozzz

    noozzz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +18
    ทำได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อสี่ เพราะลืมตัวบ่อย พูดหยาบ ว่า แซว ด่า โกหก เพ้อเจ้อ ไร้สาระ ข้อหนึ่งก็มีบ้างนิดหน่อย ยุงกับมด ไม่ได้เจตนาฆ่านะคะ แต่มือไว สรุปแล้ว สติยังไม่ค่อยจะมี จะพยายามต่อไปค่ะ
     
  20. vietnam

    vietnam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +2,684
    ขอรายงานความคืบหน้าบ้างครับ

    ศีล ๕

    ๑. ตอนนี้ไม่แนะนำให้เขาฆ่า ไม่ฆ่าเอง ไม่ยินดีเมื่อเขาฆ่า... ยังรักษาได้เรื่อย ๆ ครับ
    ๒. ไม่ลักขโมย ...ยังรักษาได้เรื่อย ๆ ครับ พยายามตัดด้วยการให้ทาน
    ๓. ไม่ผิดลูกผิดเมียใคร คนในปกครองของใคร ...ยังรักษาได้เรื่อย ๆ ครับ
    บางทีเจอผู้หญิงสวย ยังชอบอยู่ ก็พยายามมองทะลุเสื้อผ้า แก้ผ้าให้หมดลงไปถึงกระดูก ขี้ จนตายไปก็ไม่สวยแล้ว
    ๔.๑ ไม่พูดโกหก ...ยังรักษาได้เรื่อย ๆ ครับ
    ๔.๒ ไม่พูดหยาบคาย ...มี "วะ" หลุดมาบ้างครับ
    ๔.๓ ไม่พูดนินทา ส่อเสียด ให้คนแตกร้าวกัน ...มีปากมากเรื่องน้ำท่วม ไปบ้างครับ
    ๔.๔ ไม่พูดเหลวไหล ...มีพูดเพ้อ เรื่อย ๆ ครับ
    ๕. ไม่ดื่มสุราเมรัย ...ยังรักษาได้เรื่อย ๆ ครับ รวมทั้งอาหารที่คาดว่าจะมีส่วนผสมนี้อยู่
    ๖. จิตไม่คิดลักขโมย ...พยายามทรงพรหมวิหาร ๔ เรื่อย ๆ ครับ
    ๗. จิคไม่คิดฆ่า ...พยายามทรงพรหมวิหาร ๔ เรื่อย ๆ ครับ
    ๘. พยายามทำกาย วาจา ใจ ให้ตรงตามที่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์สอนครับ

    ตอนนี้ก็พยายาม ทรงพรหมวิหาร ๔ ลมหายใจ ไปเรื่อย ๆ จะได้ไม่ต้องกลับไปทัวร์นรกอีก

    เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ ท่านที่ปฏิบัติธรรมนะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...