ธรรมพระบูรพาจารย์(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

อดีตมาจากพญานาคในน้ำ ชาตินี้เคยบวชเณรอายุสัก 10-12 ปีนะครับ
น่าจะอยู่ทางภาคเหนือ(ปัจจุบัน) จริงๆคุณเป็นคนที่เชื่อเรื่อง คนทรงเจ้านี่ครับ
ลองเจริญกรรมฐานแบบภาวนา พุทโธ ดูครับ แต่ต้องทำพิธีกั้นมารก่อนนะครับ ไม่นั้นนิมิตมากมายนะครับ

 

อดีตมาจากคนแถวชายป่าครับ ชาตินี้มีวิบากกรรมบางอย่างก็ตามมา แก้ได้ครับ ลองสวดมนต์คาถาพระธารณปริตรดูครับ เจริญกรรมฐานต้องใส่ วิริยะ สักหน่อยนะครับ ถึงจะดีครับ

 

ขอบคุณครับ ที่ให้คววามกระจ่าง ผมเคยบวชเณรหน้าไฟ แหละเพิ่งจะสึกจากการบวชพระ ช่วงเดือนมิถุนา ที่ผ่านมานี้เองครับ

 

สวัสดีครับคุณคุรุวาโร ผมอยากทราบพิธีกั้นมารนี้ต้องทำยังไงครับ เพราะเห็นหลาย ๆ ท่านที่คุณคุรุวาโรแนะนำก็ให้ทำพิธีกั้นมาร ถ้าไม่รบกวนเกินไปก็ขอความกรุณาช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

อยากจะถามอยู่พอดีเลยครับ แล้วอีกเรื่องนึงผมมีโอกาสจะพบครูบาอาจารย์กับเขาไหมครับ หรือผมต้องกำหนด ใครท่านไหนท่านถึงจะมาโปรดผมได้มีคนทักผมหลายคนว่ามี ปู่ฤาษีมาอยู่ด้วยแต่ไม่รุ้ว่าท่านไหน และสือกับท่านได้ยังไงครับ รบกวนอีกครั้งครับ

 

ก็อยู่หน้า16 ครับ แสดงว่ากระทู้ยาวไป น่าจะปิดได้แล้วนะ(ดีไม่ดีครับ)

 

อย่าเป็นร่างทรงเลยครับ เขาก็ไม่เก่งกว่าเราหรอกครับ บวชมาแล้ว คุณลองใช้ความรู้ ความสามารถที่ผ่านมาก็ได้ครับ ลองภาวนาแบบวิริยะเต็มๆดูนะครับ คือ ว่างนั่งหรือนอนเจริญกรรมฐานทั้งคืนดูนะครับ แล้วปล่อยจิตตกลงสู่ภวังค์เอง คราวนี้อภิญญาก็ไม่ไกลเกินฝันครับ ดีกว่าเป็นร่างทรงเยอะแยะครับ

ตัวเองเป็นที่พึ่งของตน ผมมั่นใจว่า ถ้าคุณทำ คุณทำได้ครับ บารมี มีมากพอครับ ขาดแค่ ใจ เท่านั้นเองครับ

 

ขอบคุณที่ชี้แนะครับ ผมจะตั้งใจอย่างที่ ท่านแนะนำมาครับ สาธุ อนุโมทนา กับคำตอบครั้งนี้ด้วยครับ

 

คำตอบผมคือ "ไม่ดี" ครับ อย่าเพิ่งปิดไปเลยครับ ผมว่ายังมีคนที่รอสงเคราะห์จากคุณคุรุวาโรอยู่อีกเยอะ ที่มุ่งในการปฏิบัติธรรม แล้วยิ่งได้มาเจอของจริงแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจในการปฏิบัติว่ามีผลรออยู่ตรงหน้าแน่นอนครับ อีกอย่างผมตั้งใจจะดรอปวิชาฝึกงานในเทอมนี้ ไปเป็นช่วงซัมเมอร์นี้แทน เพราะผมพิจารณาแล้วว่าการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องใหญ่สำคัญกับชีวิตของผมมากกว่าการเรียน (เพราะยังไงผมก็เรียนจบทันเพื่อนครับ เพราะเหลือแค่ฝึกงาน) ขอขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

รบกวนขอคำแนะนำจากคุณคุรุวาโรด้วยค่า
ไม่แน่ใจว่าตกหล่นข้ามไปหรือไม่เลยถามอีกรอบนะค่ะ

 

อดีตมาจากพญานาคที่อยู่ในวังครับ ชาตินี้จะรู้สึกผูกพันกันอยู่ครับ เจริญกรรมฐานยังไม่ไปถึงไหนครับ ลองตั้งใจใหม่ครับ เพราะถ้าไม่มั่นใจในตัวเองเจริญกรรมฐานก็ไม่ก้าวหน้านะครับ ลองหาพระนาคปรกมาแขวนคอดูครับ
เจริญแบบลมหายใจก็ดีครับ

 

จะรบกวน คุณคุรุวาโร แนะนำแนวนงให้ได้ฝึกจิตและสมาธิได้อย่างถูกต้องทีนะครับ ผมได้อ่านกระทู้ย้อนกลีบไปตั้งแต่ตอนต้น อยากจะทราบว่าอันตัวผมนั้นอดีตมาจาก อะไร แล้วควรจะเจริญผวานาไปทางไหน รบกวนขอแนวทางทีนะครับ. ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

จะรบกวน คุณคุรุวาโร แนะนำแนวนงให้ได้ฝึกจิตและสมาธิได้อย่างถูกต้องทีนะครับ ผมได้อยากจะทราบว่าอันตัวผมนั้นอดีตมาจาก อะไร แล้วควรจะเจริญผวานาไปทางไหน ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

สัญญา ในเรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในใจของเรานั้น ทั้งดีและชั่ว ทั้งอดีต อนาคต ไม่ให้นำมายุ่งเกี่ยวและก็ไม่ต้องไปแก้ไข เมื่อสัญญาผ่านเข้ามา ก็ปล่อยให้ผ่านไปตามเรื่องของมัน ความรู้ของเราก็ให้เฉยอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว สัญญานี้ เปรียบเหมือนกับ เงา ส่วนตัวจริงของมันนั้นก็คือ จิต ต่างหาก ส่วนจิต ก็คือ ตัวรู้ พระพุทธเจ้า ทรงแสดงว่า ใครไม่รู้จัก ตัว ไร้จัก กาย ใจ
ไม่รู้จัก เงา ของตนเอง นั่นคือ อวิชชา คนที่สำคัญว่า จิต เป็นตน ตนเป็นจิต จิตเป็น สัญญา ปนเปกันไปหมดเช่นนี้ เขาเรียกว่า คนหลง คือเหมือนกับคนที่หลงป่า ดวงจิตที่เจือปนอยู่ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ
ในธรรมาราณ์ เปรียบเหมือนเรือถูกลมพายุพัดเข้าใส่ มันก็จะไม่ให้เรือนั้นตรงลำตรงอยู่ได้ มีแต่จะทำให้เรือจมลงๆ ไฟที่ใช้สอยก็จะดับหมดด้วยอำนาจความแรงของกระแสลมที่พัดมานั้น
สัญญานี้เหมือนกับระลอกคลื่น ที่วิ่งไปมาในมหาสมุทร ใจนั้นก็เปรียบเหมือนปลาที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ธรรมดาของปลาย่อมเห็นน้ำเป็นของสนุกเพลิดเพลินฉันใด บุคคลผู้หนาแน่นไปด้วยอวิชชา ก็ย่อมเห็นเรื่องยุ่งๆ เป็นของสนุก
ตามใดที่เราทำความสงบให้เรื่องต่างๆ บรรเทาเบาบางไปจากใจ ก็ย่อมทำอารมณ์ของเราให้เป็นไปใน กรรมฐาน คือฝังแต่ พุทธานุสติ เป็นเบื้องต้น จนถึง สังฆานุสสติ เป็นปริโยสานไว้ในจิตใจ
เมื่อเป็นไปดังนี้ ก็จะถ่ายอารมณ์ที่ชั่วให้หมดไปจากใจ ถึงเรือจะหนักก็ตาม แต่ใจของเราก็เบา เพราะเรื่องของบุญกุศลเป็นของเบา เมื่อใจของเราเบาอย่างนี้ภาระทั้งหลายก็น้อยลง
สัญญาต่างๆก็ไม่มี นิวรณ์ก็ไม่ปรากฏ ดวงจิตก็จะเข้าสู่ กรรมฐาน ได้ ทันที เราก็ต้องมี สติสัมปชัญญะ คอยสำรวจว่า ลมหายใจเข้าออกนี้ มันเกิดผลแก่ร่างกายอย่างไร จิตของเราได้ผลอย่างไร ถ้าลมอ่อนก็ถอนลมเสียใหม่ อย่าให้เผลอตัว ปรับปรุงลมหายใจจนรู้สึกว่า กายและจิตได้รับความสะดวกสบาย (การถอนลม คือ การสร้างความรู้สึก) เมื่อเกิดความสะดวดสบายอย่างนี้ จิตก็สงบ เมื่อจิตสงบแล้วก็ย่อมเกิดผล ได้หลายอย่าง

 

สวัสดีค่ะคุณคุรุวาโร มีข้อสงสัยไม่หายค่ะ เคยนั่งสมาธิแล้วฟุ้งซ่านเครียดปัญหาบางอย่างแล้วจู่ๆเราก็พูดขึ้นมาเองว่ามันจะเป็นอย่างนี้ๆๆ ในวันต่อมา แล้วในวันต่อมาก็เป็นอย่างที่พูดออกมาค่ะ อีกเหตุการณ์ก่อนหลับจู่ๆเราก็พูดขึ้นมาเองว่าพรุ่งนี้เหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้ๆๆ แล้ววันต่อมาเหตุการณ์ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อันนี้เนี่ยมีใครมาผ่านหรือป่าวคะ สงสัยไม่หาย ไม่ได้อยากเป็นร่างทรงอ่ะ มีตนเป็นที่พึ่งอยากเก่งเองรู้เอง ต้องเพิ่มอะไรถึงจะก้าวหน้าในการปฏิบัติคะ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 

ขออนุโมทนาสาธุค่ะ เข้าใจแล้วล่ะ ปัจจุบัน ณ ธรรม

 

ความรู้ก็คือ วิชชา เราไม่ต้องศึกษาเล่าเรียนอะไรเลย แต่มันผุดขึ้นมาได้ อีกอย่างหนึ่งเวลาที่จิตสงบดี ถ้าเราประสงค์จะทราบเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ขยับจิตเพียงนิดเดียว ก็สามารถจะรู้เรื่องราวนั้นๆได้ทันที
ความรู้ตอนนี้แหละจะเป็น วิปัสสนาญาณ ถ้าเป็นความรู้เบื้องต่ำเกี่ยวกับสัญญาอดีต อนาคต เช่น ปุพเพนิวาสนุสสตืญาณ เห็นชาติภพที่ล่วงมาแล้วของตนเอง
หรือของคนอื่น คือ จุตูปปาญาณ

วิชชา เกิดขึ้น ในส่วนของ นาม บางทีก็มีญาณรู้ขึ้นมาในเรื่องจิต นิมิตของนามเป็นความรู้ ซึ่งผุดขึ้นมาจากความสงบ โดยที่เรามิได้นึกคิด แต่มันผุดขึ้นมาได้ พอเรานึกถึงอะไร สิ่งนั้นก็ผุดขึ้นมาได้อย่างเรานึกทันที