คำทำนายภัยพิบัติที่แม่นยำ และการปกป้องภัยพิบัติ ของพระมหาโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 15 กันยายน 2011.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    ขอบคุณครับ

    มีจิตปรารถนาใคร่จะอ่านบทความ คำสอน คำเทศน์ หลวงปู่อ่ำ
    ตามที่ท่าน"พรท่านปู่" ได้เมตตาบอกกล่าวมา พอจะหาที่ไหนได้บ้างครับ ผมอยุ่บ้านนอก คงหายาก
    ถ้าหาในตลาดหนังสือไม่ได้แล้ว รบกวนสแกนหรือคัดคำสอนท่านมาตั้งกระทู้ให้อ่านได้บ้างคงดีไม่น้อยครับ จะเป็นบุญกุศลในธรรมทาน สาธุ
     
  2. k_kom

    k_kom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +85

    อย่าเรียกผมท่านเลยครับ..ผมก็ได้ยินคุณงามความดีขององค์หลวงปู่อ่ำมาจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำล่ะครับท่าเป้นพระที่ดีจริงๆ..มีอยู่ครั้งหนึ่งนะครับ..ผมได้คุยกับลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเล่าให้ฟังว่า..ตอนนั้นหลวงปู่อ่ำมรณภาพลูกศิษย์ท่านนี้ท่านคุยให้ผมฟังว่าหลวงพ่อฤาษีท่านบอกว่า..ช้างไปแล้วๆ..หรือไปแล้วช้างๆ..ประมาณนี้ล่ะครับคร่าวๆ
    ทำให้ผมเชื่อว่าหลวปู่อ่ำท่านเคยเกิดเป็นช้างปาลิไลยกะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤศจิกายน 2011
  3. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    หลวงปู่อ่ำ วัดโสมนัส

    “หลวงพ่อ” เคยกล่าวว่า คนเรามักคาดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าพระดีควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ กลายเป็นคนกิเลสท่วมหัว แต่ไปกำหนดคุณสมบัติพระอริยเจ้า เลยไม่ต้องพบพระดีกันทั้งชาติ “มันเดินชนพระอรหันต์ตายไปหลายหลายองค์แล้ว...” “หลวงพ่อ” ปรารภ...

    เช่นเดียวกับ หลวงปู่อ่ำ (พระราชกวี) วัดโสมนัสวรวิหาร ท่านเป็นพระดีที่ไม่ยอมแสดงออก จนหลวงพ่อต้องเปิดเผยให้ทราบ พวกเราจึงได้ไปกราบไว้ทำบุญกับท่าน หลวงพ่อบอกว่า “องค์นี้ คือช้างปาลิไลยกะ จะมาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของกัปป์นี้...”

    บรรดาพระภิกษุจากวัดท่าซุง พากันไปกราบสนทนาธรรมกับหลวงปู่ แล้วพากันกล่าวขานถึงความเป็นยอดปราชญ์ของท่าน อาตมาก็เพียงรับฟังไว้ เนื่องจากโอกาสที่จะไปกราบขอความรู้จากท่านยังมาไม่ถึง เพราะทำตัวเป็นคนไม่มีเวลาว่างเสียที ทั้งที่จะไปจริง ๆ ก็สามารถปลีกตัวได้...

    วันหนึ่งอาตมาลงมากรุงเทพฯ เพื่อสวดมนต์-ฉันเพล ที่บ้านของโส่ย (จันทกานต์ ตรีอุดมสิน) ในวาระทำบุญเปิดร้านใหม่ รับข้าวของที่เขาถวายมามากมาย ซึ่งอาตมายึดตามแบบของหลวงพ่อเสมอมา คือ ของเกิดขึ้นที่ไหนก็ทิ้งไว้ที่นั่น...

    แต่นี่มันเป็นบ้านไม่ใช่วัด แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ...? พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าที่นี่ห่างจากวัดโสมนัสไม่ไกล เลยให้เสี่ยล้ง (สุเมธ ตรีอุดมสิน) ขับรถขนของไปส่ง มีพี่มุกดา (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) กับหัวหน้าชาติชาย (ปัจจุบันคือพระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล) ขอตามไปกราบหลวงปู่ด้วย จะได้ช่วยกันแบกของไปถวายท่าน...

    ทันทีที่เปิดกุฏิออกมารับ ประโยคแรกที่หลวงปู่ทักอาตมา ทำเอาพี่มุกดากับหัวหน้าชาติชายงงเป็นไก่ตาแตก คือ “เป็นอย่างไรบ้างเพื่อน...ไปถึงไหนแล้ว...?” แต่อาตมาเข้าใจดี กราบเรียนท่านว่า “ไม่ไหวครับหลวงปู่ กระผมเลิกแล้วครับ...” หลวงปู่ยิ้มแบบให้กำลังใจ พลางกล่าวว่า “น่าเสียดายนะ...”

    ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น...? ก็หลวงปู่เป็นพระโพธิสัตว์ จะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท้ายกัปป์นี้ อาตมาเองก็เคยปรารถนาเช่นนี้มาก่อน แต่ว่าหมดกำลังใจที่จะทำต่อ ขอลาจากความปรารถนานั้นแล้ว บรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหมด ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมสร้างบารมีมาด้วยกันทั้งสิ้น หลวงปู่เห็นหน้าจึงทักเช่นนั้น...

    หลังจากถวายสิ่งของกับหลวงปู่แล้ว อาตมาขอให้หลวงปู่เทศน์เรื่องสังโยชน์ ๑๐ เรียกว่าลองของกันซึ่ง ๆ หน้าเลย...! หลวงปู่บอกว่า “นั่นเป็นเรื่องที่พระอริยเจ้าท่านพูดกัน ฌานโลกีย์อย่างคุณ อย่างผมพูดไปก็ผิด...”
    ในที่สุดเมื่อเสียไม่ได้ หลวงปู่ก็เทศน์วนอยู่แค่สังโยชน์ ๕ เป็นการเปิดให้ดูก้นหีบว่า มีอยู่แค่นี้เอง พออาตมาถามถึงเรื่องนรก - สวรรค์ – พรหม – นิพพาน หลวงปู่นิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ผมเกรงว่าจะอวดอุตริมนุสสธรรม...”
    “ไม่ใช่การปรารภเพื่อลาภผลนี่ครับหลวงปู่...” เท่านั้นเอง เรื่องราวก็พรั่งพรูออกจากปากหลวงปู่ ตั้งแต่ครั้งเรียนบาลีอยู่ อ่านเรื่องช้างปาลิไลยกะอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า พอพระพุทธเจ้าจากไป ก็อาลัยรักจนอกแตกตาย...

    “อ่านถึงตรงนี้ทีไรมันจับอกจับใจ ถึงแก่ร้องไห้ทุกที...” แต่ตอนนั้น หลวงปู่ยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะนั่งดูตะวันตกดินอยู่ สภาพจิตทรงฌานอัตโนมัติ กายทิพย์หลุดจากร่าง ตรงไปเฝ้า สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตร...
    สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรตรัสเล่าให้ทราบ ว่าหลวงปู่คือช้างปาลิไลยกะ เคยปรารถนาพุทธภูมิมาพร้อมกัน สมัย องค์สมเด็จพระสิริมิตรสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่หลวงปู่ประเดิมความเป็นพระโพธิสัตว์ชาติแรกเยี่ยมมาก คือ ตกนรก...!
    เวียนตายเวียนเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ชาติที่สำคัญคือ เกิดมาเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรไทย ซึ่งหลวงปู่ยืนยันหนักแน่นว่า อักษรไทยมีมาก่อนสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และคนไทยอยู่ในสุวรรณภูมินี้มาแต่ดั้งเดิม ไม่ใช่อพยพมาจากภูเขาอัลไต...

    ชาตินี้ความจริงไม่ใช่วาระที่หลวงปู่จะมาเกิด เป็นคิวของพระศรีอาริย์ แต่งานสำคัญคือ ต้องมารวบรวมประวัติการเกิดอักษรไทย พระศรีอาริย์ท่านเห็นว่า หลวงปู่เป็นคนต้นคิดเอง ก็สมควรจะมาเกิดเพื่อทำงานนี้ซะเอง...
    หลวงปู่จึงต้องลัดคิวลงมาทำหน้าที่นี้ และบัดนี้ได้รวบรวมประวัติหนังสือไทยและพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิไว้เรียบร้อยแล้ว “ตอนนี้ยังหาคนยอมรับได้ยาก ต้องให้ผมตายไปแล้วนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเขาเชื่อแต่ จอร์จ เซเดย์...”

    ท่านขนเอาตำรับตำราอักษรโบราณต่าง ๆ ตลอดจนกระเบื้องดินเผาจารอักษร ที่ขุดได้จากเมืองเก่าราชบุรี (เมืองโบราณคูบัว) มาให้ดู เป็นที่น่าอัศจรรย์มากที่ตัวอักษรไม่ว่าชาติใดภาษาใด ตลอดถึงอักษรในกระเบื้องจาร...
    พอหลวงปู่ชี้เท่านั้น ทั้งอาตมา พี่มุกดา และหัวหน้าชาติชาย ต่างก็เห็นว่ามันคืออักษรไทยปัจจุบันนี้เอง สามารถอ่านได้ทุกคำ แต่เมื่อหลวงปู่ยกนิ้วขึ้น ทุกคนก็เห็นเป็นตัวยึกยืออะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออกซักคำ...!

    “ผู้คิดดัดแปลงอักษรให้แก่ชนชาติอื่น ๆ นั้นเก่งมาก ทั้งที่มีรากฐานไปจากอักษรไทยแท้ ๆ แต่ดูจากสายตาทั่วไปแล้วจะไม่เห็นเค้าเลย...” ฮั่นแน่...ชมตัวเองก็เป็นเหมือนกันนะครับหลวงปู่...ฮิ...ฮิ...
    กว่าสามชั่วโมงที่หลวงปู่เมตตาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง จนกระทั่งขอตัวกราบลา และกราบขอขมาที่ล่วงเกินหลวงปู่ ท่านเมตตากล่าวว่า “คุณถามเพราะใฝ่รู้ไม่ถือว่าเป็นการล่วงเกินอะไรหรอก...”

    หลังจากกราบลาแล้ว ทั้งที่หลวงปู่กำชับว่า ให้ไปหาอีกทันทีที่มีโอกาส แต่อาตมาก็ทำตัวเป็นคนไม่มีเวลา จนกระทั่งหลวงปู่มรณภาพ แต่ผลงานของหลวงปู่ก็ยังอยู่นะครับ หัวหน้าชาติชายตัวขึ้สงสัย โดนหลวงปู่ต้อนเข้าวัดไปเลย บวชซะแล้วครับ...!

    ๓๐ กันยายน ๒๕๓๕
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา http://grathonbook.net/book/past/past12.html
     
  4. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ช้างป่าลิไลยกะ จะเป็นพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ องค์ที่ ๑๐<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->....ท่านเจ้าคุณอ่ำบวชเณรที่วัดโสมนัสฯพ.ศ. ๒๔๗๓ บวชแล้วมิได้สึกจนมรณภาพรวมอายุ ๗๘ ปี โดยเป็นฆราวาสเพียง ๑๖ ปีเท่านั้น ชีวิตพรหมจรรย์ ๖๒ ปีคือเป็นพระ ๕๘ พรรษา

    ความเห็นของพระราชพรหมยานเถระหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้มีคำพูดถึงท่านเจ้าคุณอ่ำในหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ว่า "เจ้าคุณพระราชกวี วัดโสมนัสวิหาร องค์นั้นท่านรู้จริง ไปถามท่านดูซิ (เกี่ยวกับพระกาลมาบอกเวลาตาย)


    ท่านปรารถนาพุทธภูมิ ความจริงยังไม่เคยเจอะหน้ากันเลยนะ แต่มีจิตใจยอมรับนับถือกันและกัน อาตมาก็ยอมรับนับถือท่าน ต่างคนต่างฝากข่าวไป-หากัน พบกันแค่ข่าว ถึงกระนั้นก็ดี แต่ว่าข่าวของท่านกับข่าวของอาตมาตรงกัน ความรู้สึกตรงกัน ใครสงสัยอาตมาพูดว่าพระพุทธเจ้ามีจริง พระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้น..อย่างนี้ ไปถามเจ้าคุณได้และก็ไปถามคนที่เขาปฎิบัติได้ ให้ได้จริงๆก็แล้วกัน ที่เขาทำทิพจักขุญาณได้ก็ดี ทำอภิญญาได้ก็ดี อันนี้เขาตอบได้แน่นอน"

    ความเห็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำดังกล่าวแสดงถึงการรับรองว่า ท่านเจ้าคุณอ่ำเป็นผู้รู้จริงปฎิบัติได้จริง ท่านยังกล่าวด้วยว่า "พระราชกวีอ่ำคือช้างป่าลิไลยกะสมัยพุทธกาลโน้น ในอนาคตกาลจะเป็นพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ องค์ที่ ๑๐ ทรงพระนามว่า พระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้า..." ในจารึกคำทำนายของพระอรหันต์ในกบื้องจาน คำกล่าวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำตรงกับข้อความในลายสือไทยในกเบื้องจาน แผ่นที่๑๖๖ หน้า ๑ ซึ่งพระปุณณเถร (ทำนาย) จารึกไว้เมื่อวันขึ้น ๑๑ ค่ำเดือนอ้าย พุทธพัสสา ๒๑ ว่า "ปุณณมุณี (ปุณณเถร) ถ้ำพุทธ (ถ้ำเขางู จ. ราชบุรีซึ่งมีจารึกว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับ)..

    http://www.secret-thai.com/Webboard/viewtopic.aspx?wcode=secret&qId=2264<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. พิจิกา

    พิจิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +119
    หยุดเถอะท่านมหา...ปรามาสพระอรหันต์ กรรมหนักนะเจ้าค่ะ
     
  6. k_kom

    k_kom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +85
    ท่านมโนวิญญาณหาข้อมูลมาไขข้อข้องใจได้ดีมาก..ข้อมูลนี้ชัดเจนจริงๆ
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    [​IMG] ภาพนี้ เป็นสถานที่ก่อสร้าง หลวงปู่ปาน ณ วัดใหม่ ฉายหิรัญ (วัด กม.๘) อ.ด่านช้าง จ.สุ๑๐๐๐ บุรี หน้าตัก ๕ วา ๙ นิ้ว หรือ ๑๐ เมตร ๙ นิ้วนั่นเอง ค่าแรงงาน ตก สามล้านบาท หลวงปู่ปานท่านเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง ที่จะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ ถ้านับต่อ (๑)พระศรีอริยเมตไตย (๒) พระราม (๓) และมาหลวงปู่ปาน เป็นองค์ที่ ๗ ของกัปนี้
    <!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset>[​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    ภาพที่ (๑) ในสามภาพ เป็นสถานที่จะก่อสร้าง สมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๓๐ วา หรือ ๖๐ เมตร ทรงชินราช ถมที่ไปแล้ว จำนวน ๔ ไร่ หมดเงินตก ๑๐ ล้านบาท จะสร้าง ณ วัดใหม่ ฉายหิรัญ (วัด กม.๘) ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุ๑๐๐๐บุรี ภาพที่ (๒) สมเด็จองค์ปฐม ทรงชินราช หน้าตัก ๙ วา หรือ ๑๘ เมตร สูง ๖๓ ศอก พระกำลัง แผ่นดิน สร้างที่ อ.ด่านซ้าย จ. เลย ตอนนี้เศียรน่าจะเสร็จแล้ว คณะคุณหมอเอ๋ เชียงใหม่ นำการก่อสร้าง ภาพที่ (๓) สมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๒ วา ๒ ศอก หรือ ๕ เมตร บนเศียร ประดับเพชรพยานาคราช ใกล้จะสมบูรณ์ แบบแล้ว อ.ณัฐวุติ ณ สำนักสงฆ์เขาขจี อ.สว่างอารมย์ จ.อุทัยธานี

    ขอกราบ องค์พ่อหลวงของแผ่นดิน องค์พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ผู้ประเสริฐ ขอเอ่ยคำของครูบาอาจารย์ ไม่ขอเอ่ยชื่อ เดี๋ยวคนจะไปปรามาส ท่านกล่าวว่า ถ้าท่านไม่ลา พุทธภูมิ ลาจากการเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านจะได้เป็น พระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้น แต่ท่านตกลงกับพระ เพื่อมาช่วย ประกาศ พระศาสนาของพระองค์ให้ครบ ๕๐๐๐ ปี จึงจบกิจในพระศาสนา ท่านบอกว่า ถ้าไม่ลา นับจาก พระศรีอริยเมตไตย ไป เป็นองค์ที่ ๒๓ ถ้าไม่นับพระ ศรีอริย ก็องค์ที่ ๒๒ ท่านกล่าวว่า ท่านกล่าวว่า ถ้า ในหลวง ไม่ทรงลา พุทธภูมิ จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ก่อนท่านอีก นับจากพระศรีอริยเมตไตย เป็นองค์ ที่ ๑๗ ท่านกล่าวว่าถ้าท่านไม่บวชเป็นพระ ท่านต้องลงไปก้มกราบ ในหลวงครับ ท่าน ท่านกล่าวว่า พ่อหลวงทรง ฌาณ ๔ มาตั้งแต่ เด็กแล้ว ขอประทานอภัย ถ้าผิดพาด ประการใด ขอน้อม รับผิด แต่เพียง ผู้ เดียว ขอพระองค์ และ พระองค์ทุกท่าน ที่นำมากล่าวเช่นนี้ เพื่อประกาศให้คนที่ไม่รู้ และขออย่ามีโทษเลย เกล้ากระผม ขอขมา กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดๆ กับทุกๆพระองค์ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    เรียนทุกท่าน
    ท่านทั้งหลายเข้าใจความหมายของเหตุการณ์ที่จะกล่าว ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้ไหมครับ
    ลำดับที่หนึ่ง มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 1+1 = 2
    ลำดับที่สอง มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 2+0 = 2
    ลำดับที่สาม มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 3-1 = 2
    ลำดับที่สี่ มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 4- 2 = 2
    ลำดับที่ห้า มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 5- 3 = 2
    ลำดับที่หก มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 2 x 1 = 2
    ลำดับที่เจ็ด มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า 4 / 2 = 2

    ถ้าท่านทั้งหลาย เข้าใจความหมายเหมือนผม
    จะไม่มีสิ่งใดแม้แต่ เม็ดหิน เม็ดทราย ติดอยู่ใน หัวจิต หัวใจ ของท่านทั้งหลายเลย

    ขอ อนุโมทนาครับ
    ธีรยุทธ
     
  9. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    เราเป็นพุทธ ไม่นิยมพิธีกรรมแบบ พราหมณ์ ทรงเจ้า เข้าผี ...
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ({)ขอแจมประสพการณ์หน่อยครับ ผมไม่มีความรู้ อะไร ไม่ได้เรียนมาสูง แค๋ ป.๔ แต่มีประสพการณ์เล็กๆน้อยๆ มาเล่าสู่กันฟัง อ่ะครับ ความมีอยู่ว่า เมื่อ ผมเป็นเด็ก และเข้าสู่วัยรุ่น สมัยนั้น ผมชอบ ออกหา ปลา ตอนกลางคืน ตี ๓-๔ ผมจะนั่งมองดู ท้องฟ้า และ สังเกตุ อยู่ บ่อยๆ ผมนั่งหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก เห็นดาวหาง ลอยอยู่ บนท้องฟ้า สูงเหนือ ต้นไม้ หรือยอดตาล ไม่มากนัก จะเห็นอยู่อย่างนี้ หลายวัน มองดู ความยาวเท่าศอก เห็นจะได้ หัวใหญ่ปลายเล้ก แสงส่ว่างจ้า สุกสกาว ใส เหมือนแสงพระจันทร์ แต่แสงนั้น ไม่ได้หนึ่งในร้อยของพระจัทร์ และมาอีกหลายปีก็เคยเห็นอีก พ.ศ.ไม่ถึง ปี ๒๐ และเมื่อเด็กๆ พ.ศ. ไม่ถึง ๑๐ เกิด วันสุริยปาราคา และ พ.ศ.๑๐ กว่า ๆ มันมืด เหมือนตอนกลางคืน พวกสัตว์ ทั้งหลาย แตกตื่น อลม่านวุ่นวายไปทั่ว เสียงไก่ ร้องระงม ไปทุกหมู่บ้าน ผมเลี้ยง ควาย อยู่ในทุ่ง ห่างจากบ้าน ๓-๔ กิโล ควายมันแตกตื่นแม้แต่วัว ก็เหมือนกัน มันวิ่ง กับบ้าน กันเป็น แถว เป็นอยู่นาน จำไม่ได้ว่ากี่ ชั่วโมงนานพอสมควร จันทรคาสนี่ยิ่งบ่อยไม่เหมือน จันทรคาส สมัยนี้ ผิดกันมากครับ อย่าง ดวง จันทร์ ใหญ่ ขนาดเท่ากระด้ง นี่เห็นบ่อยๆมาก ในสมัยเด็ก ๆ จนกระทั่ง เป็นหนุ่ม รู้จัก กระด้งไหม ที่เขา ขวัดข้าว ของคน สมัยเมื่อ ๓๐-๔๐ ปีโน้น คนเดี๋ยวนี้คงไม่รู้จักแล้วครับ รู้ก็น้อย เต็มที สมัย เมื่อ ๔๐ กว่าปีมานี้ คนบ้านนอก รุ่นสาวเอ๊าะๆ ยังใส่ปิ้ง ปิดปิ อยู่เลย ตูดขาวโพน ไม่ใส่เสื้อผ้า ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆใครเคยเห็นบ้าง คนรุ่นเก่าๆน่าจะเคยเห็นอ่ะครับ คนจน ปิ้งแสตนเลส อย่างดี ก็ปิ้งเงิน ถ้าคนรวย ปิ้ง นาก แต่ กะปิ้ง ทองคำนี่ ผมไม่เคยเห็น ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ ( อย่างดวงอาทิตย์) ครูบาอาจารย์ท่านพูดมาตั้งแต่ พ.ศ.๑๐ กว่าแล้ว ว่า นะเวลานี้ ดวงอาทิตย์ ดวงที่ ๒ กำลัง ครุอยู่ มันทำให้โลกต้องร้อนขึ้น ผิดปรกติ โลกมันจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่มีบางท่านที่บวช เรียนสูงๆ เคยพูด ต่อไป ถ้าสิ้น ศาสนาไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะขึ้นมาถึง ๕-ดวง ๗ดวง จะเผาโลกเป็นจุล พูดเหมือนนิยาย แต่ครูบาอาจารย์ท่านว่าไม่ต้องถึง ขนาดนั้น หรอก แค่ดวงที่สอง มันมีแสง แผดเผา เท่าดวง ปัจจุ บัน คนและสัตว์ มันก็อยู่กัน ไม่ได้แล้วอ่ะ ตายไม่เหลือ น้ำคงแห้ง หมดมหาสมุทร แต่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ในโลกนี้ มันมีโลก ต่างๆมากมาย เรียกว่า แสนโกฎจักรวาล หมื่นโลกธาตุ จักวาลต่างๆ ส่วนใหญ่ ไม่มีอะไร อยู่เลย และไม่มีอากาศ เหมือนดวงจันทร์ และโลกธาตุ ที่มี คนและสัตว์ ในโลกต่างๆ มีอายุยืนยาว มากกว่าโลกของเราอีก วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี่ เรายังห่างกว่าของเขาอีกเป็นแสนปี บางโลก มีแต่สัตว์ ไม่มีคนอยู่ คนดาวดวงอื่น เขาเรียก โลกของเราว่า ดาวชมภู พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่จะมาอุบัติ ขึ้น ในโลก ก็จะมาอุบัติขึ้น ในดาวชมภูนี้เท่านั้น แค่นี้ก่อนมีโอกาศ ค่อยเข้ามาเยือน ครับ สวัสดี :cool:<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    การเวลาพิสูทร์คน ระยะทางพิสูทร์ม้า คนเรานั้น มีความรู้ ไม่เสมอกัน มีบารมีต่างกัน พระอริยเจ้า ก็มีหลายขั้น พระโพธิสัตว์ ก็มี บารมีต้น บารมีกลาง บารมี ปลาย แต่บารมีของท่าน ก็มี ๓ แบบ (๑) ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขย กำลัย แสนกัป (๒) ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขย กำลัยแสนกัป (๓) วิริยาธิกะ บำเพ็ญบามี ๑๖ อสงขัย กำลัยแสนกัป พระโพธิสัตว์ และพระพุทธเจ้า ก็มี ๓ แบบ นี้ เป็นหนทางเดิน ของพระองค์ท่าน ความเป็นพระพุทธเจ้า เสมอกัน แต่ต่างกัน ที่อายุ พระสาวก ประกาศพระศาสนา คนก็ต่างกัน ในยุคของท่าน คนที่เรียนมา จบประถม ๔ แต่ความรู้ ความสามารถไม่เท่ากัน ฉันใดก็ฉันนั้น (อ่านตรงนี้ ) ต่อไป หันไปดู พระเทวทัต พระพุทธเจ้าบวชให้ แถมเป็นพระญาติ พระพุทธองค์ อยากเป็นใหญ่ จะปกครองสงฆ์ สอนให้ได้อภิญญาสมาบัติ ทำร้ายพระพุทธเจ้า ทุกรูปแบบ ไปขอพระองค์จะกินเจ พระองค์ไม่ทรงอนุญาติ ตอนจะตาย เอาหัวบูชาพระพุทธเจ้า กรรมเบาลงหน่อยตกนรกน้อยหน่อย สิ้นพระศาสนา ก็ขึ้นจากอเวจี ต่อไป เมื่อเลย หนึ่งพุทธทันดร ไปแล้ว จะมาตรัสรู้ เป็นพระปัจเจ กะพุทธเจ้า มีคติแน่นอนแล้ว มาตรัสรู้ ก่อนที่พระศรีอริยะเมตไตย ลงมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า นี่พระพุทธเจ้าพยากรณ์นะ พระปัเจนีไม่ใช่ มาตรัสรู้องค์เดียว ตรัสรู้ ครั้งหนึ่ง เป็นหมื่นเป็นแสนพระองค์ครับ แค่นี้ก่อนครับ พูดมากเดี๋ยวท่านจะลำคราญ
     
  12. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ พระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล พระใหญ่ชัยภูมิ

    ขออนุญาติครับ

    ผมก็ได้เตือนไปหลายครั้งแล้วนะครับว่า ขอให้ญาติธรรมชาวเว็บได้โปรดพิจารนาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบคอบ

    เรื่องของท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ก็ดี เรื่องพระใหญ่ชัยภูมิก็ดี ผมก็ได้เขียนไปมากแล้ว

    มากจนท่านที่มีสติปัญญาพอ จะสามารถพิจารนาได้ สิ่งที่ผมเขียน ส่วนมากผมก็มี คลิปวีดีโอเป็นหลักฐานให้อยู่แล้ว

    ถ้ามีบางท่านยังไม่เชื่อ ก็จะลงเพิ่มให้ เรื่อง การทอดถวายที่ดิน ของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ
    ที่ท่านอาจารย์ทิพากร มอบให้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
    แล้วท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชัยูมิ ก็ได้ถวายต่อให้แก่ ท่านเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ
    ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2553 เพื่อสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์

    ตามเว็บลิ้งข้างล่าง


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=14uHa90jj3g&feature=channel_video_title]มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ถวายที่ดิน 40 ไร่เศษ เพื่อสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์ 25 ธันวาคม 2553 - YouTube[/ame]

    ถ้าท่านเป็นผู้ที่ประมาทเลินเล่อ บอกออกมา ก็คงไม่เป็นอะไรมาก
    แต่ถ้าท่าน เขียนออกมาด้วยการพิจารนาไตร่ตรองจนรอบคอบ ตามกำลังสติปัญญาของท่านแล้ว
    การกล่าวร้ายพระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาลอย่างรุนแรงหนักหน่วงขนาดนี้
    ผมเองก็ไม่ทราบว่าจะมีกรรมหนักขนาดไหน
    แต่เคยได้ยินได้ฟังท่านอาจารย์ทิพากร บอกเล่าว่า มีผู้ไปแอบอ้างทำพิธีเปิดบุญให้ผู้คน
    โดยใช้พระคาถา นะ โม ตะ โป ยา จา ถะ พร้อมกับบอกว่า ตนเป็นผู้ค้นพบพระคาถานี้
    ท่านอาจารย์ทิพากรท่านได้บอกว่า

    "การแอบอ้างเป็นพระโพธิสัตว์ ในกรณีนี้ ผู้แอบอ้างจะตกนรกนานหลายกัป และแก้ไขไม่ได้"

    เห็นหลายๆท่านในเว็บบนี้ มีความรู้เรื่องการปรามาศดีอยู่แล้ว ก็ช่วยกันพิจารนาเอาเองกันนะครับ

    ขออนุญาตครับ

    ผมไม่ทราบว่าท่านเป็นไคร

    ถึงได้กล้าหาญชาญชัย ถึงขนาด กล้ากล่าวว่า คำพูด คำบอก คำเล่า
    ของท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ พระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล
    ท่านผู้ที่จะไปจุติเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่๑๐ พระนาม "สุมังคละ"

    อย่างรุนแรงขนาดนี้

    ขอให้พิจารนาผลที่จะตามมาด้วยนะครับ

    ถ้าท่านเชื่อว่า คำพูดของท่านน่าเชื่อถือมากกว่า พระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล
    ก็ขอให้ประกาศตนออกมาเลยครับ
    ชาวพุทธยุคภัยพิบัติกำลังรอ ผู้มีบุญบารมีมาช่วยเหลืออยู่

    ท่านอาจารย์ทิพากรนั้น ท่านบอกแค่ว่า ท่านเคยมีอดีตชาติเป็นช้าป่าปาลิไลยกะเท่านนั้นครับ

    ส่วนที่บอกว่า ท่านจะไปจุติเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่๑๐ ผมเป็นคนบอกเอง
    ตามเว็บลิงค์ที่ผมได้ อธิบายขยายความไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ที่ยกมาให้ดูข้างล่าง


    http://palungjit.org/threads/คำทำนา...สัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล.305910/page-2#post5192950

    ขออนุญาตครับ

    การที่พระโพธิสัตว์ผู้ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ท่านบอกว่า ท่านมีญาณที่พระอรหันต์ ส่องไปไม่ถึง

    คุณกลับมาบอกว่า ท่านปรามาศพระอรหันต์
    หรือคุณคิดว่า พระโพธิสัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว
    มีบุญบารมีน้อยกว่า ต่ำกว่าพระอรหันต์หรืออย่างไร

    หรือคุณไม่เชื่อว่าท่านอาจารย์ทิพากร ท่านมีอดีตชาติเป็นช้างป่าปาลิไลยกะ

    แล้วที่คุณมาบอกผมว่า หยุดเถอะลุงมหา มันแปลว่าอะไร

    จะให้ผมหยุดบอกเล่า ข่าวสารการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ หรืออย่างไร

    ยิ่งการก่อสร้างพระใหญ่ชัยภูมิดำเนินไป การบอกเล่า เรื่องราวต่างๆ ในภูมิของพระโพธิสัตว์ ของท่านอาจารย์ทิพากร ก็จะเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ

    ส่วนของการไปขัดแย้งกับ คำบอกเล่า ของครูบาอาจารย์ท่านใดนั้น
    ญาติธรรมชาวเว็บก็ต้องพิจารนาเอาเองว่า

    ท่านจะเชื่อพระโพธิสัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว หรือจะเชื่อ พระเจ้าพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆ

    ท่านต้องพิจารนาเอาเองว่า ข้อมูลนั้นๆ เป็น ภูมิของพระอริยะเจ้า
    หรือข้อมูลนั้นๆ เลยภูมิของท่าน แต่เป็นภูมิของพระโพธิสัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรแล้ว

    ถ้าท่านไม่เชื่อว่า ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล
    ก็ขอให้พิจารนาเอาเอง

    ผมก็บอกอย่างชัดแจ้งแล้ว ท่านอาจารย์ทิพากรนั้น ท่านยังมีชีวิตอยู่
    ท่านมีธาตุ๔ ขันธ์๕ ครบถ้วนบริบูรณ์

    ท่านผู้ใดข้องใจก็ขอเชิญไปพบไปถามท่านให้หายข้องใจได้

    เพราะเมื่อการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิดำเนินไป เรื่องของท่านอาจารย์ทิพากร ก็จะชัดแจ้งขึ้นเรื่อยๆ

    คงไม่ต้องรอจนพระใหญ่ชัยภูมิสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2561 แค่รอให้การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิสร้างถึงพระเพลา(หัวเข่า) ก็จะสามารถแผ่มหาพุทธานุภาพได้แล้ว

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรม ผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศล ทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2011
  13. thee48

    thee48 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +2
    สรรพสัตว์ถือโพธิเป็นกิเลส พระโพธิสัตว์ถือกิเลสเป็นโพธิ
     
  14. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    ขอโอกาสได้กล่าวบ้างครับ

    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกทาคามี และพระโสดาบัน เหล่านี้ เรียกว่าเข้าหลุดพ้นจากโลกิยะเรียบร้อยแล้ว ปิดอบายภูมิไปเรียบร้อยแล้ว

    พระโพธิสัตว์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์ แม้จะมีบารมีมากก็ตาม แต่ยังดำรงอยู่ในสถานะของ โลกิย์วิสัย หากพลาดก็ยังตกนรกได้ครับ ต่างจากพระอริยะบุคคลที่หลุดพ้นแล้ว

    จะคิดจะอ่าน จะเชื่ออะไร ก็จงใช้ปัญญาพิจารณานะครับ ไม่ใช้แค่เพียงความเชื่อเพียงอย่างเดียว ศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาแห่งเหตุ ผล

    ก่อนจะเชื่ออะไร ใช้หลักกาลามสูตร ด้วยครับ

    ผมขอสรุป
    พระอริยบุคคลทั้งหมด ท่านดำรงอยู่ในโลกุตระภูมิ ไม่มีทางหลุดไปสู่อบายภูมิได้แล้ว
    พระโพธิสัตว์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์ แม้บำเพ็ญบารมีมามากแค่ไหน แต่ยังอยู่ในโลกีย์วิสัย ดังนั้น ตกนรกได้เสมอครับ ท่านยังไม่ถึงโลกุตระ(พ้นโลก)

    ปัญญาพิจารณา เหตุ ผล , ปัญญาพิจารณา เหตุ ผล , ปัญญาพิจารณา เหตุ ผล ,
     
  15. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    อีกนิด พระโพธิสัตว์ ไม่ว่าองค์ไหนก็ตาม ต้องกราบแม้กระทั่ง พระโสดาบัน

    เพราะอะไรเหรอครับ เพราะพระโสดาบัน ท่านเป็นโลกุตระ ส่วนพระโพธิสัตว์ แม้มีบารมีมากมายสักเพียงไหนท่านก็ยังเป็นแค่โลกีย์

    หากพระโพธิสัตว์องค์ไหน ดูหมิ่นแม้เพียงพระโสดาบัน ก็ ลงนรก แน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพ้นจากความเป็นพระโพธิสัตว์นะครับ ยังคงเป็นอยู่ ยังมีบารมีมากอยู่ แต่หากพลาดก็ลงนรกได้ครับ
     
  16. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    พระพุทธรูป ท่านสร้างไว้เพื่อให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ไม่ได้เน้นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เน้นพิธีกรรม (พราหมณ์ เน้นพิธีกรรม พุทธไม่เน้น)

    พระพุทธเจ้า สอนให้พุทธบริษัท เน้นแสวงหาความหลุดพ้น อย่างมีเหตุผล ไม่ได้สอนให้งมงาย พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงปฏิเสธ เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ แต่พระองค์ไม่ได้ทรงสรรเสริญ เพราะอิทธิปาฏิหาริย์ ไม่ได้เป็นหนทางแห่งความหลุดพ้น

    ปาฏิหาริย์มี 3 อย่าง
    1. อิทธิปาฏิหาริย์ หมายถึง การแสดงฤทธิ์อันเกินวิสัยของสามัญจะทำได้ เช่น เหาะไปในอากาศ ดำลงไปในดิน เดินบนน้ำได้ เป็นต้น เหล่านี้เป็นความสำเร็จทางใจ ไม่อยู่วิสัยของคนที่ไม่เคยฝึก หรือได้ฌานมาก่อนจะทำได้
    2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ หมายถึง การที่พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิดของคน คือ อ่านความคิด อุปนิสัย ตลอดถึงบารมีธรรมของคนอื่น เพื่อนประโยชน์ในการแสดงธรรมให้ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้น
    3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ หมายถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า มีความอัศจรรย์ในคำสอน วิธีการสอน ผู้ปฏิบัติตามย่อมได้รับผลการปฏิบัติตามเป็นอัศจรรย์

    ปาฏิหาริย์ทั้ง 3 นี้ ทรงสรรเสริญอนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าเป็นสุดยอด เพราะสามารถช่วยให้บุคคลได้รับประโยชน์จากคำสอนได้อย่างแท้จริง และเป็นหนทางแห่งการบรรลุ
     
  17. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    การสร้างบุญบารมีให้ตัวเอง มี 3 อย่าง

    1. ทาน คือให้ (การสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป โบสถ์ วิหาร สิ่งก่อสร้างทั้งหลาย จัดอยู่ในหัวข้อนี้ ) การสร้างเหล่านี้ ผลของบุญบารมีสำหรับข้อนี้ คือ เกิดชาติหน้า มีความร่ำรวย วิมาน สวยงาม ใหญ่โต เป็นบุญบารมีใหญ่ลำดับต่ำสุด ของการบำเพ็ญบารมี ทำไมจัดว่าต่ำสุดทราบไหมครับ คำตอบคือ เพราะไม่ใช้แนวทางแห่งความหลุดพ้นครับ เป็นแค่เพียงพื้นฐานเบื้องต้นแค่นั้นเอง

    2. ศีล คือ การรักษาศีล ตามลำดับความสามารถของคนที่ทำได้อย่างเคร่งครัด ตามศีล 5 , 8 , 10 จนมากขึ้นไปเรื่อยๆ การรักษาศิลนี้ ผลของบุญบารมี สำหรับข้อนี้ ส่งผลสนับสนุนให้จิตงดงาม ให้มีระเบียบ ส่งผลทางอ้อมให้จิตมีสมาธิ จิตไม่ฟุ้งซ้าน ที่สำคัญเป็นพื้นฐานสำหรับผู้ที่จะบรรลุอะไรก็แล้วแต่ต้องรักษาอย่างเคร่งครัดเท่านั้นจะบรรลุได้ และอื่นๆอีกมากมาย อันนี้เป็นบุญบารมีที่ใหญ่ระดับกลาง ของการบำเพ็ญบารมี (ที่เหนือกว่าทานเพราะเป็นสิ่งช่วยให้หลุดพ้นจากโลกีย์วิสัย เข้าถึงโลกุตระ

    3. ภาวนา คือการบำเพ็ญทางจิต ทุกคนสามารถทำได้ โดยไม่ต้องมีเงินด้วยซ้ำ คนจนก็ทำได้ บุญบารมีข้อนี้ ส่งผลมหาศาลมาก เพราะทำให้บรรลุเป็นพระอริยะบุคคลได้ (แต่จะบำเพ็ญบารมีได้ผลต้องรักษาศีลอย่างเคร่งครัดด้วย ) การบำเพ็ญบารมีข้อนี้ คือสุดยอดของการบำเพ็ญบารมี คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  18. ณ เขาควง

    ณ เขาควง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +304
    ผู้ที่สามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้ มีได้ทุกศาสนา คนธรรมดาก็บำเพ็ญจนเหาะเหินเดินอากาศได้ เห็นอนาคตได้ ทำนายอะไรได้ (เหมือนนอสตร้าดามูส)

    แต่การบำเพ็ญเพียรจนหลุดพ้น จนสามารถเป็นพระอริยะบุคคล มีแค่ศาสนาพุทธเท่านั้น

    ของจริงแท้ ศาสนาพุทธ ไม่เน้นให้คนบริจาค ไม่เน้นให้คนสร้างถาวรวัตถุ ไม่เน้นให้เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เน้นให้นับถือเทพ พรหมณ์ ผี แต่เน้นให้แสวงหาหนทางหลุดพ้นเท่านั้น
     
  19. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    เขาไม่ได้ปรามาส เพียงแต่เขาไม่เชื่อ และเห็นว่า อาจจะเป็นรายการพุทธ (พราหมณ์)พาณิชย์ เพราะเห็นเน้นบริจาคเงินเหลือเกิน ขายซีดี อะไรต่อมิอะไรมากมายไปหมด ... น้ำท่วม ชาวบ้าน ชาวเมืองเขาเดือดร้อนกันอยู่ ก็มาเน้นอยู่นั่น รอให้เขาดี ๆ กันหน่อยไม่ได้หรือ ???

    จุดเริ่มต้นที่เกิด เพราะไปเกรียน ไปปรามาสคนอื่นเขาก่อนไม่ใช่หรือ??? ถึงได้เป็นแบบนี้ไง ...
     
  20. ดิดาว

    ดิดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +327
    ขอขอบคุณ คุณณ เขาควง มากเลยครับ อธิบายแบบแจ่มแจ้งมากๆเลย ถูกต้องมากๆเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...