ใครกราบไหว้พระพุทธรูปเรียนเชิญ...ครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 15 ธันวาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ขอบคุณครับ ผมไม่สนใจครับ ถ้าท่านสนใจเรื่องกรรมผมแนะนำท่านไปศึกษาปฏิจจสมุทรปบาทเอาเถิด ปฏิจจสมุทรปบาทตอบท่านได้ทุกเรื่อง

    เราไม่ได้เป็นผู้กระทำกรรม ผู้อื่นก็ไม่ได้เป็นผู้กระทำ ทั้งเราและผู้อื่นก็ไม่ได้เป็นผู้กระทำกรรม แต่กรรมเกิดและดับเพราะ

    ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
    เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมเกิด ด้วยประการฉะนี้

    ปฏิจจสมุปบาท ปฏิโลม
    อนึ่ง เพราะอวิชชานั่นแหละดับโดยไม่เหลือด้วยมรรคคือวิราคะ สังขาร จึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
    เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
    เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
    เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
    เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
    เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
    เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
    เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
    เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส จึงดับ
    เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้

    สิ่งนี้ไม่ใช่ของเรา สิ่งนี้ไม่ใช่ของคนเหล่าอื่น
    กายนี้ไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ทั้งไม่ใช่ของคนอื่น
    กายนี้เป็นกรรมเก่าตั้งอยู่ในเวทนา

    เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
    เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    Server ทำงานหนักกด F5 หรือ Reload
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  3. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    ไม่ใช่ " คนกราบเหล็ก "


    เขาอาศัยเป็นเครื่องระรึกถึง ไม่ใช่ก้มกราบลงไปแล้วอะไรอยู่ตรงหน้าก็คิดว่ากราบสิ่งนั้น ตรงหน้านั้นนอกจากพระพุทธรูปแล้วยังมีอะไรๆอีกแยะนะ บางทีก็มีแมว บางทีก็มีหมาแอบอยู่ไกล้ๆก็มี


    จะเอาไว้อธิบายให้คนที่สงสัยเรื่อง " คนกราบเหล็ก " ให้เข้าใจ
     
  4. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    จิตเกิดดับ ตลอดเวลา

    เช่นว่า


    ก่อนข้ามถนน รอรถว่าง เห็นสาวยืนข้างๆรอข้ามถนนด้วย สวยจังเลย

    สมองคิดอะไรก็ไม่รู้ตอนนี้ จิตไปจับอยู่ที่สาวคนนั้น


    พอรถว่างปุ๊บ จิตที่จับอยู่ที่สาวคนนั้น ดับไป จิตเกิดใหม่เป็นดวงจิตที่จับและสมาธิอยู่กับการเดินข้ามถนน

    ข้ามถนนพ้นปุ๊บ จิตและสมาธิที่จับจดอยู่กับการข้ามถนนดับไป จิตเกิดใหม่กลับมาจับต่อที่สาวคนนั้น ........



    พอจะเข้าใจบ้างไหม ??




    ถ้าระหว่างข้ามถนน จิตและสมาธิที่จับอยู่กับการเดินข้ามถนน เกิดดับ แล้วแล้วจิตที่เกิดใหม่ดันไปจับที่สาวคนนั้น ท่านอาจ เดินสะดุดขอบปูนเกาะกลางถนน หกล้มจนสาวคนนั้นหันมาหัวเราะเอาได้ !!
     
  5. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    ผมขอถามคุณอุรุเวลา ช่วยตอบความจริง นะครับ

    คุณคิดทำลายและไม่ศรัทธาในรูปพระพุทธเจ้า (พระพุทธรูป)
    นั่นเพราะเป็นคำสอนของพระวัดสามแยกที่สอนสั่งคุณ
    หรือว่าคุณคิดมานานแล้วไม่เกี่ยวกับพระวัดสามแยกนั่น
     
  6. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ต่ออีกหน่อย..........เรื่องจิตเกิดดับ

    ท่านลอง วิปัสนากรรมฐาน เพื่อดูจิต


    ดูว่า ระหว่างนั้น จิตของท่านไปจับอยู่กับเรื่องอะไร เช่น

    จิตไปจับอยู่กับเรื่องของ เพื่อน แล้วเดี๋ยวก็ไปจับอยู่กับเรื่องของ รถยนต์
    แล้วเดี๋ยวก็ไปจับกับเรื่อง งาน แล้วก็ไปต่อเรื่อง แฟน แล้วไปต่อเรื่อง การเงิน

    อะไรแบบนี้ จะเห็นได้ว่า จิตเกิดเป็นเรื่องของ เพื่อน แล้วก็ดับไป
    จิตเกิดเป็นเรื่องของ รถ แล้วก็ดับไป
    จิตเกิดเป็นเริ่แวของ งาน แล้วก็ดับไป
    ทำนองนี้



    ซึ่ง มันต่างกับการทำสมาธิ คือ เพ่งอะไรอย่างหนึ่งเพื่อให้จิตมัน เกิดแล้วนิ่ง อยู่กับสิ่งนั้น เช่น เพ่งลูกกลมใส



    เมื่อ ทำวิปัสนากรรมฐาน ไปเรื่อยๆ มันจะเห็นการเกิดดับของจิตได้เร็วขึ้น

    เอาไปใช้กับจิต ชั่วๆของตัวเรา เช่น


    โกรธแง่ง โว้ย ... จะขึ้นราคาก๊าซ ....... รู้ว่าจิตโกรธเกิดแล้ว มันก็จะดับไป
    ( แต่ตรูมีวิบากกรรม กับเรื่อง ราคาก๊าซ... บางที จิตโกรธเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาใหม่วันหลัง)


    เมื่อรู้สึก อิจฉาผู้อื่น...... เอา นี่เรามีจิตอิจฉาเขานี่นา.... รู้ทันมันก็ดับ
    ( แต่วันหลัง อาจ อิจฉาใหม่เพราะ วิบากกรรม )




    แต่ถ้า สมาธิ หรือเพ่ง ก็............. ไม่โกรธ เพราะ เอาจิตไปจับอยู่กับดวงแก้วใส
    ไม่อิจฉา เพราะ เอาจิตไปจับอยู่กับดวงแก้วใส





    ชอบแบบ Dynamic หรือ แบบ Static ก็แล้วแต่ จริต ครับ
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมถือศีลแปดทุกคำผมพูดจริงไม่มีพูดเท็จ
    คุณเข้าใจผิดแล้วผมไม่ใช่ลูกศิษย์วัดสามแยก แต่ผมว่าท่านก็สอนดีนะ
    ผมลูกศิษย์สายหลวงปูชา ลูกศิษย์สายท่านก็แยกออกเป็นสองสาย
    ผมยังอยู่ตรงกลาง ฟังทั้งสองสาย ศรัทธาทั้งสองสาย
    จะสายไหนผมก็ฟังถ้าเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอน
    ใครบอกผมคิดทำลาย ผมปล่อยวางกลาง ๆ ครับ
    ใครทำลายผมก็ปล่อยเรื่องของเขา ใครบูชาผมก็ปล่อยเรื่องของเขา
    ส่วนตัวผม ผมไม่ศรัทธาผมก็มอบให้คนอื่นครับ

    พระพุทธรูปเป็นก้อนกายอันประกอบไปด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นของน่าเกลียด เป็นกายเน่า มีหนังเป็นที่สุดรอบ เต็มด้วยของไม่สะอาด มีอยู่ในกายนี้ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ ผังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้ทบ อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร
     
  8. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    คุณnumtrn

    ที่คุณกล่าวไว้นั่นเป็นความคิด คนเราคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องได้

    ถ้าจิตเกิดดับอยู่ตลอด เช่นนั้นจะเอากำลังที่ไหนมาบังคับกำหนดสิ่งที่เราต้องการได้เล่า

    บุคคลที่มีพลังจิตสูงคือ บุคคลที่มีสมาธิดี เช่น มีสมาธิอยู่ในขั้นกลางที่เรียกว่า อุปจารสมาธิ และสมาธิขั้นสูงที่เรียกว่า อัปปนาสมาธิ แล้วถ้าเกิดดับตลอดชาติภพก็คงไม่ต้องมีแล้วครับ
     
  9. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    สรุปว่าคุณอุรุเวลา ได้คำสอนของพระวัดสามแยก จึงเห็นด้วยใช่หรือไม่หละครับ
    ถึงคุณจะเป็นศิษย์สายไหน ผมก็ไม่ได้ถามถึง แต่ในเมื่อคุณเอ่ยมา
    ก็ถามต่อไปเลยละกันครับ ว่าพระสายที่คุณนับถือนั่น เค้าสอนให้ทำลายหรือไม่หละครับ
     
  10. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    จิตเกี่ยวข้องกับกฎแห่งกรรม

    ด้วยเหตุที่ จิตไม่เคยดับตายหายสูญไปไหนนี้เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงบัญญัติกฎแห่งกรรมลงที่จิต ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ถ้าหากจิตเกิดดับจริง กฎแห่งกรรมที่ทรงบัญญัติไว้ก็ย่อมผิดหมด หรือถ้าขืนอธิบายว่า กรรมตั้งอยู่กับอะไรก็ได้และสามารถถ่ายทอดกรรมจากจิตดวงหนึ่ง ซึ่งดับไปแล้วไปให้จิตอีกดวงหนึ่ง รับกรรมแทนกันเป็นทอดๆไป ย่อมเป็นสิ่งที่ขาดเหตุผลไม่ควรเชื่อถืออย่างยิ่ง


    ***อ่านซะนะครับใครที่คิดว่าจิตเกิดดับอยู่ตลอด
     
  11. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    มีพระบาลีในพระธรรมบท รับรองอยู่ดังนี้คือ "มโน ปุพพํ คมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา มนสา เจ ปทุฏฺเฐน ภาสติ วา กโรติ วา ตโตนํ ทุกฺขมนฺเวติ จกฺกํ ว วหโต ปทํ" แปลว่า "ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จได้ด้วยใจ ผู้ที่กล่าววาจาหรือ กระทำการสิ่งใดด้วยใจคิดร้าย กรรมย่อมตามผู้นั้นไป เหมือนดังล้อที่หมุนตามรอยเท้าโคที่ลากเกวียนไป ฉะนั้น"

    ทั้งนี้แสดงว่า บรรดาสรรพสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่มี จิต เป็นประธานสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น

    นั่นคือ บรรดาการกระทำที่เกิดขึ้นทุกอย่างนั้น ก็เพราะ จิต เป็นผู้สั่งให้ลงมือกระทำ ทั้งทางกายและวาจาทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ที่รับผลของกรรมนั้น ก็คือ จิตดวงนั้นนั่นเอง.
     
  12. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    จิตกลับกลอก ไม่ใช่หมายความว่าจิตเกิดดับ

    มีพระบาลีใน จิตฺตวคฺค แห่งพระธรรมบท แสดงไว้ดังนี้ "ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ ทุรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ อุชุง กโรติ เมธาวี อุสุกาโร ว เตชนํ" แปลว่า "ผู้มีปัญญา ย่อมทำจิตที่ดิ้นรนกลับกลอก รักษายาก ห้ามยาก ให้ตรงได้ เหมือนช่างศรดัดลูกศรให้ตรงได้ ฉะนั้น"

    ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงสั่งสอนให้ใช้ ฌาน (ความเพ่ง) แก้ความกลับกลอกของจิต ตามมรรค ๘

    ทั้งนี้แสดงว่า จิตเป็นสภาพธรรมที่ดิ้นรน กลับกลอก ว่องไว ปราดเปรียว ในขณะที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในโลกนี้ แต่สามารถฝึกฝนอบรมให้สงบได้โดยใช้สติเพ่งอยู่อย่างต่อเนื่อง.
     
  13. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    จิตกับอารมณ์

    จิต คือ ธาตุรู้ ทรงไว้ซึ่งความรู้ตลอดทุกกาลสมัย ส่วน อารมณ์ ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมกัน หรืออาศัยธาตุทั้ง ๔ เป็นแดนเกิด เช่น รูป เสียง กลิ่น รส กายสัมผัส เป็นต้น

    อารมณ์ เป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ ไม่สามารถรู้อะไรได้เลย แต่ จิต รับรู้ เมื่อกระทบกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เกิดจักขุวิญญาณ,โสตวิญญาณ,ฆานวิญญาณ,ชิวหาวิญญาณ, กายวิญญาณ และมโนวิญญาณขึ้น

    เมื่อจิตกับอารมณ์กระทบกัน ก็ย่อมส่งผลให้จิตเกิดความฟุ้งซ่าน หวั่นไหว เกิดความนึกคิด ความยินดี-ยินร้าย และทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นตามมาด้วย
     
  14. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    คำนิยามเรื่องเกิด-ดับ

    สิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในขณะปัจจุบันแล้วปรากฏขึ้นมา เรียกว่า เกิด
    สิ่งใดมีอยู่ในปัจจุบัน แล้วหายไป เรียกว่า ดับ


    การเกิดทางเนื้อหนังร่างกาย เรียกว่า ชาติ
    การเกิดทางจิต เช่น ตรัสรู้ เรียกว่า อุบัติ


    การแตกดับทางเนื้อหนังร่างกาย
    แต่จิตจุติ(เคลื่อน)ไปสู่ภพใหม่ เรียกว่า ตาย(มรณะ)


    การหยุดคิดทางจิต เรียกว่า นิรุชฌ์
    การดับกิเลสทางจิต เรียกว่า นิโรธ.


    เครดิต....

    ***คัดลอกจาก ธรรมประทีป ๙ ธรรมะภาคปฏิบัติ อ.ไชยทรง จันทรอารีย์ หน้า ๙-๑๖***


     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมไม่ได้เห็นด้วยกับพระวัดสามแยกทุกเรื่อง เท่าที่ผมฟังมีสองเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย ผมก็ศึกษาอยู่ว่าจะจริงหรือไม่จริง วันนี้ยังไม่มีคำตอบ แต่ผมไม่ค่อยเรียนแล้วธรรมะ ยิ่งเรียนลึกยิ่งยาก เอาแค่ปฏิจจสมุทรปบาท 12 บรรทัดเอง ผมยังเข้าใจไม่ทะลุ ผมมายุ่งอยู่กับเรื่องแจกพระนี่แหละเสียเวลาทำสมาธิ สิ้นปีนี้ผมขอปิดกระทู้แล้ว เหลือพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯองค์แรกองค์เดียว ผมจะมอบให้คนที่สมควรรับต่อไป

    เรื่องทำลายไม่ทำลายผมบอกไปแล้วไปอ่านเองข้างบนครับ
     
  16. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571


    การดูจิต เกิด-ดับ ไม่ต้องใช้กำลังจิต ครับ

    คือการตามดูมันไปเรื่อยๆ



    สมาธิใช้กำลัง ก็ว่ากันไป มันไม่เหมือนกันครับ
    ข่มจิต เพ่งสมาธิกสิน ดวงแก้วธรรมกาย อะไรแบบนั้น คือให้นิ่งกับอะไรอย่างหนึ่ง ได้ชาญ อภิญญากันไป





    พระพุทธเจ้า ไปนิพพาน คือ ดวงจิตของท่าน ไม่เกิดอีกแล้วไงล่ะ
    หมายถึง ไม่เกิดขึ้นมาในพบชาติอื่นแล้วด้วย




    แต่ก่อนผมก็ เข้าใจว่า การทำสมาธิ กับ การทำวิป้สนากรรมฐาน
    คือ อย่างเดียวกัน เรียกรวมๆว่า นั่งสมาธิ

    แต่ตอนหลัง รู้ว่า มันคล้ายกันแต่ต่างกัน ตรง เพ่ง กับ ตามดูให้เห็นทัน

    นี่แหละ ครับ



    ผมเอง ก็ เพ่งบ้าง ตามดูบ้าง

    บางวัน สมาธิ บางวัน กรรมฐาน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ครับ


    เรื่องนี้ พระที่วัดชลประทาน สอนไว้ ตอนบวชน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  17. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    มีใครจะแย้งอะไรมั้ยครับเกี่ยวกับจิต ถ้าอ้างพระก็เสียพระแล้วหละครับ

    ผมถึงไม่อยากจะอ้างใครทั้งนั้นถ้าไม่มั่นใจ
    และก็ไม่เอาพระไตรฯยกมาทั้งดุ้นเอามาอ้าง (มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับผม)
    ซึ่งนั่นอาจมีนัยยะบางอย่างทำให้เราคิดกันไปต่างกันได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  18. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    แต่ก่อนผมก็ เข้าใจว่า การทำสมาธิ กับ การทำวิป้สนากรรมฐาน
    คือ อย่างเดียวกัน เรียกรวมๆว่า นั่งสมาธิ
    ------------

    อันนี้ก็คิดผิดอีก

    สมาธิเปรียบได้ดั่งขุนเขา วิปัสสนานั้นเล่าดุจดั่งสายลม

    ไม่ทราบว่าเคยได้ยินมั้ยครับ
     
  19. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผู้ปฏิบัติสมถะวิปัสสาเขารู้กันทั้งประเทศ ท่านมัวแต่สงสัย ไปนั่งสมาธิเลยครับ ไปนั่งให้เห็นรู้เองด้วยใจด้วยจิตท่านเอง แต่ต้องนั่งสมาธิทุกวันนะครับ เริ่มต้นวันละห้านาทีก่อนก็ได้ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ถ้านั่งแล้วปวดเมื่อยก็เปลี่ยนเป็นเดินจงกรม สลับกันไปมา ไปปฏิบัติก่อนเถิดสงสัยอะไรก็ถามตัวเองก่อน พึ่งตัวเองก่อน ถ้าหาคำตอบไม่ได้ก็ไปหาอาจารย์ดี ๆ สักองค์ ผมแนะนำสายวัดป่าครับ
     
  20. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
    เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมเกิด ด้วยประการฉะนี้

    ผมอ่านที่ท่านพูดเรื่องจิดเกิดดับ จิตกับอารมณ์ ผมฟังแล้วปวดใจ ท่านไปศึกษาเอาเองเถิดครับ ผมปัญญาน้อยบอกสอนท่านไม่ได้แล้วครับ แนะนำได้นิดเดียวเอาไปท่องให้ได้ก่อน เมื่อท่องได้แล้วก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจ เอาที่ละบรรทัดนะครับ 11 บรรทัดเอง เท่านี้ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...