เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. ภูมินทร์

    ภูมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +225
    เป็นบุญแล้วล่ะครับที่ได้กราบท่าน
    สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  2. ปธ6

    ปธ6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +292
    ขอบคุณคับ สำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำมาถ่ายทอด เล่าสู่กันฟัง
     
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ว๊า...จบซะแหล่ว..! ขออนุโมทนาบุญ



    หลวงพ่อ หลวงปู่จากสายไหนกันหนอ?

    คงไม่ยากเกินคาดเดา..สำหรับบางท่านนะครับ

    รบกวนพอจะเรียบเรียงเป็นลำดับ ตามความประทับใจหรือข้อสังเกตุเป็นข้อๆของคุณ Pisi เองพอจะได้มั๊ยครับ

    เพราะเรื่องเกิดขึ้น หลายช่วงจังหวะ บางท่านอ่านแล้วอาจจะสับสนนิดหนึ่ง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2012
  4. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ตอน :พระบวชใหม่ ตะโกนลั่นเห็นพระอาจารย์เปลี่ยนร่างเป็นผีนั่งยิ้มให้


    เมื่อปี2539 ในช่วงเดือน มีนาคม ผู้เขียนได้ขอลาอุปสมบท จากผู้บังคับบัญชา ตอนอายุ20ปลายๆแล้ว ในครั้งแรกจะขอลาบวชเพื่อให้ได้ครบพรรษา แต่ติดที่ถูกผู้บังคับบัญชาทักท้วงว่า มีงานสำคัญในช่วงนั้น เกรงว่าจะไม่มีคนทำงาน เลยได้รับอนุมัติเพียงเดือนกว่าๆ
    <O:p</O:p
    ก่อนบวชผู้เขียนยอมรับว่าตัวเองแทบไม่เคยศึกษาเรื่องการฝึกสมาธิกรรมฐานใดๆแบบจริงๆจังเลยเคยอ่านเจอในหนังสือพระเครื่องมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยฝึกกรรมฐานเลย แม้แต่ชื่อ หลวงตามหาบัว ผู้เขียนเองก็ไม่เคยได้ยินหรือรู้จักมาก่อนเลย...เคยได้ยินก็แต่หลวงปู่มั่น(คิดดูเอาเถอะ..ท่านทั้งหลาย)
    <O:p</O:p
    ได้มีประสบการณ์ฝึกสมาธิเพียงเล็กๆน้อยๆ ในสมัยเด็กๆ อายุ9 ขวบ ได้บรรพชา เป็นสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดประจำอำเภอ ตามญาติๆรุ่นพี่ เด็กบวชร่วมกันครั้งนั้นจำนวนเกือบ 40 คน สนุกมากมายนัก
    โดยแม่บอกไม่มีอะไรทำปิดเทอมนี้ บวชเณรดีกว่า จะได้มีพระมาสอนให้หัดท่องสวดมนต์ พ่อแม่ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แถมได้บุญด้วย ดีมั๊ยลูก?...ลูกก็OK อ่ะแม่
    <O:p</O:p
    หลังบวชเณรได้ 10วัน จากนั้นจึงได้มีโอกาสฝึกหัดทำกรรมฐานครั้งแรก โดยมีพระพี่เลี้ยงจัดให้มานั่ง เรียงแถวเป็นระเบียบในสนามหญ้า กลางลานวัด พระท่านบอกแนะนำ นั่งขัดสมาธิ ยืดหลังให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น ไม่ก้มจนเกินไป ไม่เงยจนเกินไป ให้หลับตา
    <O:p</O:p
    พร้อมกำหนดลมหายใจเข้า ให้ภาวนา “พุท” หายใจออก ภาวนาว่า “โธ”ไปเรื่อยๆ<O:p</O:p
    “ ลูกเณรทั้งหลายพวกเธอห้ามคุยกันนะ อีกประมาณ 30 นาที ค่อยออกจากสมาธิ แล้วมาสวดแผ่เมตตากัน<O:p</O:p
    .....จากนั้นก็ไม่มีพระได้แนะนำการนั่งทำสมาธิอีก นับเป็นเพียงคืนแรกและคืนเดียวเท่านั้น ก่อนหน้าที่จะบวชในครั้งนี้ทิ้งระยะห่างร่วม 20ปี
    <O:p</O:p
    ผู้เขียนในสมัยเด็กก็ไม่เข้าใจนักว่า จะให้ทำไปทำไมสมาธิ ? เมื่อยก็เมื่อย ไม่เห็นสนุก น่าเบื่อ! มานั่งกำหนดทำไมลมหายใจ พระพี่เลี้ยงก็ไม่เห็นอธิบายอะไรเพิ่มเติมว่าดีอย่างไร ได้ประโยชน์อะไรบ้าง...เฮ้อ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2012
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ...พระบวชใหม่ ตะโกนลั่นเห็นพระอาจารย์เปลี่ยนร่างเป็นผีนั่งยิ้มให้


    ผู้ได้โอกาสได้เริ่มศึกษาจริงจังก่อนบวชเพียง2 เดือน ก่อนบวชที่วัดประจำอำเภอและมีแนวทางว่าจะต้องไปฝึกหัดปฏิบัติธรรมกรรมฐานให้ได้ดีที่สุด และรักษาศีล 227 ข้อ ให้สมบูรณ์ที่สุดจากหนังสือนวโกวาทในระยะเวลาเพียงเดือนเศษๆ เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ผู้ให้กำเนิด และศึกษามาว่าการปฏิบัติธรรมกรรมฐานได้บุญอานิสงส์สูง ยิ่งกว่าสร้างโบสถ์ วิหารใดๆ หรือยิ่งกว่าการทำทานทั้งปวง พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญรับรองอย่างนั้น
    <O:p</O:p
    อีกอย่างก็มีความรู้สึกว่าการบวชเป็นพระเป็นสงฆ์องคเจ้า มันน่าละอายใจนัก
    ถ้าบุพการีคือพ่อแม่ ผู้เปรี่ยมล้นบุญคุณของลูก จะยกมือไหว้ ก้มกราบลูกชายในฐานะสมมติสงฆ์ ครองผ้าเหลือง
    แล้วตัวลูกชายเอง กลับหาคุณธรรมความดีจากการถือบวชครองผ้าไตร ผ้าที่ศักดิ์สิทธิของพระพุทธเจ้าไม่ได้ ไม่ทำกิจวัตรอันสมควรแก่สมณเพศ ไม่ศึกษาพระธรรมคำสอนเพิ่มเติม ไม่ศึกษาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ไม่มีความเคารพต่อพระธรรมวินัย ก็นับว่าตนสร้างกรรมหนักให้ตนเองอย่างมาก
    <O:p</O:p
    "ต่อไปจะทำมาหากินใดๆ ก็จะไม่เจริญก้าวหน้า แม้ไม่มีผู้อื่นรู้เห็น แต่เจ้าตัวย่อมรู้อยู่ว่ากระทำสิ่งใดลงไป..."

    ก่อนบวชผู้เขียนจึงพยายามศึกษาข้อวัตรต่างๆเพื่อป้องกันเรื่องอาบัติ ในระดับต่างๆของพระสงฆ์ มาอย่างดีในระดับหนึ่งทีเดียว
    <O:p</O:p
    และเริ่มลองฝึกหัดกรรมฐานด้วยตนเอง โดยศึกษาจากตำราต่างๆ เป็นครูบาอาจารย์
    (ในยุคนั้นต้องถือว่า อินเตอร์เน็ท นี้ยังถือว่าไกลตัวนัก แทบไม่คนรู้จักมากมาย อย่างปัจจุบันนี้)
    เพราะตระหนัก เราลาบวชได้น้อยวัน จึงพยายามตักตวงผลานิสงค์บุญให้ได้มากสุด

    เวลาบวชจริงจะได้ ไม่มานั่งเริ่มต้นหัดทำสมาธิตอนบวช ของงี้มันต้องซ้อมสมาธิกันก่อนบวชกันซะหน่อย
    <O:p</O:p
    ...เดี๋ยวเสียเวลา หากมีปัญหาอะไรจะได้ไปถามผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ตอนบวชกันซะเลยทีเดียว..
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2012
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    หลังจากบวชแล้วได้พักพำนักอยู่ที่วัดประจำอำเภอได้ 2 วัน ข้าพเจ้าจึงได้ขอลาพระอุปัชฌาย์ เพื่อขอไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ถ้ำ อ.มวกเหล็ก สระบุรี แห่งหนึ่ง โดยที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตา หรือรับรู้ในคุณธรรมใดๆของท่านพระอาจารย์เจ้าสำนักสงฆ์มาก่อนทั้งสิ้น จุดหมายหลักเพียงต้องการสถานที่สัปปายะที่เหมาะแก่การปฏิบัติสมาธิเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สถานที่แห่งนี้เป็นไปตามคำแนะนำของคุณย่าของผู้เขียน(ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว)

    ว่าลองไปที่ถ้ำวัดนี้นะแถบๆมวกเหล็ก ย่าเคยได้ยินว่าหลวงพ่อท่านนี้ท่านขยันขันแข็ง ปฏิบัติธรรมในถ้ำด้วยความตั้งใจ
    สมัยก่อน ตอนฆราวาสท่านเป็นนักเลงใหญ่ทำตัวเกเร เพื่อนฝูงมากมาย ไม่กลัวใครประวัติร้ายกาจเอาเรื่องเลยทีเดียว
    ตำรง..ตำรวจ ไม่เคยหวั่นเกรง ตำรวจก็เอือมระอาเอาไม่อยู่ แต่ไม่เคยมีเรื่องลักเล็กขโมยน้อยของใคร

    ...แต่เดี๋ยวนี้ท่านบวชพระแล้วปฏิบัติดีมาก อย่างอื่นย่าก็ไม่รู้อะไรมาก..ให้หลานไปศึกษาเอาเองเถอะ<O:p</O:p
    ถ้าเป็นวัดแถบๆบ้านเราคงไม่มีพระรูปไหนมาแนะนำการปฏิบัติธรรมเราได้หรอก <O:p</O:p
    มีแต่พระบ้านอย่างที่เราเห็นกันนี่แหละฝึกทำสมาธิให้ได้มากๆนะ ย่าอนุโมทนาด้วย ฯลฯ<O:p</O:p
    แล้วท่านก็อวยพรกันยกใหญ่

    <O:p</O:p
    จากการไปพำนักที่สำนักสงฆ์ถ้ำในที่กันดาร ลำบากทั้งถนนหนทาง อาหารการขบฉัน ที่พักก็มีเพียงผืนเสื่อ ปูบนเตียงไม้ไผ่เล็กๆในหลืบถ้ำช่องหนึ่งที่พระเก่าท่านทำไว้ อากาศก็ชื้นๆ ทำวัตรเย็นและปฏิบัติกรรมฐานเริ่ม 6 โมงเย็น ไปจนถึง 3 ทุ่ม
    <O:p</O:p
    ต้องตื่นแต่เช้าฝืนธรรมชาติตัวเอง ตีสี่ทำวัตรเช้า สวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐานจนถึง 6 โมงเช้า (โดยที่ไม่มีครูแนะนำกรรมฐานอีกเช่นเคย เนื่องจากพระอาจารย์ท่านติดกิจต่างจังหวัดเกือบ5วัน)
    <O:p</O:p
    จากนั้นจึง ออกบิณฑบาต เดินทางเข้าหมู่บ้านที่ห่างออกไปร่วมเกือบ 2 กิโล หนทางปูด้วยฝุ่นแดง จากหินกรวดจากเนินเขาหินที่แสนแหลมคม ได้อาหารมาฉันบ้างนิดหน่อย พอได้ขบฉันและมาแบ่งปันกันกับแม่ขาว แม่ชี เพราะชาวบ้านก็มีอยู่น้อยหลัง และยากจนอยู่มาก แต่ก็มีศรัทธาช่วยกันตักบาตรด้วยดี มาโดยตลอด..

    .จากนั้นจึงมาปัดกรวดลานวัด กว่าจะได้ฉันอาหารเช้าก็เวลา 9 โมงเช้า ทั้งวันเพียงมื้อเดียวเท่านั้น ประสบการณ์ครั้งนั้นถือว่านักหนาเอาเรื่อง สำหรับพระบวชใหม่เช่นนั้น คงมีแต่กำลังใจในบุญกุศลเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงหัวใจไว้
    <O:p</O:p
    ครั้งแรกมีพระที่ท่านบวชอยู่มาก่อนผู้เขียนมาพำนัก เพียง 3 รูป ไม่นับรวมพระอาจารย์
    ต่อมาจึงมีพระบวชใหม่ มาพำนักในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับข้าพเจ้าในอีก2 วัน คือ พระสุชาติ
    (พระสุชาติ อายุกลางคนจากพิษณุโลก ทำงานรับราชการ ลามาบวช เป็นผู้เคยปฏิบัติธรรมสมาธิมาเป็นอย่างดี และมาบวชตามนิมิตสมาธิ )

    <O:p</O:p
    และภายหลังอีก 3 วัน จึงมีพระบวชใหม่มาพำนักเพิ่มอีก 1 รูป คือพระแป๋ม จากนั้นจึงมีเณรน้อยภาคฤดูร้อน มาสมทบ อีก 4 รูป ในอีก2 สัปดาห์ต่อมา
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    โดยเกือบ5 วัน ที่เริ่มมาพักที่ถ้ำแห่งนี้ พระบวชใหม่ทั้งสามจึงมีโอกาสได้กราบฝากเนื้อฝากตัว ขอพำนักอาศัยปฏิบัติธรรม กับเจ้าสำนักสงฆ์พร้อมๆกัน โดยพระอาจารย์ได้ให้คำแนะนำอบรม
    สำหรับผู้เขียนเองยามนั้นก็นับว่า อ่อนนักต่อการฝึกหัดสมาธิ <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2012
  7. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
  8. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าของคุณpisi
    และคุณtoplus99 ครับ

    และขออนุโมทนากับการปฏิบัติของทุกๆท่าน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2012
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ...พระบวชใหม่ ตะโกนลั่นเห็นพระอาจารย์เปลี่ยนร่างเป็นผีนั่งยิ้มให้

    จนมาถึงเหตุการณ์สำคัญหลังจากที่พำนักนั้นได้เข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังจากทำวัตรเย็นในช่วงแรกเสร็จ เวลาประมาณ1 ทุ่มเศษ
    <O:p</O:p
    พระวรกต ผู้มีพรรษาเยอะสุด รองจากพระอาจารย์ในสำนักแห่งนี้ และถือว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิพระอาจารย์มาแต่แรกเริ่มได้ชักชวนพระบวชใหม่ทั้งสามรวมทั้งผู้เขียน
    <O:p</O:p
    “วันนี้เราจะงด ทำกิจช่วงกรรมฐานกันนะ เดี๋ยวเราไปกราบพระอาจารย์ที่เพิกถ้ำ แห่งหนึ่งท่านรออยู่....ท่านสั่งมา”
    <O:p</O:p
    จากนั้นจึงพาหลบการทำวัตร รอบ 2 ปล่อยให้พระและเณรจำนวนหนึ่งทำกิจสวดมนต์กันตามปรกติแล้วพระทั้ง 4 รูป ต่างพากันถือไฟฉาย เดินผ่านไปในถ้ำต่างๆ จนมาถึงเพิกถ้ำที่พระอาจารย์ท่านนั่งรออยู่ บนแท่นหินสูงในระดับหัวเข่า โดยท่านจุดเทียนใหญ่ สองเล่ม นั่งเคี้ยวหมากนั่งรอ พระบวชใหม่ทั้ง3 พร้อมพระพี่เลี้ยงนำทางคือพระวรกต อย่างสบายอารมณ์ เราจึงเข้านั่งลงบนเสื่อปูที่เตรียมไว้ไปพร้อมก้มกราบท่าน แล้วหาที่นั่งกันใกล้ๆกับท่านตามอัธยาศัย
    <O:p</O:p
    เริ่มจากที่ท่านไตร่ถาม สาระทุกข์ ความเป็นอยู่ตลอดถึงผลการปฏิบัติสมาธิของแต่ละรูป นับแต่อยู่ถ้ำแห่งนี้ ท่านก็ให้คำแนะนำ พร้อมให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง<O:p</O:p
    การสนทนาเป็นไปได้อยู่พักใหญ่ ท่ามกลางแสงสว่างจากไฟเทียนในเพิกถ้ำ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    และแล้วท่ามกลางความมืดขมุกขมัว ก็มีเสียงตระโกนดังลั่น ออกมาจากพระแป๋ม พระผู้มีอายุน้อยที่สุดในสถานที่นั้น
    <O:p</O:p
    “ เฮ้ย!... พะพ่ะ...ผี....ผี ทำเอาพระอื่นๆ พลอยตกใจสะดุ้งไปด้วย

    “เจออะไรล่ะท่านแป๋ม...?ผู้เขียนหันไปถาม
    <O:p</O:p
    “ก็เมื่อกี้ผมมองไปที่พระอาจารย์อยู่ดีๆ หน้าท่านก็กลายเป็นผี เป็นรูปหัวกระโหลกนั่งยิ้มให้ผม.....ผมตกใจเลยแหกปากร้องเสียงหลงนี่แหละ โทษทีที่ทำให้ทุกคนตกใจ ฮะฮ่า ฮ่าาา”<O:p</O:p
    พระแป๋ม พูดไปหัวเราะไป ตามประสาคนอารมณ์ดี


    <O:p</O:p
    เอ....จะว่าผมตาฝาดก็ไม่เชิงน๊า.....ผมก็พยามเพ่งดูครั้งสองครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งชัดเป็นผีชัวร์เลย” พระแป๋มเล่าเสริมอีกที

    <O:p</O:p
    จากนั้นนั้นทุกสายตาต่างเหลียวหันมองไปพระอาจารย์ ซึ่งเป็นต้นเรื่องของความตกใจครั้งนี้<O:p</O:p
    และแล้วภาพที่ทุกคนเห็น เหมือนกันหมดนั่นคือ....<O:p</O:p
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    นั่นคือเห็นภาพท่านพระอาจารย์นั่งอมยิ้มกริ่ม อมหมากคาปาก แล้วหัวเราะ ฮึ ฮึๆแบบสะใจอะไรสักกอย่าง ก่อนจะเคี้ยวหมากอย่างช้าๆ แบบมีเลศนัย?<O:p</O:p
    อยู่ในที่เดิม รูปร่างหน้าตาก็เหมือนเดิมนี้นา...

    <O:p</O:p
    ชัวร์แล้วท่านพระแป๋ม....มั่วตาฝาดแน่ๆ<O:p</O:p
    หรือมีใครมาทำไร ให้เป็นไปอย่างไรกันแน่?<O:p</O:p


    พระอาจารย์ครับ...ท่านทำอะไรหรือเปล่าครับ?พระแป๋ม ยกมือขึ้นพนมมือระดับอก ตามธรรมเนียมพระผู้น้อยที่พึงแสดงความเคารพต่อพระผู้ใหญ่
    สอบถามพระอาจารย์เพื่อความมั่นใจ ในสิ่งค้างคาใจอีกครั้ง

    <O:p</O:p
    “เอ๊า...แล้วกี๊ท่านเห็นเป็นยังไงล่ะ เห็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั่นแหละ เพราะมันเป็นอย่างนั้นๆเอง
    <O:p</O:p
    งั้นผมสรุปได้แล้วว่า....คือผม..ยังงๆ แปลกใจตัวเองเหมือนเดิมครับฮ่า ฮ่า”<O:p</O:p
    ข้อสรุปของพระแป๋มทำเอาในการสนทนา ได้แต่ขำๆกันไปเพราะไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนนัก..ยกเว้นท่านพระอาจารย์ เจ้าสำนักสงฆ์
    <O:p</O:p
    (แล้วเดี๋ยวค่อยมาตามดูผลต่อเนื่อง...อีกทีในตอนต่อไป..ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จาการสนทนาเรียนถาม เรื่องเล่าของพระใหม่ แต่ละรูปผ่านไปแล้วจากนั้นพระอาจารย์จึงลองให้พระสุชาติทำสมาธิส่งกระแสจิต มาที่ท่าน สำหรับเด็กใหม่วัยเยาว์อย่างผู้เขียน
    ในขณะนั้นก็ได้แต่ งงๆไม่เข้าใจ

    <O:p</O:p
    ส่งกระแสจิตอะไรกันแบบไหนหนอ.....?

    <O:p</O:p
    พระสุชาติเป็นพระบวชใหม่ก็จริงแต่ความสามารถชำนาญทางจิต นับว่าอยู่ในระดับดีทีเดียว<O:p</O:p
    เนื่องจากปฏิบัติสมาธิมาได้หลายปี จากนั้นพระสุชาติจึงเข้าสมาธิเงียบไปพักหนึ่ง
    <O:p</O:p
    สักพักพระอาจารย์จึงเอ่ยขึ้นว่า ไม่เอา ฝึกใหม่คิดใหม่ คิดให้ดีกว่านี้”<O:p</O:p
    พระสุชาติจึงส่งกระแสจิตไปใหม่
    <O:p</O:p
    ผลปรากฏว่าพระสุชาติ โดนพระอาจารย์ท่านตำหนิเอาว่า<O:p</O:p
    ไปคิดอะไรแบบนั้น อยากให้แก้ไขซะนะ มันจะเป็นอุปสรรคต่อการทำกรรมฐานของเราเองนะ
    <O:p</O:p
    พระสุชาติจึงกล่าวชี้แจงว่า
    <O:p</O:p
    “ สารภาพว่าผมคิดไม่ดี มีอคติกับพระ...(ผู้เขียน) ผมพยายามคิดให้ดีแล้ว แผ่เมตตาแล้ว แต่มันติดนิมิตที่ผมถามในจิตรู้ พบพระ....(ผู้เขียน)<O:p</O:p
    เป็นอย่างไรบ้าง ภาพนิมิตมันแสดงเห็นว่าผู้เขียน เดินปลดจีวรอังสะ สะบัดทิ้งต่อหน้าผม แล้วเดินหนี ผมไปเฉย ผมเลยไม่ชอบพระ....(ผู้เขียน)มาตั้งแต่แรกเจอ”

    <O:p</O:p
    “ ผมพยายามแผ่เมตตาให้แล้วนะครับ แต่ยังแก้ไม่ตก คงต้องให้พระ...(ผู้เขียน)แผ่เมตตาให้ผมด้วย”พระสุชาติออกความเห็นแนวทางแก้ไขกับพระอาจารย์

    " ใจตน... จิตของตน มีปัญหาท่านก็ต้องแก้ที่ตัวท่านเองซิ...ใครจะมาช่วยได้ ค่อยๆแก้ไขไปก็แล้วกันแล้วตรวจสอบด้วยตัวเองซะนะ..."

    <O:p</O:p
    ส่วนผู้เขียนในขณะนั้น ก็ไม่เข้าใจว่าให้ผมแผ่เมตตาให้ทำไม?

    เริ่มต้นเดิมที ผู้เขียนเองก็ไม่เคยรู้จักกับพระสุชาติมาก่อนและไม่เคยมีความรู้สึกไม่ดีกับพระสุชาติ หรือกับใครทั้งนั้นในสถานที่แห่งนี้ เพราะมุ่งแต่จะฝึกหัดสมาธิเป็นหลักเท่านั้นบอกแล้วว่าเวลาบวชน้อย อยากทำสมาธิให้ดีที่สุด

    <O:p</O:p
    โห....นี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า พระสุชาติท่านไม่ชอบขี้หน้าผู้เขียนตั้งแต่แรกเจอ
    (ก็เพราะไอ้ญาณ..ขี้หมานี้เอง)นี่มันญาณรู้บ้าๆหาเรื่องกันนี่หว่า!นี่ก็เพิ่งมาพบเจอกันครั้งแรกก็เป็นเรื่องซะแล้วเหรอ

    <O:p</O:p
    มิน่าล่ะ.... เช่น เวลาท่านนำพระเครื่องที่ท่านสะสมไว้ที่พกพามาจากพิษณุโลกด้วยมากมาย อวดคนโน้นคนนี้ พอข้าพเจ้าจะขอหยิบชมบ้าง ก็รีบดึงกลับเก็บเข้าย่ามซะ หน้าตาเฉย!<O:p</O:p
    ถามอะไรด้วย (เพราะเห็นท่านมีประสบการณ์ทางสมาธิมานานหลายปี...)ก็ไม่ยอมพูดตอบอธิบายอะไรเลย<O:p</O:p

    .....จะหยิบจับทำอะไร พระสุชาติตำหนิติเตียนผู้เขียนได้แทบทุกเรื่อง...ทั้งๆทีบวชก่อนกันแค่ 2-3วันเท่านั้น เวรกรรมแท้ๆ <O:p</O:p
    ดีที่ข้าพเจ้าไม่อยากถือว่าสาหาความ เพราะถือว่าท่านอายุมากว่า <O:p></O:p>
    เขาไม่ชอบเรา เราก็พยายามไม่เข้ายุ่งวุ่นวายกับท่านด้วยเท่านั้น
    ( ....ถ้าเป็นฆราวาส อายุอานามใกล้เคียงกัน ปกติสงสัยคงได้ฟาดปากกันไปมั่งแล้ว ตามประสาคนใจร้อน)

    <O:p</O:p
    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นแล้ว ท่าทีพระสุชาติที่แสดงออกต่อผู้เขียนก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ บรรยากาศในคณะสงฆ์แห่งนี้จึงเป็นไปได้ด้วยดี
    <O:p</O:p
    ....คงต่อต้องยกคุณความดีของท่านพระอาจารย์ที่ท่านเมตตาปารถนาดีต่อศิษย์ เข้ามาแก้ไขเหตุการณ์นี้ซะ ด้วยอยากให้อยู่กันด้วยความสามัคคี มีจิตกุศลเกื้อกูลกัน

    <O:p</O:p
    น่าคิดคือว่าพระอาจารย์ท่านรู้ได้อย่างไร?

    <O:p</O:p
    ว่ามีจิตอคติไม่สงบเกิดขึ้นในคณะสงฆ์ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ โดยที่ท่านเองแทบไม่มีเวลาอยู่ดูแลกิจกรรมในช่วงเวลานั้น ผู้เขียนเองได้มีโอกาสได้กราบพูดคุยกับท่านเพียงครั้ง สองครั้งเท่านั้น เพราะท่านติดรับกิจนิมนต์ และงานภารกิจเป็นเจ้าอาวาสวัดในเมืองโคราช ต้องเข้าไปดูแลโดยตลอด
    <O:p</O:p
    และอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากผู้เขียนเป็นพระที่ดีตั้งใจปฏิบัติธรรม และมีนิสัยที่ดีด้วยแหละ...ว่างั้นนะ ฮิ ฮิๆ<O:p</O:p
    ต่อไปจะเล่าเรื่องผลสืบเนื่องจากเหตุ พระอาจารย์ท่านอธิษฐานกลายสภาพร่าง ให้ดู.....<O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  10. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244

    ตามเรื่องราวที่ผมได้เล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันนั้น ผมมีความประทับใจในความเมตตาของพระอาจารย์ ที่มีให้กับผมและเพื่อนๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะเป็นผู้สนทนากับพระอาจารย์มากกว่าเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน

    ผมประทับใจทับใจในความเมตตาของท่านคือ ท่านเมตตาให้ถั่วแดงคั่วแห้ง และ เน็ท-วี-ต้า (ในครั้งแรก) และ ถั่วแดงคั่งแห้ง กับ มาม่า (ในครั้งที่ 2) ให้ผมและเพื่อนได้รับประทานกับ เพราะว่าพระอาจารย์ท่านไม่ได้ออกมาบิณฑบาตรของนอกเลย นานหลายปีแล้ว(ญาติเพื่อนผมบอกว่าไม่ได้ใส่บาตรท่านมาหลายปีแล้ว เพราะท่านไม่ออกมารับบาตรเลย) แล้วท่านนำอาหารมาจากไหนมาให้ผมและเพื่อนๆรับประทานกับ(หากท่านใดเคยรู้เรื่องพระสายอภิญญา ก็คงจะทราบว่าท่านทำได้อย่างไร)

    และประทับใจเรื่องที่ท่านเมตตา ให้ผมและเพื่อนๆได้เข้าไปในครั้งที่ 2 แม้จะมีอุปสรรคมากก็ตาม ก็ยังให้พบท่าน เมื่อผมพบท่าน ดูจากสภาพบรรยากาศ และ หนวดเครา ตลอดจนเส้นเกศาของท่าน ที่ขึ้นยาวแล้ว ก็รู้ว่าท่านกำลังเข้าสมาบัติอยู่นาน แต่ท่านก็เมตตาให้พบ

    ประทับใจต่อมาก็คือ ท่านเมตตาให้มี บันไดลิง มาตั้งรอไว้ตอนขนของขึ้นไปในครั้งที่ 2 เพราะจะได้ไม่ลำบากในการขนของขึ้นโดยใช้เชือกผูกที่ละชิ้น ซึ่งก่อนขึ้นไป ผมและเพื่อนๆก็ช่วยกันดูแล้วว่าไม่มีทางขึ้นแน่ นอกจากปีนเถาวัลย์ขึ้นไป

    ประทับใจต่อมาก็คือ ท่านเมตตาสอนผม เปรียบเทียบบรรยากาศทั้ง 2 ครั้งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ท่านบอกว่า....มันไม่เที่ยง.... เพราะในครั้งที่ 2 ผมตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปนั่งสมาธิ และ เดินจงกลมด้วย เพราะในครั้งแรกที่ไปนั้นผมประทับใจในความสดชื่น แต่ ครั้งที่ 2 ไม่ได้เป็นเช่นนั้น...ท่านจึงบอกว่า...มันไม่เที่ยง....

    และท่านให้ใบมีดโกน ยิลเล็ท คืนกลับมาให้ผม แล้วบอกว่า....เก็บเอาไว้พิจารณา หมายความว่า ใบมีดโกน มีไว้สำหรับปลงผม แต่ที่เห็นอยู่ไม่ได้โกนก็เพราะว่า ท่านเข้าสมาบัติอยู่

    แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ตอนที่ผมจะเดินไปข้างๆกุฏิอีกฝั่งนึง(ฝั่งนั้นไม่มีใครเดินไปเลย)ท่านได้ห้ามผมไว้ไม่ให้เดินไป ผมคิดเอาเองว่า ถ้าผมเดินไป แล้วถ้าเกิดไปพบอะไรบางอย่าง หรือ ไปพบร่างท่านอีกร่างหนึ่งอยู่ตรงนั้น ผมและเพื่อนๆจะทำอย่างไร จะตกใจสุดขีดมั้ย เพราะครั้งที่ 2 ที่ไปนั้น ผิวกายท่านผ่องมาก ขาวเนียน มีแสงรอบกาย และมีคล้ายหมอกจางๆ คลุมอีกที
    แต่เนื่องจากผมได้มีโอกาสได้เดินทางไปกราบนมัสการ พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่าน พบเห็นเรื่องแปลกๆจนชิน และรู้ว่าพระปฏิบัติ สามารถทำในสิ่งนั้นๆได้ ผมจึงรับได้ในสิ่งที่พบเห็น แต่เพื่อนๆผมพวกเขาไม่ได้มาทางสายนี้

    ผมจึงไม่สามารถตอบได้ว่า ในครั้งที่ 2 ที่ผมพบท่านนั้น ในสภาวะบรรยากาศแบบนั้น พระอาจารย์ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงเป็นข้อสรุปกับเพื่อนๆ ว่าพวกเราคงจะไม่เข้ามารบกวนการปฏิบัติธรรม หรือ ปฏิบัติภาระกิจ ของท่านอีกแล้ว

    และประทับใจสุดท้ายคือ ท่านเมตตามอบต้นไม้ให้นำกลับไปปลูกที่บ้านด้วย ก่อนกลับท่านพูดย้ำกับผมเป็นครั้งสุดท้ายว่า....มันไม่เที่ยง....เพื่อให้ผมได้เข้าใจว่าสิ่งต่างๆนั้นอย่าไปยืดถือมันเพราะว่ามันไม่เที่ยง อันนี้ประทับใจมาก
     
  11. moddang

    moddang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,460
    ค่าพลัง:
    +5,423
    เข้ามาติดตามอ่านทุกวัน อิอิ
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอยินดีในกุศลจิต..คุณpisi จากประสบกาณ์ป่าเมืองกาญน์

    เมืองแห่งทรัพยากรลึกลับมากมายที่ซ่อนเร้นแห่งประตูมิติ..ทั้งสายจิตจากต่างโลก... แร่พลังงาน และสายจิตวิญญาณอริยะโลก..หรือมีสิ่งอื่นๆแถบนั้น ที่รอการอธิบายอยู่?


    ท่านใดมีเรื่องราวแปลกๆเหนือโลก..ของพระสายอภิญญา

    เชิญร่วมถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง....
     
  13. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244

    ขออนุญาติท่าน จขกท. เล่าเรื่องสั้นๆ ให้อ่านกันอีกหนึ่งเรื่อง เพื่อเป็นกำลังใจ ในการปฏิบัติธรรมของหลายๆท่าน ว่าความรู้ความสามารถในเขตพระพุทธศาสนานั้น สามารถทำได้จริง มีอยู่จริง ซึ่งบางท่านอาจจะไม่มีประสบการณ์ได้พบเห็น แต่หากท่านทั้งหลายยังไม่ทิ้งการปฏิบัติธรรม ผมเชื่อว่าท่านคงต้องพบเห็นเรื่องราวต่างๆนี้ จนเป็นเรื่องปกติ ในวันนึงข้างหน้า

    เรื่อง หลวงพ่อดำ พูดถึงสึนามิล่วงหน้า 2 ปี

    เมื่อประมาณปี 2545 ผมและเพื่อนๆ(รุ่นพี่,รุ่นป้า)ที่เรียนหลักสูตร ครูสมาธิ ของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 กรุงเทพฯ มีโอกาสเดินทางไปทำบุญถวายเทียนพรรษา 9 วัด ที่จังหวัดชัยภูมิ โดยมีจุดหมายปลายทางที่ วัดถ้ำแก้ว จังหวัดชัยภูมิ(ผมจำอำเภอไม่ได้แล้ว) ก่อนออกเดินทางพวกเราได้ตกลงกันว่า ถวายเทียนพรรษาวัดที่ 1 คือ วัดธรรมมงคล และ วัดที่ 9 คือ วัดถ้ำแก้ว เป็นวัดสุดท้าย ที่เหลืออีก 7 วัด ในระหว่างเดินทางก็ตกลงกันในรถเป็นช่วงๆว่า หากเจอวัดที่อยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นวัดอะไร ให้รถเลี้ยวเข้าไปเลย เพื่อนำเทียนพรรษาไปถวาย

    เมื่อเดินทางถึงจังหวัดชัยภูมิ ใกล้ถึงวัด ถ้ำแก้วแล้ว พวกเราก็แวะวัดตามข้างทางอีก 2-3 วัด แต่วันนั้นเนื่องจากเป็นวันพระใหญ่ เมื่อเข้าไปปรากฏว่าไม่มีพระอยู่เลย จึงถามผู้ดูแลวัด ได้ความว่า พระจากวัดต่างๆเดินทางไปเข้าอุโบสถ อีกอำเภอหนึ่ง

    พวกเราจึงนั่งรถแวะเที่ยวไปเรื่อยๆในระแวกนั้น สักพักก็กลับเข้าไป 2-3 วัดเดิมอีก พระก็ยังไม่กลับมา วนอยู่แบบนี้ประมาณ 2 ครั้ง รอจนเย็นก็เข้าไปอีกเป็นครั้งที่ 3 ปรากฏว่าพระท่านกลับมากันแล้ว จึงได้ถวายเทียนพรรษากัน

    มีอยู่วัดนึงในจำนวนนั้น ชื่อวัด....คลองแปด(ผมจำได้เท่านี้ครับ)เมื่อไปถึงก็ช่วยกันจัดของที่จะถวายลงจากรถ ผมมีหน้าที่เข้าไปติดต่อ เรียนแจ้งท่านถึงจุดประสงค์ของกลุ่มที่มาทำบุญกัน

    สภาพวัด เคยเป็นวัดร้างมาก่อน เพิ่งจะมีพระมาอยู่ประมาณ 1 เดือน(หลวงพ่อดำท่านเล่าให้ฟัง) เมื่อผมเดินไปก็เห็นพระกำลังเดินจงกลมอยู่ ผมจึงหยุดรอ สักพักท่านก็หยุดเดิน แล้วออกจากทางจงกลม แล้วเดินมาที่ผมยืนรอท่านอยู่
    ผมก็เรียนแจ้งท่านถึงจุดประสงค์ในการมาครั้ง

    หลวงพ่อดำท่านมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ครองจีวรสี กลักเข้ม เมื่อผมเรียนแจ้งท่านแล้วท่านก็เอ่ยทักทาย

    หลวงพ่อดำ: คนที่วัดบอกว่า ขณะของโยมเข้ามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่พบพระ แต่ก็ยังมีจิตกุศลในการทำบุญอย่างไม่ลดละ เป็นเรื่องที่ดีที่มีจิตกุศลกันขนาดนี้ หายาก

    จากนั้นท่านก็บอกว่าให้ไปที่ศาลาเก่า พวกเราก็ขนของตามไปที่ศาลา เมื่อถึงที่ศาลา.....
     
  14. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    เมื่อถึงที่ศาลา....พวกเราก็ได้ถวายสิ่งของที่นำไป แล้วท่านก็ให้พรตามปกติจนเสร็จสิ้น

    ผม: หลวงพ่อครับ หลวงพ่อมีชื่อว่าอะไรครับ
    หลวงพ่อ: อาตมาชื่อ หลวงพ่อดำ เพราะว่าผิวคล้ำ คนทั่วไปเลยเรียกว่าหลวงพ่อดำ
    ผม: แล้วหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดนี้ นานแล้วหรือยังครับ
    หลวงพ่อ: อาตมาพึ่งมาอยู่ได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว
    ผม: แล้วหลวงพ่อเดินทางมาจากที่ไหนหรือครับ ก่อนที่จะมาอยู่ที่วัดนี้

    หลวงพ่อ: อาตมาเดินทางมาจากถ้ำวัวแดง ไปรับพระ
    ผม: หลวงพ่อไปรับพระพุทธรูป มาไว้ที่วัดหรือครับ
    หลวงพ่อ: ไม่ใช่โยม อาตมาเดินทางไปรับพระสงฆ์ ที่ถ้ำวัวแดง นิมิตเขาบอกให้ไปที่ถ้ำวัวแดงเพื่อไปรับพระที่นั่น อาตมาก็ไปตามที่นิมิตบอก
    ผม: แล้วพบมั้ยครับ
    หลวงพ่อ: อาตมาไปพักอยู่ 4 วัน ก็ยังไม่พบ อาตมาก็เลยอธิฐานจิตว่า ถ้าหากจะให้มารับพระองค์ใด รุ่งขึ้นตี 4 ก็ให้พระองค์นั้นมารอที่ทางลงเขา ถ้าตี 4 ครึ่ง ยังไม่มา อาตมาก็จะไม่รอแล้ว
    ผม: แล้วเป็นไงครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ: พอตี 4 อาตมาเดินไปถึงที่ทางเดินลงเขา ปรากฏว่าพบพระแบกกลดสะพายย่าม ยืนรออยู่ เขาบอกว่าขอตามไปด้วย อาตมาก็พาไปด้วย ธุดงค์ไปเรื่อยๆ
    ผม: แล้วหลวงพ่อพาธุดงค์ไปที่ไหนบ้างครับ
    หลวงพ่อ: ก็ธุดงค์ไปเรื่อยๆ ตามแต่เขาจะบอกมาในนิมิต เขาบอกให้ไปไหนก็ไปตามนั้น จนไปถึงงานพระราชทานเพลิงศพ พระ......(ผมจำไม่ได้) ที่วัดอโศการาม สมุทรปราการ จึงแยกย้ายกันที่งานนั้น อาตมาก็ไปต่อ จนมาถึงถ้ำวัวแดงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็บอกในมาที่นี่ ให้มาบูรณะวัดนี้
    ผม: แล้วหลวงพ่อจะอยู่ที่วัดนี้นานเท่าไรครับ
    หลวงพ่อ : ไม่รู้เหมือนกัน เขาให้ไปเมื่อไร ก็ไปเมื่อนั้น....
    ผม: นิมิตจะบอกเองใช่มั้ยครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ: ใช่....นี่อาตมาก็ไม่กล้าที่จะบอกโยมคนไหนนะ นอกจากคณะของเธอ และ คณะของลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เท่านั้นนะ เพราะพูดไปเขาก็จะไม่เชื่อ.....
     
  15. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    เพราะพูดไปเขาก็จะไม่เชื่อ.....
    หลวงพ่อ: อย่างเขามาบอกในนิมิตว่า....คลังแสงจะระเบิดที่จังหวัดนครราชสีมา อาตมาก็กำหนดไปยืนดูที่นั้น ว่านี้หรือ มันจะระเบิด อาตมาก็ถามว่าจะช่วยไม่ให้ระเบิดได้มั้ย เขาบอกว่าไม่ได้ มันต้องระเบิด มันเป็นกรรม มันต้องเกิด
    หลวงพ่อ: อาตมาก็ได้แต่ปลงสังเวช ในเรื่องราวต่างๆที่ได้รับรู้ว่าเมื่อถึงเวลา มันต้องเกิด ห้ามไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่เรา บางครั้งเห็นคนตายเยอะ แต่ก็ช่วยไว้ไม่ได้ เพราะมันเป็นกรรม
    หลวงพ่อ: ในอนาคตข้างหน้า ไม่นานต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ที่ไม่อยากให้เกิด แต่มันต้องเกิด และจะเกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เกี่ยวกับคลื่น ทำให้คนเสียชีวิตกันมาก และสูญเสียบุคคลสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
    หลวงพ่อ: จากนั้นก็ตามต่อด้วยเหตุวุ่นวายทางการเมือง ทำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อนไปทั่ว เมื่อประชาชนเดือดร้อน พระก็เดือดร้อน เพราะถ้าประชาชนลำบาก ก็ไม่มีใครมาใส่บาตรพระ ทำบุญ พระก็ต้องเดือดร้อน
    ผม: แล้ว ในหลวงของเราจะปลอดภัยมั้ยครับหลวงพ่อ(ผมกังวลมากจึงถามไปเช่นนั้น)
    หลวงพ่อ: โยมไม่ต้องกังวลหรอก เพราะว่าในหลวงท่านมีบารมีสูงมาก พระธุดงค์ต่างๆทั่วประเทศไทย อธิฐานจิตถึงท่านตลอด ไม่ต้องกังวล
    ผม: แล้วเหตุการณ์จะรุนแรงมั้ยครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ: ไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้เดือดร้อนไปทั่ว
    ผม: ผมเป็นห่วงในหลวงครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ: ไม่ต้องกังวล เพราะจะมีผู้ที่มีภูมิธรรมชั้นสูงคอยช่วยดูแลประเทศไทยอยู่
    ผม: แล้วเมื่อเกิดเหตุทางการเมืองแล้ว อีกนานมั้ยครับกว่าจะจบเรื่อง
    หลวงพ่อ: เฮ่อ....(หลวงพ่อถอนหายใจ) เอาเป็นว่าสักพักใหญ่ๆเลยโยม
    ผม: สาเหตุเกิดจากอะไรครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ: เกิดจากการแย่งชิงอำนาจกัน เมื่อแย่งชิงอำนาจกัน ประชาชนก็เดือดร้อน

    เมื่อได้สนทนากับหลวงพ่อดำแล้ว พวกเราก็กราบลาท่านเตรียมเดินทางต่อไปวัดถ้ำแก้วเป็นที่สุดท้าย แล้วพักค้างคืนที่นั่น

    จากนั้นผ่านมาอีกประมาณ 2 ปี เช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ผมกำลังเดินซื้อของอยู่แถวคลองถม ก็ได้ยินคนพูดว่า ดูข่าวว่าภาคใต้มีคลื่น ผมก็เดินดูของไปเรื่อยๆ ก็ได้ยินอีกกลุ่มพูดว่า ข่าวออกว่าภาคใต้มีคลื่นยักย์ มีคนตายมาก

    หลังจากนั้นเราจึงรู้จักคำว่า สึนามิ ตอนนั้นทำให้ผมนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อดำขึ้นมา และ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุทางการเมือง (เฮ่อ...พักใหญ่ๆเลยโยม)เป็นเวลายาวนานเหมือนที่เราดูข่าวกัน

    หลังจากเหตุการณ์ต่างๆผ่านไปแล้ว ผมมีโอกาสเดินทางไปชัยภูมิอีก กับคณะเดิม ตั้งใจว่าจะแวะไป และไม่รู้ว่าท่านยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าทั้งขาไปและขากลับ รถขับผ่านทางเข้าแต่ไม่เห็นทางเข้า(อีกแล้ว)เพราะพี่ที่พาไปบอกว่าเลยมาแล้ว ก็เลยเดินทางกลับกรุงเทพฯกัน.....(จบแล้วครับ)
     
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ...คุณ Pisi ทุกตัวหนังสือ ทุกตัวอักขระ แต่ละตัวที่เรียบเรียงเรื่องราว..ทั้งหลายทั้งปวง

    ....ผมศรัทธาในหัวใจคุณ


    การเขียนเรื่องที่เกี่ยวข้องศาสตร์ซับซ้อน คิดเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์...

    ว่าจะต้องเดินเรื่อง..ลำดับเวลา อย่างไร

    ด้วยความระมัดระวัง..หลายอย่าง

    และมีเรื่อง เร้นลับที่บุคคลทั่วไปหลายคน

    อาจยังไม่ได้มีโอกาสได้พบเจอ....ในของสังคมความเชื่อหลากหลาย สำหรับมือเขียนสมัครเล่นอย่างเราๆแล้ว

    โดยหากไม่มี...ความอุตสาหะจริงๆแล้ว...ยากเหลือจะก้าวข้ามได้



    ...เดินเรื่องอย่างไรให้น่าสนใจ..ศิลปะของจิต
    และความเพียรของใจเท่านั้น...

    ส่วนหนึ่งเป็นหน้าที่..ที่ไม่รู้ว่ามา...ตอนไหน
    ตังค์ก็ไม่ได้ งานประจำก็ต้องทำ..เหนื่อยก็เหนื่อยมาทั้งวัน

    แต่ถึงเวลา ก็จะต้องทำ!

    ถามทำเพื่ออะไร? นั่นสิเพื่ออะไร

    สายอย่างเราๆ...มันต้องเจอการทดสอบอีกเยอะ!

    ก็ลุยกันไปก่อนก็แล้วกัน...ว่ามั๊ย


    ผมเชื่อว่าคุณคงเข้าใจ...ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมบ้างแล้วเน๊อะ!

    ว่ามันลำบากเอาเรื่อง..

    ณ วันนี้ที่ Toplus99 เดินหน้ามาเกือบ 20 หน้า ไม่ง่ายเลยจริงๆ



    ขอเดินเรื่อง...ตามระยะพอประมาณแล้วจะขอ บ๊ายบายๆ แล้วเช่นกัน



    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตาม...กรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2012
  17. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244

    ผมเองก็เช่นกัน ที่ชื่นชมในความอุตสาหะ ของคุณ toplus99 ในการถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ของครูบาอาจารย์ ให้ผมและอีกหลายๆท่านได้อ่านกัน

    สำหรับผมนั้น ผมเล่าเรื่องราวจากความทรงจำ พยายามนึกถึงภาพและเสียง รวมถึงบรรยากาศ ณ.ตอนนั้น แล้วก็นึกไปพิมพ์ไปเรื่อยๆจนจบ

    ผมรู้ว่า มันไม่ง่ายเลย ที่คุณ toplus99 เรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ นำมาถ่ายทอดด้วยการพิมพ์ ทั้งปวดเมื่อยล้า ทั้งใช้เวลามาก นอกเหนือจากงานที่ต้องทำประจำแล้ว ผมถือว่าเป็นการเสียสละแก่ส่วนรวมเป็นอันมาก

    บางครั้งอาจมีคำถามผุดขึ้นมาในใจว่า ทำไปทำไม? เพื่ออะไร? มันเป็นหน้าที่หรือ? .......บางครั้งเรา อาจจะยังหาคำตอบไม่ได้.....แต่ขอให้เชื่อมั่นว่า...หากเรามีศรัทธาแห่งความดีในจิตใจ....ศรัทธาแห่งความดีนั้นย่อมปรากฏในจิตใจเราเช่นกัน....จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

    มันไม่ได้เป็นเหตุบังเอิญหรอกครับ(ผมเชื่อเช่นนั้น)การที่คุณ toplus99 พบเห็นเรื่องราวต่างๆ ในเขตพระพุทธศาสนา ที่ครูบาอาจารย์ท่านสามารถรู้จริง และ ทำได้จริง จนเป็นเรื่องปกติของผู้ที่มีโอกาสได้เข้านมัสการกราบไหว้ครูบาอาจารย์หลายๆท่านอยู่บ่อยๆ แล้วนำมาถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆนี้...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ.....มันเป็นเรื่อง...เมื่อถึงเวลา

    ....เมื่อถึงเวลาให้ได้ทำ ก็ต้องได้ทำ เพราะว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่....เมื่อถึงเวลา....ของเขาแล้ว....เขาจึงต้องรับรู้....เมื่อรับรู้แล้ว บางท่านเกิดมีความศรัทธาในบารมีแห่งพระพุทธศาสนา ก็ย่อมค้นหาธรรมะ เพื่อยกระดับจิตต่อไป บางท่านอาจจะเฉยๆ หรือ อาจจะไม่สนใจเลยก็เป็นได้

    แต่ขอให้คุณ toplus99 ทำต่อไปเถอะครับ แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความดี มันก็คือความดี...ไม่เปลี่ยนแปลง....แต่หากมีผู้ใดเมื่อเขาถึงเวลาของเขาแล้ว และได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวที่คุณ toplus99 ถ่ายทอด แล้วมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา จนในเบื้องหน้าเขาเหล่านั้น มีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้น....นั่นล่ะคือ ความดีที่คุณได้ทำในวันนี้

    ขอเป็นกำลังใจให้คุณ toplus99 ประสบความสำเร็จ และ สมความปรารถนาทุกประการ....(ผมรออ่านเรื่องที่คุณ toplus99 จะนำมาเล่าต่อนะครับ)
     
  18. Akornlokudorn

    Akornlokudorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +60
    โมทนาสาธุ กับคุณToplus99และคุณ Pisi ครับ ในบทความต่างๆ จรรโลงใจผู้อ่านให้น้อมรำลึกถึงคุณงามความดีและจริยวัตรอันน่ายกย่องของพระสงฆ์สาวกพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ
     
  19. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    สืบเนื่องจากเรื่อง ตอน :พระบวชใหม่ตะโกนลั่นเห็นพระอาจารย์เปลี่ยนร่างเป็นผีนั่งยิ้มให้( เพิ่มเติม)
    <O:p</O:p
    พอนึกถึงบริเวณเพิกถ้ำที่พระอาจารย์ท่านนั่งรอคณะพระบวชใหม่ แล้วพระแป๋มตระโกนว่าพระอาจารย์กลายเป็นผีนั้น นั่นล่ะ ทำให้นึกถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน คือบริเวณเพิกถ้ำแห่งนี้ขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องราวน่าสนใจที่อยากเล่าสู่กันได้อ่านคือ ซอกถ้ำเล็กแห่งนี้ มีลักษณะเป็น ลานกว้าง ต้องป่ายปีนขึ้นไปจากพื้นถ้ำ จุคนได้ประมาณ 20คนแบบหลวมๆสบายๆ
    <O:p</O:p
    อีกมุมของถ้ำนี้ด้านหนึ่งจะมีเส้นทางขึ้นนอกถ้ำเป็นซอกหินเล็กๆ พอคนเล็ดรอดสูงไปร่วม 10กว่าเมตร สามารถที่จะป่ายปีนขึ้น สู่ทางออกบนยอดเขาได้ <O:p</O:p
    ภายหลังพระอาจารย์บอกว่าซอกถ้ำบริเวณนี้ บนลานพื้นดินที่เรานั่งๆทับกันอยู่นี้

    ถ้ำเล็กแห่งนี้เดิมทีมานับแต่โบราณกาล เคยเป็นที่พำนัก พักพิงหลบลม แดดฝน ของทั้งเหล่าพระสุปฏิปัณโณ อริยะสงฆ์ทั้งหลายมีครบทั้ง 8หมู่4จำพวก และพระสงฆ์อื่นๆที่ยังไม่สำเร็จคุณธรรมมากมาย และเหล่านักพรต ฤษี ชีไพร นักบวชหลายลัทธิได้เคยมาปฏิบัติธรรมทางจิต ณ ที่แห่งนี้และสูญเสียชีวิต สละทิ้งสังขาร ร่างกายถมทับกันมาแล้วมากมายหลายรุ่น หลายยุคอายุคนมาแล้ว นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว รวมทั้งซากสัตว์ป่าทั้งหลายมากมายทั้งบรรดา หมี เสือ พญางูใหญ่ และอื่นๆอีกมากมายนัก รอให้มีงบประมาณก่อน แล้วจะเริ่มขุดเอากระดูกอัฐธาตุทั้งหลาย นำออกมาเพื่อทำบุญใหญ่อุทิศกุศลกันอีกครั้ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ภายหลังจากที่พระอาจารย์ท่านเคยเกริ่นเอาไว้จากนั้นประมาณ 3 ปี ท่านได้มีพิธีการทำบายศรีบวงสรวงบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขุดนำเอากระดูกทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมา เพื่อทำบุญพิธีตามคำแนะนำจากดวงจิตวิญญาณหลวงปู่ครูบาอาจารย์ท่านโดยท่านมีโครงการเพื่อทำการปูพื้นกระเบื้อง และกั้นเป็นห้องสำหรับการปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์ ตลอดทั้งเป็นแท่นบูชาพระพุทธรูป และพระบูชารูปเหมือนเหล่าครูบาอาจารย์ของท่าน โดยมีประตูปิด-เปิด พร้อมเทปูนเป็นกระไดเพื่อขึ้นลงให้สะดวกปลอดภัย สำหรับผู้สูงอายุก็สามารถใช้งานได้ไม่ลำบากอีกต่อไป
    <O:p</O:p
    ในช่วงที่ทำการขุดดินบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนั้น ผู้เขียนได้มีโอกาสได้เข้าร่วมด้วยช่วยกันกับชาวบ้านแถบนั้นที่มีใจกุศลมาช่วยสละแรงงานมาช่วยงานที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ภายใต้การกำกับดูแลของท่านพระอาจารย์เป้นอย่างดี
    <O:p</O:p
    สำหรับข้าพเจ้านับว่ามันมีความน่าตื่นเต้น มหัศจรรย์ในสิ่งที่พบเจออยู่เรื่อยๆ ภายใต้พื้นดินขุดลึกลงไปร่วม1 เมตรเศษพบทั้ง เศษถ้วยชามกระเบื้อง พระธาตุฤษีทรงเม็ดกลมๆเล็กๆมากมาย (แปลกจัง..ทำไมกระดูกฤษี กลายเป็นพระธาตุเกิดขึ้นได้อย่างไร?)
    <O:p</O:p
    พบเศษบาตรโลหะของพระ เศษผ้าจีวรที่เปื่อยพุพัง พับเป็นชั้นๆ ชิ้นขนาดฝ่ามือเหลือบางส่วน (แปลกมากที่ในชั้นดินลึกเกือบครึ่งเมตร ทำไม!ไม่ย่อยสลายจนหมด)เศษกระดูกแปลกๆมากมายหลายชิ้น ที่แยกไม่ออกว่าของมนุษย์หรือสัตว์ใดกันแน่ <O:p</O:p
    ที่น่าประทับใจมากคือพบกระดูกบางท่อน ที่ในท่อนชิ้นเดียวกันบางส่วนเป็นเนื้อกระดูกสีขาวด้านนอก แต่ส่วนกระดูกภายในกลับกลายเป็นแก้วใส หรือบางชิ้นข้อต้นกระดูกเป็นเหมือนทั่วไป แต่ปลายกระดูกเป็นสีแก้วอ่อนๆเจือจาง อีกจำนวนมิใช่น้อย
    <O:p</O:p
    พระอาจารย์ท่านว่า คงเป็นพระอริยะสงฆ์ที่ท่านบรรลุธรรมได้ไม่นาน จากนั้นจึงมาเจ็บป่วยหมดอายุขัยเสียก่อน เวลาการฟอกธาตุขันธ์ จึงยังทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ อ้อ!เป็นจังซี่..นี่เอง
    <O:p</O:p
    พื้นที่ดังกล่าวปัจจุบันท่านใช้เป็นที่หลบป้องกันการรบกวน เข้าฌานสมาบัติ 3 บ้าง 7บ้าง ตามสมควรแก่โอกาส รวมทั้งเป็นจุดที่ท่าน มักถอดจิตไปเมืองบาดาลหลายวันบ่อยๆ และท่านจะอนุญาตให้เข้าปฏิบัติธรรมได้เฉพาะบางรายบุคคล เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น...)<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ถ้ำ.jpg
      ถ้ำ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      277.3 KB
      เปิดดู:
      1,084
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  20. ANAN JANG

    ANAN JANG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +175
    มันจะวนลูปเดิมรึป่าวครับ ตอนนี้ก็เริ่มมีคลังแสงระเบิดอีกแล้ว(ที่นครสวรรค์ กับพลุที่สุพรรณบุรี) แล้วจะวนมาที่ภัยทางน้ำ และตามต่อด้วยภัยทางการเมือง แบบนั้นรึป่าวครับ ดูเหมือนละครจะเรื่องเดิม แค่เปลี่ยนตัวละครแบบนั้นอ่ะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...