พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tiger-k007, 6 มิถุนายน 2011.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ทุกวงการย่อมมีคนดีและคนเลวปะปนคละเคล้ากัน และแวดวงไสยศาสตร์ก็เช่นกันมีคนดีและคนไม่ดี ส่วนที่ไม่ดีนั้นมีจำนวนไม่น้อยสามารถที่จะพิสูจน์ให้เห็นได้เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นว่า ของจิรงหรือของปลอม แต่น่าแปลกที่คนประเภทนี้ยังวนเวียนหากินอยู่บนความทุกข์ความเดือดร้อนของชาวบ้าน จะเรียกได้ว่า หมอไสยศาสตร์ตัวปลอมจะมีมากว่าหมอไสยศาสตร์ตัวจริง บางคนเมื่อมารู้ว่าหมอไสยศาสตร์ช่วยได้ ไม่ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาเบื้องหน้าเบื้องหลังของหมอไสยศาสตร์ให้รอบคอบเลย จึงตกเป็นเหยื่อให้มันหลอก มีหญิงจำนวนไม่น้อยนอกจากจะเสียเงินก้อนโตแล้วยังต้องเสียตวให้มันครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อสังเวยตัณหาให้มันปลดปล่อยความใคร่

    แต่ในขณะเดียวกันหมอไสยศาสตร์ตัวจริงและของจริง มักจะเก็บตัวไม่ค่อยจะเปิดเผยตัวตนให้สังคมรู้ คนประเภทนี้เรียกว่า ช้างเผือกในป่า และมีจำนวนน้อยมากที่เป็นของจริง แต่น่าเสียดายที่คนดีๆ และซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพตนเอง นับวันจะค่อยๆ สูญหายไปไม่มีลูกหลานสืบทอดวิชาอาคมไว้ ซึ่งคนรุ่นใหม่ไม่นิยมกระแสตามตะวันตก มองเห็นไสยศาสตร์เป็นสิ่งงมงาย จึงไม่คิดที่จะรับเอาสิ่งดีที่มีคุณค่าต่อสังคมมาช่วยเหลือผู้ที่มีทุกข์ จึงทำให้วิชาไสยศาสตร์ต่างๆ ค่อยสูญหาย และเชื่อว่าในเมืองไทยทุกวันนี้แทบจะไม่มีเกจิอาจารย์ผู้เรืองอาคม ที่แก่กล้าพระเวทกับไสยศาสตร์จะไม่มีแล้วกระมัง หรือที่มีอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้แก่กล้าวิชาอาคา เพียงแต่มีวิชาไสยศาสตร์อาจประเภทครูรักมักจำหรือเห็นคนอื่นทำจึงลอกเลียนแบบทำบ้าง หรืออาจจะเรียนมาจากครูบาอาจารย์จริงแต่ไม่เรียนไม่แตกฉานจบหลักสูตร หากเจอประเภทนี้น่าเป็นห่วง และมีเหยื่อจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อไปหา ปรากฎว่าไม่สำเร็จต้องผิดหวังหน้าเศร้ากินไม่ได้นอนไม่หลับหนักกว่าเก่า หน้าตาหมองคล้ำอยู่แล้วยิ่งหมองหนักเพิ่มทวีคูณ ที่เป็นเช่นนี้เพราะไปเจอหมอไสยศาสตร์ตัวปลอมนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:
    อ่ะจึ๋ย..เห็นแล้วขนลุกเลยอ่ะครับ....เยอะมากเลยนะนี้ เจ้าแม่นวล.เอิ้กเอิ้ก
    เดียวไปหาดใหญ่เมื่อใด กระผมจะขอไปรับกับมือ คุณ นวลเลยนะครับ อิอิ
     
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    การสักยันต์ก็เช่นกัน ผู้ที่จะฝากตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหากับอาจารย์สักยันต์ ควรจะศึกษาประวัติความเป็นมาให้รอบคอบเสียก่อน อย่าไปเชื่อคนที่ไปสักยันต์มาแล้วเป็นคนชี้แนะ เราควรจะเชื่อมั่นในตัวเราเองว่า อาจารย์คนนี้มีวิชาอาคมและแก่กล้าทางพระเวทและการสักยันต์นั้นจะได้ผลประการใดด้วย ที่ต้องคิดให้หนักอย่าโหนตามกระแสความนิยมของสังคม อาจจะเป็นของจริงหรือของเทียมได้ทั้งนั้น

    และการสักยันต์ของคนสมัยก่อนนั้น หญิงใดหรือชายใดจะไม่สัตามกระแสนิยมเหมือนวัยรุ่นยุคสมัยนี้ หากแต่สักยันต์เพื่ออยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด อีกทั้งเพิ่มเสน่ห์เมตตานิยมกับเพศตรงข้ามด้วย
    และการสักยันต์สมัยก่อนโน้น เกจิอาจารย์ผู้สักยันต์จะมีตัวเลือกให้คนที่จะสักยันต์ 2 วิธีคือ
    1. สักยันต์...หมึกดำ
    2. สักยันต์...น้ำมัน

    ลูกศิษย์ผู้ใดต้องการสักยันต์แบบไหน เลือกเอาตามชอบอาจารย์ผู้สักยันต์จักมิบังคับ เพราะการสักยันต์นั้นจะอยู่ติดตัวไปตลอดชีวิตของผู้นั้น ดังนั้นจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับตัวผู้ที่จะสักยันต์

    โดยส่วนมากแล้วจะนิยมสักยันต์ด้วยหมึกดำมากกว่าน้ำมันในหมู่วัยรุ่น ซึ่งมีความแตกต่างกันระหว่าง สักยันต์ด้วยน้ำหมึกดำกับน้ำมัน เนื่องจากการสักยันต์ด้วยน้ำมันดำคนอื่นจะมองเห็นยันต์ที่สักเป็นจุดเด่น เพราะสีดำของน้ำหมึกที่ติคงทนถาวรบนผิวหนังของคนผู้นั้น จะปรากฎให้เห็นชัดตัดกับผิวสี โดยเฉพาะคนผิวขาวยิ่งจะเห็นเด่นชัดเจน สีดำของน้ำหมึกจะติดกับผิวขาว สำหรับผู้ที่มีผิวสีแทนจะดูไม่ออกเลย ระหว่างสีของน้ำหมึกดำกับผิวสีหากดูให้ดีๆ จะกลมกลืนเป็นสีเดียวกัน ก็ดูน่ารักน่าขลังไปอีกรูปแบบหนึ่ง

    นอกจากสีหมึกจะดำตัดกับผิวสีแล้ว ยังมีลวดลายและอักขระของยันต์ที่สักบนเรือนร่าง มีลักษณะที่แตกต่างกันแต่ละยันต์ปรากฎอยู่ให้เห็นเด่นชัดผิดกับการสักยันต์ด้วยน้ำมันที่จะกลมกลืนกับผิว แทบจะมองไม่ออกด้วยว่าคนคนนั้นสักยันต์ ยกเว้นเมื่อคนคนนั้นของขึ้นหรือร้อนวิชา ออกท่าทางวาดลีลาให้เห็น เมื่อนั้นถึงจะเห็นยันต์ที่สักบนเรือนร่าง ปรากฎเป็นผื่นแดงเป็นของยันต์ หากดูผิวเผินแล้วคนที่สักยันต์น้ำมันจะมองไม่เห็นและมองไม่ออก
     
  4. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:
    คุณ นวล เคยสักยันต์ บ้างหรือเปล่าครับ :cool:
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สำหรับผู้สักน้ำมัน ชาวบ้านเห็นจะไม่เลื่อมใสศรัทธา เพราะไม่เห็นร่องรอยการสักยันต์ปรากฎตามตัวนั่นเอง ผู้ที่จะยึดอาชีพเป็นอาจารย์สักยันต์โดยส่วนมากจะสักหมึกดำ เพื่อให้เกิดความขลังและความน่าเลื่อมใสแก่ผู้อื่น คนเล่นของหรือผู้เรืองอาคมจะนิยมสักยันต์ด้วยหมึกดำมากกว่าจะสักน้ำมันเพราะมีอะไรๆ ที่ต่างกันมากในด้านความเชื่อถือของสังคม แต่...

    ในอีกมุมมองหนึ่ง สังคมอาจมองดูผู้สักยันต์ เคยผ่านคุกผ่านตะรางมาแล้ว เป็นคนขี้คุกมักจะเกิดความกลัวไม่ไว้วางใจ เกรงจะเป็นคนไม่ดี ในสายตาเห็นคนสักยันต์เป็นคนร้ายหรือพวกลักเล็กขโมยน้อย กลายเป็นภาพลักษณ์ในทางลบที่ไม่ดีสำหรับคนสักยันต์ ซึ่งมีคนประเภทนี้ไม่น้อยที่เคยผ่านคุกผ่านการถูกจองจำมาแล้วในเรือนจำหลายปี ที่มีรอยสักยันต์เต็มตัว กลายเป็นปมด้วยให้แก่ตัวเอง

    ผู้เขียนหนังสือเคยสัมภาษณ์อดีตนักโทษที่เคยติดคุก ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำลาดยาว และเรือนจำบางขวาง หรือเรือนจำต่างจังหวัดได้ความกระจ่างว่า

    บางคนกระทำผิดกฎหมายถูกศาลพิพากษาโทษตามแห่งคดีความกลายเป็นนักโทษเด็ดขาดถูกจองจำในเรือนจำในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เต็มไปด้วยมลภาวะเป็นพิษ มีแต่คนทำผิดกฎหมายจากร้อยพ่อพันแม่ ย่อมจิตใจต่างกันไปวันๆ จะถูกคุมขังในพื้นที่จำกัดสี่เหลี่ยม มีกำแพงปูนสูงสิบกว่าเมตรป้องกันอย่างหนาแน่น มีรั้วลวดหนามขึงอยู่บนกำแพงหลายขั้นแล้วยังมีสายไฟฟ้าแรงสูงขึงรายล้อมเรือนจำข้างกำแพง มีหลอดไฟฟ้าทุกจุดส่องแสงสว่าง ตลอดแนวกำแพงเรือนจำ และมีป้อมยามตามจุดต่างๆ มีสปอตไลด์ขนาดใหญ่หมื่นกว่าวัตต์ตั้งประจำการ พร้อมกับเจ้าหน้าที่พัศดีหรืออีกชื่อเรียกว่า ผู้คุม ถืออาวุธปืนยิงเร็วยืนในป้อมยาม เพื่อดูความสงบเรียบร้อยว่ามีนักโทษจะแหกคุกปีนกำแพงลักลอบหนีไปหรือไม่ หากมีนักโทษหาญกล้าปีนกำแพงเมื่อไร ผู้คุมมีสิทธิ์ที่จะยิงนักโทษตายได้โดยไม่มีผิดกฎหมาย ซึ่งอดีตที่ผ่านมามีนักโทษคดีอุกฉกรรจ์หลายคนแหกคุกหนีทางกำแพง ได้ฉวยโอกาสปีนกำแพงเรือนจำหนี แต่ไปไม่รอดโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตตายหรือไม่ถูกผู้คุมบนป้อมยามยิงจนร่างพรุน
    และเท่าที่ทราบว่าเบื้องต้น เคยมีนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ได้เล็ดลอดปีนกำแพงสูงของเรือนจำหนีไปได้อย่างหวุดหวิด โดยใช้วิธีหลบหนีธรรมดาๆ ปีนกำแพงไปได้ ไม่น่าเชื่อว่านักโทษรายนั้นหนีไปได้อย่างไร ทั้งที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาและตรวจตราทุกกระเบียดนิ้ว นักโทษยังหนีไปทางกำแพงที่สูงกว่าสิบเมตรไปได้ แสดงว่านักโทษคนนี้สุดยอดคนหนึ่งที่ต้องยกนิ้วให้
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    555พี่รุ่ง ไม่เคยสักยันต์ค่ะ เคยแต่โดนยันเรื่องงานประจำค่ะ..[​IMG]
     
  7. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:
    แหะๆ..............พูดไม่ออกเลยครับ :':)'(
     
  8. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    อดีตนักโทษรายนี้เผยว่า ไปอยู่ในเรือนจำไม่ใช่อยู่เฉยๆ ต้องทำงานตามที่ผู้คุมสั่ง เพื่อมิให้นักโทษอยู่เฉยๆ กลัวจะเครียด จึงต้องหางานให้ทำเพื่อได้ไม่เครียด โดยเช้าตรู่เรียงแถวขานชื่อในห้องขัง ที่มีลูกกรงแข็งแรงรายล้อมเมื่อขานชื่อนักโทษครบประตูห้องขังจะถูกเปิด นักโทษจะเดินเรียงหน้ากระดานออกจากห้องขังผ่านประตูออกไปหลายชั้น กว่าจะไปถึงลานอเนกประสงค์ จากนั้นผู้คุมจะให้นักโทษออกกำลังกาย แล้วปล่อยให้ไปทำภาระกิจส่วนตัว เสียงนกหวัดดังขึ้นให้มาเรียงแถวนับยอดนักโทษอีกครั้ง
    8 โมงเช้าจะยืนเคารพธงชาติ จากนั้นเดินเรียงหน้ากระดานไปยังโรงครัวหยิบถาดอาหารชนิดเป็นหลุมคนละใบพร้อมช้อนที่วางซ้อนกันอยู่ หรือไม่อาจมีเพื่อนนักโทษคอยบริการยื่นถาดอาหารและช้อนให้ที่ทีละคน เมื่อรับถาดอาหารแล้วเดินไปยังโต๊ะอาหารที่ยาวหลายเมตรตั้งเรียงรายมีเก้าอี้ให้นักโทษนั่ง ข้าวและอาหารจะมีนักโทษลำเลียงมาบริการตักใส่ถาดจนครบหมดทุกคนก่อนจะไปรับประทานอาหาร นักโทษทุกคนจะต้องกล่าวปฏิญาณตนเสียก่อน ถึงจะรับประทานอาหารกันจนอิ่ม แล้วถือถาดอาหารไปที่โรงครัวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักโทษที่รับผิดชอบล้างถาดจำนวนมากเหล่านั้น
    แล้วนักโทษจะมารวมตัวยืนเข้าแถวอีกครั้ง เพื่อไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย นักโทษทุกคนจะทำงานจนถึง 12.00 น. ได้พักเที่ยงรับประทานอาหารและพักผ่อนตามอัธยาศัย จนกว่าจะถึงเวลา 13.00 น.จะได้กลับไปทำงานจนถึงเวลาบ่าย 3 โมง เย็นถึงจะเลิกงานไปทำภารกิจส่วนตัวนั่งพักผ่อนจนได้เวลารับประทานอาหารแล้ว จึงกลับขึ้นห้องที่เป็นแดนขังเพื่อเข้านอน นี้เป็นกิจวัตรของนักโทษในเรือนจำปฏิบัติไปจนกว่าจะเป็นอิสระภาพ....

    ค่อยมาเล่าต่อนะคะ.....
    หลับฝันดีค่ะทุกท่าน...[​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2012
  9. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    สงสัยต้องเรียกเจ้าแม่นวลอย่างที่เสี่ยพี่รุ่งเรียกแล้วล่ะครับ อิอิอิอิ ถ้าหาเจอลอยองค์พ่อท่านเอื้อม เจอแล้วถ่ายรูปมาให้ชมด้วยนะครับ
     
  10. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,083
    [​IMG]
     
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    ว่าทำไมนอนไม่หลับ มีคนแซวนี่เอง.....[​IMG]
    *สักลายมังกรด้วย.....
    สวัสดีค่ะคุณโต้ง...หายไปนาน....เข้ามาทั้งที่....นำพระมาให้ชมกันบ้างนะคะ
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดีค่ะน้องเอท นำพระหลวงพ่อเอื้อมมาให้ชมค่ะ
    "รุ่นครบถ้วนไตรมาส"
    ส่วนเกศาหลวงพ่อเอื้อมพี่เตรียมส่งให้วันพรุ่งนี้ค่ะ

    น้องอะตอมเป็นอย่างไรบ้าง....ไปก่อนนะคะ...

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    หลังจากที่หลายวันก่อนได้มีโอกาศสักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศภูฏาน.....
    จากนั้น..เสาร์,อาทิตย์นี้ก็ป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาศเดินทางไปเติมบุญ,สักการะพระธาตุพนม จ.นครพนม...ซึ่งประจวบเหมาะที่มีงานประจำปี2555 ของทางวัดพอดี...มีประประชาชนมาสักการะพระธาตุพนมมากมายจนทำให้รถติดยาว 8 กม. บวกกับประชาชนที่หนาแน่นด้วยแรงศรัทธาของทั้งคนไทยและประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านริมฝั่งโขง...แต่ เมื่อผมได้เห็นองค์พระธาตุพนมที่ตั้งเด่นเป็นสง่าต่อหน้าสายตา....อาการเหนื่อยล้าก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที...เพราะนึกไม่ถึงว่าพระธาตุพนมจะใหญ่และงดงามถึงเพียงนี้....ผมจึงได้นำรูปบรรยากาศมาให้ได้ชม,และอนุโมทนากันนะครับ...(^____^)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]




    [​IMG]

    [​IMG]





    [​IMG]


    [​IMG]

    สุดท้ายขอเติมพลังด้วยไข่ปิ้ง..ร้านนี้สัก 2 - 3 ฟองก่อนเดินทางกลับครับ... ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2012
  14. ppoonsuk

    ppoonsuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    3,994
    ค่าพลัง:
    +7,068


    อนุโมทนากับคุณนอร์ด้วยครับ ปิดเทอมนี้ผมจะไปอีกครั้งครับ ครั้งนี้จะไปอยู่หลายวันหน่อยครับ
     
  15. ppoonsuk

    ppoonsuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    3,994
    ค่าพลัง:
    +7,068
    [​IMG]

    สงสัยต้องไปชิมไข่ร้านนี้ซะแล้ว
     
  16. ppoonsuk

    ppoonsuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    3,994
    ค่าพลัง:
    +7,068
    พระธาตุพนมยามค่ำ ทางวัดเปิดไฟยิ่งสวยครับ :cool:
     
  17. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    ชิมไข่อย่างเดียวนะท่าน Happy Eye
     
  18. ppoonsuk

    ppoonsuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    3,994
    ค่าพลัง:
    +7,068
    แถมอาหารตาอีกนิดหน่อยครับ

    คุณนอร์ข้ามไปฝั่งลาวหรือป่าวครับ
     
  19. chokaku

    chokaku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +4,333


    แหะ แหะ ที่ที่ผมฝันจะไปสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต
    แต่ยังไม่เคยได้ไปเลยครับ
    สักวันต้องไปให้ได้
    โดยเฉพาะภาพสุดท้า่ย อิ อิิ
     
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดียามเช้า วันจันทร์ ....ขอให้สนุกกับงานที่ทำค่ะ...

    ต่อจากเมื่อวาน...:d

    ผู้เล่ากล่าวว่า อยู่ในเรือนจำมีเวลามาก และเพื่อนๆ นั้นจะต้องเลือกคบ เพราะมีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรดมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมสารพัด เพราะมีแต่คนไม่ดีที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำ ย่อมจะเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องธรรมดาเพื่ออยู่รอดนั่นเอง สภาพนักโทษแต่ละคนเห็นได้ว่า เกือบจะสักยันต์แทบทุกคน มีน้อยคนที่ไม่สักยันต์

    แล้วในเรือนจำที่มีการป้องกันแน่นหนามีหมอไสยศาสตร์สักยันต์ด้วยหรือบางแห่งอาจจะมี แต่บางแห่งอาจไม่มี โดยภาพรวมแล้วคนที่สักยันต์ เป็นพวกนักโทษสมัครเล่นด้วยกันนี่แหละเป็นคนสักยันต์ให้ แล้วเอาเครื่องมือที่ไหนมาสักยันต์ให้ เครื่องมือสักยันต์คงจะเอาเข้าไปไม่ได้เป็นอันขาด นักโทษจึงใช้ภูมิปัญญาที่มีอยู่ เอาด้ามช้อนไปฝนจนปลายแหลมเหมือนเข็มมาเป็นเครื่องมือสักยันต์ น้ำหมึกอาจจะขอร้องให้ผู้คุมที่สนิทซื้อจากร้านข้างนอกมาให้เพราะไม่ใช่ของต้องห้ามของเรือนจำ
    อักขระของยันต์ที่จะนำมาเป็นแม่แบบ ผู้คุมจะไม่อนุญาตให้เอาอักขระยันต์ต่างๆ เข้าไปในเรือนจำได้ คงต้องอาศัยความชำนาญและความสามารถเฉพาะตัวของคนสักยันต์จัดการ มีทั้งเขียนอักขระยันต์ลงบนเรือนร่างหรือไม่อาจไม่เขียนเลย ใช้มโนภาพของตนบรรเลงเพลงสักยันต์เลย โดยที่จะมีเพื่อนนักโทษช่วยกันจับตัวคนที่จะสักเอาไว้มิให้ดิ้น
    เพราะสักยันต์แต่ละจึก มันเจ็บปวดสาหัสถึงกระดองใจทีเดียว คนที่เคยผ่านการสักยันต์มาแล้วย่อมรู้ดีถึงความเจ็บและปวดมากแค่ไหน เพราะอยากจะเป็นคนเด่นว่า ข้าแน่ที่ผ่านปริญญาคุกมาแล้ว มีรอยสักยันต์เป็นเรื่องการันตีรับประกันคุณภาพเป็นของจริง

    อดีตนักโทษเผยว่า เขาสักยันต์ที่กลางหลังเต็มแผ่น หน้าอกเป็นเสือทะยาน (มิใช่เสือเผ่น) ที่บริเวณต้นแขนซ้ายขวา สักลงนะหน้าทองที่ริมฝีปากและของลับด้วย ซึ่งใช้เวลาสักยันต์เป็นอาทิตย์ๆ กว่าจะเสร็จ เป็นไข้ซมนอนอยู่หลายวันเหมือนกัน นอกจากนี้เขากับเพื่อนนักโทษอีกหลายคนยังทะเล้นฝังมุกในที่ของลับอีกหลายเม็ด ใช้ขวดแก้วทุบเป็นชิ้นแล้วเอาไปฝนให้เป็นเม็ดกลมๆ ขนาดเล็กใหญ่ที่ต้องการ

    การฝังมุกก็ใช้ของมีคมกรีดหนังที่หุ้มอวัยวะเพศกันสดๆ ให้เป็นแผลก่อนจะสอดเม็ดแก้วที่ฝนให้กลมยัดใส่ลงแผล ใช้เข็มเย็บปากแผลให้สนิท ราดทิงเจอร์ใส่ ตอนนี้เจ็บสุด ทนได้ก็ยังร้องครวญครางเพราะมันแสบ ใจเสาะหน่อยทนเจ็บทนแสบไม่ได้ ก็แหกปากร้องจ๊ากดังลั่นในเรือนจำมีอะไรแปลกประหลาด เพราะในนั้นมีนักโทษหลายระดับชั้น จึงมีทั้งกระจอกงอกง่อยไปจนถึงระดับเศรษฐี และผู้มีความรู้สูงหลายด้านแออัดอยู่ด้วยกัน

    ผู้ใดมีอะไรก็เล่าให้กันฟัง หรือไม่ก็นำความรู้ความชำนาญที่มีอยู่มาถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อพ้นโทษออกไปก็จะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ ถ้าเป็นคนดีก็ดีไป ถ้าเป็นคนชั่วก็เลวไป เหมือนพวกกรีดกระเป๋าหรือพวกขโมยรถ เป็นต้น จะถูกถ่ายทอดจากนักโทษที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญให้จนแตกฉาน เมื่อพ้นโทษออกมาก็นำเอาวิชานี้มาหากินประกอบความชั่ว เหมือนตัวตายตัวแทนกันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมีคำเปรียบเปรยว่า

    "คุกเสมือนมหาวิทยาลัยที่เป็นคลังปัญญา"

    ในเรือนจำที่ผู้เล่าติดอยู่หลายปีนั้นเห็นอะไรมาเยอะ และยังได้สักยันต์จากเพื่อนรุ่นพี่จากในเรือนจำติดตัวมาโชว์ข้างนอก เหมือนเป็นเครืองหมายของคนที่ผ่านคุกมาแล้ว ชาวบ้านจักได้เกรงขามไม่กล้าทำอะไรให้หมั่นไส้แต่ไม่รู้นะว่าชีวิตคนที่เคยติดคุกในเรือนจำมาแล้ว มักจะวนเวียนเข้าๆ ออกๆ เรือนจำเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง แต่สำหรับผู้เล่าเองเข้าไปอยู่ในเรือนจำครั้งเดียวก็เข็ดหลายแล้ว ปฏิญาณว่าจะไม่ทำผิดกฎหมายอีก แต่คนที่พ้นโทษมาแล้วมักจะถูกตำรวจเพ่งเล็งมองเหมือนพวกเขาเป็นฆาตกร และมักจะถูกตำรวจจับไปและพูดย้ำว่า

    "ช่วยราชการ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...