ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ถ้าจะอธิบายแบบที่ต่างมิติอธิบายหละก็..
สมาธิ..มีประโยชน์อยู่อย่างน้อย 3 อย่าง ซึ่งได้แก่

1). ช่วยชำระสะสาง "พลังงาน" ที่ผิดปกติ ที่ขมวดปมอยู่ หรือ ติดขัดอยู่
ในระบบออร่า และในระบบจักระของเรา ให้สลายไป โดยใช้กลไกของ"สนามพลังออร่าที่สมบูรณ์-แข็งแรง" เป็นตัวจัดการกับมัน

อันนี้รวมถึง "พลังงานด้านมืด-พลังงานด้านลบ" ที่แทรกซึมอยู่ หรือที่แอบแฝงอยู่ หรือที่อุดตันอยู่
ภายในระบบออร่า และในระบบกายทุกๆกายของเราด้วยนะครับ

เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่กระทู้นี้นะครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-การชำระพลังงานลบออกจากระบบร่างกาย-and-โลกกำลังขอความช่วยเหลือ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...บบร่างกาย-and-โลกกำลังขอความช่วยเหลือ.304665/

ซึ่งตามปกติแล้ว ร่างกายมนุษย์ ถูกออกแบบมาให้สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ทั้ง 100% อยู่แล้ว
แต่เพราะความติดขัดด้านพลังงาน ที่ทำให้กระแสการหลั่งไหลของพลังงาน และพลังชีวิตของเรา
ไม่สะดวก ติดขัด และถูกสะกัดกั้น จนทำให้เซลในร่างกายของเราไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีเท่าที่ควร
เราก็เลย เจ็บไข้ได้ป่วย และแก่ชราภาพลงไปเรื่อยๆ

แล้วอะไรหละที่เป็นสาเหตุให้พลังงานที่ไหลเวียนอยู่ดีๆเหล่านี้เกิดสะดุด เกิดติดขัด
และเกิดอุดตันได้?

ต่างมิติบอกว่า ก็เพราะพลังงานจากกระแสจิต - กระแสความคิด - อารมณ์ - ความรู้สึก
ทั้งของเราเอง และของผู้อื่น ที่มีผลกระทบต่อระบบต่างๆของเราเองยังไงหละครับ.. "กรรม" ก็ด้วยนะ
รวมถึงพลังงานจากสิ่งแวดล้อมทั้งหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบคลื่น ระบบไฟฟ้า และอื่นๆ
จากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ที่ก่อกวนระบบต่างๆของเราอยู่

นอกจากนี้ ยังมี "สารพิษ" ที่มาในรูปแบบของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป หรือที่เราจับต้องสัมผัสด้วย


2). ช่วยให้เราได้มีโอกาส และ มีเวลา ที่จะ "ติดต่อ" หรือ "เชื่อมต่อ" กับร่างกายของเราเอง
หมายความว่า ปกติสติของเราจะไม่ได้อยู่กับร่างกายของเราสักเท่าไหร่ จึงทำให้อำนาจในการควบคุมดูแล
ความเป็นไปของร่างกายเนื้อของเรา อ่อนแรงลง หรือหมดแรงลง
ทำให้ศักยภาพการทำงานของเซลต่างๆในร่างกาย ไม่เข้มแข็ง และไม่เข้มข้นเท่าที่ควร

ก็คล้ายๆกับผลการทำลองเรื่อง "น้ำ" และ "ข้าวสุก" ของ ดร.อิโมโต้ และอีกคนหนึ่งชาวญี่ปุ่นนั่นแหละครับ
ที่มีการทดลองส่วนหนึ่ง ที่เขาเอาตัวอย่างน้ำมา แล้วแบ่งเป็น 3 ส่วน ขวดแรกเขียนคำว่า
"ฉันรักเธอ" ลงไป ขวดที่สองเขียนคำด่าลงไป ขวดที่สามไม่เขียนอะไรเลย
ปรากฎว่าขวดที่สามที่เราปล่อยปะละเลยนั้น ได้ผลึกน้ำที่แย่ที่สุด แย่ซะยิ่งกว่าขวดที่เขียนคำด่าลงไปซะอีก
การทดลองกับข้าวสุก ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน คือขวดที่ไม่เขียนอะไรเลย หรือขวดที่ถูกปล่อยปะละเลย
ข้าวจะบูดและเหม็นมากที่สุด ส่วนขวดที่เขียนคำพูดดีๆลงไป ข้าวบูดแบบส่าเหล้า กินได้

ปล.ทั้งหมดในข้อที่ 2 นี้ ผมเชื่อมโยงตรงนั้น ตรงนี้เข้าหากันเองนะครับ เพื่อให้ท่านมองเห็นความเชื่อมต่อของมัน
แต่ Inelia ก็พูดถึงประเด็น และความสำคัญของการ "เชื่อมต่อ" กับร่างกายเนื้อของเราเอาไว้เหมือนกันครับ


"inelia-ผู้มาจากต่างมิติ-บทสัมภาษณ์-และบทความจากเธอ-เกี่ยวกับปี-2012-และการ-ascension-ของโลก"

http://palungjit.org/threads/inelia...ปี-2012-และการ-ascension-ของโลก.293099/page-2

(โพสต์ที่ 39)

เธอเน้นมาก และต่างมิติทั้งหลาย ก็เน้นมาก ว่า..ให้เราจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้ตลอดเวลา หรือมากที่สุด
คือให้อยู่กับกายเนื้อของตนเอง อย่าปล่อยปะละเลย "พวกเขา" ใส่ใจพวกเขา
แล้วพวกเขาก็จะมีกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะว่าเซลทุกเซลในร่างกายของเราต้องการพลังชีวิต ซึ่งก็คือแสงสว่าง และเพราะว่า
"แสงสว่าง" ก็คือพลังงานชนิดเดียวกันกับ "ความรัก" ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องมอบความรักให้กับพวกเขา
เพื่อหล่อเลี้ยงพวกเขา ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจพวกเขา รักพวกเขา และรู้สึกขอบคุณพวกเขา
ที่ได้อยู่กับเรา และคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเรามาตลอด อย่าไปโกรธพวกเขา อย่าไปเกลียดพวกเขา
ไม่ว่าพวกเขาจะอ้วนแค่ไหน หรือน่ารังเกียจแค่ไหนก็ตามแต่

ท่านอาจารย์โนวา อนาลัยแนะนำว่า เวลาเราป่วย หรือเวลาที่ส่วนไหนของร่างกายเราเป็นแผล หรือเน่าเปื่อย
อย่าไปรังเกียจพวกเขา ให้สงสารพวกเขา ให้มอบความรักให้แก่ส่วนนั้นๆมากเป็นพิเศษ
และปลอบประโลมพวกเขาว่า "พวกเราทั้งหมดทั้งร่างกายนี้ จะช่วยเหลือพวกเธอให้หายดีเองนะ อย่าห่วงไปเลยนะ"
อะไรแบบนั้นครับ

และท่านยังแนะนำด้วยว่า ให้เราปลอบประโลมร่างกายของเราเอง มอบความรักให้แก่ร่างกายของเราเอง
ด้วยการลูบไล้ และโอบกอดตัวเราเองด้วยความรัก แบบจริงจังและจริงใจที่สุดบ้าง..
อะ..ใครยังไม่เคย..ก็ลองดูซะนะครับ..ครั้งแรกที่ผมทำแบบนั้น น้ำตาผมร่วงเลยหละครับ

3). ช่วยเปิดการสื่อสารของ DNA ชั้นที่ 1 ของเรา ซึ่งอยู่ในมิติที่ 3 นี้
กับ DNA ชั้นอื่นๆที่อยู่ในมิติที่สูงกว่า เพื่อให้ความตระหนักรู้และสติปัญญาของเรา ขยายออกไปสู่มิติที่สูงขึ้นได้
มองเห็นความเป็นจริง ตามแบบที่มันเป็นจริงๆได้ ก้าวข้ามมายาการ หรือสิ่งล่อลวงของมิติที่ 3 นี้ไปได้
และที่สำคัญคือ ช่วยกอบกู้ "ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเราเอง" ให้กลับคืนมาได้
ซึ่งศักยภาพที่แท้จริงที่ว่านั้น ก็คือสิ่งที่ชาวโลกส่วนใหญ่เรียกกันว่า "ปาฏิหาริย์" นั่นแหละครับ

ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ในกระทู้นี้นะครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-สมาธิและภาวนา-ในมุมมองของโลกแห่งจิตวิญญาณ-โดย-ครายออน"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...มุมมองของโลกแห่งจิตวิญญาณ-โดย-ครายออน.300215/


เมื่อใดที่ศักยภาพที่แท้จริงของเรากลับคืนมาแล้ว เมื่อใดที่ระบบร่างกาย ทุกๆกาย ของเราใสสะอาดดีแล้ว
และเมื่อใดที่ขอบเขตความตระหนักรู้ของเราขยายออกไปกว้างไกลไร้ขีดจำกัดแล้ว
เราก็จะเป็นผู้รู้แจ้ง และเราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกสรรพสิ่ง เพราะร่างกายลำดับที่ 12 ของเรา
มีขนาดใหญ่เท่ากับเอกภพ ซึ่งนั่นหมายความว่า มันทับซ้อนอยู่กับทุกสรรพสิ่งในเอกภพ
และมันก็รับรู้ทุกสิ่งในเอกภพด้วย และรวมถึงมันเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของทุกๆคน
และยังเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งในเอกภพอีกด้วย..อันนี้ตามข้อมูลของ Almine หนะนะครับ

"almine-ผู้เป็นอมตะ-และเป็น-ascended-master-และ-คู่มือการเลื่อนระดับขึ้น-จากเธอ"


http://palungjit.org/threads/almine...คู่มือการเลื่อนระดับขึ้น-จากเธอ.315634/page-9


(โพสต์ที่ 161 เป็นต้นไป)


....................................................

[/COLOR]

อ้างอิงข้อความบางส่วนจาก Almine..



..พลังงานของเราจำนวนมาก จะมาจากกายลำดับที่ 5, 6 และ 7 ของเรา
เพราะเหตุนี้ ถ้ากายชั้นในทั้งหลายของเรา มีจุดที่เป็นปมขมวดของพลังงานเกิดขึ้น
เราก็จะเหนื่อยง่าย เพราะว่ากระแสการไหลของพลังงาน จากกายชั้นที่อยู่สูงๆกว่าถูกบล็อกไว้

ดังนั้น กายแห่งอารมณ์ (emotional body) จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ในอันที่จะทำให้กระแสการไหลของพลังงานเป็นไปอย่างราบรื่น


นอกเหนือจากกายทั้ง 7 แล้ว พวกเรายังมีกายที่ใหญ่กว่าอยู่อีก 5 กายด้วยกัน
ซึ่งกายลำดับที่ 12 ของเรานี้ เป็นกายที่มีความกว้างใหญ่ไพศาลมาก
ใหญ่พอๆกับเอกภพเลยทีเดียว จนมันทับซ้อนอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด

ในขณะที่เรากำลังเคลื่อนเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆของกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นอยู่นี้
พวกเรากำลังกระตุ้นให้กายทั้ง 12 ของเรา ทำงานอย่างเต็มที่อยู่
ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว พวกเราก็จะมีจักระ 12 จักระ ไม่ใช่ 7 จักระเหมือนเดิมอีกแล้ว

เมื่อใดที่เราสามารถเข้าถึงกายทั้ง 12 ของเราได้ในภพชาตินี้ เราก็จะรู้แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง
และในทุกๆภพชาติของเราเองด้วย เพราะว่าพวกมันทั้งหมดเชื่อมต่อกันอยู่

และเมื่อนั้นทุกๆการกระทำและความคิดในอดีต ก็จะกลับกลายเป็นสมบูรณ์แบบทั้งหมด
นี่คือสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าถ้าหากว่าเราตายไปก่อนที่จะรู้แจ้ง
เราอาจจะทิ้งระลอกคลื่นเล็กๆแห่งความบาดหมางเอาไว้มากมาย
เพราะการที่ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ของสิ่งที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำกว่าความรักเอาไว้เยอะก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น หากเราเปลี่ยนอดีตไปเสีย ปัจจุบันก็จะเปลี่ยนไปด้วย
และในทางกลับกัน หากปัจจุบันของเราเปลี่ยนไป อดีตก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน

………………………..

 

ใครได้ไปแล้วอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ ลำพังตัวเองคงยากอยู่

 

โอ ขอบคุณค่ะคุณ ชยุต โถทำไมเราถึงละเลยเซลทุกเซลของเราได้ขนาดนี้ จริงสินะพวกเขาก็ต้องการความรักที่ปราศจากเงื่อนไขเช่นกัน

 

ผมมีอาการ เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดศรีษะเหนือคิ้วด้านซ้าย ตอนแรกคิดว่าเกิดจากแพ้ฝุ่นเพราะทำ 5ส บ้านเมื่อวันอาทิตย์ คิดว่าต้องใช้สมาธิช่วยเหมือนบทความคุณชยุตแล้วหล่ะ ช่วงนี้ผมขอรักจิตเดิมตัวเองก่อนครับรักษาออร่าให้คืนสภาพเดิม รักเพื่อนๆทุกคนครับ จุ๊บๆๆ

ถ้าจะอธิบายแบบที่ต่างมิติอธิบายหละก็..
สมาธิ..มีประโยชน์อยู่อย่างน้อย 3 อย่าง ซึ่งได้แก่
1). ช่วยชำระสะสาง "พลังงาน" ที่ผิดปกติ ที่ขมวดปมอยู่ หรือ ติดขัดอยู่
ในระบบออร่า และในระบบจักระของเรา ให้สลายไป โดยใช้กลไกของ"สนามพลังออร่าที่สมบูรณ์-แข็งแรง" เป็นตัวจัดการกับมัน

อันนี้รวมถึง "พลังงานด้านมืด-พลังงานด้านลบ" ที่แทรกซึมอยู่ หรือที่แอบแฝงอยู่ หรือที่อุดตันอยู่
ภายในระบบออร่า และในระบบกายทุกๆกายของเราด้วยนะครับ

เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่กระทู้นี้นะครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-การชำระพลังงานลบออกจากระบบร่างกาย-and-โลกกำลังขอความช่วยเหลือ"

http://palungjit.org/threads/%E0%B8...AD.304665/

ซึ่งตามปกติแล้ว ร่างกายมนุษย์ ถูกออกแบบมาให้สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ทั้ง 100% อยู่แล้ว
แต่เพราะความติดขัดด้านพลังงาน ที่ทำให้กระแสการหลั่งไหลของพลังงาน และพลังชีวิตของเรา
ไม่สะดวก ติดขัด และถูกสะกัดกั้น จนทำให้เซลในร่างกายของเราไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีเท่าที่ควร
เราก็เลย เจ็บไข้ได้ป่วย และแก่ชราภาพลงไปเรื่อยๆ

แล้วอะไรหละที่เป็นสาเหตุให้พลังงานที่ไหลเวียนอยู่ดีๆเหล่านี้เกิดสะดุด เกิดติดขัด
และเกิดอุดตันได้?

ต่างมิติบอกว่า ก็เพราะพลังงานจากกระแสจิต - กระแสความคิด - อารมณ์ - ความรู้สึก
ทั้งของเราเอง และของผู้อื่น ที่มีผลกระทบต่อระบบต่างๆของเราเองยังไงหละครับ.. "กรรม" ก็ด้วยนะ
รวมถึงพลังงานจากสิ่งแวดล้อมทั้งหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบคลื่น ระบบไฟฟ้า และอื่นๆ
จากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ที่ก่อกวนระบบต่างๆของเราอยู่

นอกจากนี้ ยังมี "สารพิษ" ที่มาในรูปแบบของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป หรือที่เราจับต้องสัมผัสด้วย

 

เมื่อคืนหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงเครื่องยนต์ดังครืนๆอยู่ข้างนอก
จนห้องมันสั่นๆแล้วก็หลับไป แล้วก็จำได้ว่ามีฝันเป็นสองช่วงน่ะครับ

ช่วงแรก ก็เห็นตัวเองกำลังเปลี่ยนไปใส่ชุดคล้ายนักบินแต่ไม่มีหน้ากากออกซิเจน
เตรียมจะไปซ้อมหนีแรงโน้มถ่วงโลก กับเครื่องเล่นในสวนสนุก ได้ไปไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกา และก็เครื่องเล่นที่มันพุ่งขึ้นไปบนเสาสูงๆแล้วดิ่งลงมาน่ะครับ

ส่วนช่วงที่สอง ก็ฝันเห็นเรือเหาะลำใหญ่ที่เคลื่อนตัวผ่านไปช้าๆผ่านเหนือก้อนเมฆ ที่เป็นเหมือนสถานีขนส่ง
ซึ่งในก้อนเมฆแต่ละก้อนนั้นก็มีผู้โดยสาร ที่มากันเป็นครอบครัว มารอขึ้นเรือเหาะลำนี้ด้วยกันทุกคนมีแววตาเป็นประกายและตื่นเต้นที่ได้เห็น
บ้างสถานีเห็นคนผู้คนกอดคอร้องเพลงประสานเสียงกัน บางสถานีก็มีสุนัขวิ่งและเห่าเสียงดัง
และก็มีบางสถานีมีบันไดหินใสๆที่ชันมาก เหมือนที่นครวัดนะครับพร้อมกับได้เสียงเครื่องบินที่บินฝ่าอากาศด้วยความเร็วสูง
และฝันก็สิ้นสุดลงตรงนี้ เหมือนเราเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้นล่ะครับ
มีใครฝันอะไรกันบ้างมํียครับ


อ้อ...แล้วก็ฝันอีกช่วงนึงที่เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าไปอยู่ในห้องที่คล้ายๆอารยธรรมโบราณแต่ดูทันสมัยในเรื่องวัสดุมาก เป็นห้องทรงสูงๆที่ไม่กว้างนัก
มีภาพแกะสลักเรื่องราวบางอย่าง มีช่องยาวๆคล้ายหน้าต่างสลับกันไป ในนั้นมีแสงไฟที่ซ่อนไว้ตามหลีบผนัง
และบนโต๊ะกลางห้องก็มีแจกันดอกกุหลาบที่ทำจากคริสตัลอยู่ชุดหนึ่ง ก็เดินเข้าไปใกล้ๆและหยิบขึ้นมาดู เสียดายที่หยิบออกมาจากในฝันไม่ได้ด้วยน่ะ ^^

 

เพื่อนคุณ chalesa เค้ามีอะไรน่าสนใจดีนะครับ
การลุกขึ้นมาวาดรูปเองกลางดึกเนี่ยมันไม่ง่ายเลยนะครับที่จะทำแบบนั้นได้ ต่อให้สายตาดีๆก็เถอะ
จากรูปที่เห็นก็ดูจะไม่ได้ระบุว่าเป็นคนในยุคนี้หรือยุคใดๆบนโลกเลย
ใบหูแหลมๆ ตาโตและเรียวยาวด้วย ทำให้นึกถึงลามูหรือผู้คนยุคไสยเวทเลย
น่าจะเป็นการเชื่อมโยงกับตัวตนในอดีต-อนาคต กับจิตวิญญาณรวมน่ะครับ
หรือจากอารธรรมอื่นๆที่ไม่ได้อยู่บนโลก....ที่เขากำลังพยายามติดต่อสื่อสารกับเพื่อนคุณอยู่น่ะครับ
ต้องเปิดใจรับฟังดูว่าเขาเป็นใครและมาติดต่อเราด้วยเหตุใด
อาจจะมีการสื่อสารข้ามมิติเกิดขึ้นก็ได้นะครับ

 

อ้าว ตกข่าวอยู่คนเดียวเลยมั้งคะนี่ มัวแต่ยุ่งๆ - -"

ช่วงนี้มีแต่ฝันแปลกๆเกี่ยวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ฝันติดกันหลายวันแล้วค่ะ(เพื่อนอยู่อเมริกา) เมื่อคืนก็ฝันว่าไปเยี่ยมเพื่อนที่โน่นเลย ตื่นมายัง งงๆ อยู่ จะเกิดอะไรกับเพื่อนหรือเปล่าไม่รู้ แต่ในฝันเพื่อนก็ดูสบายดีตลอด


แต่เมื่อคืนนอนดึกมาก ก่อนนอนนั่งทำงานอยู่ดีๆโต๊ะก็สั่นๆถี่ๆเลยค่ะ ก็คิดว่าคงจะมีรถใหญ่แล่นผ่าน แต่มันสั่นนานทีเดียว พวกน้องหมาก็เงียบเหมือนไม่มีอะไร มองไปข้างนอกก็ไม่มีอะไร สรุปก็ยังไม่รู้ว่ารถหรืออะไร 55 แถมก่อนนอนก็รู้สึกตุ้บๆตรงตาที่สาม นึกว่าจะไม่ได้นอนซะแล้วค่ะ แต่สุดท้ายก็หลับแล้วก็ฝันถึงเพื่อนอีกแล้ว แปลกดีเหมือนกัน

 

ฟังจากคุณ Mead แล้ว น่าจะเข้ากับเพลงนี้นะคะ ^^​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=oJetBcgzSwI&feature=related]Canon in D Minor with lyrics & Space pics - YouTube[/ame]

 

น่าตื่นเต้นน่าติดตามจัง แต่ก็น่ากลัวนะถ้าฝันแล้วโดนพวกนั้นจับตัวไปไม่ยอมให้เราตื่น

 

ไปท่องเที่ยวในความฝันน่าตื่นเต้นและปลอดภัยที่สุดแล้วครับ
ความฝันเป็นโลกของเราที่เชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูล เป็นสภาวะจิตที่สะท้อนโลกของจิตวิญญาณออกมาน่ะครับ
การแทรกแทรงความฝันจากสิ่งลี้ลับอื่นๆ มันทำไม่ได้อย่างในหนังบางเรื่องหรอกนะครับ

จริงๆแล้วเรื่องทริปท่องเนปจูนนี้ก็มีผู้สร้างสถานการณ์และสร้างความสับสนขึ้นด้วยล่ะครับ
ประมาณว่าจะเดินทางกันด้วยกายเนื้อนี่แหละ
โดยอ้างว่าถึงเวลานั้นจะนำรถลีมูซีนที่แปลงเป็นยานบินได้มารับถึงบ้าน (เหมือนในหนังทรานสฟอร์มเมอร์)
ผู้ที่ไปที่สามารถบันทึกภาพและนำหลักฐานกลับลงมาได้ด้วย..
แต่แล้วเค้าก็เลื่อนโปรแกรมออกไป โดยอ้างว่าคนเยอะเกินไปและบางครอบครัวไม่ยอมให้เดินทาง

ในที่สุดก็โดนแชลแนลลิ่งหลายคนตีแผ่ความจริง
และโดนเฉ่งไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ

ขอบคุณครับคุณอร่อยดี เพลงเพราะน่าฟังดีครับ ...

 

อือ.. ฝันแปลกๆเหมือนกัน แต่มันดูธรรมด๊าธรรมดามากๆเลยค่ะ
ฝันว่าพ่อเอาโทรศัพท์ของเราไปแล้วให้อีกอันนึงมา แต่มันไม่ใช่ของเค้าอะ
แล้วเค้าก็ขับรถออกไปแล้ว เราเลยติดต่อใครไม่ได้เลยเพราะไม่มีเบอร์ใครเลย
ซักพักแม่เราเดินมาหา บอกว่าให้ข้ามถนนไปรอ พ่อไปยูเทิร์นรถน่าจะเจอกันพอดี
แล้วแม่ก็ถามว่า อยู่ที่นี่คนเดียวได้เหรอ เมื่อก่อนมีเพื่อนอีกคนอยู่ด้วย ถ้าอยู่ไม่ได้
ให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อนเอาไหม (เหมือนมาเข้าค่ายนอนค้างที่มหาลัยอะค่ะ)
เราบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าอยู่แล้วแม่ไม่สบายใจเราไม่ค้างก็ได้ แต่..แต่เรารู้อะว่าทั้ง
2คนนี้ไม่ใช่พ่อกับแม่เราจริงๆ แค่ร่างกายเหมือนเฉยๆ เค้าพูดกับเราแบบเนิบๆเน้นๆ
เหมือนว่าให้ตัดสินใจดีๆ หลังจากนั้นเราเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้หญิง
มีผู้ชายคนนึงแอบเข้ามา ทุกคนก็ช่วยกันไล่ออกไป แต่ในห้องนี้มันเป็น "ด้านใน"
ของตัวเราเอง นึกออกไหมคะ เหมือนเปิดประตูแล้วมุดเข้ามาในตัวเองอะ
ใครๆก็เข้ามาไม่ได้ แม้แต่พ่อ แม่ คนรัก หรือใครๆก็ตาม พวกเธอมี6คนและหน้าตา
เหมือนกันเปี๊ยบเลย ทุกคนใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์สีแดงคาดขาว คุยกันเสียงดังมากๆ
แต่เราฟังไม่รู้เรื่องเลย และก็รำคาญพวกเธอมากๆ เราออกมานอกห้องและเจอ
นักท่องเที่ยวคนนึง เค้าบอกให้เราช่วยเลือกของที่ระลึกให้เขาหน่อย เราเลือก
สร้อยข้อมือที่ร้อยจากเปลือกหอยให้เขา มีสีเป็นรุ้งๆ เค้าหัวเราะแล้วบอกว่า
เธอทายใจฉันถูก ฉันเลือกอันนี้แหละ แล้วเราก็ตื่นแบบงงๆ ความรู้สึกมันแบบ
งงๆ เหมือนสร้อยยังอยู่ในมือเราอยู่เลยอะ

ตอนนี้ยังจำความรู้สึกตอนเจอคนที่เหมือนพ่อ-แม่เราได้เลยนะ หลอนๆนิดๆ
เหมือนรู้จักกัน แต่เราจำไม่ได้ว่าเค้าเป็นใคร ตอนพูดเค้าไม่มองหน้าเราเลย
เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แอบกลัวนิดๆนะเนี่ย...

 

รู้สึกเหมือนตอนกรอฟันใช่ไหมครับ เหมือนหมอเอาสว่านกรอฟัน กรอตรงกลางๆสมองค่อยไปทางหลังเล้กน้อย ได้ยินเสียง จี้ๆ คลืดๆ ป่าวครับ (เคยเป็นตอนปี48 เป็นที่จักร2-3-4และ7) ช่วงนั้นหลอนมากๆ สมัยนั้นพี่นักเขียนก็ไม่อยู่ คุณชยุตก็ไม่ได้ตั้งกระทู้แบบนี้ เรียกว่า มืด8ด้าน จริงๆ ไปบอกใครก็ไม่ได้

 

พี่มีด เสียงเครื่องที่ว่า ดังคล้ายๆกับเครื่องพ่นควันไล่ยุง ป่าวครับ เสียงทุ้มๆต่ำๆ +ดังมาก (แต่คนในบ้านนอนกันปกติเหมือนไม่ได้ยินเสียงนั้น (หมายังไม่กล้าหอนเลยครับ อิอิอิ)

ที่ได้ติดตามอ่านความฝันของหลายๆคน จากกระทู้ที่ตัวเองเคยตั้งไว้ตั้งแต่สมัย สมัครเข้าเว็บแรกๆ รู้สึกว่าหลายๆคนจะมีความฝันที่เแพ็ตเทิน สามารถจักหมวดหมู่ได้ ไม่แน่ใจว่า จะเกี่ยวข้องกับการทดลองของ เนปจูนโปรเจคหรือเปล่า เมือคืนก่อนนอนรู้สึกไม่อยากไปเที่ยวยาน ทั้งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่กลางวัน พอหลับไปกลางดึก รู้สึกว่ามีพลังงานอะไรกระทบทำให้จิตเราตื่นขึ้นทันที เลยบอกไปว่า ไม่ไปแล้วไม่อยากไป จากนั้นก็นอนต่อ ไม่รู้ว่าโครงการ เนปจูนโปรเจคใครดำเนินการ จึงไม่กล้าไป เคยมีประสบการณืทางจิตเรื่องพวกนี้มาบ้าง แบบว่าไม่ค่อยน่าอภิรมณ์มากนัก ต้องป้องกันไว้ก่อน

 

ประมาณนั้นล่ะค่ะคุณ axzon47 สั่นรัวเร็วแต่ไม่แรง รู้สึกเ็ป็นแถบลงมาจากช่วงบนลงมาเกือบถึงท้ายทอย คล้ายๆสี่เหลี่ยมผืนผ้แคบๆ ทั้งที่เราก็ไม่ได้ฝึกใดๆจริงจังซะที ทั้งที่ก้สนใจหลายอย่าง เป็นพวกต้องมีโคชขนาบถึงจะทำค่ะ อิๆ ก็เลยงงๆ ว่าอะไร เนี่ย

 

นู๋โอ๋ หายไปไหนเนี่ยะ ไปแข่งกีฬาอยู่เหรอฮ้า

 

ขอบคุณมากค่ะ เพื่อนเขามักจะได้ยินเสียงกระซิบด้วยค่ะ บางครั้งก็พอจะทราบว่าพูดว่าอะไร แต่บางครั้งก็ไม่ทราบ

 

นั่นสินะ..นู๋โอ๋หายไปไหน? ไม่สบายป่าว? ลุงเป็นห่วงอยู่..

 

ขอต่อเรื่องสมาธิหน่อยนะครับ...

ประโยชน์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการทำสมาธิก็คือ.. Manifestation..
หรือภาษาไทยที่แปลได้ประมาณว่า "การเนรมิตให้ปรากฎออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง" ของเรา

การทำสมาธิ..เมื่อเราเคลียร์พลังงานที่อุดตัน ที่ผิดปกติออกไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
การเชื่อมต่อของกายต่างๆของเราก็จะแจ่มชัดขึ้น พลังงานไหลได้สะดวกขึ้น
ข้อมูลข่าวสารที่สื่อสารระหว่างกายต่างๆของเรา และรวมถึงสื่อสารกับจิตวิญญาณของเราด้วย
ก็จะชัดเจนและเข้มข้นมากขึ้น..ระดับนี้..ที่ครายออนบอกว่าสมาธิขั้นที่ 2 และ 3
เราก็จะสามารถสื่อสารกับ DNA ของตัวเองได้แล้ว และสามารถเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมต่างๆใน DNA ของตัวเองได้แล้ว

นอกจากนี้ ด้วยความที่ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก และจินตนาการของเราในสภาวะสมาธินี้มันคมชัด แน่วแน่ และแจ่มแจ้ง
การที่จะเนรมิตอะไรให้ปรากฎออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเรา จึงมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย
เพราะว่า "กฎแห่งการเนรมิต" ดังกล่าวนี้ ต้องการปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้แหละ เป็นสำคัญ
นั่นก็คือ

1. เจตจำนงค์ต้องชัดเจน แจ่มแจ้ง โดยการจินตนการถึงมันอย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน นี่แหละคือส่วนที่ผู้ที่ไม่เคยฝึกสมาธิเลย จะทำได้ลำบาก

2.ใช้อารมณ์-ความรู้สึก เป็นตัวกระตุ้นให้ผลมันเกิดเร็วขึ้น แต่อารมณ์ที่ว่าก็ไม่ใช่ความหื่นกระหาย หรือความอยาก
มันต้องเป็นประมาณว่า ความรู้สึกขอบคุณ และสำนึกในบุญคุณ ที่เราได้รับสิ่งที่เราปราถนานั้นๆแล้ว อะไรแบบนั้น

3.ต้องมีความเชื่อมั่นจริงๆอย่างหมดใจ ว่าสิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นแน่ๆ มันเป็นไปได้แน่ๆ เพราะทุกอย่างเป็นไปได้หมด
ดังนั้น ขอบข่ายความเชื่อของสมองของเราต้องเปิดกว้าง อย่างที่ท่านเทพเมตาตรอนบอกว่า "ต้องเปิดใจ"
เพราะใจที่คับแคบ หรือความเชื่อที่มีขีดจำกัด ก็จะเนรมิตได้ในขอบเขตที่จำกัดเท่านั้นแหละ

4. สนามพลังออร่า ต้องสมบูรณ์ แข็งแรง เพราะสิ่งนี้คือรากฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านเมตาตรอนว่าอย่างนั้นหนะนะครับ

ทั้ง 4 ข้อข้างบนนี้ กับประโยชน์ 3 ข้อแรกที่ผมโพสต์ไปแล้วก่อนหน้านี้
ถ้าท่านสังเกตให้ดี มันก็วนเป็นงูกินหางกันอยู่นี่แหละ คือ ประมาณว่า
เพราะทำสมาธิ พลังงานที่อุดตัน ที่ติดขัดจึงถูกชำระสะสางออกไป
ด้วยกลไกของสนามพลังออร่าที่สมบูรณ์แข็งแรง และเพราะว่าสนามพลังงออร่าสมบูรณ์แข็งแรง
จึงทำให้กระแสพลังงานระหว่างระบบกายต่างๆของเราไหลเวียนได้ดี พลังงานชีวิตและแสงสว่าง
จึงหลั่งไหลเข้ามาสู่กายต่างๆของเราได้ดีขึ้น ดังนั้น สิ่งไม่ดีต่างๆ ความผิดปกติหรือความบิดเบือนต่างๆ
จึงถูกกำจัดออกไปโดยอัตโนมัตด้วย และในส่วนของประเด็นอื่นๆก็วนเวียนเกี่ยวข้องกันอยู่แบบนี้เช่นกันครับ

เหมือนกับว่า มันเป็นเหตุ-เป็นผลซึ่งกันแหละกันอย่างนั้นแหละ ประมาณว่าถ้าเริ่มทำอย่างหนึ่งแล้ว
อย่างอื่นๆก็จะค่อยๆถูกพ่วงให้ตามมาด้วย อะไรแบบนั้น อันนี้ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นหนะนะครับ

ข้อความที่เกี่ยวข้องกับการ Manifestation อยุ่ในกระทู้นี้นะครับ เผื่อใครยังไม่ได้อ่าน

"ข้อความจากต่างมิติ-กฎแห่งการดึงดูด-ทำไมและเมื่อไหร่มันถึงจะได้ผล-สภาวะนิพพาน"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...่อไหร่มันถึงจะได้ผล-สภาวะนิพพาน.310332/page-6


ส่วนข้อความเกี่ยวกับการรักษาสนามพลังออร่าให้สมบูรณ์แข็งแรงนั้น อยู่ในกระทู้นี้ครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-วิธีลดความเสียหายของออร่า-จากคลื่นรบกวน-การบิน-และอื่นๆ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...องออร่า-จากคลื่นรบกวน-การบิน-และอื่นๆ.287075/

.........................................

 

สงสัยลืมทางเข้าเวปพลังจิต ทำพาสเวิดตกหล่นหาไม่เจอ ขอให้เจอเร็วๆนะคร๊าบบ ปล. รักและคิดถึงเพื่อนๆทุกคนจัง ช่วงนี้คอมพิวเตอร์ที่บ้านมีปัญหาเข้ากระทู้นี้ไม่ได้ อึดอัดมาก ต้องมาแอบใช้ที่ทำงานครับ

 

หนูน้อย อาราเล่ หายไปไหนเนี่ย? ไม่เคยมีวันไหนที่เธอไม่เข้ากระทู้นี่นา?..เป็นรัยป่าวเพื่อนรักก?