ฝึกกสิณ 10 นาที ก็สำเร็จได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย telwada, 19 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    กสิณ คือ ธรรมชาติของมนุษย์ที่ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัว จึงเป็นธรรมที่ทางพุทธศาสนา หยิบยกเอามาเป็นหลักการปฏิบัติเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันตั้งแต่ระดับปุถุชน ไปจนถึงระดับอริยบุคคล
    กสิณ คือ การเอาใจเข้าไปผูกอยู่ หรือการเอาใจเอาไปจดจ่อในวัตถุสิ่งของ เพื่อให้เกิดสมาธิ เพื่อให้มีสมาธิ
    แต่ในทางที่เป็นจริงแล้ว มนุษย์ทุกคนสามารถมีกสิณเกิดขึ้นในตัวเองโดยธรรมชาติ เนื่องจากบทบาทหน้าที่ และอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะประพฤติปฏิบัติ หรือการเจรจาติดต่อสื่อสาร หรือพฤติกรรมการกระทำใดใดก็ตามล้วนมีกสิณเข้ามาเกี่ยวข้อง ล้วนมีกสิณเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่ง
    ดังนั้นการฝึกกสิณนั้น บุคคลทั่วๆไป เพียง 10 นาที หรืออาจจะไม่ถึง 10 นาที(สิบนาที)ด้วยซ้ำ ก็สามารถฝึกกสิณได้ ถ้าหากสิ่งที่เขานำมาเป็นวัตถุอันจูงใจในการฝึกนั้น เป็นวัตถุหรือสิ่งของที่ถูกตาต้องใจ หรือเป็นวัตถุหรือสิ่งของที่เขามีความ พอใจ หรือมีความใคร่ที่จะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อวัตถุสิ่งของนั้นๆ เขาก็จะเกิดสมาธิ เกิดความตั้งใจชอบโดยอัตโนมัติ
    ในที่นี้เวลามีจำกัด จึงขออธิบายสั้นๆเพียงเท่านี้ขอรับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    มั่วได้ใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ





    กสิณ

    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอรหันต์แห่งวัดท่าซุง

    องค์ฌานในกสิณทั้ง ๑๐ กอง

    ปฐมฌานมีองค์ ๕ คือ วิตก มีอารมณ์จับอยู่ที่ปฏิภาคนิมิต กำหนดจิตจับภาพปฏิภาคนิมิต
    นั้นเป็นอารมณ์ วิจาร พิจารณาปฏิภาคนิมิตนั้น คือพิจารณาว่า รูปปฏิภาคนิมิตสวยสดงดงาม คล้าย
    แว่นแก้วที่มีคนชำระสิ่งเปรอะเปื้อนหมดไป เหลือไว้แต่ดวงเก่าที่บริสุทธิ์สะอาด ปราศจากธุลีต่างๆ

    ปีติ มีประเภท ๕ คือ

    ๑. ขุททกาปีติ มีอาการขนพองสยองเกล้าและน้ำตาไหล
    ๒. ขณิกาปีติ มีแสงสว่างเข้าตาคล้ายแสงฟ้าแลบ
    ๓. โอกกันติกาปีติ มีอาการร่างกายกระเพื่อมโยกโคลง คล้ายเรือที่ถูกคลื่นซัด บางท่าน
    ก็นั่งโยกไปโยกมา อย่างนี้เรียก โอกกันติกาปีติ
    ๔. อุพเพงคาปีติ มีกายลอยขึ้นเหนือพื้น บางรายก็ลอยไปได้ไกลหลายๆ กิโลก็มี
    ๕. ผรณาปีติ อาการเย็นซ่าซาบซ่านทั้งร่างกาย และมีอาการคล้ายกับร่างกายใหญ่
    สูงขึ้นกว่าปกติ

    สุข มีอารมณ์เป็นสุขเยือกเย็น ในขณะที่พิจารณาปฏิภาคนิมิต
    เอกัคคตา มีจิตเป็นอารมณ์เดียว คือมีอารมณ์จับอยู่ในปฏิภาคนิมิตเป็นปกติ ไม่สอดส่าย
    อารมณ์ออกนอกจากปฏิภาคนิมิต
    ทั้ง ๕ อย่างนี้เป็นปฐมฌาน มีอารมณ์เหมือนกับฌานในกรรมฐานอื่นๆ แปลกแต่กสิณนี้
    มีอารมณ์ยึดนิมิตเป็นอารมณ์ ไม่ปล่อยอารมณ์ให้พลาดจากนิมิต จนจิตเข้าสู่จตุตถฌาน หรือ
    ปัญจมฌาน
    ทุติยฌานมีองค์ ๓ คือ ตอนนี้จะเว้นจากการภาวนาไปเอง การกำหนดพิจารณารูปกสิณ
    จะยุติลง คงเหลือแต่ความสดชื่นด้วยอำนาจปีติ อารมณ์สงัดมาก ภาพปฏิภาคนิมิตจะสดสวยงดงาม
    วิจิตรตระการตามากกว่าเดิม มีอารมณ์เป็นสุขประณีตกว่าเดิม อารมณ์จิตแนบสนิทเป็น สมาธิ
    มากกว่า
    ตติยฌาน มีองค์ ๒ คือ ตัดความสดชื่นทางกายออกเสียได้ เหลือแต่ความสุขแบบเครียดๆ
    คือมีอารมณ์ดิ่งแห่งจิต คล้ายใครเอาเชือกมามัดไว้มิให้เคลื่อนไหว ลมหายใจอ่อนระรวยน้อยเต็มที่
    ภาพนิมิตดูงามสง่าราศีละเอียดละมุนละไม มีรัศมีผ่องใสเกินกว่าที่ประสบมา อารมณ์ของจิตไม่สนใจ
    กับอาการทางกายเลย
    จตุตถฌาน ทรงไว้เพียงเอกัคคตา กับอุเบกขา คือมีอารมณ์ดิ่ง ไม่มีอารมณ์รับความสุข
    และความทุกข์ใดๆ ไม่รู้สึกในเวทนาทั้งสิ้น มีอุเบกขาวางเฉยต่ออารมณ์ทั้งมวลมีจิตสว่างโพลง
    คล้ายใครเอาประทีปที่สว่างมากหลายๆ ดวงมาตั้งไว้ในที่ใกล้ ไม่มีอารมณ์รับแม้แต่ เสียงลมหายใจ
    สงัด รูปกสิณเห็นชัดคล้ายดาวประกายพรึก ฌานที่ ๔ เป็นฌานสำคัญชั้นยอด ควรกำหนดรู้แบบง่ายๆ
    ไว้ว่า เมื่อมีอารมณ์จิตถึงฌาน ๔ จะไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจ ควรกำหนดไว้ง่ายๆ แบบนี้สะดวกดี
    ท่านทำได้ถึงระดับนี้ ก็ชื่อว่าจบกิจในกสิณ ไม่ว่ากองใดก็ตาม จุดจบของกสิณต้องถึง
    ฌาน ๔ และนิมิตอะไรต่ออะไรตามอำนาจกสิณ ถ้าทำไม่ถึงกับนิมิตได้ตามอำนาจกสิณ ก็เป็น
    เสมือนท่านยังไม่ได้กสิณเลย

    อาโปกสิณ

    อาโปกสิณ อาโป แปลว่า น้ำ กสิณ แปลว่า เพ่ง อาโปกสิณ แปลว่า เพ่งน้ำ
    กสิณน้ำ มีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ ท่านให้เอาน้ำที่สะอาด ถ้าได้น้ำฝนยิ่งดี ถ้าหาน้ำฝนไม่ได้ท่านให้เอา
    น้ำที่ใสแกว่งสารส้มก็ได้ อย่าเอาน้ำขุ่น หรือมีสีต่างๆ มา ท่านให้ใส่น้ำในภาชนะเท่าที่จะหาได้
    ใส่ให้เต็มพอดี อย่าให้พร่อง การนั่ง หรือเพ่ง มีอาการอย่างเดียวกับปฐวีกสิณ จนกว่าจะเกิด
    อุคคหนิมิต อุคคหนิมิตของอาโปกสิณนี้ปรากฏเหมือนน้ำไหวกระเพื่อม สำหรับปฏิภาคนิมิต
    ปรากฏเหมือนพัดใบตาลแก้วมณี คือใสมีประกายระยิบระยับ เมื่อถึงปฏิภาคนิมิตแล้วจงเจริญ
    ต่อไปให้ถึงจตุตถฌาน บทภาวนา ภาวนาว่า อาโปกสิณัง

    เตโชกสิณ

    เตโช แปลว่า ไฟ กสิณเพ่งไฟเป็นอารมณ์ กสิณนี้ท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้
    จุดไฟให้ลุกโชน แล้วเอาเสื่อหรือหนังมาเจาะทำเป็นช่องกว้าง ๑ คืบ ๔ นิ้ว แล้ววางเสื่อหรือหนังนั้น
    ไว้ข้างหน้า ให้เพ่งพิจารณาไปตามช่องนั้น การนั่งสูง หรือระยะไกลใกล้ เหมือนกับปฐวีกสิณ
    การเพ่ง อย่าเพ่งเปลวไฟที่ไหวไปมา ให้เลือกเพ่งแต่ไฟที่มีแสงหนาทึบที่ปรากฏตามช่องนั้นเป็น
    อารมณ์ ภาวนาว่า เตโชกสิณัง ๆๆๆ หลาย ๆ ร้อยหลายพันครั้ง จนกว่านิมิตจะเป็นอุคคหนิมิต
    และปฏิภาคนิมิต อุคคหนิมิตปรากฏเป็นดวงเพลิงตามปกติ สำหรับปฏิภาคนิมิตนั้นมีรูปคล้าย
    ผ้าแดงผืนหนา หรือคล้ายกับพัดใบตาลที่ทำด้วยทองหรือเสาทองคำที่ตั้งอยู่ในอากาศ เมื่อได้
    ปฏิภาคนิมิตแล้ว ท่านจงพยายามทำให้ถึงจตุตถฌานเถิด ผลที่ตั้งใจไว้จะได้รับสมความปรารถนา

    วาโยกสิณ

    วาโยกสิณ แปลว่า เพ่งลม การถือเอาลมเป็นนิมิตนั้น ท่านกล่าวว่าจะถือเอาด้วยการ
    เห็นหรือจะถือเอาด้วยการกระทบก็ได้
    การกำหนดถือเอาด้วยการเห็น ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดถูกต้องปลายหญ้าหรือปลายไม้
    เป็นอารมณ์เพ่งพิจารณา
    การถือเอาด้วยการถูกต้อง ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดมากระทบตัวเป็นอารมณ์ สมัยนี้
    การถือเอาลมกระทบจะใช้พัดลมเป่าแทนพัดลม หรือถือเอาการเห็นต้นหญ้าต้นไม้ที่ไหวเพราะ
    ลมพัด จะใช้พัดลมเป่าให้ไหวแทนลมธรรมชาติก็ได้ เมื่อเพ่งพิจารณาอยู่ ให้ภาวนาว่า
    วาโยกสิณัง ๆๆๆ
    อุคคหนิมิตของวาโยกสิณนี้ ปรากฏว่ามีการไหวๆ คล้ายกับกระไอแห่งการหุงต้มที่มี
    ไอปรากฏมากระทบจักษุ พูดให้ชัดเข้าก็คือ มีปรากฏการณ์คล้ายตามองเห็นไอน้ำที่ต้มเดือดแล้ว
    นั่นเอง มีอาการปรากฏขึ้นอย่างนั้น
    สำหรับปฏิภาคนิมิต มีอาการปรากฏภาพเหมือนไอน้ำที่ลอยขึ้น แต่ไม่เคลื่อนไหวหรือ
    คล้ายกับก้อนเมฆบาง ที่ลอยอยู่คงที่นั่นเอง อาการอื่นนอกจากนี้เหมือนในปฐวีกสิณ

    นีลกสิณ

    นีลกสิณ แปลว่า เพ่งสีเขียว ท่านให้ทำสะดึงขึงด้วยผ้าหรือหนัง กระดาษก็ได้ แล้วเอา
    สีเขียวทา หรือจะเพ่งพิจารณาสีเขียวจากใบไม้ก็ได้ ทำเช่นเดียวกับปฐวีกสิณ

    อุคคหนิมิต

    เมื่อเพ่งภาวนาว่า นีลกสิณัง ๆๆๆๆ อุคคหนิมิตนั้นปรากฏเป็นรูปที่เพ่งนั่นเอง

    ปีตกสิณ

    ปีตกสิณ แปลว่า เพ่งสีเหลือง การปฏิบัติทุกอย่างเหมือนนีลกสิณ แต่อุคคหนิมิตเป็น
    สีเหลือง ปฏิภาคนิมิตเหมือนนีลกสิณ นอกนั้นเหมือนกันหมด บทภาวนา ภาวนาว่า ปีตกสิณังๆๆ

    โลหิตกสิณ

    โลหิตกสิณ แปลว่า เพ่งสีแดง บทภาวนา ภาวนาว่า โลหิตกสิณัง ๆๆๆๆ นิมิตที่จัดหา
    มาเพ่ง จะเพ่งดอกไม้สีแดงหรือเอาสีแดงมาทาทับกับสะดึงก็ได้ อุคคหนิมิตเป็นสีแดง ปฏิภาคนิมิต
    เหมือนนีลกสิณ

    โอทาตกสิณ

    โอทาตกสิณ แปลว่า เพ่งสีขาว บทภาวนา ภาวนาว่า โอทาตกสิณัง ๆๆๆๆ สีขาวที่
    จะเอามาเพ่งนั้น จะหาจากดอกไม้หรืออย่างอื่นก็ได้ตามแต่จะสะดวก หรือจะทำเป็นสะดึงก็ได้
    นิมิตทั้งอุคคหะและปฏิภาคก็เหมือนนีลกสิณ เว้นไว้แต่อุคคหะเป็นสีขาวเท่านั้นเอง

    อาโลกกสิณ

    อาโลกกสิณ แปลว่า เพ่งแสงสว่าง ท่านให้หาแสงสว่างที่ลอดมาตามช่องฝาหรือช่อง
    หลังคา หรือเจาะเสื่อลำแพน หรือแผ่นหนังให้เป็นช่องเท่า ๑ คืบ ๔ นิ้ว ตามที่กล่าวในปฐวีกสิณ
    แล้วภาวนาว่า อาโลกกสิณัง ๆๆ อย่างนี้ จนอุคคหนิมิตปรากฏ อุคคหนิมิตของอาโลกกสิณ
    มีรูปเป็นแสงสว่างที่เหมือนรูปเดิมที่เพ่งอยู่ ปฏิภาคนิมิตนั้นปรากฏเป็นแสงสว่างหนาทึบเหมือนกับ
    เอาแสงสว่างมากองรวมกันไว้ที่นั้น แล้วต่อไปขอให้นักปฏิบัติจงพยายาม ทำให้เข้าถึงจตุตถฌาน
    เพราะข้อความที่จะกล่าวต่อไป ก็เหมือนกับที่กล่าวมาแล้วในปฐวีกสิณ

    อากาสกสิณ

    อากาสกสิน แปลว่า เพ่งอากาศ อากาสกสิณนี้ ภาวนาว่า อากาสกสิณัง ๆๆ ท่าน
    ให้ทำเหมือนในอาโลกกสิณ คือ เจาะช่องเสื่อหรือหนัง หรือมองอากาศ คือความว่างเปล่าที่ลอดมา
    ตามช่องฝา หรือหลังคา หรือตามช่องเสื่อและผืนหนัง โดยกำหนดว่า อากาศ ๆๆ จนเกิดอุคคหนิมิต
    ซึ่งปรากฏเป็นช่องตามรูปที่กำหนด ปฏิภาคนิมิตนั้นปรากฏคล้ายอุคคหนิมิต แต่มีพิเศษที่บังคับให้
    ขยายตัวออกให้ใหญ่เล็ก สูงต่ำได้ตามความประสงค์ อธิบายอื่นก็เหมือนกสิณอื่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2012
  3. Maria Amari

    Maria Amari สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +14
    แล้วแต่บุญกุศลเถอะค่ะ......อยู่ที่บุญและกุศลของคนมากกว่านะค่ะ
     
  4. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    จํา หรือ สําเร็จ

    เเบบนั้น เขาเรียกว่า จํา ได้ หรือสําเร็จ กันเเน่ครับ

    ผมอ่านเเล้วไม่ค่อยเข้าใจ รบกวน ชี้เเจงที
     
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    อนิจจา.... ขนาดภาษาไทยเขียนอย่างชัดเจน ยังมีผู้ไม่เข้าใจอีก ข้าพเจ้าจะไม่ตอบตามครงนะขอรับ แต่จะถามว่า
    กสิณ คือ อะไร
    ถ้าฝึกกสิณ สำเร็จ ได้อะไร
    ถ้าจำกสิณ คือ อย่างไร
    ถ้าคุณตอบได้ คุณก็เกิดความเข้าใจในกสิณ ละขอรับ
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เห้ยยยยยยยยย ไปกันใหญ่เเล้วท่าน

    ความหมายของท่าน หากจะนําเอามา ถงเถียงกันให้เกิดประเด็นขึ้นมานั้น ดูว่าจะ เสียเวลาโดยปล่าว

    เพราะ คําว่าสําเร็จ ของท่าน คง จะมิใช้คําว่าสําเร็จ อย่างที่ได้ อธิบายมาไว้ในตอนต้นเป็นเเน่

    หรือหากสําเร็จจริง ก็ คงจะเป็นส่วนของ เเต่ละบุคคล คงมิใช้ทุกคนเป็นเเน่

    เอะ หรือว่าเป้น การสําเร็จ ของ อีกศาสนานึง ลัทธินึง

    ในพุธจักร ไม่มี ความหมายในการสําเร็จ อย่างที่ท่านเขียนมาเป็นเเน่ ลอง ย้อนกลับไปดู ไปอ่านค้นคว้า เเละลองปฎิบัติ อีกที น่าจะดีกว่าเนอะ
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คุณเอานิยายโบราณที่ไหนมาเขียน เอาในพระไตรปิฏกมาเขียนเล่ากระนั้นหรือ พิจารณาดีแล้วหรือว่า สิ่งที่คุณนำมาเขียนนั้น เป็นความจริงหรือไม่ มีสิ่งใดสามารถพิสูจน์ได้บ้าง
     
  8. changnoy

    changnoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +3
    ไหนลองยกตัวอย่างกสินที่ท่านสำเร็จแล้วเอามาใช้ในชีวิตประจำวันให้ฟังหน่อย
     
  9. tay pps

    tay pps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +377
    "มองเป็นกลางไม่ได้ว่าใครผิด"
    มั่วเถียงไปก็เท่านั้นต่างคนต่างฝึกจบ แค่นั้น เชียงใหม่ไม่ได้มีวิธีเดียวที่จะไป บางคนขึ้นรถ บางคนขึ้นเรือ บางคนเดิน บางคนก็เดินหลง บางคนเดินแวะไปไม่ถึงซะที บางคนหลงทาง บางคนก็ไปทางลัด บางคนก็ไม่ไป เปรียบเทียบเอาครับ ดูดีๆสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ให้ลายละเอียดในการฝึกหนิ และเขาไม่ได้บอกผลของการฝึกหนิครับ
    ที่เขาพูดนั้นหมายถึง สิ่งที่เขารู้ได้รับรู้จาการฝึกและสรุปด้วยความเข้าใจของเขาเขาไม่ได้ออกนอกปะเด็น ในเมื่อกสิณคือกรรมฐาน ก็ควรที่จะมีสติ ควรรู็ว่า เดิน นอน ยืน นั้น และทำอะไรตลอดเวลา เพื่อจิตจะได้เว้นจากกิเลส ส่วนเรื่องสำเร็จ เขาไม่ได้พูดหนิ ว่าสำเร็จขนาดไหน จะไปว่าเขาไม่ได้ อาจจะสำเร็จ แบบหยาบ แบบปานกลาง หรือละเอียด ทุกคนสามารถทำได้ ส่วนเรื่องขั้นตอนการฝึกกสิณทุกคนก็เริ่มแบบเดียวกันทั้งนั้นแหละ ซึ่งการเพ่ง ก็มีแบบอสุภะ ก็มี ดูเพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ เมื่อมองทุกสิ่งที่กล่าวมาด้วยสมาธิอย่าที่เขาได้กล่าว เพื่อให้เกิดสมาธิจิตในการงาน และขันติ ในชีวิตประจำวัน ขนาดคนขาขาด ฝึกสมาธิโดยการดูการมือตัวเองพลิกไปมาแล้วจำนิมิตรเลยครับ ไม่อินพุตจะเป็นอย่างไง เอาต์พุตเหมือนกันทั้งนั้นแหละ ขึันอยู่กับตัวบุคคลและบุญเก่า ชาติที่แล้วเคยฝึกหรือเปล่า ถ้าฝึกมาบางคนก็อาจจะได้กสิณมาเลยก็ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  10. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าพเจ้ายกตัวอย่างไว้ในกระทู้ที่เขียนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างอีก ทุกคนทุกท่าน ล้วนสำเร็จกสิณด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แต่จะสำเร็จกสิณคือได้สมาธิ มีสมาธิ จิตสงบ ชำนาญมากแค่ไหน มีผลต่อความสงบแห่งสภาพจิตใจมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการทำงาน สิ่งแวดล้อม และการได้รับการขัดเกลาหรือฝึกฝนการทำงานนั้น ของตัวบุคคลนั้นๆเองขอรับ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กสินที่ไหน เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ใน 10 นาที

    คงมีแต่ คน สติวิปลาส คิดเอาเอง ทั้งนั้น ฝึกกสินใน 10 นาที ก็สำเร็จได้

    แถม พูดไปได้ มีความ พอใจ หรือมีความใคร่ที่จะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อวัตถุสิ่งของนั้นๆ เขาก็จะเกิดสมาธิ

    แค่ สมาธิ ก็ยังไม่รู้จัก แล้วจะไป ฝึก กสิน ได้อย่างไร


    เบญจพิธจักษุของพระพุทธเจ้า


    อ่านของจริง ฝึกจริง ถูกหลัก ศาสนาพุทธ

    ใช้งานได้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <center>[​IMG]
    [​IMG]

    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)</center> หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?
    กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะเกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป




    การฝึก กสิน ของ จขกท นั้นเป็นการ ฝึก กสิณโทษ


    ใครคิดจะฝึก กสิน ตามแบบ จขกท นี่ ระวัง จะเสื่อมหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]




    ผู้ถาม:- “หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?”
    หลวงพ่อ:- “กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง”
    ผู้ถาม:- “ต้องใช้ดูวัตถุ ใช่ไหมครับ…?”
    หลวงพ่อ:- “ใช่ ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะเกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป
    ถ้ากสิณกองต้นเราได้แล้ว ถ้าภาพอื่นเข้ามา เราตัดเลย เพราะว่าเราเจริญปฐวีกสิณ ดูดิน ถ้าบังเอิญกสิณอย่างอื่นเข้ามาแทน เช่น กสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ มันแจ่มใสกว่า เราจะยึดเอาไม่ได้ ต้องตัดทิ้งทันที จนกว่ากสิณกองนั้นจะจบถึงฌาน ๔ ให้มันคล่องจริง ๆ ไม่ใช่แต่ทำได้นะ
    คำว่าคล่องจริง ๆ หมายความว่า ถ้าเรากำลังหลับอยู่ ถ้าเราตื่นขึ้นมา เราจะจับฌาน ๔ ถ้าคนกระตุกพั้บเราจับฌาน ๔ ได้ทันที กสิณกองนั้นจึงชื่อว่าคล่อง
    ถ้าเหน็ดเหนื่อยมาแต่ไหนก็ตาม ถ้าจะจับฌาน ๔ ต้องได้ทันทีทันใด เสียเวลาแม้แต่ ๑ วินาที ใช้ไม่ได้ ถ้าคล่องแบบนี้ละก็กสิณอีก ๙ กอง เราจะได้ทั้งหมด ไม่เกิน ๑ เดือน เพราะว่าอารมณ์มันเหมือนกัน เปลี่ยนแต่รูปกสิณเท่านั้น
    ฉะนั้นการได้กสิณ กองใดกองหนึ่ง ก็ต้องถือว่าได้ทั้ง ๑๐ กอง เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ยาก ของเหมือนกัน แต่เพียงแค่เปลี่ยนสีสันวรรณะเท่านั้นเอง มันจะขลุกขลักแค่ครึ่งชั่วโมงแรก เดี๋ยวก็จับภาพได้ แล้วจิตก็เป็นฌาน ๔ นี่เราฝึกกันจริง ๆ นะ ถ้าฝึกเล่น ๆ ก็อีกอย่างหนึ่ง”
    ผู้ถาม:- “การปฏิบัติพระกรรมฐาน ถ้าเราจะไม่ใช้กสิณ แต่เราใช้กำหนด อัสสาสะ ปัสสาสะได้ไหมครับ…?”
    หลวงพ่อ:- “ได้ ถือว่าอัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจเข้าออก
    คือ จริตของคน พระพุทธเจ้าทรงจัดแยกไว้เป็น ๖ อย่าง คือ ราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต วิตกจริต ศรัทธาจริต พุทธจริต และก็ พระพุทธเจ้าตรัสพระกรรมฐานไว้ ๔๐
    แต่ว่าเป็นกรรมฐานเฉพาะจริตเสีย ๓๐
    อย่างพวก ราคะจริต ถ้าใช้ อสุภ ๑๐ กับกายคตานุสสติ ๑ เป็น ๑๑
    และพวก โทสะจริต มีกรรมฐาน ๘ คือ มีพรหมวิหาร ๔ แล้วก็กสิณอีก ๔ สำหรับกสิณ ๔ คือ กสิณสีแดง กสิณสีเหลือง กสิณสีเขียว กสิณสีขาว
    สำหรับ วิตกจริตกับโมหะจริต ให้ใช้กรรมฐานอย่างเดียวคือ อานาปานุสสติ อย่างที่โยมว่า อัสสาสะ ปัสสาสะ
    แล้วก็ ศรัทธาจริต ใช้กรรมฐาน ๖ อย่าง คือ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ แล้วก็เทวตานุสสติ
    ต่อไปเป็น พุทธจริต พุทธจริตนี่ก็มีกรรมฐาน ๔ คือ มรณานุสสติ อาหาเรปฏิกูลสัญญา จตุตธาตุวัตถาน อุปสมานุสสติ
    รวมแล้วเป็น ๓๐ เหลืออีก ๑๐ เป็นกรรมฐานกลาง
    ฉะนั้นการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าหากเดินสายสุกขวิปัสสโก จะต้องใช้กรรมฐานให้ถูกกับจริต ถ้าไม่ถูกกับจริต กรรมฐานนั้นจะมีผลสูงไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังหักล้าง
    ทีนี้ถ้าหากว่านักเจริญกรรมฐานทั้งหมด ไม่ต้องการอย่างอื่น จะใช้อานาปานุสสติก็ได้ ถ้าคนทุกคนคล่องในอานาปานุสสติกรรมฐาน จะมีประโยชน์
    เมื่อป่วยไข่ไม่สบาย เมื่อทุกขเวทนามันเกิดขึ้น ถ้าใช้อานาปาเป็นฌาน ทุกขเวทนามันจะเบามาก จะไม่มีความรู้สึกเลย นี่อย่างหนึ่ง
    แล้วก็ประการที่สอง คนที่ชำนาญในอานาปาจะรู้เวลาตายของตัว แล้วก็จะรู้ว่าตายด้วยอาการอย่างไร
    แล้วก็ประการที่สาม อานาปานุสสติสามารถควบคุมกำลังฌาน สามารถเข้าฌานได้ทันทีทันใด ประโยชน์ใหญ่มาก”
    ผู้ถาม:- “เมื่อกำหนดลมหายใจด้วย ภาวนาด้วย สมาธิมันวอกแวก ๆ ครับ…”
    หลวงพ่อ:- “ก็ แสดงว่าจริตของคุณโยมหนักไปในด้านวิตกจริต กับ โมหะจริต ฉะนั้นคนที่มีวิตกจริงต้องใช้อัสสาสะ ปัสสาสะ ไม่ต้องภาวนา ขืนภาวนาแล้วยุ่ง พระพุทธเจ้าทรงจำกัดไว้เลยว่า เรามีจริตอะไรเป็นเครื่องนำ ต้องใช้เป็นกรรมฐานอย่างนั้นเฉพาะกิจ ถ้าใช้ผิดก็ไม่ได้ ผลมันไม่มี ที่โยมถามก็เหมาะสำหรับคุณโยม”
    <center>※ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๖๐-๖๒
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สมาธิ ก็ไม่รู้จัก กสิน ก็ไม่รู้จัก

    แล้วจะเอาอะไร มีอะไรไปสอนใคร ให้เดินตามทางที่ถูกต้อง ได้

    เชียงใหม่ ไม่ได้ไปได้แค่ทางเดียว

    แต่ถ้าใคร หลงเชื่อคนที่ไม่เคยไปเชียงใหม่ แล้วเค้าบอกทางผิดให้ไปเชียงใหม่


    ก็จะไม่มีทางได้ไปถึงเชียงใหม่ หลงวนเวียน ตลอดชาติ


    จนกว่าจะหาทางที่ถูก ไปถึงเชียงใหม่นั้นเอง


    .

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กสิน เปรียบเหมือน อุตริมนุษยธรรม

    อุตริมนุษยธรรม แปลว่า คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สมารถมีหรือเป็นได้

    มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้ฝึก ฌาน

    .
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    มนุษย์ทุกคนสามารถมีกสิณเกิดขึ้นในตัวเองโดยธรรมชาติ นั้นไม่มี

    มีแต่บุคคลที่ฝึก ฌาน ให้ชำนาญ เท่านั้น ถึงจะ สำเร็จกสินได้
     
  17. changnoy

    changnoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +3
    เพ่งกสินมา3ปี(สีแดง)เห็นและบังคับได้เฉพาะในฌาณเลยนึกภาพไม่ออกมาจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไรอยากให้ผู้รู้ช่วยชี้แนะ
     
  18. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    เจ้าของกระทู้ เมายาดองหรือเปล่า ถ้าฝึกสำเร็จ ๑๐ นาทีแล้ว กสิณ ๑๐ กอง ก็สำเร็จไม่เกิน ๑วัน ไม่ต้องมีรถใช้กันแล้ว ไม่ต้องมีโทรศัพท์ แล้ว เหาะกันไปเลย ไม่ต้องมีไฟใช้หรอก ใช้อาโลกสิณ ส่องเอา เจ้าของกระทู้ นี่แสดงว่า ศึกษามาเสียเวลาเปล่าเลย เอาความคิดตัวเองมา ปรุงๆ ยำๆ ศาสนามันไม่เสื่อมหรอก เจ้าของเองนั่นแหละเสื่อม เพราะยึดในความโง่ตัวเอง ...
     
  19. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ฮ่า...ฮ่า ....ฮ่า .... ขออภัยนะขอรับ คนอย่างคุณนะเป็นคนเขลาโง่แล้วยังอวดฉลาดอวดรู้ ทำเป็นอวดว่ารู้เรื่องในศาสนาพุทธ ทำเป็นว่ารู้เรื่องสมาธิ ดี ความจริงแล้ว ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
    ฝึกกสิณสำเร็จได้ใน 10 นาที เจ้าคิดว่า เป็นคนสติวิปลาศ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอ็งมันไม่ได้รู้หลักการในพุทธศาสนาอะไรเลย อย่าว่าแต่ 10 นาทีเลย อาจจะไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ ก็สามารถสำเร็จกสิณได้ เอ็งไปศึกษาหลักธรรมและหลักการทางพุทธศาสนาให้ดีซะก่อน แล้วค่อยมาต่อว่าคนอื่น มัวแต่หลงงมงายในเรื่องไร้สาระ ไม่ได้ฝึกศึกษาและปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา แล้วยังมีหน้าอวดฉลาด น่าสมเพชจริง....
     
  20. จอมพล GAY

    จอมพล GAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +219
    ฝึก 10 นาทีเสร็จแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อันใดได้คะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...