๓๗เรื่องเล่าหลวงปู่ดู่กับธรรมะลึกซึ้งที่เข้าใจได้ง่ายและนำไปใช้ได้ทันที

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย 789987, 21 พฤษภาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    ครับ ผมก็ศิษย์คนหนึ่งของท่าน ที่กล้าบอกว่าเป็นศิษย์คนหนึ่งเพระผมก็ปฎิบัติตามแนวทางของท่านจากที่ได้รู้จักเรื่องราวของ หลวงตาม้าจากท่านนิค wisdom จนได้มีโอกาศไปปฎิบัติจริงๆ ซึ่งทุกวันนั้น แม้จะเกิดไม่ทันท่าน แต่ผมคิดว่า เมื่อเราคิดถึงหลวงปู่ หลวงปู่ก็อยู่กับเราตลอดแน่นอน ขอโมทนา กับเรื่องราวที่ได้พิมพ์ลงให้เพื่อนสมาชิกอ่านกัน มีประโยชน์มากถึงมากที่สุดครับ (verygood)
     
  2. พระหลวงพ่อ

    พระหลวงพ่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    514
    ค่าพลัง:
    +892
    อนุโมทนาสาธุครับ ผมก็อีกคนที่ศรัทธาและเคารพนับถือหลวงปู่ดู่ ขอบคุณครับ
     
  3. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    เยี่ยมครับ...โมทนากับธรรมทานนี้
    ดีใจที่เห็นลูกหลานท่านมาสืบทอด
    สิ่งที่ท่านสอน เครือข่ายพระจักรพรรดิ
    กำลังขยายตัวแล้ว หลวงปู่ท่านวางฐานไว้แล้ว
    ตั้งแต่สมัยโน้น และตอนนี้หลวงตาท่านก็
    มาต่อกระแสครับ และเราๆท่านๆก็เป็น
    ลูกคลื่นน้อมรับกระแสไปสร้างกระแสคลื่นใหม่ๆ
    ให้แผ่กระจายครับ พระคุณหลวงปู่หาประมาณมิได้จริงๆ
    โมทนาอย่างยิ่งครับ ธรรมรักษา และอย่าลืม
    หลวงปู่ยังอยู่กับเราเสมอ มาช่วยท่าน
    โปรดสัตว์ภพภูมิกันเยอะๆนะครับ แต่สำคัญที่สุดคือ
    ทำประโยชน์ความสงบให้แก่ใจตนเองด้วย
    น้อมรับตามคำสอนท่านครับ

    หลวงปู่ดู่ท่านกล่าวไว้นะครับ
    นำมาเล่าเพื่อระลึกกันให้เสมอ

    "เอ็งนึกถึงข้า ข้าก็นึกถึงเอง เองไม่นึกถึงข้า ข้าก็ยังนึกถึงเอง"
    ปรารถหลวงปู่ดู่

    ธรรมรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2007
  4. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    รูปธรรมนามธรรม

    ๑๙.รู ป ธ ร ร ม นา ม ธ ร ร ม ช่วงที่ ๑

    ปัจจุบันมีการภาวนาทำสมาธิกันทั่วไป ไม่ว่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นิสิตนักศึกษา ซึ่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
    "หลังกึ่งพุทธกาล สำนักวิปัสนากรรมฐานจะเกิดขึ้นเหมือนดอกเห็ด ผู้ที่จะเข้าไปศึกษาต้องมีวิจารณญาณว่า การสอนเป็นเพื่อการพัฒนาจิตหรือไม่" ดังที่หลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่า "ทำแล้วโลภ โกรธ หลง ลดลงหรือไม่"

    เมื่อมีการตั้งสำนักเกิดขึ้นย่อมมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติข้อวัตรต่างๆ ไว้ในแต่ละแห่ง หรือที่เราเรียกกันว่า "รูปแบบ" เช่น การนุ่งขาว ห่มขาว การกินมังสวิรัติ เป็นต้น หลวงปู่ท่านบอกว่า "ถ้าเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าวางไว้ดีทั้งนั้น" ท่านไม่ให้กล่าวร้ายป้ายสีเพราะท่านพูดว่า "คนดีไม่ตีใคร" บางครั้งมีผู้มาขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้จากหลวงปู่ดังนี้

    ผู้ถาม "ถ้าจะมาปฏิบัติกับหลวงปู่ต้องเตรียมอะไรมาด้วยครับ"

    หลวงปู่ "เตรียมใจ เตรียมจิต มาให้ดี"

    ผู้ถาม "ไม่ต้องนุ่งขาว ห่มขาวใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่ "แต่งอะไรมาก็ได้ไม่จำเป็น"

    ผู้ถาม "แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน"

    หลวงปู่ "มีก็เอามา ไม่มีก็ไม่ต้อง เรากล่าวว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ นี่เราก็เอาชีวิตบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว"

    ผู้ถาม "การกินมังสวิรัติ จำเป็นไหมครับ"

    หลวงปู่ "เรื่องการไม่กินเนื้อสัตว์ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว คือ พระเทวทัตเคยขอพระพุทธเจ้า แต่ท่านไม่อนุญาต ดีชั่วอยู่ที่จิต ท่านกลัวลำบากญาติโยม"

    ต่อช่วงที่ ๒.....
     
  5. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    รูปธรรมนามธรรม ช่วงที่ ๒

    รู ป ธ ร ร ม น า ม ธ ร ร ม ช่วงที่ ๒

    ในการทำวัตรสวดมนต์ของพระจะมีการพิจารณาอาหารบิณฑบาต เสนาสนะ และจีวรรวมอยู่ด้วย ที่เรียกว่า บทปฏิสังขาโย เพื่อไม่ให้พระคิดอยากได้ในสิ่งเหล่านี้ ทั้งนี้เป็นเพียงเพื่อการประทังชีพในการบำเพ็ญคุณธรรมต่อไป ดังคำพูดของหลวงปู่ที่ว่า "อยู่ในโลกก็ต้องกิน"

    หลวงปู่ "อาจารย์แด่ ท่านเคยบอกข้าตอนที่ไปนวดให้ท่านว่า เป็นพระต้องระวังนะคุณ ถ้าไม่ไหว้พระสวดมนต์ ตายไปต้องไปเกิดเป็นควายแก่ให้เขาใช้งาน ท่านเคยบอกด้วยนะว่า ควายแก่"

    ผู้ถาม "การบิดเบือนพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า เขาว่าเป็นการทำลายศาสนา เหมือนกับตัดคอพระพุทธรูปทีละองค์"

    หลวงปู่ "พระเทวทัตมีฤทธิ์ขนาดเหาะได้ ยังไปนรกเลย แล้วคนที่ยังเหาะไม่ได้ จะไปไหน"

    ผู้ถาม "ลูกอธิษฐานไว้ว่าต้องถือศีลแปด แต่กลัวจะหิว เพราะไม่ได้กินข้าวเย็นครับ"

    หลวงปู่ "เปลี่ยนจากข้อ ๓ เป็น อพรัมมะจริยา ก็ได้ นี่เป็นศีล ๕ แบบอุกฤษฏ์ ถือเป็นเพศพรหมจรรย์"

    ผู้ถาม "เดี๋ยวนี้คนใจบาป ตัดเศียรพระพุทธรูปไปขายต่างประเทศ"

    หลวงปู่ "อีกหน่อยศาสนาพุทธจะไปปรากฎในต่างแดน ตอนนี้ไปในส่วนของรูปธรรม ต่อไปจะปรากฎในส่วนของนามธรรม จะมีการปฏิบัติกันมากขึ้นกว่านี้"

    ผู้ถาม "ทางรัสเซีย เขาว่ากันว่า ปฏิบัติเกินไปจากอเมริกาหลายสิบปี แต่เขาใช้ในด้านวินาศกรรมเพราะเรดาร์จับไม่ได้ ไม่บาปหรือครับ"

    หลวงปู่ "ให้เขาทำไปเถิด อีกหน่อยเขาพลิกจิตได้ ก็ดีเอง"

    ผู้ถาม "ทำไมต้องห้อยพระ ไม่ต้องใช้ได้ไหมครับ"

    หลวงปู่ "กำลังใจของคนไม่เท่ากัน เรามีเวลาเผลอเพราะไม่ใช่พระอรหันต์ ถ้าจิตเป็นพระไม่ต้องใช้ก็ได้ หรือถ้าทำเป็นแล้วก็ไม่ต้อง"

    ผู้ถาม "บารมีพระช่วยได้จริงหรือไม่"

    หลวงปู่ "ถ้ากรรมไม่หนักพระช่วยได้ ถ้าหนักพระช่วยไม่ได้ ตอนตายถ้านึกถึงพระก็ยังไปสวรรค์"

    ผู้ถาม "ทำอย่างไรจึงนึกถึงพระหรือความดีก่อนตาย"

    หลวงปู่ "ต้องทำอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับทำไมต้องกินข้าวทุกวัน ถ้าไม่ทำบุญหรือทำ แต่บางทีนึกออกได้ยาก เช่นมีคนแถววัดสะแก ทำบาปกับปลาเอาไว้มาก ก่อนตายพอน้องเข้าไปบอกทางว่า พุทโธ แกกลับบอกว่าแกงส้มปลาเทโพอยู่ในครัว พอพี่เข้าไปบอกว่า อะระหัง แกกลับบอกว่า มีแต่กระชัง (ใส่ปลา) ทั้งนั้น"
     
  6. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ใช้ให้เป็น

    ๒๐.ใ ช้ ใ ห้ เ ป็ น

    พระสุทิน อายุวัฒโก (หลวงพี่จ่า) เมื่อครั้งท่านยังเป็นฆราวาสได้มากราบนมัสการหลวงปู่ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๙ โดยมี ส.ท.อุดม เผ่าทหาร เป็นผู้ชักชวน ซึ่งสมัยก่อนมาวัดสะแกโดยทางเรือ หลังจากกราบนมัสการหลวงปู่แล้ว ส.ท.อุดม พูดนำว่า "วันนี้ ผมพาลูกพี่มาหาหลวงปู่ เขาจะมาขอพระหลวงปู่ ลูกพี่เขาอยากได้" ความจริงแล้ว ส.ท.อุดม อุปโลกน์ขึ้นเอง หลวงปู่ตอบว่า "ข้าไม่มีพระอะไรจะให้ ถ้าอยากได้ก็ต้องฝึกวิธีใช้ให้เป็นเสียก่อน เหมือนอย่างข้าให้ควายแกไป แกไม่มีเชือกสะพายจูงไป มันจะเอาไปลำบาก"

    จากนั้น ท่านให้พระ ๑ องค์ เป็นรูปหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด แล้วจึงให้เข้าไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นกุศโลบายของหลวงปู่ ที่ต้องการให้ปฏิบัติ และรู้ถึงอานุภาพของพระเครื่อง เพราะท่านเคยบอกเสมอว่า "ของดีต้องใช้ให้เป็น จึงจะรู้ว่าเป็นของดี" เพราะในปัจจุบันอย่างที่เรารู้กันว่า เจ้าของคุ้มครองพระโดยเอาไปฝากไว้ในธนาคาร ไม่ได้นำมาใช้ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่กล่าวว่า "ทำบุญให้เป็น ใช้บุญให้เป็น" โดยเฉพาะการภาวนานั้นถือเป็นการทำกุศลสูงสุดในพระพุทธศาสนา หลวงปู่เคยบอกกับผู้เขียนถึงพระที่ท่านอธิษฐานจิตว่า "ข้าว่าของของข้าไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน อยู่ที่คนนำไปใช้ว่าถึงหรือเปล่า ถ้าถึงจริงๆ แล้วก็ไปนิพพานได้" คำกล่าวของหลวงปู่นี้มีความหมายอย่างยิ่ง คือ เปลี่ยนจิตจากศรัทธาจนเป็น อจลศรัทธา นั่นเอง
     
  7. @un

    @un เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +1,415
    อนุโมทนาครับ อ่านแล้วปลาบปลื้มมาก ๆ มีกำลังใจปฏิบัติดีต่อไป
     
  8. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    เหมือนที่หลวงปู่ท่านเมตตาสั่งสอนไว้ครับ
    ปฏิบัติให้เหมือนกินข้าว
    กินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็อิ่ม ไม่เร่งไม่รีบ
    อยากได้ก็ไม่ได้ ไม่อยากได้ก็ไม่ได้
    ปฏิบัติให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตน่ะครับ เหมือนการกินข้าวนั่นแหละครับ

    กราบท่านตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากตอนท่านยังทรงธาตุขันธ์ครับ
    เพราะท่านอยู่กับพวกเราเสมอ เพียงแค่เรานึกถึงท่าน
    เหมือนที่คุณนิคเขาย้ำไว้น่ะครับกับปรารภของหลวงปู่

    เอ็งนึกถึงข้า ข้าก็นึกถึงเอ็ง
    เอ็งไม่นึกถึงข้า ข้าก็ยังนึกถึงเอ็ง

    คุณจิตงามกราบท่าน ท่านรับรู้และคุ้มครองคุณแน่นอนครับ
    ใครไม่เพียรปฏิบัติตอนนี้ ก็เหมือนใกล้เกลือกินด่างเหมือนกัน
    หลวงปู่ท่านดูพวกเราอยู่ตลอดเวลาครับผม

    ธรรมรักษา ขอให้เจริญในธรรมยิ่งขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  9. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    โมทนาครับคุณนิก
    ผมตั้งใจเอาเรื่องของหลวงปู่มาลงเพื่อให้ลูกหลานของหลวงปู่ทุกคนได้มีกำลังใจในการเพียรปฏิบัติ
    ผมเริ่มศรัทธาหลวงปู่จากธรรมะของท่าน อ่านง่าย เข้าใจง่าย
    ท่านสั่งสอนอะไรจะชัดเจนมากๆ ตรง ชัดเจน รู้กันไปเลย เห็นคือเห็น นิพพานเป็นอย่างไร เคลียร์น่ะครับ
    พูดถึงเรื่อง ตรง ชัดเจนแล้วคิดถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย

    ทุกครั้งที่ผมเกิดนิวรณ์ขึ้นในจิต ผมมักอ่านเรื่องราวของหลวงปู่เสมอ
    ทั้งศึกษาแนวทางจากคำสอนของท่าน และซึมซับความรู้สึกปีติจากปฏิปทาและความเมตตาของท่าน
    ก็เลยคิดว่าเพื่อนๆ ทุกคน โดยเฉพาะน้องๆ ที่อาจจะเพิ่งเริ่ม น่าจะได้อ่านเรื่องของหลวงปู่
    หลวงปู่ชอบคนปฏิบัติมากๆ
    เร่งความเพียร และช่วยหลวงตาม้ากันคนละไม้ละมือ เพื่อต่อกระแสบุญบนรากฐานธรรมที่หลวงปู่วางไว้ เหมือนที่คุณนิกบอกกันนะครับพวกเรา

    สาธุ โมทนาทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวดีๆ ของหลวงปู่ของพวกเราครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  10. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    พระชำรุด

    ๒๑.พ ร ะ ชำ รุ ด

    คนส่วนใหญ่มักจะไม่นิยมนำพระที่แตกหรือหักมาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะพระที่ทำด้วยปูนมักแตกหักได้ง่าย ผู้เขียนเรียนถามหลวงปู่ถึงเหตุผล

    หลวงปู่ "สมัยก่อนข้าเป็นฆราวาส ก็ห้อยพระหักเพราะเสียดายของ เมื่อก่อนเขาใช้ลวดถัก เดี๋ยวนี้ก็ยังเห็นเขาใช้กัน ไม่เห็นเป็นไร"


    ผู้เขียน "แล้วความจริงเป็นอะไรหรือไม่ เพราะเคยฟังมาว่าแม้แต่พระสมเด็จวัดระฆังที่แตกหัก ยังนำชิ้นส่วนมาแกะเป็นองค์เล็กๆ ใช้กันได้"

    หลวงปู่ " พระที่ทำด้วยปูนหรือโลหะ ข้าอธิษฐานว่าเมื่อใดก็ตามที่ของที่ทำละลายเป็นน้ำ เมื่อนั้นจึงขอให้หมดอานุภาพ แล้วเมื่อไรจะละลายเป็นน้ำละแก"

    ดังนั้น ถ้าพระของหลวงปู่หัก ไม่ต้องตกใจหรือเสียกำลังใจ เพราะคำตอบมีอยู่อย่างชัดเจน หลวงปู่เพียงแต่บอกว่า "ใครทำพระข้าหัก จะเสียใจไปตลอดชีวิต" ทั้งนี้เพื่อให้ทุกท่านมีความระมัดระวัง เนื่องจากของที่หักแล้วมักเกิดตำหนิ มองดูไม่สวยงามเท่าของที่สภาพสมบูรณ์

    ผู้เขียน "การซ่อมแซมพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ ที่คอหักหรือชำรุดนั้น มีอานิสงส์มากหรือน้อยกว่าการสร้างใหม่"

    หลวงปู่ "ตามพระไตรปิฎกกล่าวว่า ซ่อมมีอานิสงส์มากกว่าการสร้างใหม่"<!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    กำลังใจ

    ๒๒.กำ ลั ง ใ จ

    ตามลักษณะของการดูโหงวเฮ้งของคนจีนที่ว่า ผู้ใดที่มีหูยาวมักจะเป็นคนที่มีอายุยืน ซึ่งผู้เขียนลองสังเกตดูก็มักจะเป็นอย่างนี้จริงๆ หลวงปู่ท่านก็มีใบหูใหญ่และยาว แม้แต่พระพุทธรูปก็มีพระกรรณยาว

    สุภาพสตรีท่านหนึ่งมากราบหลวงปู่ และได้เรียนถามถึงความจริงในข้อนี้ เนื่องจากเธอมีลักษณะใบหูที่เล็ก ซึ่งหมอดูหลายคนทำนายไว้ว่าอายุจะสั้น ทำให้เกิดความไม่สบายใจ

    หลวงปู่ "หูลิงก็เล็ก ทำไมอายุมันยังยืนเป็นไหนๆ"

    เมื่อเธอฟังแล้วเกิดความสบายใจนับว่าหลวงปู่มีเมตตาและวิธีการพูดที่ฟังแล้วไม่เกิดทุกข์

    ผู้เขียนเคยเรียนถามเรื่องศีลข้อ ๔ มุสาวาทา ว่าในลักษณะใดที่จัดว่าผิดศีล

    หลวงปู่ "บางเรื่องถ้าบอกตรงๆ ผู้ฟังจะไม่ได้รับผล ต้องใช้วิธีเลี่ยงเอา (กุศโลบาย) อยู่ที่เจตนาของผู้พูดว่ามุ่งหวังผลกับผู้ฟังอย่างไร เหมือนกับพระสารีบุตรตอบโจรเคราแดง เมื่อโจรถามว่า การที่ผมเป็นเพชฌฆาตฆ่าคนมามาก ผมจะไปนรกไหม พระสารีบุตรท่านเป็นพระอรหันต์ สามารถรู้เห็นได้ด้วยญาณ ถ้าบอกตรงๆ ว่าแกต้องไปนรก ก็จะเสียกำลังใจ ท่านเลยตอบว่า ใครเป็นคนสั่ง โจรเคราแดงจึงเกิดกำลังใจ เพราะคิดว่าตัวเองไม่บาป เมื่อพระสารีบุตรเทศน์ให้ฟังหลังฉันข้าว ปรากฎว่าโจรเคราแดงสำเร็จเป็นพระโสดาบัน มันมีแง่คิดอยู่นิดเดียวว่าจะพูดอย่างไร"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  12. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    หลวงปู่ดู่เทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงผู้ได้มโนมยิทธิ
    ขอคัดลอกเทปที่หลวงปู่ดู่ที่ท่านเคยเทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงที่ได้มโนมยิทธิ ซึ่งได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ ตามคำสั่งหลวงพ่อฤาษีฯ หลวงปู่ดู่ท่านเทศน์ว่า...............(ถอดจากเทปที่บันทึกไว้กลางปี 2530)
    ________________

    หลวงปู่.....เอ้า คณะนี้มาจากไหน (แล้วหลวงปู่ท่านก็เงียบ) อ๋อเด็กฝาก

    คณะมโนมยิทธิ...หลวงพ่อ(ฤาษี) ท่านให้มากราบเจ้าค่ะ หลวงปู่รู้จักไหมเจ้าคะ



    หลวงปู่ดู่...รู้จัก

    คณะมโนมิยทธิ....หลวงปู่เจ้าคะดิฉันฝึกมโนขึ้นไปกราบพระข้างบนดีไหมเจ้าคะ


    หลวงปู่ดู่.....การไปกราบพระ พบพระนั้นเป็นของดี ให้หมั่นรักษาองค์พระ(ภาพพระ)เข้าไว้ พระท่านจะสอน ท่านจะบอกวิธีการปฏิบัติ เราก็นำมาประพฤติปฏิบัติตามด้วยความตั้งใจ เคร่งครัด แต่ถ้าพบพระแล้ว ท่านสอนแล้วไ ม่นำมาประพฤติปฏิบัติ หรือปฏิบัติจนพบพระแล้วไม่สามารถทำให้อารมณ์ชั่วทั้ง ๓ คือ โลภ โกรธ หลง มันเบาบางหลง อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ ถือว่าปฏิบัติผิดทาง คนที่มัวแต่เอาสิ่งที่ตนเองได้ (ญาณ) ไปดูนั้นดูนี่ ทำนายทายทัก ไม่นานอุปทานก็เข้าแทนที่ ทีนี้แทนที่มันจะไปสุคติภูมิ มันก็ไปอบายภูมิแทน เหตุจากการแอบอ้าง คำสอนของพระ เพราะอารมณ์อุปาทานนั้นเอง จงระวังไว้ ท่านมหาวีระ ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุน เป็นอาจารย์ใหญ่สอนคนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนา พวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติบัติได้(ญาณ)มาอบรมตนเอง อย่าเที่ยวไปทำนายทายทักชาวบ้าน ข้ออันนั้นเห็นจะไม่ใช่จุดประสงค์ แม้ลูกศิษย์ อยู่ใกล้ข้าแท้ๆ ยังเฝือได้ แล้วถ้าพวกแกยังประมาท ระวังนรกจะกินหัวเอา....


    คณะมโนมยิทธิ...เราจะรู้ได้ยังไงเจ้าคะ ว่าเวลาเราขึ้นไปกราบนั้น เราเห็นจริงๆ

    หลวงปู่....แกลองใช้อารมณ์นั้น(ญาณ) ตรวจสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สิ่งนั้นยังมีอยู่สิ เช่น แกลองตรวจดูว่าในกระเป๋าของเพื่อนที่มาด้วยกันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ถ้าแกตอบถูก อารมณ์ที่แกขึ้นไปกราบพระ แกก็เห็นจริง แต่ถ้าแกตอบไม่ถูก พระที่แกเห็นก็ไม่จริง...

    คณะมโนมยิทธิ....เราถามเทวดาเลยได้ไหมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่....เอ้า เงินในกระเป๋านี้มันเป็นของหยาบ แกยังมองไม่เห็นเลย นับประสาอะไรกับเทวดา แกจะไปมองเห็นล่ะ กายเทวดาละเอียดกว่ากันเยอะ

    คณะมโนมยิทธิ...ต้องตรวจอารมณ์เช่นนี้ก่อนใช่ไหมค่ะ

    หลวงปู่ดู่...ใช่ ข้าก็ให้ลูกศิษย์ตรวจอารมณ์อย่างนี้ก่อนแล้วค่อยขึ้นไปกราบพระ ถ้าตรวจแล้วไม่ตรงก็ต้องหัดวางอารมณ์ใหม่ ไม่นานก็ตรง คราวต่อไป ไม่ต้องกำหนด เขาจะรู้เลยว่าอะไรซ่อนอยู่ตรงไหน .....(หลวงปู่เงียบสักพัก) (แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า) พระมหาวีระยังสอนให้แกหัดทำเวลาตอนเช้ามืด ให้ลองตรวจว่า เช้าวันนี้จะมีใครมาหาไหม เขาจะมาทำอะไร ใส่เสื้อสีอะไร ใช่ไหมล่ะ


    คณะมโนมยิทธิ....หลวงปู่รู้ได้ยังไงเจ้าคะ


    หลวงปู่ดู่...ก็พระมหาวีระบอกข้า อยู่ข้างๆนี่แหละ บอกว่า..พวกแกมันลิงทะโมน ต้องจับไปมัด เฆี่ยนแล้วสอน (เสียงหลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า)ต่อไปให้รีบตั้งใจปฏิบัติ อย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี รักษาองค์พระ(ภาพพระ)ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้ปราศจากความโลภ โกรธ หลง มันก็ถึงเองแหละนิพพาน ไม่ใช่ปากก็บอกจะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ หลงให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติ ซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง
    ละได้เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้มันจะถึงแค่หัวตะพาน....

    คณะมโนมยิทธิ...สาธุเจ้าค่ะ หลวงปู่

    หลวงปู่ดู่ ...ให้พร.............................................<!-- / message --><!-- sig -->
    __________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2007
  13. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]


    หลวงตาม้าท่านเป็นลูกศิษย์ของ
    หลวงปู่ดู่และท่านได้อยู่ฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่ดู่
    ในเพศฆราวาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแต่
    ก่อนที่หลวงปู่ดู่ท่านจะมรณภาพไปไม่นานนั้น
    หลวงปู่ท่านก็ได้สั่งให้หลวงตาม้าท่านบวชและ
    ขึ้นไปอยู่เหนือ(ด้วยเหตุผลบางประการ...)

    พอออกพรรษาแรกท่านหลวงตาม้าได้ไป
    กราบหลวงพ่อหวลเพื่อขออนุญาติออกธุดงค์
    เมื่อหลวงพ่อหวลอนุญาติแล้ว
    ท่านก็ไปกราบหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก
    คืนนั้นไม่มีใครอยู่เลยที่กุฎิหลวงปู่ดู่
    มีเพียงหลวงปู่และหลวงตาเท่านั้น
    ท่านเลยกราบลาหลวงปู่ดู่คืนนั้น
    หลวงปู่ดู่ท่านได้เทศสอนหลวงตาม้าและบอก
    กับหลวงตาม้าในครั้งนั้นด้วยว่า


    "จำไว้ไม่ว่าแกไปไหนเหรออยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ด้วย"

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2007
  14. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    [​IMG]
    ผมชอบประโยคนี้ของหลวงปู่มากๆ
    ประโยคสั้นๆ นี้บอกอะไรพวกเราได้มากมาย....
    ดังต่อไปนี้ครับพ้ม!
    1. แสดงให้เห็นถึงความเป็นสหธรรมิกที่สูงค่าของพระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    2. ความเป็นผู้ที่สูงส่งด้วยพระบารมีและญาณที่ท่านสื่อถึงกัน และเป็นญาณที่แสดงให้เห็นถึงความเมตตา และปรารถนาจะให้ศิษย์ก้าวหน้าในทางธรรม
    3. คำพูดของหลวงปู่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่แจ่มใส เช่นเดียวกับที่เราจะพบอารมณ์แบบนี้เสมอมากับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    4. เป็นการแสดงตัวอย่างของภูมิฌาณชั้นสูงให้กับศิษย์ได้เห็น โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำสื่อข้อมูลมาทางจิต ขณะที่หลวงปู่ดู่รับและแสดงออกมาให้ศิษย์ได้รับรู้ด้วยคำพูด ยิ่งจะทำให้ศิษย์มีกำลังใจที่จะปฏิบัติมากยิ่งขึ้น เนื่องเพราะเห็นตัวอย่างที่ดีจากครูบาอาจารย์ทั้งสอง
    5. แสดงให้เห็นว่าการฝึกฝนไม่ว่าจะในแนวทางใด ผลการปฏิบัติก็เหมือนกัน อาจจะแตกต่างไปบ้างตามที่หมวดและคุณนิกเคยโพสไปแล้วว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านจะเด่นในแง่พาคนไปนิพพาน ขณะที่หลวงปู่ดู่จะเน้นที่การเปิดโลก ปรับภพภูมิ เพื่อช่วยเหลือวิญญาณในภูมิต่างๆ ตามแนวทางพระโพธิสัตว์ ซึ่งก็เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันในอันที่จะดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา และที่สุดแล้วก็มุ่งสู่พระนิพพานเช่นเดียวกัน

    อ่านเรื่องนี้ทุกครั้ง ก็จะมีอาการประมาณว่า อื่อ อ่า สุดยอด ปีติ ไม่รู้จะพูดยังไง อ่านไม่เบื่อจริงๆ ครับ
    ขอทุกท่านเจริญในธรรม
    และขออารธนาพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    สมเด็จพระบรมมหาจักรพรรดิทุกพระองค์
    หลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    คุ้มครองทุกคนและประเทศชาติตราบพระนิพพานเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-2.jpg
      Untitled-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.2 KB
      เปิดดู:
      1,114
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  15. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ทำพาสปอร์ตไปสวรรค์

    ๒๓. ทำ พ า ส ป อ ร์ ต ไ ป ส ว ร ร ค์

    ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์หลวงปู่ได้มาเล่าให้ท่านฟังว่า ได้เคยไปร่วมพิธีกรรมจัดสำเภาทัวร์สวรรค์ ซึ่งอ้างถึงพุทธบริษัท มีพระพุทธเจ้าเป็นผู้จัดการบริษัท ญาติโยมเป็นหนึ่งในบริษัททั้งสี่ ให้มาทำพิธีเสริมสิริมงคล หลวงปู่ท่านก็ไม่ว่าอะไร จนมาถึงการทำพาสปอร์ตเพื่อไปสวรรค์ หลวงปู่ท่านจึงพูดขึ้นว่า

    "ของข้าไม่ต้องทำหรอก พาสปอร์ต ขอให้แกว่า
    พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ไม่ต้องไปทำหรอกทั้งพาสปอร์ต ทั้งวีซ่า ข้ารับรอง"

    คำพูดของหลวงปู่ท่านเน้นถึงการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง เพื่อตนเอง และได้ด้วยตนเอง เพราะถ้ามีวิธีการเช่นนี้จริงแล้ว พระพุทธองค์ก็คงไม่ต้องเปลืองคำสอนถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระผู้มีเมตตา กรุณาคุณอันยิ่งใหญ่แห่งสามโลก คงใช้วิธีการแบบนี้มานานแล้ว พวกเราคงได้ไปสวรรค์ นิพพานกันได้สมตามความปรารถนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  16. kim_osk119

    kim_osk119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,598
    ผมเห็นข้อความนี้แล้วนึกถึง หลวงพ่อวิชญ์ พระซ่อมพระ เลย

    โมทนาสาธุครับ ขอให้มีเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านกันบ่อยๆ
     
  17. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ยุคพระศรีอารย์

    ๒๔. ยุ ค พ ร ะ ศ รี อ า ร ย์

    ผู้ที่ทำบุญ ทำทานมักจะมีการตั้งความหวังไว้ในใจ มีคำอธิษฐานเกี่ยวกับการทำบุญตักบาตรไว้ดังนี้ "ข้าวของข้าพเจ้าขาวบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวตั้งไว้เหนือหัว ตั้งจิตจำนงค์ตรงไปพระนิพพาน ขอให้พบเมืองแก้วขอให้แคล้วบ่วงมาร ขอให้ได้พระนิพพานในยุคพระศรีอารย์ด้วยเทอญ"

    เมื่อมีโยมนำคำอธิษฐานนี้มาเล่าให้หลวงปู่ฟัง ท่านพูดยิ้มๆ ว่า

    "จะไปยุคพระศรีอารย์ เดี๋ยวจะอานเสียก่อน"

    คำพูดของหลวงปู่ท่านมีความหมายว่า ให้ทำบุยด้วยใจบริสุทธิ์ อย่าหวังมากเกินควร พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเรื่องของพระศรีอารย์ มีผู้ปรารถนาจะไปกันมาก เนื่องจากเป็นยุคที่สุขสบายไม่เดือดร้อน หลวงปู่เคยบอกว่า "ใครไปได้ไปเลย ไม่ต้องรอ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การปฏิบัติ ไม่ได้อยู่ที่การร้องขอ"

    เหมือนกับญาติโยมท่านหนึ่ง ซึ่งมีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ ได้ไปนมัสการหลวงปู่ดุลย์ อตุโล แล้วเรียนท่านว่า "ดิฉันฟังเทศน์มหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ดิฉันไปได้แล้ว" เนื่องจากมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า ใครฟังเทศน์มหาชาติซึ่งเป็นเรื่องราวของการบริจาคทานของพระเวสสันดร ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ ถ้าเพียงแต่ฟังแล้วไม่นำมาปฏิบัติตามพระจริยาวัตรของพระเวสสันดรแล้วคงไปไม่ได้แน่ จึงเป็นสิ่งที่คนโบราณท่านมีกุศโลบาย ที่จะให้ผู้ฟังเกิดความซาบซึ้งแล้วนำไปปฏิบัติตาม เพื่อให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งไว้
     
  18. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    มหาจักรพรรดิ

    [​IMG]
    ๒๕. ม ห า จั ก ร พ ร ร ดิ

    หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังถึงการปลุกเสก หรืออธิษฐานวัตถุมงคลของท่านว่า "นอกจากการมีพลังจิตแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์ตามเจ็ดตำนาน" ซึ่งท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชา บทที่ท่านทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกว่า "ชมพูปติสูตร" ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นครูของมนุษย์และเทวดาทั้งปวง แสดงถึง ธรรมที่ชนะอธรรม ท่านเรียกบทนี้ว่า "มหาจักรพรรดิ" พญาชมพูบดีเป็นจักรพรรดิที่มีอิทธิฤทธิ์มาก แต่พ่ายแพ้บุญฤทธิ์ ในที่สุดอุปสมบทได้สำเร็จอรหันตตผล หลวงปู่ท่านกล่าวว่า "ข้าเป็นคนโลภมาก ทำอะไรก็อยากทำให้มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บทนี้ทั้งนั้น ใครนั่งคุมเวลาข้าเสก เขาก็รู้เองแหละว่า ทำจริงหรือไม่จริง" ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงปู่อีก เนื่องจากหลวงปู่ท่านพูดว่า

    "ยังไม่นิพพาน เพราะต้องโปรดคน"

    แต่พระองค์นี้ตีความไปว่า หลวงปู่ยังติดอยู่กับลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริง ท่านมีเมตตา และบอกปรารถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้เขียนคัดลอกเกี่ยวกับบทชมพูปติสูตร หรือบทมหาจักรพรรดิมาลงไว้ เนื่องจากในปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห็นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า "อจินไตย" คือสิ่งที่ไม่ควรคิด เพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความกระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง ถ้าคิดมากในที่สุดอาจจะเป็นบ้าได้ สิ่งเหล่านี้ได้แก่

    ๑. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้? ท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จริงหรือ? ฯลฯ
    ๒. วิสัยของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า?
    ๓. วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลง หรือ?
    ๔. วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร?
    ๕. วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร? สงบจริงหรือไม่?

    ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ลองคิดดู พระเจ้าแผ่นดินที่เกิดมาภายใต้เศวตฉัตร ถ้าพระองค์ไม่มีบุญญาธิการแล้ว ท่านจะเป็นได้อย่างไร เพราะคนไทยมีเป็นหลายสิบล้านคน นั่นแสดงถึงวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลไม่เท่าเทียมกัน มีเหตุปัจจัยจากสิ่งที่ท่านได้สร้างสมอบรมมาแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีมากขนาดไหน จึงสามารถโปรดคนได้มากมายทั้งสามแดนโลกธาตุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-3.jpg
      Untitled-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.9 KB
      เปิดดู:
      1,275
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  19. munee

    munee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +1,069
    อ่านกระทู้แล้วเกิดปีติขนลุกซู่ไปทั้งตัวขออนุโมทนาในธรรมทานครั้งนี้ด้วย...สาธุ
     
  20. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    ยังติดตามจนจบนะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...