ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ข่าวด่วน

ตอนสองทุ่ม มีข่าวเกิดหลุมยุบที่ ถ.พระราม 4
หลุมกว้าง 5 ม. ลึก 2 ม. และปิดการจราจรแล้ว
ไม่มีภาพ ช่อง 9 รายงานมาตอนจบข่าวภาคค่ำ
คงต้องรอดูรายละเอียดภาคดึก

 

มีคนนำรูปมาลงแล้วโดยคุณ betarird ก็ดูไม่น่ากลัวเท่าไรเนาะ

 

นิดนึงๆ ><

 

น่าจะลึกสัก5เมตรนะ ว่ายน้ำได้เลย

 

<TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD>“สาวหน้าแก่” วัย 28 ชาวเวียดนาม ได้รับทุนไปรักษาในไต้หวัน
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD>

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์​

</TD><TD>

19 มีนาคม 2555 00:34 น.​

</TD><TD>

[td]​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000034913</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=t_table cellSpacing=0><TBODY><TR><TD>[table=98%]
<TR><TD width=667>
</TD></TR><TR><TD>

ใครแม่ใครลูก? เหวียนถิหง็อกมาย (Nguyen Thu Ngoc Mai) วัย 28 ปี จาก จ.กว๋างนาม กำลังจะไปรับการรักษา "โรคหน้าแก่" ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์จีนในไต้หวันซึ่งเชิญเธอไปที่นั่นพร้อมกับญาติอีก 1 คน องค์การกุศลหลายแห่งในจีนไทเปเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด. -- ภาพ: เตื่อยแจ๋. ​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- หญิงสาววัย 28 ปี ที่มีหน้าตาเหี่ยวย่นราวกับหญิงชราวัย 70 อีกคนหนึ่งได้รับเชิญให้เดินทางไปยังไต้หวัน เพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมูลนิธิเพื่อการกุศลในจีนไทเป เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

นางเหวียนถิหง็อกมาย (Nguyen Thu Ngoc Mai) จาก จ.กว๋างนาม ซึ่งใบหน้ากลายเป็นหญิงแก่ภายในชั่วเวลาข้ามคืนเมื่อ 4 ปีก่อน กำลังจะไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์จีน (China Medical University) ในนครไทเป ซึ่งเชื้อเชิญให้เธอเดินทางไปที่นั่นกับญาติอีก 1 คน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

แต่เจ้าตัวบอกกับสื่อในเวียดนามว่าไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างในการเดินทางไปที่นั่น เธอกับครอบครัวเป็นเพียงชาวนายากจน ไม่รู้จักไต้หวันหรือชาวไต้หวัน

มหาวิทยาลัยดังกล่าวเชิญนางมายไปยังไต้หวัน ตามการเสนอโดยองค์การ TAITRAD ซึ่งเป็นองค์การส่งเสริมการค้าของไต้หวันและเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะออกให้โดยองค์การเพื่อการกุศลหลายแห่งในจีนไทเป

ปัญหาของมายเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 12 ปี โดยเกิดอาคารคันทั่วตัว มีอาการบวมเป็นแห่งๆ และ น้ำหนักลดลงมาก ไม่มีโรงพยาบาลแห่งใดสามารถรักษาได้ มายได้หันไปรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก อาการทำท่าจะดีขึ้น แต่ใบหน้าของเธอเริ่มเป็นรอยเหี่ยวย่นอีกครั้งหนึ่งในปี 2551 และ เลวร้ายลงเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้นมา เตื่อยแจ๋กล่าว

เมื่อปีที่แล้ว “สาวหน้าแก่” วัย 28 ปีคนหนึ่งในภาคใต้เวียดนามที่มีอาการแบบเดียวกันนี้ได้รับการสนับสนุนให้เดินทางไปรักษาในสหรัฐฯ ก่อนจะกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน

คณะแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นครโฮจิมินห์ ยังคงบำบัดคนไข้รายนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสื่อของทางการรายงานว่าใบหน้าของเธอดูกลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง แต่จะต้องทำศัลยกรรมตกแต่งกำจัดรอยเหี่ยวย่นให้หมดไป.</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมว่ามันชักจะยังงัยๆซะแล้วครับ
ไม่รู้ว่าตกลงโรคหน้าแก่ นี่มันเป็น "โรค" หรือว่าแพ้เครื่องสำอางค์ หรือว่าโรคอะไร

เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้หลายคน แถมยังเป็นเฉพาะชาวเวียดนาม ซะด้วย


เป็นผลพวงจากพวกอาวุธเคมีหรืออาวุธอะไรแปลกๆ
ที่อเมริกาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนามหรือเปล่า? <!-- google_ad_section_end -->

 

เป็นข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจและมีเหตุผลครับ

 

เตรียมกายและใจก่อนเกิดภัยพิบัติ​

​

​

​

​

​

​

​

เรื่องของภัยพิบัตินั้นเป็นวัฏฏะจักร วงจรของโลกมนุษย์ ที่เคยเกิดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งสุดท้ายที่เคยเกิดก็คือการล่มสลาย ของอาณาจักรแอตแลนติส ที่เคยรุ่งเรืองมากในอดีต

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ย่อมหมุนเวียน เปลี่ยนแปลงไปไม่คงที่ อารยธรรมใดที่รุ่งเรืองจนถึงที่สุดแล้ว ก็ย่อมมีการต้องเสื่อมโทรมลง แล้วดับสลายไปในที่สุด โลกในยุคสมัยนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน กับในสมัยอาณาจักรแอตแลนติส ในยุคสุดท้ายที่ผู้คนมีจิตใจหมกมุ่นในกิเลสตัณหา กามารมณ์ และอบายมุขต่างๆ ทำสงครามกันด้วยอาวุธร้ายแรง(อาวุธแสง) จนพื้นปฐพีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเพราะอาวุธร้ายแรงเหล่านั้น จนทำให้ทวีปแอตแลนติสทั้งทวีป จมหายลงไปในท้องมหาสมุทร

สงครามนิวเคลียร์ของอารยธรรมมนุษย์ในสมัยนี้ ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ก็เป็นการเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์ ในสมัยแอตแลนติสนั่นเอง โดยจะทำให้พื้นทวีปหลายแห่งในโลกนี้ ต้องสั่นสะเทือนไปด้วยอำนาจของระเบิดนิวเคลียร์ จนโลกนี้ไม่สามารถจะทนรับไหวได้อีกต่อไป จึงเกิดการปรับสมดุลอย่างรุนแรง ด้วยการเกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นพร้อมๆ กันไปทั้งโลกเพื่อเป็นการชำระล้างมลพิษครั้งใหญ่ที่มนุษย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาให้หมดสิ้นไป

ในหมู่นักปฏิบัติธรรมทั้งชาวพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ที่ปฎิบัติตามคำสอนในศาสนาของตนเองอย่างเคร่งครัด ก็มีมากมายหลายท่านที่ได้ญาณวิเศษ สามารถมองเห็นอนาคตของโลกนี้ได้ จึงได้เขียนคำเตือนกันออกมาในรูปของคำทำนายต่างๆ มาเพื่อบอกให้คนเราในยุคนี้ได้ทราบถึงภัยพิบัติอย่างรุนแรง เช่นเดียวกัน กับที่เคยเกิดกับอาณาจักรแอตแลนติสในอดีตมาแล้ว

ในหมู่นักปฏิบัติธรรมชาวพุทธของเรา ก็มีคำเตือนออกมาว่า จะมีการกวาดล้างคนชั่วร้ายทั้งหลายในโลกนี้ให้หมดไป เหลืออยู่เฉพาะคนดีมีศีลธรรมเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้ และได้มีคำแนะนำสำหรับคนดีมีศีลธรรม ที่มีโอกาสได้อยู่รอดในโลกนี้ว่าให้เตรียมพร้อมทางด้านจิตวิญญาณเป็นหลักใหญ่ เตรียมพร้อมทางด้านร่างกายเป็นรอง เพราะภัยพิบัติในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายจะกวาดล้างคนไม่มีศีลธรรมให้หมดสิ้นไป

เตรียมกาย 30% เตรียมใจ 70% นี่คือสิ่งที่พระท่านได้สั่งเตือนมา ให้ชาวโลกได้รับรู้ ถ้าพวกเราคิดแต่จะตุนเสบียงอาหาร เพียงเพื่อความอยู่รอดของตนเองและครอบครัว โดยไม่ได้ให้ความสนใจกับการชำระล้างจิตใจ ของตนเองให้บริสุทธิ์แล้วหละก็ จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะท่านก็ยังต้องตกอยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องถูกชำระล้างอยู่ดี

ตั้งใจเป็นคนดี และทำความดี อย่างจริงจังเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยการตั้งสัจจะอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ ว่าท่านจะเลิกทำความชั่วทั้งหมด จะตั้งใจทำความดีทุกอย่างที่ศาสนาของท่านสั่งสอน และทำให้ได้จริงอย่างที่ท่านได้ตั้งสัจจะอธิษฐานนี้เอาไว้ แล้วท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในโลกยุคใหม่ต่อไป -เกษม-

 

ปัญหาการอพยพหนีภัยพิบัติ ท่านคิดหาหนทางแก้ไขไว้หรือยัง?​

​

​

รถไฟประเทศอินเดีย​

​

​

​

รถไฟฟ้าประเทศไทย​

​

รถไฟประเทศจีน​

​

 

<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5868437", true); </SCRIPT><!-- google_ad_section_end -->
<TABLE id=post5849661 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5849661 class=alt1><TABLE id=post2390044 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k_isara<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2390044", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Feb 2008
ข้อความ: 246
พลังการให้คะแนน: 86



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2390044 class=alt1><O</O<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2><SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2390044")</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2><SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("5849661")</SCRIPT></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post5849661 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5849661 class=alt1><TABLE id=post2390044 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k_isara<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2390044", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Feb 2008
ข้อความ: 246
พลังการให้คะแนน: 86


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2390044 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><O</O
31 ส.ค. 52
<O</O
<O</O
ฟ้าหลังฝน
<O</O
<O</O
ในบทก่อนๆ ได้เขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายเทพและมารที่ลงมาในโลกมนุษย์ แต่มีสมาชิกบางท่านเข้าใจผิด คิดว่าผมเขียนไปกระทบผู้อื่น ก็ต้องขอโทษ ณ .ที่นี้ด้วย
<O</O
<O</O
ข้อความวันนั้น ผมได้เขียนต่อเนื่องจากเรื่อง D’sM ที่คุณพี่เกษม ได้แปลบทความของผมไปทางด้านมาร ส่วนผมแปลมาด้านเทพ คุณพี่เกษมได้กล่าวขอโทษเรื่องบทความนั้น ผมว่าไม่ต้องขอโทษ คุณพี่แปลไม่ผิด
<O</O
<O</O
เพราะการลงมาทำงานของทั้งสองฝ่ายมีจุดมุ่งหมายเดี่ยวกัน ในเรื่องของภัยพิบัติ ฝ่ายหนึ่งเก็บ ฝ่ายหนึ่งกัน หน้าที่เทพ จะหาทุกวิถีทางที่จะช่วยคนดี ส่วนทางมารก็จะทำทุกรูปแบบของเขาให้งานเขาสำเร็จ
<O</O
<O</O
ทุกวันนี้ ผมต้องคอยป้องกันไม่ให้คำพูดหรือการนึกคิดของตัวเองไปกระทบผู้อื่นโดยเจตนา เพราะในวัยเด็กแค่คำพูดประโยคเดียวทำให้คนต้องตายไปหนึ่งคน ผู้ร่วมงานในวัยหนุ่มที่ทำงานร่วมกัน เคยทำนายผมว่าผมอายุสั้น สุดท้ายก็ตายไปก่อนวัยอันสมควร ส่วนผู้ร่วมงาน(ลูกน้อง)วันไหนพูดจาไม่ดีหรือคิดไม่ดีกับผม วันนั้นต้องเจ็บตัวโดยไร้เหตุผลและเป็นอยู่เนืองๆ จนตอนหลังผมชวนมาทำงานกับผมอีกก็ไม่ยอมมา<O</O<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย k_isara : 31-08-2009 เมื่อ 10:57 AM
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2390044")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("5849661")</SCRIPT> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post5870819 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->neoReloaded<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5870819", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Dec 2011
ข้อความ: 17
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5870819 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k_97
1 ก.พ. 55 ดงนกขมิ้น

นกขมิ้น เหลืองอ่อน แตกสอง
ดูหมอง หมดสง่า ราศี
แบกปืน เปรอะเปื้อน ราคี
ช่วยที ดำรงค์ คู่ไทย

เอดส์

ตั้งทีม ปกป้อง ผองไทย
อย่าไว้ ใจโรค เชื้อเอดส์
ระบาด ไปทั่ว ประเทศ
สมเพช ผู้ป่วย ทั่วไป

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ตะลึง! สองเดือนยอดโทรปรึกษา“เอดส์” เพียบ เซ็กซ์ไม่ปลอดภัย ตรวจเลือด ยาต้านไวรัส


ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เผยตัวเลขผู้รับบริการปรึกษาทางโทรศัพท์สองเดือน มีคนโทรปรึกษากว่า 1,000 ราย เฉลี่ยวันละ 17 ราย ส่วนใหญ่อายุ 30 ปีอัพ ส่วนมากปรึกษาเสี่ยงติดเชื้อเอดส์จากเซ็กซ์ รองลงมาการตรวจเลือด และยาต้านไวรัส

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เอดส์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยเมื่อพิจารณาจากตัวเลขผู้รับบริการปรึกษาปัญหาเอดส์ทางโทรศัพท์ 0-2372-2222 ของมูลนิธิฯ ว่า มีผู้โทรศัพท์เข้ามารับบริการตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.- 10 มี.ค.อยู่ที่ 1,192 ราย คิดเป็นจำนวนครั้ง 1,675 ครั้ง เฉลี่ยวันละ 17 ราย ผู้รับบริการส่วนใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป รองลงมาคืออายุ 18-30 ปี เป็นชายมากกว่าหญิง 5 เท่า ปัญหาอันดับหนึ่งที่คนโทรเข้ามาปรึกษาคือเรื่องความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย 696 ราย อันดับสองคือปรึกษาเรื่องการตรวจเลือด 193 ราย และอันดับสาม ปรึกษาเรื่องการรักษาด้วยยาต้านไวรัส 125 ราย

นายนิมิตร์ ให้ความเห็นว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าเอดส์ยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพราะมีคนจำนวนมากที่ยังต้องการบริการปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเอดส์ ในรอบสองเดือนกว่าพันราย ยังไม่นับที่โทรศัพท์ไปที่หน่วยงานอื่น และอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่โทรศัพท์ไปปรึกษาใคร เป็นกลุ่มที่น่ากังวลว่าหากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงจริงที่จะติดเชื้อแล้วจะเข้าถึงบริการรักษาได้ทันท่วงทีหรือไม่

“ถ้ารู้ผลเลือดของตัวเอง หากตรวจออกมาแล้วผลเป็นบวก สิทธิประโยชน์เรื่องเอดส์ก็จะครอบคลุมตั้งแต่การจ่ายยาต้านไวรัส การตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือด การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน บริการถุงยางอนามัยสำหรับป้องกัน ซึ่งการตรวจเลือดจะไม่เสียค่าใช้จ่าย ทุกคนตรวจเลือดได้ปีละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง หากรู้ผลเลือดของตัวเองจะทำให้อัตราการติดเชื้อรายใหม่ลดลง ผู้ติดเชื้อแล้วจะเข้าถึงการรักษาซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ” ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์กล่าว และว่า


http://www.manager.co.th/QOL/...=9550000034804<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("5870819")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

20 มี.ค. 55 กองทัพโบราณ

เช้าวานนี้ เห็นตัวเองและครอบครัวในนิมิตรวมตัวอยู่กับคนจำนวนมากมายคิดว่าจะเตรียมหนีภัยจาก กองทัพเพื่อนบ้านสมัย 2112 หรือ 2310 สุดท้ายก็กลับใจรวมตัวกันสู้

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->

 

โปรดอย่าพลาด....
โอกาสทองของท่านมาถึงแล้ว!!!​

ท่านที่ต้องการทราบถึงพื้นที่ที่ท่านอยู่ จะปลอดภัยหรือไม่ จะต้องประสพกับภัยพิบัติอะไรบ้าง ขอเชิญเข้าไปสอบถามจากคุณอัญญาสิทธิ์โดยตรง ได้ที่กระทู้ข้างล่างนี้ครับ

การเตรียมตัว เตรียมใจ ไปสู่ยุคภัยพิบัติ ( 1 2 3 4 5)
Aunyasit

 

ผอ.เขื่อนยัน ไม่กระทบโครงสร้าง
20 มี.ค.55 รายงานข่าวแจ้งว่า มีผู้พบเห็นสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีรอยร้าวลึกบางแห่งลึกกว่า 30 ซม. บางแห่งลึกกว่า 30 ซม.พื้นสันเขื่อนสัก มีถนนลาดยางเอาไว้แต่ แตกร้าว บางแห่งกว้าง 2-3 ซม. รอยแตกร้าวของสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แตกร้าวยาวกว่า 1 กม. ผู้ที่พบเห็นหวั่นว่ารอยแตกร้าว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เสียหายร้าวลึกลงไปอีก
ทั้งนี้ นาย บุญชอบ หอมเกสร ผู้อำนวยการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยืนยันว่า รอยร้าวที่เกิดขึ้น เป็นรอยร้าวบนผิวยางมะตอย บนถนนในเขื่อน แต่ไม่กระทบกับโครงสร้างของเขื่อน เขื่อนยังมีความมั่นคงแข็งแรงดี พร้อมยืนยันว่าการเร่งระบายน้ำในเขื่อนไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยร้าว
ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ยืนยันว่า รอยร้าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงรอยรร้าวของถนนบนสันเขื่อน ซึ่งเป็นยางมะตอย ไม่เกี่ยวกับตัวสันเขื่อนที่เป็นดินและคอนกรีต เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงแข็งแรงดี ขอให้ประชาชนมั่นใจไม่ต้องตื่นตระหนก
สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ดำเนินการพร่องน้ำ ตามนโยบายของรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ มีปริมาณน้ำ ประมาณ 60% ของความจุอ่างทั้งหมด
Mthai News



พ.ต.ท.นิพนธ์ กุลชฤทธิ์ สว.จร. สน.ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ กทม. ได้เข้ามาประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตู้ควบคุมการจราจรแยกวิทยุ ให้ช่วยจัดการจราจร บริเวณถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า เพื่อดำเนินการเปิดฝาท่อระบายน้ำ ทำการวัดระดับน้ำภายในท่อ หาสาเหตุที่ทำให้ถนนเกิดการทรุดตัวลง โดยจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ตำรวจได้ทำการปิดการจราจรบนถนนพระราม 4 ในพื้นราบตั้งแต่เชิงสะพานไทย-เบลเยียมดังนั้นรถยนต์ จะไม่สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทร ไม่สามารถเลี้ยวขวาไปทางถนนเพลินจิต รวมไปถึงไม่สามารถกลับรถใต้สะพาน ไปยังถนนพระราม 4 ขาออกได้ โดยต้องขึ้นสะพาน ตรงไปอย่างเดียว ส่งผลให้การจราจรบนถนนพระราม 4 ขาเข้า หนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้า
Mthai News



ขอบคุณภาพจาก dailynews.co.th
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า นายวีระ ภูลำไย อายุ 18 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ได้ถ่ายภาพติดวิญญาณ โดยนายวีระ เล่าว่า ขณะที่ตนกับเพื่อนกำลังขี่รถ จยย.ไปหาพี่ชาย มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนกันและมีผู้เสียชีวิต ซึ่งตนอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จึงชักชวนเพื่อนไปดู
เมื่อถึงที่เกิดเหตุก็พบมีเพียงซากรถตุ๊กตุ๊กจอดอยู่ โดยไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นแม้แต่คนเดียว เบื้องต้นทราบว่าหน่วยกู้ภัยได้เคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิตออกไปแล้ว ตนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปรถตุ๊กตุ๊กไว้ 2 รูป
จนเมื่อตนมาเปิดภาพดูก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่า มีภาพของชายสูงอายุ รูปร่างผอมสูง ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงสีดำ ยืนเอามือเท้าสะเอว มองดูซากรถตุ๊กตุ๊ก จึงรีบนำภาพไปให้เพื่อนๆ และแม่ค้าที่ตลาดดู ซึ่งทุกคนต่างพากันตกใจและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชายในภาพคือนายวิชา พริ้งชัยภูมิ โชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊กที่ถูกรถชนเสียชีวิต
ทั้งนี้หลังจากลูกชายของผู้ตายดูภาพก็ถึงกับร้องไห้ และบอกว่าชายที่ปรากฏในภาพถ่ายคือพ่อตนแน่นอน กางเกงที่สวมใส่ก็เป็นชุดที่พ่อสวมในวันเกิดเหตุ ส่วนภาพที่เห็นนั้นคิดว่าพ่อคงเป็นห่วงรถ เนื่องจากโดยปกติพ่อจะเป็นคนรักรถมาก
Mthai

 

เพราะถึงคราวต้องบอกแล้ว !!!​

​

คำทำนายเรื่องภัยพิบัติปี 54-55 จากบ้านสวนพีระมิด

itbeauty สมาชิก

คัดลอกมาจากกระทู้ที่ท่าน อ.อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิด ได้เมตตาแสดงความคิดเห็นไว้ค่ะ เนื้อหาดังนี้ค่ะ

เวลาที่เหตุเกิด จะมีทั้งคนที่ตายทันที คือคนอยู่ริมทะเลริมแม่น้ำ อยู่บนตึกสูงเกิน 3 ชั้น และคนบาปคือผิดศีล ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม พวกนี้ไปก่อน อีกพวกหนึ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต และจะหนีไปทางเดียวกัน คือทางที่ไม่รอด ทางนี้มีคนหนีไปมากที่สุด ระหว่างหนีก็จะคิดเสียใจว่าเราไม่น่าประมาทเลย ทำไมเราไม่เชื่อคำเตือน อ.อุบล และ สิ่งที่เห็นเป็นข่าวเช่นญี่ปุ่น ทำไมเราไม่มีที่อยู่ที่ปลอดภัยทั้งที่ เราก็มีเงิน เรามีความพร้อม ทำไมเราต้องมาหนี แล้วเราจะหนีไปไหน จะหนีทันไหม จะกินอะไร จะนอนไหน หนาว หิว กลัว เครียด ช๊อค

แล้วระหว่างทางรถจะติด เพราะแย่งกันหนี แล้วระหว่างรถติด จะมีการปล้นอาหาร ของใช้กัน ฆ่ากันเพื่อเอาตัวเองรอด ตอนนั้นไม่มีใครสงสารใคร มีแต่คนเห็นแก่ตัว ไปร่วมเส้นทางเดียวกัน จะตายเพราะฆ่าฟันกันเอง ตายเพราะสัตว์มีพิษออกมา โดยเฉพาะงู ตะขาบ จรเข้มาตามน้ำ แล้วจะมี ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เสาไฟฟ้าล้ม ไฟดับมืดอยู่กลางทางที่หนี แล้วก็จะมีน้ำซัดมาพาไปทั้งรถทั้งคน บางคนก็ตายทันที บางคนก็บาดเจ็บพิการ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็ตายเวลาต่อมาคนที่รอดก็ประสาทเสีย เพราะเห็นคนตายต่อหน้า ตอนนั้นทุกคนไม่ต้องการเงินทองของมีค่า ต้องการแต่ให้รอดตาย ต้องการที่ปลอดภัย ต้องการคนที่พึ่งพิงได้ ต้องการคนปลอบใจ ต้องการที่อาศัย อาหาร และที่นอน(หลับ)

เส้นทางที่จะรอดปลอดภัย จะไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะนรก สวรรค์ แบ่งแยกเส้นทางไว้ ให้คนจะรอดไปทางหนึ่ง ให้คนจะไม่รอดไปทางหนึ่ง ส่วนเส้นทางที่จะรอด จะมีแต่ผู้มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างทาง จะแบ่งเสื้อผ้า อาหารหยูกยา สนทนาธรรมกัน ที่ไม่รู้จักกันก็จะเป็นเสมือนญาติกัน ระหว่างทางนั้นจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยนำทางจนพบทิศทางสู่ที่ปลอดภัย แต่ก็อาจลำบาก ถ้าหากไม่ฝึกฝน ผจญภัย เพราะสิ่งของเครื่องใช้ไม่มีเหมือนเดิม เทคโนโลยีทั้งหลายจะหายสิ้น ทั่วแผ่นดินจะคืนสู่สามัญ ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเหมือนเมื่อ 50 -100 ปีที่ผ่านมา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ไม่มีแก๊ส ไม่มีรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีคอม ที.วี. ฯลฯ ทุกสิ่งต้องสร้างสรรค์ กันขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

ใครเตรียมสิ่งใดไว้ แล้วยังอยู่ก็จะได้ใช้สิ่งนั้นยังชีพไป แต่ถ้าหมดแล้วก็ไม่สามารถหาซื้อใหม่ได้ เพราะไม่มีคนมีสินค้าขาย ต่างมีแต่ตัวกับเสื้อผ้าที่ติดตัวเพียงชุดเดียว แต่จะมีคนพวกหนึ่งที่อยู่กับบ้าน สถานที่ปลอดภัย วันนั้นไม่ออกไปไหน สิ่งของเครื่องใช้ยังพอมี เขาก็จะได้กินได้ใช้ เท่าที่มี เท่าที่สร้างสมไว้ ปลูกไว้ เตรียมไว้ให้ยังชีพต่อไปได้ คนพวกนี้มีผลกระทบน้อยที่สุดด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่มั่นคงในศีล มั่นคงในพระพุทธองค์ มั่นคงในความเชื่อ และเตรียมตัวล่วงหน้า ศรัทธาไม่เปลี่ยน

ที่เขียนมายืดยาว เพราะถึงคราวต้องบอกแล้ว วันนี้ท่านบอกพอก่อน ขอให้ทุกท่านโชคดี ปลอดภัย อยู่ในอ้อมกอดของพระพุทธองค์...สวัสดี

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด วันที่ตอบ 2011-03-19 01:04:42

ที่มา http://www.baansuanpyramid.com

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ภาคอีสาน ตะวันออก ใต้ ฝน 20-40% - กทม.อากาศร้อนฟ้าหลัว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 20 มีนาคม 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนเป็นแห่งๆ ในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้าทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=left><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อำมหิต! จับเด็กเขมรตัดลิ้นปล่อยเร่ขอทาน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเบาะแสว่า ที่บ้านพักฟื้นเด็กชายแห่งหนึ่ง

ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับตัวเด็กชายขอทานชาวกัมพูชาวัย 7 ปี (ขอสงวนนาม) ที่พิการลิ้นขาดและมีร่องรอยการผ่าตัดที่ลำคอ คล้ายกับถูกตัดกล่องเสียง มาฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยหนูน้อยรายนี้ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมตัวขณะเร่ร่อนขอทานอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง


เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า หลังรับตัวเด็กจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงกลางปีก่อน พบว่าเด็กมีอาการหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา และสื่อสารอย่างยากลำบาก

เพราะไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลสภาพความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด ดูแลประคบประหงมไม่ห่าง จนเด็กเริ่มไว้ใจไม่หวาดกลัว ต่อมาในช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ (ศปคม.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาสอบปากคำเด็กชายคนดังกล่าว


จากการสอบสวนผ่านล่าม โดยให้เด็กชี้กระดาษคำตอบ ที่เขียนคำว่า “ใช่” และ “ไม่ใช่” เป็นภาษากัมพูชา เอาไว้

ได้ทราบเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจว่า เด็กชายรายนี้เป็นชาวกัมพูชา จากนั้นได้ถูกนำตัวข้ามมาขอทานในฝั่งประเทศไทย โดยช่วงที่อยู่ในกัมพูชานั้น สามารถพูดจากับเพื่อนๆ ได้เหมือนปกติ แต่พอข้ามมาฝั่งไทย หนูน้อยให้ข้อมูลว่าไม่สามารถพูดได้ และชี้ไปที่ลิ้นอันกุดสั้นของตัวเอง ด้วยแววตาที่หวาดผวา ส่วนที่คอของเด็กรายนี้ ยังพบร่องรอยแผลเป็นขนาดกว้างเท่านิ้วก้อย ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ว่า มีการทารุณกรรมเด็กด้วยการตัดลิ้นหรือผ่ากล่องเสียงออกจนพิการเป็นใบ้ เพื่อเรียกความสงสารจากผู้คนระหว่างตระเวนขอทาน นอกจากนี้ เด็กยังระบุว่ามีเพื่อนวัยเดียวกัน ที่แขนขาดขาขาดอยู่ในกลุ่มด้วย


เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เด็กรายนี้และเพื่อนที่ถูกบังคับให้ขอทาน เป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ที่ลักพาตัวเด็กมา

แล้วทำทารุณกรรมด้วยการตัดลิ้น แขน ขา ทำให้พิการ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและเรียกความสงสารจากคนใจบุญทั่วไปในการขอเงิน เจ้าหน้าที่จะได้กระจายกำลังสืบสวนจับกุมคนร้ายขบวนการนี้อย่างไม่ลดละต่อไป มีรายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า ในช่วงที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางไปกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ หรือ COMMIT ครั้งที่ 3 ร่วมกับรัฐมนตรีจากประเทศกัมพูชา จีน พม่า ลาวและเวียดนามที่เป็นเจ้าภาพการประชุม เมื่อวันที่ 15-16 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกเรื่องราวของเด็กขอทานเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์มาหารือ หลังจากนั้น ทาง พม.ได้ประสานให้ทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว.
<!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

วันก่อน พึ่งมีโอกาสได้ดูสารคดี ของ NextStep
เรื่องเฮอร์ริเคน แคทรีน่า ที่ถล่มเมืองนิวออร์ลีน ของสหรัฐ ไปเมื่อปี 2005
อยากให้ทุกคนได้ดูจัง จะได้เห็นภาพ ว่าเวลาที่รอดโดยไม่ได้เตรียมการ
มันเป็นยังงัย จากเมืองที่เคยอยู่ ก็กลายเป็นนรกบนดินดีๆนี่เอง

 

ช่วงนี้อเมริกาได้ซ้อมบ่อยหน่อย ++

 

ถ้าถึงคราวต้องบอกแล้ว แสดงว่าใกล้จะเกิดเหตุการเร็วๆนี้เหรอครับ