ด่วน! สำคัญต่ออนาคตประเทศชาติ (ผ่านร่าง พรบ.อิสลาม)

<CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>ด่วน! สำคัญต่ออนาคตประเทศชาติ (ผ่านร่าง พรบ.อิสลาม) </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>
<!--detail--><!--images--><!--images-->ผ่านร่าง พรบ.อิสลาม........... ผ่านการแบ่งแยกการปกครอง
เรื่องเดิม

นายนิเดร์ วาบา นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม / ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ได้อาศัยความเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับความเชื่อถือจาก นายกรัฐมนตรี เสนอการแก้ไข พรบ.บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.๒๕๔๐ โดยอ้างเหตุผลในการขอแก้ไขดังนี้

๑. พรบ. ปี.๒๕๔๐ ได้ก่อให้เกิดการแตกแยก และสร้างปัญหาให้กับสังคมมุสลิมเป็นอย่างมาก การเลือกตั้งทุกระดับทำให้เกิดการแตกแยกอย่างยากที่จะประสานได้
โดยเนื้อหาสำคัญของ พรบ.ใหม่ คือ ใช้การสรรหาแทนการเลือกตั้ง และการตั้งสภาซูรอ ขึ้นมาเพื่อกำกับการดูแล กิจกรรมทั้งปวง เกี่ยวกับศาสนาอิสลามและองค์กรอิสลามทุกองค์กรแทนกรมการศาสนา

๒. “หาก พรบ.นี้ผ่าน สังคมมุสลิมเราจะไปสู่ระบบที่โปร่งใส... จะไม่มีใครบีบบังคับเหมือนเมื่อก่อน... จะได้คนที่มีคุณภาพมากขึ้น มีความคิดความอ่านในการปกครองตนเอง... เราขออำนาจการปกครองตนเอง ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ ของบ้านเมือง ให้พี่น้องมุสลิมแก้ไขปัญหากันเอง...”

ซึ่งสามารถสรุปนัยของการแก้ไข พรบ.อิสลาม ๒๕๔๐ ได้ว่า มีเจตนา แยกคนที่นับถือศาสนาอิสลามออกจากกฎหมายไทย / ออกจากการปกครองของรัฐไทย ดังนั้น การผ่านร่าง พรบ.อิสลาม ก็คือการยอมรับการแบ่งแยกการปกครอง โดยปริยายนั่นเอง โดยคนไทยพุทธก็จะอยู่ภายใต้กฎหมายไทยและคนที่นับถือศาสนาอิสลามก็จะอยู่ภายใต้กฎหมายอิสลาม

ซึ่งปัญหาที่จะตามมาอีกมาก อาทิ เมื่อเกิดความขัดแย้งหรือคดีความระหว่างคนต่างศาสนาและต่างเชื้อชาติ ที่มีอยู่อย่างหลากหลายในประเทศไทยแล้ว จะหาข้อยุติไม่ได้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจากต่างประเทศ ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะอยู่ภายใต้กฎหมายใด เป็นแรงกระตุ้นให้คนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ เรียกร้องขอการปกครองด้วยขนบธรรมเนียมและประเพณีตนเอง
วาระซ่อนเร้นของร่าง พรบ.การจัดตั้งสภาซูรอ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาของพรบ.การจัดตั้ง สภาซูรอ ซึ่งร่างขึ้นโดย คณะกรรมการศาสนา ที่เป็นอิสลาม ๘ คน (รายชื่อดูผนวก) แล้วยิ่งจะพบความไม่ชอบมาพากลหลายๆ ประการ ในมาตรา ๘ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๒๙ ซึ่งส่อนัย

ถึงการให้อำนาจแก่ผู้นำของศาสนาอิสลามในการเข้ามาแทรกแซง / ควบคุมการบริหารราชการของไทย การขยายการศึกษาไปในทิศทางที่รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ และการดูดซับทรัพยากรของคนทั้งประเทศไปสู่กลุ่มอิสลาม ซึ่งบางส่วนก็ถูกนำไปใช้เพื่อทำลายความเป็นไทยพุทธดังนี้.-

๑. มาตรา ๘ บัญญัติว่า จุฬาราชมนตรี มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษา และเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และได้เพิ่มข้อความในวรรคท้ายว่า “คำปรึกษาความเห็นและข้อวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีตามความในวรรค ๑ ให้เป็นที่สุด ส่วนราชการและมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติตาม”

** แสดงให้เห็นว่าคำปรึกษาหรือความเห็น ของจุฬาราชมนตรีคือคำประกาศิต เป็นที่สุด ใครจะโต้แย้งใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น และบังคับให้ส่วนราชการไทย คือ ทั้ง ศาล(อำนาจตุลาการ), อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ จะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้ ดังนั้น จุฬาราชมนตรี ก็จะกลายเป็นเจ้าชีวิตของมุสลิมทุกคน และสามารถบังคับข้าราชการไทย ให้ต้องปฏิบัติตามคำปะกาศิตของจุฬาราชมนตรี ในทุกเรื่อง

๒. มาตรา ๑๓ บัญญัติว่า เมื่อเห็นสมควร กระทรวงศึกษาธิการอาจจัดตั้งอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และอิสลามวิทยาลัยประจำจังหวัดขึ้น เพื่อให้การศึกษาและอบรมทางวิชาการศาสนา วิชาการทั่วไปและวิชาชีพได้

**เพียงแค่โรงเรียนปอเนาะ ตาดีกา ที่เป็นแหล่งเพาะผู้ก่อการร้ายในปัจจุบัน รัฐบาลก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นหากปล่อยให้ขยายขึ้นมาถึงระดับเป็นอิสลามวิทยาลัย และจัดตั้งทุกจังหวัด โดยทั้งผู้เรียน ทั้งครูเป็นมุสลิมทั้งหมดด้วยแล้ว

จะยิ่งไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบการเรียนการสอน การอบรม ในอิสลามวิทยาลัยเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้โอกาสที่อิสลามวิทยาลัยเหล่านี้ จะกลายเป็นสถาบันบ่มเพาะมุสลิมหัวรุนแรง
ระดับปริญญาตรี โท เอก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยดูดเอาทรัพยากร จากภาษีอากรของชาวพุทธไปหล่อเลี้ยง จึงมีความเป็นไปได้สูง

๓. มาตรา ๒๙ บัญญัติว่า “ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด
มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษา และเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลาม
ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการภายในจังหวัด ”

**นี้แสดงให้เห็นว่ากรรมการอิสลามประจำจังหวัดสามารถเข้าไปแทรกแซง
สั่งการการทำงานของทุกส่วนราชการในจังหวัด ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่น และหน่วยราชการต่างๆ ได้ทั้งหมด ถ้าสั่งแล้วใครไม่เชื่อ ไม่ปฏิบัติตาม ก็สามารถรายงานไปยัง
จุฬาราชมนตรี ประกาศิตลงมาบังคับได้ทันที ดังเช่นที่ทำสำเร็จมาแล้วอาทิ
๓.๑ ให้สตรีมุสลิมที่เป็นข้าราชการ ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบ และสามารถแต่งกายโดยใช้ผ้าคลุมหน้าแบบมุสลิม มาปฏิบัติราชการได้

๓.๒ ให้มีวันหยุดเพิ่มขึ้นคือวันศุกร์สำหรับข้าราชการที่เป็นชาวมุสลิม
แสดงให้เห็นว่าชาวมุสลิม มาทำงานสัปดาห์ละเพียง ๔ วัน และมีวันหยุด ๓ วัน มากกว่าคนไทยพุทธ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

๓.๓ มีการเสนอให้ใช้ภาษายาวี เป็นภาษาราชการ และข้าราชการชายนุ่งโสร่ง สวมหมวกปากีเยาะ ไปทำงานได้ เป็นต้น

การดูดซับทรัพยากรจากรัฐบาลไทย
การบัญญัติให้จังหวัดที่มีการจัดสร้างมัสยิดตั้งแต่ ๓ มัสยิดขึ้นไป ต้องจัดตั้งกรรมการอิสลามประจำจังหวัดอย่างน้อย ๙ คนและอย่างมากไม่เกิน ๓๐ คน ซึ่งในปัจจุบันได้มีการเตรียมการขยายการจัดตั้งมัสยิด ไปตามจังหวัดต่างๆ อย่างมากมายเช่น จังหวัดหนองคาย, อุดรธานี, หนองบัวลำภู, ขอนแก่น, ชัยภูมิ และจังหวัดสกลนคร โดยเริ่มแรกจะจัดตั้งเป็นบาลาเซาะคือมัสยิดเล็กๆ ตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล แล้วหลอกให้เด็กตามหมู่บ้านที่ยากจนมาเข้ารับการอบรม ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน เพื่อปูพื้นฐานก่อนจะส่งเด็กเหล่านี้ ไปเข้าเรียนต่อในโรงเรียนตาดีกา โรงเรียนปอเนาะ และโรงเรียน

สอนศาสนาเอกชน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะต้องให้เงินอุดหนุน ตามกฎกระทรวง
มาตรา ๑๕(๒) สำหรับเด็กนักเรียนในระดับชั้นประถม หัวละ ๘,๐๐๐ บาท ระดับมัธยม หัวละ ๑๐,๐๐๐ บาทซึ่งเงินเหล่านี้ก็คือภาษีอากรของคนไทย ที่นับถือศาสนาพุทธ ๙๔ % เป็นส่วนใหญ่ ต้องแบกภาระภาษีไปหล่อเลี้ยงเด็กนักเรียนมุสลิม ซึ่งนักเรียนที่เข้ารับการเรียนด้วยวิธีนี้ส่วนใหญ่ จะกลายมาเป็นแนวร่วมที่กลับมาทำร้ายคนไทยพุทธ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ ตำรวจ/ทหาร และชาวบ้านธรรมดา เพื่อกดดันให้ออกจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ยังพบว่าในปัจจุบัน กลุ่มก่อเหตุยังมีวิธีการดึงดูดงบประมาณ
ของคนทั้งประเทศโดยการ

เผาโรงเรียนสามัญของทางราชการโดยอ้างว่าโรงเรียนคนไทย สอนให้นับถือวัตถุเป็นศาสดา นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า ต้องเผาให้หมดสิ้น แต่เบื้องหลัง

ก็คือต้องการให้เด็กไม่มีที่เรียน แล้วหันไปเข้าโรงเรียนปอเนาะ และโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน เพื่อให้ได้เงินชดเชย ๘,๐๐๐ ถึง ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อคน นั้นเอง ทั้งนี้ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ที่สามารถหาเด็กมาเข้าเรียนได้ จะได้รับ ๑,๐๐๐ บาท ต่อนักเรียน ๑ คน นอกจากนั้นในโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนหลายแห่งที่มีแต่รายชื่อนักเรียน แต่ไม่มีนักเรียนจริง ดังเช่นที่โรงเรียนในเขตอำเภอสายบุรี ๑๐ กว่าแห่ง มีรายชื่อขอเบิกเงินแต่ไม่มีนักเรียน
โรงเรียนดารุสลามในอำเภอระแงะ มีนักเรียน ๔,๐๐๐ กว่าคน ที่มีชื่อเบิกเงิน แต่มีนักเรียนจริงไม่ครบจำนวน โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จังหวัดยะลา มียอดนักเรียน ๖,๐๐๐ กว่าคน แต่มีนักเรียนจริง....... คน อีกทั้งยังเป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ก่อการร้ายอีกด้วย

ซึ่งด้วยวิธีการเช่นนี้ทำให้เจ้าของสถานศึกษาเหล่านี้มีเงินไปสนับสนุน ขบวนการก่อการร้ายเพิ่มขึ้น

-----------------------------------------------------

ผนวก.

พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาซูรอ
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจัดตั้งโดย คมช. และได้รับคัดเลือกให้เป็น คณะกรรมาธิการศาสนา จำนวน ๑๑ คน ดังนี้.-

๑. นายกีรติ บุญเจือ คริสต์
๒. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ พุทธ
๓. นายเสถียรพงษ์ วรรณปก พุทธ
๔. นายวินัย สะมะอุน อิสลาม
๕. นายแว ดือ รมแม มะมิงจิ อิสลาม
๖. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ อิสลาม
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ อิสลาม
๘. นายอับดุลเราะแม เจะแซ อิสลาม
๙. นายอับดุล รอซัค อาลี อิสลาม
๑๐. นายอิสมาแอล อาลี อิสลาม
๑๑. นายอิสมา ลลุตปี จะปากียา อิสลาม


คณะกรรมการที่นับถือศาสนาอิสลาม ทั้ง ๘ คน ได้เตรียมจัดร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาซูรอ สำหรับใช้บริหารองค์กรอิสลาม และเตรียมเสนอเข้าพิจารณาในสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ และจะออกมามีผลบังคับใช้ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐


-------------------------------------------------------


--------------------------------------------------------------------------------


ผมขอให้พวกเราชาวพุทธช่วยกันเผยแพร่ให้ชาวพุทธทุกๆท่านได้ทราบและเรียกร้องให้ยุติการแก้ไข พรบ.นี้โดยทันทีครับ และพวกเราควรทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยุติการแก้ไข พรบ.นี้กันครับ

ไม่เช่นนั้นอีกไม่นาน พระพุทธศาสนา อาจจะหมดไปจากแผ่นดินไทยนี้

พวกเราชาวพุทธต้องต่อสู้และปกป้องพระพุทธศาสนากันด้วยชีวิตนะครับ พวกเราไม่ควรกลัวครับ

ทุกๆคนก็ต้องตายหมดละครับ แต่เราเลือกได้ว่าจะตายเพื่ออะไรครับ อะไรคือสิ่งที่ควรทำ เพื่อพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นบุญใหญ่ในชีวิตนี้ครับ

เพื่อชาติ เพื่อพระศาสนา เพื่อพระมหากษัตริย์

พวกเราย่อมพลีชีพได้ใช่ไหมครับ

ขอบคุณครับ

 

พลีอะพลีได้
แต่กลัวพวกคลั่งสมานฉันท์จะหาทางให้ตายฟรีกันหมดก่อนน่ะสิ
ลุยกันเลยไหม

 

พรบ.อิสลาม

ที่สมานฉันท์นั้นคงเป้นเพียงแผนการของไส้ศึกครับ ตราบใดที่ไส้ศึกยังคุมอำนาจ ทหารไทยคงไม่มีวันรบชนะ แต่จะต้องถึงขนาดสุญสิ้นทหารเลยที่เดียว เพราะส่งลงใต้จับข้าศึกได้คาหนังคาเขา ท่านผู้นำยังสั่งให้ปล่อย นั่นหมายถึงอะไร
สิ่งที่คนไทยคิดไม่ถึงมีอยู่หลายอย่างและมันกำลังจะกลับมาทำร้ายคนไทยอีกทุกๆวัฏจักรสองร้อยกว่าปี สมัยก่อนนั้นเป็นรัฐอิสระหลายรัฐและหลายชาติพันธุ์ ภาคเหนือมีล้านนาไทย กลางมีสุโขทัยและอยุธยา ใต้มีนครศรีธรรมราช ส่วนต่างชาติพันธุ์มีล้านช้าง มลายูปัตตานี้ มอญ และเขมร นครธม รัฐอิสระที่เป็นคนไทยพุทธภาคกลางเก่งที่สุดคือสามารถรวมรัฐต่างๆเป็นประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวคืออยุธยาและต่อมาคือกรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพนั่นเอง
กรุงศรีอยุธยาเสียกรังครั้งที่1 พศ 2112 โดยพระยาจักรีเป็นไส้ศึก ทำการปรับย้ายทหารที่เก่งไปจุดที่ไม่สำคัญ จะเห็นว่าพระยาจักรีไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแต่เป็นผู้นำสูงสุดที่กุมอำนาจทางหทารและเป้นข้าศึกซะเอง เทียบเท่าผู้นำทางหทารสูงสุดคนปัจจุบัน
เสียกรุงครั้งที่2 พศ 2310 เกิดจากพระยาพลเทพและพระยากลาโหม เป้นไส้ศึก ซึ่งไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอีกแล้ว โดยเทียบเท่าผู้นำทางทหารคนปัจจุบันอีกแล้ว โดยทั้งสามพระยามีแผนการที่แยบยล ตัดกำลงัทหารที่ละน้อยและสั่งห้ามทหารทำลายข้าศึก โดยห้ามยิงปืนใหญ่ เปรียบเหมือนปัจจุบันส่งทหารลงใต้ จับข้าศึกได้คาหนังคาเขาแต่ผู้นำให้ปล่อยไป เหตุการเหมือนตอนก่อนเสียกรุงศรีครั้งที่ 1และ2ไม่มีผิดซึ่งไม่มีประเทศไหนที่เขารบกันและทำกันแบบนี้fficeffice" /><O></O>
ถ้าประชาธิปไตยให้ยึดเสียงข้างมากเป้นหลัก ชาวไทยพุทธทั่วประเทศ 94 % ก็ออกเสียงให้ใช้มาตรการเด็ดขาดและบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย แต่ผู้นำสูงสุดก็ไม่ทำ คือไม่ยอมรับเสียงข้างมาก แต่ท่านจะเอาใจคนภาคใต้อิสลามซึ่งมีส่วนน้อยและนับถือศาสนาเดียวกับท่าน ผมเชื่อว่าถ้า 3-4 จังหวัดภาคใต้หลุดไป ท่านผู้นำทางทหารคนปัจจุบันคงจะได้ไปโผล่และดำรงตำแหน่งสำคัญที่รัฐปัตตานีแน่นอน
และตาแก่คาบไปล่หรือคาบกระดูกเป้นคนที่ไม่มีศาสนาแน่นอน เขามีเพียงศาสนาพุทธไว้ในเอกสารราชการ ตามกฎหมายที่กำหนดไว้เท่านั้น และยังคงเป็นผู้ช่วยไส้ศึกที่ดีด้วยที่เขียนกฎหมายอิสลามขึ้นมาควบคุมไทยพุทธ
ถ้าย้อนประวัติศาสตร์ไปสัก50-60 ปีก่อน ท่านจอมพล ป. และจอมพลสฤษ คงเสียใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะหลายๆครั้งที่รัฐปัตตานีประกาศเอกราช ท่านทั้งสองจะไปปราบและทำให้สงบสุขไปสักระยะหนึ่งจนถึงท่านผู้นำคนปัจจุบันจึงเกิดแผ่นดินภาคใต้ลุกเป็นไฟ<O></O>
ผมคงได้แต่เพียงหวังว่ากรุงศรีอยุธยาและกรุงเทพคงไม่สิ้นคนดี ที่จะมากู้เอกราชและประชาอธิปไตยอีกครั้ง ถ้าให้ผมลงไปเป็นทหารภาคใต้ตอนนี้ผมคงเสียใจ เพราะถูกส่งไปตายโดยไส้ศึกและไม่ได้ทำคุณให้แผ่นดิน เพราะถ้าผมเป็นทหารลงไปปฏิบัติการภาคใต้ผงคงทำร้ายข้าศึกถึงขั้นแตกหัก และผมเองคงมีความผิดที่บังอาจขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาคือทำร้ายข้าศึก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนไทยต้องรักกัน สามัคดีกัน และต้องเอาไส้ศึกออกไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นเสียเอกราชทั้งประเทศแน่
ในประวิติศาสตร์ชาติไทย ผู้นำสุงสุดทางทหารนับถือศาสนาพุทธ แต่ช่วงหนึ่งที่คนไทยแตกความสามัคคีทำให้ข้าศึกแทรกซึมเข้ามาและถือกำลังทหารสุงสุดควบคุมประเทศไว้
นายทหารใหญ่ของไทยที่นับถือพุทธและมีศิลธรรมมีอีกมาก ขอให้ท่านแสดงตัวออกมาเพื่อปราบศึก ให้สมกับคำปฏิญาณของท่านโดยเร็วเถิดก่อนที่จะสายเกินไป ถ้าท่านแสดงตัวออกมาข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะถวายชีวิตเป็นราชพลีและแด่พระพุทธศาสนา เพราะถือว่าสมควรแก่เวลา
จะรอคนดีศรีอยุธยาและศรีกรุงรัตนโกสินทร์

 

คำว่าสมานฉันท์ใช้ได้กับคนดี ใช้ไม่ได้กับโจรที่ฆ่าคนได้อย่างหน้าตาเฉย เหมือนทำเป็นอาชีพอย่างทุกวันนี้ จัดการขั้นด่วนทีเถอะ ปล่อยไว้มีหวังจะไม่เหลือทหารอีก

 

อ่านดูแล้วรู้สึกตกใจเลย มันน่ากลัวมาก

 

เกินไปอ่ะ
ถ้างั้นก็เก็บภาษีตัวเอง เลี้ยงตัวเองก็แล้วกัน
ไม่งั้นก็อย่างคุณ Tamsak ว่าไปหาประเทศอื่นอยู่เถอะ
ผมไม่ชอบเหมือนกัน คิดดูสิ มากินบนเรือนขี้บนหลังคา แถมฆ่าคนในบ้าน ฯ
คนอกตัญญูไม่ควรคบ

แต่ถ้ารัฐทำไม่ดีต่อชาวมุสลิมจริง ควรที่จะมีการฟ้องร้อง ไม่ใช่ใช้ศาลเตี้ย

 

ที่พอจะทำกันได้เลย คืออย่าให้พวกไส้ศึกศัตรูใช้กระดานนี้
เป็นเครื่องมือบ่อนทำลายแผ่นดินอีกต่อไป

ใครแหลมเข้ามาคัดค้านการบัญญัติยกย่องพระพุทธศาสนา

ใครด่าว่าท่านที่เสียสละออกมาแสดงพลังเรียกร้องการบัญญัติ
ยกย่องพระพุทธศาสนา

ก็ควรยกเลิกสมาชิกภาพในทันที

ทั้งประกาศให้ชัดเจนว่ากระดานแห่งนี้ มีเป้าหมายเพื่อเชิดชู พิทักษ์
ชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดีต่อ
ราชบัลลังค์ ด้วยความกตัญญูต่อแผ่นดิน และด้วยความสำนึกใน
พระคุณอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรษไทยที่ส่งทอดมรดกอันล้ำค่าที่สุด
คือชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์

คนไทยผู้รักแผ่นดินทั้งปวง จะไม่ยอมนิ่งดูดาย จะไม่ยอมโง่งม ให้
พวกบ่อนทำลายชาติหลอกล่อจูงจมูก แต่จะต่อสู้ทุกรูปแบบเพื่อ
พิทักษ์รักษา ชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไว้ด้วย
ทุกหยาดหยดของเลือดเนื้อไทยหัวใจรักแผ่นดิน ให้สมกับเป็นลูก
หลานไทยอย่างเต็มภาคภูมิ

 

พรบ.นี้ถ้าผ่าน มองยังไงในอนาคตก็เกิดปัญหาแน่ๆ ครับ อะไรกันอยู่ในประเทศไทยก็ควรใช้กฎหมายฉบับเดียวกับเท่าเทียมกันซิจะใช้กฎหมายเฉพาะของตัวเองได้ไง เหมือนเป็นการแบ่งแยกสร้างอำนาจซ้อนอำนาจรัฐขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ในฐานะประชาชนคนไทย ..บอกได้คำเดียวว่ายอมไม่ได้เด็ดขาด..

 

นัยสำคัญส่วนหนึ่งที่คนไทยพุทธไม่ทราบ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของวัตถุประสงค์ที่แท้จิงก็คือ ให้การสนับสนุนคนต่างศาสนาทำการปฎิวัติรัฐประหาร

 

เราต้องไม่บ้าจี้ เต้นสมานฉันท์ ตามที่เขาใช้กลยุทธ์จิตวิทยาหมู่
สร้างความสับสนอ่อนแอกับประชาชนคนไทย

ยืนยันพิทักษ์ปกป้องชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์
เป็นราชพลี

ประณาม ขับไล่ พวกยุยงปลุกปั่น ทำลายแผ่นดินให้สิ้นไปโดยเร็ว
อะไรจะต้านสามัคคีธรรมของเราได้

แต่ต้องเดี๋ยวนี้ครับ อย่ามัวแต่ทอดธุระ ขลาดเขลาไปตามกลอุบาย
ของคนชั่ว รวมพลังให้เข้มแข็งรักษาความเป็นชาติ พระพุทธศาสนา
และพระมหากษัตริย์ไว้ให้มั่นคง

อย่ายอมพวกหนักแผ่นดินแม้แต่ก้าวเดียว

มิฉะนั้นจะเดือดร้อนถึงบรรพบุรุษ ลุกมาร้องว่าไอ้ลูกหลานจัญไร

 

หรือว่าประเทศไทยจะถึงกาล ล่มสลายในคราวนี้...เป็นแน่แท้
หากพวกเราคนไทยทุกคน ยังนิ่งเฉย...ปล่อยให้พวกเขาทำอะไรได้ ตามใจ
ผมคิดว่าเราชาวพุทธ..ควรจะต้องทำอะไร ซักอย่าง..เพื่อปกป้องแผ่นดิน
ของเรา..และพระพุทธศาสนาที่เราเคารพนับถือ....ผมขอร่วมคัดค้าน (ผ่านร่าง พรบ.อิสลาม)ฉบับนี้ด้วยครับ

 

..นายวินัย สะมะอุน.. เห็นชื่อนี้ก็เพิ่งนึกออกว่านายคนนี้นี่เองที่คัดค้านแบบเรียนของนักเรียนที่มีคำว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย จนเราต้องตัดคำว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยออกจากแบบเรียนในสมัยรัฐบาลนายกทักษิณ.. ไม่นึกว่าแกจะมาเป็น 1 ในคณะกรรมมาธิการศาสนาใน สสร.ด้วย อยากรู้จังใครเป็นคนคัดเลือกมาทำไมถึงเลือกเอาคนที่มีจิตอิจฉาริษยาและมีอคติกับพระพุทธศาสนาแบบนี้มาเป็น สสร.ได้ ทำไมไม่หาคนที่กลางหน่อย มีวาระแอบแฝงอะไรหรือเปล่า

 

พรบ อิสลาม

เห็นด้วยกับพี่ตั้มครับ

 

มีอะไรที่พวกเราทำได้บ้างครับ ถ้าเรามามัวแต่พูด แต่พวกมันลงมือทำกันแล้วจะไปทันเกมกันหรือครับ

 

เพื่อนผองชาวเวปพลังจิตครับ
เราจะยอมนั่งเฉยวางอุเบกขาให้พวกมันมาตัดหัวจนหมดประเทศเหมือนในประวัติศาสตร์คงจะยอมไม่ได้แล้ว พี่น้องเอ๋ย...

อันดับแรกเลยผมเสนอให้forward ข้อมูลนี้ไปยังเพื่อนๆพี่น้องทุกๆคนใครๆก็ได้ที่จะส่งไปให้ได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และให้พวกเขาช่วยกันบอกต่อขอร้องแกมบังคับให้ทำเช่นเดียวกัน บอกกล่าวสื่อสารทั้งทางวาจา ทางโทรฯ และทางเมล์ ทั้งทางวิทยุทางรายการต่างๆที่ท่านใดมีช่องทาง เรียกว่าสื่อให้ประชาชนรับรู้ให้มากที่สุดและตื่นตัวให้มากที่สุดเพื่อให้เกิดกระแสรักชาติเกิดขึ้น ยิ่งลงให้เป็นข่าวหน้าหนึ่งตามหน้าหนังสือพิมพ์ได้ยิ่งดี จะเกิดกระแสการติดตามข่าวนี้จากประชาชนเรียกว่าเกาะติด ประชาชนจะออกมาเรียกร้องคอยติดตามดูความไม่ชอบมาพากลจนพวกมันไม่กล้าครับ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลออกประท้วงก่อม็อบทันที พระผู้ใหญ่ท่านรู้แล้วแต่ด้วยความเป็นพระท่านพูดไม่ได้ แต่ฆราวาสบางคนที่มีอำนาจแต่ไม่รู้เรื่องจะได้หันมารับรู้ก่อนที่ร่างนี้จะเข้าสภาแล้วถูกปล่อยออกมาครับ เราจะต้องดึงผู้มีอำนาจมาเข้าด้วยให้ได้ก่อนร่างนี้ผ่านครับ

ใครที่เคยบอกว่าพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ...บัดนี้ ถึงเวลาที่ชาติต้องการท่านแล้วครับ อย่าอุเบกขาอยู่เลย ถ้ามันชนะ เวปพลังจิตจะต้องระวังด้วย มันอาจอ้างเหตุสั่งปิด เพราะมันจะอ้างเหตุว่าทำให้ประชาชนที่ต่างศาสนากันแตกแยก ผมขอลุยไปก่อนเลย แล้วไปเจอกันข้างหน้าครับ....

 

Biculturalism ช่วยได้ Biculturalism คือการให้หลายวัฒนธรรมอยู่ด้วยกันได้ เราต้องยอมรับว่าพวกมุสลิมก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ไม่ใช่พวกเขามีจำนวนน้อยกว่า พวกเขาต้องเชื่อฟังเรา 100% เราต้องยอมเขาบ้าง

ลองดูแคนาดาสิครับ มีสองภาษาราชการ นั้นคืออังกฤษ และฝรั่งเศส การให้มีสองภาษาราชการนั้นก็เพื่อให้พวกฝรั่งเศสไม่ให้โมโหมาก พวกฝรั่งเศษยังมีเมืองที่พวกเขายังเรีอกได้ว่าเป็นหลวงของพวกเขาเอง (Quebec City)

ยอมให้พวกมุสลิมหน่อย เช่นแบ่งภูมิภาคพิเศษสำหรับพวกมุสลิน และตั้งหน่วยของเขาเอง (ซึ่งรัฐบาลไทยยังคงควบคุมอยู่)

ผมไม่ได้ทรยทชาติ ผมก็เป็นคนไทยเหมือนกันครับ ผมรักเมืองไทยเหมือนกัน แต่ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราเถอะครับ

 

Biculturalism can help, it is an allowance of cultures to co-exist. We must agree that the Muslins are also Thai people, and it doesn't mean that they are less they must strictly obey us.

Look at Canada, it has two national languages which are English, and French. It has French so the French people won't get very upset. The French also has their own city which they can call it a capital (Quebec City) of them.

Please be less strict to those Muslins, ie, you can make a special district for them and let them establish a government, which still controlled by the federal government to control it.

I'm not being a traitor, I'm also a Thai person. I love Thailand too. But please just sit in their shoes for a while.

 

เรายอมรับการอยู่ร่วมกันยอมรับในความแตกต่างความหลากหลายทางวัฒนธรรมครับ แต่ถ้าจะให้แบ่งแยกให้มีกฎหมายเฉพาะของเขาแบบนั้นมันก็เกินไป แต่ไหนแต่ไรมาในอดีตภายใต้กฏหมายฉบับเดียวกันเขาก็อยู่กันได้นี่นา แล้วมาวันนี้ทำไมถึงคิดจะแบ่งแยกเสียล่ะ เหมือนเป็นการสร้างอำนาจเฉพาะกลุ่มเขาขึ้นมาเป็นอำนาจที่คนภายนอกยากจะเข้าไปตรวจสอบได้ ก็อย่างที่เห็นๆ อยู่เขาทำอะไรก็มักเป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนเสมอ ยากที่คนภายนอกอย่างเราๆ จะเข้าใจ จริงอยู่วันนี้อาจไม่เห็นผลอะไรชัดเจนนักแต่ในอนาคตข้างหน้ามองยังไงก็มีปัญหาแน่ครับ
<!-- / message -->

 

แค่บางกฎหมาย และไม่ใช่กฎหมายที่ทำให้ถึงขั้นประเทศชาติสั่นครอน(แก้แค่กฎหมายท้องถิ่นเอง) และผมไม่ใช่หมายความว่าให้เขามีอำนาจถึงขั้นตั้งรัฐสภาเป็นของตัวเอง แค่อำนาจในบางส่วนในระดับท้องถิ่น

แต่ว่าถ้าประเทศไทยจะทำอย่างนี้ ต้องวางแผนให้รอบคอบมากๆๆๆๆๆ เพราะถ้าผิดพลาดแล้วอาจจะนองเหลือด