จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917

    สาธุคะ ครูดัชนี

    ยินดีและพร้อมเป็นผู้ให้ตามแบบอย่างของครูทุกท่านคะ

    แต่คงต้องฝึกฝนตัวเองก่อนนะคะ
     
  2. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    อุเบกขาญาณ vs อุเบกขารมณ์ (ของแท้-ของเทียม)

    โมทนาสาธุ สาธุกันท่านชายนก แห่งบ้านรากแก่นด้วยครับ..
    สวดยอดเจงๆ.. ลำ้ลึกๆ.. ท่านอาจารย์สายวิชาการแห่งบ้านรากแก่น.. ได้ตัวแล้วครับท่านพี่ภู..

    ข้าพเจ้าขอเพิ่มเต็มซักเล็กน้อยนะครับ..
    อุเบกขาญาณ เป็นผลที่เกิดจากการวิปัสสนาอย่างต่อเนื่องจนเกิดปัญญารู้แจ้งแทงตลอดเข้าใจธรรมชาติของมวลสรรพสิ่งอันเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งรูปและนาม ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ทั้งที่รู้และไม่รู้ จนละวางจากการยึดมั่นถือมั่นในสรรพสิ่งใดๆทั้งมวล.. แล้วญาณก็ค่อยๆทะยอยมาพร้อมกันทั้งหมดจนเป็นวิปัสสนาญาณทั้ง9
    รวมความว่าอุเบกขาญาณเกิดขึ้นจากปัญญา(ญาณ)รู้แจ้งแทงตลอด จึงวางอุเบกขารมณ์/เฉยๆ

    อุเบกขารมณ์เป็นอารมณ์ของจิตที่วางอุเบกขา/เฉยๆ เกิดขึ้นมาจากอุเบกขาญาณ(หรือกล่าวได้ว่ามาจากกำลังทางปัญญารู้แจ้ง)หนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีอุเบกขารมณ์ที่เกิดจากการทรงฌานสมาบัติ(หรือกล่าวได้ว่ามาจากกำลังฌานสมาบัติ) กดทับอารมณ์ของจิตคือ มีกุศโลบายหลอกให้จิตเพ่งหรือให้จิตหมกมุ่นอยู่กับกุศโลบายนั้นๆ จึงทำให้จิตไม่สนใจต่อเรื่องอื่นๆใดๆที่เข้ามากระทบก็จะทำให้จิตทรงอุเบกขารมณ์เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่สามารถทรงณานได้ยาวๆนานๆ แต่มิได้เกิดจากปัญญาวิปัสสนา เมื่อใดที่ถอยฌานลงมาหรือฌานเสื่อม จิตก็จะกลับไปรับรู้การกระทบเข้ามาและปรุงแต่งจนเกิดอารมณ์สุขทุกข์ (รัก โลภ โกรธ หลง) แล้วก็แสดงออกทางมโนกรรม วจีกรรมและกายกรรมต่อไป.. ทั้งทางกุศลและอกุศล
    รวมความว่าอุเบกขารมณ์ที่เกิดจากการทรงฌานสมาบัติ ถือว่าเป็นการทรงอุเบกขารมณ์/เฉยๆ แบบชั่วคราวเท่านั้น.. ไม่สามารถจะละวางจากสิ่งเล้าหรือกิเลสได้จริงๆและทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะอนุสัยกิเลสที่มันซ่อนตัวแอบอยู่ในเหลือบในส่วนลึกลึกมากของจิต วันดีคืนดีพอมันโผล่ออกมาจิตก็ปรุงแต่งต่อยอดทันที..กับเจ้าอนุสัยตัวนั้นๆ..

    ดังนั้นสาธุชนทั้งหลายควรหมั่นนำจิตเกาะพระและวิปัสสนาอยู่เนื่องๆ จนอินทรีย์แก่กล้าบารมีเต็มเปี่ยมก็จะบังเกิดดวงตาเห็นธรรม.. สาธุสวัสดี..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2012
  3. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    สาธุ โมทนาสาธุด้วยครับ ..จิตบุญดวงใหม่
     
  4. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอส่งต่อผลบุญอันยิ่งใหญ่จากจิตบุญดวงใหม่ให้กับผู้ที่ฝึกจิตเกาะพระทุกคน ขอให้ทุกท่านถึงนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ..สาธุ
     
  5. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233

    ตกลงผ้มเริ่มสับสนแล้วครับ

    ครูเพ็ญหรือศิราณีครับพี่น้องงงงง 5555555555555
     
  6. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ ...
     
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    อยากเขียน ก้อเขียน...

    พึ่งกลับมาจากงานเลี้ยงกับคนญี่ปุ่นครับ

    ท่านอยากรู้ผม อยากเขียนอะไร....

    จิตบุญยกอีกแล้ว ... ศิษย์ครูวิทย์ครับ/ค่ะ

    ท่านคงคิดว่า เค้าจะรู้สึกอย่างไร ศิษย์ยกเอา ยกเอา

    เบื้องหน้า ที่ทุกคนเห็น เค้าคือศิษย์ผม
    ผมไม่ใช่ครับ ผมเป็นเพียงผู้ชี้ทางให้เท่านั้น
    หลังฉาก จิตบุญทุกดวงทำอะไรให้ท่านๆเยอะนะ แต่ไม่พูดกัน ... ช่วยวิปัสสนา ช่วยประคองจิต ไม่เลือกว่าศิษย์ใคร

    ศิษย์ท่านพ่อทั้งหมดทั้งมวล นี่ละครับ บรมครูของเรา

    จิตผมตอนนี้ ว่างๆครับ โล่งๆ ดีใจไหม เสียใจไหม
    ไม่นะ .... กลวงอะ

    แล้วทำ ทำไม.... เหนื่อยไหม

    ยกปุ้บ มาอีก 2-3 เท่า .... ไหวป่าววิทย์
    เหอะๆๆๆๆๆๆ ... ท่านพ่อครับ ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ ผมจะทำๆๆๆๆๆ เพื่อท่านพ่อ เพื่อทุกคน

    ถึงขันธ์จะไปไม่ไหว ใจผมก้อจะทำครับ

    ผมจะหยุดทำเมื่ออยู่บนโลกนี้เมื่อหมดลมหายใจ

    ผมจะทำ ทำๆๆๆๆต่อไป ขึ้นไปแล้ว ก้อจะทำๆๆๆๆๆๆๆๆ

    บรมสุขจากการให้ สุดๆจริงๆครับ

    นี่ผมแค่เศษเสี้ยวธุรีของท่านพ่อ และโคตรครูของผม ยังรับได้ถึงพลัง ถึงสิ่งนี้...

    ทำให้เรารู้ได้เองเลยว่า ท่านพ่อของเรา ท่านรุ้สึกอย่างไร

    ทุกครั้งที่ลูกศิษญ์ยก น้ำในตามันจะไหล ใจเป็นสุข(แต่ข้างในคมกริบ) ...เราทำสำเร็จแล้ว เราทำได้แล้ว ท่านพ่อดีใจแล้ว

    ผมขอเป็นเรือของท่านพ่อครับ ผมจะนำส่งดวงจิตแท้คืนท่านพ่อครับ
    เรือลำนี้จะไม่ยอมรั่ว เรือลำนี้ถึงมันจะบันทุกหนักเพียงไหน มันจะไม่จม
    เรือลำนี้มันจะไม่ยอมพัง ..มันจะไปทุกที่ที่ท่านต้องการ
    ขอเชิญทุกดวงจิตมานั่ง มาพัก มาใช้ประโยชน์จากเรือลำนี้ได้ตลอดเวลา
    เรือลำนี้จะไม่บ่น จะไม่เหนื่อย ..เรือลำนี้มีแต่ให้ มีแต่เมตตาไม่มีประมาณ

    ผมขอแค่นี้จริงๆ ให้ๆๆๆๆ ท่านพ่อจะให้ทำอะไร ผมจะทำๆๆๆๆๆๆทุกอย่าง

    กราบแทบเท้าท่านพ่อและเหล่าโคตรครูของผม

    ผลบุญทั้งหมดทั้งมวลที่ผมได้ทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    ผมขอมอบให้เหล่าจิตบุญทุกท่าน ลูกศิษญ์ทุกคน ผู้ที่กำลังฝึกทุกคน..ขอให้ท่านถึงนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ สาธุ

    ชาตินี้ชาติสุดท้าย ขอทำให้สุดๆเพื่อทุกดวงจิต เพื่อพระพุทธศาสนา ... ผมต้องการเพียงเท่านี้ครับทุกท่าน
    ภาระจะหนักเพียงใด ... ผมไม่กลัว ผมจะทำๆๆๆๆๆ เหมือนพระมหาชนกที่ว่ายน้ำกลางมหาสมุทร ที่ยังไม่รู้จะถึงฝั่งหรือไม่ ..แต่ก้อจะทำๆๆๆๆๆๆ ครับ

    สาธุ
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ธรรมะจากโต๊ะอาหาร

    กิเลส ความอยาก ...
    ความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีคำว่าพอ ..... จริงๆนะ
    อาหารสั่งกันมา สิบกว่าอย่าง ทุกอย่างหน้าตาสวยงาม น่ารับประทาน เมื่อได้ลิ้มรสแล้ว อร่อย ติดใจ มีความสุข อิ่ม ในวันนี้ เราบอกนี่แหละสุดยอดอาหารที่เราเคยทานมา ไม่เคยทานอะไรอร่อยเท่านี้มาก่อน

    จริงๆเราควรจะหยุดความสุดยอดที่นี่ใช่ไหม ก้อมันอร่อยที่สุดแล้วนิ ไม่มีอะไรอร่อยกว่านี้อีกแล้ว

    แล้วทำไม เรายังต้องมานั่งค้นหาว่า มีที่ไหนอีกไหมหนอ ที่จะอร่อยกว่านี้ มันต้องมีสิ ... เอาแล้วไง ทำไมมันไม่หยุดละ
    ทำไมอยากกินอะไรที่อร่อยกว่านี้อีกละ ..แปลกจัง

    อร่อยคืออะไร สวยงามน่าทานคืออะไร บรรยากาศดี คืออะไร

    เราจะปรุงแต่งกันไปถึงไหนนะ ... เราจะหยุดได้ไหมอะ
    เราจะหาทางอย่างไรให้หยุดความอยากในจิตเราได้

    หลายท่านบอก ..ไม่มีทาง จนตายนั่นแหละ
    หลายท่านทำได้แปบนึง ก้อ เอาอีกแล้ว อยากต่อ

    เบื่อกันมั่งไหมครับ ...

    เราจะวางกันได้เมื่อไหร่ ..หลายท่านคงเคยถามตนเอง
    แต่หลายท่านไม่รู้จะทำอย่างไร

    หลายท่านหาทางหลุด แต่พอเจอทาง เดินไปสักพักก้อตัน แล้วเราจะไปอย่างไรต่อ ... ถามตัวเองจนงง งงกลายเป็นท้อ ..ท้อจนหยุด

    แล้วไง ก้อหาทางใหม่สิ ...ถ้าเจอทางที่ใช่ก้อดชคดีไป แต่ที่ผมเห็นส่วนใหญ่ ... ตัน
    กลุ่มนี้ยังดีนะที่มีสำนึกได้ว่า ต้องหาทางหลุดพ้นให้ได้

    แต่กลุ่มใหญ่นี่สิ น่าสงสารที่สุด เค้ายังเมามันกับความอยาก กิเลส มันอร่อยที่สุด มันทำให้เรามีความสุขที่สุด
    ถามจริงๆเถอะ ไอ้คำว่าสุขที่สุดเนี่ย หน้าตามันเป็นอย่างไร ตอบตัวเองได้ไหม ...

    ตาบอดกันเข้าไป หลงกันเข้าไป ให้กิเลสมันหลอกล่อต่อไป ..เอางั้นไหม

    ไปตามหาอาจารย์ทั่วดลก ไปวัดที่สวยงามที่สุด บทสวดที่เค้าว่าดีที่สุด ..ทำไมไม่พ้นอะ งงจัง

    จะวิ่งไปข้างนอกกันถึงไหน วิ่งอ้อมกาแลคซี่สักล้านรอบพอไหม..

    หยุดสะที แล้วมองของดีในตัวเรา
    จิต .... อยู่ข้างใน

    นี่แหละทางสายเอกที่ไม่ต้องวิ่งไปไหนไกลเลย
    เข้ามาศึกษา จิตเราเอง
    ยกจิตเราให้พ้นจากกองกิเลส กองทุกข์ กองสุข ทั้งหลายทั้งปวงที่ไม่เคยเที่ยงเลย

    ขอให้เรามีศรัทธา เชื่อมั่นในพระพุทธองค์
    สิ่งที่ท่านจะนำพาเราไป ไม่มีทางพ้นไปจากทางสายเอก

    เกาะท่านไว้ เกาะท่านไว้แน่นๆนะ

    มาเถอะ มายกจิตกัน

    สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นสิ่งสมมุติ
    จะไปจับ ไปแบกทำไม

    มาตามหาจิตแท้ จิตประภัสสรกันเถอะ

    แล้วท่านจะอยู่เหนือทุกสิ่งที่ไม่เที่ยง

    ท่าจะเบา
    ท่านจะวาง

    มานะ เราไปทางนี้ด้วยกัน

    มายกจิตกันเถอะ

    ธรรมะสวัสดี
     
  9. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917

    สาธุ สาธุ สาธุ คะครูวิทย์ และคุณครูทุกท่าน

    จิตครูเป็นผู้ให้ไม่มีประมาณจริงๆคะ

    โมทนาสาธุการคะ
     
  10. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    จิตเจ้าแจ้งแล้ว จิตแท้เกิดแล้ว
    เจ้าจะเป้นหนึ่งในครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด....ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ..ลูกพ่อ
     
  11. tom tana

    tom tana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +833
    โมทนาบุญด้วยค่ะคุณครูวิทย์. สาธุ สาธุ
    ส่งการบ้านทางเมลแล้วค่ะ
     
  12. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775

    อ่านธรรมมะเรื่องกิเลสทีไรขำทุกที ฮ่าๆๆๆ พอดีทิวเรียนถาปัด ต้องทำงานสนองกิเลสคนในอนาคตค่ะ

    ที่พี่วิทย์กล่าวถึงเรื่องโต๊ะอาหาร คิดถึงตอนที่ตัวเองออกแบบร้านอาหารเลยค่ะ ฮ่าๆ
    คิดแล้วก็ขำตัวเอง พรีเซ้นอาจารย์ไปได้ มีแต่เรื่องกิเลสทั้งนั้น
    โดยเฉพาะ เรื่องบรรยากาศ อิอิ
    แต่มันเป็นงานก็ต้องทำค่ะ ฮ่าๆ
    การบ้านที่ทำอยู่ก็เรื่องบรรยากาศเลยค่ะ ต้องจัดแสงสีให้สวยงามน่ามอง
    ท่าทางตอนทำต่อนี่คงจะขำไปทำไป ฮ่าๆ
     
  13. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    แอโรบิคแด้นส์

    เล่าสู่กันฟัง
    เมื่อตอนเย็นพอดีว่าไปซื้อของที่ห้างโลตัส
    ก็ขับรถวนหาที่จอดก็บังเอิญว่ามีอยู่พอดีช่องนึงก็เลยเข้าจอด
    พอลงจากรถมา ได้ยินเสียงเพลงร๊อคเปิดดังมากๆแล้วก็มีเสียงผู้หญิงพูดผ่านไมโครโฟน เอ้า หนึ่ง สอง สาม หนึ่งสองสาม เอ้าสามสองหนึ่ง ก็อ๋อ..ที่แท้พวกเขาก็กำลังเต้นแอโรบิคออกกำลังกันที่ลานจอดรถของห้าง เราก็เลยยืนดู(ยืนวิปัสสนา)อยู่พักใหญ่ๆ
    เสียงเพลงร๊อคที่เขาเปิดนี่ต้องเรียกว่าได้ใจจริงๆ (ถ้าเป็นสมัยวัยสะรุ่นนะ ยืนอยู่ก็คงจะต้องขยับอะไรในตัวเราเล็กๆน้อยๆบ้างแล้วแหล่ะ..) ทั้งมันทั้งกระแทกทั้งกระหึม..สุดๆจริงๆ ยังๆ ยังไม่พอมีครูฝึกเต้นใส่ไมค์แหนบที่หัวจ่อที่ปาก(แบบไมค์ลอยน่ะ) คอยเร่งคอยเร้าให้มันกันเข้าไปใหญ่..
    เราเข้าไปยืนดูด้วยจิตที่นิ่ง วางอารมณ์เฉยๆอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความที่จิตมันนิ่งนี่ คลื่นเสียงที่โคตะระดังกระหึมจากจังหวะเพลงร๊อคนี่มันกระแทกเข้ามาถึงดวงจิตเลย (มันไม่กระแทกที่โสตหูของเราเลย.. แต่มันเป็นคลื่นพลังงานพุ่งเข้ามากระแทกที่ดวงจิตเลย) เหมือนว่าดวงจิตเราเป็นลูกอะไรสักอย่างที่มันกลมๆแล้วมีคนเอาค้อนปอนด์มาเหวี่ยงทุบสุดแรงเกิดใส่ดวงจิตเรา ปัง ปัง ปังๆๆๆๆๆ ตามจังหวะของเพลงร๊อคนั้น.. เราก็เลยยืนวิปัสสนาซะเลย.. ได้ธรรมะมาฝากดังนี้:-
    - ถ้าผู้ฝึกท่านใดที่ชอบหนักๆสุดๆนะ(แบบซาดิสน่ะ) นี่แนะนำเลยไปยืนวิปัสสนาเวลาเขาเต้นแอโรบิคร๊อคเลย.. เวลากระทบนี่ซัก10ริคเตอร์เห็นจะได้ กระทบเกือบทุกอายตนะเลย รูป กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ยกเว้นรสชาติอย่างเดียว กระหน่ำเข้ามาพร้อมๆกันทุกทางและรุนแรงด้วย แล้วลองดูซิ เอาอยู่ไหม? สติตามรู้ ดูอารมณ์ตัวเองว่าเป็นอย่างไร.. เราจะได้ฝึกสติปัฏฐาน4ทีเดียวมาพร้อมๆกันเลย(4 in one) คือ กาย เวทนา จิต ธรรม..
    - การเต้นแอโรบิคร๊อคนี่ เป็นการเพิ่มความกำหนัด ยินดี ตื่นเต้น มัน เร้าใจ เร่งเร้ากิเลสตัณหาของคนเราให้เพิ่มขึ้น คือ รัก โลภ โกรธ หลง แต่ว่าจะเป็นตัว"หลง" อยู่ซะมากกว่า.. นี่มองในด้านลบนะ
    - แต่พอมองในด้านบวก ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังแบบหนึ่งของยุคสมัยนี้.. เป็นการดูแลธาตุขันธ์ของตนเอง อย่าให้มันผุพังเร็วก่อนเวลาอันควร
    - สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับจิต สติและปัญญาของบุคคลผู้นั้นๆเองว่า สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดเป็นกุศลและสิ่งใดเป็นอกุศล

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญใจธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ..
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ สาธุ เป็นล้านๆครั้งทีเดียว
    ผู้ที่ยกจิตเป็นจิตบุญ ดวงที่ 24
    ดีใจที่ได้ดวงจิตเดิมแท้กลับมากันนะ
    (จิตเดิมแท้ ก็คือ จิตประภัสสร)
    ยินดีต้อนรับ แห่งจิตบุญ จิตเกาะพระ

    และอย่าลืมนำธรรมะ หรือเรื่องราวในการปฎิบัติว่า ทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ
    ถ้า(จิต)สำเร็จแล้ว พวกเราโดยเฉพาะจิตบุญทั้งหลาย
    กรุณาสร้างบุญถัดไป ก็คือ แสงในดวงจิต ก็คือ การสร้าง การช่วยพวกเราโดยเฉพาะที่จิตที่ยังไม่ได้ยกกัน
    ช่วยๆกัน
    อย่าไปแอบสุขแต่ผู้เดียว

    และอย่าเป็นจิตอรหันต์เห็นแก่ตัว
    ขอให้ชาวจิตบุญ ทำงานแทนท่านพ่อ และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็คือ ช่วยทำหน้าที่ยกจิตมนุษย์ อมนุษย์กันนะ
    เพราะพวกเขาเหล่านั้น ยังจมกับกองกิเลสทั้งปวง ยังเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่
    ยังเป็นทุกข์กันอยู่
    แต่ในขณะที่พวกเรา จิตบุญเสวยสุข หรือที่กำลังขำกลิ้งกันอยู่นั้นเลย
    ขอให้เมตตาพวกเขามากๆ

    ขอให้ดูผมเป็นตัวอย่าง ผมมีความเมตตามาก มากจนต้องขนาดเอาชีวิตตนเองเข้าแลก
    เพื่อช่วยจิตที่กำลังทุกข์กันอยู่นั้น แต่พวกเขาไม่รู้ว่า พวกเราทำเพื่อเขาเหล่านั้น
    ขอให้พวกเราทำไป ไม่ต้องให้มนุษย์ด้วยกันรู้ แต่เบื้องบนท่านรู้
    เพราะนอกจากพวกเราปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบเพื่อตนเองแล้ว ดีแล้ว รอดแล้ว
    ขอให้พวกเราพยายามช่วยกันยกจิตท่านอื่นๆกันนะ
    ขอให้พวกเรามาเริ่มกันที่สนใจจิตของตนเองก่อน อย่าไปสนใจจิตของผู้อื่น
    แต่ถ้าจิตตนเองรอดแล้ว ต่อไปเราถึงจะไปช่วยจิตผู้อื่นๆกันได้

    ก่อนจะปฎิบัติธรรม อยากรู้ธรรมะ อยากมีดวงตาเห็นธรรมกัน
    เราก็ควรหันมาสนใจจิตของตนก่อน
    และให้ความสนใจเรื่อง สติกันให้มากๆ ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงกระแสจิตของตนได้
    เพราะถ้าเราอยากมีดวงตาเห็นธรรม อยากเข้าถึงกระแสธรรม เราก็ต้องเข้าไปให้ถึงกระแสจิตของตนเองก่อน

    แต่ทั้งหมดนี้ ทั้งกระแสธรรม กระแสจิตนั้น
    เราจะต้องเริ่มต้นกันที่ ตัวสติกันก่อน
    ขอให้พวกเราคอยสังเกต สำหรับผู้ที่มีสติไม่มากพอ เพราะฉะนั้นแล้วการปฎิบัติธรรม หรือการตามดูจิต
    หรือทำจิตเกาะพระนั้น จะยังไม่ไปถึงไหน หรือไม่ค่อยเจริญในธรรม ไม่ค่อยจะก้าวหน้าในศีล ในธรรมกันเท่าไหร่
    ก็เพราะพวกเราสติมีน้อย ศีลธรรมก็พลอยหดหายตามไปด้วย
    สติหาย ศีลธรรมบกพร่อง ก็เลยทำให้กำลังใจ หรือบุญบารมีของตนก็เลยหายตามไปด้วย

    จึงขอเตือนพวกเรา ผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ขอให้พวกเราเริ่มต้นที่สติก่อนอื่นใด
    โดยเริ่มต้นที่สติ สติเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆกันแล้ว ศีลและธรรมก็จะตามเอง
    เพราะสติมีมากพอแล้ว จิตก็จะเป็นสมาธิ หรือทรงฌาน แล้วปัญญาจึงจะเกิดตามมาทีหลัง
    เมื่อมีปัญญากันแล้ว ก็ขอให้พวกเราต่อต่อวิปัสสนา
    (อันนี้จะพูดถึงตามลำดับ ขั้นตอนตอน การเดินทางของจิต ซึ่งหลังทำจิตเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว
    จิตจะทำวิปัสสนาของเขาเอง เรารู้แค่ว่าจิตเราทำอะไร อยู่ที่ไหน แค่นี้เอง หรือเป็นผู้ดูหนัง ดูละครที่ดี)

    และตรงนี้แหล่ะที่ผู้ปฎิบัติจะงงมาก หลังจิตตนเองยกไปแล้ว ก็ยังไม่หายงง เพราะเรามีสติตามไม่ทัน
    เพราะจิตนั้น เดินทางได้ไวกว่าแสงหล้ายล้านเท่า

    ชาวจิตบุญ หรือครูทั้งหลายมีอยู่หลายท่าน ที่เขาทำจิตเกาะพระกันได้แล้ว เขาจะรู้ที่มาที่ไป
    การเดินทางของจิต เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ตามลำพังเราดูแลกันไม่ทั่วถึง
    เพราะฉะนั้นเราจะต้องมาให้ครูช่วยแนะ ช่วยดูแลกัน
    เรามีครูแนะนำหลายท่าน คุณๆก็เลือกเอาตามใจชอบ ตามจริตของคุณเถิดนะ
    เพราะพวกเรา จิตบุญทั้งหลายมีแนวทางแนวกันหมด ก็คือ อาสามาช่วยยกจิตกัน

    จึงเป็นโอกาสที่ดี สำหรับคนที่กำลังทำจิตเกาะพระ และผู้ที่หลงเข้ามาอ่อน
    ตรงนี้ผมให้เกียรติ ให้ความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งหมด ไม่ได้ยกเว้นท่านมาจากไหน
    สีอะไร ชาติไหน รวยหรือจน หญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ขาวหรือดำ สูงหรือต่ำ สวย/หล่อหรือขี้เหร่
    พิกลพิการ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นทุกขเวทนาต่างๆ
    พวกเรายินดีช่วยยกจิตของพวกคุณทั้งหลาย
    โดยมิได้หวังผลตอบแทน แม้นกระทั่งคำชม หรือขอบใจ ขอบคุณ
    เพราะว่า คำว่า จิตบุญนั้น จิตพวกเขาตั้งอยู่ระหว่างกึ่งกลาง หรือความเป็นกลางนั่นเอง
    เพราะจิตรู้แล้ว เข้าใจแล้ว และก็ปล่อยวางแล้ว
    จิตมิได้ไปวิ่งตามตรงนั้น จิตเป็นอุเบกขาญาณแล้ว
    เพราะอะไรมากระทบจิต ก็ได้แค่รู้ รู้แล้วก็วาง เท่านั้นเอง
    จึงไม่มีผลต่อจิตบุญทั้งหลายกัน

    ผู้ที่กำลังทำจิตเกาะพระ หรือท่านที่ไม่แน่ใจ
    กรุณาได้โปรดใช้สติปัญญาของท่าน เท่าที่มีอยู่ อ่านอย่างมีวิจารณญาณ
    แล้วท่านจะรู้ได้เอง

    สำหรับผู้ที่มีปัญญาทางโลกเยอะ มักจะถูกขัดขวางการเดินทางของจิตตนเอง
    หรือมักประสบความสำเร็จในธรรมยาก เพราะอวิชชา คือความไม่รู้จริง จิตเป็นมิจฉาทิฎฐิ มันมีกำแพงกั้นอยู่
    เพราะเนื่องด้วยที่พวกเรามีแล้ว เช่น ยศฐาบรรดาศักดิ์ หรือด้วยอาชีพ ตำแหน่งหน้าที่นั้นมันดูใหญ่โตเกินไป พอมีเหล่านั้นกันแล้ว แต่วางไม่เป็น
    สำหรับผู้มี แล้ววางไม่เป็นก็จะเจริญในธรรมยาก

    ผมจึงแนะให้ผู้ปฎิบัติว่า เราไปรู้อะไรมา ทำหน้าที่การงานอะไรก็ให้พวกเรานั้น วางก่อน
    เพราะจิตจึงไม่มีพันธนาการมาก
    เราจึงจำเป็นจะต้องทำจิตให้ว่างมากที่สุดก่อน ทำจิตให้เบา สบายที่สุดก่อน
    ถึงจะมาดูเรื่องจิตกัน

    ***ปัญญาทางโลก เท่ากับสัญญาในทางธรรม เท่านั้น
    เพราะความรู้ที่เราได้จากการเรียนรู้ หรือตำรานั้น เรารู้เพราะสมองเราต่างหาก แต่สมองนั้นเรานั้นก็ไม่เที่ยง คือจดจำได้แต่ไม่นานนัก
    มีแต่จิตเท่านั้น ที่จะจดจำข้ามภพ ข้ามชาติ
    และบุญบารมีของตนก็เหมือนกัน***


    ปล. ทำไมหมู่นี้คนยกจิตกันไว กันบ่อย ก็เพราะว่า มีคนอีกจำนวนหนึ่งที่พวกเขากำลังสุ่มฝึก ทำจิตเกาะพระกันมากขึ้นในขณะนี้ นั่นเอง
    และใช้ดี จึงบอกต่อ เหมือนยี่ห้อยาสีฟัน หรือสีทาบ้าน ดังโฆษณาของบริษัทแห่งหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มิถุนายน 2012
  15. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    จิตเริ่มสบายๆ แล้วล่ะสิน้องทิว
    โมทนาสาธุค่ะ
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องบุญ กุศล
    พวกเราจะต้องรู้วิธีการได้มา หรือวิธีการสร้างบุญของตนเองด้วยนะ
    เพราะพวกเราไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่า เราอยู่เฉยๆนั้นจะได้บาปด้วยหรือ?
    จะได้บุญด้วยหรือ

    เพราะอย่าลืมนะว่า
    เรานั่งอยู่ที่บ้านเพียงลำพังคนเดียวนั้น
    จิตเราเป็นบุญหรือว่าเป็นบาป เราก็รู้ได้คนเดียว เราจะต้องตอบตนเองได้

    ขอเจาะลงลึกไปอีกนิดว่า แค่คิดก็ผิดแล้ว ติดลบแล้ว สำหรับผู้ส่งจิตออกนอก

    แต่ถ้าส่งจิตออกนอกในลักษณะพิจารณาธรรม เห็นธรรม อันนั้นคนละเรื่องกันนะ อย่านำมาปนกัน
    หรือส่งจิตออกนอก เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับผู้อื่น อันนี้ดี

    แต่ที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ที่ส่งจิตออกนอกที่ไปแช่ง ไปด่าว่าร้ายอยู่ภายในจิตของตนนั้น หรือผู้ไม่เคยให้อภัยคน หรือสัตว์ที่มาทำร้ายตนก็ตาม
    คือผิดศีลละเอียดแทบทั้งสิ้น
    (ศีลละเอียดนี่ จะเน้นมโนจิตเพียงอย่าเดียว)
    หรือคิดนึกไปในทางที่ผิด ไม่ดี ถือเป็นบาป เป็นอกุศลทั้งสิ้น
    อันนี้ยังมิได้หมายถึงศีลหยาบกันนะ

    พยายามเจริญพรหมวิหารกันให้เยอะๆ ถ้าไม่อยากให้ดวงจิตไปตกอยู่ในแดนอบายภูมิ

    ธรรมะใครๆก็พูดได้ แต่พูดไปแล้ว คนอื่นๆจะเข้าใจง่ายๆแบบเราไหม๊
    และจะกระทำตามได้โดยง่ายนั้น อันนี้ยาก
    เพราะเคยพูดไปแล้วว่า ธรรมะนั้นจึงไม่มีใครสอนใครได้
    นอกเสียจากผู้นั้นลงมือปฎิบัติเอง เห็นเอง ชอบเอง เพราะเป็นปัจจัตตัง
    หรือตัวเราเองเท่านั้น ที่จะต้องไปพิสูจน์เอง

    แต่ถ้าจิตผู้ใครนิ่งดีแล้ว ก็จะสามารถสัมผัสธรรมะอันนั้นได้ และอย่างง่ายดายทีเดียว
    คือเห็นด้วย เข้าใจด้วย มีความเห็นไม่ขัดแย้ง
    เพราะจิตถ้าเข้าถึงธรรมชาติ ธรรมดา หรือพระไตรลักษณ์แล้ว
    จะเป็นจิตพุทธะ หรือจิตพบธรรมตัวเดียวกัน
    เออออห่อหมกไปด้วยกัน หรือเป็นสีเดียวกัน
    เหมือนมีดวงใจอันเดียวกัน อะไรแบบนั้นเลย

    เพราะฉะนั้นแล้ว สำหรับผู้ที่มีจิตที่จะต้องตกอยู่กับความทุกข์ยากไปกันตลอดชีวิต
    ก็เพราะว่าผู้นั้น จิตไม่มีศีล ไม่มีธรรมประจำกาย ประจำจิตใจ นั่นเอง

    แต่ถ้าผู้ใดเห็นทุกข์เบื่อแล้ว นั่นหมายถึงจะเริ่มเบื่อกาย นั่นเอง
    อีกไม่นาน จะพบธรรม จะพบนิพพานกันในที่สุด
    จะช้าหรือเร็วนั้น ก็จะขึ้นอยู่ที่ความเพียร
    สำหรับผู้มีความเพียรพร้อมแล้ว
    แต่อย่าไปมองข้ามศีล หรือเรื่องกรรมโดยเฉพาะกรรมไม่ดี
    แต่จะขอกล่าว เฉพาะกรรมที่หนักมากๆก่อน
    (โดยเราจะต้องกล่าวการ และทำการขอขมากันให้ถูกต้อง+ความสำนึกผิดอย่างจริงใจ เช่น ถ้าใครขออมาแล้วจนน้ำตาตก อันนี้ใช่เลย คือกระทำการสำนึกผิดด้วยความจริงใจจริงๆ)
    ได้แก่
    ***กรรมทำแท้ง (ปรึกษาหลังไมค์ ถ้าใครติดกรรมตรงนี้)
    ***กรรมไม่ดีกับคุณพ่อ คุณแม่(น้อยใจก็บาปหนักเหมือนกัน สรุปแล้วขอให้พวกเราคิดซะว่า ท่านก็คือ พระอรหันต์ในบ้านของตน พวกเราจะต้องยกท่านทั้งสองนี้ไว้ให้เหนือหัวกันเข้าไว้)
    ***กรรมที่ล่วงเกินพระรัตนตรัย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


     
  17. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ฮ่าๆๆๆ เห็นภาพเลยพี่ภู ช่างเปรียบเทียบจริงๆ
    พี่ภูเป็นยาสีฟัน พี่เพ็ญเป็นสีทนได้ เอ๊ย...ไม่ใช่! สีทาบ้าน 5555
    จิตมันช่างเบิกบาน ไม่รู้จะขำไปถึงไหน
    (รู้นะว่าพี่ดัชขำท้องคัดท้องแข็งอยู่)
    ลืมพี่ลูกพลังไปได้งัย....ยาหม่อง ใช้อาบและทาในเวลาเดียวกัน 555
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องสติปัญญา
    อดกล่าวถึงไม่ได้เลย หรือว่าบ่นนั่นแหล่ะ
    ตอนนี้ผมเห็นผู้มีปัญญามาก ในขณะนี้นะ คือ
    ครูเพ็ญ(หญิงเหมี่ยว ครูสุดแสนจะเมตตา)
    ครูดัช(หม่องดัช คฝปค.จกพ. ครูฮาร์ดคอร์ สำหรับผู้ทำไม่จริง ควรหลีกห่าง...คิคิ)
    คุณวิทย์(ปัญญาพยายาม จนได้ดี ใจดี ขำขัน)
    น้องหนู(ปัญญาขำขัน หนุกหนาน แต่แฝงคมกริบ พร้อมเชือดกิเลสตายคามือ)
    นกชาย(ปัญญาสดๆ ไม่มีสคลิปต้องท่านนี้ ปัญญาคมกริบ วิชาการดีมาก)
    นกหญิง(ปัญญานานๆจะโผล่ทีนึง เพราะภาระหน้าที่)
    คุณแสงจันทร (กจิตำลังเข้าสู่วิปัสสนาญาณ ท่านนี้จำตากันให้ดีๆ เพราะจิตเธอไม่ธรรมดา คุณแสงจันทร์ผมแนะไปเกาะกับครูดัชนะ เพราะมีญาณคล้ายๆกัน)
    คุณลูกพลัง (ปัญญาท่านสูงส่ง วิชาการเต็มหัว อย่าลืมนำมาฝากกันด้วยเด้อ อ้าย น้องรอท่านอยู่)
    ลูกหว้า (ปัญญาใสปิ้ง บริสุทธิ์ไม่มีใครเหมือน อยู่เฉยๆเธอก็ดีมาก แต่ไม่เฉยกลับชอบไปช่วยผู้อื่นเสมอๆ จิตใจแกดีมาก มีน้องฟ้า น้องทิวลิป จิตไม่ห่างกัน เกาะกันเข้าไว้นะ ถึงจะต่างหน้าที่ภาระในทางโลกก็ตาม ในที่สุดพวกเธอทั้งหลายจะต้องมาทำหน้าที่เหมือนกัน ในปั้นปลายท้ายชีวิต)
    (ตัวอย่างๆ เดี๋ยวกำลังมีอีกเพี๊ยบ กำลังจะตามกันมา)

    ใครรู้ตัวว่าเป็นผู้มีปัญญา ก็หมั่นพยายามฝึกฝนกันต่อไป
    อย่าเป็นเหมือนดาบที่ผมในฝักกันนะ
    เพราะถ้าผู้ใดที่มีปัญญามากๆนั้น แต่มิได้ใช้ก็ไม่ต่างกับดาบที่คมในฝัก
    เพราะปัญญามีไว้ใช้ ใครฝึกใช้บ่อยๆ ปัญญาก็เพิ่มพูน คล่องแคล่ว ว่องไว
    โดยเฉพาะกับจิตที่กำลังจะผ่านวิปัสสนากันก็ยิ่งแล้ว

    นั่นจะหมายถึง จิตที่เกิดหลังฌาน หลังวิปัสสนาสำเร็จ
    จิตก็จะกลายเป็น จิตพุทธะ จิตวิมุตติ จิตประภัสสร
    และท้ายที่สุด จิตก็จะเกิดเป็นญาณ
    ญาณ ที่แปลว่า การหยั่งรู้
    อะไรๆก็จะรู้ไปทั้งหมด แต่รู้แล้วเราจะต้องวางนะ
    แต่ใครไม่รู้จักวางกันนะ เดี๋ยวจิตก็จะไปหลงยึด หลงมีอัตตาตัวใหม่กันเข้ามา อันนี้ยิ่งกว่าตัวกิเลสหยาบกันอีกนะ
    แค่กิเลสหยาบ กลาง ละเอียด ว่าเราปราบยากกันแล้วนะ
    อัตตาตัวหลังนี้ก็ยิ่งบ้าเข้าไปกันใหญ่ แต่ถ้าใครหลงเข้าไปยึด

    จำกันให้ดีดีนะ
    พระพุทธเจ้าท่านก็เคยปฎิบัติให้กับพวกเราเห็นเป็นตัวอย่างกันมาแล้ว
    พระองค์ท่านปฎิบัติเพื่อ ความหลุดพ้น

    แต่พวกเราหล่ะ!
    ปฎิบัติธรรม หรือทำจิตเกาะพระกัน เพื่ออะไร???


    (ไปตอบกับตนเองให้ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มิถุนายน 2012
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    Show Off Vision


    พี่ภูอยากให้ชาวจิตบุญ
    หรือจิตที่ยกกันแล้ว มาบอกเล่าถึงอาการ ความรู้สึก(feeling หรือตัวรู้)ของจิต(Mind
    หรือผู้รู้)ให้กับผู้ที่กำลังทำจิตเกาะพระ หรือผู้ที่หลงเข้ามาอ่านกัน

    บอกเล่า9สิบ ให้กับพวกเขาไป เพื่อเป็นธรรมาทาน
    ช่วยกันชี้แนะแนวทางเดินของจิตให้ถูกต้อง
    หรือมรรค ผล นิพพาน (จบ)

    ว่าจิตเกาะพระนั้น มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร
    จิตเดินทางตรงนั้นเป็นเช่นไร
    การที่จะเข้าไปให้ถึงกระแสจิต กระแสธรรมนั้น มันเป็นเช่นไร
    จิตที่ยกแล้วแตกต่างกับจิตที่ไม่ยก อย่างไร

    จิตเกาะพระนั้นช่วยทำสมาธิดีขึ้น ทรงฌานได้สูงอย่างไร
    จิตเกาะพระนั้น ช่วยให้มีดวงตาเห็นด้วยหรือ?
    จิตเกาะพระนั้น นำพากันไปพระนิพพานด้วยจริงๆหรือ?
    หรือว่าเป็นอุปาทาน กิเลสกินหัวกระบาลกันแน่

    (อันนี้ผมเป็นตัวแทน ที่ไปรับรู้จิตคนภายนอกมาให้ แต่เขาไม่กล้าถามกันตรงๆ เพราะความไม่รู้จริง เกรงว่าจะปรามาสผู้ปฎิบัติ นั่นเอง)

    ใครมีเมตตาก็ตอบให้พวกเขาหายข้องใจด้วย
    ผมขี้เกลียดบ่น และบ่นมามากแล้ว
    นกชายมาไวๆ ก่อนเลยเรา
    ตามด้วยคุณวิทย์ น้องหนู แสงจันทร
    และโดยเฉพาะจิตบุญน้องใหม่

    แต่ครูเพ็ญของเที่ยง ต้องมาด้วย ในฐานะครูเหมียว คือครูใหญ่ Principal


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มิถุนายน 2012
  20. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    ค่ะ พี่น้องหนู ปล.ส่งการบ้านเมื่อวานไปแล้วค่ะ รวมถึงข้อสอบด้วยค่ะ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...