ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย hellotawan, 10 กรกฎาคม 2012.

  1. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ออกมานานสักพักแล้วครับ แต่เหรียญนี้เป็นเหรียญแท้ ที่ถ่ายออกมามีตำหนิชัดที่สุดครับ ลองสังเกตดู แต่ผมบอกรายละเอียดไม่ได้ครับ เพราะไม่ชำนาญ และเดี๋ยวคนทำปลอมจะล่วงรู้จุดตาย แต่ผู่เชี่ยวชาญบอกว่าภาพนี้ชัดที่สุดแล้ว
     
  2. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
  3. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG] [​IMG]
    credit : พระเครื่อง ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์ : เว็บ-พระ.คอม (ขอบคุณเจ้าของภาพ ไม่ได้แปลว่าเหรียญนี้ไม่แท้น่ะครับ นำมาให้ดูว่ามีหน้าตาอย่างไร)

    เหรียญรุ่น ๒ เหรียญนี้สร้างเมื่อครั้งอยู่วัดเขาเขียว สุพรรณฯ
    เป็นเนื้อทองแดงรมดำ จำนวนสร้าง 5000 เหรียญ หลังเหรียญเป็นยันต์ครูของท่าน อ่านว่า พุทโธ หนุนด้วย นะโมพุทธายะ ถือเป็นเอกลักษณ์ ใครที่เคยไปสักกับท่าน จะต้องลงตัวนี้ก่อนเสมอ

    แต่! ต้องระมัดระวัง
    เหรียญนี้มีจ่ายแจกไปเพียงประมาณ 1000 เหรียญเท่านั้น
    อีก 4000 เหรียญ ได้ถูกขโมยออกไปจากกุฏิหลวงปู่ และบล๊อกก็ยังล่องหนไปด้วย
    เหรียญนี้จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะหลวงปู่เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งต่อหน้าศิษย์นับร้อยว่า ของขโมยเอาไปใช้ก็ไม่ดีหรอก แล้วก็มักมีคนนำเหรียญนี้มาปล่อยครั้งละเยอะๆ น้อยๆ ไม่ขาย แต่ขายครั้งละมากๆ เป็นร้อยเหรียญ จึงยิ่งทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเช่าหา และศิษย์จึงไม่กล่าวถึงเหรียญนี้กัน

    ดังนั้นจึงมีแค่ประมาณ 1000 เหรียญเท่านั้นที่พอเช่าหาได้ โดยต้องดูแหล่งที่มาเป็นสำคัญ ผมไม่แน่ใจว่าบางส่วนที่เหลือกับหลวงปู่จะมีการนำมาตอกโค๊ตเพิ่มรึป่าว เพื่อเป็นการแยกแยะเหรียญที่ถูกขโมย กับเหรียญที่เหลืออยู่กับหลวงปู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2012
  4. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    วันอาทิตย์นี้แล้วครับ สำหรับพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ในสายหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่ตี๋ วัดเขาเขียว

    ขอบารมีครูบาพลาจารย์ตั้งแต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา
    หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
    หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ
    หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม
    หลวงปู่ทอง วัดศรีธาตุ พ่อต้วง ชูรัตน์ พ่อย้วน น้ำแก้ว
    จนถึงอาจารย์ปฐวี น้ำแก้ว จงอำนวยชัยให้แก่สมาชิกเว็บทุกท่าน
    จะทำการสิ่งอะไร เมื่อใด ขอจงสำเร็จ ประสิทธิ ประสิทธิ ประสิทธิ
     
  5. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    พิธีเสร็จลุล่วงไปด้วยดี ในงานก็มีความสนุกสนาน และเข้มขลัง
    ทั้งการฟันหลัง แลกเสื้อยันต์ ฝังตะกรุดทองคำ 5 ดอกสุดท้าย ประมูงของได้เงินสร้างกำแพงไปหลายแสน ของที่ประมูลก็มีทั้งหลวงปู่อิ่ม หลวงพ่อกวย หลวงปู่ตี๋ หนังสือประวัติท่านก็จำหน่ายไปได้ร่วมแสนกว่าบาท และปีนี้มีผู้นำหัวหมูมาไหว้ทั้งสิ้น 21 หัว ส่วนภาพต้องรอสักระยะครับ เพราะอยู่กับทีมงานหลายท่าน
     
  6. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    นักแอบอ้างมาแล้วครับ

    เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีข่าวลงในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ว่ามีพระอาจารย์รูปหนึ่ง อาศัยในแถบเมืองหลวงสมัยอยุธยา กล่าวอ้างว่าเป็นศิษย์หลวงปู่ตี๋ ตามข่าวนี้

    "พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา 'พระอาจารย์ยศ ฐานธัมโม' เป็นศิษย์สายหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อหน่าย วัดแจ้ง และไปเรียนวิชากับหลวงพ่อแสวง วัดหนองอีกดุก จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงพ่อกวย เรียนวิชากับหลวงปู่ตี๋ วัดเขาเขียว หรือ วัดท่ามะกรูด ทั้งหลวงตาแสวงและหลวงปู่ตี๋ พระเกจิอาจารย์ 2 ท่านนี้เป็นศิษย์โดยตรงของหลวงพ่อกวย และเป็นศิษย์พี่ของหลวงพ่อตั้ว วัดซับลำใย

    'พระอาจารย์ยศ' จารตะกรุดด้วยตัวท่านเอง ปลุกเสกนํ้ามนต์ ซึ่งเรียนวิชาสายหลวงพ่อกวยทั้งหมด วิชาที่ท่านโด่งดังคือ 'วิชาสักยันต์' สมัยอยู่กับหลวงปู่ตี๋ ถ้าหลวงปู่ตี๋จะทำตะกรุด ท่านจะมอบหมายให้พระอาจารย์ยศ เป็นผู้จารตะกรุดให้ แล้วหลวงปู่ตี๋จะปลุกเสกภายหลัง เพราะหลวงปู่ตี๋ชรามากแล้ว

    ขณะนั้นชาวบ้านในละแวกวัดหลวงปู่ตี๋ทราบดีว่าพระอาจารย์ยศ เป็นศิษย์หลวงปู่ตี๋ ตะกรุดท่านทำแจกไปเป็นพันเป็นหมื่นดอกแล้ว ชาวบ้านรอบๆ วัดนับถือท่านมาก ลูกเด็กเล็กแดง ต่างห้อยตะกรุดของท่านทั้งนั้น ท่านทำดอกเล็กๆ ให้เด็กห้อย ท่านบอกเอาไว้กันหมากัด เอาไว้กันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ"


    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลิกที่นี่ครับ

    ผมในฐานะศิษย์ของท่าขอชี้แจงว่า หลวงปู่ตี๋ท่านมีศิษย์เพียงสองคน คือ
    ๑. พระอาจารย์บุญส่ง ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาเรื่องสักยันต์ แต่จะหาตัวท่านได้ยากมาก เนื่องจากท่านชอบธุดงค์ และท่านได้มรณะภาพลงด้วยไข้ป่า เมื่อปี ๒๕๓๐

    ๒. อาจารย์ปฐวี น้ำแก้ว ผู้เป็นลูกบุญธรรม อาจารย์ตู่มาอาศัยอยู่กับหลวงปู่ตี๋ตั้งแต่ ๕ ขวบ เพราะแม่อาจารย์ป่วยเป็นวัณโรค และหลวงปู่ตี๋ ได้รับเป็นศิษย์ตั้งแต่ ๑๑ ขวบ และบันปลายสังขารของหลวงปู่ก็มาอยู่กับอาจารย์ปฐวี จนมรณะภาพใต้อ้อมแขนของอาจารย์ตู่ผู้เป็นลูกบุญธรรม ปัจจุบันอาจารย์ตู่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และกำลังเตรียมจะบวชตลอดชีวิตในปี ๒๕๕๙ ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงปู่ตี๋ก่อนเสียชีวิต


    ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่า
    ๑. อาจารย์ยศ ไปเรียนกับหลวงปู่ตี๋ ตั้งแต่เมื่อใด พ.ศ.ใด
    ๒. อาจารย์ยศ ได้จารย์ตะกรุดอะไรให้หลวงปู่บ้าง ลองเทียบลายมือดูได้เลย
    ๓. ชาวบ้านละแวกวัดหลวงปู่ตี๋ วัดไหน หลวงปู่ตี๋อะไร เพราะเค้ารู้กันทั้งละแวกว่าศิษย์หลวงปู่ตี๋มีเพียง ๒ ท่าน เท่านั้น


    ที่จริงยังมีข้อมูลเชิงลึกอีกนิดหน่อย แต่ขอเล่าเท่านี้ก่อนจะดีกว่า
     
  7. หิ่งห้อย

    หิ่งห้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    ใช่คนไปขอเรียนแต่ยังไม่ทันได้เรียนแล้วโดดหนีไปทางหน้าต่างหรือเปล่า
     
  8. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ใช่ครับ อาจารย์ยศคือคนที่เคยไปขอเรียนกับหลวงปู่ตี๋ แล้วหลวงปู่ทดสอบจิตใจด้วยการปลุกไปเดินจงกรมตอนตี ๑ แต่ดันไม่ตื่น หลวงปู่ตี๋จึงล๊อกกุฏิไว้ สุดท้ายออกไม่ได้ ต้องปีนหนีออกไปทางหน้าต่าง แล้วไม่กลับมาอีกเลย

    ก่อนหน้านั้นหลวงปู่เคยพูดไว้กับศิษย์ใกล้ชิดว่า พระรูปนี้เดี๋ยวก็ไป เรียนไม่ได้หรอก สุดท้ายไปจริงๆ ด้วยการปีนกุฏิหนีออกไป

    จนวันนี้โผล่ออกมาหลอกคนว่าไปเรียนกับหลวงปู่มา สร้างพระขายเอาเงิน
     
  9. Cherry boy

    Cherry boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +501
    อ่านประวัติหลวงปู่ตี๋แล้วศรัทธาน่าเลื่อมใสมากเลยคับ อยากจะได้วัตถุมงคลของหลวงปู่ไว้บ้าง ทำไงดี คับแต่ยังไม่มีเวลาไปวัดเลย
     
  10. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    สังขารท่านตอนนี้อยู่ที่วัดครับ แต่ถ้าอยู่ กทม. ผมแนะนำศิษย์ท่าน คนเดียวที่เหลืออยู่ อยู่ปริมณฑลนี่แหละครับ มีหามาฟังเรื่องราวจากปากได้ครับ ก่อนท่านออกบวชตลอดชีวิตตามคำสัญญาที่ท่านให้ไว้กับหลวงปู่ และรูปหล่อที่หลวงปู่ท่านไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าก็อยู่ที่นี่มากราบได้ทุกวันครับ ยังไง pm ที่อยู่มาน่ะครับผมจะลองหาๆ ของให้ไปบูชาครับ
     
  11. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    วันไหว้ครูก่อนละสังขาร ถ่ายที่บ้านลูกศิษย์ช่วงที่ท่านเข้ามาพักรักษาตัวที่ กทม.

    หลวงปู่ตี๋ท่านเป็นพระที่สมถะ และไม่ยึดติดมากครับ ด้วยท่านถูกทำร้ายถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ตาย หมอจะผ่าตัดมีดก็ผ่าไม่เข้า จนต้องปล่อยให้ท่านประสานกระดูกเอง(จะสังเกตว่ากรามท่านจะผิดรูป) ทำให้ช่วงหลังท่านมีอาการป่วยจากการถูกทำร้าย กับโรคมะเร็งปอด ทำให้มีการนิมนต์ท่านจากวัดเขาเขียว มาอยู่วัดท่ามะกรูด เนื่องจากใกล้โรงพยาบาล ใกล้หมอ สุดท้ายอาจารย์ปฐวี ลูกบุญธรรมท่านที่อยู่ด้วยแต่เล็กจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และรับหลวงปู่เข้ามาอยู่ที่ปทุมธานี เพื่อให้หลวงปู่สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลจุฬา ในความดูแลของสมเด็จพระสังฆราชฯ จวบจนวาระสุดท้ายของหลวงปู่ ภายใต้อ้อมแขนของลูกผู้เป็นที่รักที่ท่านป้อนข้าวป้อนน้ำมากับมือแต่วัยเยาว์ ตลอดเวลาที่หลวงปู่อยู่กับอาจารย์ตู่ เวลาท่านจะฉันอะไรก็จะฉันนิดเดียว บางทีต้องบอกท่านว่าอาหารเหล่านี้ซื้อมาแพง ท่านถึงจะยอมฉันจนหมด ด้วยว่าเสียดายของที่มีราคาแพง แล้วท่านก็กล่าวเสมอว่าจะซื้อมาทำไมมันแพง อาจารย์ปฐวีถึงกับต้องบอกท่านว่า จะอยู่ด้วยพลังจิตเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ร่างกายสังขารก็ต้องการอาหารเช่นกัน ขนาดน้ำเปล่าท่านยังคิดว่าเป็นขวดละ 1 บาทอยู่เลย ด้วยเพราะท่านไม่เคยสนใจทางโลก ไม่มนใจทีวี หนังสือพิมพ์ มีก็กินไม่มีก็ไม่กิน

    สำหรับท่านที่ศรัทธา และบูชาหลวงปู่ตี๋ สามารถบอกกล่าวท่านด้วย ธูป 16 ดอก ขนมเปี๊ย และ M150 (ท่านชอบมากครับ) แต่ถ้าจะบนก็ควรก่อนเที่ยงจะดีที่สุดครับ ท่านว่ามาอย่างนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  12. ๙ยอด๙มงคล

    ๙ยอด๙มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +1,625
    ผมก็เคยไปกราบที่บ้านพี่มหาตู่ครับ ไปลงกระโหลกทองคำ ยังเก็บพระขุนแผนรุ่นแรก
    ที่พี่มหาตู่ท่านเมตาเปิดกรุให้บูชาครับ สมัยองค์ละ 100 บาทครับผม
    ยังระลึกถึงหลวงปู่ครับ ขอบารมีหลวงปู่คุ้มครองทุกๆท่านศรัทธาครับ
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,011
    ค่าพลัง:
    +146,284
    ตามอ่านน่ะครับ

    แหมมารู้จักท่านก็ไม่อยู่ซ่ะแล้ว...แหะๆ
     
  14. วารินทร์ นานา

    วารินทร์ นานา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เคยมีเเต่ล็อกเก็ตท่านที่ข้างหลังมีเกษาตระกรุด
     
  15. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ถือเป็นโชคดีที่ได้ลงกระโหลกทองคดครับ หลังๆ หลวงปู่ไม่อยู่ อ.ปฐวี (มหาตู่) ก็ไม่ได้ลงให้ใครอีกครับ เพราะใช้พลังจิตสูงมาก ท่านไม่ค่อยไหว และอีกอย่างฤกษ์ไม่มีด้วยครับ ที่นี่ถ้าใครจะมาช่วยอะไร ท่านจะดูฤกษ์ยามประกอบด้วยเสมอ เพื่อให้เกิดอิธิฤทธิแก่ตัวผู้กระทำพิธีอย่างสูงสุด เนื่องจากฤกษ์ยามจะเกี่ยวข้องกับดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อเรา ว่ายามใด เวลาใด ที่จะส่งผลต่อตัวเรามากที่สุด ก็จะเลือกเวลานั้น ขุนแผนเก็บให้ดีๆ น่ะครับ ไม่มีอีกแล้ว ถ้าเป็นรุ่นแรกๆ เนื้อดิน จะสร้างในปี 2513 ซึ่งปีนั้นมีการจัดพิธีพุทธาพิเษกที่วัด แต่จัดแบบเรียบง่ายไม่ได้มีราชวัตร ฉัตรธงใหญ่โตอะไร เพราะท่านชอบความเรียบง่าย ท่านจะนิมนต์ครูบาอาจารย์ท่านหลายรูปมาร่วมพิธี แน่นอนได้รับการเสกเดี่ยวจากหลวงพ่อมุ่ย และหลวงพ่อกวยแน่ๆ

    บรรดาศิษย์เคยถามท่านว่าหลวงปู่จะกลับมาเกิดอีกไหม ท่านก็ว่า "กูไม่มาแล้วละครั้งนี้ครั้งเดียว" แต่พอผ่านมาช่วงปลายชีวิต บรรดาศิษย์ก็ถามท่านอีกครั้งหนึ่ง ท่านก็ว่า "กูคงต้องกลับมาเกิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ขอเวลาสักหน่อย คอยช่วยศิษย์มันก่อน ค่อยกลับมาเกิดอีก" ด้วยเพราะท่านห่วงศิษย์คนสุดท้ายของท่าน และห่วงว่าวิชาการต่างๆ ที่ท่านร่ำเรียนมาตั้งแต่หลวงปู่อิ่ม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อกวย หลวงพ่อจวน หลวงปู่เย็น หลวงวปู่บุดดา จะสูญหาย ก็เลยจะคอยช่วยศิษย์ให้มีการต่อวิชา มีการสืบวิชาต่อไปให้ได้ก่อน หมดท่านแล้วก็ไม่เหลือใครอีก ๓ ต. คนสุดท้ายก็ได้สิ้นไปแล้ว เหลือก็แต่เพียงลูกบุญธรรมที่เป็นคนถือวิชาทั้งหมดเพียงคนเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  16. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    วัตถุมงคลอย่างแรกที่ท่านสร้างแจกศิษย์ที่มากราบท่านที่วัด คือ ปลัดขิก ด้านบนแกะมาจากด้ามตาลปัด ด้านล่างเป็นเขาควายแกะ โดยท่านเริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2510 หาไม้อะไรได้ก็เอาไม้นั้นมาแกะ โดยเฉพาะตาลปัด ท่านว่ามีเคล็ดเป็นไม้มงคลสูงสุด ตาลปัตร หมายถึง ปัตรเคราะ ปัตรทุกข์โศรก โครภัย ปัตรสิ่งอัปมงคลต่างๆให้สิ้นไป รวมทั้งปัตรลูกปืนด้วยครับ มีทั้งเมตาตา ค้าขาย กันสิ่งไม่ดี สิ่งอัปมงคล กันสุนัก กันภูตผีปีศาจ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลัดยุคแรกว่า มีศิษย์ท่าหนึ่งมาขอปลัดหลวงปู่ไปใช้บ่อยๆ หลวงปู่ก็แปลกใจว่ามาขอทำไมบ่อยๆ จนหลวงปู่รู้ว่าที่มาขอไม่ได้เอาไปใช้ แต่เอาไปขาย ท่านก็โมโหว่าให้ไปใช้ไม่ได้ให้ไปขาย ครั้งหลังสุดท่านก็ไม่ได้ให้ไป แถมยังเดินถือถาดใส่ปลัดเดินผ่านหน้าศิษย์ท่านนั้นไป ลงกุฏิไปยังท่าน้ำหน้าวัดกระเสียว(ยุดแแรกท่านจำวัดที่ วัดกระเสียว ตามคำชวนของหลวงพ่อมุ่ย ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน) แล้วโยนทิ้งน้ำทั้งหมด ทำให้บรรดาศิษย์ต่างพากันเสียดาย พอตกเย็นวันนั้นเองผู้คนกลับหมดแล้ว ท่านก็เดินลงกุฏิ บอกให้ไอ้ตู่(อ.ปฐวี ในขณะนั้) ลูกบุญธรรมถือถาดตามมาที่ท่าน้ำ ท่านยืนบริกรรมสักพัก ก็มีฝูงปลาว่ายทวนน้ำมา พอมาใกล้ๆ กลับกลายเป็นตาลปัดที่ท่านโยนทิ้งน้ำ เด็กชายตู่เห็นก็เก็บเอาขึ้นมาใส่ถาดให้หลวงปู่ แต่ปรากฏว่าปลัดกลับมาไม่หมดมีหายไป แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร รุ่งเช้า มีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งมาหาท่านที่กุฏิ เล่าให้ท่านฟังว่าไม่รู้ว่ามีคนเล่นของใส่หรือเปล่า เพราะเมื่อวานตอนอาบน้ำอยู่มีอะไรไม่รู้มาตำที่ขา พอจับมาดูกลายเป็นปลัดตัวนี้ พอหลวงปู่ท่านเห็นก็หัวเราะ แล้วบอกว่า "เสือกหนีเที่ยวไปได้" ที่แท้ก็เป็นปลัดของท่านนั่นเองที่ไม่ว่ายกลับมา แต่ไปตำขาบรรดาสาวๆ ที่อาบน้ำอยู่ นี่แหละคือจุดกำเนิดของการสร้างวัตถุมงคลของท่าน ที่ชาวบ้านแถววัดกระเสียวจะทราบดี ทุกวันนี้ปลัดหลวงปู่ก็ยังวิ่งไปตำขาสาวๆ เสมอ ศิษย์รุ่นเก่าๆ เห็นกันประจำ ถึงกับขนาดที่ว่าต้องร้อยเชือกไว้ ไม่งั้นวิ่งไปตำขาสาวเสมอ เดี๋ยววิ่งไปแล้วมันจะไม่วิ่งกลับ ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย ผมก็จะทยอยเล่าให้ท่านๆ ได้อ่านกัน ข้อมูลต่างๆ ก็มาจากปากศิษย์รุ่นเก่าๆ รวมทั้งหนังสือประวัติด้วยบางส่วน
     
  17. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    หลวงปู่ตี๋ท่านจะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง บางคนเจอท่านในงานพุทธาภิเษกถึงกับงง ตกใจ ด้วยคิดว่าท่านมรณะภาพไปแล้ว เพราะความที่ท่านไม่อยากดัง ไม่อยากวุ่นวาย อยากอยู่เงียบๆ อ.ปฐวี(ลูกบุญธรรม)ได้ขอร้องท่านอยู่นาน หลายครั้งให้ท่านเปิดตัว เพื่อจะได้หาเงินทุนมาใช้หนี้ที่ทางวัดติดค้าง และเป็นเงินทุนที่จะใช้รักษาตัวท่านเอง(ท่านป่วยง่ายจากการถูกทำร้ายถึงสามครั้ง รวมทั้งเป็นหอบ และมะเร็งปอด) จนกระทั่งปี 2549 ท่านจึงยอมที่จะให้คณะศิษย์เปิดเผยตัวท่าน ว่า ท่านคือศิษย์ในสายหลวงปู่อิ่ม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อกวย(ศิษย์ ๓ ต.) และยังมีชีวิตอยู่ จึงเป็นเหตุให้หลายคนเสียดายที่ไม่ทันท่าน แต่ท่านได้เคยกล่าวไว้เสมอว่าให้สร้างรูปหล่อท่านไว้ ท่านจะไม่ไปไหนจะอยู่ที่รูปหล่อ และจะอยู่ที่ลมหายใจของไอ้ตู่(อ.ปฐวี)
     
  18. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,342
    รบกวนสอบถามหน่อยครับพอดีมีวัตถุมงคลหลวงปู่ตี๋อยู่บ้าง ได้มาพร้อมกระดาษยันต์สีวลีดวงแก้ว เป็นขุนแผน เห็นว่าออกปี 53 เป็นอุดเทียนกับตะกรุดแต่ตามอ่านๆในกะทู้เห็นว่ามีอุดผงพรายด้วย ไม่แน่ใจข้อมูลครับ ได้มาอีกอันก็สิงห์ คนเอามาบอกว่าไปเอามาจากวัดไม่รู้รุ่นไหนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-3.gif
      Untitled-3.gif
      ขนาดไฟล์:
      719.8 KB
      เปิดดู:
      869
    • Untitled-4.gif
      Untitled-4.gif
      ขนาดไฟล์:
      363.8 KB
      เปิดดู:
      520
    • Untitled-6.gif
      Untitled-6.gif
      ขนาดไฟล์:
      184.3 KB
      เปิดดู:
      404
    • Untitled-5.gif
      Untitled-5.gif
      ขนาดไฟล์:
      697.6 KB
      เปิดดู:
      893
  19. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มาว่ากันที่ขุนแผนก่อนน่ะครับ

    ขุนแผนที่เห็นนี้เป็นขุนแผนรุ่นประสบการณ์เลยก็ว่าได้ครับ ขุนแผนเนื้อดินสร้างปี ๒๕๕๓ จัดเป็นขุนแผนรุ่นสุดท้ายของท่าน จะมีด้วยกันสองพิมพ์ คือ พิมพ์แขนอ่อน (เน้นทางด้านเมตตา)และพิมพ์สมาธิ (เน้นคงกระพัน) ทั้งสองพิมพ์จะมีทั้งอุดตะกรุด และอุดเทียนชัย จากประสบการณ์ของลูกศิษย์ที่เอาไปใช้ พบว่า ไม่ว่าจะพิมพ์ไหนก็มีทั้งเสน่ห์ และคงกระพัน บางคนห้อยพิมพ์สมาธิไปใช้ ซึ่งเค้าว่าเสกเน้นทางคงกระพัน แต่กลับได้สาวๆ มาเพียบ ไม่ว่าจะพิมพ์ไหนก็ใช้แทนกันได้ครับ และหมั่นอธิษฐานขอก็จะสมหวัง ท่านเคยบอกว่าได้สาวๆ มาอย่าไปเอา เอาเงินดีกว่า เพราะขุนแผนท่านเป็นโภคทรัพย์ด้วยครับ เพราะฉะนั้นแขวนแล้วถ้าอยากรวย มีสาวๆ เข้ามาอย่าไปสนใจครับ

    [​IMG]
    ภาพนี้คือ พิมพ์สมาธิ
    [​IMG]
    ภาพนี้คือ พิมพ์แขนอ่อน


    พระขุนแผนนี้สร้างพิมพ์ละ ๕,๐๐๐ องค์ ปลุกเสกเมื่อวันเสาร์ห้า(๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓) ที่วัดสุทธิสอาด และเสกเดี่ยวอีกครั้งเมื่องานหล่อรูปเหมือนองค์จริงที่วัดท่ามะกรูด และท่านก็เสกเดี่ยวมาเรื่อยๆ อีกครับ ศิษย์บางคนก็เลยจะเรียนขุนแผนนี้ว่า ขุนแผนเสาร์ห้า รุ่นนี้ราคายังไม่แพงเจอแล้วก็รีบหาเก็บไว้ครับ(ประสบการณ์รุ่นนี้เยอะครับ เพราะสร้างแจกครับ) หลวงปู่ตี๋ท่านชอบสร้างขุนแผน ด้วยท่านได้วิชาเสกขุนแผนมาจากหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และเวลาเสกก็จะเสกตามสายวิชาของหลวงปู่อิ่ม และหลวงปู่ทิมคู่กันไป ท่านว่าขุนแผนครบเครื่องดี มวลสารหลักที่ใส่ลงในขุนแผนนี้จะเป็นดินสังเวชนียสสถาน(รับมอบจากท่านฑูตอินเดีย) ดินจากสถานที่มงคลต่างๆ ที่หลวงปู่ตี๋ท่านออกธุดงค์และเก็บสะสมไว้ และยังมีดินโป่งในป่าลึก ที่ท่านพบเข้าตอนธุดงค์ โป่งยริเวณนั้นจะมีสัตว์น้อยใหญ่ แวะเวียนมากินอยู่มิขาด สัตว์ที่มากินดินโป่งบริเวณนั้นต่างก็แบ่งกันกินอย่างเป็นมิตร ไม่ทำร้ายกัน และยังมีสัตว์ต่างๆ มาสมสู่ที่ดินโป่งนั้นตลอดเวลา หลวงปู่จึงพลีเอาดินโป่งนั้นมาทำมวลสาร นอกจากนั้นยังมีการผสมผงสวิเศษสำคัญต่างๆ ของครูบาอาจารย์ท่านที่หลวงปู่ตี๋ท่านได้รับตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

    ขุนแผนผงพราย
    [​IMG][​IMG]

    ขุนแผนผงพรายนี้ เป็นการนำขุนแผนเสาร์ห้าทั้งพิมพ์แขนอ่อน และพิมพ์สมาธิของหลวงปู่ มาพอกผงพรายกุมารด้านล่าง ผงพรายกุมารนี้ประกอบด้วย ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม ที่ท่านให้ไว้กับหลวงปู่ตี๋ เมื่อครั้งไปเรียนวิชาที่วัดละหารไร่ ๑ พรรษา(เม็ดสีขาวๆ) ผงพรายกุมารที่หลวงปู่ตี๋ท่านทำเก็บไว้นานแล้ว และผงพรายกุมารที่อ.ปฐวี ท่านทำไว้ นำผงพรายล้วนๆ ทั้งสามอาจารย์ ไม่มีผสมอย่างอื่นเจือปนมาผสมกัน และพอกเข้าไปใต้ฐานตามฤกษ์ยามที่กำหนดไว้ และเสกกำกับอีกครั้ง สร้างจำนวนหลักสิบองค์ ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ และมีการติดโค๊ตไว้ด้านหลังเพื่อแยกแยะให้ชัดเจน

    [​IMG]
    ล่าสุดลงในหนังสือพระ ลงราคาไว้สูงมากครับ

    credits ภาพจาก คุณป้ายแดง
     
  20. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    มาว่ากันต่อที่สิงห์ตัวนี้

    สำหรับสิงห์นั้น ของหลวงปู่ที่ท่านสร้างไว้จะมีลักษณะเป็น งาแกะ กระดูกแกะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไม้จะมีลักษณะเป็นสิงแกะจากไม้หอมพม่า ศิลปจะเป็นสิงห์แบบพม่า

    [​IMG]
    สิงห์ที่แกะในลักษณะนี้ จะต้องสร้างมาจากงา หรือกระดูกเท่านั้น จะไม่มีเนื้ออื่น (เฉพาะลักษณะสิงห์แบบนี้)

    ด้วยความที่มีคนพยายามมาหากินกับหลวงปู่ เลยมีการออกวัตถุมงคลแปลกๆออกมา ซึ่งถ้าอันไหนขายได้ดีก็จะสามารถงอกเพิ่มมาได้ โดยเฉพาะที่มีการอ้างว่าสร้างออกมาในวันเสาร์ห้า (๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓) ผมขอบอกตรงนี้เลยว่าวันเสาร์ห้านั้น หลวงปู่รับกิจนิมนต์ไปเสกที่วัดสุทธิสอาดที่เดียวเท่านั้น เนื่องจากทางวัดนิมนต์หลวงปู่ล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว ที่มั่นใจได้คือ ขุนแผนเสาร์ห้าที่กล่าวไปแล้ว(จะมีอย่างอื่นที่เข้าพิธีอีกรึป่าว ผมขอหาขอ้มูลก่อนน่ะครับ) ดังนั้นจะเล่นหาก็ระวังน่ะครับ โดยเฉพาะที่บอกว่าเอามาจากวัด เสกเสาร์ห้าที่วัด อะไรทำนองนี้ ผมพูดกว้างๆ ไว้เท่านี้ครับ ไม่อยากให้ต้องเป็นประเด็นมากนักในเรื่องแบบนี้ สงสารหลวงปู่

    ท่านใดมีวัตถุมงคลของหลวงปู่ก็เอามาโชว์เอามาแชร์ หรือสอบถามกันได้ครับ ยินดีให้ขอ้มูล และหาข้อมูลมาให้ จะได้มีของดีไว้ใช้ ไม่ถูกหลอก เพราะยังมีของเก่าของหลวงปู่อีกมากที่สร้างไว้ และอาจจะยังไม่มีตนเคยเห็นมากนัก


    ขอบคุณภาพจาก คุณป้ายแดงอีกตามเคย
     

แชร์หน้านี้

Loading...