จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  2. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ทำไมกดโมทนาแล้วมันกลายเป็นอ้างอิงอ่ะ ฮิๆๆๆๆ
    ลูกศิษย์ทั้งหลายเอ๋ย ส่งการบ้านหน่อยคร้าบ โดนไม้เรียวทีเดียวหายไปหมดเลย 555555555555
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ลักษณะอาการเด่นชัดของผู้ที่ฝึกจิตมาดี​

    อาทิเช่น...

    ๑.สติย่อมตามทันจิต(เพราะสติเกิดมีจิตจะนิ่ง) จิตย่อมตามทันกิเลสทั้งปวง(เมื่อจิตนิ่งมากปัญญาจะเกิด)

    ๒.จิตย่อมมองเห็นเกิด-ดับของกิเลสเป็นธรรมดาอย่างนี้นี่เอง

    ๓.ในขณะจิตทรงฌานย่อมมีสติสัมปชัญญะ(เพราะมีสติ+ปัญญาครบถ้วน และพร้อมพิจารณาธรรมเท่าทัน ทันใด

    ๔.จิตย่อมมองเห็นทุกสิ่ง ทุกอย่างที่กำลังเข้ามากระทบจิตในทุกขณะจิต หรือในปัจจุบัน อย่างมากเข้ามากระทบแค่ขันธ์ ๕ เท่านั้น แต่ไม่ไปถึงจิต หรือไม่มีผลต่อจิต นั่นเอง เพราะจิตได้สอบผ่านในขณะทำวิปัสสนา จิตรู้สัจจธรรมไม่หมดก็เกือบจะหมด เพราะจิตเป็นไตรลักษณ์ และสุดท้ายจิตมองเห็นทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไปเป็นอนัตตา เป็นธรรมดาอยู่อย่างนั้น ทุกๆสิ่ง ทุกๆธรรม เหมือนกันทั้งหมด แล้วจิตที่ถูกฝึกมาดีแล้ว ก็ย่อมเห็นดังนี้ จิตก็เลยปล่อยวางสรรพสิ่งอันนามสมุุติได้ทั้งหลาย ทั้งปวง แล้วจิตไยจะไปเอาความโกรธเข้ามาสู่จิตใจของตนเอง ทำไม...
    เมื่อจิตเห็นไตรลักษณ์ทั้งหมด ได้แก่ ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น และมันไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ บังคับให้ได้ดั่งใจก็ไม่ได้อีก แต่ถ้าใครนำจิตไปยึดมั่นถือมั่น หรือเอามาเป็นของตนเอง ถึงยึดไปก็ทุกข์อยู่ดี ยึดมากทุกข์มาก ยึดน้อยทุกน้อย หรือไม่ยึดก็ไม่ทุกข์เมื่อนั้น อยู่ๆคนเราไม่ได้ฝึกจิตมาดี ขอบอกตามตรงว่า รู้นะ เข้าใจแล้ว แต่ทำไม๊ มันทำไม่ได้ หรือปฎิบัติตามธรรมะไม่ได้ ผู้เขียนจะบอกล่าวให้พวกท่านดังนี้ ก็คือ บอกแล้วให้มาทำจิตเกาะพระกัน หรือเจริญกรรมฐานกองใดก็ได้ แต่อาจจะได้ผลยาก แต่จิตเกาะพระนั้น ผู้ปฎิบัติจะเข้าถึงกระแสจิตได้ง่าย(พบดวงจิตเดิมแท้) เมื่อผู้ปฎิบัติได้พบเจอจิตหรือดวงจิตเดิมแท้แล้ว ต่อไปถ้าจิตสามารถทรงฌานได้ทั้งวันทั้งคืน หรือ ทั้งลืมตาหรือหลับตา และอีกไม่นานนัก จิตก็จะเข้าสู่โหมดออโต้ของวิปัสสนา โดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไร แค่มีสติอย่างเดียวก็พอ เดี๋ยวที่เหลือจิตเขาจะทำวิปัสสนาเอง และตรงนี้แหล่ะ ที่ผู้ปฎิบัติมักจะงงเป็นไก่ตาแตก

    ปล.ของฝากถึงจิตบุญที่ยังมีอินทรีย์อ่อน ขอใหเท่านอย่าลืมพระ ให้ระลึกไป หรือนำจิตเข้าฌาน(๑-๒)ไป จะปลอดภัยที่สุด จิตคนเราจะต้อง alert หรือตื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะกิเลสมันมักมาตอนเราเผลอสตินี่แหล่ะ ตัวแสบ แต่ถ้าใครเผลอสติเป็นไง๊ ร้องเจี๊ยกทุกทีเลย พี่ภูแนะแล้วแนะอีกก็ไม่ยอมฟังกันเลย อย่าประมาทว่าจิตยกแล้วรอดแล้วกรู มันไม่แน่หรอก จิตรอดน่ะรอดอยู่ ตราบใดที่พวกเธอยังมีขันธ์ ๕ อยู่ หรือจิตยังอยู่กองกิเลสหรือว่ากองทุกข์ทั้งปวง มันไม่แน่หรอก แต่ก็แค่ทุกข์ไม่นาน เพราะจิตมันวิ่งกลับบ้านทันที และจิตมันรู้แล้วว่า ที่นี่ ไม่ใช่ที่อยู่ของจิต จิตรักความสงบ รักความสงัด หรือบ้านพักตากอากาศของจิต ก็คือ ฌาน ที่พักจิตชั่วคราว ในขณะที่พวกเรายังไม่หมดอายุขัยหรือยังไม่หมดลมหายใจ แต่ถ้าดับขันธ์กันเมื่อไหร่ เตรียมใจกันดีหรือยัง ยานพร้อมไหม๊ บุญบารมีพร้อมไหม๊ ถามตนเองทุกๆวัน ถามทุกๆที่มีสติหรือว่านึกกันได้
     
  6. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195
    เห็นการทำงานที่้ถ้อยทีถ้อยอาศัย ร่วมมือร่วมใจกันอย่างนี้ พากันไปได้แน่นอน ... :cool::cool::cool:

    สาธุ กับทุกท่านที่ได้ยกจิต ได้รับปัญญาของครูบาอาจารย์ และนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน บางทีอาจต้องใช้เวลามากอยู่ ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ไป ... catt17

    เรื่องความชำนาญหรือนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ติดตัวสะสมกันมา เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆ มันจะเป็นอัตโนมัติเองในการเลือกไม่ว่าิส่ิ่งนั้นจะดูดี หรือดูไม่ดี ในสายตาของใครๆ ก็ตาม ... :boo::boo::boo:

    สุดท้ายต้องอย่าลืมโยนิโสมนสิการ ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นควรปรับปรุงหรือไม่ ทำด้วยขณะจิตเช่นไร เมื่อพลาดไปแล้ว ต้องพร้อมจะเริ่มใหม่ แต่ไม่ต้องไปยึดถึงสิ่งที่พลาดไปแล้วมาทับถมตนเอง ...

    chearr:VOpig_ballet;aa24catt13;aa21

    สาธุธรรม _/|\_ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2012
  7. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    มานะสังโยชน์

            ๘. มานะ ในสังโยชน์หมายถึงความถือตัว ถือตน ทนงตน  ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่   หรือการถือตัวว่า ดีกว่าเขาเหนือกว่าเขา  ด้อยกว่าเขา  เสมอเขา  จึงย่อมก่อให้เกิดการปรุงแต่งกิเลสต่างๆนาๆ   จึงไม่ใช่ มานะ ในภาษาไทยที่มีความหมายถึงว่า ความพยายาม ความตั้งใจแต่อย่างใด
    "มานะ ๓ เป็นไฉน คือ ความถือตัวว่าเสมอเขา๑   ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา๑   ความถือตัวว่าดีกว่าเขา๑   มานะ ๓ นี้ควรละ"
    (ตัณหาสูตรที่ ๑๓)​
            เพราะความคิดว่า "ดีกว่าเขา" "ด้อยกว่าเขา" "แม้แต่เสมอเขา" ต่างล้วนเป็นความคิดปรุงแต่งที่ยังให้เกิดทุกข์รำคาญใจทั้งสิ้น  ลองโยนิโสมนสิการโดยแยบคาย จะเข้าใจได้ว่า มีเหตุจึงเกิดการคิดนึกปรุงแต่งว่า ดีกว่าเขา ด้อยกว่าเขา เสมอเขา ขึ้นมาด้วยเหตุอันหนึ่งอันใดก็ดี จึงเป็นทุกข์ ดังเช่น ดีกว่าเขาก็เกิดอาการกร่าง  เสมอเขาก็เกิดอาการเบ่งจนตัวพองเป็นทุกข์  ด้อยกว่าเขาก็เป็นทุกข์
            หรือพิจารณาจากขันธ์ ๕ หรือปฏิจจสมุปบาทก็ได้ ว่าเมื่อมีสังขารปรุงแต่งดังนี้เกิดขึ้น ย่อมยังให้เกิดการผัสสะเกิดทุกขเวทนาอันเป็นทุกข์ขึ้น จนถึงเวทนูปาทานขันธ์หรือทุกข์อุปาทานเป็นที่สุด


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ..สาธุสวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2012
  8. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=a8AuCArVHMk&feature=player_detailpage]MV เพลง ศรัทธา - YouTube[/ame]
     
  9. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุเจ้าค่ะ
    เป็นการเตือนที่ดีจริงๆค่ะ
    ขอบคุณมากเจ้าค่ะ
     
  10. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุจ๊า ลูกหมู หญิงเล็ก
     
  11. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=sOlObDLW1Wc&feature=player_detailpage]เก็บตะวัน LIVE เสือ ธนพล&อิทธิ - YouTube[/ame]
     
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    เพลงเข้าบรรยากาศรับภัยพิบัติเลยค่ะ คุณลินดา
    มาฝึกจิตให้พร้อมรับภัยพิบัติกันบ้างนะจ๊ะ ทุกท่าน
    สาธุจ๊ะ
     
  13. aezaamak

    aezaamak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +313
    ผมต้องขอขอบคุณพี่ tuk187 ครับที่ทำให้ผมเจอกระทู้นี้ ผมเคยฝึกมโนมยิทธิที่ซอยสายลม และ ศูนย์พุทธศรัทธาแล้วครับแต่ไม่ก้าวหน้า...ผมขอร่วมฝึกด้วยกับกระทู้นี้นะครับ...จะเป็นพระคุณอย่างสูงเลยครับ kritaeza@gmail.com
     
  14. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ยินดีต้อนรับค่ะท่านพี่...
    ถ้าจะพูดง่ายๆ จริงๆ การฝึกก็คล้ายๆ กับมโนฯ ล่ะค่ะ แต่อาจจะมีแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ มโนมยิทธินี่ส่วนใหญ่จะอาศัยจากการทำสมาธิ หรือนั่งสมาธิในการฝึก, แต่จิตเกาะพระก็เป็นการประยุกต์ หรือผสม ระหว่างกสิณกับพุทธานุสสติ ต่างจากมโนฯ ตรงแค่... เรามองภาพพระทั้งวัน ทั้งคืนด้วยใจสบาย มันเลยเป็นความต่อเนื่อง หรือเป็นสมาธิต่อเนื่องเท่านั้นเอง...

    การฝึกจริงๆ ก็มีไม่กี่อย่าง
    อยู่กับสติ, มีจิตอยู่ที่พระโดยอาศัยการระลึก-มองภาพพระให้บ่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน
    และก็กฏไตรลักษณ์ (บวกศีลด้วยนะ.. ขาดไม่ลั่ย) ฮ่าๆ


    แต่อย่างไรก็ดี ขอให้วางสิ่งที่เคยปฏิบัติมาทุกอย่างก่อน
    (หมายถึงแนวปฏิบัติแบบเดิม)
    เน้นสติ กับมองภาพพระก่อนตอนนี้
    ที่สำคัญ ได้โปรดวางทุกๆ อย่าง
    แล้วเปิดใจให้กว้าง..เหมือนเด็กเพิ่งหัดเรียนใหม่..
    มามะ.. มาดื่มน้ำเย็นๆ

    ปล. ส่วนท่านพี่จะฝึกกับครูท่านไหน ยังไงก็โปรดบอกมาอีกครั้งละกันเจ้า



    [​IMG]
     
  15. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ใจคือสมบัติอันล้ำค่า

    ใจคือสมบัติอันล้ำค่า

    ใจนี้ คือ สมบัติอันล้ำค่า
    จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป
    คนพลาดใจ คือ คนไม่สนใจปฏิบัติต่อดวงใจดวงวิเศษในร่างนี้
    แม้จะเกิดสักร้อยชาติพันชาติ ก็คือผู้เกิดพลาดอยู่นั่นเอง..

    (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ..สาธุสวัสดี
     
  16. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ เราเปิดมาก็มาเจอคุณพอดีเลย งั้นเราขอรับคุณไว้เป็นศิลย์อีกคนก็แล้วกันค่ะ งานทางโลกเราไม่ยุ่งนัก เรายังพอมีเวลาก็เลยขออาสาสอนคุณเพิ่มอีกสักคนได้อยู่ แล้วเจอกันที่เมล์นะค่ะ :cool:
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาสาธุกับธรรมทานของครูลูกพลังด้วยนะครับ แต่กว่าผู้ที่จะละสังโยชน์เบื้องสูงนี้กันได้ จึงมิใช่เรื่องที่ใครๆจะทำกันได้ง่ายๆนะ เดี๋ยวผมจะบอกวิธีดังต่อไปนี้...coming up next (พักขายยาก่อน)
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ท่านกำลังตามหาอะไรกันอยู่???​

    ผมจะบอกอะไรให้กับนักภาวนาหรือผู้ปฎิบัติทั่วๆไป โดยเฉพาะที่ปฎิบัติแล้วไปไม่ถึงไหน ไม่ก้าวหน้าหรือเจริญในธรรมสักที ขอให้ผู้ปฎิบัติทุกท่านตรวจดูเรื่องศีลของตนเองก่อน อย่าไปมองข้ามศีลของตนเองนะ เพราะไม่มีใครไปรักษาศีลหรือไปดูแลศีลให้กับผู้ปฎิบัติเองหรอกนะครับ โดยเฉพาะถ้าผู้ปฎิบัติที่จะหวังให้ได้มรรค ผล นิพพาน ศีลนี้จำเป็นและสำคัญยิ่งยวด ผู้ปฎิบัติจะต้องระวังให้มาก ทั้งก่อนการปฎิบัติและจะต้องปฎิบัติไปให้ได้ตลอดเวลาด้วย ศีลพร่อง ศีลขาด ศีลด่าง ศีลพร้อย อันนี้ไม่ดีแน่ๆ และต่อไปเมื่อท่านฝึกจิต จิตจะค่อยละเอียดไปเรื่อยๆ แต่เมื่อจิตเข้าถึงความละเอียดได้แล้ว ศีลก็จะละเอียดตามจิตของผู้ปฎิบัติไปด้วย ถึงตอนนั้นแล้วผู้ปฎิบัติไม่จำเป็นที่จะต้องมาระวังหรือระแวงเรื่องศีลของตนเองแล้ว เมื่อผู้ปฎิบัติเข้าถึงความละเอียดของจิตตนเองได้แล้ว ศีลนั้นจะเป็นเสมือนเกราะแก้วคอยกำบังหรือคอยคุ้มครองให้กับผู้ปฎิบัติเอง เมื่อถึงวันนั้น

    เมื่อศีลของผู้ปฎิบัติครบสมบูรณ์ดีแล้ว ต่อไปก็เริ่มนำจิตของตนเอามาปฎิบัติ(ขอย้ำ! จิตนะไม่ใช่ตัวคุณ!)

    ทุกท่านสามารถเข้าถึงพระธรรม หรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้โดยไม่ยาก แต่ท่านจะต้องรู้จักวิธีชำระจิตให้สะอาดก่อน หรือทำจิตให้ละเอียดก่อน และมีสิ่งใดบ้างที่มาทำให้ตนเองได้พบเจอกับจิตเดิมแท้ หรือหาดวงจิตเดิมแท้ของตนเองให้พบเจอเสียก่อน แต่จะพบจิตที่ว่ามานั้นได้อย่างไร ก็โดยการเจริญสติภาวนา(หรือจากกรรมฐานที่มีทั้งหมด 40กอง)นั่นเอง และนี่ก็คือ กลหรืออุบายที่จะทำให้จิตคนสะอาดหรือละเอียดขึ้นได้ หรือจะพูดอีกนัยยะนึงก็คือ นี่คือการทำให้จิตคนเรานิ่ง(จากจิตนิ่งนี้จิตกลายเป็นสมาธิ หรือจิตนิ่งมากเขาเรียกกันว่า ฌาน และพัฒนาจากฌานให้เป็นญาณกันได้อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป) วิธีที่จะทำให้จิตคนเรานิ่งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมาทำจิตเกาะพระอย่างเดียวนะ กรรมฐานกองอื่นๆตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ถ้าไปฝึกกันแล้ว ไม่เห็นพบเจอดวงจิตเดิมแท้หรือการปฎิบัติธรรมไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ก็หันมาลองปฎิบัติจิตเกาะพระกันที่นี่ดูนะ แต่อย่าดื้อนะ ครูบอกอะไรไปก็ให้ทำตามไปก่อน จนกว่าเราจะมีปัญญาของตนเองแล้ว ครูก็จะปล่อย เพราะครูมีหน้าที่นำพาดวงจิตไปปฎิบัติที่ถูก+ตรงตามมรรคานี้ มิให้ผู้ปฎิบัติเดินทางอ้อม ชอแวะ ชอบเด็ดดอกไม่ริมทาง แต่ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็เป็นอันต้องจบ คือ ครูจะเลิกสอนทันที เพราะที่นี่เชื่อว่า บัวสี่เหล่านั้นมีจริงๆ

    ปล.อะไรตกได้นะ อย่างเช่น หัวตกหมอน คิดไม่ตก แม้นกระทั่งตกใจได้นะ แต่ขออย่างเดียวอย่าให้จิตยก เพราะถ้าใครปล่อยให้จิตตนเองตกละก้อ ท่านนั้นประมาทมาก เพราะเมื่อจิตตกต่ำแล้ว มันจะดึงทุกอย่างตกต่าตามไปด้วย ได้โปรดรีบแก้ไขที่จิตใจก่อน สำหรับผู้ที่ฝึกจิตมาดีก็ไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ผู้ที่ไม่ฝึกจิตนี่สิ คอยแต่ฝึกอย่างอื่นเพลิน ลืมฝึกจิต ลืมดูจิตตนเอง เวลามีทุกข์อะไรสักเรื่องนึงแทบตายเลย ก็เพราะท่านประมาทนั่นไง เพราะกิเลสหรือทุกข์มันชอบมาทีคนเราเผลอสติ เมื่อทุกข์มาตอนที่พวกเราไม่มีสติกันแล้วปัญญาก็ไม่มีกัน จึงทำให้เราเป็นทุกข์ใจหนักขึ้นไปอีก เพราะคิดไม่ออก คิดไม่ตก หาทางออกไม่พบ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ฝึกจิตนั้น เมื่อกายไม่สบายก็อาจจะดึงจิตตกตามไปด้วย เพราะจิตไม่รู้เท่าทันกิเลส เพราะเราไม่เคยฝึกดูจิตกัน จิตส่วนใหญ่จึงพากันไปยึดมั่นถือมันว่าสิ่งต่างๆนั้นเป็นของตนเอง แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎพระไตรลักษณ์แทบทั้งสิ้น ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ท่านจะต้องนำจิตไปฝึก ไปทำให้นิ่งเสียก่อน จิตถึงจะเข้าสู่กระแสธรรมหรือจิตจะเข้าใจธรรมมากกว่านี้ ตราบใดจิตยังไม่เข้าใจธรรมะแล้ว จิตของผู้นั้นจะไม่มีทางที่จะปล่อยวางกับสิ่งนั้นๆได้เลย

    สรุปแล้ว...ผู้ที่จะพ้นทุกข์ได้อย่างถาวร หรือผู้ที่จะไปพระนิพพานได้ ก็คือ จะต้องปฎิบัติสายมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น (ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา) ทางอื่นไม่มี ทางอื่นมีแต่หลงทาง...

    พยายามอยู่กับกาย อยู่กับจิตตนเองให้มากๆ จะได้ไม่เป็นทุกข์ อยู่กับคนอื่นหรือสิ่งอื่นมาก ก็ไม่มีอะไรแน่นอน เป็นทุกข์ เพราะทุกสิ่งล้วนไม่มีเป็นตัวเป็นตน หรือเราไปบังคับอะไรมันไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ขอให้นำจิตออกมาจากตรงนี้กันเสีย อย่าได้นำจิตไปยึดเอากับทุกๆสิ่ง ที่เราเรียกกันว่า "สิ่งสมมุติ" หรือ "มายา" เห็นมีแต่จิตเท่านั้น ที่เป็นของจริงๆ ค้นหามันให้เจอนะ ก่อนจะหมดลมหายใจ เพราะยังมีโลกหลังความตายที่ยาวนานมาก น่ากลัวสำหรับผู้ที่ไม่สนใจ ไม่ดูแลจิตตนเอง เมื่อหมดลมหายใจไปแล้ว หรือโลกแห่งความตาย(โลกวิญญาณ)ไม่มีใครช่วยกันได้เลยนะจะบอกให้ ฝึกตาย ก่อนตายจริงๆกันนะ ฝึกจิตก่อนละขันธ์ ก่อนดวงจิตจะกลายเป็นวิญญาณ

    วันนี้/คืนนี้...ผู้เจริญทั้งหลาย คุณฝึกจิตจะไปยังโลกใด ดังต่อไปนี้... นรก สวรรค์ พรหม หรือพระนิพพาน จิตที่จะไปก็มีอยู่แค่เนี๊ย ! (ที่ที่จิตจะไปจุติ)

    "ทุกข์เมื่อไหร่ ก็แวะมา"
    จบ.๒
     
  19. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    หายไปปฏิบัติธรรมมาค่ะ ไม่อยู่ตอนเกิดเหตุ อิอิ

    ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง ยังอยู่โหมดอุเบกขาค่ะ

    โชคดีที่ได้รับโอกาสให้ช่วยสอนธรรมะผู้ปฏิบัติธรรมใหม่ด้วย

    ยังมีผู้คนอีกมากที่มีศรัทธา แต่ยังขาดผู้ชี้แนะ

    ก่อนกลับลูกศิษย์ถาม ครูจะมาอีกเมื่อไร
    แม่ชีก็ชวนให้บวชอยู่ด้วยกัน

    เห็นลูกศิษย์ตั้งใจเดินจงกรมอยู่รอบเจดีย์ ก็อิ่มเอิบ เบิกบาน
    trip นี้ถ้าเกิดมีผู้ตั้งใจรักษาศีล 5 ได้สักคนก็คุ้มแล้ว

    ถ้ามีโอกาสคงได้ไปอีก ดีใจจริงๆที่ได้ไป

    มาร่วมอนุโมทนาด้วยกันนะคะ (rose)
     
  20. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    อนุโมทนาบุญ กับคุณหมอค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
    อันคำสอนขององค์ สมเด็จ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เบื้องต้นสรุปได้ว่า ละชั่ว ทำดี(จากจิตเบื้องลึก) เสียดาย ส่วนมากทำดี(มากน้อยตามสภาพ สถานะและกำลังใจ) แต่ไม่ละชั่ว ละชั่วอย่างไร เบื้องต้นก็รักษาศีลห้านี่ละค่ะ ทางกาย วาจา และใจ

     

แชร์หน้านี้

Loading...