WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 24 เมษายน 2011.

  1. somsweet

    somsweet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +9,874
    อุตุฯภาคเหนือแฉ ไทยเคยมีหิมะตก

    วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม 2555 เวลา 13:27 น.

    [​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->[​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->
    <!-- /.images-list-container -->
    <!-- /.images-list-wrapper -->อุตุนิยมฯภาคเหนือยันหิมะตกเชียงรายเป็นไปได้ เพราะเคยเกิดมาแล้วเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ขณะเดียวกันเหนือเริ่มหนาวบนดอยอินทนนท์อุณภูมิลดเหลือ 9.5องศาเท่านั้น

    <!-- /.content -->
    <!-- /.content --><!-- /#featured-caption -->เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ต.ค. นายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร เวรพยากรณ์อากาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่าความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือมีปริมาณและการกระจายของฝนลดลงและอุณหภูมิจะลดต่ำลง 1-2 องศา โดยอุณหภูมิต่ำสุดเช้านี้วัดได้ 9.5 องศา ส่วนตัวเมืองเชียงใหม่วัดได้ 16.8 องศา
    นายวรพจน์ กล่าวต่อว่าสำหรับที่มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้จะหนาวเย็นและหนาวนานกว่าทุกปี และมีโอกาสเกิดหิมะตกในจ.เชียงรายและเชียงใหม่นั้น ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้มีการวิเคราะห์สภาพอากาศปีนี้อากาศเย็นจากประเทศจีนเคลื่อนตัวมาไวกว่าทุกปี อุณหภูมิจะลดต่ำลงในทุกจังหวัดทั่วภาคเหนือ และจะหนาวหนักในเดือนธ.ค.และปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบขึ้นตามยอดดอยทั่วไปแบบยาวนานกว่าทุกปี

    ส่วนการเกิดหิมะตก นั้นมีความเป็นไปได้เพราะประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2498 และปีพ.ศ.2501 เคยเกิดหิมะตกที่ จ.เชียงรายมาแล้วแต่ต้องมีเงื่อนไขคือต้องมีเมฆผลึกน้ำแข็ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของผลึกหิมะ และเมฆนั้นต้องอยู่ในระดับต่ำใกล้ชิดกับพื้นดินด้วยหรือระดับเยือกแข็งต้องอยู่ในระยะห่างพื้น ดินไม่เกิน 300 เมตร รวมถึงอุณหภูมิอากาศเหนือพื้นดิน ต้องต่ำเข้าใกล้ 0 องศาเซลเซียสแบบต่อเนื่อง แม้ประเทศไทยจะอยู่ในเขตโซนร้อน แต่ประเทศแอฟริกาที่อยู่ในเส้นศูนย์สูตร ก็สามารถเกิดหิมะตกได้ แต่ต้องรอดูสภาพอากาศในช่วงเดือนพฤจิกายน ธันวาคม และมกราคม แบบใกล้ชิดและอาจจะเกิดหิมะตกตามยอดดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ก็เป็นได้.

    B5 - War Room Falkman



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เจอเช่นกันมืดตึบไม่ถึง10นาท่ีสว่างโล่งเหมือนกดปุ่มสั่ง สับขาหสอก
    หรือเปล่าอย่าตายใจว่าจะเอาไม่จริงเสมอไป
     
  3. nattanan39

    nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,190
    ค่าพลัง:
    +2,935
    อุตุฯลำพูนคาดอากาศจะเย็นลงเข้าสู่ฤดูหนาว

    <!--
    <iframe width=300 height=50 src="getVaja.php?id=653363" marginwidth="0" marginheight="0" vspace="0" hspace="0" frameborder="0" align="middle" scrolling="no"></iframe>-->

    [​IMG]
    <IFRAME id=vaja_page height=50 marginHeight=0 src="getVajaDB.php" frameBorder=0 width=300 name=vaja_page marginWidth=0 scrolling=no align=middle></IFRAME>
    <!--[​IMG]-->

    <SCRIPT language=javascript> //startVaja("getVaja.php","?id=653363"); </SCRIPT>
    นายวิชัย ตินโนเวช ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำพูน เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 9-14 ตุลาคม 2555 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก และอากาศจะเย็นลงโดยมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคใต้ ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น อนึ่ง พายุดีเปรสชัน แกมี (GAEMI) บริเวณภาคตะวันออก ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านภาคกลางด้านตะวันตก และทะเลอันดามันตอนบนต่อไป

    ส่วนพายุ พระพิรุณ (PRAPIROON) จะไม่เคลื่อนตัวเข้าประเทศไทย บริเวณภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 8-9 ตุลาคม 2555 จะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10-14 ตุลาคม 2555 จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส และเนื่องจากในระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาว ประชาชนควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาว สำหรับตนเองและวัสดุสำหรับให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงไว้ให้พร้อม ในระยะนี้แม้จะมีฝนลดลงแต่ยังมีความชื้นอยู่ เกษตรกรที่ปลูกกาแฟควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรคราสนิมและโรคใบจุด สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ผลควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและเตรียมตัวสำหรับแทงช่อดอกในระยะต่อไป
     
  4. nattanan39

    nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,190
    ค่าพลัง:
    +2,935
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหว 6.0 นอกฝั่งเม็กซิโก สะเทือนไกลเกิน 900 กม. ไร้ความเสียหาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>8 ตุลาคม 2555 18:59 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1347008535.html#_=1009842220843&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FAround%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123427&size=m&text=%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%206.0%20%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%81%20%20%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%20900%20%E0%B8%81%E0%B8%A1.%20%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FAround%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123427&via=ASTVManager" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no data-twttr-rendered="true"></IFRAME>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><!--
    <script>(function(d, s, id) { var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0]; if (d.getElementById(id)) return; js = d.createElement(s); js.id = id; js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/all.js#xfbml=1"; fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs);}(document, 'script', 'facebook-jssdk'));</script><fb:like href="http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000123427" send="true" width="450" show_faces="false"></fb:like>--></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส)รายงานวันนี้ (8) เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลบริเวณนอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกของเม็กซิโก ซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 6.0 เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

    ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกเพียง 9.9 กิโลเมตร ห่างจากเมืองโตโปโลบัมโป ในรัฐซินาลัวของเม็กซิโก ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 83 กิโลเมตร และห่างจากเมืองชายฝั่งลอส โมชิสในรัฐเดียวกัน 102 กิโลเมตร

    เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลนอกชายฝั่งของเม็กซิโกในครั้งนี้ แต่มีรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถรู้สึกได้ในบางพื้นที่แถบชานเมืองฟีนิกซ์ มลรัฐแอริโซนาของสหรัฐฯ ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวกว่า 950 กิโลเมตร

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เมืองโตโปโลบัมโป</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    [​IMG] <table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" width="500"><tbody><tr valign="top"> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 1 :
    </td> <td> หย่อมความกดอากาศต่ำ “แกมี” (GAEMI) ปกคลุมบริเวณด้านตะวันตกของภาคกลาง เคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุม ลงสู่อ่าวมะตะบัน ประเทศพม่า </td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 2 :
    </td> <td> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยมีฝนกระจายปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก</td></tr></tbody></table>
    ปากช่อง ตั้งแต่ประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนกว่า ๆ ฝนลงตลอด เป็นฝนซ่า ได้น้ำได้เนื้อเย็นฉ่ำจนทั่ว ก็แปลกดี ตอนพายุมาถึงฝนไม่ค่อยมี พอผ่านไปแล้วฝนมาจัง แต่ตอนนี้ฟ้าแจ้งจางปาง เห็นดาวเดือนชัดเจนแล้ว มันอาจจะไป ๆ มา ๆ ก็ได้ครับ

    น้ำในบ่อเกือบเต็มแล้วครับ เหลือประมาณ 1 ศอกก็เต็มตลิ่ง จะได้น้ำลึกประมาณ 5 เมตร ใช้รดต้นไม้ได้ตลอดปีเอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้เพราะขุ่นขาว ต้องเอาผักตบชวาลงเป็นปีกว่าน้ำจะใสขึ้น แต่เมื่อผักตบแน่นบ่อปลาใจเสาะก็ตายหมด คงเหลือแต่ปลาดุกปลาช่อนปลาหมอเท่านั้น

    น้ำใช้เป็นน้ำบาดาล ใช้วิธีเดินหาน้ำแบบฝรั่ง เคยอ่านพบในต่วยตูนเลยเอามาใช้ปรากฏได้ผลจริง ๆ เคยไปนอนภาวนาที่สำนักสงฆ์ถ้ำเสือน้อยอ่าวลึก จ.กระบี่ พระไม่มีน้ำใช้ เจาะบาดาลมา 3 ครั้งไม่พบน้ำ ผมนำวิชานี้ไปใช้ เจาะทีเดียวไม่ถึง 10 เมตร ได้น้ำใช้อย่างแรงเลย คราวนี้นำมาใช้ให้ตัวเอง เจาะบนเนินเขา ใคร ๆ ก็ว่าที่นี่เจาะบาดาลไม่เจอน้ำ ผมปักไม้ทีเดียวให้เขาเจาะ ลึก 14 เมตรพบน้ำ เจาะลงไป 32 เมตรเจอหินแกรนิตแข็งมาก ก็เอาแค่นั้น สูบทั้งวันไม่มีแห้งครับ

    เขาเรียกวิชาเกรเกอร์รึเปล่า ที่ใช้ลวดดัดเป็นตัวแอล 2 ตัว ใส่กระบอกไม้ถือแนบอกให้ปลายตัวแอลชี้ไปข้างหน้า ถือขนานกัน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิเดินตรงไป ตรงไหนมีน้ำลวดจะเคลื่อนมาไขว้กันเป็นกากบาท เดินตัดกันไปมา ๆ ก็จะได้ตาน้ำพอดี
     
  6. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    เมฆ



    เมฆ
    คือ เมฆเกิดจากการรวมตัวหรือเกาะกลุ่มของไอนำในที่สุดก็จะเกิดการควบแน่นและตกลง มาเป็นฝน ละอองน้ำและเกล็ดน้ำแข็งที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนลอยตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ ที่เราสามารถมองเห็นได้
    ไอน้ำที่ควบแน่น เป็นละอองน้ำ (โดยปกติแล้วจะมีขนาด 0.01 มม) หรือ เป็นเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งเมื่อเกาะตัวกันเป็นกลุ่มจะเห็นเป็นก้อนเมฆ ก้อนเมฆนี้สะท้อนคลื่นแสงในแต่ละความยาวคลื่นในช่วงที่ตามองเห็นได้ ในระดับที่เท่า ๆ กัน จึงทำให้เรามองเห็นก้อนเมฆนั้นเป็นสีขาว แต่ก็สามารถมองเห็นเป็นสีเทาหรือสีดำ ถ้าหากเมฆนั้นมีความหนาแน่นสูงมากจนแสงผ่านไม่ได้
    เมฆบนดาวดวงอื่นนั้นประกอบด้วยสารอื่นนอกจากน้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพบรรยากาศของดาวนั้น (เช่นว่า มีก๊าซอะไรอยู่ และ ระดับอุณหภูมิ)
    การแบ่งประเภท

    [FONT=&quot]แบ่งตามรูปร่างของเมฆ[/FONT]

    เมฆนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ แบบเป็นชั้น (layered) ในแนวนอน และ แบบลอยตัวสูงขึ้น (convective) ในแนวตั้ง, โดยจะมีชื่อเรียกว่า สตราตัส (stratus ซึ่งหมายถึงลักษณะเป็นชั้น) และ คิวมูลัส (cumulus ซึ่งหมายถึงทับถมกันเป็นกอง) ตามลำดับ
    นอกจากนี้แล้วยังมีคำที่ใช้ในการบอกลักษณะของเมฆ

    • [FONT=&quot]สตราตัส[/FONT] (stratus) [FONT=&quot]หมายถึง ลักษณะเป็นชั้น[/FONT]
    • [FONT=&quot]คิวมูลัส[/FONT] (cumulus) [FONT=&quot]หมายถึง ลักษณะเป็นก้อนสุมกัน[/FONT]
    • [FONT=&quot]เซอร์รัส[/FONT] (cirrus) [FONT=&quot]หมายถึง เมฆชั้นสูง[/FONT]
    • [FONT=&quot]อัลโต[/FONT] (alto) [FONT=&quot]หมายถึง เมฆชั้นกลาง[/FONT]
    • [FONT=&quot]นิมบัส[/FONT] (nimbus) [FONT=&quot]หมายถึง ฝน[/FONT]
    [FONT=&quot]แบ่งตามระดับความสูง[/FONT]

    เมฆยังอาจแบ่งเป็น 4 กลุ่มตามระดับความสูงของเมฆ โดยระดับความสูงของเมฆนี้จะวัดจากฐานของก้อนเมฆ ไม่ได้วัดจากยอด โดย Luke Howard เป็นผู้นำเสนอวิธีการแบ่งกลุ่มแบบนี้ แก่ Askesian Society ในปี ค.ศ. 1802
    [FONT=&quot]เมฆระดับสูง (ตระกูล [/FONT]A)

    ก่อตัวที่ความสูงมากกว่า 16,500 ฟุต (5,000 เมตร) ในบริเวณที่อุณหภูมิต่ำในชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์ ที่ความสูงระดับนี้น้ำส่วนใหญ่นั้นจะแข็งตัว ดังนั้นเมฆจะประกอบด้วยผลึกน้ำแข็ง เมฆในชั้นนี้ส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ และ มักจะค่อนข้างโปร่งใส เมฆในกลุ่มนี้จะมีชื่อนำหน้าด้วย ซีร์- (cirr-)
    ชนิดของเมฆ:

    • [FONT=&quot]เซอร์รัส ([/FONT]cirrus - Ci): Cirrus, Cirrus uncinus, Cirrus Kelvin-Helmholtz [FONT=&quot]เป็นเมฆที่ก่อตัวอยู่ในระดับสูงที่สุด[/FONT] [FONT=&quot]มีลักษณะเป็นเส้นๆคล้ายใยไหมหรือเป็นริ้วบางๆหยิกหยองเป็นปอยเหมือนขนนก[/FONT] [FONT=&quot]หรือบางครั้งมองเห็นเป็นริ้วโค้งๆยาวพาดกลางท้องฟ้า[/FONT] [FONT=&quot]ลอยตัวอยู่ในบรรยากาศระดับสูงมากบนท้องฟ้า[/FONT] [FONT=&quot]อุณหภูมิของอากาศบนนั้นหนาวจัดจนเมฆชนิดนี้ประกอบด้วยผลึกน้ำแข็งขนาดจิ๋ว[/FONT] [FONT=&quot]แทนที่จะเป็นหยดน้ำ บางครั้งอาจเรียกว่าเมฆหางม้า[/FONT] [FONT=&quot]เพราะกระแสลมแรงจัดเบื้องบนพัดจนกลุ่มเมฆกระจายออกเป็นริ้วโค้งๆเหมือนกับ[/FONT] [FONT=&quot]หางของม้า เมฆซีร์รัสเป็นที่ปรากฏอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า[/FONT] [FONT=&quot]บ่งบอกว่าข้างบนโน้นมีลมแรงจัดมากเมฆชนิดนี้เป็นสัญญาณแสดงว่าอากาศแปรปรวน[/FONT] [FONT=&quot]และอากาศอาจกำลังเลวลง[/FONT]

    • [FONT=&quot]เซอร์โรคิวมูลัส ([/FONT]cirrocumulus - Cc) [FONT=&quot]เกิดจากผลึกน้ำแข็งเป็นเมฆ สีขาวโปร่งแสง[/FONT] [FONT=&quot]บางครั้งจะปรากฏวงแหวนสีสวยงามขึ้นในเมฆซีร์โรสตราตัสหรือเมฆอัลโทรเตรตัส[/FONT] [FONT=&quot]ที่อยู่สูงๆ มีฐานสูงเฉลี่ย [/FONT]7,000 [FONT=&quot]เมตร[/FONT][FONT=&quot] มีลักษณะเป็นเกล็ดบางๆ[/FONT] [FONT=&quot]หรือเป็นละอองคลื่นเล็กๆอยู่ติดกัน บางตอนอาจแยกจากกัน[/FONT] [FONT=&quot]แต่จะอยู่เรียงรายกันอย่างมีระเบียบ[/FONT] [FONT=&quot]โปร่งแสงอาจมองเห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ได้[/FONT]

    • [FONT=&quot]เซอร์โรสตราตัส ([/FONT]cirrostratus - Cs) [FONT=&quot]เกิดจากผลึกน้ำแข็งเป็นเมฆ สีขาวโปร่งแสง[/FONT] [FONT=&quot]บางครั้งจะปรากฏวงแหวนสีสวยงามขึ้นในเมฆซีร์โรสตราตัสหรือเมฆอัลโทรสตราตัส[/FONT] [FONT=&quot]ที่อยู่สูงๆ มีฐานสูงเฉลี่ย [/FONT]8,500 [FONT=&quot]เมตร[/FONT][FONT=&quot] มีลักษณะเป็นแผ่นเยื่อบางๆ[/FONT] [FONT=&quot]โปร่งแสงเหมือนม่านติดต่อกันเป็นแผ่นในระดับสูง มีสีขาวหรือน้ำเงินจาง[/FONT] [FONT=&quot]ปกคลุมเต็มท้องฟ้าหรือเพียงบางส่วน[/FONT] [FONT=&quot]เป็นเมฆที่ทำให้เกิดวงแสงสีขาวหรือมีสี([/FONT]Halo) [FONT=&quot]รอบดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ได้[/FONT]
    • [FONT=&quot]คอนเทรล ([/FONT]Contrail) [FONT=&quot]เป็นเมฆที่เกิดจาดความร้อนของเครื่องบินไอพ่น มีลักษณะเป็นเส้นพาดท้องฟ้า[/FONT]
    [FONT=&quot]เมฆระดับกลาง (ตระกูล [/FONT]B)

    ก่อตัวที่ความสูงระหว่าง 6,500 และ 16,500 ฟุต (ระหว่าง 2,000 และ 5,000 เมตร) เมฆจะประกอบด้วยละอองน้ำ และ ละอองน้ำเย็นยิ่งยวด ชื่อของเมฆในชั้นนี้จะนำหน้าด้วย อัลโต- (alto-) ชนิดของเมฆ:

    • [FONT=&quot]อัลโตคิวมูลัส ([/FONT]altocumulus - Ac): Altocumulus, Altocumulus undulatus, Altocumulus mackerel sky, Altocumulus castellanus, Altocumulus lenticularis [FONT=&quot]มีลักษณะอยู่เป็นกลุ่มๆ คล้ายฝูงแกะ มีสีขาว บางครั้งสีเทา[/FONT] [FONT=&quot]มีการจัดตัวเป็นแถวๆหรือเป็นคลื่น เป็นชั้นๆ มีเงาเมฆมีลักษณะเป็นเกล็ด[/FONT] [FONT=&quot]เป็นก้อนม้วนตัว ([/FONT]roll) [FONT=&quot]อาจมี [/FONT]2 [FONT=&quot]ชั้นหรือมากกว่าขึ้นไป อาจเกิด[/FONT][FONT=&quot]พระอาทิตย์ทรงกลด[/FONT](corona)
    • [FONT=&quot]อัลโตสตราตัส ([/FONT]altostratus - As): Altostratus, Altostratus undulatus [FONT=&quot]มีลักษณะเป็นแผ่นหนาบางสม่ำเสมอในชั้นกลางของบรรยากาศ[/FONT] [FONT=&quot]มองดูเรียบเป็นปุยหรือฝอยละเอียดแผ่ออกเป็นพืด เป็นลูกคลื่น[/FONT] [FONT=&quot]ปกคลุมเต็มท้องฟ้า มีสีเทาหรือน้ำเงินอ่อน และอาจมีบางส่วนที่[/FONT] [FONT=&quot]บางพอที่แสงอาทิตย์จะส่องผ่านลงมายังพื้นดินได้ อาจมีแสงทรงกลด[/FONT]
    [FONT=&quot]เมฆระดับต่ำ (ตระกูล [/FONT]C)

    ก่อตัวที่ความสูงต่ำกว่า 6,500 ฟุต (2,000 เมตร) และ รวมถึงสตราตัส (stratus) เมฆสตราตัสที่ลอยตัวอยู่ระดับพื้นดินเรียก หมอก
    ชนิดของเมฆ:

    • [FONT=&quot]สตราตัส ([/FONT]Stratus - St) [FONT=&quot]มีลักษณะเป็นแผ่นหนาๆสม่ำเสมอในชั้นต่ำของบรรยากาศ ใกล้ผิวโลกเหมือนหมอก[/FONT] [FONT=&quot]มีสีเทา มองไม่เห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ไม่ทำให้เกิดวงแสง[/FONT] (Halo)[FONT=&quot]เว้นแต่เมื่อมีอุณหภูมิต่ำมากก็อาจเกิดได้[/FONT]

    • [FONT=&quot]สตราโตคิวมูลัส ([/FONT]Stratocumulus - Sc)[FONT=&quot]มีสีเทา ลักษณะอ่อนนุ่ม เป็นก้อนกลมเรียงติดๆกันทั้งทางแนวตั้ง และทางแนวนอนทำให้มองเห็นเป็นลอนเชื่อมติดต่อกันไป[/FONT]

    • [FONT=&quot]นิมโบสตราตัส ([/FONT]Nimbostratus - Ns) [FONT=&quot]มีลักษณะเป็นแผ่นหนาสีเทาดำ เป็นแนวยาวติดต่อกัน แผ่กว้างออกไป[/FONT] [FONT=&quot]ไม่เป็นรูปร่าง เป็นเมฆที่ทำให้เกิดฝนตก จึงเรียกกันว่า "เมฆฝน"[/FONT] [FONT=&quot]เมฆชนิดนี้จะไม่มีฟ้าแลบฟ้าร้อง เกิดเฉพาะในเขตอบอุ่นเท่านั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]เมฆแนวตั้ง (ตระกูล [/FONT]D)

    เป็นเมฆที่มีแนวก่อตัวในแนวตั้ง ซึ่งทำให้เมฆมีความสูงจากฐาน

    • [FONT=&quot]คิวมูโลนิมบัส ([/FONT]Cumulonimbus - Cb): Cumulonimbus, Cumulonimbus incus, Cumulonimbus calvus, Cumulonimbus with mammatus [FONT=&quot]ลักษณะเป็นเมฆก้อนใหญ่รูปร่างคล้ายภูเขาใหญ่[/FONT] [FONT=&quot]มียอดเมฆแผ่ออกเป็นรูปร่างคล้ายทั่ง ([/FONT]anvil)[FONT=&quot]ฐานเมฆต่ำมีสีดำมืด เป็นเมฆหนา[/FONT] [FONT=&quot]มืดทึบ มีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง อาจอยู่กระจัดกระจายหรือรวมกันอยู่ มักมีฝนตกลงมา[/FONT] [FONT=&quot]เรียกเมฆชนิดนี้ว่า "เมฆฟ้าคะนอง"[/FONT]
    [FONT=&quot]เมฆคิวมูลัส[/FONT]

    • [FONT=&quot]คิวมูลัส([/FONT]Cumulus) [FONT=&quot]ลักษณะเป็นเมฆก้อนหนามียอดมนกลมคล้ายกะหล่ำดอก เห็นขอบนอกได้ชัดเจน[/FONT] [FONT=&quot]ส่วนฐานมีสีค่อนข้างดำ ก่อตัวในทางตั้ง กระจัดกระจายเหมือนสำลี[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆหรือลอยอยู่โดดเดี่ยว แสดงถึงสภาวะอากาศดี แดดจัด[/FONT] [FONT=&quot]ถ้ามีขนาดก้อนเมฆใหญ่ ก็อาจมีฝนตกภายใต้ก้อนเมฆ ลักษณะเป็นฝนเฉพาะแห่ง[/FONT]
    สีของเมฆ

    สีของเมฆนั้นบ่งบอกถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเมฆ
    เมฆเกิดจากไอน้ำลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง เย็นตัวลง และ ควบแน่นเป็นละอองน้ำขนาดเล็ก ละอองน้ำเหล่านี้มีความหนาแน่นสูง แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องทะลุผ่านไปได้ไกลภายในกลุ่มละอองน้ำนี้ จึงเกิดการสะท้อนของแสง ทำให้เราเห็นเป็นก้อนเมฆสีขาว ในขณะที่ก้อนเมฆกลั่นตัวหนาแน่นขึ้น ละอองน้ำเกิดการรวมตัวขนาดใหญ่ขึ้นจนในที่สุดตกลงมาเป็นฝน ในระหว่างกระบวนการนี้ละอองน้ำในก้อนเมฆซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น จะมีช่องว่างระหว่างหยดน้ำมากขึ้น ทำให้แสงสามารถส่องทะลุผ่านไปได้มากขึ้น ซึ่งถ้าก้อนเมฆนั้นมีขนาดใหญ่พอ และ ช่องว่างระหว่างหยดน้ำนั้นมากพอ แสงที่ผ่านเข้าไปก็จะถูกซึมซับไปในก้อนเมฆและสะท้อนกลับออกมาน้อยมาก ซึ่งการซึมซับและการสะท้อนของแสงนี้ส่งผลให้เราเห็นเมฆตั้งแต่ สีขาว สีเทา ไปจนถึง สีดำ
    สีของเมฆที่ใช้ในการบอกสภาพอากาศ:

    • เมฆสีเขียวจางๆ นั้นเกิดจากการกระเจิงของแสงอาทิตย์ เมื่อตกกระทบน้ำแข็ง เมฆคิวมูโลนิมบัสที่มีสีเขียว นั้นบ่งบอกถึงการก่อตัวของ พายุฝน พายุลูกเห็บ ลมที่รุนแรง หรือ พายุทอร์นาโด

    • เมฆสีเหลือง ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยครั้ง แต่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงที่เกิดไฟป่าได้ง่าย สีเหลืองนั้นเกิดจากฝุ่นควันในอากาศ

    • เมฆสีแดง สีส้ม หรือ สีชมพู นั้นโดยปกติเกิดในช่วง พระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตก เกิดจากการกระเจิงของแสงในชั้นบรรยากาศ ไม่ได้เกิดจากเมฆโดยตรง เมฆเพียงเป็นตัวสะท้อนแสงนี้เท่านั้น ในกรณีที่มีพายุฝนขนาดใหญ่ในช่วงเดียวกันจะทำให้เห็นเมฆ เป็นสีแดงเข้ม เหมือนสีเลือด เมฆเกิดจากการรวมตัวหรือเกาะกลุ่มของไอนำในที่สุดก็จะเกิดการควบแน่นและตกลง มาเป็นฝน
    [FONT=&quot]จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  7. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    ฮัลโล ๆ ๆ หน่วยระวังภัยหายไปไหนกันหมดครับ หรือตามแกมีไปเมาะตะมะแล้ว ขอทำหน้าที่แทนนะ ผิดกฏป่ะ ค้นหาความรู้เกี่ยวข้องมาฝากครับ อาจมีคนโพสต์แล้วก็ได้ แต่มันคงผ่านมาหลายร้อยหน้าแล้วล่ะ ไม่มีใครไปเปิดดูหร็อก เอากันตอนนี้แหละจ๊ะ

    พายุ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    [​IMG] [​IMG]
    เมฆพายุหมุนเหนือเมือง เอนสเกเด ประเทศเนเธอร์แลนด์


    พายุ คือ สภาพบรรยากาศที่ถูกรบกวนแบบใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อพื้นผิวโลก และบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่รุนแรง เวลากล่าวถึงความรุนแรงของพายุ จะมีเนื้อหาสำคัญอยู่บางประการคือ ความเร็วที่ศูนย์กลาง ซึ่งอาจสูงถึง 400 กม./ชม. ความเร็วของการเคลื่อนตัว ทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุ และขนาดความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวพายุ ซึ่งบอกถึงอาณาบริเวณที่จะได้รับความเสียหายว่าครอบคลุมเท่าใด ความรุนแรงของพายุจะมีหน่วยวัดความรุนแรงคล้ายหน่วยริกเตอร์ของการวัดความรุนแรงแผ่นดินไหว มักจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
    <table id="toc" class="toc"> <tbody><tr> <td> เนื้อหา



    </td> </tr> </tbody></table> พายุเกิดจากอะไร

    พายุ (Storms) เกิดขึ้นเมื่อเกิดศูนย์กลางของแรงดันอากาศต่ำ พร้อม ๆ กับมีแรงดันอากาศสูงเกิดขึ้นรอบ ๆ การรวมของแรงปะทะต่าง ๆ ก่อให้เกิดลม อันส่งผลให้เกิด การเคลื่อนตัวเปลี่ยนรูปของพายุเมฆ เช่น สภาพที่เรียกว่า cumulonimbus ซึ่งเป็นในรูปแบบก้อนเมฆดำทะมึนหนาทึบอันเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้าที่ก่อให้เกิด ฝนฟ้าคะนอง
    ซึ่งแรงดันอากาศต่ำอาจเกิดจากจุดเล็ก ๆ ที่พื้นที่ใด ๆ อันเกิดจากอากาศร้อนลอยล่องขึ้นจากพื้นดิน ส่งผลให้เกิดการปั่นป่วนน้อย ๆ เช่น การเกิดพายุฝุ่น (dust devils) หรือลมหมุน (whirlwinds)


    ประเภทของพายุ

    พายุแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท คือ

    1. พายุฝนฟ้าคะนอง มีลักษณะเป็นลมพัดย้อนไปมา หรือพัดเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกัน อาจเกิดจากพายุที่อ่อนตัวและลดความรุนแรงของลมลง หรือเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ร่องความกดอากาศต่ำ อาจไม่มีทิศทางที่แน่นอน หากสภาพการณ์แวดล้อมต่าง ๆ ของการเกิดฝนเหมาะสม ก็จะเกิดฝนตก มีลมพัด
    2. พายุหมุนเขตร้อนต่าง ๆ เช่น เฮอร์ริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ซึ่งล้วนเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน และจะเกิดขึ้นหรือเริ่มต้นก่อตัวในทะเล หากเกิดเหนือเส้นศูนย์สูตร จะมีทิศทางการหมุนทวนเข็มนาฬิกา และหากเกิดใต้เส้นศูนย์สูตรจะหมุนตามเข็มนาฬิกา โดยมีชื่อต่างกันตามสถานที่เกิด กล่าวคือ
      1. พายุเฮอร์ริเคน (hurricane) เป็นชื่อเรียกพายุหมุนที่เกิดบริเวณทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก เช่น บริเวณฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อ่าวเม็กซิโก ทะเลแคริบเบียน เป็นต้น รวมทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณชายฝั่งประเทศเม็กซิโก
      2. พายุไต้ฝุ่น (typhoon) เป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ เช่น บริเวณทะเลจีนใต้ อ่าวไทย อ่าวตังเกี๋ย ประเทศญี่ปุ่น
      3. พายุไซโคลน (cyclone) เป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดในมหาสมุทรอินเดียเหนือ เช่น บริเวณอ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ เป็นต้น แต่ถ้าพายุนี้เกิดบริเวณทะเลติมอร์และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย จะเรียกว่า พายุวิลลี-วิลลี (willy-willy)
      4. พายุโซนร้อน (tropical storm) เกิดขึ้นเมื่อพายุเขตร้อนขนาดใหญ่อ่อนกำลังลง ขณะเคลื่อนตัวในทะเล และความเร็วที่จุดศูนย์กลางลดลงเมื่อเคลื่อนเข้าหาฝั่ง
      5. พายุดีเปรสชัน (depression) เกิดขึ้นเมื่อความเร็วลดลงจากพายุโซนร้อน ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองธรรมดาหรือฝนตกหนัก
    3. พายุทอร์นาโด (tornado) เป็นชื่อเรียกพายุหมุนที่เกิดในทวีปอเมริกา มีขนาดเนื้อที่เล็กหรือเส้นผ่าศูนย์กลางน้อย แต่หมุนด้วยความเร็วสูง หรือความเร็วที่จุดศูนย์กลางสูงมากกว่าพายุหมุนอื่น ๆ ก่อความเสียหายได้รุนแรงในบริเวณที่พัดผ่าน เกิดได้ทั้งบนบก และในทะเล หากเกิดในทะเล จะเรียกว่า นาคเล่นน้ำ (water spout) บางครั้งอาจเกิดจากกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า แต่หมุนตัวยื่นลงมาจากท้องฟ้าไม่ถึงพื้นดิน มีรูปร่างเหมือนงวงช้าง จึงเรียกกันว่า ลมงวง

    ลมสลาตัน เป็นชื่อภาษาไทยใช้เรียกลมแรงหรือพายุช่วงปลายฤดูฝนที่พัดจากทิศตะวันตก เฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย นอกจากนี้ยังใช้เรียกพายุทั่วไปที่มีความรุนแรงทุกชนิด รวมทั้งพายุต่างๆ ข้างต้นที่มีความรุนแรงข้างต้น1+1
    อันตรายที่เกิดจากพายุ


    • พายุไต้ฝุ่น เมื่อพายุที่มีกำลังขนาดไต้ฝุ่น คือ กำลังความเร็วของลมตั้งแต่ 65 น๊อต หรือ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปพัดผ่านที่ใดทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงดังนี้
      • บนบก ทำให้ ต้นไม้ล้ม เกิดอันตรายจากต้นไม้ล้มทับบ้านเรือน บ้านเรือนพังทับผู้คนในบ้านและใกล้เคียงบาดเจ็บหรือตายสวนไร่นาเสียหาย เสาไฟฟ้าล้ม สายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าช็อต เกิดเพลิงไหม้และผู้คนอาจเสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดได้ ผู้คนที่มีอาคารพักอาศัยอยู่ริมทะเลอาจถูกน้ำพัดพาลงทะเลจมน้ำตายได้ ดังเช่น ปรากฏการณ์ที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช ฝนตกหนักมากทั้งคืนทั้งวัน เมื่อน้ำจากป่าและภูเขาหลากลงมาอย่างมากมาย ท่วมบ้านช่อง ถนนหนทาง และเรือกสวนไร่นาล่มจมอยู่ใต้น้ำ เส้นทางคมนาคม ทางรถไฟ สะพาน ถนนทางขาด
      • ทะเล ในทะเลลมแรงจัดมาก คลื่นใหญ่ เรือขนาดใหญ่ ๆ อาจจะถูกพัดพาไปเกยฝั่งล่มจมได้ บรรดาเรือเล็กเป็นอันตรายไม่สามารถจะต้านความรุนแรงของพายุได้ คลื่นใหญ่ซัดขึ้นริมฝั่งจนทำให้ระดับน้ำขึ้นสูงมากจนท่วมอาคารบ้านช่องริม ทะเลได้ บรรดาโป๊ะจับปลาในทะเลถูกทำลาย
    • พายุโซนร้อน พายุโซนร้อนมีความรุนแรงน้อยกว่าพายุไต้ฝุ่น ความเร็วของลมบริเวณใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 34 น็อต หรือ 62 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่เกิน 63 น็อต หรือ 117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทะเลลมจะแรงมากจนสามารถจมเรือขนาดใหญ่ ๆ ได้ ต้นไม้ล้ม ถ้าไม่มีกาารเตรียมรับมือที่ดีก็จะเกิดความเสียหายได้
    • พายุดีเปรสชั่น พายุดีเปรสชั่นเป็นพายุที่มีกำลังอ่อน ความเร็วของลมใกล้บริเวณศูนย์กลางไม่เกิน 33 น็อต หรือ 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีอันตรายรุนแรงแต่ทำให้มีฝนตกทั่วไปตลอดทางที่พายุดีเปรสชั่นผ่านไป และมีฝนตกหนักเป็นแห่ง ๆ พร้อมด้วยลมกรรโชกแรงเป็นครั้งคราว ซึ่งบางคราวจะรุนแรงจนทำให้เกิดความเสียหายได้บ้าง ในทะเลค่อนข้างแรงและคลื่นจัด บรรดาเรือประมงเล็กขนาดต่ำกว่า 50 ตัน ควรงดเว้นออกทะเลเพราะอาจจะล่มลงได้ และพายุดีเปรสชั่นนี้เมื่ออยู่ในทะเลได้รับไอน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา และไม่มีสิ่งกีดขวางทางลมอาจจะทวีกำลังขึ้นได้โดยฉับพลัน สำหรับพายุพัดจัดจะลดน้อยลงเป็นลำดับ มีแต่ฝนตกทั่วไปเป็นระยะนาน ๆ และตกได้มากถึง 100 มิลลิเมตร ภายใน 12 ชั่วโมงซึ่งต่อไปก็จะทำให้เกิดน้ำป่าไหลบ่าจากภูเขาและป่าใกล้เคียงลงมาท่วม บ้านเรือนได้ในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากพายุได้ผ่านไปแล้ว
    • พายุฤดูร้อน พายุฤดูร้อนเป็นพายุที่ต่างกับพายุดีเปรสชั่น และเกิดบนผืนแผ่นดินที่ร้อนอบอ้าวในฤดูร้อนแต่เป็นพายุที่มีบริเวณย่อม ๆ มีอาณาเขตเพียง 20-30 ตารางกิโลเมตร แต่อาจมีลมแรงมากถึง 47 น็อต หรือ 87 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้มีกำลังแรงที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้มากเหมือนกันแต่เป็นช่วงระยะ เวลาสั้น ๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง อันตรายที่เกิดขึ้นคือ ต้นไม้หักล้มทับบ้านเรือนผู้คน บ้านเรือนพังทะลาย ฝนตกหนักและอาจมีลูกเห็บตก
     
  8. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    <!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า[/FONT]
    ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า (Thunder) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุอิเล็กตรอนภายในก้อนเมฆ หรือระหว่างก้อนเมฆกับก้อนเมฆ หรือเกิดขึ้นระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน การเคลื่อนที่ขึ้นลงของกระแสอากาศ (updraft/downdraft) ภายในเมฆคิวมูโลนิมบัส ทำให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าในแต่ละบริเวณของก้อนเมฆและพื้นดินด้านล่าง เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างตำแหน่งทั้งสองที่มีค่าระดับหนึ่ง จะก่อให้เกิดสนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยมีประจุบวกอยู่ทางด้านบนของก้อนเมฆ ประจุลบอยู่ทางตอนล่างของก้อนเมฆ พื้นดินบางแห่งมีประจุบวก พื้นดินบางแห่งมีประจุลบ ซึ่งจะเหนี่ยวนำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้า ดังที่แสดงในภาพที่ 1

    • เมื่อประจุลบบริเวณฐานเมฆถูกเหนี่ยวนำเข้าหาประจุบวกที่อยู่ด้านบนของก้อนเมฆ ทำให้เกิดแสงสว่างในก้อนเมฆเรียกว่า "ฟ้าแลบ"
    • เมื่อ ประจุไฟฟ้าลบบริเวณฐานเมฆก้อนหนึ่งถูกเหนี่ยวนำไปประจุบวกในเมฆอีกก้อนหนึ่ง จะมองเห็นสายฟ้าวิ่งข้ามระหว่างก้อนเมฆเรียกว่า "ฟ้่าแลบ"
    • เมื่อ ประจุลบบริเวณฐานเมฆถูกเหนี่ยวนำเข้าหาประจุบวกที่อยู่บนพื้นดิน ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าจากก้อนเมฆพุ่งลงสู่พื้นดินเรียกว่า "ฟ้าผ่า"
    • ในทำนองกลับกัน ประจุลบที่อยู่บนพื้นดินถูกเหนี่ยวนำเข้าหาประจุบวกในก้อนเมฆ มองเห็นเป็นฟ้าแลบจากพื้นดินขึ้นสู่ท้องฟ้า


    เมื่อเกิดฟ้าแลบหรือฟ้าผ่า การเคลิื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าทำให้อากาศในบริเวณที่สายฟ้าเคลื่อนที่ผ่านมี อุณหภูมิสูงมากจนขยายตัวอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดช็อคเวฟ (shock wave) ส่งเสียงดังออกมาเรียกว่า "ฟ้าร้อง" ฟ้า แลบและฟ้าร้องเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน แต่เรามองเห็นฟ้าแลบก่อนได้ยินเสียงฟ้าร้อง เนื่องจากแสงมีความเร็วมากกว่าเสียง แสงมีอัตราเร็ว 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ส่วนเสียงมีอัตราเร็วประมาณ 1/3 กิโลเมตรต่อวินาทีเท่านั้น ถ้าเราต้องการทราบว่า ฟ้าแลบหรือฟ้าผ่าเกิดขึ้นห่างห่างจากเราเท่าใด เราสามารถจับเวลาตั้งแต่เมื่อเราเห็นฟ้าแลบจนถึงได้ยินเสียงฟ้าร้องว่าเป็น ระยะเวลากี่วินาที แล้วเอาจำนวนวินาทีคูณด้วย 1/3 ก็จะได้เป็นระยะทางกิโลเมตร เช่น ถ้าเราจับเวลาระหว่างฟ้าแลบกับฟ้าร้องได้ 3 วินาที เราก็จะทราบได้ว่า ฟ้าแลบอยู่ห่างจากเราประมาณ 1/3 x 3 เท่ากับ 1 กิโลเมตร
    ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่ทำอันตรายได้ถึงชีวิต ฟ้าผ่ามักเกิดขึ้นกับวัตถุที่อยู่เหนือระดับพื้นดิน ทั้งนี้เนื่องจากกระไฟฟ้าต้องการทางลัดระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน ดังนั้นเมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองจงหลีกเลี่ยงการอยู่บนที่แจ้งและการมีสื่อ ไฟฟ้า เช่น สร้อยคอ แท่งโลหะ โทรศัพท์มือถือ สำหรับการปลูกสร้างอาคารสูงควรติดตั้งสายล่อฟ้าไว้บนยอดอาคารและเดินสายก ราวน์ไปยังพื้นดิน เพื่อเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าจากอากาศให้รีบผ่านลงสู่พื้นดิน โดยไม่สร้างความเสียหายให้แก่ตัวอาคาร

    http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/phenomenon/thunder
     
  9. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    อิทธิพลของฤดูกาล

    ฤดูกาล (Seasons) เกิดจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยที่แกนของโลกเอียง 23.5° ใน ฤดูร้อนโลกเอียงขั้วเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้ซีกโลกเหนือกลายเป็นฤดูร้อน และซีกโลกใต้กลายเป็นฤดูหนาว หกเดือนต่อมาโลกโคจรไปอยู่อีกด้านหนึ่งของวงโคจร โลกเอียงขั้วใต้เข้าหาดวงอาทิตย์ (แกนของโลกเอียง 23.5° คงที่ตลอดปี) ทำให้ซีกโลกใต้กลายเป็นฤดูร้อน และซีกโลกเหนือกลายเป็นฤดูหนาว ดังแสดงในภาพที่ 1

    • วันที่ 20 - 21 มิถุนายน เป็นวันครีษมายัน (Summer Solstice) โลกหันซีกโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์ ตำแหน่งของดวงอาทิตย์อยู่ค่อนไปทางทิศเหนือ (Dec +23.5°) ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็วตกช้า เวลากลางวันยาวกว่ากลางคืน ซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อน

    • วัน ที่ 22 - 23 กันยายน เป็นวันศารทวิษุวัท (Autumnal Equinox) ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกพอดี กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์์ลดลงเมื่อเทียบกับฤดูร้อน ต้นไม้จึงเริ่มผลัดใบทิ้ง

    • วันที่ 20 - 21 ธันวาคม เป็นวันเหมายัน (Winter Solstice) โลกหันซีกโลกใต้เข้าหาดวงอาทิตย์ (แกนของโลกเอียง 23.5° ตลอดทั้งปี) ตำแหน่งของดวงอาทิตย์อยู่ค่อนไปทางทิศใต้ (Dec -23.5°) ซีกโลกเหนือเป็นฤดูหนาว ดวงอาทิตย์ขึ้นช้าตกเร็ว เวลากลาง วันสั้นกว่ากลางคืน โลกจึงได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์น้อยที่สุด ในเขตละติจูดสูงต้นไม้ทิ้งใบหมด เนื่องจากพลังงานแสงแดดไม่พอสำหรับการสังเคราะห์แสง

    • วันที่ 20 - 21 มีนาคม (Vernal Equinox) ดวง อาทิตย์ขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกพอดี กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์์มากขึ้นเมื่อเทียบกับฤดูหนาว ต้นไม้จึงเริ่มผลิใบเพื่อสังเคราะห์แสงผลิตอาหาร


    [​IMG]
    [FONT='Microsoft Sans Serif', 'MS Sans Serif', sans-serif]
    [/FONT]
    [FONT=arial, sans-serif]ภาพที่ 1 แกนของโลกเอียงขณะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์[/FONT]
    [FONT=arial, sans-serif][/FONT]​
    [FONT=arial, sans-serif]
    [/FONT]
    [FONT=arial, sans-serif] [FONT=arial, sans-serif]“[/FONT][FONT=arial, sans-serif]แนวปะทะอากาศยกตัวเขตร้อน[/FONT][FONT=arial, sans-serif]” (Intertropical Convergence Zone หรือ [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ICTZ) เกิดขึ้นจากแสงอาทิตย์ตกกระทบพื้นโลกเป็นมุมฉาก จึงทำให้อุณหภูมิอากาศของโลกในส่วนนั้นมีอุณหภูมิสูง จึงยกตัวและควบแน่นอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเมฆพายุฝนฟ้าคะนอง เนื่องจาก[/FONT][/FONT]​
    แกนของโลกเอียง 23.5° ขณะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ จึงทำให้ ITCZ เคลื่อนที่ไปอยู่ที่ละติจูด
    23.5° เหนือ ในวันที่ 20 - 21 มิถุนายน (Summer Soltice) และเคลื่อนที่ไปอยู่ที่
    ละติจูด
    23.5° ใต้ ในวันที่ 20 - 21 ธันวาคม (Winter Soltice)
    ดังในภาพที่ 2 เราสามารถพูดอย่างง่ายๆ ว่า ICTZ คือ บริเวณที่ดวงอาทิตย์มีโอกาสอยู่ตรงเหนือศีรษะ ซึ่งอยู่ระหว่างละติจูด
    23.5° เหนือ และละติจูด 23.5° ใต้ และมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นเขตศูนย์สูตร



    [FONT=arial, sans-serif]
    [​IMG]


    ภาพที่ 2 การเคลื่อนที่ของ ITCZ เนื่องจากฤดูกาล
    [FONT=arial, sans-serif][/FONT]
    การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลและการเคลื่อนตัวของ ITCZ ทำให้เกิดการกระจายความร้อนบนพื้นผิวโลก และมีผลต่อลมฟ้าอากาศดังนี้


    • [FONT=arial, sans-serif]อุณหภูมิและแสงอาทิตย์
      [/FONT]

      [FONT=arial, sans-serif] ในช่วงฤดูร้อน[/FONT][FONT=arial, sans-serif]ซีกโลกที่เป็นฤดูร้อนจะได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากกว่าซีกโลกที่เป็นฤดูหนาว[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]กลางวันยาวนานกว่ากลางคืน[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อุณหภูมิของกลางวันและกลางคืนมีความแตกต่างกันมาก[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ในเขตละติจูดสูงใกล้ขั้วโลกจะได้รับผลกระทบมาก[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]แต่ในเขตละติจูดต่ำใกล้กับเส้นศูนย์สูตรไม่มีความแตกต่างมากนัก

      [/FONT]
    • ทิศทางลม
      [FONT=arial, sans-serif] ลมเกิดขึ้นจากความแตกต่างของความกดอากาศ
      [FONT=arial, sans-serif] ([/FONT][FONT=arial, sans-serif]แรงเกรเดียนความกดอากาศ[/FONT][FONT=arial, sans-serif]) [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ดังนั้นการเปลี่ยนตำแหน่งของหย่อมความกดอากาศย่อมมีผลต่อทิศทางของลม[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ลมจึงมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางไปตามฤดูกาล[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ลมมรสุมเป็นตัวอย่างหนึ่งของลมประจำฤดู[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]คำว่า[/FONT][FONT=arial, sans-serif] “[/FONT][FONT=arial, sans-serif]มรสุม[/FONT][FONT=arial, sans-serif]” (Monsoon) [/FONT][FONT=arial, sans-serif]มีรากฐานมากจากคำภาษาอารบิกซึ่งแปลว่า[/FONT][FONT=arial, sans-serif] “[/FONT][FONT=arial, sans-serif]ฤดูกาล[/FONT][FONT=arial, sans-serif]” [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ลมมรสุมเกิดขึ้นในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]โดยมีความเกี่ยวเนื่องมาจากอุณหภูมิพื้นผิวและสภาพภูมิศาสตร์[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]คล้ายกับการเกิดลมบกลมทะเล[/FONT][FONT=arial, sans-serif]แต่มีสเกลใหญ่กว่ามาก [/FONT][FONT=arial, sans-serif]
      ในช่วงเดือนพฤศจิกายน[/FONT]
      [FONT=arial, sans-serif] – [/FONT][FONT=arial, sans-serif]กุมภาพันธ์[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อากาศแห้งบริเวณตอนกลางของทวีปมีอุณหภูมิต่ำกว่าอากาศชื้นเหนือมหาสมุทรอินเดีย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]กระแสลมพัดจากหย่อมความกดอากาศสูงในเขตไซบีเรีย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ในลักษณะตามเข็มนาฬิกา[/FONT][FONT=arial, sans-serif] ([/FONT][FONT=arial, sans-serif]แอนตี้ไซโคลน[/FONT][FONT=arial, sans-serif]) [/FONT][FONT=arial, sans-serif]มายังหย่อมอากาศต่ำในมหาสมุทรอินเดีย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ทำให้เกิด[/FONT][FONT=arial, sans-serif] “[/FONT][FONT=arial, sans-serif]ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ[/FONT][FONT=arial, sans-serif]” [/FONT][FONT=arial, sans-serif]พัดผ่านประเทศไทย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ทำให้อากาศหนาวเย็น[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]และแห้งแล้ง[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ท้องฟ้าใส[/FONT][FONT=arial, sans-serif]
      [/FONT]
      [FONT=arial, sans-serif] ในช่วงเดือนมีนาคม[/FONT][FONT=arial, sans-serif] – [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ตุลาคม[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อากาศบริเวณตอนกลางทวีปมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศเหนือมหาสมุทรอินเดีย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อากาศร้อนยกตัวพัดเข้าหาแผ่นดินใจกลางทวีป[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ในลักษณะทวนเข็มนาฬิกา[/FONT][FONT=arial, sans-serif] ([/FONT][FONT=arial, sans-serif]ไซโคลน[/FONT][FONT=arial, sans-serif]) [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ทำให้เกิด[/FONT][FONT=arial, sans-serif] “[/FONT][FONT=arial, sans-serif]ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้[/FONT][FONT=arial, sans-serif]” [/FONT][FONT=arial, sans-serif]เมื่ออากาศชื้นปะทะเข้ากับชายฝั่งและภูมิประเทศซึ่งเป็นภูเขา[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]มันจะยกตัวอย่างรวดเร็วและควบแน่น[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ทำให้เกิดเมฆและพายุฝนฟ้าคะนอง
      เมื่อพิจารณาแผนที่ในภาพที่ 3 จะเห็นได้ว่าที่ตั้งของประเทศไทยอยู่ในคาบสมุทรอินโดจีน ลมมรสุมทั้งสองสามารถหอบนำความชื้นจากมหาสมุทรทั้งสองด้านพัดผ่านประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงมีฤดูฝนที่ยาวนานระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม โดยมีฤดูหนาวอยู่ที่เดือนพฤจิกายน - กุมภาพันธ์ และมีฤดูร้อนอยู่ที่เดือนมีนาคม - พฤษภาคม[/FONT]


      [​IMG]

      ภาพที่ 3 ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
      [/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=arial, sans-serif][/FONT]

    • [FONT=arial, sans-serif]ปริมาณไอน้ำในอากาศ[/FONT][FONT=arial, sans-serif][/FONT][FONT=arial, sans-serif]และความชื้นสัมพัทธ์
      [/FONT][FONT=arial, sans-serif] อุณหภูมิมีผลต่อปริมาณไอน้ำในอากาศ[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ฤดูร้อนมีปริมาณไอน้ำในอากาศมาก[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อากาศจึงมีความชื้นสัมพัทธ์สูง[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]และมีอุณหภูมิของจุดน้ำค้างสูงกว่าด้วย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ฤดูหนาวมีปริมาณไอน้ำในอากาศน้อย[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อากาศมีความชื้นสัมพันธ์ต่ำ[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]และมีอุณหภูมิของจุดน้ำค้างต่ำ[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]อากาศจึงแห้ง

      [/FONT]
    • [FONT=arial, sans-serif]ปริมาณเมฆ[/FONT][FONT=arial, sans-serif][/FONT][FONT=arial, sans-serif]และหยาดน้ำฟ้า
      [/FONT][FONT=arial, sans-serif] เมฆและหยาดน้ำฟ้าเกิดขึ้นจากการควบแน่นของอากาศยกตัว[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ดังนั้นการเคลื่อนตัวของ[/FONT][FONT=arial, sans-serif] ITCZ และ [/FONT][FONT=arial, sans-serif]แนวปะทะอากาศขั้วโลก[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ย่อมตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงปริมาณเมฆและหยาดน้ำฟ้า[/FONT][FONT=arial, sans-serif] [/FONT][FONT=arial, sans-serif]ในแต่ละภูมิภาค

      [/FONT]
    • [FONT=arial, sans-serif]ปริมาณละอองอากาศ
      [/FONT][FONT=arial, sans-serif] ฤดูกาลและการเคลื่อนที่ของ ITCZ ทำให้เซลล์การพาความร้อนของบรรยากาศโลกเกิดการเคลื่อนตัว ดังนั้นแนวความกดอากาศต่ำและความกดอากาศสูงของโลก ย่อมเคลื่อนท่ีขึ้นลงไปทางเหนือและทางใต้ประมาณ
      23.5° ด้วย ความกดอากาศต่ำ (L) ทำ ให้อากาศร้อนเหนือพื้นผิวโลกยกตัวสูงขึ้น พาให้ละอองอากาศ (Aerosols) เช่น ฝุ่น เขม่า แขวนลอยในบรรยากาศชั้นล่าง ทำให้เกิดหมอกแดด (Haze) ดังภาพที่ 4 ความกดอากาศสูง (H) ทำให้อากาศเย็นซึ่งอยู่ด้านบนจมตัวลงสู่พื้นผิว กดให้ฝุ่นละอองและเขม่าไม่สามารถลอยขึ้นสูง ทำให้ฟ้าโปร่ง มองเห็นเป็นสีฟ้าเข้ม[/FONT]
    อิทธิพลของฤดูกาล - LESA & หอดูดาวเกิดแก้ว
     
  10. somsweet

    somsweet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +9,874


    ขอพักร้อน 1-2 วันจ้า....ฝากเพื่อนสมาชิกด้วย
    ยินดีเลยจ้า ช่วยกันๆแชร์ข้อมูลข่าวสารดีๆเป็นประโยชน์ในการแวดระวังภัย...:cool:
    อนุโมทนา สาธุจ้า _/\_


    ป.ล. ขณะนี้ เลียบคลองสอง รามอินทรา ฝนตกหนักทีเดียว


    B5 - War Room Falkman
     
  11. somsweet

    somsweet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +9,874
    แถมท้ายข่าว...ความเมตตาใจดีของท่านพระพิรุณ :cool:

    พายุโซนร้อนพระพิรุณ ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ CAT1 ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 75 น็อต ทิศทางแนวโน้มมุ่งออกห่างจากทุกประเทศ ไม่ขึ้นฝั่ง

    [​IMG]

    Five Day Forecast Map<SCRIPT type=text/javascript> var pwidget_config = { copypaste: false }; </SCRIPT>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3><TBODY><TR></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]


    B5 - War Room Falkman
     
  12. nattanan39

    nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,190
    ค่าพลัง:
    +2,935
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ไอเอ็มเอฟ” ฟันธง สเปน “อาการหนัก” หมดปัญญาลดการขาดดุลได้ตามเป้า - ยอดหนี้จ่อพุ่งทะลุ 96% ของจีดีพีปีหน้า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>9 ตุลาคม 2555 17:17 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1347008535.html#_=1009827763906&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FAround%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123885&size=m&text=%E2%80%9C%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E2%80%9D%20%20%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%87%20%20%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%99%20%20%E2%80%9C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E2%80%9D%20%20%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%20-%20%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%2096%25%20%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FAround%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123885&via=ASTVManager" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no data-twttr-rendered="true"></IFRAME>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><!--
    <script>(function(d, s, id) { var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0]; if (d.getElementById(id)) return; js = d.createElement(s); js.id = id; js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/all.js#xfbml=1"; fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs);}(document, 'script', 'facebook-jssdk'));</script><fb:like href="http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000123885" send="true" width="450" show_faces="false"></fb:like>--></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เผยวันนี้ (9)ยืนยันสเปนไม่มีทางตัดลดการขาดดุลงบประมาณได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ทั้งปีนี้และในปีหน้า ขณะที่ยอดหนี้สินของแดนกระทิงดุส่อเค้าพุ่งขึ้นเฉียดร้อยละ 97 ของจีดีพีในปี 2013

    ไอเอ็มเอฟเผยว่า ยอดการขาดดุลงบประมาณของสเปนจะพุ่งแตะระดับร้อยละ 7 ของจีดีพีในปีนี้ และร้อยละ 5.7 ในปี 2013 ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขการขาดดุลที่สูงกว่าเป้าหมายที่ทางสหภาพยุโรป (อียู) กำหนดไว้ที่ร้อยละ 6.3ของจีดีพีในปีนี้ และที่ร้อยละ 4.5 ของจีดีพีในปีหน้า ส่งผลให้สเปนกลายเป็นศูนย์กลางแห่งวิกฤตยูโรโซนแห่งใหม่ล่าสุดต่อจากกรีซ โปรตุเกส และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ แม้รัฐบาลกลางสเปนชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราฮอย จะพยายามอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐ

    อย่างไรก็ดี ความพยายามของรัฐบาลมาดริด ต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ ทั้งจากการใช้จ่ายเกินตัวของบรรดารัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงภาวะ “หนี้เน่า” ปริมาณมาก ที่กระจุกตัวอยู่ในภาคธนาคารและสถาบันการเงินของประเทศจนรัฐบาลสเปนต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอกต่อภาคธนาคารของตน เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา คิดเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านยูโร (ราว 3.9 ล้านล้านบาท)

    ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปัญหาการขาดดุลของสเปนไม่มีทางจะกลับลงไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 3 ของจีดีพีตามข้อกำหนดของอียูได้ภายในปี ค.ศ.2017 ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพีของสเปนในปีนี้อาจมีมากกว่าร้อยละ90.7 ในปีนี้ และร้อยละ 96.9 ในปีหน้า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. nattanan39

    nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,190
    ค่าพลัง:
    +2,935
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ล้ำหน้าสตาร์วอร์ RQ-4 “โกลบอลฮอว์ค” เติมน้ำมันกันเองเจ๋งสุดๆ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>9 ตุลาคม 2555 18:45 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1347008535.html#_=1009827951921&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FIndoChina%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123935&size=m&text=%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20RQ-4%20%E2%80%9C%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%84%E2%80%9D%20%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FIndoChina%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123935&via=ASTVManager" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no data-twttr-rendered="true"></IFRAME>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><!--
    <script>(function(d, s, id) { var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0]; if (d.getElementById(id)) return; js = d.createElement(s); js.id = id; js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/all.js#xfbml=1"; fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs);}(document, 'script', 'facebook-jssdk'));</script><fb:like href="http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000123935" send="true" width="450" show_faces="false"></fb:like>--></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=644><TBODY><TR><TD vAlign=top width=644 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> .

    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จการทดลองซึ่งเป็นเรื่องที่คิดฝันกันมานาน นั่นก็คือการให้ “หุ่นบิน” (Flying Drone) หรือยานไร้คนบังคับ (Unmanned Aerial Vehicle) เติมเชื้อเพลิงให้กันเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนช่วยเหลือ และเมื่อขบวนการนี้เสร็จสมบูรณ์ความฝันที่จะมี “ถังน้ำมันลอยฟ้า” ก็จะเป็นจริง และจะช่วยเปลี่ยนรูปโฉมของสงครามในอนาคต

    เมื่อสัก 10 ปีก่อน เรื่องนี้จะเป็นจริงได้ก็ในภาพยนตร์แห่งอนาคต เช่น สตาร์วอร์ เท่านั้น แต่สหรัฐฯ กำลังก้าวไปถึงยุคนั้นก่อนใครๆ

    เคยปรากฏ เป็นข่าวอื้อฉาวในออสเตรเลียเมื่อเร็วๆ นี้ ยาน RQ-4 Global Hawk “เหยี่ยวโลกา” ปฏิบัติการบินสอดแนมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกมานานแล้วโดยคนที่อยู่เบื้องล่างไม่เคยรู้เนื้อรู้ตัว แต่อีกไม่นาน “โกลบอลฮอว์ค” ก็จะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของทุกๆ คน เพราะยาน UAV หลายชนิดกำลังจะกลับมาพร้อมกองกำลังของสหรัฐฯ เช่นเดียวกันอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยต่างๆ

    โกบอลฮอว์คบินปฏิบัติการได้เป็นระยะทางไกลถึง 16,000 กม. การมี “ถังน้ำมันลอยฟ้า” จะช่วยให้ปฏิบัติการได้ไกลขึ้นอีกเท่าตัว หรือไกลเท่าที่ต้องการ ยานชนิดอื่นๆ ที่ประจำการในขณะนี้ก็อาจจะได้รับประโยชน์จากความสำเร็จครั้งนี้ รวมทั้ง MQ-1 Predator หรือ MQ-9 Reaper ด้วย

    หน่วยงานโครงการวิจัยกลาโหมก้าวหน้า (Defense Advanced Research Projects Agency) ได้ทดลองนำ RQ-4 โกลบอลฮอว์คที่ดัดแปลงใหม่ 2 ลำขึ้นบินเป็นเวลา 2 ชั่วโมง และตั้งโปรแกรมให้ลำหนึ่งปฏิบัติการเลียนแบบเติมน้ำมันกลางอากาศกับอีกลำหนึ่งเลียนแบบการ “รับ” น้ำมันกลางอากาศ ซึ่งมันทำได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการเติมเชื้อเพลิงจริงๆ ก็ตาม

    จิม แม็คคอร์มิค (Jim McCormick) ผู้จัดการโครงการของ DARPA กล่าวว่า เป้าหมายของการทดลองครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความคาดหวังว่า ยานบินบนความสูงระยะไกลไร้คนบังคับ (High Altitude Long Endurance) จะเติมชื้อเพลิงกลางอากาศให้กันเองได้

    ยานโกลบอลฮอว์คทั้งสองลำปฏิบัติการโดยไม่มีคนข้างล่างบังคับ หรือคอยช่วยเหลือ ทั้งสองลำบินบนความสูง 44,800 ฟุต (13.4 กม.เศษ) และสามารถคงรูปขบวนได้อย่างแม่นยำ แม้จะต้องเจอลมต้านด้วยความเร็ว 23 ไมล์ต่อชั่วโมง (กว่า 37 กม./ชม.) ก็ตาม นายแม็คคอร์มิคกล่าว

    เมื่อ DARPA เริ่มโครงการนี้ใหม่ๆ คาดว่าความพยายามเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศของหุ่นยนต์บินพวกนี้ มีโอกาสจะประสบความสำเร็จเพียง 1 ใน 6 เท่านั้น แต่ RQ-4 ทั้งสองลำนี้ทำได้ดีเกินคาด คือทำได้สำเร็จ 3 ครั้ง จากทั้งหมด 5 ครั้ง

    การทดลองที่ยุติลงในวันที่ 30 ก.ย.2555 เปิดศักราชใหม่ให้กองทัพสหรัฐ นำไปสู่ปฏิบัติการจริงได้ มีรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์ข่าวกลาโหมหลายแห่งในสัปดาห์นี้

    โกลบอลฮอว์คเป็นยานบินไร้คนบังคับขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่มีใช้ในปัจจุบัน สร้างขึ้นมาเพื่อภารกิจบินลาดตระเวนตรวจการณ์ และถ่ายภาพทางอากาศ แม้จะสามารถติดอาวุธได้ก็ตาม

    ปฏิบัติการในอัฟกานิสถานช่วงไม่กี่ปีมานี้ โกลบอลฮอว์คทำหน้าที่หาข้อมูล และกำหนดเป้าให้แก่เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์บี-2บี ทำให้เป้าหมายที่ตั้งของกลุ่มอัลกออิดะ กับกลุ่มตอลิบานถูกทำลายนับครั้งไม่ถ้วน และโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    สหรัฐฯ ประกาศแผนการกลับคืนสู่เอเชียแปซิฟิกเมื่อปีที่แล้ว โดยจะเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2556 ซึ่งกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ราว 60% จะเคลื่อนเข้าประจำในภูมิภาคนี้.
    .

    <CENTER><IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/Bjyv16ha-Uc" frameBorder=0 width=420 allowfullscreen></IFRAME></CENTER>

    <CENTER>"โกลบอลฮอว์ค NASA </CENTER><CENTER>Youtube.Com</CENTER>
    <CENTER><IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/dXkvKweMvPs" frameBorder=0 width=420 allowfullscreen></IFRAME></CENTER>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. nattanan39

    nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,190
    ค่าพลัง:
    +2,935
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อาหารฟาสต์ฟู้ดทำเด็กไอคิวต่ำ?</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>9 ตุลาคม 2555 18:02 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1347008535.html#_=1009828062250&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FFamily%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123482&size=m&text=%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3%3F&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FFamily%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000123482&via=ASTVManager" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no data-twttr-rendered="true"></IFRAME>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><!--
    <script>(function(d, s, id) { var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0]; if (d.getElementById(id)) return; js = d.createElement(s); js.id = id; js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/all.js#xfbml=1"; fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs);}(document, 'script', 'facebook-jssdk'));</script><fb:like href="http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000123482" send="true" width="450" show_faces="false"></fb:like>--></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=468><TBODY><TR><TD vAlign=top width=468 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพจากเดลิเมล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ครอบครัวใดที่มีทัศนคติเกี่ยวกับการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดว่าเป็นช่วงเวลาดี ๆ หรือเป็นช่วงเวลาแห่งการแบ่งปันความสุขอาจต้องคิดใหม่ เมื่อมีงานวิจัยเผยว่า เด็กที่ต้องรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อย ๆ นั้นอาจมีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน

    การศึกษานี้ได้มีการเปรียบเทียบความสามารถในการเรียนรู้ และการเจริญเติบโตของร่างกายในเด็กชาวสก็อตจำนวน 4,000 คนที่มีอายุระหว่าง 3 - 5 ปี โดยแบ่งเป็นกลุ่มเด็กที่ได้รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อย ๆ กับเด็กที่ได้รับประทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ หรืออาหารที่ปรุงภายในครอบครัว ซึ่งพบว่า การที่พ่อแม่ให้ลูกรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดนั้นมีผลต่อระดับสติปัญญาของเด็ก และอาจทำให้เด็กมีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเพื่อนที่ไม่ได้รับประทานประมาณ 2 - 5 คะแนนเลยทีเดียว

    นอกจากนั้นนักวิจัยยังพบว่า ฐานะทางเศรษฐกิจของพ่อแม่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน โดยพ่อแม่ที่มีฐานะดี จะเลือกปรุงอาหารที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ให้ลูกรับประทาน ขณะที่พ่อแม่ที่ฐานะไม่ค่อยดีนั้น จะเน้นให้ลูกบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นหลักเนื่องจากตนเองต้องทำงานไม่มีเวลาเตรียมอาหารให้ลูก ๆ

    ดร. Sophie von Stumm จากแผนกจิตวิทยาของ Goldsmiths มหาวิทยาลัยลอนดอน เจ้าของผลการวิจัยดังกล่าวเผยว่า พ่อแม่ทุกคนล้วนตระหนักดีในการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ให้ลูกรับประทาน เพราะมีผลต่อการพัฒนาของสมอง การศึกษานี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าการบริโภคฟาสต์ฟู้ดในเด็ก ๆ โดยเฉพาะในอังกฤษควรจะลดปริมาณลง

    ดร. von Stumm เน้นย้ำด้วยว่า ในการวิจัยของเธอนั้น พบปัญหาทางสังคมที่น่ากังวลยิ่ง นั่นก็คือ พ่อแม่ที่มีฐานะไม่ค่อยดีมักจะไม่มีเวลาปรุงอาหารจากวัตถุดิบสดใหม่ให้ลูกรับประทานมากนัก และพบว่าเด็ก ๆ กลุ่มนี้ได้คะแนนจากการทดสอบระดับสติปัญญาต่ำกว่าเพื่อน ๆ และมักประสบปัญหาในการเรียนอยู่เสมอ

    "ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ความสดใหม่ของอาหาร และคุณภาพของอาหารนั้นมีความสำคัญมากกว่าการรับประทานให้อิ่มท้องแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเด็กนั้นต้องการการเจริญเติบโตในทุก ๆ ด้านของร่างกาย"

    นอกจากนี้ ก็มีงานวิจัยของออสเตรเลียที่พบว่า เด็ก ๆ ที่รับประทานขนมหวาน หรือน้ำอัดลมเป็นประจำ ก็มีโอกาสที่ระดับสติปัญญาจะต่ำลงเมื่อพวกเขาโตขึ้น

    โดยเป็นรายงานของมหาวิทยาลัย Adelaideที่สำรวจพบว่า ในเด็กอายุ 8 ปีที่รับประทานอาหารขยะเป็นประจำนั้นจะมีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเพื่อนที่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่ถึง 2 คะแนน

    ด้านการศึกษาของอเมริกันซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร the Journal of Epidemiology & Community Health in 2010 ก็พบความเชื่อมโยงดังกล่าวเช่นกัน โดยพบว่า เด็กที่รับประทานอาหารขยะ เช่น พิซซ่า มันฝรั่งทอด ก่อนอายุ 3 ขวบอาจจะมีระดับไอคิวต่ำกว่าเพื่อนที่รับประทานอาหารที่ปรุงโดยฝีมือคุณแม่ที่บ้าน

    อีกทั้งยังพบว่า เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี เด็กกลุ่มนี้มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเพื่อน ๆ ที่รับประทานอาหารมีประโยชน์อยู่ประมาณ 5 คะแนน

    บางทีคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องแยกแยะความจริงความลวงจากสื่อโฆษณาให้ออก แล้วเราจะมองเห็นโทษของอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากขึ้น

    เรียบเรียงจากเดลิเมล

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <iframe src="http://www.youtube.com/embed/33CsStBnQOI?feature=player_detailpage" allowfullscreen="" frameborder="0" height="360" width="640"></iframe>

    เผยแพร่เมื่อ 9 ต.ค. 2012 โดย RussiaToday

    Thousands fled when two villages were evacuated following a series of huge explosions near a military testing ground some 40 kilometers from the city of Orenburg in Central Russia - READ MORE http://on.rt.com/0vkvcq

    RT LIVE http://rt.com/on-air

    Subscribe to RT! YouTube - Broadcast Yourself

    Like us on Facebook RT | Facebook
    Follow us on Twitter RT (RT_com) on Twitter
    Follow us on Google+ http://plus.google.com/+RT

    RT (Russia Today) is a global news network broadcasting from Moscow and Washington studios. RT is the first news channel to break the 500 million YouTube views benchmark.
    หมวดหมู่:
    ข่าวและการเมือง
    สัญญาอนุญาต:
    สัญญาอนุญาตของ YouTube แบบมาตรฐาน


    4,000 tons of shells explode in Central Russia, leave mushroom cloud-like plume of smoke (PHOTOS, VIDEO)

    Get short URL
    email story to a friend print version
    Published: 09 October, 2012, 13:22
    Edited: 09 October, 2012, 21:56


    TAGS:
    Arms, Military, Russia, Blast


    The smoke is rising near Donguz station in the Orenburg region. (RIA Novosti) Video courtesy Youtube user AlexanderBozzz
    (7.5Mb) embed video

    More than 4,000 tons of shells exploded near a military testing ground some 40 kilometers from the city of Orenburg in Central Russia, prompting the mass evacuation of two nearby towns.
    Those 4,000 tons included 1,379 tons of 100mm shells, 400 tons of air bombs and 2,300 tons of 280mm reactive shells, the head of the military investigative committee announced.

    Witnesses recorded video of a massive plume of smoke rising into the air shortly after the explosions. Local residents said that the blasts were powerful enough to rattle windows dozens of kilometers away from the epicenter.

    The press secretary for the regional government said that three residential buildings in the town of Pervomaisky were damaged in the incident, and that the force of the explosion blew out the windows of many local houses.

    Local emergency services confirmed that the blast wave from the explosions also blew out the windows of schools, kindergartens and a hospital.

    The explosions sparked a brushfire in 15-20 hectares of nearby dead grass. Authorities said that the fire does not threaten populated areas.

    [​IMG]
    <small>The smoke is rising near Donguz station in the Orenburg region.(RIA Novosti)</small>
    [​IMG]
    <small>The smoke is rising near Donguz station in the Orenburg region.(RIA Novosti)</small>
    ­
    Explosions prompt evacuations

    ­Rescue workers immediately began evacuating the nearby towns of Experimentalny and Pervomaisky, dubbed ‘Donguz’ for the garrison of the same name located there.

    Initial reports suggested that 700 of the 10,000 people living in the two towns were evacuated. However, according to the latest estimates, 19 people were forced to leave their homes and move to four evacuation centers, where they were provided with hot food and water.

    Witnesses from the town of Donguz told RT they are being removed from the area, and claimed they saw a large number of military vehicles, ambulances, emergency workers, communication officers and repair workers heading to the site. Authorities are phoning local residents, explaining the situation and asking them to remain calm. Buses were dispatched to transport residents away from the area.

    “I was at home when it happened, about five kilometers from the blast. Everyone came out of their houses right away, emergency vehicles came right after warning people that there will be [an] evacuation. Right now the village is evacuated,” Donguz resident Valeri Utkin told RT. “Buses arrived to take most of the people and others chose to take higher ground through their own means. They didn’t tell us how long the evacuation will last. Right now I see a lot of smoke coming in.”

    The state of emergency for the area announced after the accident remains in effect.

    Twitter users reported that police have closed the roads leaving Orenburg. Local authorities confirmed these reports.

    Russian Railways announced that they restored railway communication in the area after a temporary disruption due to the incident.

    [​IMG]
    <small>(RIA Novosti/Nikolai Belyaev)</small>
    [​IMG]
    <small>(RIA Novosti/Nikolai Belyaev)</small>
    ­
    Controversy surrounding the explosions

    Initial reports suggested that a fire at the facility’s loading dock set off shells stored on a train for disposal.

    That statement was later disputed by the Press Service of Russia’s Defense Ministry, which claimed that no one was injured or went missing in the incident. The ministry also denied that a train loaded with shells was at the testing range, saying only three shells exploded. It was later revealed that over 4,000 tons of shells detonated.

    Local authorities later suspected a breach of safety regulations could have caused the explosions.

    A local hospital first reported that four people were injured in the blast, and said they expected the number of injuries to increase. However, the deputy chief doctor later denied that the hospital had accepted any patients in connection with the incident.

    Local resident Oksana Kovarnitskih told RT that many emergency vehicles were seen arriving at the scene of the blast and returning to a nearby hospital, presumably carrying people injured in the incident. Kovarnitskih had not heard any official confirmation of the injuries, though.

    “We were 50 kilometers away from the explosion, it was really loud, our ceiling shook and some of the tiles came down,” she said. “No more explosions are heard right now but smoke is all over, we are not sure what is going on.”

    Anxious comments about the aftermath of the explosions circulated on the Internet. Dunguz resident Valentina Aramova said the explosions were so powerful that some trees fell, the local Orenburg ‘56-media’ website reported.

    “At the local market the trading stalls folded up like playing cards,” she said. “Children are being evacuated from kindergartens and schools. Everyone is being asked to go far into the steppe. The whole of Dunguz is in plumes of black smoke.”

    The local Health Ministry reported that no one was injured and hospitalized in the explosions. The main nearby hospital also told RT that they had not received any injured people.

    At the same time, local emergency services report that one officer has been hospitalized after he was found during the cleanup operation.

    Military investigators opened a criminal case into the incident, a spokesperson for the investigation department told RIA-Novosti news agency.

    Investigators deployed to the scene to determine the cause of the incident, which was classified as a “violation of rules of handling weapons and objects posing increased danger,” carrying a maximum penalty of two years in prison. Officials said that a full investigation may take more than a month.

    Other military-related accidental explosions have occurred in the region. On September 27, a missile disposal group commander was killed during disposal work at the Totsk testing range. On September 13, two military service members were injured in an accidental missile explosion at the Donguz testing range. Two more soldiers were injured during disposal efforts at Donguz on August 30.

    [​IMG]
    <small>A fire in the steppe, resulting in the explosions of shells Donguzskom military range. (RIA Novosti / Oleg Rukavitsyn)</small>
    [​IMG]
    <small>(RIA Novosti/Nikolai Belyaev)</small>
    [​IMG]
    <small>(RIA Novosti/Nikolai Belyaev)</small>
    [​IMG]
    <small>(RIA Novosti/Nikolai Belyaev)</small>
    [​IMG]
    <small>(RIA Novosti/Nikolai Belyaev)



    </small>

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2012
  16. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    [​IMG] <table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" width="500"><tbody><tr valign="top"> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 1 :
    </td> <td> ภาคเหนือ ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก ไม่มีฝน</td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 2 :
    </td> <td> ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก ไม่มีฝน</td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 3 :
    </td> <td> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคกลาง โดยมีฝนปกคลุมทางตอนล่างของภาค</td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 4 :
    </td> <td> กลุ่มเมฆชั้นต่ำปกคลุมภาคตะวันออก โดยมีฝนปกคลุมบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออก</td> </tr> <tr bgcolor="#EEEEEE" valign="middle"> <td width="94">
    กลุ่มเมฆที่ 5 :
    </td> <td> ภาคใต้ ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก ไม่มีฝน</td></tr></tbody></table>
    ปากช่อง เช้านี้มีหมอกลงค่อนข้างจัด บรรยากาศคล้ายต้นฤดูหนาว นับจันทรคติวันนี้เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 11 ยังเป็นเขตของฤดูฝน ถ้าขึ้น 1 ค่ำ เดือน 12 จึงเข้าฤดูหนาว ฝนนี้เป็นฝนสุดท้าย น่าจะหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พายุพระพิรุนก็หันหัวหนีไปทางมหาสมุทรแล้ว ถ้าพายุมาตั้งแต่นี้ก็ปักหัวลงใต้ตลอด ฝนก็จะชุกทางใต้ ทางเหนือและอีสานก็รับลมหนาวกันเพลิน แต่ก็อีกนะ รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ลมฟ้าอากาศมันแปลก
     
  17. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    อาจจะเจอฝนในฤดูหนาว/หนาวฉับพลัน
     
  18. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,281
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]กว่าง, ด้วง, แมงคาม[/FONT]
    [FONT=&quot]ช่วงฤดูฝนของทุกปี ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนตุลาคม จะมีแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่งโผล่ดินออกมาเพื่อผสมพันธุ์สืบต่อเชื้อสายของมัน มันจะมีอายุไม่เกิน 3 เดือน ก็ตายสิ้น แมลงชนิดนี้คือกว่าง ในภาษาเหนือ ด้วง ในภาษากลาง และแมงคามในภาษาอีสาน[/FONT]

    [FONT=&quot]เมื่อกว่างผสมพันธุ์กันแล้วตัวเมียจะมุดดินลงไปวางไข่ตามแหล่งที่มีไม้ผุ หรือกองแกลบ กองขี้เลื่อย กองขี้หมูแห้งจะเกิดเป็นไข่ก่อน จากนั้นค่อย ๆ โตเป็นตัวหนอนหากินอยู่ใต้ดินที่มีอาหารคือต้นไม้ใบไม้ผุ จนถึงเดือนพฤษภาคมก็ค่อย ๆ กลายร่างเป็นดักแด้ เริ่มมีหัว แข้ง ขา จนได้เวลาโผล่จากดินในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นจนถึงตุลาคม ถ้านับตามจันทรคติ มันจะโผล่จากดินช่วงขึ้น 8 ค่ำ จนถึงแรม 8 ค่ำ ประมาณ เวลา 5.00-5.30 น. ช่วงพระจันทร์เต็มดวงจะออกมาที่สุด เมื่อคลานได้ที่ก็บินขึ้นฟ้า บินหาแสงไฟก่อน ถ้าไม่มีแสงไฟก็บินไปต้นไม้ที่สามารถใช้เป็นอาหารได้ เช่นปลายหน่อไม่ไผ่ ต้นสะแก ต้นมะค่า ต้นหางนกยูง เป็นต้น ที่นั่นมันจะพบเพศตรงข้ามมากมาย ก็จะจับคู่สู่สมกัน แต่ถ้าเจอคู่แข่งขันกันตัวผู้ก็จะประลองกำลังชนกันจนพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง ฝ่ายแพ้คลานหนีไป ฝ่ายชนะก็ได้ผสมพันธุ์กับตัวเมีย [/FONT]

    [FONT=&quot]คนเหนือและคนอีสานเห็นเช่นนี้จึงแสวงหากว่างหรือแมงคามตัวผู้มาเลี้ยงด้วยท่อนอ้อยหรือกล้วยสุก เพื่อนำมาชนแข่งกินเดิมพันธุ์กัน กลายเป็นกีฬาหรือเกมพนันยอดฮิตของคนเหนือทุกจังหวัด และกลายเป็นประเพณีนิยมที่ได้รับการปกป้องสืบสานในแต่ละจังหวัด มีบ่อนชนกว่าง การพนันที่ตำรวจไม่แตะต้อง เพราะมีปีละครั้งเท่านั้น[/FONT]

    [FONT=&quot]แต่สำหรับคนอีกหลาย ๆ คน มองเห็นกว่างหรือแมงคามเป็นสัตว์ที่สวยงาม น่าเลี้ยง น่าสะสม จึงหาพวกมันมาเลี้ยงไว้ดูเล่น เมื่อมันหมดอายุก็เอามันมาสต๊าฟไว้ดู ก็กลายเป็นเครื่องประดับบ้านที่สวยงามชนิดหนึ่ง[/FONT]

    [FONT=&quot]แมงชนิดนี้มีหลายพันธุ์นะครับ ชนิดตัวใหญ่ มีเขา 5 เขา ก็มี 3 เขาก็มี ชนิดที่มีเขาแบบตะไกรก็มี แต่ชนิดที่หาง่ายและนำมาเล่นกันนั้นมี 2 เขา สีดำบ้าง สีน้ำตาลบ้าง ตัวใหญ่น้อยไม่เท่ากัน ตัวใหญ่ที่สุดทางเหนือเรียกกว่างโซ้ง นี่แหละที่เขานำมาชนใส่เดิมพันกัน รองลงมาเป็นกว่างแซม ตัวเล็กกว่า เขาสั้นกว่า รองลงมาเป็นกว่างกิดง มีเขาสั้นกว่ากว่างแซม ตัวก็เล็กลงมา ที่เล็กที่สุดคือกว่างกิ เขาก็สั้นกระจิดริด [/FONT] [FONT=&quot]ส่วนตัวเมียนั้นเรียกเหมือนกันหมดว่าอีมุ้มบ้าง อีหลุ้มบ้าง ตัวเล็กใหญ่แล้วแต่สายพันธุ์ ตัวใหญ่สุดจะเป็นสีดำ เรียกกว่างฮัก หรือกว่างกา รองลงมาก็สีน้ำตาล เล็กสุดสายพันธุ์กว่างกิสีจะออกน้ำตาลแดง[/FONT]

    [FONT=&quot]ทุกชนิด ตัวผู้เจอตัวเมียชนิดไหนก็รีบเข้าผสมพันธุ์ทันที กว่างกินั้นตัวเล็กมาก แต่อย่าประมาทฝีไม้ลายมือนะครับ เรื่องแบบนี้มันไวกว่าใคร ๆ ตัวเมียพันธุ์ใหญ่กว่ามันก็ไม่เกี่ยง มีคู่แข่งเป็นกว่างโซ้งมันยังไม่กลัว ถ้าไม่โดนหนีบจนเจ็บตัวมันก็จะเป็นคู่แข่งแย่งตัวเมียกับเขาอยู่นั่นแหละ [/FONT]

    [FONT=&quot]การแสวงหากว่างที่ง่ายที่สุดก็ตามแสงไฟหลอดนีออน ช่วงเช้าลองดูใต้หลอดไฟจะพบมันหล่นอยู่แถว ๆ นั้น หรือเกาะตามกิ่งไม้ใบหญ้าแถว ๆ นั้น ถ้าได้มาตัวหนึ่งก็หาอ้อยหรือกล้วยให้มันกิน กลางคืนก็แขวนไว้ตามชายคา หรือกิ่งไม้ พอเช้าตื่นขึ้นมาท่านจะพบว่ามันมีสมาชิกเพิ่มขึ้น หรืออาจกำลังต่อสู้แย่งตัวเมียกันอยู่[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยจ้า ทั้งานราษฎร์ งานหลวง เมื่อวานก็ลางานน้องสาวไม่สบายอาหารเป็นพิษอย่างแรง

    งานที่ทำงานเดือนนี้มี project สำคัญๆ มากๆ ต้องเสร็จในตุลา หลายอันเลย

    เลยเข้ามาอ่านแวบๆ อัพเดท เท่าที่จำได้ อย่างไรฝากทุกคนไว้ด้วยจ้า

    เมื่อวานกำลังคิดว่า อีกสักพักขอให้งานประจำเสร็จก่อน อาจจะมีการซ้อมการส่งข่าวของ war room เหมือนกับที่ทำมาแรกๆ แล้วจะได้ update เบอร์ และรหัสสมาชิกด้วย เผื่อสิ้นปีมีเหตุที่ต้องส่งข่าวกันแบบด่วนๆ แบบต้องโทรหากันกลางดึกอะไรเงี๊ยะ

    ตอนนี้ต้องขอตัวทำงานก่อนจ้า รีบปั่นงาน เยอะจริงๆ ขอบอก แฮ่กๆ :boo:
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    น่าเป็นห่วงหน่วยลาดตระเวณปฏิิบัติภาระกิจสมบูรณ์เเบบไม่ได้นี่คือช่องว่างทีข้าศึกจะเปิดฉากโจมตี( เเผนลับ--ลวง-พลางของข้าศึก
    อาจสัมฤทธิ์ผล )ในช่วงจังหวะการเฝ่่าระวังเเผ่วเต็มที่ ท่านคิงคองดูเเลด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...