WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า

สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน อ่าวไทยตอนบน และชายฝั่งภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “พระพิรุณ” (PRAPIROON) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย



B5 - War Room Falkman

 

<SECTION class=headline>
ไฟไหม้! ไซต์งานก่อสร้างย่างสดคนงานจีน14ศพ

</SECTION><SECTION class=date>2012-10-11 18:12:54



เกิดเหตุเพลิงไหม้ไซต์งานก่อสร้างในมณฑลส่านซี ของจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต14คน บาดเจ็บ24คน

</SECTION><SECTION class=content>เกิดเหตุเพลิงไหม้ไซต์งานก่อสร้างในเขตเจ้าจี้ มณฑลส่านซี ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยมีต้นเพลิงอยู่บริเวณห้องพักคนงานในไซต์งานก่อสร้างระบบผันน้ำ ของอุโมงค์รถไฟใต้ดิน ส่งผลให้คนงานเสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน บาดเจ็บ 24 คน ขณะที่บ้านพักคนงานถูกเพลิงเผาไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง โดยล่าสุด 2 คนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย สามารถกลับบ้านได้แล้ว ขณะที่อีก 22 คนยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน

http://news.springnewstv.tv/19865/ไฟไหม้-ไซต์งานก่อสร้างย่างสดคนงานจีน14ศพ

B5 - War Room Falkman

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อาคารจอดรถที่สหรัฐพังถล่ม!! ตาย 2 เจ็บเพียบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 ตุลาคม 2555 11:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

เกิดเหตุอาคารจอดรถที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่มลงมา โดยเหตุเกิดภายในวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ จนถึงขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน ขณะที่ผู้เคราะห์ร้ายอีก 1 คน ยังคงติดอยู่ใต้ซากคอนกรีต เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังระดมกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถดึงร่างผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย

สื่อท้องถิ่นระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้วหลายคน นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีกหลายคน
สำหรับอาคารจอดรถซึ่งในอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่พังถล่มลงมาครั้งนี้ เป็นอาคารสูง 5 ชั้น
ตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุน่าจะมีแต่คนงานก่อสร้างอยู่ภายในบริเวณดังกล่าว



Oct. 10, 2012: Photo provided by Miami-Dade Fire Rescue, firefighters look over the rubble after a section of a parking garage under construction at a Miami-Dade College campus collapsed in Doral, Fla., killing one worker and trapping at least two others in the rubble, officials said. (AP)




AP Photo/Lynne Sladky
A five-story parking garage is shown after it collapsed at Miami-Dade College, Wednesday, Oct. 10, 2012 in Doral, Fla., killing two workers.

2 Dead, 1 Still Missing in Fla. Garage Collapse - ABC News

B5 - War Room Falkman




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อุตุฯรายงานกทม.ไม่น่าห่วงปริมาณฝน

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2555 19:24น.



กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน สภาพอากาศ ร่องความกดอากาศต่ำ ยังพาดผ่านจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี และประจวบฯ ขณะที่ กทม.ไม่น่าห่วงปริมาณฝน

ดร.สุกฤษฎ์ เกิดแสง ผู้แทนของกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวในที่ประชุมคณะทำงานปฏิบัติการร่วมระบายน้ำในพื้นที่ปลายน้ำ ถึงการคาดการณ์สภาพอากาศล่วงหน้า 7 วัน ว่า ขณะนี้ประเทศไทย เริ่มมีมวลอากาศเย็นเข้ามาปกคลุม โดยจะปกคลุมไปจนถึงวันที่ 13 ต.ค. และจะอ่อนกำลังลง ซึ่งจะทำให้มีหมอกจัด โดยมวลอากาศเย็นดังกล่าว จะเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ และจะทำให้มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ขณะที่คณะทำงานเตรียมประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้งในสัปดาห์หน้า ส่วนปริมาณน้ำฝนใน 24 ชั่วโมง ดร.สุกฤษฎ์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำฝนสูงสุด ซึ่งตรวจวัดได้ที่ จ.เพชรบุรี 88.5 มิลลิเมตร และยังมีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ราชบุรี และ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นผลมาจากร่องมรสุม ที่พาดผ่าน ส่วน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะนี้มีปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ 67.5 มิลลิเมตร ซึ่งที่อยู่ในเกณฑ์ ที่ทางกรุงเทพมหานคร สามารถรับมือไว้ได้

B5 - War Room Falkman

 

กฟผ.สั่ง 2 เขื่อนใหญ่กาญจน์ ปรับแผนลดการระบายน้ำ

กาญจนบุรี 11 ต.ค.- กฟผ.สั่ง 2 เขื่อนใหญ่กาญจน์ ปรับแผนลดการระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบกับชุมชนท้ายน้ำ

จากการที่มีฝนตกติดต่อกันในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีด้านแถบเทือกเขาตะนาวศรีจำนวนมากทำให้เกิดผลกระทบน้ำป่าไหลหลากลงสู่ลำน้ำในพื้นที่ใต้เขื่อนและส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแม่กลอง ดังนั้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจึงได้มีการประชุมเพื่อปรับการบริหารจัดการน้ำ
โดยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ต.ค. 2555 นายวนิช แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยเกี่ยวกับการปรับลดการระบายน้ำว่า เขื่อนวชิราลงกรณมีปริมาณน้ำในวันที่ 11 ตุลาคม 2555 อยู่ที่ระดับ 152.53 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง คิดเป็น 7,929.27 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 89.50 % สามารถรับน้ำได้อีก 930.73 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ท้ายน้ำดังนั้นทั้ง 2 เขื่อนได้มีการเฝ้าติดตามและประสานงานกับสำนักชลประทานที่ 13 เขื่อนแม่กลอง ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรีอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการระบายน้ำ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบกับชุมชน สำหรับสภาพตัวเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั้งสองเขื่อนอยู่ในสภาพมั่นคงปลอดภัย
ส่วนทางด้าน เขื่อศรีนครินทร์ นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุแกมี ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 เขื่อน คือ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จนถึงปัจจุบัน วันนี้ 11 ตุลาคม 2555 ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมีปริมาณไม่มากนัก ไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำในเขื่อน ทั้ง 2 แห่ง อย่างไรก็ดี คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำมีมติให้ทั้ง 2 เขื่อนลดการระบายน้ำลงจากวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 11-12 ตุลาคม 2555 เพื่อช่วยลดผลกระทบกับประชาชนที่รับน้ำจากลำน้ำสาขาต่างๆ ที่อยู่ท้ายเขื่อนทั้ง 2 แห่ง โดยสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ปัจจุบัน ณ.วันที่ 11 ตุลาคม 2555 อยู่ที่ระดับ 175.36 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นปริมาณน้ำ 15,864.67 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 89.40%

 

ภาพจำลองการเกิดคลื่นสึนามิ ด้านตะวันออกของไทย




ภาพจำลองการเกิดคลื่นสึนามิ ด้านตะวันออกของไทย | เว็บภัยพิบัติ Paipibat.com

 

น้ำป่าเอ่อทะลักอ่างแม่เปินท่วมพื้นที่เกษตร12หมู่บ้าน

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2555 เวลา 17:03 น.


<!-- /.images-list-items --><EMBED height=370 type=application/x-shockwave-flash width=620 src=http://www.youtube.com/v/z__FMVTMsn0?version=3&hl=en_US&rel=0 wmode="transparent" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
<!-- /.images-list-items youtube_embed -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-container -->
<!-- /.images-list-wrapper -->น้ำป่าเอ่อทะลักท่วมพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์-แม่เปิน มีชาวบ้านเดือดร้อน 12 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 200 ไร่

วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุน้ำป่าจากเทือกเข้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์-แม่เปิน ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ต.บ้านลาน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ จนทำให้พื้นที่การเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไร่อ้อย ต้องจมน้ำไปกว่า 200 ไร่ โดยมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 60 เซนติเมตร ขณะที่บริเวณหมู่บ้านใหม่ทรายทอง หมู่ 14 ในตำบลเดียวกัน

ปรากฏว่า ถนนเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน- อุทยานแห่งชาติ แม่วงก์-แม่เปิน ช่วงการก่อสร้างทางต่างระดับ และสะพานข้ามถนน ระยะทางยาวกว่า 100 เมตร มีน้ำป่าไหลเข้าท่วมสูงถึง 30 เซนติเมตร จนทำให้การสัญจรผ่านไปมาเป็นไปอย่างอยากลำบาก นอกจากนี้ ยังมีถนนลูกรังทางเข้าหมู่บ้านในเขตตำบลแม่เปินได้รับความเสียหายอีก 12 จุดด้วย
สอบถาม นายวสันต์ เวชศิลป์ นายอำเภอแม่เปิน เปิดเผยถึงสาเหตุน้ำป่าไหลหลากว่า เนื่องจากเมื่อ 2 วันที่แล้ว เกิดฝนตกอย่างหนักบนเทือกเขาอุทยานแห่งชาติ ส่งผลทำให้มีน้ำจากเทือกเขาไหลลงอ่างกักเก็บน้ำคลองโพธิ์ จนเกิดระดับน้ำฝนสะสมสูง กระทั่ง เอ่อล้นสปริงเวย์ไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายไป 12 หมู่บ้าน และขณะนี้ ยังมีน้ำเอ่อล้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะส่งผลให้มวลน้ำดังกล่าวไหลหลากเข้าพื้นที่ติดต่อเขต อ.แม่วงก์ และ อ.ลาดยาว

ดังนั้น จึงแจ้งเตือนไปยังประชาชนทั้ง 2 อำเภอ ขอให้อย่าประมาท และควรเก็บสิ่งของที่จำเป็นไว้ในที่สูงเพื่อความปลอดภัย แต่หากวันนี้ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมอีก ปริมาณน้ำอาจจะลดลงในช่วงเย็นหรือช่วงค่ำ ส่วนการสำรวจความเสียหาย และการให้ความช่วยเหลือ ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบล ไปสำรวจความเสียหายในพื้นที่อย่างเร่งด่วนแล้ว เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่อไป

น้ำป่าเอ่อทะลักอ่างแม่เปินท่วมพื้นที่เกษตร12หมู่บ้าน | เดลินิวส์

B5 - War Room Falkman

 

หิมะตกหลงฤดูทางตอนใต้ออสเตรเลีย เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปี

Updated: 11 October 2012



October snowfalls have blanketed Mt Lofty, near Adelaide, for the first time in more than 100 years.

While the snow attracted hundreds of visitors to Mt Lofty this morning, Hallett in the state’s mid-north also woke to a blanket of white.

Andrew Watson from the Bureau of Meteorology said the rare weather event was caused by a mass of icy air from the Antractic.

“The cold air came up very quickly and strong southerly winds brought the freezing level down, that’s the reason the snow fell and stayed on the ground,” he said.

Snow was also reported at Sevenhill in the Clare Valley and Mount Remarkable in the Flinders Ranges.

The wintery burst of spring weather has also brought rain to much of the state, with Wilmington in the upper north receiving the highest falls with 28mm.

Adelaide received 17mm in the 24 hours up to 9am today. Source


Photo: Residents of Hallett woke to a layer of white (Audience submitted: Russell Reardon and Joy Pearce)



Photo: This car came to grief when a shopping centre sign fell at Brighton (@Digsmacca: Twitter)


Photo: A layer of white covers the yard of a property at Hallett (Trisha Flak: Twitpic)


Photo: The morning had a wintry appearance when a Hallett resident lifted their blind

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=erkngiTZ3EQ"]Snow shower on Mt Lofty summit South Australia morning of 11th October 2012 - YouTube[/ame]

http://www.abc.net.au/news/2012-10-11/snow-falls-across-sa/4306702?section=sa

B5 - War Room Falkman

 

Florida Woman Photographs 'Fireball' In Thunderstorm

10 October 2012


<IFRAME height=281 src="http://www.youtube.com/embed/lwYHxwRqvdQ" frameBorder=0 width=500 allowfullscreen></IFRAME>


:boo::boo:

B5 - War Room Falkman
<A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://thecomingcrisis.blogspot.com/2012/10/florida-woman-photographs-fireball-in.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2012-10-10T09:22:00-04:00></ABBR>

 

ก่อนดึกคลายเครียด

เป็นที่ลือกันทั่วไปในหมู่ของคนขับรถแท็กซี่ว่า

บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ตอนกลางดึก หลังห้างปิด
แล้วเนี่ย ผีดุเป็นบ้า ลือกันเป็นตุเป็นตะว่า เคยมีแท็กซี่หลายคันถูกผู้หญิงผมยาวเรียกจากหน้า ห้างฯ
ให้ไปส่งที่วัดสมรโกฏิ ( ถ.รัตนาธิเบศร์) พอคนขับแท็กซี่ขับไปถึงหน้าวัดปรากฏว่าผู้โดยสารผู้หญิง
ผมยาวคนนั้นก็หายตัวไป เป็นที่เลื่องลือกันว่าผีที่หน้า ห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นี้
คือ หญิงสาวที่เคยใช้ที่จอดรถของห้างฯ เป็นที่ฆ่าตัวตาย จนปัจจุบันนี้ห้างฯ ได้ทำลวดตาข่าย
มาอ๊อกปิดไว้หมดทุกด้านเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาใช้เป็น สุสานอีก
แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวมาเรื่อย ๆ ว่ามีคนกระโดดตึกตายที่นี่เป็นประจำ

เรื่องข่าวลือนี้นายกล้าโชเฟอร์แท็กซี่ (มือใหม่) ที่เพิ่งมาหางานทำในกรุงเทพฯ
ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ความที่แกเป็นคนกล้าสมชื่อ แกจึงไม่เชื่อ
แล้วแกยังคงวนเวียนรับ-ส่งผู้โดยสารแถวงามวงศ์วานและใกล้เคียงเป็นประจำ
เพราะรายได้ดีเนื่องจากแถวนี้ตอนดึก ๆ ไม่ค่อยมีแท็กซี่กล้าขับผ่านมา

เรื่องของเรื่องคือมีอยู่วันหนึ่งดึกมากแล้ว
นายกล้าขับรถผ่านหน้าห้างเดอะมอลล์ฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้หญิงสาวสวย ไว้ผมยาว สยาย
ยืนโบกรถอยู่หน้าห้างฯ ฉับพลันที่เห็น นายกล้าก็นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ
ชาวแท็กซี่โจษขานถึงเรื่องผีดุกันขึ้นมาทันที แต่ความที่แกเป็นคนกล้าประกอบกับผู้หญิงคนนั้น
ก็ดูว่าเป็นคนชัดๆ แกจึงจอดรถเข้าไปรับ พอหญิงสาวเปิดประตูรถ
กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกก็ปะทะจมูกของนายกล้าทันที "โชเฟอร์ ไปแถววัดธาตุทองนะ จะไปมั้ย ?"
หญิงสาวถาม " ไปครับผม" นายกล้าตอบ ในใจคิดว่า ไม่ใช่วัดสมรโกฏิ แบบที่ลือกันนี่หว่า
หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งที่เบาะหลังพร้อมกับบอกนายกล้าว่ า "ไปทางด่วนนะ"
นายกล้ากดมิเตอร์แล้วออกรถขับตรงไปขึ้นทางด่วนงามวงศ ์วาน

กลางดึกเช่นนั้นทางด่วนเงียบสนิท นาน ๆ ถึงจะมีรถขับมาสักคัน
กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังเตะจมูกอยู่
บรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด
ถึงนายกล้าจะกล้าเพียงไรก็ตามแต่แกก็อดชำเลืองมองกระ จกส่องหลังไม่ได้

เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
แกก็เลยชวนคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้ " รอรถนานมั้ยครับ"
นายกล้าถามหญิงสาว "นานสิ แท็กซี่หายไปไหนหมดไม่รู้" หญิงสาวพูดเรื่อยๆ
" ก็มีข่าวลือเรื่อง...เอ้อ.....เรื่องผีแถวนี้ดุสิครั บ
เลยไม่ค่อยมีแท็กซี่คันไหนกล้าวิ่งแถวนี้" นายกล้าตัดสินใจพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีหญิงสาว
หญิงสาวหันขวับมามองนายกล้าทันที "มิน่าล่ะ
เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งหลายคันไม่มีใครจอดเลย แล้วนายไม่กลัวเหรอ ?" หญิงสาวถาม
นายกล้ากลืนน้ำลาย " เอ้อ...ไม่กลัวครับ" "ก็ดี" หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง

นายกล้าขับรถต่อไปเรื่อย ๆ บรรยากาศกลับเงียบสงัดอีกครั้ง
เงียบจนนายกล้าได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเพียงคนเด ียว!

นายกล้าแหงนขึ้นไปมองกระจกส่องหลังเมื่อนึกขึ้นได้

ทันใดนั้น! หัวใจของแกแทบจะหยุดเต้น เมื่อเห็นภาพในกระจกเบาะหลังว่างเปล่า
ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงผมยาวที่นั่งคุยมาด้วยกันเม ื่อกี้นี้เลย!

'ship หายแล้ว ku เนี่ยเขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โดนดีเข้าแล้วมั้ยล่ะ '
นายกล้าคิดขณะที่กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ ของผู้หญิงสาวยังคงคลุ้งอยู่ในรถ
มือที่กำพวงมาลัยสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบ
ขาของนายกล้าที่เหยียบคันเร่งชาจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว บทสวดมนต์กี่บท ๆ
ที่นึกได้ นายกล้าท่องจนหมด กลิ่นน้ำหอมก็ไม่หายไปไหน ยังลอยอบอวลคลุ้งอยู่ ในรถ
แถมบางครั้งยังแรงขึ้นด้วยซ้ำไป มนต์บทแล้วบทเล่าที่นายกล้าท่อง ไม่ได้ทำให้กลิ่นน้ำหอม
จางลงเลย นายกล้าแหงนขึ้นมองกระจกอีกครั้ง เบาะหลังก็ยังว่างเปล่าอยู่ มีแต่กลิ่นน้ำหอมเท่านั้น
ที่บอกให้รู้ว่า " เธอ" ยังไม่ไปไหน

นายกล้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ในใจก็อาราธนาพระดังๆ ทั่วเมืองไทยให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา
ใจอยากบึ่งไปให้ถึงวัดธาตุทองเร็วๆ เผื่อว่ากลิ่นน้ำหอมจะหายไปเพราะ "เธอ"
คงต้องการไปลงที่นั่นจริงๆ ' โอ๊ย มาไกลเหลือเกินนะแม่คุณ ' นายกล้าคิดในใจ
ขณะที่ยังคงเหยียบคันเร่งมิด

นายกล้ามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถมาติดไฟแดงตรงเชิงทาง ด่วน
นายกล้าสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ 3 ครั้ง
ก่อนกลั้นใจแหงนหน้าขึ้นไปมองกระจกส่องหลัง และแล้ว
นายกล้าก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง มือเท้าเย็นวาบแทบจะหมดแรง
ขนลุกซู่ทั้งตัว เหมือนใครเอาน้ำแข็งมาโปะต้นคอ

ภาพที่ทำให้นายกล้าแทบช็อกก็คือ
หญิงสาวคนเดิมมาปรากฏตัวที่เบาะเหลังอีกครั้ง
แต่คราวนี้หน้าตาเธอเปลี่ยนไป! ใบหน้าของเธอมีเลือดไหลออกทางจมูก และปาก

นายกล้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ' เป็นไงเป็นกันวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
จะถามให้รู้เรื่องกันไปว่า "เธอ" ต้องการอะไรกันแน่ '
พอคิดได้ดังนั้นนายกล้าก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับ "เธอ" ผู้นั้น
ก่อนที่จะถามเป็นคำถามแรกว่า "คุณเป็นอะไรตาย ?"

" ตายพ่อ ตายแม่มรึงสิ" เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ
" แมร่ง! กูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว แม่งเหยียบซะหน้าตากูแหกหมด
แล้วยัง ... มาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย"


​

​

 

หานิทานก้อม มาเล่าก่อนภัยหนาวจะมา ช่างสรรหาดีจังเนอะคุณคิงคอง
คลายเครียดได้เยอะ ไปนอนแระ

 

เรียนรู้ไว้มีประโยชน์มากมาย
​

ha! ha! ha!...ต้องขอขอบคุณรายการก่อนดึกคลายเครียด จากคุณคิงคองครับ ขืนวันๆ นั่งอ่านแต่ข่าว
ภัยพิบัติและสภาพดินฟ้าอากาศที่มีแต่แย่ลง และโหดร้ายขึ้นๆๆ ก็จะมีแต่ทำให้สภาพจิตใจของเราพลอย
เศร้าหมองและแย่ตามไปด้วย จึงถือได้ว่า เป็นเรื่องที่ดีครับที่มีการสรรหาสิ่งใหม่ๆ มาลงบ้าง

พอดีในหน้าที่แล้ว มีการพูดคุยเรื่องโทรศัพท์มือถือ ผมจึงขอถือโอกาสนี้โดยใช้โทรศัพท์ที่ทุกท่านมีอยู่แล้ว
มาใช้ตรวจสอบการทำงานของรีโมทคอนโทรล ว่ามันอยู่ในสภาพเช่นไร ด้วยวิธีที่แสนจะง่ายดาย ตามนี้ครับ

1.หยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใดยี่ห้อใดก๋ได้ แล้วเปิดไปที่โหมดถ่ายรูป ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะถ่ายรูป

2. หยิบรีโมทคอนโทรลไม่ว่าจะเป็นของทีวี,เครื่องเสียง,เครื่องเล่นวิทยุ,หรือเครื่องเล่นvcd,dvd,และ
อืนๆได้ทุกชนิด แล้วนำมาจ่อให้ตรงกับโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นท่านก็ลองกดปุ่มใดก็ได้ครับที่ตัวรีโมท
(การจ่อหมายถึงให้มันหันหน้าเข้าหากัน)

โดยระหว่างที่กดปุ่ม ก็ให้ท่านจ้องไปที่หน้าจอของมือถือ จะเห็นแสงไฟสว่างวาบขึ้นที่หน้าจอ วิธีที่บอกมา
ดังกล่าวสามารถนำไปเช็คได้ว่า รีโมทคอนโทรลถ่านหมดแล้วหรือยัง หรืออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้หรือไม่

คราวนี้พวกเราก็ไม่ต้องมานั่งหน้าบูดเบี้ยวแล้วล่ะครับ เพราะสามารถเช็คสภาพของมันได้ด้วยวิธีง่ายๆดังกล่าว

 

ก่อนดึกคลายเครียด

........................

"คุณเป็นอะไรตาย ?"

" ตายพ่อ ตายแม่มรึงสิ" เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ
" แมร่ง! กูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว แม่งเหยียบซะหน้าตากูแหกหมด
แล้วยัง ... มาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย"


ขอบคุณ.......ขำกลิ้งหายปวดท้องเลย.....อิอิdannce_

 

ดีใจครับที่มีคนชอบ ตอนนี้มันไม่มีภัยอะไรให้เตือน ก็มานั่งหัวเราะกัน รอเวลาภัยมาให้เตือนนะครับ ผมนำเรื่องมาลงก็ไม่กล้าบอกที่มาของเว็บ เพราะผมรู้ว่าหลายคนรู้เข้าก็จะรังเกียจ ก็เอากันแค่สะใจในห้องนี้ก็พอครับ

รู้ มั้ ย จ๊ ะ . . . ต ด . . . บ อ ก อ ะ ไ ร





รู้ มั้ ย จ๊ ะ . . . ต ด . . . บ อ ก อ ะ ไ ร




1. คนใจเย็น
- คนที่กลั้นตดจนถึงจุดระเบิด

2. คนขี้โอ่
- คนที่ตดดังสนั่น แล้วยืนหัวเราะชอบใจ



3. คนไม่จริงใจ
- คนที่ตด แล้วหันไปมองหน้าเด็ก

4. คนงก
- คนที่ชอบยืนดมตดตัวเอง



5. คนโชคร้าย
- คนที่ตดขณะเอามือตบโต๊ะไปด้วยแต่พลาดจังหวะ (ซวย)

6. คนซาดิสม์
- คนที่ตดในผ้าห่มแล้วกดหัวแฟนตัวเองไปดม



7. คนเจ้าเล่ห์
- คนที่ตดพร้อมกับไอกระแอมเบาๆ

8. คนสุภาพ
- คนที่กล่าวคำขอโทษ ก่อนและหลัง การตด
(ทั้งๆที่อยู่คนเดียว)



9. คนมั่งคั่ง
- คนที่ตดอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะ และยาวนาน

10. คนอำมหิต
- คนที่ตดไม่มีเสียง แต่เหม็นโคตร



11. คนดีแต่พูด
- คนที่ตดโคตรดัง แต่ไม่มีกลิ่น
(เน้นการใช้เสียงเพื่อขู่ศัตรู)

12. คนหลายใจ
- คนที่ตด ขี้ เยี่ยว ไปพร้อมๆกันในเวลาเดียว
(หรือเรียกว่า ทวารสามัคคี)



13. คนใจบุญ
- คนที่ตดอยู่เหนือลม

14. นักวิทยาศาสตร์
- คนที่ชอบวิเคราะห์กลิ่นตดว่าอาหารก่อนหน้าประกอบด้วย อะไรบ้าง



15. ผู้ดี
- คนที่กลั้นตดไว้เป็นชั่วโมงเพื่อ กลับไปตดที่บ้าน

16. แพทย์
- คนที่ล้างมือ ก่อนและหลังตด


หมายเหตุ : แล้วคุณล่ะ ตดแบบไหน?

 

ตอนบ่ายคลายเครียด

สวนสัตว์เปิดใหม่ มีแห่งเดียวในโลก

ก่อนอื่นพาทุกท่านเยี่ยมชมวิถีชีวิตของหมีขาวผู้ล่าในดินแดนเยือกแข็ง



วันนี้จะพาทุกท่านเที่ยวชมสวนสัตว์ที่ลงทุน
กว่า 10ล้าน (Pixel) ฟรีๆไม่เสียค่าบัตร



​

พาท่านควบม้าวิ่งด้วยความเร็วสูงเพื่อชมทิวทัศน์รอบๆสวนสัตว์

​

เลี้ยวซ้ายมาชมกีฬาเทเบิ้ลเทนนิสโดยนักกีฬามืออาชีพระดับโลกกก

​

ระหว่างทางที่ท่านเที่ยวชมท่านจะต้องพบกับกลุ่มเพนกวินโจรสลัดที่กินผลปิศาจเข้าไป

(ต้องระวังนะอย่ามองหน้ามัน)

​

หากหลีกเลี่ยงกลุ่มเพนกวินไม่ได้ก็ยิงแม่_งเลย







ลัดเลาะไปเรื่อยๆจนไปเจอกับฟาห์มวัวที่เซ็กส์ซี่ที่สุดในจักรวาลโชว์ลีลารูดเสาแบบUncensor




พิเศษอย่างยิ่ง!!สวนสัตว์ของเรายังมีบริการอาบ อบ นวด สปา++
++++++++++++++

+++++++++++++++++++++

มีที่พักผ่อนหย่อนใจ และอาหารฟรี





ยามค่ำคืนท่านจะได้พบกับการแสดงของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่

​

หากหัวใจคุณเต้นเปนจังหวะร็อค ก็เอาไปเลยใจจากเราเต็มถัง!!(วิญญาณพี่หนุ่ย อำพลเข้าสิง)





โอ้ววว ระหว่างที่เที่ยวชมก็เจอกลุ่มพวกบิดซิ่งนรก ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจๆเรามีผู้ช่วย







ใครบังอาจมายุ่งกับพวกอั๊วะ ยิงทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือ!!





ใครมองตาข้า เจ้าผู้นั้นจะต้องกลายเป็นหิน!!วะฮ่าๆๆๆ







ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพแล้วแวะมาเที่ยวใหม่นะค๊าบบบบบ

 

ขอบคุณมากค่ะ ขำก๊าก..ก..thaxx

 

ได้สาระครับ
กระถางประหยัดน้ำมีระบบป้อนน้ำให้ตัวเอง ไม่ต้องคอยรดน้ำ


กระถางประหยัดน้ำ..มีระบบป้อนน้ำให้ตัวเอง ไม่ต้องคอยรดน้ำ



การ เพิ่มสีเขียวให้กับบ้าน ด้วยการปลูกต้นไม้ เป็นเรื่องที่ใครๆก็อยากทำ แต่ในทางปฏิบัติ เอาเข้าจริง ก็ทำต้นไม้เฉาตายไป
นักต่อนัก เพราะไม่มีเวลาดูแล ไม่มีเวลารดน้ำ เพราะไลฟ์สไตล์ที่วุ่นวายในทุกๆวัน นึกขึ้นได้ต้นไม้ก็ตายซะแล้ว

ถ้ามีวิธี หรืออุปกรณ์ที่ทำให้ปลูกต้นไม้ งอกงาม โดยไม่ต้องคอยรดน้ำบ่อยๆได้ ก็คงดี และไม่แพง เพราะวิธีการที่ว่าในต่างประเทศ
มีการทำกระถางที่มีระบบเก็บน้ำไว้ภายใน ทำให้ไม่ต้องลดน้ำบ่อย แต่ราคาก็แพงมาก ใบหนึ่งเป็นพัน





วันนี้เราจะมาดูวิธีการทำกระถางประหยัดน้ำแบบบ้านๆ ไม่ต้องรดน้ำบ่อย ทำได้เองจากขวดเก่า ประหยัดงบ เราสามารถสร้างสวนผักเล็กๆ
ริมหน้าต่าง หรือในครัวปลูกใบโหระพา กระเพรา ได้สีเขียวมาประดับบ้านแล้วยังได้ผักใบเขียวไว้กินอีกด้วย ลองมาดูกันเลยค่ะ

สิ่งที่ต้องการ ก็มี : ขวด แก้วน้ำ แผ่นตาข่ายเพื่อกั้นดิน เชือก แล้วก็ ต้นไม้ที่ต้องการปลูก ส่วนวัสดุ ขวดและแก้วน้ำ จะเปลี่ยน
วัสดุขวดแก้วเป็นพลาสติกก็จะตัดได้ง่ายค่ะ สามารถเปลี่ยนแปลงวัสดุตามที่ต้องการ ลองดูวิธีการเป็นแนวทางค่ะ




นำแผ่นตาข่ายขนาด 2นิ้ว x 2 นิ้ว เจาะรูตรงกลางเพื่อให้เอาเชือกเส้นใหญ่พอประมาณเข้าไปได้ และผูกปมไม่ให้หลุด เชือกจะเป็นส่วนที่
นำน้ำขึ้นไปให้กับดิน หล่อเลี้ยงพืชผักที่เราปลุกไว้ ในปริมาณน้ำที่พอเหมาะ เราไม่ต้องห่วงว่าน้ำจะมากไปหรือน้อยไป








หรือจะใช้ขวดพลาสติกก็น่าจะง่ายกว่าเยอะเลยค่ะ






ที่มา : we like it wild: bottle gardens | Design*Sponge

 

ทุกหัวข้อก็พอเป็นไปได้แต่หัวข้อที่ 15 เนี่ยอ่ะคะ คงจะทำยาก และหาแทบไม่เจอ นิ;aa44

 

คราวนี้เรามาดูขั้นตอนของงานศพแบบธิเบตกันชาวธิเบตถือว่า
การเกิดเป็นเรื่องธรรมดา การตายยิ่งเป็นเรื่องธรรมดา

การตาย หมายถึง การเกิดใหม่ของวิญญาณ ของคนๆนั้นเพราะเขาเชื่อว่าวิญญาณจะไม่มีวันตาย ซึ่งก็
จะขึ้นกับฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวด้วย แต่ต้องไม่น้อยกว่า 2 วัน อนุญาตให้มีแขกมาในงานได้กี่คน การ
เคลื่อนศพจะต้องออกทางทิศไหน ทางประตู หรือหน้าต่าง วิธีการทำศพนั้นไม่มีพิธีอาบนำศพ หรือแต่งตัวใหม่คือ
ตอนเสียชีวิตใส่เสื้อผ้าชุดใดก็ใส่ชุดนั้น แล้วนำผู้ตายขึ้นไปนอนบนเตียงขนาดพอตัวและมีขาเตี้ยๆครอบครัวผู้ตาย
ก็จะเอา"ข่าต๋า"คือผ้าพันคอผืนยาว 2 ถึง 3เมตรเศษสีขาวห่มร่างผู้ตาย แล้วขึงเชือกเหนือร่างผู้ตายจากหัวไปเท้า
เพื่อแขกที่มาในงาน จะได้เอาข่าต๋าไปพาดบนเชือกที่ขึงนี้ ใครที่จะบริจาค ช่วยงานศพก็ทำได้ตอนนี้ ถ้าคนใดคน
หนึ่งในครอบครัวตาย เขาจะต้องรีบไปติดต่อโรงพยาบาลธิเบต พร้อมกับวันเดือนปีเกิดและวันเวลาที่ เสียชีวิตของ
ผู้ตายเพื่อให้หมอเอาข้อมูลไปคำนวณว่าจะเก็บศพเอาไว้กี่วัน จากนั้นญาติก็นิมนต์พระซึ่งชาวทิเบตเรียกว่า"ลามะ"
มาสวดที่บ้าน ซึ่งจะเชิญมากี่องค์ก็ได้ แต่ต้องสวดตลอดระยะเวลาที่ไว้ศพ เช่นถ้าไว้ศพ 5 วัน ก็ต้องสวดตลอด 5
วัน จะหยุดพักบ้างก็ได้เพียงประมาณ 15นาที ต่อช่วงเท่านั้น ถ้าลามะมาองค์เดียว ฆราวาสที่อ่านภาษาทิเบตได้จะ
ช่วยสลับเวลาสวดแทน เมื่อสวดจบหนึ่งรอบญาติจะนำน้ำชาผสมเนยจามรีไปวางใกล้ศพ เพื่อเสริฟให้แก่ผู้ตายและ
ลามะเองก็พักซดน้ำชาไปในช่วงเวลานี้เหมือนกันเพราะ ชาวธิเบตคลั่งไคล้การดื่มน้ำชาเป็นชีวิตจิตใจ ารสวด
จะเป็นไปอย่างนี้จนครบระยะเวลาการไว้ศพ จากนั้นก็เคลื่อนศพ ไปทำพิธีฝังจะทำกันตอนเช้าตรู่ ตี 4 หรือตี 5 แต่
ก่อนหน้าวันเคลื่อนศพ ผู้ทำหน้าที่ฝังศพ ซึ่งชาวทิเบต เรียกว่า "อาจารย์" จะมาบ้านผู้ตายครอบครัวผู้ตาย ต้อง
เตรียมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของผู้ตายมามอบ ให้อาจารย์พร้อมทั้งเงินค่าทำศพส่วนใหญ่ ประมาณร้อย ถึงสองร้อยหยวน
ส่วนเสื้อผ้าอาจารย์ก็จะให้ภรรยาของตนนำไปขาย ก่อนทำพิธีเคลื่อนศพ อาจารย์ต้องทำเครื่องหมาย "สวัสดิกะ"
ไว้บนพื้นตรงทางที่ศพ จะถูกขนออกจากบ้านไป จากนั้นอาจารย์จะเอาเชือกผูกหัวเตียง จุดธูปบอกกล่าวผู้ตาย จาก
นั้นก็ถือเชือกนำหน้าศพ บรรดาญาติจะช่วยกันแบกทั้งเตียงและศพ เดินตามเป็นขบวน แล้ววนรอบ เครื่องหมาย
สวัสดิกะ 3 รอบ แล้วมุ่งหน้าไป "วัดต้าเจ้า" ซึ่งเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สุดของธิเบต เมื่อขบวนแห่มาถึงวัด ก็เดินวน
รอบวัด 3 รอบเป็นการให้ผูตายได้เคารพ สักการะองค์พระพุทธรูปเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เอาศพใส่ รถยนต์กระบะ
เพื่อนำไป

สถานที่สำหรับพิธีฝังศพ ในสมัยก่อนไม่มีรถยนต์ อาจารย์ต้องเป็นคนแบกศพรวดเดียว ไปยังสถานที่ฝังศพ ซึ่งเป็น
ระยะทางที่ต้องขึ้นเขาไปกว่า 2กิโลเมตร ดังนั้นอาจารย์ ส่วนใหญ่ต้องมีร่างกายแข็งแรง เมื่อขบวนแห่และอาจารย์
มาถึงสถานที่ฝังศพ ซึ่งเป็นลานกว้างมีแผ่นหินปูลาดขนาด 2 X 2 เมตร แล้วอาจารย์และญาติจะช่วยกันเปลื้องเสื้อ
ผ้าของศพออก แล้วอาจารย์ ก็จะเอาเครื่องมือของตนออกมาวาง ประกอบด้วยมีดขนาดต่างๆ มีตั้งแต่อีโต้ จนถึง
ขนาดเล็กๆที่ใช้ในการแล่เนื้อ ประมาณ 15-16 เล่ม อาจารย์เริ่มลงมือด้วยการเอามีดเล็ก กรีดหน้าผากศพเป็นแนว
ยาวเหนือคิ้ว แล้วถลกหนังศีรษะออกมากองไว้ จากนั้นผ่าท้องเอาเครื่องในออกมา แล้วแล่เนื้อออกจากกระดูก ใช้
มีดอันใหญ่ทุบกระดูก และสับเนื้อเป็นชิ้นๆและทุบกระโหลกศีรษะเอามันสมองออกมาผสมกับกระดูกใส่ใน หลุมที่มี
เลือดไหลไปรวมอยู่ จากนั้นเอา ''จามปา" แป้งชนิดหนึ่งที่คนทิเบตนำมาทำอาหาร มาผสมคลุกเคล้าให้ดีกับเลือด
กระดูกและสมอง เพราะจะช่วยดูดซับเลือดให้เข้ากับกระดูก ทำให้บริเวณนั้นแห้งสนิท ไม่เหลือเศษเลือดทิ้งเอาไว้
ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะ อีแร้งชอบกินมันสมอง ไม่ชอบกินกระดูกจึงต้องเอามันสมอง มาคลุกกับกระดูก ให้อีแร้งกิน
กระดูกเข้าไปด้วย

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อม แล้ว อาจารย์ก็เรียกบรรดาอีแร้งที่อยู่เหนือบริเวณฝังศพขึ้นไปบนยอดเขา ให้ลงมากิน
เริ่มด้วยอาจารย์เอา มันสมอง และเลือด ให้อีแร้งกินก่อนแล้วค่อยตามด้วย เนื้อที่สับไว้ เมื่ออีแร้งกินทุกอย่างหมด
แล้วญาติพี่น้อง ก็จะช่วยเผาสิ่งสุดท้ายที่เหลือคือเสื่อผ้าชุดที่ผู้ตายใส่ กับหนังศีรษะติดผม แล้วทุกอย่างก็เป็นอัน
เสร็จสิ้นไม่ต้องมีการเก็บร่างกายของผู้ตายไว้เป็นที่ ระลึกให้ต้องทำพิธีระลึกถึงกันทุกปีเพราะเขาเชื่อว่า ในขณะที่
เรากำลัง ร้องไห้เศร้าโศก อยู่หน้าหลุมฝังศพผู้ตายนั้น เขาได้ไปจุติในร่างใหม่เรียบร้อยแล้ว

แน่นอนว่า สำหรับคนนอก ความอยากรู้อยากเห็นมันแฝงความรู้สึก "อนารยะ" แต่คงยากที่จะเปลี่ยน เพราะมันเป็น
เรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิต ความเชื่อ ความศรัทธา อย่างลึกซึ้ง