การฝึกฝนจิตให้เข้าสู่ความสงบ สดชื่นและมีกำลังเป็นเคล็ดวิชาไสยศาสตร์ทุกประเภท

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย I'mTiM, 4 กรกฎาคม 2011.

  1. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    เสกแล้วให้คนอื่นชิมดูซิครับ โบราณไม่สอนให้โง่นะครับ

    ส่วนเป่าแก้ปวด พื้นๆครับ ต้องหยุดเลือดที่เส้นเลือดให่ญครับถึงจะแน่ในสายตาผม

    กดเป่าที่หัวแม่มือแก้กระดูกทับเส้นครับไม่ต้องผ่าตัด หรือตอกฝีที่เสา กับเสกมือบีบหัวเข่า

    รักษาโรคปวดหัว หรือขวาดซุยย้ายเจ็บครับถึงเรียกว่าเก่งตามแบบโบราณครับ

    เสกปูนคาดคอ เป้นการฝึกคงกระพันแบบเก่า ต้องเสกปูนจนจืดก่อนแล้วคาดคอแล้วลอง

    เชือดเบาๆก่อนจนไม่มีรอยก็ปาดให้สุดแรง จนถึงขันสุดท้ายมีดโกนตุ๊กตาคู่วางบนขาแล้วให้

    ผู้หญิงมีรอบเดือนเหยียบแล้วดึงมีดครับ

    ส่วนปูนกับขมิ้นผสมกันแล้วจะเป็นสีเลือดครับเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าใช้คาถาเมตตาใด้ผลใน

    เบื้องต้น ขมิ้นกับปูนจะไม่เปลี่ยนสีครับ เป็นการฝึกทดลองแบบโบราณครับอย่างมากก็เป่าใส่

    ลูกไก่ให้วิ่งตาม เขาจะไม่ฝึกกับผู้หญิงครับ กลัวปาบกรรม ควรมีความละอายต่อปาบ ต่อเพศ

    แม่ครับ คาถาอาคมจึงจำเป็นต้องมีครูชี้แนะ ไม่เพียงแต่เคล็ดลับอย่างเดียวครับ ต้องควบ

    คุมจริยธรรม แล คุณธรรมควบคู่กันด้วยครับ
     
  2. คุแมน

    คุแมน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +34
    ต่างคนคิดนะคับบังคับกันไม่ได้
    แนวทางของคุณ ซึ่ง ผมเข้าใจและเคยได้ยิน
    มานานก่อนผมเกิดด้วยซำ เมื่อผมรองทำเพื่อนผมรองทำแล้ว แต่ตอบโจทย์
    ผมไม่ได้ จนผมมาเจอหลักการของท่านผู้นี้แล้วสามารถทำได้ผมจึงเชื่อในสิ่งที่ผมทำได้
    มากกว่า นะคับ คงไม่ว่ากันนะคับ
     
  3. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    -ผมไม่เคยบังคับใครให้คิดตามนะครับ แค่มาแชร์กันตามประสา คนแนวๆ

    -ไสยสาตร์มีมาก่อน สมเด็จองค์ปฐม แล้วครับ และ ยังยืนยงตราบจนคนหาทาง

    พ้นทุกข์ไปใด้จึงหยุดพึ่งไสยสาตร์ครับ

    -เจ้าของกระทู้เขานำเสนอ การสำรวมจิต และทำอารมณ์ให้สดชื่น หรือเอาง่ายๆ

    ก็คือ อย่าไปคิดมากครับ แล้วเขาก็สามารถเอามีดฟันใด้เลย

    -การหยุดความคิดใด้ใจจึงมีพลัง เป็นความสามารของจิตครับ ตามแนวหรือหลัก

    การที่ผมนำมาแชร์นั้น ก็เห็นมีคนฝึกกันได้ทั่วไปครับ เจ้าของกระทู้ยังบอกว่าทำ

    ใด้ตั้งแต่เด็กๆด้วยซ้ำไป

    -คุณคุแมนพอใจจะฝึกอย่างไรก็ตามสบายครับ ไสยสาตร์มีใว้เป็นบันไดฝึกจิตอีก

    วิธีหนึ่งสำหรับผมเท่านั้น ครับ

    -ข้อสุดท้าย คนที่ท่านนำเสนอนั้น ผมคิดว่า เป็นบุคลที่3ครับ ไม่ขอวิจารณ์ใดๆครับ
     
  4. คุแมน

    คุแมน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +34
    พวกนี้ คุณทำได้แล้วหรือคับ สมัยนี้หาคนเก่งแบบคุณนี่ยากมากๆเลยนะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  5. คุแมน

    คุแมน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +34
    แต่ก่อนผมเคยเจอคนในเนตท่าทางเขาเก่งมาก มีอยู่วันผมขอให้เขาช่วยทำอะไรให้ดูหน่อยว่าเก่งจริงดังเราเข้าใจ หรือไม่ ผมขอให้ช่วยทำนี่ให้หน่อย ทำโน่ให้หน่อย เขาตอบเลียงไปมาจนเราต้องเลิกทดลอง ทดสอบอีกเลย ผมเข้าใจว่าเขาเก่งจริงแต่ไม่มั่นใจในตัวเองเพราะการใช้คาถาขึ้นๆลงวันนี้ทำได้พรุ่งนี้ทำไม่ได้ จึงเกิดความไม่มั่นใจ
    ส่วนของผมมั่นใจแบบสุดๆเพราะผมเคยลองกับคนอื่นแล้ว ก็หายทุกที เออ.........จะว่าหายทุกทึก็ไม่ถูก เพราะเมื่อทำครั้งแรกๆจะทำไม่ได้ดี แต่เมื่อผมรวมจิตได้ เมื่อทำครั้งที่ 2 ที่ 3 ก็สามารถทำได้อย่างดี แต่วิชาอื่นยังไม่เคยรอง จึงไม่มั่นใจเท่าไร แต่ก็เชื่อว่าถ้าผมฝึกจนวิชาแก่กล้าถึงขั้นทำได้สักครั้ง ผมก็สามารถทำได้ตรอดไป เหมือนวิชาเป่าแก้ปวด เช่นกัน เพราะโดยพื้นฐานคาดว่าคงไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่ความยากง่ายของการใช้กำลังจิตฝึกฝนจนถึงจุดนั้นๆพอ เท่านั้นเอง

    ส่วนวิชาเก่าๆที่อาจารย์รุ่นก่อนกล่าวบันทึกไว้แต่คนสมัยนี้ยังทำไม่ได้ ผมมีความเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้หมด ถ้าเราขยันฝึกฝนจนถึงนะเวลาจุดนั้นๆ อันนี้ไม่ได้พูดเพราะหลงตัว แต่ มันเป็นผลของกลวิธีในการฝึกของท่านผู้นั้น ทำให้รู้สึกถึงความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยของพลังเวทย์ในตัว ซึ่งแตกต่างจากแต่ก่อนมากพอควร แต่ก็ยังไม่อาญหารมากพอไปเทียบท่านผู้ใหญในสมัยนี้ที่ท่านทำได้มาก่อนแล้ว เพราะเราเองก็ยังทำไม่ได้เหมือนท่าน
     
  6. I'mTiM

    I'mTiM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +449
    วิธีการของพวกคุณ 2 คน ทั้งคุณ คุแมน และ คุณ ขมังเวทย์ นั้น เป็นการฝึกคนละสไตล์ คนละแนวทาง คุณคุแมน เน้นการฝึกจิตการพลิกจิตและการเดินกำลังจิตให้เต็ม ด้วยการวางจิตง่ายๆอย่างถูกต้อง จึงสามารถแสดงฤทธิ์ได้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำยิ่งชำนาญ ยิ่งเข้าถึงอารมณ์จิตได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีความมั่นใจ และสามารถทำได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆทุกครั้ง ส่วนของคุณขมังเวทย์นั้น เป็นวิธีการฝึกแบบโบราณ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบคุณภาพจิตให้เห็นเป็นรูปธรรม ว่าจิตที่ฝึกฝนนั้นสามารถใช้พลังได้ถึงในระดับไหนแล้ว ถ้าวางจิตผิดวิธีมะนาวที่นำมาลงยันต์แล้วเสกจะไม่หวานหรือจืด หรือยังมีความเปรี้ยวอยู่มาก ทำให้ต้องฝึกเสกใหม่ เดินกำลังจิตใหม่ วางจิตใหม่ และต้องวางอารมณ์จิตให้ถูกต้อง เช่นเสกมะนาวให้หวานหรือจืด เพื่อผลทางเมตตาเราก็ต้องวางจิตให้เย็นเดินอารมณ์ให้เย็น ไม่ให้มีความเร่าร้อนเจือปนในจิต จึงจะเกิดผลให้มะนาวหวานหรือจืด ถ้าวางจิตและอารมณ์จิตไม่ถูกต้องก็ไม่หวานหรือจืด หรือมีรสหวานเจือปนมาในน้ำมะนาวที่เสกบ้าง ทีนี้เราก็พยายามทำให้ดีกว่าเดิม ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมะนาวหวานหรือจืดจริงๆ นั่นแหละวิธีการฝึกแบบโบราณ

    การฝึกแบบโบราณนั้น ปัจจุบันก็ยังมีคนฝึกอยู่และฝึกได้จริงๆด้วย ไม่ใช่ไม่มีนะครับ อย่างศิษย์น้องผมบางคน ฝึกแนวทางของวัดประดู่ทรงธรรมซึ่งเป็นวิธีฝึกแบบไสยศาสตร์โบราณขนานแท้ พวกนี้เมื่อฝึกแล้วจะก้าวหน้าช้าเพราะมีขั้นตอนมาก แต่เมื่อฝึกได้แล้วจะเก่งจริงๆ เพราะทำการฝึกซ้ำๆตามวิธีการแบบโบราณ ทำให้จิตไม่ลืมอารมณ์ในขณะเสก เมื่อจิตมีความคุ้นเคยกับอารมณ์ที่เสกก็จะสามารถวางจิตได้อย่างถูกต้องและทำได้ทุกครั้งไป

    กรณีของคุณคุแมน เป็นลักษณะการฝึกแนวทางลัด เรียกว่าเน้นจิต การวางจิต การเดินกำลังจิต แล้วค่อยโดยใช้อารมณ์ที่จะเสกเป็นตัวพลิกจิต จากนั้นค่อยกำหนดอธิษฐานให้เป็นไปตามต้องการ

    ส่วนวิธีการฝึกจิตที่ผมแนะนำไป เป็นวิธีเข้าสมาธิแบบลัดและง่ายมากๆแล้วนะครับ ถ้าทำให้คุ้นเคยแล้วค่อยนำมาพลิกใช้กับวิชาไสยศาสตร์จะมีประโยชน์มาก เพราะเป็นการสะสมพลังจิตไว้ในตัว เมื่อมีพลังสะสมมากจะเสกอะไรก็สำเร็จได้โดยง่าย แต่การลงมีดเป็นคงกระพันต้องทำจิตให้เข้มแข็งห้าวหาญมีกำลัง จึงจะลงมีดได้ และจิตต้องมีความปราถนาให้เป็นคงกระพันด้วยนะครับ

    เพราะวิชาไสยศาสตร์อาศัยความยึดมั่นถือมั่นเป็นสำคัญ จะปล่อยวางเหมือนตอนฝึกสมาธิไม่ได้ ต้องมีความปราถนาว่าจะให้เป็นอย่างโนั้น อย่างนี้ ให้มีเพียงความคิดเดียว แล้วค่อยวางอารมณ์เดินกำลังจิตเสกให้เป็นไปตามต้องการ ถ้าปล่อยวางหมดก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะกำลังจิตสมาธิเฉยๆใช้งานให้เป็นคงกระพันหรือเมตตาไม่ได้ ทำร้ายคนไม่ได้ ต่อเมื่อกำหนดให้เป็นต่างหากล่ะจึงจะสามารถอธิษฐานเป็นฤทธิ์ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  7. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ขอบพระคุณครับที่นำมาบอกเล่ากัน

    ผมมีเรื่องอยากรบกวนถามหน่อยนะครับ

    -ผมก็ลองนั่ง โดยใช้คำภาวนาต่างๆกันไป แต่ผมว่า พุทโธ ใช้แล้วรู้สึกสบายใจที่สุด
    แต่ความจริงแล้ว ผมสบายแบบไม่ภาวนาเลยมากกกว่า นั่งไปเฉยๆ นี่ผิดรึเปล่าครับ

    -และบางทีเวลานั่งไปซักพักบางครั้ง มันก็จะหยุดภาวนาไปเอง หยุดสนใจลมหายไปเอง
    แต่ผม มั่นใจว่า ผมยังไม่ถึงฌาน 2 แน่ๆเพราะ ฌาน 2 ถึงจะหยุดลมหายใจไปเอง ผมน่าจะอยู่ระดับต้นๆ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ มากกว่า
    ถ้าเป็นอย่างนี้ พอรู้ตัวว่าหยุดภาวนาหยุดดูลมหายใจ ควรจะกลับมาดูใหม่ไหมครับ หรือปล่อยไปเลย
     
  8. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ใช้จิตอย่างเดียว หรือ คาถากับแรงครูครับ

    ของล้านนาใช้เวลา5นาทีก็ทำใด้แล้วครับ
     
  9. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    อย่าเชื่อจนกว่าจะมีการพิสูจณ์ครับ
     
  10. I'mTiM

    I'mTiM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +449
    การนั่งสมาธิโดยใช้คำภาวนาต่างๆนั้น เช่น พุท โธ สามารถทำได้ แต่การที่จะนั่งเฉยๆโดยไม่ใช้คำภาวนาแล้วดูจิตอย่างเดียวก็ทำได้ แต่กรณีหลังนี้มักจะทำให้สมาธิลอย เกิดอาการเคลิ้ม สติหลุดได้ จะไม่เกิดบุญกุศลอันใดเลยถ้าสติหลุด พลังจิตสะสมก็จะไม่เกิด ดังนั้นควรที่จะใช้คำภาวนาเพื่อให้จิตมีที่เกาะเกี่ยว สติมีที่ยึดพอจิตหรือสติหลุดจะรู้ได้ทันที ดังนั้นไม่ว่าจะใช้คำภาวนาใด้ หรือใช้คาถาใดบริกรรมแทนคำภาวนา ควรอย่างยิ่งที่จะต้องพยายามประสานจิต ลมหายใจ และคำภาวนาให้เข้ากันได้อย่างลงตัว นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการพัฒนาการฝึกจิต สมาธิ ให้ก้าวหน้าสู่คุณธรรมขั้นสูงต่อไปได้ และถ้าจิตหรือสติหลุดจากการภาวนา ต้องนำมาวางใหม่ อย่าท้อถอย อย่าปล่อยผ่านเลยไป เพราะนั่นเป็นสมาธิที่ผิดทาง เว้นเสียแต่จิตที่ทิ้งคำภาวนาเอง แต่มีสติคุมสมบูรณ์ เกิดภาวะ เบา โปร่ง โล่ง สบาย ตัวหาย คือ นั่งๆไปแล้วจะไม่รู้สึกถึงตัวตนว่ามีกายเนื้ออยู่ และนึกคำภาวนาไม่ออก แต่จิตจะยึดกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ตลอด เช่น ลมหายใจเข้า-ออก จะรู้ว่าลมหายใจเข้า ลมหายใจออก แต่เพียงเท่านั้น พร้อมทั้งเกิดความอัศจรรย์ใจ ประหลาดใจ แต่ไม่แตกตื่นเนื่องด้วยอำนาจสมาธิและสติตลอดจนปัญญาควบคุมรักษาจิตไว้ และจะเกิดอารมณ์ปีติ สุขอย่างมาก เมื่อถอนสมาธิออกมาแล้วจะไม่มีอาการเหน็บชาแม้แต่น้อย สามารถลุกเดินได้เลย อีกทั้งอารมณ์ปีติจากสมาธิที่ได้จะทรงอยู่กับตัวเป็นเวลานานนับวัน โดยปกติจะทรงอยู่ประมาณ 1 วัน
     
  11. I'mTiM

    I'mTiM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +449
    การที่จะใช้วิชาไสยศาสตร์วิชาใดวิชาหนึ่ง จะต้องใช้จิต คาถาและแรงครู ประกอบกันครับ มีบางกรณีที่ฝึกวิชาเก็บไว้ในตัวมากๆแล้ว สามารถ กำหนดจิตเพียงอย่างเดียวได้ ในกรณีการกำหนดจิตให้เกิดฤทธิ์เป็นไปตามต้องการนั้น ถ้ามีความเชี่ยวชาญและวิชาแข็งมากๆ สามารถกำหนดให้เป็นโดยทันทีได้เลย ใช้เวลาไม่เกิน 1 วินาทีครับ นี่ไม่ได้บอกกล่าวเกินจริงนะครับ เพราะจิตมีความรวดเร็วมาก เมื่อฝึกจนคุ้นเคยจึงสามารถเข้าถึงอารมณ์จิตในตัววิชานั้นๆและสามารถกำหนดแสงฤทธิ์ได้โดยทันที เพียงแต่ต้องฝึกฝนอยู่ตลอดทุกวันเป็นประจำ เพื่อเก็บสะสมพลังที่เกี่ยวกับตัววิชานั้นๆไว้ในตัวจนพลังแน่นเต็มตัว จึงสามารถใช้ออกได้อย่างรวดเร็ว อย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ที่ท่านเป่า เพี้ยงดีๆ ยังไงล่ะครับ หรืออย่างหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ที่ท่านเสกเหรียญรุ่นแรกของท่านโดยการเอามือลงไปกวนเหรียญรูปเหมือนท่านที่บรรจุอยู่ในบาตร 2-3 ทีแล้วบอกว่าใช้ได้แล้ว หรือหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ท่านเสกเหรียญโดยการเป่าเพี้ยงเดียว พวกเซียนพระที่ไปในพิธีด้วยยังบอกเลยว่า เพี้ยงเดียวมันจะไปศักดิ์สิทธิ์อะไร เลยเอาเหรียญท่านไปลองยิงดู ปรากฎว่ายิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว นี่แหละครับการกำหนดจิตให้มีฤทธิ์เป็นไปตามต้องการอย่างรวดเร็วหรือที่เรียกว่า วสีแปลว่ามีความชำนาญ

    ตัวบทคาถานั้นมีความขลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวอยู่แล้ว พลังจิตเป็นตัวกำลังให้เกิดความสำเร็จ และกำลังสมาธินี่แหละเป็นตัวที่จะดึงแรงครู ยิ่งมีสมาธิสูง จิตละเอียดมาก ยิ่งดึงแรงครูได้มาก ถ้ามีสมาธิในระดับใดก็จะดึงแรงครูได้ในระดับนั้น ดังนั้นเวลาเสกของถ้าใช้สมาธิขั้นสูงจึงมีความขลังมาก เนื่องเพราะดึงแรงครูได้มากนั่นเอง

    ที่ผมแนะนำการฝึกสมาธิให้นี่เป็นเพราะว่าต้องการให้คนที่สนใจได้ฝึกฝน และปฏิบัติสมาธิได้อย่างถูกต้อง และทำได้โดยง่าย เกิดเป็นบุญเป็นกุศล ซึ่งสมาธินี่แหละเป็นพื้นฐานของวิชาไสยศาสตร์ทุกประเภท เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดในการฝึกเพื่อพัฒนาก้าวหน้าในการใช้วิชาขั้นสูง เพราะวิชาไสยศาสตร์ถ้าไม่มีสมาธิแล้วเป็นอันจบ อย่างน้อยที่สุดต้องได้ขณิกะสมาธิที่แปลว่าสมาธิชั่วขณะ ไม่อย่างนั้นต่อให้มีตัววิชาคาถาอาคม มีแรงครู มีความเชื่อมั่น แต่ไม่มีสมาธิเลย ก็ทำไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะจิตไม่รวมตัวจึงไม่มีกำลังพอนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  12. zerozodiac

    zerozodiac Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +66
    สอนผมบ้างสิครับ

    มีใครจะรับผมเป็นนักเรียนไหมครับ

    นิสัยผมดื้อมาก หัวไม่ไว ใจไม่นิ่ง
     
  13. คุแมน

    คุแมน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +34
    คุณขมังเวทย์ พูดถูก ตรงที่ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อตามหลักพระพุทธเจ้า 10 ประการ (ต้องพิสูจน์ ด้วยตนเอง)

    ส่วนของคุณ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->I'mTiM<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4904997", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ก็พูดถูกโดยเฉพาะเรื่อง การใช้คาถาโดยไม่ต้องท่องมนต์แค่นึกถึงก็ทำได้เลย ถ้าพลังในตัวเรามีแต่ถ้าไม่ ต่อให้พยายามท่องบ่นมนต์ขนาดไหนก็ไม่สามารถทำได้

    ส่วนเรื่องลูกศิทย์ จะ รับก็ดูหน้าตากันให้ดี ก่อน เด็กสมัยนี้ มันเก่งจริง แต่ จิตใจมันต่างจากคนสมัยก่อนมากนัก ตามข่าวมีให้เห็นมากมาย
     
  14. คุแมน

    คุแมน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +34
  15. I'mTiM

    I'mTiM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +449
    เห็นมีคนถามถึงเทคนิคการนั่งสมาธิแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดีอยากจะแนะนำให้อ่านบทความนี้กันเยอะๆนะครับ แล้วลองไปปฏิบัติดู รับรองว่าได้ผลแน่นอน
     
  16. ammeria

    ammeria Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +96
    เป็นกระทู้ที่ดีมากถ้าอ่านดีๆ
     
  17. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    อ่านแล้วดีมากเลย ได้ความรู้จากกูรูทุก ๆ ท่านเลย อนุโมทนาด้วยนะคะ
     
  18. ammeria

    ammeria Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอนั่งยันนอนยันอีกคนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...