ประสบการณ์ลี้ลับ

ไม่ทราบว่าเป็นครูบาเจ้าองค์เดียวกันหรือเปล่าที่ถูกจับสึก วัดอยู่ตรงข้ามแม่น้ำ สร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ๆ พูดเสียงดังๆคุยเก่งมาก ชอบอ้างว่าสนิทกับผู้ว่าฯ บังเอิญว่าพาน้องไปเที่ยว ไปเจอท่านเลยถอยดีกว่าโยม แบบนี้ไม่ต้องจริต

 

เอ้อ..search เข้าไปดูแล้ว องค์เดียวกันจริงๆค่ะ เพิ่งจะเห็นข่าวค่ะ

 

วันนี้วันลอยกระทง ขอให้ทุกท่านลอยกระทงด้วยความสนุกสนานค่ะ(smile)(smile)

 

บอกใบ้ได้ไหมครับ อยากรู้จริงๆ ค้นดูแล้วมีแต่ข่าวเก่า หรือบอกทางPM ก็ได้ครับ
ขอบคุณครับ

 

uu

search คำว่า ครูบา กาญจนบุรี ค่ะ

 

วันนี้ 28/11 2555 ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เช้ามืด เพิ่งกลับมาถึงสี่ทุ่มกว่า หมดแรงเขียน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมและช่วยกันโพสต์

 

ผมไปอยู่ศูนย์พัฒนาศาสนา แค้มป์สน เมื่อราวต้นเดือนมีนาคม 2523 ก็เป็นช่วงเดียวกับที่ท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย เมื่อ 3 มีนาคม 2523 เช่นกัน วันเวลาผ่านไปในความรู้สึกเหมือนผ่านไปเมื่อวานซืน

จากอายุยี่สิบต้น ๆ มาเป็นห้าสิบปลาย ๆ เหลือเชื่อจริง ๆ วันเวลามันผ่านไปรวดเร็วนัก แต่การพัฒนาทางจิตยังเตาะแตะไปได้ไม่ถึงไหน มีไม่กี่ท่านที่ไปนิพพานแล้ว เหลืออีกจำนวนนับไม่ได้ยังไม่รู้จะไปนรกหรือสวรรค์

คนเราเกิดมาเพื่อพัฒนาจิตให้สูงขึ้นมิใช่หรือ

 

ใน youtube มีคนลงประวัติศูนย์พัฒนาแค้มป์สน
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=9abuDl1i8lw]ประวัติศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน .VOB - YouTube[/ame]

 

ไม่รู้ใช่อันนี้หรือเปล่าครับ ลองพิจารณากันเอาเองครับ ว่าจริงหรือไม่
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=4cAgMDFRlkM]ครูบาเจ้าบุญคุ้ม นิโรธกรรมชั่ว - YouTube[/ame]

 

ขอบคุณมากครับคุณโรบิน

ผมก็ไม่ได้เข้าไปสัมผัสนานมากตั้งแต่ปี 2523 ปีนั้นพวกเราช่วยกันปลูกต้นสนที่เป็นป่าสนเดี๋ยวนี้ ส่วนสนเก่าแก่นั้นมีอยู่ไม่กี่ต้น พอถึงฤดูหนาวยามลมหนาวพัดมามันจะเกิดเสียวหวีดหวิว พร้อมกับความเย็นที่ทิ่มแทงผ่านผ้าจีวรจนถึงเนื้อหนัง หนาวที่นั่นหนาวมาก ๆ ถึงกระนั้นอาจารย์พรยังพาพวกเราไปสัมผัสหนาวบนภูกระดึงช่วงปลายปีอีก

สภาพสิ่งก่อสร้างในปี 2523 ที่ผมเห็นคือ ศาลาใหญ่หลังแรกที่เห็น ใช้เป็นสถานที่สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ด้านหน้ามีห้องพักของแม่ชี 2 องค์คือแม่ชีโยมแม่ของพระเวชยันต์ และแม่ชีหนู ส่วนพระเวชยันต์อยู่ห้องหลังศาลา ทราบว่าท่านเป็นพระรูปแรกที่อยู่ที่ศูนย์มาก่อนใคร ๆ เป็นพระกรรมฐานแบบพองหนอยุบหนอ จำได้เวลาท่านนั่งภาวนาตัวท่านจะโยกไปมา คือถูกความง่วงครอบงำก็จะโน้มตัวลงมาข้างหน้า พอรู้สึกตัวก็ดีดผึงกลับ ถ้าใครลืมตาดูก็จะขำื แต่ตัวท่านบอกว่าอดีตชาติของท่านเป็นพญานาคก็เลยนั่งส่ายโงนเงน ท่านก็พยายามจะเป็นอาจารย์สอนกรรมฐานอยู่นะ ซึ่งเป็นปกติภาพของผู้ผ่านการปฏิแบบพองหนอยุบหนอ ซึ่งตอนปฏิบัติเขาจะผ่านการสอบอารมณ์ทุกวัน ผ่านการอบรมเป็นคอร์ส ๆ คนไหนผ่านญาณสิบหก และจบคอร์สการอบรม ทางอาจารย์ใหญ่ก็แต่งตั้งเป็นอาจารย์อบรมณ์กรรมฐานต่อไป ก็ถือว่าผ่านญาณสิบหกมาก็เป็นพระโสดาบัน ดังนั้นพระเวชยันต์ท่านก็ถือว่าท่านผ่านญาณสิบหกมาแล้ว ย่อมเป็นอาจารย์สอนกรรมฐานได้ แต่ในส่วนของผู้ผ่านประสบการณ์มาทั้งภาคปฏิบัติและปฏิยัติเช่นอาจารย์พรย่อมดูออก และยังไม่ยอมรับให้เป็น ฝ่ายพวกเราผู้เป็นพระนักศึกษาหลายเปรียญแล้วก็ดูออก และท่านก็เป็นตัวตลกในสายตาของพวกเรา

สถานที่ก่อสร้างอีกแห่งใกล้ ๆ ศาลาใหญ่คือโรงครัว มีแม่ครัวที่ท่านอาจารย์พรและอาจารย์ศรีเพ็ญได้วางไว้เพื่อทำกับข้าวถวายพระทุกวัน เมื่อพระบิณฑบาตกลับมาก็จะนำข้าวปลาอาหารมารวมกันที่นี่ แล้วทางแม่ครัวก็จัดถวายอีกที

ส่วนที่อยู่ของพระนักศึกษาก็อยู่อีกด้านของศาลาใหญ่ คือถ้าเราหันหน้าออกมาศาลาใหญ่อยู่ตรงกลาง ขวามือคือโรงครัว ซ้ายมือคือกลุ่มกุฏิพระซึ่งสร้างเป็นศาลาทรงไทยหลังเล็ก ๆ เป็นแถว ๆ แต่จะมีกี่หลังก็ลืมไปแล้ว ปีนั้นมีพระอยู่จำพรรษาราวสิบกว่ารูป จำได้คร่าว ๆ นับตามอายุว่า
1. หลวงพ่อพระครูเจ้าคณะอำเภอหนึ่งจากจังหวัดศรีสะเกษ
2. พระซ้าย อายุประมาณหกสิบปี
3. พระอุรา เป็นพระสายธรรมยุติที่เคร่งครัด เป็นข้าราชการเกษียรอายุลาบวชมาร่วมสิบพรรษาแล้ว เราเรียกท่านว่าหลวงพ่ออุรา
4.พระมหามนัส ปธ.๕ ต่อมาเป็นพระระดับเจ้าคณะอำเภอหรือจังหวัดอยู่ทางจังหวัดอุทัย
5.พระมหาบรรจบ ปธ.๙ (สามเณรเปรียญ ๙ จากวัดสุทัศน์ ปัจจุบันคือ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
6. พระมหากัณหา ปธ.๘ จากวัดอนงคาราม
7.พระมหาณัฐวุฒิ ปธ.๖ จากวัดเพชรสมุทร สมุทสาคร
8.พระ(ลืมชื่อ) เป็นพระธรรมยุติ
9.ตัวผมเอง อย่ารู้จักชื่อเลย
10.พระมหาสมชัย ปธ.๙ จากวัดชนะสงคราม ซึ่งเป็นสามเณรเปรียญ ๙ เป็นนาคหลวงวัดพระแก้ว เมื่ออุปสมบทเสร็จก็มาเข้ากรรมฐานที่นี่ ท่านไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ (อายุอ่อนกว่าผม 1 ปี)
11.พระแห้ว เป็นลูกชาวบ้านหน้าศูนย์ บวชจำพรรษา
12.พระ(ลืมชื่อ) เป็นลูกชาวบ้าน...หาด เส้นทางไปเขาค้อ บวชจำพรรษา
13.พระครูจากวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุีรี (เพิ่งนึกขึ้นได้)
14.พระวชิระ (นึกขึ้นได้ทีหลังก็เพิ่มเติม)

มันมีด้วยกัน 17 รูป ขาดอีก 2 คงระลึกได้ทีหลัง

ตกลงที่นี่เป็นที่อยู่ของพระนักศึกษาปัญญาชนเป็นหลัก บางองค์อาจสมัครอยู่หลายปี บางองค์ก็กลัีบวัดเดิมหลังจำพรรษา

 

บุคคลบางคนมีความเฉียวฉลาดแบบเฉโกมาแต่กำเนิด แต่ขาดโอกาสในชีวิต ไม่ได้รับการศึกษาสูง หรือขี้เกียจศึกษา มีวุฒิการศึกษาน้อย ไม่สามารถหาการงานเลี้ยงดูตัวเองตามประสาคนครองเรือนได้ และขี้เกียจทำงานหนัก จึงหันหน้าเข้าวัด อาศัยผ้าเหลืองห่มกาย แล้วคิดค้นหาวิธีหากินหลายวิธีการเพื่อให้คนเลื่อมใส เขาจะได้นำทรัพย์สินเงินทองมาถวาย จึงเป็นที่มาของจอมโจรในผ้าเหลืองในทุกวันนี้ หรือในอดีตที่ผ่านมานับไม่ถ้วน

ในสมัยพระพุทธเจ้าก็มีนะ พระอรหันต์รากไทร พระอรหันต์ในตุ่ม

เล่าว่ามีพระรูปหนึ่งเมื่อบวชเข้ามาแล้วก็อดอยากปากแห้ง บิณฑบาตไม่พอฉัน จึงคิดว่าญาติโยมเขาเคารพนับถือพระอรหันต์ มีแต่นำข้าวปลาอาหารไปถวายพระอรหันต์ ถ้าเราทำตัวให้วิเศษเหมือนพระอรหันต์ โยมก็จะนำข้าวปลาอาหารมาถวายเราเช่นกัน คิดได้ดังนั้นก็หาหนทางทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ผู้วิเศษ

พระองค์นั้นปลูกกระท่อมน้อยอยู่บนภูเขา อีกด้านสามารถเดินขึ้นได้สะดวก อีกด้านเป็นชะง่อนหินสูงชัน แต่มีต้นไทรใหญ่ขึ้นอยู่บนก้อนหินนั้น มีรากขนาดใหญ่ห้อยลงไปถึงพื้นดินข้างล่าง แกก็คิดได้ว่าจะทำอย่างไรคนจะเลื่อมใสแก

วันหนึ่งมีคนนิมนต์ไปงานบำเพ็ญบุญที่หมู่บ้าน พระถามเวลานัด เขาตอบว่าไปเดี๋ยวนี้แหละ พระบอกว่าหรือ ถ้างั้นให้เดินทางไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะตามไป โยมก็เดินกลับก่อน ฝ่ายพระพอโยมคล้อยหลังก็โหนตัวลงทางรากไทร รีบเดินทางลัดไปหมู่บ้าน ไปถึงก่อนโยมที่มาตาม โยมเห็นก็แปลกใจถามว่า "อ้าว ทำไมท่านมาทีหลังแล้วถึงก่อนล่ะ" พระตอบว่า "ธรรมดาพระที่บวชมาบำเพ็ญภาวนา เมื่อถึงจุดใดจุดหนึ่งก็สามารถทำอะไรบางอย่างที่คนอื่นทำไม่ได้" พูดเพื่อให้เขาเข้าใจว่าตัวเองบรรลุคุณวิเศษ สามารถเหาะเหินเดินอากาศ สามารถย่นระยะทาง จึงมาถึงก่อน ชาวบ้านเชื่อถืออยู่นานว่าเป็นพระหันต์ จนวันหนึ่งเขาสงสัยก็เลยสะกดรอย เห็นโหนรากไทรลงไปทางลัด ก็เลยเอามีดไปควั่นรากไทรไว้ แล้วนัดพระอรหันต์ใหม่ พระอรหันต์ก็แสงฤทธิ์โหนรากไทรอีก รากไทรไม่สามารถรับน้ำหนักได้เหมือนเก่าก่อนก็ขาดผึง พระอรหันต์ปลอมก็เลยตกกลิ้งลงร่องห้วย ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส เลยได้ชื่อว่า "อรหันต์รากไทร"

 

พระสมเด็จส่งมาแล้วใช่ไหมครับ

พอดียังไม่ได้รับครับ

ขอบคุณครับ

 

ส่งเมื่อวันที่ 27 พย.แล้วครับ ทาง EMS ด้วยนะครับ

 

การชมคลิปวีดิโอ เมื่อคลิปที่เขาวางจบก็อย่าลืมเปิดดูคลิปอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ จะได้รับความรู้กว้างขวางยิ่งขึ้น ผมว่าทุกวันนี้คนมีความรู้มีการศึกษามากขึ้น มีการเปิดกว้างทางความคิดมากขึ้น ย่อมตัดสินด้วยสติปัญญาของตนเองได้ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ

การนำคลิปต่าง ๆ มาวางให้คนศึกษาเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้ชาวพุทธเราหูตากว้างขวาง มีความฉลาด จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนลวงโลก การปิดกั้นไม่ยอมให้วางคลิปถือว่าเป็นการดูถูกสติปัญญาของคนอื่น

การให้เชื่ออย่างเดียวโดยไม่ยอมให้ใช้ปัญญา ย่อมไม่ถูกต้อง สื่อที่ยัดเยียดให้เชื่ออย่างเดียวโดยขาดการวิจารณ์ถือว่าเป็นสื่อเลว สื่อที่ด่าอย่างเดียว ค้นหาความผิดพลาดอย่างเดียวก็เลวพอ ๆ กัน

ขอขอบคุณคุณโรบินเป็นอย่างมากที่นำคลิปมาให้ศึกษา แล้วอย่าลืมหาดูคลิปการเข้านิโรธของพระอรหันต์องค์อื่นบ้างนะครับ เดี๋ยวนี้มีพระวิเศษระดับเข้านิโรธหลายรูป อย่าลืมดูด้วยสติปัญญาก็แล้วกัน

เชื่อทันทีก็โง่ ไม่เชื่ออะไรเลยก็ดื้อ ปฏิเสธเสียทุกอย่างก็บอด ไม่รับรู้อะไรเสียเลยก็หนวก

 

Youtube การเข้านิโรธของครูบาแต่ละท่านครับ ตามคำขอครับ
เท่าที่หาได้ครับ สำหรับทุกท่านที่สนใจเรื่องนิโรธกรรม

ครูบาอริยชาติเข้าพิธีนิโรธกรรม ครั้งที่ 8 ตอนที่ 1
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=d69Yroui1Fw]ครูบาอริยชาติเข้าพิธีนิโรธกรรม ครั้งที่ 8 ตอนที่ 1 - YouTube[/ame]

ครูบาเจ้าดวงดีเข้านิโรธกรรมตอนที่1
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=e2AandGCWr8]ครูบาเจ้าดวงดีเข้านิโรธกรรมตอนที่1 - YouTube[/ame]

นิโรธกรรมครูบาน้อย อนาวีโล
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=XRuQQpXsDSQ]นิโรธกรรมครูบาน้อย อนาวีโล - YouTube[/ame]

งานนิโรธกรรมครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า 6#1
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=XRuQQpXsDSQ]นิโรธกรรมครูบาน้อย อนาวีโล - YouTube[/ame]

ครูบาเจ้าบุญคุ้ม ออกนิโรธกรรม
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=ZZJnf3MqVbk]ครูบาเจ้าบุญคุ้ม ออกนิโรธกรรม.mpg - YouTube[/ame]

ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสงํวโร ออกกรรม ณ ถ้ำราชคฤห์
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=ZC4GChJTr9g"]http://www.youtube.com/watch?v=ZC4GChJTr9g[/ame]

 

ยังขาดอีกรูปหนึ่ง ของท่านครูบาบุญชุ่มไงครับ อย่าลืมหามาเพิ่มเติมให้หน่อยนะครับ ถ้าจะให้ดีอยากให้ค้นหาจนครบนะครับ ผมจะได้อาศัยดูด้วย เพราะเน็ตของผมไม่สะดวกที่จะหานะครับ

 

ท่านที่สนใจศึกษาธรรมควรเข้าเว็บ"ลานธรรมเสวนา"บ้างนะครับ คือเว็บพลังจิตนี้หนักทางศรัทธา แต่ลานธรรมเสวนาหนักทางปัญญา ถ้าครบ 2 เว็บ ตราชั่งมันบาล๊านซ์กันนะครับ

ถ้าดูแต่ลานธรรมก็จะพากันอวดเก่งเกินไป อ้างแต่ตำราน่าเวียนหัว ที่นั่นหลายคนเก่งอ้างพระไตรปิฎกนะครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก๊อปพระไตรปิฎกมาวางได้ทันที เบรคกันหัวทิ่มทีเดียว แต่ก็สนุกดีครับ

 

ได้แล้วครับหลังจากโพสประมาณครึ่งชั่วโมง ไปรษณีย์มาส่งเลยครับ

ทำไมช่างทันใจไรแบบนี้แค่นึกเท่านั้นเอง

พระสวยครับเลือกเองหรือเปล่าครับ

ผมชอบเลยครับ

โมทนาบุญด้วยครับ

 

update ให้แล้วครับ

 

การอยู่กับคนมีศีลเสมอกัน ย่อมมีความสงบสุข

ผมอยู่กับท่านเหล่านั้นรู้สึกมีความสุขสบายใจดี ไม่มีความกดดันในเรื่องข้อวัตรปฏิบัติ

ผมว่านะ พระที่มีการศึกษาสูง มีความรู้ มีปัญญา เป็นคนไม่มากเรื่อง ไม่เป็นคนขี้โอ่และขี้อวด มีการเป็นอยู่ง่าย ๆ ประพฤติง่าย ๆ ไม่มีมารยาสาไถย ไม่คิดจะให้ใครมาเคารพนับถือ คงเป็นอยู่ตามประเพณีที่นิยมสืบ ๆ กันมา โยมเขาจะเคารพนับถือ จะปฏิบัติอะไรกันท่านก็ไม่ว่า และมักจะตามใจญาติโยม ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่ท่านไม่มีบารมีมากพอที่จะต้านสังคมก็ได้แต่เบิ่งตามอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระผู้ใหญ่ที่มีบารมีพอสอนเขาได้ เช่นท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านปัญญานันทภิกขุ ท่านเจ้าคุณประยุทธ ท่านพระพะยอม เป็นต้น

ดังนั้นชีวิตการเป็นอยู่ของพระนักศึกษาที่ศูนย์พัฒนาศาสนาจึงเป็นเอกเทศน์ของแต่ละท่าน ใครชำนาญทางไหนก็ปฏิบัติกันไป ใครชอบอ่านหนังสือก็อ่านไป ใครชอบนั่งสมาธิก็นั่งกันไป ใครสนใจค้นคว้าพระไตรปิฎกก็ค้นไป ซึ่งพระมหาบรรจบ ท่านมุ่งเน้นในเรื่องนี้ ท่านเป็นพระไตรปิฎกเคลื่อนที่ สามารถจำเป็นภาษาบาลีเลยทีเดียว

โดยปกติท่านอาจารย์พรจะอยู่บ้านที่กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นโรงพิมพ์ในซอยใกล้ ๆ กับวัดสังเวศ บางลำพู พอถึงเสาร์อาทิตย์ท่านก็จะเดินทางไปแค้มป์สน พร้อมกับผู้ที่เลื่อมใสท่านก็จะตามไปฟังการบรรยายธรรมและนั่งสมาธิภาวนา อาจารย์ศรีเพ็ญ คือศิษย์ก้นกุฏิที่ท่านอาจารย์ปั้นมากับมือจนสามารถนั่งทางในสื่อถึงโลกวิญญาณต่างๆ ได้ คุณผ่องผิว สตรีผู้มีรูปร่างขาวผอม หน้าตารูปไข่ดูผุดผ่องและสงบ อายุราวสี่สิบต้น ๆ เป็นศิษย์อีกคนที่ไม่เคยขาดหาย พบเห็นคุณศรีเพ็ญก็ต้องเห็นคุณผ่องผิว ซึ่งมีกล้องถ่ายรูปติดตัวประจำ ภาพสวย ๆ งาม ๆ มาจากฝีมือคุณผ่องผิวทั้งสิ้น นอกนั้นก็มีขาประจำซึ่งผมจำชื่อไม่ค่อยได้ ประมาณ 10 คน มีรถสองแถวใหญ่เป็นคู่ชีวิตเดินทางไกลจากกรุงเทพ ฯ ไปแค้มป์สนกันทุกเสาร-อาทิตย์

ดังนั้นทุกวันเสาร์และอาทิตย์จึงมีการบรรยายธรรมที่ศาลาใหญ่ ท่านพระมหาบรรจบคือพระไตรปิฎกที่ท่านอาจารย์พรใช้อ้างอิงเวลาติดขัด ท่านจะถามว่า “ท่านมหาบรรจบ พระบาลีตอนนี้ว่ายังไงนะ” อาจารย์บรรจบก็สามารถร่ายพระบาลีให้ฟังตอนนั้นเลย จึงถือว่าท่านเป็นพระไตรปิฎกเคลื่อนที่ พระนอกนั้นก็นั่งฟังอย่างเดียว ไม่มีใครเสนอความคิดเห็น นอกจากนั่งฟัง แม้ท่านอาจารย์บรรจบ ถ้าอาจารย์พรไม่ถามท่านก็นั่งฟังเฉย ๆ ไม่เคยมีใครอวดเก่งเลย

แม้ตัวผมเอง ถึงแม้จะผ่านพบประสบการณ์ทางจิตเวลาปฏิบัติผมก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แม้ท่านอาจารย์พรถามว่า “ท่านมหา...ไปนั่งอยู่ข้างเจดีย์มีอะไรมั้ย ?” ผมก็ตอบว่าไม่มีอะไรหรอก ก็นั่ง ๆ ไปงั้นแหละ” แต่ความจริงผมก็มี เพียงแต่ไม่เล่าให้ใครฟัง กลัวเขาจะกล่าวหาทางใจว่าโอ้อวดอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีผลดีกับใคร แต่ถ้าผมสงสัยอะไรจะถามก็ถามหลวงพ่ออุรา ซึ่งมีประสบการณ์ที่พอจะเอาเป็นที่พึ่งได้ ซึ่งโดยปกติท่านก็ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ไม่สังเสวนากับใคร คืนไหนที่อาจารย์พรนิมนต์ไปฟังการบรรยายที่แค้มป์คนงาน ซึ่งอยู่คนละเนินเขากัน ท่านเอารถมารับ หลวงพ่ออุราก็ไปกับเขา แล้วนั่งหลับตานิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรกับใคร นั่นคือพระที่ผมเห็นว่าเข้าท่าในสายตา และผมก็เอาอย่างท่าน ผมถือท่านเป็นครูเลยนะ เรียนการทำเชิงบาตร กับทำกลด เป็นทั้งสองอย่างตามพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น