พระสมเด็จฯ องค์หนึ่งเดียว

อยากรู้เหมือนกันครับ

ผมรอการพิสูจน์อยู่ครับว่าจะเป็นยังไง คิวยาวมาก ถ้าจ่ายเงิน 1,000 แล้วรู้ว่าพระเรามีอายุ 100 ปีขึ้นไป ก็จะปฏิวัติวงการพระกรุไปเลย คราวนี้วงการพระเครื่องก็จะได้เป็นสากลสักที ไม่ใช่เล่นกันอยู่ในกลุ่มเล็กๆ แต่ราคาโค-ตะ-ระใหญ่ ราคาพระสมเด็จ และพระกรุก็คงลงอีกมาก คนไม่รวยก็สามารถมีพระสมเด็จเอาไว้บูชากันได้ เรียกว่าต้อนรับ AEC กันเลย 1,000 บาท ให้เช่าได้ 10 ประเทศ เซียนตายไปแล้วพระก็ยังแท้อยู่ แล้วที่เซียนยังอยู่ดีในปัจจุบัน ก็เพราะพระท่านคุ้มครองอยู่ แต่อย่าลืมว่าท่านจะคุ้มครองเฉพาะคนดีเท่านั้น ถ้าทำไม่ดีบ่อยๆเข้า ท่านก็คงไม่อยากอยู่ด้วย...จริงไหมครับ

จากเว็บ http://www.c14dating.com/agecalc.html

...In an earlier section we mentioned that the limit of the technique is about 55-60 000 years. Obviously, the limit of the method differs between laboratories dependent upon the extent to which background levels of radioactivity can be reduced. Amongst accelerator laboratories there has been mooted the theoretical possibility of extended range dating to 75 000 yr +, at present this seems difficult to attain because of the problems in accurately differentiating between ions that mimic the mass and charge characteristics of the C14 atom. Beukens (1994) for instance has stated that this means the limit of the range for his Isotrace laboratory is 60 000 yr which is very similar to the conventional range.

ด้วยกระบวนการตรวจสอบด้วย C-14 แบบสมัยใหม่สามารถตรวจวัดได้ตั้งแต่ 55-60,000 ปี ใช้ได้ดีกับการตรวจ ถ่านหิน, โคลน, ดิน, หอย, ไม้ และกระดูก ตรวจหาอายุพระสมเด็จคงใช้กระบวนการตรวจหาอายุของหอย (ปูนเปลือกหอยดิบ) ส่วนพระกรุเป็นเนื้อดิน คงใช้วิธีตรวจหาอายุของเนื้อดิน

ที่มีข่าวคืนพระเซียนในช่วงนี้ ผมคิดว่าเจ้าของพระ (คนรวย) คงบินไปถึงอเมริกาเพื่อตรวจหาอายุที่แท้จริงของพระสมเด็จ หรือพระปิดตา ที่เช่าไปจากเซียน ด้วยกระบวนการ และวิธีที่ทันสมัยกว่า (ของสำนักงานปรมณูเพื่อสันติ) จึงพบว่าพระมีอายุแค่ 50-60 ปี เลยแห่คืนพระกันครับ

 

กระบวนการตรวจสอบด้วย C-14 แบบสมัยใหม่สามารถตรวจวัดได้ตั้งแต่ 55-60,000 ปี ใช้ได้ดีกับการตรวจ ถ่านหิน, โคลน, ดิน, หอย, ไม้ และกระดูก ตรวจหาอายุพระสมเด็จคงใช้กระบวนการตรวจหาอายุของหอย (ปูนเปลือกหอยดิบ) ส่วนพระกรุเป็นเนื้อดิน คงใช้วิธีตรวจหาอายุของเนื้อดิน

ประโยคนี้อยู่ส่วนใหนของบทความครับ ผมอ่านไม่เจอเลยครับ ท่านลองตั้งใจแปลดีๆครับ :boo:

 

ถามต่ออีกนิดนะครับ ท่านตรวจกับสถาบันใหนเหรอครับ อันนี้สงสัยจริงๆ

 

ความเห็นส่วนตัวครับ

ผมไม่ได้แปลนะครับ อ่านในเว็บที่ผมทำลิงค์ไว้แล้วยังครับ มีข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย ผมอ่านแล้วก็ให้ความคิดเห็นเอาไว้ ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัวไม่ได้ยัดเยียดให้ต้องมาเชื่อ ผมก็เพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องนี้เหมือนกัน ยังไม่รู้เลยว่าเขาตรวจกันที่ไหน เพียงแต่เพื่อนใน Facebook แนะนำมาและจะนัดให้ไปตรวจ ก็เลยลองหาข้อมูลให้ลึกละเอียด พยายามใช้ปัญญาของตัวเองพิจารณา ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ในเรื่อง "กาลามสูตร" เท่านั้นเอง



จะได้ไม่โดนใครเขาหลอก ไม่มีใครถูก ใครผิด หรอกครับ มีแต่ผิดเป็นครู :boo:

 

ผมอ่านแล้วครับมันไม่เกี่ยวกันเลย แล้วตกลงตรวจที่ใหนล่ะครับ c-14 ในประเทศไทย อยากทราบสถาบันหน่อยครับ เผื่อผมจะได้ติดต่อไปบ้าง รบกวนบอกหน่อยครับผมว่าหลายคนคงอยากติดต่อไป

 

อ.เดช

ตอนนี้รู้แค่ว่าชื่อ อาจารย์เดช ครับ รู้แค่นี้จริงๆ

 

ระวังโดนหลอกนะครับท่าน ผมว่าที่นี่น่าจะทำได้มากที่สุด Office of Atoms for Peace - สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

 

ขอบคุณครับ

 

ใครเก่งๆภาษาช่วยแปลให้หน่อยครับ 55-60000ปี =55ปี ถึง 60000ปี
หรือ 55000ปี ถึง 60000ปี กันแน่ ถ้าTest carbon หาอายุ กระดูก55ปี
ถามหมอพรทิพย์เอาก็ได้ 555 แถมรู้ด้วยว่าชายหรือหญิง.... ถ้าเป็นหอย
บางทีมันยังไม่ตายเลย.. "กาลมสูตร"ไม่ค่อยสนใจ แต่ถ้า "กามสูตร" ค่อยคุยกัน
ได้ยาวหน่อยขอรับ...555 แล้วอีกอย่าง พระสมเด็จเนี่ยะเป็นอะไรที่พอได้มาใหม่ๆ
จะตื่นเต้น มองมุมใหนก็แท้อยากจะพิสูจน์นู่นนี่นั่นสารพัด แต่พออยู่ไปนานๆค่อยๆใช้
วิจารณาญาน พิจารณาไปเรื่อยๆแล้วจะเริ่มเข้าใจเองครับ ว่าไอ้ที่อยู่กับเรานั้นมันok
หรือเปล่า ส่วนตัวผมเลิกไขว่คว้ามานานแล้วครับ แต่บางครั้งยังอดไม่ได้เหมือนกัน
โชคดีกับการ Testพระแบบล้ำยุคนะครับ.......

 

น่าคิดครับ

คุณโจ๊ค ให้ข้อคิดดีมากๆครับว่า 55-60000 หรือ 55000-60000 ปี แต่ความคิดผมเขาน่าจะตั้งใจว่า Minimum-Maximum นะครับ แต่มันส์..ดีครับ ความรู้ใหม่ๆ ตื่นเต้นดี

 

แค่คิดก็นับว่าได้เริ่มต้นแล้ว สู้ๆ

 

พระสมเด็จเนื้อพระหน้าจะละเอียดนะครับ ไม่หน้าจะมีก้อนกรวด ในยูทูป วิธีดูพระจะบอกไว้ เยอะเลย แต่ชอบวิธีตรวจสอบมากเลยครับ ถ้าเมืองไทยมีคนทำเครื่องแบบนี้ออกมาขายก็คงจะดี ผมจะซื้อ ให้พี่ชายไว้เปิดร้านพระเครื่องแถวบ้านชะหน่อยครับ

 

พระสมเด็จที่ลงรูปไว้เป็นพระแท้นะครับ แต่เป็นรุ่นหอระฆัง เนื้อหามาลสารบงบอกว่าเป็นพระถึงยุค แต่ผสมนอกพิม มีสร้างน้อยมาก ก้อนกรวดที่มีอยู่ในองค์พระ เป็นดินจากกำแพงเพชร นำมาบดแต่บดไม่ระเอียดทำให้เห็นเป็นก้อน องค์นี้เนื้อจะหยาบไปนิดเพราะคนตำมวลสารช่วงนั้นอาจจะขี้เกียจหรือเหนื่อยหมดแรง เนื้อพระจึงเห็นเป็นก้อน จึงเรียกว่ารุ่นหอระฆัง ครับ

 

หาใน Google ไม่เจอเลยครับ

ขอบคุณครับคุณเปี๊ยก ข้อมูลใหม่มากๆ พยายามหาดูในเน็ต ยังไม่เจอ ไม่ทราบว่าผมจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ไหนบ้างครับ

 

ผมมีอยู่1องค์ มีก้อนกรอดเหมือนกัน แต่เอาไปให้เซียนดูแล้วเค้าบอกเป็นพระธาตุครับ เลยเลี่ยมเก็บไว้ใช้ คิดว่าเป็นพระนอกพิม ครับ รุ่นเดียวคล้ายๆกับของคุณครับ เลยคิดว่าเหมือนกัน

 

ลองหาข้อมูลสมัยตอนกรุแตกที่วัดเกศไชโย อ่างทองดูนะครับ ตอนนั้นมีพระนอกพิมเยอะเลย มีนายตำรวจดูแลกรุ พ่อผมแอบเอาทองคำไปแลกได้มาหลายองค์เลยครับ มีทั้งถูกพิมผิดพิมผสมกันมาเต็มไปหมด รูปที่ลงเป็นพระนอกพิมแต่เป็นพระเก่าครับ

 

มีเซียนพระจะมาขอเช่าพระผม เคยขายให้เค้าไป2องค์ ตอนหลังรู้สึกเสียดายเลยบอกเค้าไปว่า ไม่ขายแล้ว เค้าเสียความรู้สึกใหญ่เลยครับ เค้าเล่าให้ฟังว่ามีเงินอยู่ 1แสน ไปเช่าพระมา 3องค์ แต่เค้าไม่รับประกัน เค้าตัดสินใจเช่ามาเอาไปเช็ค ปลอมหมดโดนไปเป็นแสน เลยมาขอเช่าพระผม เราเสียดายนะเวลาจะมีคนมาเอาพระเราไป คุณมีของดีเก็บไว้บูชาดีแล้วครับถึงจะไม่ถูกพิมก็ตามเถอะ เหมือนของผม

 

พระเนื้อใหม่ ถูกพิมผมลองเทียบดูแล้ว คล้ายๆกัน ต้องเชื่อมั่นในพระเราครับเอาใจช่วบครับ

 

ผมมีประสบการณ์สดๆร้อนๆเลยครับ เดือนเดียว 3 ครั้ง ของพระสมเด็จ "องค์หนึ่งเดียว"

ครั้งแรก (7/11/55) ไปอบจ.โคราช ขากลับบริเวณลำตะคอง ผมขับอยู่เลนขวาสุด กำลังแซงรถ 3 คันที่ขับอยู่เลนกลาง เป็นรถบรรทุก รถกระบะ และฟอร์จูนเนอร์ ตอนกำลังแซงรถฟอร์จูนเนอร์ อยู่ๆเขาก็หักขวาออกมาเพื่อจะแซงรถกระบะคันหน้า ผมคิดว่าต้องชนกันแน่ๆ หักหัวออกมาเร็วมาก คงมองไม่เห็นรถผมเพราะวิ่งขนานกันอยู่ แต่เหมือนมีอะไรมาผลักหัวรถฟอร์จูนเนอร์ให้กลับไปในเลนกลางอย่างเดิม เพื่อนรุ่นพี่ผมร้อง "เฮ้ย!" เสียงดังลั่น เพราะรถห่างกันไม่ถึงคืบ และต่างคนต่างเร่งความเร็วเพื่อจะแซงด้วยกันทั้งคู่ ผมบอกว่าไม่เป็นไรครับ ผมนิมนต์พระสมเด็จมากับเราด้วย.

ครั้งที่ 2 (9/11/55) ผมไปกฐินที่วังน้ำเขียว ใช้เส้นทางกบินทร์-ปักธงชัย คราวนี้ขับกระบะของเพื่อนบรรทุกลังน้ำแข็งแช่น้ำผลไม้สำหรับถวายพระไปด้วย รถคันนี้เก่าแล้วเร่งได้แค่ 80-90 กม./ชม. มาถึง อ.นาดี ผมขับอยู่เลนซ้ายใช้ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. อยู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาจากไหนก็ไม่รู้ วิ่งจากกลางถนนตัดหน้ารถผม เป็นผู้หญิงขับใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย สงสัยจะเป็นแม่ค้า แกขับมาอย่างเร็ว แต่พอมาถึงริมทางของฝั่งที่รถผมกำลังวิ่งอยู่ กลับชะลอความเร็วกระทันหัน ผมเบรคไม่ทันแน่นอน เพราะห่างกันไม่ถึง 3 เมตร แล้วรถกระบะก็บรรทุกของหนักมาด้วย ดีสุดก็ต้องชนท้ายมอเตอร์ไซค์ แต่เหมือนมีอะไรมาผลักให้รถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าข้างทางอย่างรวดเร็ว เฉียดไปแค่คืบจริงๆ ครับ เพื่อนผมทำอะไรไม่ถูก บอกว่าเกือบทับแม่ค้าแล้ว รอดมาได้อย่างไร ผมบอกว่า นิมนต์พระสมเด็จมาด้วย ปลอดภัยหายห่วง.

ครั้งที่ 3 (18/11/55) ผมยังต้องไปงานกฐินอีกวัดนึง เป็นที่สุดท้ายสำหรับปีนี้ เป็นวัดสายหลวงพ่อชา ซึ่งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เหมารถตู้ 3 วัน ไปกัน 7 คน ออกเดินทางวันศุกร์ที่ 16 ช่วงนี้ไม่ทราบเป็นอย่างไร จะไปต่างจังหวัดผมต้องนิมนต์พระสมเด็จวัดระฆังติดตัวไปด้วย โดยอาราธนาท่านใส่กล่องพลาสติก เอาไว้ในถุงผ้าเล็กๆคล้องคอ แล้วใส่ในกระเป๋าเสื้ออีกชั้นนึง วันกลับประมาณ 5 โมงเย็น ตอนวิ่งผ่านจ.บุรีรัมย์ เส้นทางที่จะไปออกปักธงชัย-สีคิ้ว ถนนก็ข้างละ 2 เลน รถเยอะมากเพราะเป็นวันอาทิตย์ รถตู้คันที่ผมนั่งกำลังแซงรถตู้โดยสาร ซึ่งวิ่งต่อคิวรถบรรทุกหลายคันอยู่ที่เลนซ้าย ขณะที่วิ่งขนานกันอยู่ๆ รถตู้คันนั้นก็เบนหัวออกมา ทุกคนร้องลั่นด้วยความตกใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนขับ แล้วเหมือนหัวรถตู้โดนแรงอะไรบางอย่างผลักให้หัวรถเฉไปทางซ้ายอย่างแรง ที่ว่าอย่างแรงเพราะหัวรถตู้หักไปทางซ้ายอย่างมากจนเห็นได้ชัด คนขับคงชะลอความเร็วลงไม่กล้าแซงขบวนรถบรรทุกอย่างที่ตั้งใจแซงในครั้งแรก เพราะผมหันไปมองอีกหลายครั้งก็ยังไม่เห็นแซงขึ้นมา จนหลุดจากสายตาไป อ๋อยคนขับรถผมหันมาบอกว่านึกว่าเสร็จซะแล้ว ตอนจะแซงขับอยู่ตั้ง 120 ผมหันไปบอกภรรยาว่าไม่เป็นไรหรอก พี่เอาพระสมเด็จมาด้วย.

ความศักดิ์สิทธิ์ และพุทธคุณของท่านช่วยปกป้องให้หลายชีวิตได้เดินทางด้วยความปลอดภัย ครับ..ย้อนหลังไปเมื่อ 9 ปีก่อนผมไม่สนใจศรัทธาในพระเครื่องเลย พ่อผมให้พระมาเยอะเกือบ 300 องค์แต่ไม่ชอบห้อย เพราะเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าองค์เดียว "พระอยู่ในใจ" แต่พระในใจท่านไม่ได้ช่วยให้ลูกสาวของผมพ้นจากความตายด้วยอุบัติเหตุรถตู้คว่ำที่จ.เพชรบุรีไปได้ ปัจจุบันความคิดเรื่อง "พระอยู่ในใจ" ได้เบาบางลงหลังจากได้พระสมเด็จองค์นี้มาด้วยความบังเอิญเมื่อต้นปี 2555 ความศรัทธาในพระสมเด็จเกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะรู้ว่านอกจากพระในใจแล้ว เรายังต้องพึ่งความศรัทธาใน "พุทธคุณของพระเครื่อง" ด้วย มันอาจจะช้าไปสำหรับผมที่สูญเสียลูกสาวคนโตไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แต่คงยังไม่สายเกินไปสำหรับทุกๆท่านนะครับ



"พระแท้อยู่ที่พุทธคุณ ไม่ใช่อยู่ในมือเซียน" ครับ

 

พระมีประสบการณ์เยอะแบบนี้ ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ พุทธคุณสูง ผมว่าขึ้นต้นว่าเป็นพระแล้วศักดิ์สิทธิ ทุกองค์ ขอเพียงเรามีความเชื่อเป็นใช้ได้ครับ ผมเอาพระไปเช็คที่ตลาดพระบ่อยเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปแล้วครับ คือเคยถามเค้าว่าพระแท้ไม้ เค้าบอกว่าไม่แท้ เลยสงสัยถามเค้าว่า แล้วพี่เคยเห็นของแท้หรือยัง เค้าบอกยังไม่เคยเห็น ผมนึกสงสัยอยู่ในใจตั้งนาน อ่าวไม่เคยเห็นของแท้แล้วคิดได้งัยว่าของเราปลอม เลยมาเล่นเน็ตศึกษาดีกว่า มีผู้รู้เยอะดี อย่างน้อยไม่มีความเสี่ยง

ประสบการณ์ ใช้พระผมก็มีเยอะเหมือนกันเดี๋ยวไว้จะเขียนเล่าให้ฟัง ผมพึ่งกลับมาจากอีสาน ขอเคลียร์งานก่อนนะครับ