เพื่อการกุศล ปิดกระทู้ วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง หมดสมาชิกแล้วครับ

รอติดตามโครงการครับ ^^

 

รอติดตามชมทั้งพระสังกัจจายน์
และ โครงการ มณฑปบูรพาจารย์ ครับ

 

ขอบคุณครับ โครงการใหม่จะมีมาให้ชมช่วงมีนาคมนี้ครับ ตอนนี้กำลังร่างแบบอยู่ครับ

 

ขอบคุณน้องป๊อปที่แจ้งข่าวให้ทราบด้วยจ้า......^^

 

จะเเจ้งให้ทราบอยู่เรื่อยๆ ครับ มณฑปนี้สร้างถวายครูบาอาจารย์ครับ

 

วันนี้ได้ดำเนินการจัดส่งวัตถุมงคล 3 วัดให้กับ petonaf bukarati getter

 

ได้รับเรียบร้อยครับ ขอบคุณมากครับ

 

ได้รับเรียบร้อยแล้ว ขอบพระคุณครับ

 

ได้รับเบี้ยที่ส่งเพิ่มแล้วครับ
กราบขอบพระคุณหลวงพี่มากครับ

 

เมื่อวานมีโอกาสได้ไปวัดท่าช้าง
พบว่า ในขณะนี้ที่วัดท่าช้างกำลังดำเนินการทาสีโบสถ์
และทาสีศาลาอเนกประสงค์ (หากเรียกผิดต้องขออภัย)

จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน

 

ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรือหลังคาโสถ์เพื่อเปลี่ยนใหม่ทั้งหลังคา และได้กราบอาราธนาหลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทองมาป็นประธานในการยกชอฟ้าครั้งนี้ ในวันที่ 18 เม.ย.56เวลา17.30น.

 

สานวิชาตำรับหลวงปู่ศุข

โดยการนี้ได้มีการสร้างวัตถุมงคลดังนี้

๑.พระผงสมเด็จขมิ้นกับปูน

๒.หุ่นพยนต์

๓.ตะกรุดลูกอม

และสุดท้ายที่สำคัญคือ

๔.พระขรรค์โสฬสมงคล


โดยปัจจัยที่ได้นี้จะนำไปสร้างศาลเจ้าที่ประจำวัดและใช้เป็นทุนในการต่อยอดเพื่อนำไปสูการสร้างวิหารบูรพาจารย์

 

พระขรรค์โสฬสมหามงคล รุ่น อนันตนาคราชราชา รุ่นแรก

อ่านดูนะครับจากผู้สร้างครับ

พระขรรค์โสฬสมหามงคล รุ่น อนันตนาคราชราชา รุ่นแรก
พระครูโสภณสิริธรรม (หลวงปู่สม สุชีโว)
วัดโพธิ์ทอง ต.คำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง​

ครูพระผู้สืบสายวิชาแห่ง พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่อ่ำ หลวงปู่ทรัพย์ แห่งวัดตลุก หลวงพ่อเก็บ วัดสวนลำใย จ.ชัยนาท หลวงปู่เดิม แห่งวัดหนองโพธิ์ หลวงปู่รุ่ง แห่งวัดหนองสีนวล จ.นครสวรรค์

พระขรรค์โสฬสนั้น คือมหาศาสตราวุธ ที่ท่านพระเดชพระคุณพระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้อัญเชิญมหาเทพและเทวดาต่างๆทั่วทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้าแห่งเทวะโลก มาสถิตและประสิทธิ์พรมงคลให้เป็นมหาศาสตราวุธที่ได้ชื่อว่า เป็นศาสตราวุธที่เหนือศาสตราวุธทั้งปวง

และเป็นมหาศาสตราวุธที่หาผู้ใดเทียบอิทธิเดชอิทธิคุณไม่ได้ มีทั้งอำนาจบารมีและอำนาจวาสนา หากผู้ใดมีไว้ในครอบครองจะมีอำนาจเหนือผู้อื่น หรืออยู่เหนือคนทั้งปวง

ตามที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านต้องการ โดยท่านพระครูวิมลคุณากร หลวงปู่ศุข ท่านได้กล่าวให้ พระองค์ท่านกรมหลวง ท่านไปปรึกษากับ ท่านพ่อเฒ่ายิ้ม จนฺทโชติ แห่งวัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี จนได้ผลสรุปมาว่า “ถ้าจะทำมีดให้เหนือมีดทำอาวุธให้เหนืออาวุธ ก็ต้องเป็นเนื้อทองสำริด โดย พระองค์เป็นผู้สูงศักดิ์ ให้เอารูปพระขรรค์ อันเป็นศาสตราวุธของกษัตริย์นั้นเป็นเกณฑ์”

ดังนั้น พระองค์ท่านกรมหลวง จึงนำคำมากราบเรียน ท่านพระครูหลวงปู่ศุข และนำแผ่นจารยันต์ จากท่านพ่อเฒ่ายิ้มนั้นมาด้วย ดังนั้นเมื่อ พระครูหลวงปู่ศุข ท่านได้เห็น ท่านจึงเขียนยันต์ขึ้นมาอีก ชุดหนึ่ง เพื่อผสมเป็นชนวนทำพระขรรค์นั้น ได้แก่ พระยันต์ครู ทั้ง ๑๖ และพระยันต์ นะทั้ง ๓๒ รวมถึงโลหะธาตุต่างๆที่ท่านพระครูหลวงปู่ศุข ท่านส่งให้แด่ พระองค์กรมหลวง ท่านไปทำเป็นพระขรรค์นั้นแล้ว นำกับมาให้ท่านเสกอีกครั้ง

การสร้างนั้นถือว่าเป็นความลับที่สุดของท่านเพราะสิ่งที่เหนือสิ่งอื่น มักจะมีคุณและโทษที่คู่กัน หากผู้ที่ใช้มีศีลธรรมอันดีก็จะช่วยให้ให้มีอำนาจบารมีไม่ทำผู้อื่นต้องทุกข์ร้อน แต่หากผู้ที่ไร้ศีลธรรมนำไปใช้จะเกิดภัยอันใหญ่หลวง

ดังนั้นจึงสั่งกำชับไว้ว่าหากไม่จำเป็นก็อย่าทำขึ้นมานอกจากจำเป็นจริงๆ ครั้งนี้เป็นการอันมงคลยิ่งเป็นวันพญาวันที่เหมาะกับการสร้างพระขรรค์โสฬสขึ้นมาใหม่ โดยวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ตรงกับวัน เสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับฤกษ์ วันอำมฤคโชค ราชาโชค และตรงกับวันอธิบดี ตามคำโบราณท่านว่าวันนี้ทำอะไรก็ดียิ่งนัก

ดังนั้นจึงได้จัดสร้างพระขรรค์ดังกล่าวตามตำราและตำนานอันเก่าแก่ของพระเดชพระคุณพระครูวิมลคุณากร หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ให้กล่าวขานถึงคนรุ่นหลังต่อไป

พระขรรค์โสฬสรุ่นนี้ได้สร้างจาก แผ่นพระยันต์ครูทั้ง ๑๖ พระยันต์นะทั้ง ๓๒ และโลหะธาตุตามตำรา และรวมถึง พระยันต์ ๑๐๘ และยันต์นะ ๑๔ นะ แห่งตำราพระกริ่งอันศักดิ์สิทธิ์ และชนวนจากพระชัยประจำตระกูล ใบพระขรรค์โสฬสรุ่นโสฬสมหามงคลบูชาครู ชนวนแผ่นยันต์โบราณอีกมากมาย เช่น พระยันต์เกราะเพชรหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เกราะเพชรหลวงพ่อป่าน วัดบางนมโค พระยันต์ตรีนิสิงเห พระยันต์มหาจักรพรรดิราช พระยันต์โสฬสใหญ่ พระยันต์โสฬสเล็ก พระยันต์สิงหราช พระยันต์ดาวดาดฟ้า พระยันต์พิชัยสงคราม พระยันต์มหาเทพชุมนุม พระยันต์มหาพรหม พระยันต์พระนารายณ์มหาปราบ พระยันต์นิ้วเพชรพระอิศวร พระยันต์ไตรสรณคม พระยันต์พระพุทธนิมิต เป็นต้น

 

ใบฝอยใช้พระขรรค์โสฬสมหามงคล
พระคาถาโสฬสมหามงคล
พระคาถาบูชา ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า​

โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมะตา จัตตาโรจะมหาทีปา ปัญจะพุทธามหามุนี ตรีปิฏะกะธัมมักขันธาฉะกามาวะจะราตะถาปัญจะทัสสะกะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ เตรัสสะธุตังคาจะ ปาฎิหารัญจะทะวาทัสสะเอกะเมรุจะ สุราอัฎฐะทะเวจันทังสุริยังสัคคาสัตตะโพชฌังคาเจวะ จุททัสสะจักกะวัตติจะ เอกาทะสะวิสะณุราชา สัพเพเทวา สะมาคะตา มังรักขันตุปะลายังตุ สัพพะทาเอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ เมฯ

 

พระคาถาอาราธนาติดตัว​

พุทโธปัพพะชายาโนสัพพะศัตรูวินาสสันติ ธัมโมปัพพะชายาโนสัพพะศัตรูวินาสสันติ สังโฆปัพพะชายาโน สัพพะศัตรูวินาสสันติ

ใช้บูชาพระขรรค์โสฬส อุปเท่ห์โสฬส บันดาลชายหญิง ภาวนาทีหนึ่ง สองทีดีจริง สิบแปดทีดียิ่งมีผลานิสงค์ ชักลูกประคำ ร้อยแปดเลิศล้ำ ให้ได้คาบทรงคงเกิดส่วนบุญ มีผลานิสงค์ พบแล้วอย่างง ไม่พบเร่งหา ผู้ใดไม่พบบุญน้อยถอดถด เสียชาติเกิดมา เป็นคนขัดสน มืดมนหนักหนา พบแล้วท่านว่าภาวนาประจำ เหมือนชีวิตเกิดมา เป็นคนขัดสน มืดมนหนักหนา พบแล้วท่านว่าภาวนาประจำ เหมือนได้ดวงแก้วแถม ทองผ่องแผ้ว กุศลชักนำ สิ่งใดปรารถนาภาวนาหัวค่ำ กุศลเลิศล้ำ ประมูลพูนมา อุบาทว์จัญไร กันทั้งโรคภัย ปรากฏคาถากลับจิตคิดเห็น ๆ อนัตตา มิอาจมาทำลายตัวเรา ภาวนาภัยหัวค่ำทีหนึ่งประจำ เที่ยงคืนและย่ำรุ่งเป็นสามทีเกิดสวัสดี มีลาภทุกประการอาหารการกิน ปลีเปรมเกษมสันต์ ภาวนา ๓-๗ เป็นสำเร็จการ ทุกค่ำสำราญกว่าคนทั้งหลาย อายุวัณโณ บรมสุขโขภัญโญทั้งปลาย ถ้าไฟไหม้มาให้เสกข้าวสาร สาดหว่านหลังคา ลมพาพัดหวลอย่าได้สงกา ฝนตกลงมาภาวนาป้องกัน ถ้าจะขายของเสกน้ำประพรม สินค้าสารพันระบือลือสั่น พากันเข้ามาค้าเรือ เหนือใต้ เขียนคาถาไว้ แผ่นกระดาษปรารถนาเสกด้วยตัวเองปิดหัวนาวา นำของสินค้าขายมีกำไร ถ้าเป็นความเสกน้ำล้างหน้าทาแป้งเสกเครื่องแต่งตน เสกหมากอย่านาน กินแล้วยาตรา กระทืบเท้าสามทีแปลกายบ่ายสู่คู่ความตามที่เป่าพ่นอย่าหนี พลุ่งพล่านต้องเวทย์มนต์ถาคาพลัน ให้ภาวนาเสกน้ำล้างหน้า กันทั้งคุณไสยอุบาทว์ จัญไร อัคคีโจรภัยตามความปรารถนา

 

***

วิธีใช้มีดครูโสฬสมหาศาสตรา​

***

๑. ใช้ในทางขับไล่ ภูตผีปีศาจ ถอนกระทำย่ำยีในวิทยาคม ให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆ์เจ้า คุณบิดามารดา แลคุณครูอุปปัชชาย์อาจารย์ ให้จงดี และระลึกถึงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นที่สุด ให้ช่วย............................... แล้วว่า นะโม ๓ จบ เอาพระขรรค์แกว่งลงในน้ำ ว่าคาถาดังนี้ สักกัสสะวะชิราวุธัง อาฬะระวะกัสสะทุสาวุทัง เวสสุวรรณนัสสะคธาวุทัง ยมมะนัสสะนัยนาวุธัง นารายัสสะจักราวุธัง ปัญจะมาอาวุธา ติกขะตะราโลเก ปุตุระโหระตา สัพเพยักขา ปะลายันติ เอาน้ำมนต์รดออกหายสิ้น

๒. ใช้ในทางกันภัยอันตรายต่างๆ เช่นนอนในป่า นอนในที่อันตราย ไปในที่ๆมีอาถรรพ์ ให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆ์เจ้า คุณบิดามารดา แลคุณครูอุปปัชชาย์อาจารย์ ให้จงดี และระลึกถึงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นที่สุด ให้ช่วย...............................เอาพระขรรค์ใส่ในมือ แล้วว่า นะโม ๓ จบ ว่าคาถาดังนี้ อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง ปิสัมระโลปุสัตพุธ โสมานะกะริถาโธ ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูธัมวะคะ วาโธโนอะมะมะวา อะวิชสุนุตสานุสติ แล้วเอาพระขรรค์แกว่งเป็นรัศมี ในเขตที่เราจะนอนหรือที่อยู่ กัน อันตรายได้สารพัด

๓. พระขรรค์ติดตัวเป็นคงกะพัน แคล้วคลาด ปลอดภัย กันอันตรายทั้งปวง บูชาติบ้าน ให้เอาไว้หน้าหิ้งพระ กันได้ทั้งบ้าน ทั้งภูติผีปีศาจร้าย และ เทวดาให้โทษ

 

ข้อห้ามการใช้พระขรรค์

๑. ห้ามนำไปทำร้ายผู้อื่นอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่จวนตัวจริงๆ ถ้าแทงไปแล้วบาดแผลของผู้นั้นจะเจ็บปวดจนตายไม่มีทางรักษา

๒. ห้ามนำมาฟันกลางอากาศเล่นเป็นเด็ดขาด

๓. ห้ามนำไปทำในทางไม่มีชั่วร้ายเป็นภัยแก่ผู้อื่นโดยเด็จขาด

 

ปล.รูปยังไม่มาครับ มีหลายเนื้อครับ สนใจแจ้งจำนงค์ไว้ก่อนได้นะครับ

 

ศาสตราวุธ (พระขรรค์) เป็นวัตถุมงคลอีกชนิดหนึ่ง ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอสิงห์ จ.ชัยนาท ได้สร้างถวาย เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งพระองค์ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง และเป็นศาสตราวุธ ประจำพระองค์ ของสิ่งนั้นคือ พระขันธ์โสฬส อาวุธ ที่ท่านขุนพันธ์ ท่านให้ความสนใจ และตามหามาตลอดชีวิต

 

พระขรรค์ประจำตัวพระองค์ของ "เสด็จในกรม" นั้น มีผู้พบเห็นพระองค์อัญเชิญเป็นศาสตรวุธประจำตัว โดยเฉพาะในขณะทรงเดินทางออกทะเล
ความอัศจรรย์ของ "พระขรรค์โสฬส" มีมากมายจาระไนไม่หมด สามารถใช้ได้สารพัดนึก มีความคงกระพัน แก้ไขป้องกันคุณไสย์ ทำน้ำมนต์ไล่ภูตผีปีศาจ และที่สำคัญเป็นมหาอุดที่ปกป้องคุ้มครองอันตรายได้ทั้งหมู่คณะพ่อหลิม" เคยเล่าว่าเมื่อคราวที่เกิดพายุกลางทะเล "เสด็จในกรม" ได้เคยอธิษฐานกวัดแกว่งพระขรรค์เล่มนี้จนคลื่นลมสลายมาแล้ว

หลวงพ่อหลิม หรือ "เสือไท" เป็นผู้ไขรหัสลับพระขรรค์นี้ให้กับ "ขุนพันธ์" และลูกศิษย์ก้นกุฎิซึ่งเป็นนายตำรวจอดีตมือปราบเมืองพิจิตร ศิษย์รุ่นน้องสำนักเดียวกับขุนพันธ์ให้ได้ทราบ
"พระขรรค์โสฬส" เล่มที่อยู่กับ "หลวงปู่ศุข" ต่อมาได้ตกทอดมาอยู่ในความครอบครองของ "หลวงตาแวว" วัดคลองคู้ จังหวัดพิจิตร ภายหลัง "หลวงปู่ศุข" มรณะภาพแล้วหลวงตาแววได้นำ "พระขรรค์โสฬส" ออกจากวัดปากคลองมะขามเฒ่าติดตัวไปด้วย จนกระทั่ง "หลวงตาแวว"ได้อุปสมบท ปรากฎว่าพระขรรค์เล่มนี้ก็ยังอยู่กับ "หลวงตาแวว" และเป็นเครื่องรางของขลังที่ "หลวงตาแวว" หวงแหนมากที่สุด โดยท่านนำใส่ย่ามหรืออังสะ และบางครั้งก็พกไว้ที่เอวตลอดเวลา

ภายหลังจาก "หลวงตาแวว" มรณะภาพไป พระขรรค์เล่มนี้ ได้ตกทอดไปยังลูกศิษย์เกิดการยื้อแย่งกัน


น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ในช่วงหนึ่ง "พระขรรค์โสฬส" ได้ตกไปอยู่ในมือของพวกโจรซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ "ขุนพันธ์" ได้เดินทางกลับไปยังภาคใต้แล้ว (ขุนพันธ์ เคยขอพระขรรค์เล่มนี้จากหลวงตาแวว แต่ท่านผัดผ่อนจนมรณะภาพ) "ขุนพันธ์" ได้เพียรพยายามตามหาพระขรรค์ที่เหลืออยู่แต่ไม่พบ ทั้งให้เพื่อนสนิทที่พิจิตรช่วยตามหาพระขรรค์ เล่มของ "หลวงปู่ศุข" ด้วย ซึ่งมาทราบภายหลังว่าลูกศิษย์ของ "หลวงตาแวว" ซึ่งเอาดีทางนักเลงได้ขโมยต่อๆกันไปจนในที่สุดก็ได้ไปอยู่ในชุมโจรแห่งหนึ่ง

จากคำบอกเล่าของ "เสือออง" (ปัจจุบันมีชีวิตอยู่และกลับตัวเป็นคนดี) เล่าว่า
"ตนเองและพรรคพวกโจรได้ผลัดกันถือพระขรรค์นำหน้าเวลาออกปล้น เคยประทะกับเจ้าทรัพย์และตำรวจ ปรากฎว่ากระสุนปืนไม่สามารถทำอันตรายพวกตนได้ หากโดนจ่อใกล้ๆ ปืนก็จะไม่ลั่นหรือไม่ดัง หากอยู่นอกรัศมีออกไปกระสุนก็จะพลาดเป้าหมายไปหมด"
"เสือออง" เล่าถึง อำนาจจาก "พระขรรค์โสฬส" ว่า เคยนำพระขรรค์ไปปักไว้ที่หัวคันนาปรากฎว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ จากนั้นใช้ปืนพระรามหก และปืนนานาชนิดยิงทดสอบ กระสุนปืนไม่ลั่นแม้แต่นัดเดียว การที่พวกโจรนำพระขรรค์ไปใช้ในทางทีผิ่ดนั้น มีวิธีแก้ทางเดียวคือนำกลับมาหรือแย่งคืนจากมือโจรให้ได้ แต่อย่างที่กล่าวแต่แรก เหตุการณ์เกิดในช่วงที่ "ขุนพันธ์" เดินทางกลับภาคใต้แล้วไปแล้ว


"พ่อหลิม" จึงให้ศิษย์รุ่นน้องของ "ขุนพันธ์" ผู้หนึ่งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจมือปราบเลือดเนื้อเชื้อไขชาวพิจิตร(ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว) ออกติดตามหาเกิดการประทะต่อสู้กันอย่างสนุกตื่นเต้น กว่า จะแย่งพระขรรค์ออกจากมือโจรได้ ต้องใช้เวลานานหลายปี

พระขรรค์โสรฬดังกล่าวครั้งหนึ่งเคยตกเป็นสมบัติของมือปราบชาวพิจิตรศิษย์รุ่นน้อง "ขุนพันธ์" ร่วมสำนักของ "พ่อหลิม" และบุตรชายได้ถ่ายรูปบันทึกภาพไว้เกือบสิบปีแล้ว แต่น่าเสียดายเมื่อเกษียณอายุราชการผู้บังคับบัญชาการระดับสูงขอพระขรรค์เล่มนี้ไป

ทั้งหมดที่เป็นเรื่องราวบางส่วนของ "พระขรรค์โสฬส" ที่ "ขุนพันธ์" อยากได้เป็นที่สุดเพื่อเป็นของขลังคู่กับ "ดาบแดง" แต่จนวาระสุดท้าย ท่านก็ไม่ได้มีโอกาศครอบครอง"พระขรรค์โสฬส"เล่มนี้.