เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437

    น้อมกราบหลวงปู่บุญศรีด้วยเศียรเกล้า
    อรุณสวัสดิ์พี่พี พี่ช้าง พี่นก พี่แสงแข พี่โจ พี่รุ่ง คุณcc และคุณญานกร.
     
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***กราบๆๆอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  3. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***พี่ขออนุโมทนาบุญด้วยจ้า น้อง ดินสอ
     
  4. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***กราบอนุโมทนาบุญกับ คุณหมอด้วยนะครับ***
     
  5. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***กระผมได้ปล่อยปลาหมอล้วนๆ และ ได้ร่วมสร้างหลังคา ให้ท้าวมหาราช ทั้ง4
    ที่ สำนักสงฆ์ ดอนเสือหมอบ (สายหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงครับ ตอนนี้ กำลังจะกลายเป็นวัด
    ในไม่ช้านี้แล้วครับ)เอาบุญมาฝากทุกๆท่านในหมู่บ้านเหรียญบิน แพโบสถ์น้ำ แห่งนี้ครับ***
     
  6. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

    คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี(เกี่ยวกับอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป)

    การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในกรรมฐานจัดว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน (การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์) ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก การสร้างพระถวายด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมากเป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    "พุทธะปูชา มะหาเตชะวันโต" แปลว่า "การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก"

    การสร้างพระพุทธรูปนี่เป็นพุทธบูชาเป็นพุทธานุสสติในกรรมฐาน ๔๐ กอง ท่านบอกว่ากำลังของพุทธานุสสติเป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ากองอื่นก็เห็นจะจริง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่นิพพานนี่ และท่านก็เป็นต้นตระกูลของพระนิพพาน ทีนี้เมื่อเราต้องการสร้างพระพุทธรูปให้สวยตามที่เราชอบเห็นแล้วก็ทำให้จิตใจสดชื่น จิตมันก็นึกถึงพระอยู่เสมอ ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอยู่เสมอก็จัดเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน

    ถ้าใจเราเกาะพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ตายแล้วลงนรกไม่เป็น ฉะนั้นถ้าเราชอบพระแบบไหนปางไหน ก็ให้สร้างอย่างที่เราชอบจิตจะได้เกิดศรัทธา หลวงพ่อปานวัดบางนมโคแนะนำว่าควรหันหน้าพระบูชาไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ไม่ควรหันหน้าพระบูชาไปทางทิศตะวันตก หรือทิศใต้ เพราะจะทำให้สตางค์ไม่เหลือใช้

    ส่วนอานิสงส์การสร้างแท่นพระนั้น ก็มีอานิสงส์เหมือนกับการสร้างพระพุทธรูป คือแท่นพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้เต็ม อย่างที่นางวิสาขาหรือพระสิวลีได้เคยทำมาในอดีตชาติ อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก จะเกื้อหนุนให้รวย วาสนาบารมีสูง การสร้างแท่นพระหนุนพระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้สูงน่ะ จะทำให้ฐานะของเราดีขึ้น

    ครั้งหนึ่งมีญาติโยมถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำเรื่องการชำระหนี้สงฆ์ว่าถ้าหากนับรวมหลาย ๆ ชาติเราไม่รู้ว่าเคยล่วงเกินของสงฆ์มามากน้อยเท่าไหร่ จะทำอย่างไรจึงจะชำระหนี้สงฆ์ได้หมด หลวงพ่อท่านกำหนดสมาธิจิตถามพระพุทธเจ้า ก็ปรากฏนิมิตเป็นพระพุทธเจ้าลอยมาตอบคำถามท่านว่า "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วนเป็นเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก" พระหน้าตัก ๔ ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐานท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้ว ๆ มา ถือเป็นการหมดกันไป"

    เมื่อถามว่าการสร้างพระองค์หนึ่งชำระหนี้สงฆ์ได้คนเดียวหรือกี่คน ท่านก็บอกว่า "ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" คำว่า "คณะ" หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่าชำระหนี้สงฆ์เก่า ๆ ได้หมด แต่ถ้าสร้างหนี้ใหม่ต่อก็เป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ เวลาถวายสังฆทานเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ตาย อย่างน้อยควรมีพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๕ นิ้วขึ้นไป ผู้ที่อนุโมทนารับบุญรับกุศลจะมีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือพรหมเขาแบ่งฐานะกันตามความสว่างของร่างกาย ไม่ได้ดูที่เครื่องแต่งตัว ถ้ามีผ้าจีวรด้วย ผู้อนุโมทนาจะมีเครื่องประดับสวยงามกว่าเดิม ถ้ามีอาหารด้วย ความเป็นทิพย์ของร่างกายจะดีกว่าเก่า

    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป นำมาจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑" โดยพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี จัดทำโดย เจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์

    หลวงพ่อตอบ:

    1) สร้างพระ 1 องค์ ได้อานิสงส์ 5 กัปป์ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง 5 กัปป์........(หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ)....

    2) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า"การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือ ว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก(เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่า คนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก" เพราะบัญชีสีทอง หลวงพ่อฯบอกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องโมทนาหมด......

    3) ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้า จะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นพระอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน (หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว)......

    4) การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้น จะเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีผู้มากราบไหว้ สักการะบูชา เท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง (หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา).......

    5) การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทาน ในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี "ความเห็นตรง เห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่า เป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย (หลวงพ่อจรัญฐิตธัมโม)
     
  7. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    การทำบุญ สร้างหลังคา ให้ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 ถือเป็นการสร้างวิหารทาน อย่างหนึ่ง
     
  8. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    อานิสงส์สร้างวิหารทาน

    คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    ถามว่า เธอถวายสังฆทานแบบถัง ๆ นี่กี่ครั้ง มันจึงมากมายแบบนี้ แต่ถังเวลานั้นสวยมาก ไม่เหมือนถังที่เขาหิ้วถวายสังฆทาน ถังที่ถวายสังฆทานเป็นถังเก่า ของข้างในก็แลดูมัว ๆ แต่นี่ทุกอย่างเป็นเพชรหมด ของข้างในก็เป็นเพชร แพรวพราวเป็นระยับ มีแสงออกสวยมาก

    เธอก็ตอบว่า การถวายสังฆทานจริง ๆ ไม่เกิน ๑๐ ครั้ง เฉพาะสังฆทานถัง เพราะเวลานั้นสังฆทานถัง ๑๐๐ บาท ยังไม่มี มีแต่สังฆทานถัง ๕๐๐ บาท เงิน ๕๐๐ บาท มันก็หาได้ยาก แต่เวลาใครเขามาดู ให้พยากรณ์ เขาให้ก็เก็บไว้ ไว้ถวายสังฆทานบ้าง ไว้ใส่บาตรบ้าง

    เวลาพระท่านขัดข้องอะไรขึ้นมาก็ทำบุญกับพระบ้าง ทุกอย่าง เงินที่ได้มาทั้งหมดก็ใช้ ๒ ประการ คือ กินใช้เองตามความจำเป็น ไม่เก็บกักไว้ แต่เก็บกักไว้บ้างเพียงแต่ยารักษาโรค ป้องกันการเจ็บป่วย นอกนั้นก็ทำบุญหมด ก็คิดว่าเราต้องตาย

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนจะตาย ก็เห็นวิมานที่ชั้นยามานี่ก่อน ถามพระ ถามเทวดาท่านว่า คนอย่างฉันถ้าตายจากความเป็นคนจะไปอยู่ที่ไหน ท่านก็ชี้ให้ดูวิมานหลังนี้ วิมานหลังนี้มันเกิดก่อนฉันตายมาก พอฉันได้ทิพจักขุญาณ ฝึกได้แล้ว และก็มาที่นี่ได้ อาศัยมโนมยิทธิมาที่นี่ได้ ฉันก็เห็นวิมานหลังนี้แล้ว วิมานหลังนี้ว่างจากเจ้านาย แต่ว่ามีคนอยู่ นั่นคือบริวาร ถามว่า บริวารของเธอมีเท่าไร ก็ตอบว่า บริวารของฉันเวลานี้มี ๔,๐๐๐ คน เป็นนางฟ้าทั้งหมด

    เธอบอกให้ดูบริวารของเธอแล้ว ก็เห็นทุกคนนั่งสงบสงัด ก็ถามว่า เขานั่งเงียบ ๆ เขาทำอะไรกัน
    เธอก็บอกว่า บริวารทั้งหมดนี้ทำสมาธิ
    ก็ถามว่าเธอมีบริวารทำไมกันนะ ในเมื่อเป็นนางฟ้าเป็นเทวดาก็ตาม เป็นพรหมก็ตาม ไม่มีงานจะพึงทำ และมีบริวารก็ไม่ได้ใช้ บริวารทุกคนต่างคนต่างนั่งหลับตา อย่างนี้ก็คือว่ามีบริวารตอไม้จะดีกว่า เรานั่งฉี่บนตอไม้ได้

    เธอก็หัวเราะ เธอบอกว่า มันเป็นระเบียบของสวรรค์ ในเมื่อมาเห็นก็เห็นบริวารเต็มแล้ว
    ก็ถามว่า บริวารพวกนี้มาจากไหน
    เธอก็ตอบว่า บริวารพวกนี้เป็นคนที่เคยเจริญสมาธิ เคยให้ทาน เคยรักษาศีล เคยฟังเทศน์ แต่ว่า ขาดการสร้างวิหารทาน คนประเภทนี้มีมาก ในเมื่อ ไม่เคยสร้างวิหารทาน วิมานของตัวเองก็ไม่มีอยู่ ก็ต้องมาอยู่ร่วมกัน แต่คำว่าบริวารนี้ก็ไม่ใช่ทาสรับใช้ ถือว่าเป็นเพื่อนแก้เหงาดีกว่า

    ที่มา: หนังสืออ่านเล่น เล่มที่ 4
    __________________
    ศูนย์รวมคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2013
  9. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    กราบ กราบ กราบ หลวงตาเล็ก หลวงพ่อทรง ค่ะ
     
  10. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    อนุโมทนาสาธุครับพี่ช้าง.. (^_^)
     
  11. monkeyboy55

    monkeyboy55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2007
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +545
    ทักทายและสวัสดีวันอาทิตย์ครับพี่ๆบ้านเหรียญบิน และกราบหลวงพ่อทรง ครับ
     
  12. ครรชิต วิมลจันทร์

    ครรชิต วิมลจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +2,865
    กราบ...หลวงปู่บุญศรี หลวงปู่อั๊บ หลวงพ่อทรง
     
  13. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  14. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ขอโมทนาสาธุครับ
     
  15. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ขอโมทนาบุญกับพี่รุ่งรวยด้วยขอรับ
     
  16. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    นะ หน้าทอง


    แฟนคลับ PM มาถาม ตอนแรกผมคิดว่าจะถ่ายลายมือหลวงตาเล็กให้ แต่ไม่เอาดีกว่าเรื่องลายมือ เดี๋ยวเปิดช่อง ให้มือผีลอก เอาไป จาร แจมเป็นลายมือหลวงตาเอามาขายเอาเงินทองคนที่ไม่รู้ เพื่ออัพราคา

    ผมเลยเขียนเอง แต่เห็นที่เขาเขียนแล้ว กลัวคนเข้าใจผิดว่าหลวงตาท่านไม่ทราบไสยศาสตร์ อะไรที่ผิดๆไม่ใช่มาจากท่านน่ะครับ ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านนี้เลยครับ บางตัวท่านจับมือผมเขียนให้ เป็นการสอน และ ถ่ายทอดวิชา ผมมีปัญญาน้อย เรียนมาได้เพียง สอง สามตัว

    RIMG0171.JPG

    ตัวแรก เรียน นะ หน้าทอง

    นะครับ เป็นตัว นะ ไม่ใช่ชื่ออื่น เป็นยันต์ครูที่ท่านขึ้นให้ผม โดยเอามือท่านจับมือขวาผมลากเป็นยันต์ หรือ นะ ตัวนี้ การเขียน อักขระ ต้อง เขียน โดยกำหนดจิตที่ อักขระ ให้ อักขระขึ้นเป็นนิมิต เอามือลากยันต์และ ปากภาวนา เรียกยันต์ให้มาบังเกิด และ ต้องภาวนาในอึดใจนั้น จบลงที่ลากหางยันต์เสร็จพอดี การฝึกผน ทำมานาน ทำมาเป็น ร้อยๆ พันๆ ครั้ง จนจิต นิ่ง เป็น อุณหนิมิต นิ่งและ ใช้ตัวอักขระหรือยันต์ ให้ขยายขึ้นใหญ่ และ เล็กลงได้ หรือ เกิดสี ขาว ใส และ เปลี่ยนสีไปได้ ถือว่าสำเร็จเบื้องต้น ตามนั้น

    RIMG0172.JPG

    ตัวอุณาโลม
    เลยเรื่องนี้มันยาวมากน่ะครับ เป็น อักขรแทนตาที่สาม ของพระพุทธ เทพ เทวดา เช่น พระอิศวร เป็นตราของต้นราชวงศ์จักรี มีอาถรรพ์มาก และ ทหารจะเชิญมาเป็นที่ หน้าหมวกครับ

    ตัวอุณาโลม คือ ตัวอุณาโลม ไม่ใช่ นะ และไม่ใช่ตัวอุ

    RIMG0173.JPG

    ตัวอุณาโลม วัดใหม่ฯ

    สูตรหลวงตาเล็ก เขียนคนล่ะวิธีครับ ผมจะไม่เปิดเผยมาก มีเคล็ดหลายอย่าง ดูเอาเอง

    RIMG0174.JPG

    ตัวอุ


    RIMG0175.JPG

    ตัวอุขึ้นยอด ของหลวงตา มีอุปเท่ห์หลายอย่าง


    RIMG0170.JPG

    อันนี้แย้มนิดหน่อย ตัวอุ ลายมือหลวงตา เป็น อุ ไม่ใช่อุณาโลม


    RIMG0168.JPG

    ตัวนี้คือ อุณาโลม ลายมือหลวงตา เขียนคนล่ะอย่าง


    RIMG0169.JPG

    อันนี้เป็นยันต์ นะหน้าทองใหญ่ สูตรหลวงพ่อเดิม หรือ นะ โม พุท ธา ยะ ใหญ่ มีอุปเท่ห์ หลายอย่างครบเครื่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2013
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    สรุป

    นะ หน้าทอง เป็น อักขระ ยันต์ครูของท่าน หลวงตาท่านที่มีครู คือ หลวงปู่บุญธรรม

    ประวัติวัดใหม่ศรีสุธทาวาส

    วัดใหม่ศรีสุทธาวาส เดิมชื่อ “ วัดใหม่กฐินราย “ ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๑ ตำบล น้ำทรง อำเภอ พยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยอยู่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตก เป็นวัดที่ตั้งห่างไกลจากตัวอำเภอประมาณ 7 - 8 กิโลเมตร อยู่คนละฟากแม่น้ำ มีบ้านเรือนอยู่รอบวัดประมาณ 100 หลังคาเรือน วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้าง ไม่ปรากฎหลักฐาน เพียงอนุมานว่า สร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์ ราวปี พ.ศ.2469 มีเจ้าอาวาสปกครองวัดประมาณ 4 องค์ ก็ขาดพระภิกษุดูแล วัดชำรุดทรุดโทรมและกลายเป็นวัดร้างไปตามกาลเวลา

    หมายเหตุ : เดิมชาวบ้านเรียกวัดใหม่ เฉยๆ พอหลวงปู่มาอยู่ ผมถามท่านเอง ท่านบอกว่าฉันตั้งชื่อเอง เป็น วัดใหม่ศรีสุทธาวาส ( ชื่อนี้ไม่เป็นชื่อแบบเป็นทางการ ) คำว่า ศรีมาจากชื่อท่าน ส่วนคำว่า สุทธาวาส พวกท่านคงทราบดี ว่าเป็นที่อยู่ของพรหมชั้นสูงสุด มาถึงตอนนี้ หลวงปู่ท่านก็ล่ะสังขารไปแล้ว ผมบอกตามความเชื่อของผมเลยว่า ที่ท่านมาแล้วตั้งว่าคำว่า สุทธาวาสต่อ ก็คือที่ที่ท่านอยู่ในตอนนั้นนั่นเอง ส่วนจะที่ไหน พวกท่านกรุณาคิดกันเอาเอง

    จนกระทั่งเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ พระครูบุญศรี อินฺทวณฺโณ อายุประมาณ ( อย่างน้อย ) ๙๖ ปี จากการประเมินตามคำบอกเล่าของหลวงปู่ว่าท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๕ อันนี้มีผู้ได้ยินหลายคน มีพยานอยู่ และท่านว่าท่านเกิดวันอาทิตย์ปีมะเส็ง และท่านบอกเองว่าว่าใบสุทธิลงปีผิด แต่ท่านไม่สนใจ ปล่อยเลยตามเลย เมี่อคำนวนดูว่าสิ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ เมี่อ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ปีจอ

    หมายเหตุ : ผมเคยพาหลวงปู่อาจารย์ ไปตรวจปากและทำฟัน ( ปลอม ) ที่นครสวรรค์ ฟันท่านร่วงหมดปากแล้ว ไม่มีแม้แต่ซี่เดียว แต่ร่างกายแข็งแรงมาก เดินเหินตัวปลิว ไม่ต้องมีไม้เท้า ไม่ต้องมีพยุง ( จะเข้าไปพยุงท่านจะปัดมือออก เป้นที่รู้กันในหมู่ศิษย์ใกล้ชิด หมอฟันเมื่อตรวจหลวงปู่บนเตียงทำฟันแล้ว ฉงนมาก ว่าหลวงปู่อายุเท่าไหร่ เพราะคนจะฟันร่วงหมดปากนี่ อายุ แบบว่า ใกล้ร้อยเข้าไปแน่ๆ พอหมอถามหลวงปู่ ว่าหลวงปู่อายุเท่าไหร่ ท่านยกมือซ้ายกางนิ้วมือมา ๕ นิ้ว แล้วยกให้ดูสองครั้ง หมายถึง เกิดรัชกาลที่ ๕ อยู่มา ๕ แผ่นดิน ( หายากแล้วล่ะครับ ) และที่ไม่น่าแปลกใจ หวยงวดนั้น ออก ๕๕ ครับ

    หลวงปู่ ท่านเคยบอกว่า ท่านชาตะ วันอาทิตย์ และเคยบอกอีก ต่างเวลาและเหตุการณ์กันว่าปีมะเส็ง ผมเอามาผูกกัน ถ้าท่านเกิดปีมะเส็งที่ทันรัชกาลที่ ๕ ก็ต้องเป็นปี พ.ศ. ๒๔๔๘ ท่านจะมีอายุก่อนละสังขารไม่ต่ำกว่า ๙๖ ปี ( ๑๘ มกราคม วันเกิดหลวงปู่ ) แต่ถ้าเกิดก่อนอีกรอบจะมีอายุประมาณ ๑๐๘ ปี!!! ( พ.ศ. ๒๔๓๖ ถ้า เกิด พ.ศ. นี้ จะมีอายุใกล้เคียงกับ หลวงปู่บุดดา ถาวโร ครับ ) แต่จากใบสุทธิหลวงปู่จะมีอายุประมาณ ๘๔ ปี ตอนล่ะสังขารหลวงปู่ได้มาจำพรรษาที่วัดใหม่ศรีสุทธาวาส เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.๒๕๐๓ จนละสังขารเมี่อ วันพุธที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๔ เวลาประมาณ ๙ โมง ๑๕ นาที ด้วยอาการอันสงบ

    หมายเหตุ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี. ชาตะเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐

    ( จะมีอายุอ่อนกว่า หลวงปู่ บุญศรี ๑๒ ปี คนล่ะรุ่นกันครับ )

    ตามประวัติ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก เป็นรุ่นเดียวกัน ไปเป็นทหารพร้อมกัน คนจะเกณฑ์ทหาร รุ่นเดียวกัน ยศเดียวกัน ถ้าผมจำไม่ผิดคือยศ เรือตรี จะมีอายุใกล้เคียงกัน จะอายุแก่ อ่อนกว่ากัน ๑๒ ปี เป็นไปไม่ได้ครับ เมื่อมาบวชก็มาพร้อมๆกัน และผมมีหลักฐานมาพิสูจน์อีกว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูบุญศรี ไม่ได้เกิดปี ๒๔๖๐ ตามที่เข้าใจกัน

    หมายเหตุ หลวงปู่บุดดา ถาวโร กำเนิด วันเสาร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๕ มกราคมพ.ศ. 2437

    ( จะมีอายุ แก่กว่าหลวงปุ่บุญศรี ๑๑ ปี คนล่ะรุ่นกันอีกเหมือนกันครับ )

    ที่อัญเชิญชาตะ หลวงปู่บุดดามาก็เพราะว่ายุคหนึ่ง คนก็เชื่อกันว่า ท่านคือ ฤาษีลิงขาว ดูจากวัยแล้ว หลวงปู่บุดดาอาวุโสกว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก ไม่มีทางเป็นรุ่นเดียวกันได้


    ประวัติหลวงปู่พระครู บุญศรี อินฺทวณฺโณ

    จากคำบอกเล่าของหลวงปู่เอง และจากคุณน้าสมพงษ์ บูรณานันท์ ( หลานหลวงปู่อายุ ๖๕ ปี เกิด พ.ศ. ๒๔๗๖)

    ครูเพชร แพ่งเกษร ครูเจริญ วัดใหม่ฯ และจากใบสุทธิ ของท่าน

    จากใบสุทธิ

    ชื่อ บุญศรี นามสกุล สังขะพานิช

    วิทยฐานะ ชั้นมัธยม ๓ ( จัดว่าสูงมากในยุคนั้น ) อาชีพ พานิชกรรม
    บิดา นาย ทองหยู่ ( ซีปู้ แซ่เตีย แต้จิ๋ว ) มารดา นาง ทิน ( ทับทิม ลูกครึ่งไทย จีน )

    เกิด วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ตรงกับ วัน พุธ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๒ ปี มะเส็ง ( หลังรัชกาลที่ ๕ สวรรคต )

    แต่ในใบสุทธิเขียน เกิดวัน ๑ ฯ ๒ ค่ำ ปี มะเส็ง ๒๔๖๐ ซึ่งหลวงปู่บอกว่าผิด
    ตำบล ตลุก อำเภอ สรรพยา

    จังหวัด ชัยนาท
    สีเนื้อ ขาวเหลือง สัณฐาน สูง

    ตำหนิ แผลเป็นใต้ศอกขวา

    บรรพชา

    ชื่อ สามเณร บุญศรี ฉายา อินฺทวณฺโณ

    พระครูอุทิศธรรมวินัย เป็นอุปัชฌายะ

    บรรพชาเมื่ออายุ ๒๑ ปี

    วันที่ ๑๙ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓

    ณ วัดทุ่งหลวง ตำบล ทุ่งพงษ์ อำเภอ หนองฉาง จังหวัด อุทัยธานี

    อุปสมบท

    ชื่อ พระ บุญศรี ฉายา อินฺทวณฺโณ

    พระครูอุทิศธรรมวินัย เป็นอุปัชฌายะ

    พระอาจารย์ ทรง กรรมวาจาจารย์

    พระอาจารย์ ปิ่น อนุสาวนาจารย์


    อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี

    วันที่ ๑๙ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓

    ( น่าจะบรรพชาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ การบันทึกผิดไปรอบหนึ่ง หลวงปู่ท่านบอกว่า ใบสุทธิมาทำใหม่ทีหลัง และผิด แต่ถ้าเรารู้นิสัยท่าน ท่านจะเป็นคนนิ่งๆ เฉยๆ และเลยตามเลย )

    ณ วัดทุ่งหลวง ตำบล ทุ่งพงษ์ อำเภอ หนองฉาง จังหวัด อุทัยธานี

    ชื่อ พระบุญศรี

    ฉายา อินฺทวณฺโณ
    วัด สะพานหิน

    ตำบล หาดทะนงค์
    อำเภอ เมืองอุทัยธานี จังหวัด อุทัยธานี

    วันที่ ๑๙ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓

    เจ้าอาวาส พระครูอุทิศธรรมวินัย เจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี

    สำนักที่จำพรรษา (จากคำบอกเล่าของหลวงปู่ )
    ๑) วัดสพานหิน ( หลวงปู่เล่าว่า ได้ฝากตัวเรียนวิชา พระคาถาอาคมกับพระอาจารย์ บุญธรรม วัดทุ่งหลวงโดยมีข้อแม้ว่าต้องบวช ในรุ่นท่านมีอยู่ ๕ คนที่บวชเข้ามาเรียนวิชา เมื่อกราบเรียนถามท่านว่า พระอาจารย์ บุญธรรมเก่งไหม ท่านตอบว่า เก่ง แต่ไม่ปรากฏว่าสร้างพระเครื่องรางของขลังไว้ )

    ๒) วัดโบสถ์ ๑ พรรษา
    ๓) วัดไชโย ๑ พรรษา เคยเดินไปเที่ยววัดพิกุลทอง สิงห์บุรี พระครูพุทธพิมพ์ภิบาล เป็นเจ้าอาวาสและเป็นเจ้าคณะอำเภอ มีเรือยนตร์ ๒ ลำ
    ๔) วัดที่จังหวัดอุตรดิตย์ ตรงข้ามวัดท่าเสา ๑ พรรษา

    ๕) วัดทุ่งหลวง หนองฉาง อุทัยธานี ๓ พรรษา เป็นเจ้าอาวาส ครูเจริญครูโรงเรียนวัดใหม่เคยคุยกับคนส่งที่เคยจัดส่งปิ่นโตให้หลวงปู่

    ๖) วัดสพานหิน ? วัดบ้านกล้วย?

    ๗) วัดสำโรง พยุหคีรี

    ๘) วัดใหม่ศรีสุทธาวาส เป็นเจ้าอาวาส ประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๓ ถึง ๒๕๔๔ จนล่ะสังขาร

    ประวัติส่วนตัว

    เกิดที่อำเภอวัดสิงห์ คุณยายอยู่สรรพยา คุณยายเป็นผู้บวชให้ ( จากคำบอกของหลวงปู่ บวชเมื่ออายุ ๒๓ ปี )

    มีพี่น้อง ๕ คน เป็นอันดับต่อไปนี้

    ๑) คุณยาย กิมยู้ เสียชีวิต ตอนเสียชีวิตอายุ ๘๐ กว่า เสียมา ๑๐ กว่าปี ( จากคำบอกเล่า นับตอน พ.ศ. ๒๕๔๐ ) คุณยาย กิมยู้ น่าจะเกิด ประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๐ กว่า

    ๒) หลวงปู่ ( ตี้ ) ซึ่งเกิดตามมา ผมเชื่อว่าท่านเกิด พ.ศ. ๒๕๔๘ ครับ และน่าจะบวชเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ ครับ

    ๓) คุณปู่เท้า

    ๔) คุณยาย กิมเอง เสียชีวิตแล้ว ( ๒๕๔๐ )

    ๕) คุณยาย ละมูล แซ่ ลี เกิดปีวอก ( ๒๔๖๑ ) อายุ ๘๐ ปี ตอนปี ๒๕๔๐

    ไม่เคยเป็นทหารมาก่อน จากคำบอกเล่าของหลวงปู่เองว่า เกือบโดนเกณท์เป็นทหารม้าที่สระบุรีเพราะขี่ม้าเป็น ท่านแสดงรอยสักที่ท้องแขน ว่าข้างขวาเป็นรอยสักทับรอยสักเดิมสมัยเป็นเด็กสักเล่นๆ ส่วนบนท้องแขนข้างซ้ายเป็นรอยสักฉายา อินฺทวณฺโณ

    หลวงปู่ละสังขารเมี่อวันพุธที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๔ เวลาประมาณ ๙ โมง ๑๕ นาที ด้วยอาการอันสงบ

    ข้างบนเป็นบันทึกมาจากใบสุทธิ และจากคำบอกเล่า กว่าผมจะรู้แค่นี้ใช้เวลาเป็นปีๆ สาเหตุเพราะท่านเป็นคนไม่พูดมาก ถามคำตอบคำ และ ไม่ชอบเล่าประวัติ พอคุยๆไป วกมาถาม ท่านก็บอกที พอรู้ว่าเราจะถามประวัติ ท่านก็หยุด คราวนั้นเป็นอันว่าอด ต้องรอไปอีกสักหลายเดือน เป็นสองสามเดือน รอท่านไม่ระวังตัว คุยๆไปคุยมา วกมาถามต่ออีกที ก็ได้อีกหน่อย เหตุการณ์ก็เป็นแบบเก่า ต้องเผลอๆ แอบถามไปเรื่อยๆ แล้วเอามาปะติดปะต่อกัน

    ผมจดไว้ กันลืม ผมจะเล่าไปเรื่อยๆ แต่พอมาถึงยุคที่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านแล้ว ท่านเมตตารับไว้ พอผมสนิทๆกับท่าน รู้แกวว่าจะถามอะไรลึกๆ ต้องอยู่กันแค่สองคน

    ครั้งสำคัญคือผมถามที่สงสัยว่า หลวงปู่คือหลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก หรือปล่าวครับ ท่านยกมือปฏิเสธทันที และบอกว่า ไม่ใช่ เขาเข้าใจกันผิด และผมทราบนิสัยว่า เมื่อท่านบอกไม่ใช่แล้ว พวกก็ยังมาตื้อให้ใช่อีก ( ด้วยเหตุผล ต่างๆ ตามความเชื่อส่วนตัว ) ท่านก็จะเฉยซ่ะ ปล่อยเลยตามเลย

    ตามที่ไฮไลท์น่ะครับ

    อาจารย์ที่เป็นทางการ คนแรก คือ หลวงปู่บุญธรรม และ หลังจากนั้น ตระกูลท่านเป็นคนค้าขาย ท่านเคยไปเรียนที่อ่างทอง และ จำพรรษาที่นั่น โอกาศนี้ ทำให้ ไปเรียนกับ หลวงปู่สุ่น หลวงปู่ปาน หลวงพ่อจงแนววิชาพระฤาษีมาจากสายนี้ และ ที่เหลือ ต้องเป็นจากพระในป่า

    เรื่องมีรูปบนกุฏิท่านน่ะ เขารู้กันมาตั้งนานแล้ว ว่าลูกศิษย์ เอามาถวาย สาย วัดท่าซุงที่มีความเชื่อว่า หลวงตาคือ หลวงปู่ ฤาษีลิงเล็ก เลยมีการเอารูป สมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน น้ำมันชาตรี ล้วนแต่มา จากลูกศิษย์ หลวงตาไม่ได้มาติดเอง

    แต่ไม่เห็นมีรูป หลวงปู่บุญธรรม หรือสัญลักษณ์ใดๆ ไม่เห็นมีรูปพระอุปัชฌาย์ คนสำคัญของความเป็นพระครูอุทิศธรรมวินัย และอาจารย์ที่เป็นพระคู่สวดแต่อย่างใด


    คำตอบคือ หลวงตาท่านไม่อยู่กับ อดีตครับ สัญญามีสติไม่ได้หลงลืม แต่ไม่เสพอดีต ไม่มีสัญลักษ์ของอดีตให้จิตปรุงแต่ง ไปยึดเอามาเป็น ปัจจุบัน

    ท่านไม่เสพอนาคต ว่าจะต้องเป็นอย่างไร ทำอย่างไร ให้กังวล ไม่ยึดอนาคตว่าจะมีผลอะไร

    ที่ท่านทำ คือมีสติระลึกแต่อยู่กับปัจจุบัน ครับ แค่จุดนี้ ของรอบข้างเป็นเรื่องสมมุติ มีเกิดมีดับไปตามธรรมครับ ท่านไม่สนใจครับ

    ท่านกำลัง อ่านเรื่องพระอริยะตามหลักพระศาสนา ผู้ที่ทำพระนิพพานให้แจ้ง ตามปฏิญาณของท่านตอนขอบวช ท่านไม่ใช่พระเกจิฯ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง อย่าไปหลงประเด็นกันน่ะครับ

    ส่วนหลวงตาท่าน จะทำให้แจ้งได้ขนาดไหน เด็กส่งของอย่างผมไม่มีทางทราบได้เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2013
  18. poenarak

    poenarak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    710
    ค่าพลัง:
    +3,209
    สวัสดีครับพี่พีและสมาชิกบ้านเหรียญบินทุกท่าน วันนี้ขอมารอเรียนรู้เรื่องตัวนะครับ
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    พระโคตรเศรษฐี เนื้อแร่ รุ่นนี้ สร้างมาจากดอกไม้ในงานศพแม่ชีประทุม โชติอนันต์ โดยหลวงพ่ออนันต์ วัดท่าซุง สั่งให้ป้าอี๊ด เก็บดอกไม้เอาไว้ และจีวรของแม่ชีประทุม โชติอนันต์ นำมาบด ผสมกัน แล้วนำมาสร้างเป็นพระ ที่ระลึกครบรอบ ๑ ปี มรณภาพ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๙ พระรุ่นนี้ นำเข้าพิธีวัดท่าซุง ๑ วาระ และนำเข้าพิธีพุทธิเษก รูปหล่อหลวงตาเล็ก ที่สำนักแม่ชีประทุม โดยหลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ เป็นประธานอีก ๑ วาระ
     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    รุ่นนี้ได้ข่าวจากป้าอิ้ด ว่าใกล้หมด น่าจะทำไม่มาก

    แต่ รุ่นสีดำ หนึ่งล้าน % ว่าผู้สร้างคือท่านแม่ชี แม่ชีประทุม ลูกศิษย์ หลวงพ่อวัดท่าซุง ทำพิธีอธิษฐานจิต โดยหลวงตาเล็ก พระหลวงตา ๕ แผ่นดิน และมีแร่โคตรเศรษฐีของแท้ๆ ฝังอยู่

    ป้าอิ้ดบอกว่ามีคนไปยกกล่อง คนล่ะ สองกล่อง มั่ง ผมยุให้ขึ้นราคา ป้าท่านคงงงๆ..เหอๆ ท่านที่อย่าได้ของหลวงตาเล็ก ...แท้ๆ ทำในสำนัก ไม่ใช่นายทุนทำ เงินทุกบาท เอาไปสร้างกุศลในพระศาสนา ไม่มีเปอร์เซ็นต์ ให้พ่อค้า

    และจะบอกว่า มีพวก สิงคโปร์ มาเลฯ มาอ่านกระทู้นี้ พวกนี่ เงินท่านหนา

    ไม่รีบ หมดแน่นอนครับ...ซ.ต.พ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...