อย่าเลยพระพุทธเจ้า อย่าเลยครูอาจารย์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณฑ์, 28 มีนาคม 2013.

  1. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วเรื่องศิลของพระ ว่าผมไม่สนใจในเรื่องที่หาขอสรุปไม่ได้ และไม่สนใจใครจะรับอาบัติอย่างไรเหมืนคุณที่จะหาคนผิด ผมไม่ได้หาคนผิด ผมกล่าวตามเจตนาของพระองค์ กล่าวแล้วก็สุดแล้วแต่อินทรียร์ของแต่ล่ะคน ส่วนใครกล่าวตู่อย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ล่ะที่จะไดรับส่วนที่กระทำไว้ ขอแนะนำนะครับท่านอยากรู้เรื่องอาบัติท่านไปถามท่านอาจารย์คึกฤิทธิ์เองเลยครับกล้ามั้ยล่ะหาข้อเท็จจริง
     
  2. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมว่าท่านเข้าใจธรรมะไม่ตรงตามความเป็นจริง ยึดครูอาจารย์เป็นหลัก แล้วเวลาเขาไม่เอาคำครูอาจารย์ที่ท่าเคารพไปกล่าวกจะว่าเขาไม่เคารพครูอาจารย์ และมีอคติกับพระอาจารนย์ตึกฤิทธิ์มาก
    ผมเองก้นับถือพระอาจารย์ชาไม่น้อย ทำไม่ผมไม่คิดเหมือนคุณนะแปลกจัง

    และเมื่อคณะสงค์ไล่ท่านออกแล้วท่านจะทำอย่างไร อย่างมากท่านก็คงเก็บท่านไว้ในใจ และการทำงานพระพุทธศาสนก้ตองเดินตามพระดำรัสของพระศาสดา เพระาท่านเป้นพุทธบุตร ก็ต้องทำตามคำสังพ่อ
     
  3. Satoranai

    Satoranai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +263
    ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องพระ
    แต่เมื่อมีผู้ตั้งตนเป็นพหูสูตร ยกพระพุทธองค์เอาไว้ข้างกาย แล้วสร้างธรรมเนียมปฏิเสธพระสงฆ์อันเป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธและพระธรรม (หลักฐานคือ การห้ามอ่านหนังสือคำสอนของหลวงพ่อชา เป็นเบื้องต้น เพราะในวัดนาป่าพง ไม่มีหนังสือของครูจารย์ท่านอื่นเลย
    ผมเน้นหลวงพ่อชา เพราะท่านคือครูจารย์โดยตรงของหลวงพ่อคึกฤทธิ์)
    แถมยังพยายามสร้างอาณาจักร ดึงผู้คนเข้าไป เพื่อสร้างฐานกำลังพลคนดื้อต่อพระสงฆ์
    หนึ่งในนั้นก็มีผู้ที่ผมรู้จักมักจี ที่กลายมาเป็นมือขวาซ้ายของเจ้าสำนัก เสียเวลาปฏิบัติในแนวทางเพื่อหลุดพ้น จมปลักกับทิฏฐิมิจฉาวิถี ไม่คุ้มกับการออกบวช

    จึงเริ่มเล็งเห็นอันตราย ถึงจะมีผู้แสดงหลักฐานความผิดอย่างชัดเจนของการปาติโมกข์150ข้อมานานระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่กระแสดังกล่าวก็ไม่ได้ลดทอนลงไปเลย
    อาจจะเป็นเพราะ ข่าวลือว่า ตัวหลวงพ่อคึกฤทธิ์ ได้คุณวิเศษระดับสูง ด้วยการคล่องปากขึ้นใจในพยัญชนะของพระไตรปิฎก (ไม่รู้ว่าพระเพื่อนผม จะได้ระดับไหนแล้วสิ)

    ปล...
    แม้แต่พระไตรปิฏก วัดนาป่่าพง ยังต้องขวนขวายเปลี่ยนศัพท์เรียกเป็นพุทธวจน
    เพื่อสร้างความแตกต่าง differentiate จากกระแสหลัก ให้ได้สิ
     
  4. Satoranai

    Satoranai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +263
    ศิษย์สำนักนี้ยอกย้อนยิ่งนัก ตอบไม่ตรงคำถามแต่อย่างใด

    เอ้า ถามตรงๆ หลวงพ่อชาสอนไม่ตรงกับพระพุทธองค์ตรงไหน. ว่ามาครับ
     
  5. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มีใครเขาบอกเหรอครับว่าหลวงพ่อชาสอนไม่ตรง ถ้ามีก็ไปถามเขามาถามผมทำไม
     
  6. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    มาดู วิธีเรียนธรรม 8 อย่าง กันดีกว่า

    ก็จะเห็นว่า การเรียนธรรมะ มีอยู่ 8 วิธี อาศัยครูบ้าง ไม่ต้องอาศัยครูเลยบ้าง

    หรือแม้แต่เพียงแค่ระลึกสิ่งที่เคยทำ เคยพูด ไปเรื่อยๆ บ้าง ( ปลาไหลใส่สเก๊ต แบบ
    รักษาตนได้ยอดเยี่ยม นี่แหละ เน้นนะว่า ต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า "สติ" )

    ทีนี้ มีปัจจัยข้อที่ 5 ที่ดูเหมือนเป็นการ ฟังให้มากๆ แล้วแค่ แทงตลอดด้วยความเห็น
    ตรงนี้เป็นคำไทยไปหน่อย ต้อง ใช้ บาลี(พุทธวัจนะ) เข้ามาสอบสวน

    ตรงที่ ไฮไลทสีแดง คือ ส่วนที่ถูก แปลตัดทิ้งคำของพระพุทธองค์ ที่สำคัญออกไป

    คือ " ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา " ซึ่งถ้าให้แปลเอาแบบลูกกุ้งลูกทุย ก็ต้องแปลว่า
    " รู้จิตรอบ ตามรู้ด้วยใจเป็นกลาง " อันหมายถึง สัมมาสมาธิ

    แต่เราจะเห็นบทแปลไทย เล่นตัดส่วนที่เป็น สัมมาสมาธิออก เหลือเพียง "การแทง
    ตลอดด้วยความเห็น " พิจารณาบทแปลในบาลีสยามรัฐก็ต้อง ซูดปาก เสียวไส้

    แล้ว นั่งลง ( ดีก่า )
     
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    เราต้องเขาใจในพระประสงค์เกี่ยวกับการสืบต่อพระศาสนา และจะต้องเข้าใจความป็นจริงของโลกให้ได้ก่อน ว่ามีสิ่งถูกกับสิ่งผิดคู่กันอยู่คู่เสมอเราจะได้ไม่เอียงไปในทางถูกและทางผิดอย่างสุดโต่ง และจะทำให้เรามองไปที่ตัวบุคคลและก็จะทำให้ตัวเรานั้นไม่เที่ยงตรงต่อธรรมะ
    ในดีมีเสีย ในเสียมีดี
     
  8. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    เฮ้ย อย่าพึ่ง มั่วซั่ว ซีคร้าบ

    นี่ เอาวิธีเรียนมาให้ดู

    หาก จะดูวิธีสอน ก็ต้องเอา ปัจจัย ข้อที่ 1 กับ 2 มาพิจารณา

    เพราะ ข้อ 1 กับ 2 เป็นเรื่องว่า ด้วยครู คือ มีบุคคลแทรกเข้ามาเป็นผู้สอน

    ข้อแรก จะเห็นว่า คนเรียก กับ คนสอน ไม่ต้องทำ อะไรมาก แค่ อยู่ใกล้ๆ
    กัน ด้วยความยำเกรง ไม่ต้อง เสวนากันเลยนะ ไม่ต้องสอนอะไรกัน แค่
    อยู่ใกล้ๆ รับใช้ไปเรื่อยๆ เนี่ยะ เดี๋ยวได้ปัญญาเอง เพียงแต่ว่า คนที่เป็น
    ครูจะต้องเป็น "พระในธรรมวินัย" มีคำว่า ในธรรมวินัยเข้ามาเกียว แค่
    นี้พอแล้ว

    ส่วน ข้อสอง อันนี้ ก็หมายถึง ครู คอยแก้ให้ ติดอะไรนิด ติดอะไรหน่อย
    ครู ที่สอน ไม่ต้องเป็นพระในธรรมวินัย คือ ไม่เป็น อริยเจ้า ก็ได้ แต่ขอให้
    เป็นผู้รักในพรหมจรรย์ แก้ปัญหาให้ได้ แค่นี้พอ ถ้าแก้ได้จริง แก้ได้ง่าย ไม่ลำบาก เท่านี้พอ

    ตรงนี้เลยเปิดให้ ครู ใช้อุบายธรรมอะไรก็ได้ ข้อให้แก้ได้เถอะ ด่า "อีตอแหล"
    ก็ยังทืำให้ได้ ธรรมะ เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  9. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ส่วน พวกที่เป็น คันธุระ หากวิจัยจาก อุปการะธรรม 8 ก็จะเห็นว่า
    เข้าข้อ

    ซึ่ง บทแปล กับ บท พุทธวัจนะ ที่เป็น บาลี ก็ สำแดงให้ดูแล้วว่า
    มีการ ตัดทอน บัญญัติ ออก

    ส่วนที่ ตัดทอนออก เป็นเรื่อง นัยปฏิบัติ ที่เป็น อรรถะ ทาง สัมมาสมาธิ

    เท่านี้ ก็เพียงพอแล้ว ต่อ การเรียน สืบสาว จนไปเจอความจริง

    ขอให้ สืบสาวไปหาต้นตอเถอะ ไม่ใช่ เอาแต่ ภาษาไทย แปลโดยสยามรัฐ
    แล้ว อม คำไปใช้โดย ความประมาท

    ****

    ปล. เห็นมีการแปลผิด อย่ามี จิตอกตัญญู เจียวหน่า บรรพบุรษของชนชาวไทยนะเว้ยเฮ้ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  10. Satoranai

    Satoranai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +263
    ถ้าหลวงพ่อชาสอนตรงกับพุทธองค์ คือธรรมอันนำพาไปสู่การลดละกิเลสแล้ว
    ทำไมถึงห้ามมีหนังสือคำสอนหลวงพ่อชาในวัดนาป่าพง
     
  11. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    พรรณาไว้มากครับ
    [๑๙๙] ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ได้ฟังว่า ภิกษุชื่อนี้ทำกาละแล้ว
    พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดำรงอยู่ในอรหัตตผล. ก็ท่านนั้นเป็นผู้อันภิกษุนั้นได้เห็นเอง
    หรือได้ยินมาว่า ท่านนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้น
    เป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้ว
    อย่างนี้บ้าง. ภิกษุนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของภิกษุนั้น จะน้อมจิต
    เข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุ
    แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ได้ฟังว่า ภิกษุชื่อ
    นี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น จักปรินิพพานในภพนั้น
    มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้าสิ้นไป ก็ท่านนั้นเป็นผู้อัน
    ภิกษุนั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า ท่านนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง
    ว่าท่านนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. ภิกษุนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และ
    ปัญญา ของภิกษุนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย
    ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุ แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุ
    ในธรรมวินัยนี้ได้ฟังว่า ภิกษุชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระ
    สกทาคามี จักมายังโลกนี้คราวเดียวเท่านั้น แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป
    และเพราะราคะ โทสะ และโมหะ เบาบาง ก็ท่านนั้นเป็นผู้อันภิกษุนั้นได้เห็นเองหรือได้ยิน
    มาว่า ท่านนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้
    มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้ว
    อย่างนี้บ้าง. ภิกษุนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของภิกษุนั้น จะน้อมจิต
    เข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุ
    แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้ฟังว่า ภิกษุชื่อนี้ทำกาละ
    แล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง
    มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป ถ้าท่านนั้นเป็นผู้อันภิกษุนั้นได้เห็นเอง
    หรือได้ยินมาว่า ท่านนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้น
    เป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษ
    อย่างนี้บ้าง. ภิกษุนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของภิกษุนั้น จะน้อมจิต
    เข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุ แม้
    ด้วยประการฉะนี้แล.
    ความอยู่ผาสุกของภิกษุณี
    [๒๐๐] ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุณีในธรรมวินัยนี้ได้ฟังว่า ภิกษุณีชื่อนี้ทำกาละแล้ว
    พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดำรงอยู่ในอรหัตตผล ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันภิกษุณีนั้นได้
    เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้
    บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. ภิกษุณีนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ
    จาคะ และปัญญาของภิกษุณีนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะ
    ทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุณี แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย
    ภิกษุณีในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า ภิกษุณีชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า
    เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอรัม
    ภาคิยสังโยชน์ห้าสิ้นไป ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันภิกษุณีนั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิง
    นั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มี
    ปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษ
    แล้วอย่างนี้บ้าง. ภิกษุณีนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของภิกษุณีนั้น
    จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมี
    ได้แก่ภิกษุ แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุณีในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า
    ภิกษุณีชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมายัง
    โลกนี้เพียงคราวเดียว แล้วทำที่สุดทุกข์ได้เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป เพราะราคะ โทสะ โมหะ
    เบาบาง ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันภิกษุณีนั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีศีล
    อย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง
    ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง.
    ภิกษุณีนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของภิกษุณีนั้น จะน้อมจิตเข้าไป
    เพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุณี แม้ด้วย
    ประการฉะนี้. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ภิกษุณีในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า ภิกษุณีชื่อนี้ทำกาละแล้ว
    พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง
    มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันภิกษุณีนั้นได้
    เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้
    บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้างว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้างว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. ภิกษุณีนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ
    และปัญญาของภิกษุณีนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย
    ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่ภิกษุณี แม้ด้วยประการฉะนี้แล.
    ความอยู่ผาสุกของอุบาสก
    [๒๐๑] ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย อุบาสกในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า อุบาสกชื่อนี้ทำกาละ
    แล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับ
    จากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้าสิ้นไป ก็ท่านนั้นเป็นผู้อันอุบาสกนั้นได้
    เห็นเองหรือได้ยินมา ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง
    ว่าท่านเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้
    พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. อุบาสกนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของ
    อุบาสกนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญ
    ย่อมมีได้แก่อุบาสก แม้ด้วยประการฉะนี้. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย อุบาสกในธรรมวินัยนี้ได้ฟัง
    มาว่า อุบาสกชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมา
    ยังโลกนี้เพียงคราวเดียว แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป เพราะราคะ โทสะ
    และโมหะ เบาบาง ก็ท่านนั้นเป็นผู้อันอุบาสกนั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมา ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีศีล
    อย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็น
    ผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. อุบาสกนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา
    ศีล สุตะ จาคะและปัญญาของอุบาสกนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกร
    อนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสก แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะ
    ทั้งหลาย อุบาสกในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า อุบาสกชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์
    ว่า เป็นพระโสดาบันมีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า เพราะ
    สังโยชน์สามสิ้นไป ก็ท่านนั้นเป็นผู้อันอุบาสกนั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า ท่านนั้นเป็นผู้มีศีล
    อย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้น
    เป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าท่านนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. อุบาสกนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของอุบาสกนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น
    บ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสก แม้ด้วยประการฉะนี้แล.
    ความอยู่ผาสุกของอุบาสิกา
    [๒๐๒] ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า อุบาสิกาชื่อนี้ทำ
    กาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่
    กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้าสิ้นไป ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อัน
    อุบาสิกานั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็น
    ผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรม
    อย่างนี้แล้ว ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. อุบาสกนั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล
    สุตะ จาคะ และปัญญาของอุบาสิกานั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกร
    อนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสิกา แม้ด้วยประการฉะนี้แล ดูกรอนุรุทธะ
    ทั้งหลาย อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า อุบาสกชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรง
    พยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมายังโลกนี้เพียงคราวเดียว แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะ
    สังโยชน์สามสิ้นไป เพราะราคะ โทสะ และโมหะ เบาบาง ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันอุบาสิกา
    นั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรม
    อย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้
    บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. อุบาสิกานั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ
    จาคะ และปัญญาของอุบาสิกานั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะ
    ทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสิกา แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย
    อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า อุบาสิกาชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า
    เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า เพราะ
    สังโยชน์สามสิ้นไป ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันอุบาสิกานั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิง
    นั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญา
    อย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง. อุบาสิกานั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของอุบาสิกานั้น
    จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่
    อุบาสิกา แม้ด้วยประการฉะนี้แล. ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย ตถาคตย่อมพยากรณ์สาวกทั้งหลาย
    ผู้ทำกาละไปแล้ว ในภพที่เกิดทั้งหลายว่า สาวกชื่อโน้นเกิดแล้วในภพโน้น สาวกชื่อโน้นเกิด
    แล้วในภพโน้น ดังนี้ เพื่อให้คนพิศวงก็หามิได้ เพื่อเกลี้ยกล่อมคนก็หามิได้ เพื่ออานิสงส์คือ
    ลาภสักการะและความสรรเสริญก็หามิได้ ด้วยความประสงค์ว่า คนจงรู้จักเราด้วยเหตุนี้ก็หามิได้.
    ดูกรอนุรุทธะทั้งหลาย กุลบุตรทั้งหลายผู้มีศรัทธา มีความยินดีมาก มีปราโมทย์มาก มีอยู่
    กุลบุตรเหล่านั้นได้ฟังคำพยากรณ์นั้นแล้ว จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง ข้อนั้น
    ย่อมมีเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่กุลบุตรเหล่านั้นสิ้นกาลนาน.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอนุรุทธะยินดี ชื่นชม พระภาษิต
    ของพระผู้มีพระภาคแล้วแล.
    __________________
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    คุณนี่เขาใจยากจริงเนาะ เขาตั้งธงพุทธวจนล้วนๆล้วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  13. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ส่วนคนที่ สงสัย " พระ "

    สงสัยว่า พระ เวลาพูดเนี่ยะ จะตรงกับ พระโอษฐ์ ไหม

    อันนี้ คนที่ วิจัยเนี่ยะ ก็ต้อง มีต้นทุน นิดหน่อย

    ต้นทุนนั้น คือ ความเป็น อริยเจ้า หรือ อเสขะบุคคลบางประเภทที่ไม่เข้าถึงความเป็นสาวก

    ถ้า พอมี เวลา จะพูดอะไร ที่เป็นธรรม คนที่กล่าว
    นั้นจะรู้ว่า พูดออกมาจากการระลึกถึง นิพพาน เป็น
    อารมณ์

    จะต้องมี นิพพาน เป็น วิหารธรรม

    พระอริยเจ้า ย่อมมี นิพพาน เป็น วิหาร ได้ไม่ยกาเย็น เปรียบดั่งแค่
    กระดิกนิ้ว ( สำนวนจริงคือ คู้แขนเข้า เหยียดแขนออก ฯ )

    ดังนั้น

    คำพูดใดก็ตาม ที่พรั่งพรูออกมาจาก นิพพาน ออกมาจากธรรมวิหาร

    แค่นี้ ก็เพียงพอที่จะคำนึงได้ว่า ตรงกับ พุทธโอษฐทุกคำ ได้หรือไม่ !!!

    ****************

    สรุปให้อีกที คือ

    อย่า งง สิเว้ยเฮ้ย

    ตรงพุทธโอษฐ์นี่ อธิบายไปแล้ว

    สาวก ท่านแค่ ไม่ฉลาดในมรรค อาจจะแสดง อุบายธรรม ไม่ตรงจริต เท่านั้น

    แต่ แสดงไม่ตรงจริตเนียะ หากคนเรียนมันมีปฏิภาณของมัน มัน ปิ๊ง ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมเข้าใจท่านดีนะครับว่าท่านคิดอย่างไร คนเราสะสมมาไม่เหมือนกันจริงๆครับ ผมพอได้อ่านเกี่ยวกับกลองอานกะว่าเสื่อมไปอย่างไร ผมรู้เลยว่าผมต้องทำตนอย่างไร กับการนำเสนอพระศาสนา และผมก็ยังเคารพในครูอาจารย์เหมือนเดิม และจิตใจที่ตรงนั้นจะมองโลกๆได้อย่างท่องแท้เรียนตรงๆนะครับ
     
  15. tokyoo2

    tokyoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2012
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +419
    พื้นฐานในการเทียบเคียงสูตรเบื้องต้น
    เวลาเราจะเทียบเคียงสูตร ก็ต้องเทียบเคียงดูกับของที่เค้าแปลไว้ในปัจจับัน

    สยามรัฐ แปลอย่างไร มหามงกฏ แปลอย่างไร จุฬาแปลอย่างไร

    เมื่อเราเทียบเคียงดูเเล้ว หลักธรรมออกมาลักษณะไหน เอาเสียงข้างเยอะไว้
    เพราะผู้ที่เค้าแปลเรื่องอย่างนี้ ต้องศึกษามาดีอยู่บ้าง มีความรู้พอ
    เราก็ตรวจๆถ้าออกมาในลักษณะอย่างเดียวกัน เเละมีใน หลายๆสูตร
    ก็ให้สันนิฐานไวว่าน่าจะแปลถูก คงจะไม่ถูกตัดทอนหรือแปลเพิ่ม เเต่ถึงมีคงจะนิดหน่อย คง ไม่ถึงต้องลำพึงว่า สัตว์โลกเกิดความเดือดร้อนเเล้วหนอ
    ฉนั้น ข้อระวัง สำหรับผู้ที่ยังอาศัยอยู่กับโลกีร
    เข้าไปหาผู้ที่เก่งบาลีจริงๆ เค้าจะตรวจทานให้อีกที เมื่อตรวจทานเเล้ว เค้าก็จะแปลให้ครบสมบูรณ์ทั้งอรรถ เเละพยัญชนะ. ทั้งบท เเล้วสรุปใจความเป็นเรื่อง เป็นข้อความ หัวข้อ ไม่ใช่การเลือกเอาบางจุดที่น่าสงสัยไปตีความเอาเอง ซึ่งเป็นเหตุ ทำให้คลาดเคลือนเข้าใปอีก เเล้วท่าเอาความเชื่อขอตนรวมอยู่ แปลด้วยความเชื้อ อย่างไม่สนสำนักอื่นๆว่าเค้าแปลอย่างไหน มันก็จะไม่ทำให้ได้คำตอบที่เเท้ เเต่จะไดคำตอบของฉัน
     
  16. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    คำถามนี้ อาจจะพอ เดา ที่มาที่ไปได้

    กล่าวคือ หาก ยังคงเอา หนังสือหลวงพ่อชา ไว้ในวัด

    ก็จะเป็นการ ไม่เคารพมติสงฆ์

    สงฆ์ท่านมีมติมาให้ตัด ผู้ที่ยังว่านอนสอนได้ ท่านก็ย่อมทำตามมติ

    ทำแล้ว ก็สบายใจ ไม่มีพวกปากหอยปากปู ไปกล่าวหาว่า อ้างครูบาอาจารย์

    ดีเสียอีก วัดท่าน ก็เลยสามารถพูดได้เต็มปากยิ่งขึ้นว่า อ้างแต่สัท
    ธรรม ปราศจากมายาคติใดๆ

    แต่ถ้า ไม่มี มติสงฆ์ ก็เชื่อว่า หนังสือคำสอนหลวงพ่อชา ก็คงมีตามปรกติ

    *********

    แต่ ก็ นะ หากเป็น พระ ที่ เว็บขัดขวางการหลุดพ้น anti-wimutt หมาย
    เป็นเป้า ทำอะไรก็ผิดหมดแหละ
     
  17. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    ๕. เป็นพหูสูต ทรงสุตะสั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้ฟังมาก ซึ่งธรรมทั้งหลาย
    ที่มีความงามในเบื้องต้น มีความงามในท่ามกลาง มีความงาม
    ในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ บริสุทธิ์
    บริบูรณ์ครบถ้วน แล้วทรงจำไว้ได้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอด
    ดีด้วยทิฏฐิ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการที่ ๕ เป็นไปเพื่อได้อาทิ-
    พรหมจริยกปัญญาที่ยังไม่ได้ เพื่อภิญโญภาพ ไพบูลย์ เจริญ
    เต็มที่แห่งปัญญาที่ได้แล้ว

    **********************

    ข้างบนนั้น เป็นของ มหาจุฬา ส่วน มหามงกุฏ เหมือน อันนู้น

    ดังนั้น เอาของ มหาจุฬา มา พิจารณา ก็ไปกันใหญ่

    ใช้คำว่า "พิจารณาด้วยใจ" แทน "ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา "
    ยังพอรับไหวกว่าอีก ยังมีการ พิจารณาอยู่บ้าง

    เพราะของมหาจุฬา แปลไปใช้คำว่า " ขึ้นใจ "

    ทีนี้ บาลี นี่มีอะไรบ้าง

    ปริ แปลว่า รอบ, โดยรอบ, ทั่วไป, กำหนด , บ่อยๆ
    จิต แปลว่า จิต
    มนสฺ แปลว่า ใจ
    อุเปกขิตา แปลว่า เพ่ง, เป็นกลาง, ไม่เอนเอียง

    ทีนี้ก็ พิจารณาเอาละกันว่า คุณ จะ ตัดทอน สัทธรรมออก หรือเปล่า

    หรือ จะใช้ตามใครไป สักฉบับหนึ่ง ก็ว่าไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  18. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ถามผมเหรอผมนี่แหล่ะตัวไม่ยึดติดตัวบุคคลเลยล่ะผมเลือกที่จะฟังแต่สิ่งมีประโยชน์เท่านั้น ส่วนเรื่องศิลที่ถามผมเหรอ ยังไงก็ได้ 150หรือ 227ผมบอกตรงๆนะมันไม่มีใครรู้จริงหรอกครับว่าที่จริงเท่าไหร่ ส่วนท่านใดจะอย่างไรก็ว่ากันไป แต่พยามอย่าฟันธงคนนั้นต้องผิดอย่างนั้น อาบัติอย่างนั้นเลยครับ ผมว่าท่านก็เข้าใจอะไรได้ดีความเป็นกลางจะเขาใจได้ตรง เรื่องอะไรจะทำใจเป็นอคติขาดทุนเปล่าๆ
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!! เหนื่อยจริงๆหว่ะ

    คนอะไรลื่นเหลือล้น (หน้า)ทนเหลือหลาย ห้าห่วงทนหายห่วงจริงๆ55+

    มีพระเณรรูปไหนบ้าง ที่ไม่ได้ศึกษาพรหมจรรย์ ศึกษาอริยสัจ๔

    อย่ากระล่อนนักเลย การศึกษา กับ การประพฤติปฏิบัติมันคนละเรื่องกัน

    ถ้าเพียงศึกษา ท่องจำ นำมาคิด แค่นี้ก็บบรลุในสิ่งที่ศึกษา ท่องจำ นำมาคิดได้

    สงสัยโลกนี้หาโจรผู้ร้ายไม่ได้แล้ว

    เพราะเด็กไทยทุกคนรู้จักเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดีกันทั้งนั้น ร้องได้ จำได้ เข้าใจเนื้อหา(แทงตลอด)

    แต่ทำไมมันยังตีกัน ยิงกัน ฆ่ากันเป็นว่าเล่นเลยละ55+

    ตกลงจะเอายังไงกันแน่ เดี๋ยวๆ คุณวิเศษ เดี๋ยวๆ บรรลุธรรม คงกลัวไม่เท่

    จับมันรวมกันเสียเลย คราวนี้ไม่มีผิดแน่ๆ ธรรมภูตเอ้ย55+บรรลุคุณธรรมวิเศษ

    คนแบบนี้จะเรียกว่าอะไรดีหวะ เฮ้อ!!!

    ดันไปพาดพิงหมอดูเข้าอีก ระวังมันตอกกลับเอาได้นะว่า "หนักหัวกระบานใคร"

    ที่ถามไปไม่คิดตอบเลยหรือ? คิดแต่จะเล่นเป็นเด็กขายขนม

    แบบนี้มีหัวไว้กั้นหู มีปากไว้พูดแต่ในสิ่งที่ตนเองอยากพูดเท่านั้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน ไปล่ะ
     
  20. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    มาดูการใช้คำว่า "บรรลุคุณวิเศษ" กัน


     

แชร์หน้านี้

Loading...