ฝึกลมปราณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 31 มีนาคม 2013.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : เรื่องการฝึกลมปราณ
    ตอบ : เวลาเราหายใจจะมีพลังขุมหนึ่งวิ่งจากจุดศูนย์ที่สะดือขึ้นมาที่คอหอย แต่เราอย่าให้พลังนั้นขึ้นมา ใช้วิธีกดกำลังนั้นลง พอลงต่ำกว่าจุดศูนย์แล้ว เราต้องทำอาการเหมือนกับการกลั้นปัสสาวะ กำลังขุมนั้นจะวิ่งผ่านสะพานดินไปที่กระดูกสันหลัง วิ่งแนบแนวกระดูกสันหลังเป็น ๒ สาย ถึงท้ายทอย ไปที่ศีรษะ แล้วลงมาทางด้านหน้า ผ่านตา ๒ ข้าง ลงมา แล้วก็รวมกันไปที่คอหอยกลับลงไปที่จุดศูนย์อีกครั้งหนึ่ง พอช่วงหายใจใหม่เราก็ดันลงไปอีก ทำอาการเหมือนเดิม ให้หมุนรอบไปเรื่อย ๆ

    ถาม : ต้องสัมพันธ์กับลมหายใจไหมคะ ?
    ตอบ : ไม่ใช่..คนละจังหวะกัน บางคนถ้าหากว่าทำได้นี่เพียงชั่วลมหายใจเดียว ก็สามารถหมุนวนได้ ๒๐ - ๓๐ รอบ อย่าไปเร่ง เราค่อย ๆ ทำไป ชั่วลมหายใจทำได้ครึ่งรอบอะไรเราก็เอาแค่นั้น แต่ให้ซ้อมไว้บ่อย ๆ

    จากสะดือพอลงต่ำกว่าจุดศูนย์แล้วทำอาการเหมือนเรากลั้นปัสสาวะ จะทำให้กำลังวิ่งผ่านไปที่กระดูกก้นกบด้านหลัง แล้วจะผ่านสันหลังขึ้นมาวิ่งเป็นเส้นคู่ขึ้นมา พอผ่านโหนกแก้มลงมาก็จะเริ่มรวมเป็นสายเดียว กลับลงทางด้านหน้าสู่จุดศูนย์เหมือนเดิม พอเลิกทำ ให้หายใจลึก ๆ ดึงพลังกลับไปรวมที่จุดศูนย์ทุกครั้ง

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)
    ตอบ : อยู่ที่เราว่าเราปรับเข้าตัวเราได้หรือเปล่า ถ้าปรับเข้ากับตัวเราได้แล้ว เราหมั่นทบทวนฝึกก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปเอง

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

    ttp://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3194&page=6
     
  2. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  3. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    กำลังจะถามอยู่เหมือนเซ่น...........ไหว้
    เอามาใช้ประโยชน์อะไรในการปฎิบัติธรรมได้บ้างขอรับ
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองอ่านประวัติ คำเทศน์ดูนะครับ

    จะได้รู้
     
  5. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เยียมยอด มาก ขอ อนูโมทนา ด้วย จ๊ะ

    อาจ เป็น วิธีแก้ สำหรับคนที่ เกิดแรงตึง ที่หว่างคิ้วหรือ หน้าผาก ที่ไม่ได้ มาจาก การได้ อภิญญา ได้ นะ
     
  6. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    เป็นการโคจรวงจรจุลจักรวาลครับ มีอีกวิธีนึงคือแทนที่จะแยกสองสายไหลผ่านโหนกแก้ม ก็ม้วนลิ้นเข้าแตะเพดานปาก แล้วเดินปราณผ่านลิ้น จุดนี้น้ำลายจะออกมามาก แล้วน้ำลายจะหอมๆ ชี่กงสายเต๋าเขาว่าเป็นยาอายุวัฒนะครับ
     
  7. ชัยวัฒนา

    ชัยวัฒนา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +24
    ตอนเรียนกับเล่าซือเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ท่านสอนไว้ใกล้เคียงกันกับที่พระอาจารย์เล็กกล่าวไว้ครับ เล่าซือท่านเรียก เซียวจิวที (ถ้าจำไม่ผิด) จุดกำเนิดลมปราณท่านกล่าวจุดใต้สะดือประมาณสองนิ้วมือเรียกว่า ตันเถียน

    การเดินวงโครจรแบบนี้จะสวนกระแสตามธรรมชาติปกติของคนที่ไม่ได้ฝึก เมื่อฝึกทวนกระแสจะเกิดพลังและการทำให้ชลอความแก่ ตำแหน่งต่างๆ ที่พระอาจารย์เล็กกล่าวไว้ตรงกันครับ

    ในเบื้องต้นเล่่่าซือสอนการหายใจแบบปฏิภาค คือ หายใจเข้าท้องแฟบ หายใจออกท้องพอง จะตรงกันข้ามกับการหายใจแบบที่ฝึกสมาธิหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบ

    การกำหนดจิตตอนหายใจออกจะดึงปราณหรือกำหนดความรู้สึกจากจมูกลงลูกกระเดือกลงมาที่กลางหน้าอกจนกระทั่งมาสู่จุดใต้สะดือ ซึ่งจะเป็นการเก็บลมปราณเอาไว้และเป็นจังหวะหายใจออกท้องพองออก ลมปราณที่ได้ก็เก็บสะสมตรงนี้ประคองจิตตรงนี้

    เมื่อลมปราณสะสมไว้ดีแล้วก็ฝึกแบบเซียวจิวที หรือที่พระอาจารย์เล็กกล่าวไว้จะเป็นการเอื้อต่อกันและกัน

    อย่างไรก็ตามบางแห่งก็กล่าวถึงจุดตันเถียนบนคือ ระหว่างคิ้ว จุดกลางคือกลางหน้าอกและจุดล่างคือจุดใต้สะดือนี้ จากประสบการณ์ของตนเองวงโครงจรที่กล่าวมาข้างต้นเคยเป็นไปเองคือเดินเองในขณะนอนหลับสนิท. ซึ่งลมปราณโครจรเป็นวงกลมหมุนเร็วหลายรอบ เหนือตัวที่กำลังนอนอยู่

    ส่วนตันเถียนบนนั้นซึ่งเป็นจุดที่ตรงกันกับจักระที่6 จุดนี้เป็นตำแหน่งที่เมื่อทำงานแล้วก็หมุนเป็นวงล้อเช่นกัน. จากประสบการณ์จุดนี้รู้สึกได้เมื่อจิตเริ่มเกิดสมาธิ หรือแม้ในยามที่เราใช้ชีวิตประจำวันจุดนี้ก็เกิดไอเย็นๆ เป็นดวงระหว่างคิ้วได้เช่นกัน หรืออาการตึงๆ ก็เป็นได้เช่น ในขณะที่เจริญสติอยู่ ภาวะที่กำหนดสติตามรู้ความคิด ความรู้สึกอยู่ จิตเห็นภาวะเกิดดับภายอยู่ในภายในอยู่อย่างต่อเนื่อง จุดตันเถียนบนนี้ก็หมุนวนเป็นวงล้อเช่นกัน ลมปราณที่จุดนี้ก็ทำงานของมันไปด้วยพร้อมๆ กับการอยู่ในสภาวะที่กล่าวมา

    การฝึกแบบนี้มีประโยชน์และเอื้อต่อการปฏิบัติธรรมครับ กล่่าวคือ ผลของการฝึกลมปราณจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย การปรับสมดุลย์ของร่างกาย ลมปราณที่แข็งแกร่งจะเป็นผลดีต่อการทรงสมาธิเมื่อปราณก่อตัวขึ้นในตำแหน่งตันเถียนจะตำแหน่งไหนก็ตาม เราวางจิตหรือกำหนดสติในตรงนั้นได้อย่างชัดเจนอยู่กับกายของเรา ไม่เลื่อนลอยและทรงตัวได้นานครับ

    เล่าสู่กันฟังครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ผ่านมาครับ
     
  8. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เป็นวิทยาทาน อย่างยิ่งครับ ท่าน Namushakamunibutsu และ ท่าน ชัยวัฒนา

    ตอนเด็กๆ เคยฝึกลมปราณไทจีฉวน การหายใจแบบที่คุณ ชัยวํฒนาบอกมา เรียกว่า การหายใจแบบทารก (ตำราว่า เด็กทารก แรกเกิด จะ หายใจแบบนั่น เป็นการหายใจแบบบริสุทธิ และ ธรรมชาติที่แท้จริง)

    พอฝึก ได้สักพัก มีลมวิ่งในตัวเหมือนลมพายุ แรงมากๆ จากนั้น จึงหยุดฝึก เพราะตำราบอกว่า การเดินลมปราณจะต้องมีผู้สอนวิธีการเดินลมอย่างใกล้ชิด สมัยนั้นหาผู้สอน ไม่ได้ เลยหยุดไป

    เพิ่งมาเจอ จุดการเดิน 7 จุด ลองเดินตามนิดหน่อย ปรากฏว่า สัมผัสได้ทั้ง 7 จุด เลย โดยเฉพาะ หว่างคิ้ว และ กลางกระหม่อม เดวจะลองโคจร ลมปราณ ตามที่ บอกมา สักระยะนึง

    มีอะไรเพิ่มเติม แนะนำ กันด้วย น้าจ้า
     
  9. ชัยวัฒนา

    ชัยวัฒนา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +24
    ได้ผลอย่่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างครับ :)
     
  10. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ถ้าจะให้ดีนะครับ คุณควรทำความรู้สึกจักรพินทุที่อยู่ตรงท้ายทอยด้วยนะครับ เวลาเดินพลังไปตามไขสันหลัง เข้าท้ายทอยผ่านกลางสมองไปที่หว่างคิ้ว แล้วจึงพุ่งทะลุกลางกระหม่อม ไปยังจักรที่ลอยอยู่เหนือกระหม่อม เมื่อจิตและพลังทะลุออกกระหม่อมไปสู่จักรเหนือกระหม่อมแล้ว คุณจะรู้สึกถึงความว่างล้ำลึกอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ... ขอสันติจงมีแด่ทุกท่านครับ
     
  11. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ฝึกอะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีผิดพลาด หรืออะไรที่น่าหวาดหวั่นบ้างล่ะครับ ^^
    ผมเคยเดินลมปราณแล้วคุมไม่อยู่ จนมันซ่านร้อนไปทั้งหลังเลยครับ ทรมานสะใจมากครับ
    แต่ไม่ต้องกลัวไปครับ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยอานาปานสติ ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอครับ

    ขอเสริมนะครับ วิชาที่คุณชัยวัฒนากล่าวถึง คือวิชาเสี่ยวโจวเทียน หรือวงจรจักรวาลน้อยนะครับ และแน่นอนว่าเมื่อมันมีวงจรน้อยแล้วก็จะมีวงจรใหญ่ ต้าโจวเทียนคือขั้นพัฒนาของเสี่ยวโจวเทียน ซึ่งต้องผ่านเสี่ยวโจวเทียนก่อน ส่วนรายละเอียดก็ไม่แน่ชัดครับ เพราะผมยังไม่ถึงครับ ๕๕๕๕ ที่รู้ๆมานะครับ คือจากที่โคจรพลังตามเส้นชีพจรสองเส้น คือหน้ากับหลัง ก็จะกลายเป็นโคจรทั่วตัว ทะลวงเส้นชีพจรพิเศษอีกหกเส้นด้วยครับ คงจะวิ่งกันวุ่นเลยทีเดียว แหะๆ
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ฝึกทำไมลมปราณ
     
  13. ชัยวัฒนา

    ชัยวัฒนา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +24
    ขอบคุณครับที่ช่วยเสริม กำลังนึกถึงสิบกว่าปีที่ผ่านมาในสมัยเรียนกับเหล่าซือ ตอนนี้ตำราท่านก็เริ่มมีวางขายบ้างแล้ว มีเวปไซท์และเปิดสอนอยู่ด้วย ลองค้นจาก google ใช้คำว่า
    "ชี่กง" จะพบ

    วงจรใหญ่ที่ท่านกล่าวมา ถ้าผมไม่จำสับสนหรือผิดถูกอย่างไรชี้แนะด้วยครับ เหล่าซือสอนให้ฝึกในท่ายืนขยับนิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งจะเป็นการเดินลมปราณตามเส้นลมปราณสำคัญๆ ของร่างกายโดยเกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในสำคัญๆ เช่น หัวใจ ปอด ม้าม ไต. เป็นต้น (ยังมีอีกแต่ลืมแล้ว ท่านใดทราบสงเคราะห์ด้วยครับ). ใช้เวลาฝึกประมาณ เกือบ 30 นาที ผมชอบฝึกท่านี้มาก ได้ประโยชน์มากแก่ร่างกายและยังช่วยขับพิษจากร่างกายด้วย

    เวลาที่ขยับนิ้วนิ้วนั้นจะกดนิ้วลงทีละนิ้วพร้อมกันทั้งสองข้าง ลมปราณจะเดินไปตามเส้นทางของมันเอง เรากำหนดจิตตามไปด้วย ก็เท่ากับเราฝึกสติในกายของเรา ทั้งนี้ระยะเวลากดนิ้วลงท่านกำหนดให้ด้วยไม่ให้เกินนั้น ผมห่างเหินจากการฝึกท่านี้มานาน คิดว่าคงถึงเวลาได้รื้อฟื้นใหม่

    ถามว่าฝึกลมปราณไปทำไม

    ผมคิดเห็นอย่างนี้ครับว่า อานาปานสติทั้ง 16 ขั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น คือ วิชาเอก
    ส่วนวิชาชี่กงหรือการฝึกชี่กงสำหรับผมนั้นคือ วิชาโท

    วิชาเอกและวิชาโทนั้น ผมเห็นว่าต่างก็เสริมกันและกัน เช่น ชี่กงเป็นผลดีต่อสุขภาพกายและจิตในระดับนึง เมื่อร่างกายแข็งแรงดีก็ปฏิบัติธรรมได้ยาวนานทนทาน สมาธิทรงตัวได้นานและได้พลังภายใน กายทิพย์แข็งแกร่ง (จากประสบการณ์เมื่อฝึกชี่กงใหม่ๆ ลมปราณเดินวงจรเล็ก ขณะนอนหลับสนิท ปราณเดินเป็นวงกลมกลางอากาศ. กายทิพย์ออกจากร่่างตามลมปราณไปควงกลางอากาศด้วย นั่นเป็นช่วงที่ฝึกฝนทุกวันสม่ำเสมอต่อเนื่องจนเกิดผลดังกล่าวมา) บางท่านอาจจะคิดว่า นั่นไม่ใช่ทางหลุดพ้น แต่ลองพิจารก่อนว่า อย่างน้อยผมก็เชื่อในโลกของอีกมิตินึง เชื่อว่าในโลกของจิตวิญญาณ เราตายไปไม่สูญแน่ ครับตรงนี้ผมหมดสงสัยในการเวียนว่ายตายเกิด เทวดา นางฟ้ามีจริง ก็เท่ากับว่าบุญกุศลที่ทำไปนั้นให้ผลจริงดังพระศาสดากล่าวมา คงไม่ต้องกล่าวถึงชั้นพหรม อรูปพรหม และที่ต่ำกว่านั้นลงไปจนถึงนรกอเวจี เท่ากับว่าทำความเห็นให้ตรงให้แจ้งแก่ใจเอง. ตอนนั้นผมไม่ได้ฝึกถอดจิตหรือมโนมยิทธิ แต่เป็นไปเองอันเนื่องมาจากการฝึกชี่กงจนปราณแข็งแรงพอที่จะส่งผลให้ถอดจิตออกไปได้

    แต่หลังจากที่ห่างเหินไปนาน สุขภาพร่างกายต่างไปจากเดิมมาก เรื่องถอดจิตคงไม่ต้องกล่าวถึงออกได้ก็บุญแล้ว สิ่งที่กล่าวมาเป็นส่วนของความสัมพันธ์กันระหว่างวิชาเอกและวิชาโท

    แม้ในขณะกำหนดสติตามลมหายใจเข้าจากปลายจมูกผ่านหน้าอกและสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้องขึ้นมาที่กลางอกและสุดที่ปลายจมูก ทำไปๆ ลมปราณก็ก่อตัวที่บริเวณท้อง. บางครั้งระหว่างคิ้ว บางครั้งปราณทะลวงจากบริเวณฝีเย็บพุ่งขึ้นสู่กลางหัวทะลุขึ้นเลยไป อันนี้ก็เป็นผลพลอยได้จากการทำอานาปนสติโดยที่เราไม่ได้คิดว่าลมปราณมันจะเป็นไป มันเหมือนฝึกกำหนดไปได้ทั้งลมหายใจและลมปราณ ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านที่ฝึกอานาปานสติอยู่ก็สามารถฝึกลมปราณไปด้วยได้ การฝึกลมปราณเราเข้าไปปรุงแต่งมันเมื่อเหตุปัจจัยเกิดขึ้นผลตามมาก็เป็นเรื่องของสังขารปรุงแต่งตามเหตุตามปัจจัย บางทีเคยได้ผลแบบนี้น่าชื่นชมมาก (กิเลสตัณหาเต็มๆ) หลงและเพลิดเพลินบันเทิงใจมาก อยากให้เป็นดังเดิมแต่ฝึกเท่าใดก็ไม่ได้ตามเดิมหรือไม่น่าประทับใจตามเดิม ครับก็เป็นอันว่าเป็นทุกข์เต็มๆเลย เห็นอนิจจังเลย ไม่เป็นดังเราต้องการเลย

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครับ ทางสายตรงที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั่นแหละครับตรงแล้วและให้ผลจนหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2013
  14. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ทำสมาธิยังไงก็ต้องสัมผัสพลังปราณครับ ที่เราเรียกว่าอาการปีติ ซาบซ่าน ขนลุกขนพอง ฯลฯ ก็เป็นอาการของปราณ แต่ต่างกันที่คำ โดยไปเรียกว่าปีติ ทีนี้จะนำมาเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติได้ไหม ก็คือได้แน่นอน ตามที่คุณชัยวัฒนากล่าวไว้ข้างต้น และขอเสริมอีกครับ ไอ้เรื่องของปราณเนี่ย จะกำหนดรู้ด้วยสติตามเป็นจริงก็ได้ครับ ถ้ากำหนดเป็นเวทนานุปัสสนา มันก็คือปีติ ถ้าเป็นกายานุปัสสนา มันก็คือธาตุมนสิการ ฝึกปราณแล้วจะแยกธาตุได้ครับ รับรู้ข้างในร่างกายได้ ก็เป็นกายานุปัสสนาอย่างละเอียด มันสำคัญที่อย่าตั้งกำแพงอคติครับ อะไรๆก็ดึงเข้าสติปัฏฐานได้หมดล่ะครับ เว้นแต่จะตั้งแง่เท่านั้นล่ะครับ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ยังไงผมรบกวนขอคำแนะนำด้วยนะครับ.จากคุณ Namushakamunibutsu หรือ คุณ ชัยวัฒนา ก็ได้ครับ.คือผมไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไรและทำถูกหรือเปล่าครับ
    ที่ลองทำแบ่งได้เป็น ๒ จังหวะอย่างนี้นะครับ..

    จังหวะที่ ๑
    คือรู้เพียงว่า..พอหายใจเข้าทางจมูกทองจะยุบ.มันจะมีลมที่ขึ้นมาสะดือแต่ว่าหยุดที่คอหอย
    ส่วนลมที่หายใจผ่านจมูกก็จะวิ่งผ่านระหว่างคิ้วขึ้นไปตรงกลางกระหม่อมเลยไม่เข้ามาคอหอย ในจังเดียวกันก็กลั้นหายใจและก็กดลมที่อยู่ตรงกลางกระหม่อมให้วิ่งอ้อม
    ไปด้านหลังผ่านไขสันหลังไปถึงตรงก้นกบหรือร่องก้น จะรู้สึกอุ่นๆบริเวณร่องก้นได้.
    จังหวะนี้จะรู้สึกมีลมค้างตรงก้นกบอยู่เล็กน้อยและพอถึงต่ำแหน่งนี้ ก็หายใจออกผ่านทางจมูกและท้องจะพอง.
    เนื่องจากลมที่อยู่ตรงคอหอยกลับลงไป.

    และจังหวะ ๒
    คือ หายใจเข้าท้องยุบแต่ดึง ดึงลมจากการหายใจเข้าและลมที่มาจากสะดือไปเก็บไว้ที่คอหอย กลั้นหายใจและดึงลมที่ค้างจากก้นกบ
    ให้ย้อนผ่านหลังขึ้นมากลางกระหม่อม.ผ่านหว่างคิ้วลงมา และจังหวะลมออกจมูกก็ปล่อย
    ลมที่เก็บไว้ที่คอหอยให้ออกไปพร้อมกับลมที่มาจากก้นกบ..และท้องพองเนื่องจากลมที่ค้างอยู่ที่คอหอยส่วนหนึ่งกลับลงไป

    คือผมสงสัยว่าทำไมไม่มีดันลมจากคอหอยผ่านสะดือเหมือนๆที่อ่านมาก็เลยงงๆ
    หรือว่าต้องไปเพิ่มเติมอะไรยัง.รบกวนแนะนำด้วยนะครับ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2013
  16. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ทำไมคุณถึงหมุนไปทางนั้นเหรอครับ ที่ผมรู้เสี่ยวโจวเทียนจะดันลมจากตันเถียนทะลวงเชื่อมเส้นชีพจรตรงก้นกบ ไหลไปตามสันหลัง(เส้นตู๋ม่าย) ผ่านท้ายทอยไปกระหม่อม แล้วไหลลงด้านหน้า(เส้นเยิ่นม่าย) กลับไปตันเถียนนะครับ ที่เป็นวงจรทวนกระแส ก็เพราะว่าเส้นตู๋เป็นหยาง เส้นเยิ่นเป็นหยิน ปกติหยินมาจากดินจะไหลขึ้น เส้นตู๋เป็นหยาง ปกติหยางมาจากฟ้าจะไหลลง แต่วงจรแบบนี้จะทวนกระแส หลอมรวมแปรเปลี่ยนพลังเพศให้เป็นปราณ แปรเปลี่ยนปราณให้เป็นพลังจิต

    จะเป็นรูปแบบนี้ครับ เป็นปริศนากังหันน้ำของชาวเต๋า
    [​IMG]
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ผมก็ไม่ทราบนะครับ.มันเป็นเองแบบธรรมชาติ.ผมพึ่งทำได้ประมาณวันนี้ก็ครบสัปดาห์พอดี.และส่วนตัวก็ค่อยรู้เรื่องเท่าไร
    คือลองทำดูเฉยๆ.สมมุติว่าพูดง่ายๆ ณ ครับ กรณีผมต้องดันลมที่ขึ้นมาอยู่
    ตรงคอหอยให้กลับอ้อมผ่านสะดือ.ไปยังก้นกบ.แล้วค่อยผ่านหลัง ไปท้ายทอย

    ผ่านว่างคิ้วมาออกจมูกในจังหวะที่ (คือเพิ่มจากที่ทำอยู่)หรือเปล่า...ส่วนจังหวะ เพิ่มตรงดันลมตรงคอหอย
    ให้ไปออกตรงก้นกบร่วมกับลมที่มาจากกลางกะหม่อมหรือเปล่าถึงจะครบตามสูตรที่พระอาจารย์กล่าว คือผมคิดๆเองนะครับ.แต่ลองทำแล้วมันพอทำเพิ่มเติมได้อยู่
    ถ้าทำตามนี้นะครับ..หรือคุณ มีความเห็นอย่างไรครับ.ถ้าถามผมว่าทำไมทำแบบ.

    นี้ผมก็ไม่ทราบคับ.ผมก็งงๆอยู่เพราะมันเป็นเองครับ .
    รู้แต่ว่า ช่วงที่ลมไหลผ่านเนี่ยจะรู้สึกได้ว่าอุ่นๆตลอดเส้นทาง
    คันๆช่วงแนวกระดูกสันหลัง และรู้สึกหยิกๆหน่อย ส่วนกระหม่อนก็เหมือนเส้นผมจะตั้งได้.โดยเฉพาะ
    ตรงก้นกบเนี่ย อุ่นๆอย่างเห็นได้ชัด.ส่วนกลางระหว่างคิ้วก็ตึงๆหน่อย
    ประมาณนี้นะครับ.
     
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สงสัยของเก่าเคยเป็นมาก่อนมั้ง5555555+

    เรื่องแบบนี้

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2013
  19. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    คุณ nopphakan ควรทำตามที่พระอาจารย์เล็กท่านแนะนำครับ คืออย่าให้มันขึ้นคอหอย แต่ให้กดมันวิ่งย้อนวงจรที่คุณทำอยู่ครับ คือเริ่มจากตันเถียน แล้วดันเข้าฝีเย็บเพื่อเอาพลังปราณไปเป็นเปลี่ยนพลังทางเพศมาเป็นพลังชีวิต แล้วดันจากก้นกบไปตามแนวสันหลัง ขึ้นท้ายทอย ผ่านกระหม่อม และไหลลงกลางหน้าผาก ผ่านจมูกเข้าไปที่เพดานปาก(ให้คุณใช้ลิ้นดุนเพดานปากไว้) ปราณจะไหลผ่านลิ้นแล้วน้ำลายจะออกมามาก ให้คุณกลืนน้ำลายนั้นลงคอไป ซึ่งปราณจะไหลลงผ่านคอหอย กลางอก กลับที่ตันเถียนล่างครับ
     
  20. ชัยวัฒนา

    ชัยวัฒนา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +24
    วิธีของคุณ nopphakan ได้มาจากพระอาจารย์ของคุณหรือว่าคุณทำด้วยตนเองแล้วเกิดผลแบบนี้ครับ

    วิธีที่ผมฝึกจะโครจรแบบเดียวกันกับคุณ Namushakamunibutsu แต่ต่างกันในตอนเดินปราณมาถึงระหว่างคิ้วแล้วเลงไปที่กระเดือกเลย กล่าวคือ เดินสวนทางกลับไปจากที่คุณฝึก โดยปกติทั่วไปลมปราณจะเดินจากท้องสวนขึ้นมาบริเวณหน้าวนกลับข้ามลงกลางหลังลงไป. แบบนี้เหล่าซือจะให้ดึงลงไปที่สะดือลงไปฝีเย็บสู่ก้นกบและให้ไต่กระดูกสันหลังขึ้นท้ายทอยขึ้นสู่กลางศีรษะและลงมาระหว่างคิ้วมาลูกกระเดือกลงกลางหน้าอกและครบรอบใต้สะดือ ซึ่งจะเกิดพลังและชลอความแก่ สงบระงับ เดินปราณแบบนี้จะฝืนธรรมชาติ แต่เดินแบบตรงกันข้ามสังเกตดูว่าจะง่ายและคล่องกว่า ลองสังเกตดูครับวิธีทั้งสองแบบจะให้ผลต่างกัน ลองสังเกตด้วยตนเองครับ ได้ผลอย่างไรเล่าสู่กันฟังครับ

    ขอให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...