เรื่องเด่น แชร์เล่าเรื่องหลวงปู่มีชัย กามฉินโธประสบการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ครับ

สมัยที่หลวงปู่เคยอยู่ในถ้ำชื่อว่า ถ้ำราชสีห์ ตอนนั้นมีพระอยู่ที่นั่นอยู่แล้วรูปหนึ่งชื่อ พระบุญส่ง พระบุญส่งเป็นพระอภิญญา มีฤทธิ์มาก เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเค้าเห็นกับตาว่าพระบุญส่งนี้เดินบนน้ำได้โดยจีวรไม่เปียก

ตอนนั้นเพื่อนเป็นลูกศิษย์ของพระบุญส่ง แต่พอหลวงปู่มา เพื่อนก็มาหาหลวงปู่แทน สร้างความไม่พอใจให้กับพระบุญส่งมาก ตอนอยู่ที่ถ้ามีแม่ชีท่านหนึ่งชื่อแม่ชีลัดดา แม่ชีบอกว่าพระบุญส่งเคยชวนแม่ชีไปบิณฑบาตรที่เมืองลับแล แต่เผอิญวันนั้นไม่สบาย เลยไม่ได้ไป

ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ที่ KL มีพระและแม่ชีเป็นร้อยรูป ธุดงค์ไปที่วัดที่หลวงปู่สร้างที่ kl เผอิญเพื่อนข้าพเจ้าไปเจอแม่ชีแล้วทักทายกัน (เพราะเพื่อนและแม่ชีเคยเจอกันมาก่อนตอนอยู่ถ้ำ) แม่ชีจำได้ว่าตอนนั้นพระบุญส่งชวนแม่ชีไปบิณฑบาตรที่เมืองลับแล แต่มีข้อแม้ว่าห้ามหันหลังมามองอะไรด้านหลังเด็ดขาดแม่ชีถามเพื่อนว่าตกลงตอนนั้นเห็นท่านบิณฑบาตรอะไรมาได้บ้างไหม? เพื่อนตอบว่า ได้ข้าวมาเต็มบาตรเลย ข้าวที่ได้มามีสีออกเหลืองหน่อยและมีกลิ่นหอมมาก หอมแปลกๆ ยังเอามาถวายให้หลวงปู่ด้วยเลย แม่ชีบอกว่าวันนั้นไม่ได้ไปเพราะไม่สบายเลยอดไปเลย เพื่อนบอกว่าตอนพระบุญส่งเดินเข้าไปบิณฑบาตรเหมือนเดินทะลุภูเขาเข้าไปเลย

ข้าพเจ้าเคยถามหลวงปู่ว่า ได้ข่าวว่าพระบุญส่งนี้มีฤิทธิ์เยอะจริงๆ เหร๋อ หลวงปู่ท่านตอบว่า ใช่

หลวงปู่เล่าอีกว่า พระบุญส่งมีฤิทธิ์มาก มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่นั่งสมาธิอยู่ ก็มีตะปูวิ่งมาเวียนๆ อยู่รอบตัวหลวงปู่ หลวงปู่ทราบดีว่ามาจากพระบุญส่ง หลวงปู่บอกว่า มาจากที่ไหน ก็ให้กลับไปที่นั่น เราไม่รับหรอก แล้วเจ้าตะปูนั้นก็เวียนอีกระยะ แล้วตกลงมาสู่พื้นถ้ำดังแกร๊ง

หลังจากนั้นหลวงปู่ก็นั่งสมาธิต่อ อีกแป๊ปมีตะขาบตัวใหญ่มาก ตัวเท่าแขนไต่มาตามผนังถ้ำ แล้วหลวงปู่ก็บอกอีกว่า เจ้ามาจากไหน กลับไปหาเจ้าของเจ้าเถิด เราไม่รับนะ และแล้วเจ้าตะขาบก็คลานออกไป

อีกสักครู่มีแมลงวันยักษ์บินมาอีก กระพือปีกเร็ว ดังไปทั้งถ้ำแล้วมาวนรอบหลวงปู่อีกตามเคย หลวงปู่ก็ใช้วิธีเดิม แล้วมันก็บินไป อีกแป๊ปตัวที่สองมาแล้วก็ทำเหมือนเดิมแล้วก็บินไป คราวนี้ตัวที่สามมา บินๆ รอบๆ ตัวหลวงปู่ หลวงปู่ก็บอกว่าให้กลับไปหาเจ้าของเจ้าเถิด แต่คราวนี้มันไม่กลับ แล้วมาร่วงลงบาตรท่าน หลวงปู่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ถ้าจะให้ทิ้งบาตรก็ไม่สามารถทำได้ เลยบอกพระแม่โพสพ พระแม่ธรณีให้ช่วย ว่าท่านจะทิ้งบาตรก็ใช่ที่ แต่ทำอย่างไรได้

วันรุ่งขึ้นท่านได้บิณฑบาตร แล้วฉันอาหารในบาตรนั้น หลังจากนั้นไม่นาน ท่านปวดท้องมาก ท่านบอกว่าทรมานที่สุด แต่ท่านรู้ดีว่าเหตุใด ทำอย่างไรก็ไม่หาย แล้วท่านบอกว่า ถ้าเราต้องตายไปเพราะการณ์นี้ เราปฏิบัติธรรม ยอมตายเพื่อพระศาสนา ถ้าตายก็คงไม่เสียดายชีวิต แล้วท่านก็ไป เดินจงกรมต่อ หลวงปู่บอกว่า หลังจากนั้น เดินได้สักพักอาการที่ปวดท้องก็เริ่มทุเลา จนหายในที่สุด

ตอนนั้นมีมุสลิมเข้ามาจะมาทำลายพระพุทธรูปในถ้ำ พระบุญส่งบอกว่า ถ้าทำลายพระพุทธรูปข้ามศพพระไปก่อน หลังๆ พวกนี้ใช้วิธีส่งผู้หญิงสาวสวยมา (นารีพิฆาต) พระบุญส่งเลยหลงไปกับเค้าด้วย และเท่าที่รู้หลังจากนั้นพระบุญส่งะสึกและกลายเป็นมุสลิม และมีภรรยาหลายคน และยังกลายเป็นพวกคล้ายๆ พวกโจรก่อการร้าย

เพื่อนถามหลวงปู่ว่าพระบุญส่งยังอยู่ไหมครับ หลวงปู่ตอบว่าสงสัยตายแล้ว

พระบุญส่งเป็นพระที่มีอิทธิฤิทธิ์ ประวัติมีอยู่ว่า ตอนเด็ก"บุญส่ง" เคยเห็นพระรูปหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้าน ขณะที่ฝนตก แต่ว่าพระรูปนั้นไม่เปียกเลย ฝนไม่ตกลงมาโดนตัวท่านเลย แล้วเด็กชาย"บุญส่ง"ได้สงสัยแล้วหันมาถามแม่ว่า "แม่ครับ ทำไมพระที่ผ่านไปฝนไม่เปียกตัวท่านเลยครับ" แม่ก็ตอบว่า "ก็ท่านฝึกสมาธิไงลูก" หลังจากนั้นเด็กชาย"บุญส่ง" รู้สึกว่า อยากเป็นอย่างนั้นบ้างจัง เลยไปเอาผ้ามาห่อตัวเองเหมือนพระ แล้วหนีออกจากบ้านเข้าป่าตอนแค่อายุได้ 9 ปี แล้วไปนั่งสมาธิอยู่ในป่า ออกมาอีกทีเมื่ออายุ 16 ปี แล้วได้มาบวชเป็นเณร แล้ว ได้ธุดงค์ไปตามป่าเขา แล้วในที่สุดก็มาอาศัยอยู่ที่ถ้ำกระแชง ถ้ำที่หลวงปู่เคยอยู่เหมือนกัน

เท่าที่หลายคนเล่าตรงกัน พระบุญส่ง เป็นพระที่มีอภิญญา แต่เสียดายเป็นมิจฉาทิฎฐิ เลยต้องมาเป็นแบบนี้

 

ง่วงแหล่ว.....:z1