ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Thaveechai

    Thaveechai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +112
    ถ้าชายทะเลอยู่แถวฟาร์มโชคชัย อีสานทั้งอีสานก็ไม่เหลือแล้วครับ ฟาร์มโชคชัยสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร แต่จังหวัดในภาคอีสานส่วนใหญ่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ150-200 เมตร
    เชียงใหม่ ไม่ถึง200เมตร ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศไทย จะเหลือแต่เกาะแล้วครับ หรือจะเหลือเป็น เกาะเขาใหญ่ เกาะเขาค้อ เกาะดอยอินทนนท์ ประมาณนี้
     
  2. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    4 มิ.ย. 56

    ทองม้วน ม้วนตัว ถัวสูง
    พยุง ราคา พาพัก
    จากนั้น หัวดิ่ง ทิ่มกลับ
    หยุดพัก นั่งหลับ กับที่

    เคอิสรา
     
  3. ปลายธาตุ

    ปลายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +225
    สิ่งที่นิมิตเห็นมันไม่เกิดหรอกครับ เพราะผมอยู่กทม.ก็จมตายกันพอดี ล้อเล่นนะครับ ความจริงแล้วนิมิตมันเป็นอุปมาเปรียบเทียบว่าคนจะตายเป็นวงกว้างเหลือเท่าที่เห็น พวกอิทฤทธิ์นี่ลองใด้มาเกิดเป็นคนละก็แสดงไม่ใด้หรอกครับ วับๆแวมๆชนิดหนังอาร์ยังเห็นจะๆกว่ามากๆเลย เป็นเทวดานี่ยิ่งโครตยากเลย ตัวเป็นลมจะแสดงอะไรใด้ เพื่อนผมคนนึงมันเห็นอย่างนี้เมื่อหลายปีก่อน49-50โน่น มันเอาเงินไปซื้อที่แถวชัยภูมิเพื่อหนีน้ำ ตรงหมู่บ้านผีที่ตามจับกันอยู่นั่นแหละ ผมยังขำว่า ที่มันคงโดนน้ำที่สร้างเขื่อนเข้าท่วมก่อนน้ำท่วมโลกอีกมั้ง เข้าทำนองร่างทรงติ๊งต้องสดุดขาตัวเอง ฮาาา ใแล้วมันยังเคยทายอีกว่าปี50-51 ประเทศไทยจะแตกเป็นเสี่ยงๆปกครองเป็นรัฐๆและกลับมาใช้ชื่อว่าสยามอีกครั้ง เห็นไหมนิมิตร่างทรงนี่มันแม่นขนาด ทุกวันนี้มันไม่ทำงานการทั้งที่จบเอกจากเมกา นั่งเพ่งเทียนอยู่นห้องจนไฟจะใหม้บ้านตาย สิ่งที่เขาเห็นเขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง อย่าเป็นร่างทรงกันเลย หาความเจริญไม่ใด้ทั้งปวง อาเมน
     
  4. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    4 มิ.ย. 56 จตุรงคบาท

    เมื่อครู่ หมอหลวงได้มาอุดหนุนสินค้าที่ร้าน เลยถามความก้าวหน้าเรื่องที่นายหมอให้จัดการให้ คุณหมอได้บอกว่า ได้ติดต่อทางต่างประเทศแล้วหลายรายยังมีเศรษฐีในไทยอีก

    พอรู้ว่าสามารถให้คนในนี้ช่วยซื้อได้และคุณหมอเป็นคนจัดการให้ก็คิดว่าจะให้หลานชายที่ทำงานกับคนมีเงินในนี้ ให้ลองสอบถามดูว่าเขาสนใจไหม?และจะให้หลานชายติดต่อบริจาคที่ดินไปพร้อมกันจะได้ช่วยนายหมออีกแรง

    ได้ถามคุณหมอเรื่องศิษย์ฮ่มภะ ก็ได้คำตอบว่า คนนี้ปัจจุบันเป็นวิศวะกรแต่อดีตเคยเป็นจตุรงคบาทฝ่ายขวาหน้าของพ่อนเรศ สุนัขที่บ้านคุณหมอในอดีตเคยเป็นฝ่ายซ้ายหลัง(ไม่ทราบไปทำกรรมอะไรมา?) สุนัขตัวนี้น่าจะเป็นตัวที่เคยมาเฝ้าหน้าร้านให้อยู่สามวันแล้วก็ไปอยู่กับคุณหมอ

    ตำแหน่งจตุรงคบาท คือพลรบที่อยู่ล้อมรอบช้างที่พ่อนเรศทรงออกศึก

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2013
  5. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419

    ชอบประโยคนี้จัง "สิ่งที่เขาเห็น...เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น..ไม่จริง"

    แทนที่จะหาทางวิ่งหนีการเกิด...กลับไปวิ่งหนีความตาย ทั้งๆที่รู้ว่าความตายมันติดตัวมาตั้งแต่เกิด...ไม่มีใครหลีกพ้น (ต่างกันแค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น)

    การเสียเวลา เสียทรัพย์ ลงทุนลงแรง ไปกับการหนีความตาย ก็ไม่ต่างอะไรกับการทุรนทุรายก่อนตาย

    แต่การทำปัจุบันให้ดีทุกๆขณะ ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม และหมั่นเจริญสติ สมาธิ ภาวนา รักษาศีล ก็เปรียบเสมือนกับการสุขก่อนตาย และได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทโดยแท้



    ธรรมจิตต์
     
  6. boonma05

    boonma05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +516
    ความไม่ประมาทของท่านช่างแตกต่างจากคนแถวนี้โดยสิ้นเชิง

    ความไม่ประมาทของคนแถวนี้ คือ การไม่โต้แย้งคำทำนาย แม้เขาทายผิดมาตลอดก็ถือว่าฟังๆไว้เพื่อความไม่ประมาท
     
  7. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    เราแค่อยากออกมาเตือนให้คน ...มีสติ
    ไม่ได้ออกมาเตือนให้คน ...เสียสติ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปล่อยวางอย่างรับผิดชอบ !!!

    [​IMG]

    พระธรรมเทศนาโดย พระไพศาล วิสาโล

    คำสอนทั้งปวงในพุทธศาสนา ถึงที่สุดแล้วมุ่งไปสู่การปล่อยวาง เพราะปล่อยวางได้เมื่อไร ก็หมดทุกข์เมื่อนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการปล่อยวาง คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจไปว่า หมายถึงอยู่เฉย ๆ งอมืองอเท้า นี่เป็นความเข้าใจผิด ปล่อยวางแบบพุทธหมายถึงปล่อยวางที่ใจ ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเรา หรือยึดมั่นให้มันเป็นไปตามใจเราก็จริง แต่ก็ต้องดูแลเอาใจใส่ด้วยความรับผิดชอบ เช่น ร่างกายนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ใช่ตัวเราของเรา จึงควรปล่อยวาง

    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องดูแล ร่างกายไม่ใช่ของเราก็จริง แต่เราต้องดูแลเอาใจใส่ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยเราในการทำความดี เหมือนกับเรือที่จะพาเราข้ามฟาก เราก็ต้องดูแลเอาใจใส่ ถ้ารั่วก็ต้องอุด ถ้าเสียก็ต้องรู้จักซ่อมแซม เรารู้อยู่ว่าเมื่อถึงฝั่งแล้วเราจะไม่แบกเอาเรือไปด้วย แต่ในขณะที่ยังไม่ถึงฝั่งเราก็ต้องดูแล คอยซ่อมแซมเพื่อนำเราไปถึงจุดหมายให้ได้ เรามีหน้าที่ต้องซ่อมแซมดูแลเรือ ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่ใช่เรือของเราก็เลยปล่อยวางไม่สนใจ ถ้าเช่นนั้นเราจะถึงจุดหมายได้อย่างไร

    มีเรื่องเล่าว่า คราวหนึ่งหลวงพ่อชา สุภัทโท เดินไปตรวจตราตามกุฏิพระ เห็นพระรูปหนึ่งนั่งหลบฝน เนื่องจากหลังคารั่ว ฝนจึงหยดลงมา หลวงพ่อชาก็เลยถามว่า ทำไมไม่ซ่อมหลังคาล่ะ พระรูปนั้นบอกว่าผมปล่อยวางครับ หลวงพ่อชาก็เลยบอกว่า ปล่อยวางกับวางเฉยแบบงัวแบบควายนั้นไม่เหมือนกัน

    ผู้คนมักคิดว่าวางเฉยแบบงัวแบบควายเป็นการปล่อยวางแบบพุทธ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด ปล่อยวางเป็นเรื่องภายในใจ แต่หน้าที่การงานเราก็ต้องทำตามสมควรแก่เหตุปัจจัย โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นทั้งแก่ตัวเราเองและต่อผู้อื่นด้วย พระพรหมคุณาภรณ์ (ปยุตโต)ได้สรุปสั้นๆ ว่า ปล่อยวางนั้นเป็นเรื่องการทำ “จิต” ส่วนการทำงานต่าง ๆ ด้วยความรับผิดชอบนั้นเป็นเรื่องการทำ “กิจ” ในเมื่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ ในแง่จิตใจเราจึงควรปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นในสิ่งทั้งปวง แต่ขณะเดียวกันอะไรที่สมควรทำเราต้องรีบทำ ไม่เฉื่อยแฉะเฉื่อยเนือย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามมา การทำกิจนั้นบางทีท่านก็เรียกว่าความไม่ประมาท

    ความไม่ประมาทกับการปล่อยวางเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ แม้อากัปกิริยาภายนอกทำงานด้วยความขยันขันแข็ง แต่ภายในใจไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเรา พร้อมอยู่เสมอที่จะเผชิญกับความผันผวน พร้อมที่จะเจอความล้มเหลว เพราะรู้ว่าเหตุปัจจัยต่างๆ มีมากมายที่เราควบคุมไม่ได้ เวลาทำงานก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่านี่มันเป็นงานของเรา ใครจะมาแตะต้องหรือวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เวลาทำอะไรก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าผลต้องออกมาอย่างนี้อย่างนั้น ถ้าไม่ออกมาตามที่หวัง ฉันโมโห ฉันโกรธ ฉันท้อแท้ ผิดหวัง ท่าทีเช่นนี้จะทำให้เป็นทุกข์ได้ง่าย

    เดี๋ยวนี้เราทำด้วยความยึดมั่นกันมาก ยึดมั่นว่าเป็นของเราก็เลยทำ ถ้าไม่ใช่ของเราก็ไม่ทำ หรือว่ายึดมั่นในผล เวลาทำอะไรก็ตามก็วาดหวังหรือหมายมั่นว่าผลจะต้องออกมาอย่างนี้จึงจะมีกำลังใจทำ ถ้าทำโดยไม่ต้องพะวงถึงผลข้างหน้า แต่ทำตามเหตุตามปัจจัยหรือมุ่งประกอบเหตุให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ แบบนี้ทำไม่เป็น ต้องมีแรงจูงใจคือเอารางวัลหรือเอาผลที่สวยงามมาล่อให้มีกำลังใจ นี้ไม่ใช่วิธีการทำงานแบบพุทธ ท่าทีที่ถูกต้องแบบพุทธคือทำงานโดยไม่จำเป็นต้องเอาความสำเร็จหรือรางวัลมาล่อ แต่ทำเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ มีคุณค่า และน่าทำ ขณะที่ทำจิตก็อยู่กับปัจจุบัน พร้อมเผชิญกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามใจปรารถนา ล้มเหลวก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นเอง แต่งานล้มเหลว ก็ไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลว เพราะว่าเราไม่ได้เอาตัวตนไปผูกติดไว้กับงาน ใครมาวิจารณ์งานก็ไม่ทุกข์ไม่เสียใจ เพราะไม่ได้ยึดติดว่างานนี้เป็นตัวกูของกู

    ทำงานอะไรก็ตาม พึงทำด้วยความใส่ใจและรับผิดชอบ โดยไม่ถือว่างานนั้นเป็นตัวกูของกู ทำเสร็จแล้วก็มอบผลงานให้เป็นของธรรมชาติไป ไม่ยึดว่าเป็นเราหรือของเรา คำสรรเสริญเยินยอและชื่อเสียงเกียรติยศที่เกิดขึ้นก็มอบให้แก่ธรรมชาติ หรือมอบให้แก่ผู้คนที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นของเรา ใครสรรเสริญก็ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้ม ใครมาตำหนินินทาก็ไม่ได้ทุกข์ร้อน เพราะไม่ได้ยึดว่าเป็นของเราตั้งแต่ต้น ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะว่าเวลาทำงานเรามักคาดหวังผล แถมยังไปยึดติดกับคำสรรเสริญเยินยอและคำนินทาว่ากล่าว จึงทำงานอย่างไม่มีความสุข

    การปล่อยวางหมายถึงว่าเราไม่เข้าไปยึดในผลที่เกิดขึ้น ไม่ว่าบวกหรือลบ แม้ภายนอกอาจจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่ภายในใจนั้นไม่รับอยู่แล้ว ท่านอาจารย์พุทธทาสทั้งพูดทั้งเขียนมาตลอดว่าสมณศักดิ์เป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีความหมายสำหรับท่าน ท่านขอเป็นทาสของพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว แต่ว่าเมื่อท่านทำงานให้พระศาสนา จนเจริญในสมณศักดิ์เป็นลำดับ จากพระครู เลื่อนเป็นพระราชาคณะสามัญ แล้วก็เป็นชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม สุดที่พระธรรมโกศาจารย์ เคยมีลูกศิษย์มาแนะอาจารย์พุทธทาสว่า สมณศักดิ์เหล่านี้ท่านน่าจะคืนเขาไป ท่านอาจารย์พุทธทาสก็บอกว่า จะคืนได้อย่างไร ก็เรายังไม่ได้รับมาตั้งแต่แรกจะคืนได้อย่างไร คือแม้ทางราชการจะให้สมณศักดิ์และพัดยศมาแต่ใจท่านไม่ได้รับเลย จะเป็นชั้นไหนก็ไม่เคยรับมาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปคืนเขา

    ถ้าเราวางใจได้อย่างนี้ เวลาทำงาน ได้รับคำสรรเสริญเราก็ไม่รับมาเป็นของเรา หรืออาจจะถือไว้แต่ไม่ได้เอามาสวมใส่ ทำได้แบบนี้จะรู้สึกสบาย โปร่งเบา เมื่อถึงเวลาที่เขาตำหนิติฉินเราก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเพราะว่าเราไม่ได้รับตั้งแต่แรก เมื่อมีคนชมก็ไม่เพลินหรือหลงตัว เมื่อถูกตำหนิก็ไม่เสียใจ สองอย่างนี้ไปด้วยกัน ถ้าเราทำใจด้วยใจที่ปล่อยวางแล้ว เราจะทำงานด้วยใจที่สบาย อิสระ โปร่งเบา และทำด้วยความขยันหมั่นเพียร ไม่ใช่สบายแล้วเฉื่อยชาเฉื่อยแฉะ ตรงข้าม เราทำเต็มที่ เพราะความสุขคือการอยู่กับปัจจุบัน แม้ทำงานก็มีความสุข สุขอยู่ที่งานไม่ได้อยู่ที่ผลของงาน ยิ่งมีสติและสมาธิด้วยแล้ว จะทำงานอย่างมีความสุขมาก แม้ผลจะยังไม่ปรากฏก็ตาม ถ้าทำงานด้วยท่าทีเช่นนี้ ผลของงานจะไม่มีอิทธิพลต่อเรามากนัก เราจะทำด้วยความสุข และด้วยสำนึกว่า มันเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ทำเพราะว่ามันเป็นของเรา

    การปล่อยวางและการทำงานด้วยความรับผิดชอบ หรือทำด้วยความไม่ประมาท เป็นสิ่งที่เราต้องเชื่อมให้เป็นอันเดียวกันให้ได้ อย่าไปแยกกัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการปล่อยวางตามอำนาจของกิเลสหรือความหลง มิใช่ปล่อยวางเพราะมีปัญญา

    ที่มา http://www.visalo.org/article/bkkB000001.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2013
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เช็ก, ออสเตรีย, เยอรมนี เผชิญน้ำท่วมหนัก

    [​IMG]

    ยุโรป 4 มิ.ย.-ทวีปยุโรปตอนกลางกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะที่สาธารณรัฐเช็กถึงขั้นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศหลังระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้นตลิ่ง

    ที่กรุงปรากนครหลวงที่สวยงามของสาธารณรัฐเช็กต้องมีการเสริมคันกั้นน้ำและบิ๊กแบ็กริมแม่น้ำวัลทาวาที่ทะลักล้นฝั่งหลังมีการเปิดเขื่อนระบายน้ำหลายแห่งทางตอนใต้ของประเทศ ฝนที่ตกหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมาคร่าชีวิตผู้คนในสาธารณรัฐเช็กไปแล้ว 7 คนและอีก 2 คนในประเทศออสเตรียเพื่อนบ้านติดกัน ขณะที่เยอรมนีต้องระดมทหารในกองทัพมาช่วยเสริมคันกั้นน้ำทางตอนใต้ของประเทศ

    สำหรับที่กรุงปรากนั้น ขณะนี้ได้มีการระงับบริการระบบรถไฟใต้ดินและปิดโรงงานบำบัดน้ำเสีย ขณะที่ Charles Bridge ซึ่งตามปกติจะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวก็ต้องปิดเช่นกัน นอกจากนี้ตามสวนสัตว์ต่างๆ ต้องมีการฉีดยาสลบเพื่อขนย้ายเสือออกไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย

    ขณะที่แม่น้ำเอลเบ้ทางตอนเหนือของกรุงปรากสถานการณ์วิกฤติหนักเช่นกันโดยระดับน้ำพุ่งสูงสุดอยู่ในระดับเดียวกับที่เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ยุโรปเมื่อปี 2545 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน

    แม่น้ำดานู้ปและแม่น้ำไรน์ในเยอรมนีซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการขนส่งถ่านหินและธัญพืชต้องระงับการเดินเรือแล้วเป็นบางส่วน ขณะที่แม่น้ำดานู้ปในออสเตรียเดินเรือไม่ได้เลยคาดจะมีฝนตกหนักอีกหลายวันซึ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น ขณะนี้สหภาพยุโรปหรืออียูกำลังหารือจัดส่งความช่วยเหลือไปให้ 3 ประเทศที่กำลังเดือดร้อนนี้แล้ว

    สำนักข่าวไทย TNA News | 4 มิ.ย. 2556 20:08 |

    ที่มา เช็ก, ออสเตรีย, เยอรมนีเผชิญน้ำท่วมหนัก | MCOT.net | MCOT.net

    ระดับน้ำท่วมสูงสุดที่กรุงปรากวันนี้และทะลักไปถึงเยอรมนี

    [​IMG]

    ปราก 4 มิ.ย. - เจ้าหน้าที่รายงานว่า น้ำท่วมสูงทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วยุโรปอย่างน้อย 10 คนแล้วในเช้าวันนี้ โดยมีระดับน้ำสูงสุดที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก และกำลังไหลทะลักไปยังเยอรมนี

    โฆษกสถาบันพยากรณ์น้ำสาธารณรัฐเช็ก แถลงว่า ระดับน้ำกำลังท่วมสูงสุด และในช่วงเย็นวันนี้จะไหลตามลำน้ำไปยังเยอรมนี น้ำท่วมกินบริเวณตั้งแต่สถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ของกรุงปราก ย่านธุรกิจ และต้องอพยพที่สวนสัตว์ ตำรวจกล่าวว่า ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมในสาธารณรัฐเช็ก 7 คน ออสเตรีย 2 คน และสวิตเซอร์แลนด์ 1 คน ส่วนที่เยอรมนีก็ประสบอุทกภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คาดว่า ระดับน้ำในพื้นที่ทางภาคตะวันตกของสาธารณรัฐเช็กจะลดลงในวันพุธ

    สำนักข่าวไทย TNA News | 4 มิ.ย. 2556 17:20 |

    ที่มา ระดับน้ำท่วมสูงสุดที่กรุงปรากวันนี้และทะลักไปถึงเยอรมนี | MCOT.net | MCOT.net

    พบผู้ติดเชื้อไวรัสคล้ายซาร์ส 10 คนในอิตาลี

    [​IMG]

    โรม 4 มิ.ย.-สำนักข่าวอันซาของอิตาลีรายงานว่า จากการตรวจทดสอบพบผู้ติดเชื้อไวรัสคล้ายซาร์สราว 10 คนในอิตาลี แต่ยังไม่ปรากฏอาการและยังต้องถูกกักตัวไว้ก่อน

    เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมโรคติดต่อในโรงพยาบาลที่เมืองฟลอเรนซ์รายงานว่า ได้ส่งตัวอย่างเลือดไปยังสถาบันสาธารณสุขที่กรุงโรมเพื่อยืนยันผลต่อไปแล้ว แม้องค์การอนามัยโลกระบุว่าไวรัสไม่ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและจะปรากฏอาการมากในกลุ่มผู้ติดเชื้อ แต่จนถึงขณะนี้อาการผู้ติดเชื้อดังกล่าวยังไม่รุนแรงนัก ไวรัสโรคระบบทางเดินหายใจสายพันธุ์ใหม่ได้ชื่อว่า MERS-CoV ตามแหล่งที่พบในตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 30 คนทั่วโลกแล้ว

    สำนักข่าวไทย TNA News | 4 มิ.ย. 2556 10:00 |

    ที่มา พบผู้ติดเชื้อไวรัสคล้ายซาร์ส 10 คนในอิตาลี | MCOT.net | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2013
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อภิญญามีสภาพไม่เหมือนกัน

    [​IMG]

    เรื่องของอภิญญา คนส่วนใหญ่เมื่อฟังว่าอภิญญาแล้วก็มักจะคิดว่า ท่านที่ได้อภิญญาจะต้องมีความรู้แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้าเสียทุกอย่าง เป็นการเข้าใจผิดถนัด พระพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญูคือ มีบารมีเป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศเป็นพิเศษ สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย จะเปรียบให้ฟัง เอาเพียงทิพยจักษุญาณอย่างเดียว อย่างอื่นให้เข้าใจว่าเหมือนกัน

    1. ทิพยจักษุญาณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสว่างคล้ายพระอาทิตย์ส่องแสงจัด ไม่มีเมฆบัง ไม่มีเผลอ ไม่มีพลาดในการเห็น

    2. ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความสว่างเหมือนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง มองเห็นคนกลางคืนเมื่อเดือนหงายมีสภาพอย่างไร ต่างกับกลางวันอย่างไร พิสูจน์เอาเอง

    3. พระอัครสาวกทั้งสอง มีความสว่างเหมือนคบเพลิงดวงใหญ่สว่าง แต่แสงสว่างไม่ไกลเหมือนความสว่างของดวงจันทร์

    4. ของพระอรหันต์สาวก สว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงน้อย

    5. ของท่านที่ได้ฌานโลกีย์ สว่างเหมือนอากาศเมื่อพระอาทิตย์ลับแล้ว กำลังมัวตา มองดูอะไรก็ไม่เห็นถนัดนัก

    ข้อเปรียบเทียบนี้ยังไม่ละเอียดพอ แต่เกรงว่าลูกหลานจะเบื่อฟัง เอามาเปรียบเทียบเพียงย่อ ๆ ท่านที่ได้ฌานและอภิญญาไม่ใช่รู้อะไรหมด ยิ่งเป็นฌานโลกีย์ด้วยแล้ว ยิ่งมีจังหวะพลาดง่ายเหลือเกิน เพราะมีอุปาทานมาก ต้องระวังให้มาก ถ้าไม่ประมาทคิดว่าตัวดีไม่เป็นไร ถ้าประมาทเมื่อไรเจ๊งเมื่อนั้น สำหรับพระอริยท่านรู้ว่าท่านไม่ดีเสมอ ไม่มีความประมาท เรื่องเจ๊งไม่มี

    ทีนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องที่เล่ามาแล้ว ที่ฉันบอกเห็นอะไร ไปไหน คิดอะไร แล้วหลวงพ่อปาน รู้เรื่องที่บอกมา ไม่ใช่ฉันอวดตัวฉัน ที่บอกก็เพื่อให้ทราบว่าหลวงพ่อปานท่านรู้อภิญญา ที่เราเรียกว่าทิพยจักษุญาณ แต่ที่แท้แล้วญาณต่าง ๆ ของอภิญญามีชื่อหลายอย่าง จะนำมาเล่าให้ฟัง

    ที่มา http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=46
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภาพนิมิตภูมิภาคเอเซียในอนาคต !!!

    [​IMG]

    วีดีโอ มือถือ

    โทรศัพท์ธรรมดามีมานานแล้ว ต่อมาก็มีมือถือ ถัดมาก็มีวีดีโอ และล่าสุดก็มีวีดีโอมือถือ ซึ่งคิดว่าไม่เหมือนใคร เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ขณะขับรถไปทำธุระแถวลาดพร้าว ซอย 93 จะไปเอาหน้าปกหนังสือ "ตาที่สาม เล่มสาม"ไปให้เขาแก้เฉดสีให้สดขึ้น เพราะหนังสือกำลังจัดพิมพ์ คาดว่าการพิมพ์จะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน มิถุนายน 2548

    ขณะขับไป ก็เห็นรูปของพระพุทธองค์ลอยมาบนฟ้าทางทิศเหนือ เป็นพระพุทธรูปสีทองเหลืองอร่าม ก็ตั้งจิต เพราะรู้ว่าเป็นการส่งข่าวจากเบื้องบน เมื่อกำหนดจิตก็ได้ความว่าให้ไปที่บ้านคนที่รู้จักดีคนหนึ่ง เพราะคาดว่าต้องมีเรื่องสำคัญ เราก็ไป เจ้าของบ้านก็พอดีกลับมา จึงพากันเข้าไปในห้องพระ และได้เห็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิและสำคัญยิ่ง มีปาฏิหาริย์มากมายเกิดขึ้นที่ห้องพระนั้น วันหลังจะขยายให้ฟัง

    วันศุกร์ตอนบ่าย เจ้าของบ้านพระพุทธรูปก็แวะมาที่บูธ บอกว่า "พระพุทธรูปท่านฝากวีดีโอมาให้อาจารย์ดู ขณะนี้อยู่ในมือข้างขวาของผม ขอให้อาจารย์ดู จะได้หมดหน้าที่ของผู้ถือสารเพราะหนักมือ เพราะท่านใช้วิธีจารอัดลงไป" เออ..เคยเจอวีดีโอ ที่เป็นแผ่นกลมๆเล็กๆ นี่มาเป็นมือของคน ก็แปลกดี..ก็ไม่คิดอะไร..อาจจะเป็นไปได้..จึงกำหนดจิตเพ่งไปที่มือของเขา..โอ้โฮ.เป็นวีดีโอ ภาพสีจริง แต่ภาพในมือมันเล็กไป จึงกดคลิกๆๆ แบบคุณ Freeek ย้ายภาพ และขยายให้ไปอยู่บนฟ้า นั่งดูเหมือนอยู่ในโรงหนัง วีดีโอนั้นเป็นสามม้วน เป็น มหกรรมชนิด Star War มี 3 episode

    มหกรรมภาค 1 Episode i

    ม้วนแรกเริ่มด้วยมองเห็นโลกจากระยะไกล ประมาณครึ่งทาง โลก-ดวงจันทร์ เป็นโลกสีขาว ปกคลุมไปด้วยไอน้ำและควันสีเทา ภาพค่อยๆซูมลงมา พอใกล้ ก็จำได้ว่าเป็นภูมิภาคเอเซียตลอดทั้งทวีป มองเห็นประเทศไทยที่เป็นด้ามขวานทอง ภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์ที่เคยเห็นจนชินตาและจำได้ตอนเรียนหนังสือเปลี่ยนไป ด้ามขวานแคบและแหว่งวิ่นเห็นได้ชัด ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ทำให้ขนาดเหลือประมาณ 70 % เทียบกับของเดิม..และจะขาดออกเป็นสามท่อนในช่วงการปรับครั้งสุดท้าย

    อ่าวไทยกว้างขึ้น ฝั่งตะวันออกหายไปแยะ หายลึกเข้าไปถึง แปดริ้ว ปลวกแดง ไม่มีชลบุรี ศรีราชา เหลือเกาะสัตหีบเล็กๆ โรงไฟฟ้าบางปะกง กฟผ.ที่เราเคยมีส่วนในการสร้างก็หายไป หมายความว่าหลังการกวาดล้างและแก้ระบบนิเวศน์โดยเบื้องบน ภาพที่เห็นคือผลสุดท้ายของการปรับและกวาดล้าง เพื่อชีวิตและนิเวศน์ที่ี่ดีกว่า..หลังจากถูกมนุษย์ย่ำยีจนเป็นอันตรายต่อการดำรงสภาพชีวิตของชนรุ่นหลัง จากนั้นในวีดีโอได้แสดงให้เห็นว่า ขั้นตอนการปรับสภาพนิเวศน์ของอ่าวไทยเกิดขึ้นได้อย่างไร มีรายละเอียดมากจะขอข้ามไปก่อน

    มหกรรมภาค 2 Episode ii

    เริ่มด้วยมองเห็นท้องน้ำและฟ้ามืดมาก มองสลัวพอจำเค้าได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ฟ้ามืดอากาศมัวมาก เหมือนกรุงเทพฯตกอยู่ในหมอกแห่งความน่ากลัว..มองเห็นสิ่งหนึ่งมีสีทองสว่างท่ามกลางความมืด..ล่องลอยมาตามลำน้ำ..พอเข้ามาใกล้ก็เห็นชัด นั่นคือหัวพญานาค 7 เศียร ลอยมาเหนือน้ำ .....พญานาคมาทำไม.

    ทันใดก็ชัดเจนขึ้นว่า เป็นหัวเรืออนันตนาคราช ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนเรือพระที่นั่งของกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ขนาดเรือเท่าของจริง มองเห็นผู้ที่กำลังเป็นผู้ควบคุมเรือ ท่านคือองค์พิฆเนศวร กำลังให้สัญญาณในการบังคับเรือ มองเห็นว่าด้านท้ายเรือ ผู้ที่ทำหน้าที่ถือหางเสือเรือคือพญาครุฑ ซึ่งเป็นสัตว์เทพพาหนะคู่บารมีของพระเจ้าแผ่นดิน กลางลำมองเห็นชัดเจน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงประทับยืน

    ในพระหัตถ์ทรงถือธารพระกรหรือคฑา ทรงค่อยๆชูคฑานั้นขึ้นสูงเหนือพระเศียร ทันใดพระคฑาก็กลายเป็นคบเพลิงใหญ่สว่างโรจน์ เหมือนภาพปั้นอนุสาวรีย์เสรีภาพที่หน้าอ่าวแมนฮัตตันของอเมริกา ความสว่างและความร้อนของเพลิง ขับไล่ความมืดมัวท้องฟ้าที่มีสีดำ เหมือนมนต์อาถรรพ์เริ่มละลายเป็นช่องโหว่ที่ ตำแหน่งเหนือพระเศียร..... พอช่องโหว่ได้ที่ พระองค์ก็ทรงโยนพระคฑาขึ้นสูง เหมือนดรัมเมเดยอร์โยนคฑาขึ้นฟ้า

    คฑาที่ลอยขึ้นกลายเป็นเศวตฉัตร 9 ชั้นสีเงิน เศวตฉัตรนั้นลอยขึ้นสูงอย่างช้าๆ เมื่อไปแตะเมฆดำทึบมืดมน ก็เกิดสายฟ้าแลบกว้างไกล...ท้องฟ้าทั้งหมด สว่างขึ้นทันตา..ความมืดมัวและอาถรรพ์นั้นหายไปจนหมดสิ้น..ฟ้าเปิดแล้ว ทั้งหมดแปลว่า ท่ามกลางความยุ่งยากของความวิปริตของธรรมชาตินั้น ในที่สุดก็คลี่คลายด้วยพระบารมีของในหลวงรัชกาลปัจจุบัน โดยการร่วมมือของ พญานาค องค์พิฆเนศวร (ฝ่ายเทพ) พญา ครุฑ (จากฟ้า) และองค์มหาเทพ ในหลวงรัชกาลที่ 9..ที่ทรงเสด็จลงมาช่วยแก้ไขประเทศไทยไว้..อันเป็นบารมี สูงสุด

    มหกรรมภาค 3 Episode iii

    เป็นภาพท้องน้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง มองเห็นลำน้ำใส มองเห็นทิวแม่น้ำและท้องทุ่งสดเขียวขจี ทุกแห่งมีแต่ความสมบูรณ์ ผู้คนล้วนแต่งในชุดขาว หน้าตาสดใส เป็นผู้คนที่มาจากฟ้าหลังฝน มองเห็นแต่ความเจริญ ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นการเริ่มยุคแห่งศรีอริยเมตไตรย์..เป็นความร่วมมือของ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่โพสพ พระแม่สุวรรณมัจฉา และพระพิรุณ..โดยแท้

    ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ มองเห็นองค์พระพุทธรูปปางลีลาสูงเด่น มองเห็นแต่ไกล ซึ่งแสดงระหัสว่าพระพุทธศาสนาจะคงอยู่ในประเทศไทย เป็นหลักให้คนทำดี ได้มีโอกาสทำดีต่อไป...หลังจากที่ฝนพายุได้ผ่านไป มองเห็นพระพุทธคยา ตั้งเด่นซ้อนอยู่กับองค์พระพุทธรูปขนาดสูงใหญ่...ซึ่งเป็นนิมิตหมายว่า ประเทศไทย จะเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ศาสนาพุทธอันยิ่งใหญ่ในอนาคต

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว..พวกเราในวันนี้ เราควรจะทำเช่นใด..ผู้ที่มีวิจารณญาณที่ดี ก็คงจะรู้ว่าจะต้องทำอะไร มองดูทั่วโลก ยุโรปเปลี่ยนแปลงน้อย อเมริกาเหมือนถูกทุบ มองเห็นร่องน้ำใหญ่ ที่เกิดจากถูกฝ่ามือกดลงไป กลายเป็นร่องน้ำกว้าง หลายร้อยไมล์ยาวกว่าพันไมล์ห้าร่อง แปลว่าจะมีคนตายนับล้านที่นั่น เอเซียนั้นไม่มีสิงค์โปร์ ไม่มีฟิลลิปปินส์ ไม่มีเกาะญี่ปุ่น. อินโดนีเซียเหลือเพียงบางส่วน.ฯลฯ

    เช้านี้เวลาตีห้า มีกระแสเข้ามาทางจิตว่า มีจานบินจากดาวต่างๆ เข้ามาวนอยู่รอบโลกในระดับสูงมากกว่า 200 ลำ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ที่จะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่า...พวกเราพร้อมหรือยัง..มหกรรมยกแรก Episode i กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...ขอให้ทุกท่านจงปลอดภัย ตามแรงบุญและความดีที่ได้สะสมไว้ ..ตลอดหลายภพหลายชาติที่ผ่านมา..สวัสดี

    จากคุณ : ตาที่สาม - [ 15 พ.ค. 48 07:14:57 ]

    ที่มา PANTIP.COM : X3525934
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2013
  12. waterydis

    waterydis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +1,995
    เรื่องน้ำท่วมเป็นอะไรทั้งใกล้ตัวเรามากมาย เพราะ หนึ่งคณะที่เรียนก็คือคณะอุทกศาสตร์ (Hydrology) สอง วิชาเลือกก็เลือกเรียนการจัดการความเสี่ยงจากน้ำท่วม (Flood Risk Management) สามเรียนอยู่ที่เมืองเดรสเดน (Dresden) ประเทศเยอรมนี เมืองติดกับแม่น้ำเอลเบอร์ (Elbe) ตอนทำงานพิเศษอยู่นั่งรถข้ามทุกวัน ตอนนี้เห็นว่าบางสะพานข้ามไม่ได้แล้ว

    น้ำท่วมครั้งนี้ ณ เวลานี้ ถือว่ามีความรุนแรงน้อยว่าเมื่อปี 2002 มาก ทั้งๆ ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า ปัจจัยหลักใหญ่ๆ 2 ปัจจัยที่ทำให้น้ำท่วมครั้งนี้ไม่รุนแรง คือระยะเวลาและการเตรียมพร้อม ระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฝนตกทุกวันทั้งวัน แต่ไม่แรง ซึ่งทำให้ไม่เกิดน้ำหลาก ถึงมีน้ำหลากก็จะถูกต้านไว้เป็นระยะๆ ด้วยปัจจัยที่สอง คือการเตรียมพร้อม เมืองเดรสถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2002 อย่างรุนแรง ส่งผลให้ทางรัฐและหน่วยต่างๆ เร่งรัดการรับมือน้ำท่วมอย่างจริงจัง (จนฟังแล้วอาจดูเวอร์) ฝายกั้นน้ำ ฝายกั้นน้ำชั่วคราว เขตรับน้ำท่วม ถูกปรับปรุง ขยาย และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก ถ้าจำไปผิดจากไม่ถึงร้อยแห่ง กลายเป็นเกือบพันกว่าแห่ง (ถ้าจำไม่ผิดนะ)

    นี้คือภาพฝายกันน้ำชั่วคราวใกล้ๆ บาง ปรกติเป็นที่หมาวิ่งเล่น ซึ่งในภาพเป็นสระน้ำไปแล้ว น้ำลึกประมาณสองเมตรได้ พรุ่งนี้ว่าจะไปถ่ายรูปที่ข้างแม่น้ำ ถ้าได้ไป เดี๋ยวจะมาอัพรูปให้ดู

    ป.ล. 1 ถ้าไม่มีฝายนี้ บริเวณนั้นก็คงท่วมกันอ่วม
    ป.ล. 2 หมาที่ยืนหาที่ลงไม่ได้คือหมาเราเองแหละ
    ป.ล. 3 น้ำจากปรากมาเมื่อไหร่ อาจจะมีลุ้นอพยพ (พร้อมกับหมา)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2013
  13. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    5 มิ.ย. 56

    ปล่อยวางอย่างรับผิดชอบ !!!




    พระธรรมเทศนาโดย พระไพศาล วิสาโล


    รู้หน้าที่.....แต่อย่ายึดในหน้าที่

    พ่อปู่กัสปเคยเทศน์เตือนให้ไว้

    เคอิสรา
     
  14. ริมฝั่งของ

    ริมฝั่งของ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +310

    ทุกอย่างเป็นไปตามวาระแห่งกรรม หรือการกระทำของเราทั้งนั้น

    จะกังวลไปใย กายแตกดับได้ แต่ใจเราต้องคงไว้ ..

    รักษาใจ ดูใจของตน ...

    เกิด แก่ เจ็บ ตาย หนีพ้นไปได้เมื่อไหร่......ไม่ตายวันนี้

    ก็ต้องตาย ในวันข้างหน้าอยู่ดี ..ไม่มีใครหนีพ้น..จะกลัวไปทำไม

    สำคัญคือ..เราเตรียมพร้อมใจของเรากันแค่ใหน อย่างไร .????

    เรามีความดี เป็นที่พึ่งของใจกันหรือยัง..ยังไม่สายนะครับ..
     
  15. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    นิตยสารซีเครท : Vol.5 No.114 26 March 2013
    Joyful Life & Peaceful Death


    สุขด้วยปัญญา พระไพศาล วิสาโล

    ผู้มีปัญญากับผู้ไม่มีปัญญาแตกต่างกันตรงไหน ข้อหนึ่งที่สำคัญก็คือ ผู้มีปัญญานั้นย่อมหาความสุขได้แม้ประสบทุกข์ ส่วนผู้ไม่มีปัญญามัวแต่เป็นทุกข์ทั้ง ๆ ที่พบสุข เมื่อความเจ็บป่วย ความสูญเสีย หรือความล้มเหลวเกิดขึ้นกับผู้มีปัญญา เขาไม่เอาแต่บ่นหรือตีโพยตีพาย แต่ยอมรับว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับใครก็ตาม ดังนั้นจึงหันมาใคร่ครวญว่าจะแก้ไขหรือจัดการกับมันอย่างไร หากแก้ไขไม่ได้ ก็ยอมรับความจริง และมองไปข้างหน้า ไม่มัวเสียดายหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอันเป็นอดีตไปแล้ว เพราะรู้ดีว่าความเสียใจนั้นเป็นการซ้ำเติมตัวเอง ป่วยกายก็พอแล้ว ทำไมต้องป่วยใจด้วย เสียทรัพย์ก็พอแล้วจะเสียใจไปอีกทำไม หาไม่อาจทำให้เสียสุขภาพและเสียงานเสียการตามมา เท่านั้นไม่พอ อาจเสียสัมพันธภาพอีกด้วย เพราะเผลอระบายอารมณ์ใส่คนใกล้ชิด เช่น ลูกหรือคู่รัก

    ผู้มีปัญญานั้นนอกจากจะไม่ปล่อยให้ใจเป็นลบแล้ว ยังรู้จักมองหาข้อดีหรือประโยชน์จากเหตุร้ายที่เกิดขึ้น เช่น ได้เห็นสัจธรรมว่าสังขารนั้นไม่เที่ยงเลย พบกับพราก เจอกับจากเป็นของคู่กัน ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง มันแค่มาอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้ายึดติดถือมั่นว่าเป็นของเราเมื่อใด ก็เป็นทุกข์เมื่อนั้น ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังเตือนใจให้ไม่ประมาทและฝึกใจให้เข้มแข็ง ทำให้มีภูมิต้านทานต่อความทุกข์และอดทนต่อความผันผวนปรวนแปรในชีวิตได้มากขึ้น

    ความทุกข์นั้นไม่ได้มีแต่ด้านลบ แต่ยังมีด้านบวกที่ปัญญาเท่านั้นช่วยให้มองเห็น หลายคนพบว่าความเจ็บป่วยทำให้เขาได้สัมผัสกับความรักอย่างลึกซึ้งของพ่อแม่ หรือรู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่รักและห่วงใยเขา ขณะที่จำนวนไม่น้อยขอบคุณโรคร้ายที่ช่วยให้เขาได้พบธรรมะและความสงบเย็นในจิตใจ ส่วนคนที่ล้มละลายก็ได้เห็นน้ำใจของมิตรแท้และรู้ว่าทรัพย์สินเงินทองหาใช่สรณะที่แท้ไม่ ใช่แต่เท่านั้นเขายังมองเห็นว่า ถึงจะเจอเรื่องร้ายเพียงใด ก็ยังดีที่มันไม่ร้ายไปกว่านี้


    การมองด้านบวกยังหมายถึง การมองเห็นสิ่งดีๆ ที่ยังมีอยู่กับตัว ไม่มัวใส่ใจกับสิ่งที่เสียไปหรือสิ่งแย่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แทนที่จะอาลัยแขนขาที่พิการหรือตาที่มืดบอด ก็หันมาชื่นชมอวัยวะต่างๆ อีกมายที่ยังดีอยู่ และใช้อย่างเต็มศักยภาพจนทดแทนสิ่งที่เสียไป ดังนั้นจึงพบกับความสุขได้ไม่ยาก ทำนองเดียวกันแทนที่จะคะนึงถึงทรัพย์ที่เสียไป ก็หันมาตระหนักว่าตนเองยังมีทรัพย์อีกมากมายที่สามารถให้ความสุขแก่ตนได้ ใช่แต่เท่านั้นสุขภาพก็ยังดีอยู่ อีกทั้งมีพ่อแม่และคนรักอยู่ใกล้ตัว ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งทรงคุณค่าที่เงินซื้อไม่ได้
    ด้วยเหตุนี้ทั้งๆ ที่ประสบทุกข์ ผู้มีปัญญาก็ยังสามารถมองเห็นและเก็บเกี่ยวความสุขที่มีอยู่รอบตัว อีกทั้งยังสามารถสัมผัสความสุขจากภายในอันเกิดจากใจที่ปล่อยวางและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรมดา รวมทั้งความสงบเย็นจากสมาธิภาวนา
    ในทางตรงกันข้ามผู้ไม่มีปัญญาแม้มีทุกอย่างในชีวิต แต่ก็ยังทุกข์เพราะรู้สึกว่ามีน้อยไป ทั้งๆ ที่มีสุขภาพดี หน้าตาสะสวย ทรวดทรงงดงาม ก็ยังกลุ้มใจเพราะมองเห็นแต่ข้อตำหนิ เช่น มีสิว ผิวคล้ำ น้ำหนักเกิน ได้โบนัสนับล้านก็ยังไม่พอใจเพราะเห็นเพื่อนได้มากกว่า มีบ้านที่งดงาม กว้าขวาง อยู่สบาย ก็ยังไม่มีความสุขเพราะเห็นเพื่อนอยู่คฤหาสน์ ถึงจะได้โชคลาภมา ก็ยังเสียใจเพราะคิดว่าน่าจะได้มากกว่านั้น

    ผู้ไม่มีปัญญานั้นหากไม่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เสียไป ก็มัวแต่ชะเง้อมองสิ่งที่ยังไม่มี หวังว่าจะมีความสุขก็ต่อเมื่อได้มันมาครอบครอง เขาคิดถึงแต่ความสุขที่รออยู่ข้างหน้า จนลืมไปว่าความสุขนั้นมีอยู่กับเขาแล้ว เป็นความสุขที่สัมผัสได้ในปัจจุบัน จะเรียกว่าเป็นความสุขที่อยู่ปลายจมูกก็ได้ แต่มันอยู่ใกล้มากจนมองไม่เห็น หาไม่ก็เป็นเพราะมันอยู่กับเขานานจนกลายเป็นสิ่งจำเจ ไม่มีค่า หรือเป็น “ของตาย” หารู้ไม่ว่ามันเป็นของชั่วคราว สักวันหนึ่งก็ต้องสูญสลายหายไป ต่อเมื่อวันนั้นมาถึง เขาจึงจะเห็นคุณค่าของมัน แต่ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว แม้กระนั้นเขาก็ยังไม่สรุปบทเรียน มัวแต่เศร้าเสียใจที่สูญเสียมันไป จนลืมใส่ใจกับสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้

    ผู้ไม่มีปัญญานั้นจะเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็ต่อเมื่อ ๑) มันยังไม่เป็นของเขา ๒) เขาสูญเสียมันไปแล้ว แต่ผู้มีปัญญานั้นเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นขณะที่มันยังอยู่กับเขา เพราะเขาให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่าอนาคตหรืออดีต ดังนั้นเขาจึงมีความสุขทุกขณะ โดยไม่หวังความสุขจากอนาคต หรือหวนหาความสุขในอดีต


    ผู้มีปัญญาแม้ประสบทุกข์ แต่ใจก็ไม่ตกต่ำย่ำแย่ เพราะนอกจากไม่ยอมให้ความทุกข์ฉาบย้อมครอบงำใจแล้ว ยังสามารถมองเห็นความสุขทุกขณะด้วยประการฉะนี้

    รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล วิสาโล www.visalo.org
     
  16. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    5 มิ.ย. 56 หนังยาว

    ภาพยนต์เขาฉายให้ดูตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี50 เมื่อมาดูปี 54 (บทความถูกลบไป 4ปี) แล้วมาบอกว่าทำไมไม่มีตอนที่อยากจะรู้ด้วย? ท่านต้องไล่กลับไปดูภาพปกติย้อนหลังถึงจะเจอ (บทรวมส่วนตัวมีแค่ปี54 เป็นต้นมา)

    สัจจะมี หน้าที่มี ตัวกระทำจึงเกิด

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2013
  17. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ในช่วงนี้ถึง 1 พย.56 คิดว่าเหตุการณ์แรงๆที่จะเกิดในกรุงเทพ เช่น สตอมเสิร์ท หรือ แผ่นดินไหวน่าจะไม่เกิด รู้สึกอย่างนั้นนะ
     
  18. Prompiriya

    Prompiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,081
    ขณะนี้ในตัวเมืองฝนตกหนักครับ 14.22น ยังไม่หยุดเลยครับ
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ศึกรักสามเส้า"ที่ชาวกรุงเทพมหานครต้องจับตาดูให้ดี !!!

    [​IMG]

    จดหมายจากน้ำ…ถึง…พี่กรุง

    น้ำรู้ว่าพี่กรุงไม่ต้องการน้ำแล้ว รู้แล้วว่าพี่มีความสุขดีโดยที่ไม่มีน้ำ แต่พี่กรุงจำได้หรือเปล่าว่าเราเคยมีความสุขกันมากขนาดไหน และน้ำรู้ว่าพี่ ไม่พอใจที่น้ำกลับมาหาพี่ ถึงแม้ที่ผ่านมา น้ำจะทำไม่ดีกับคนอื่นมา แต่น้ำอยากให้พี่รู้ไว้ น้ำใช้พวกเขาเป็นทางผ่านเพื่อมาหาพี่กรุง

    ตอนนี้น้ำทำได้ดีที่สุดก็แค่รออยู่รอบ ๆ ตัวพี่กรุง แต่ให้พี่รู้เอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง น้ำจะเข้าไปหาพี่กรุงให้ได้ เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน น้ำอยากให้พี่กรุงรู้เอาไว้ว่า น้ำจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจและตัดใจจากพี่กรุงเด็ดขาด ถึงแม้ผู้ใหญ่ของพี่จะพยายามผลักดันน้ำให้ออกห่างจากพี่กรุงก็ตาม แต่น้ำไม่แคร์ ถึงแม้ใครจะด่าน้ำว่าหน้าด้าน เบื่อน้ำ เกลียดน้ำก็ตาม น้ำก็จะไปอยู่กับพี่กรุงให้ได้ พี่กรุงคอยดูก็แล้วกัน

    ป.ล. ฝากบอกอินังทรายด้วยนะ ว่า "น้ำไม่ยอมง่าย ๆ หรอก" …

    "น้องน้ำ" ประกาศว่าจะไปหา "พี่กรุง" ให้ได้ถึงขนาดนี้ ไปดูว่า "พี่กรุง" ตอบกลับว่าอย่างไร

    จดหมายจากพี่กรุง...ถึง...น้ำ

    น้ำ...พี่อยากให้น้ำรู้ ทุกวันนี้พี่อยู่โดยไม่มีน้ำ พี่มีความสุขดีอยู่แล้ว น้ำจะมาอะไรตอนนี้ เชื่อเถอะ ยังไงพี่ก็ไม่มีความสุขหรอก น้ำไปตามทางของน้ำเถอะ พี่รู้ดีน้ำเป็นยังไง เอาเถอะนะ ถ้าน้ำดึงดันจะมา พี่ก็เข้าใจ จะมาก็มาเลย พี่รับได้...ฝันของพี่จะได้เป็นจริงสักที พี่จะได้ไม่ไปอยู่ไหน อยู่แต่กับน้ำนี่แหละ แต่ขอร้อง น้ำอย่าให้ความหวังพี่ว่าน้ำจะมา แล้วน้ำก็ไม่มา มัวแต่ไปขังอยู่กับคนอื่น ถ้าน้ำจะมา ขอให้มาเต็ม มาเคลียร์ให้มันจบ ๆ กันไปน้ำ ไม่ใช่ให้พี่คอยลุ้นว่าจะน้ำจะมาไม่มา มันทรมานนะน้ำ อย่าทำกับพี่เหมือนที่น้ำทำกับคนอื่นเลย พี่เข้าใจนะ ถึงแม้ชีวิตพี่ขาดน้ำไม่ได้ แต่เราต่างคนต่างอยู่เถอะ ถ้าพี่ต้องการน้ำเมื่อไหร่พี่จะเปิดก๊อกเอง...

    ป.ล.ตอนนี้ ทราย เค้าดูแลพี่ดีอยู่แล้ว

    "พี่กรุง" เล่นตัดเยื่อใยกันแบบนี้ แล้ว "น้ำ" จะยอมได้ยังไงล่ะ งานนี้ "น้ำ" ก็เลยต้องส่งจดหมายฉบับที่ 2 ถึง "พี่กรุง" อีกครั้ง

    จดหมายตอบจากน้ำ

    พี่จ๋า พี่ไม่รักน้ำแล้วหรอพี่หนีน้ำมาทำไม น้ำอุตส่าห์รอนแรมผ่าน....นครสวรรค์ อยุธยา ปทุมธานี เพื่อมาหาพี่ที่ กทม. แต่พี่ก็กีดกันน้ำทุกวิถีทาง ไม่ให้น้ำได้เจอกับพี่ แถมยังกันไม่ให้น้ำเข้าบ้านพี่อีก พี่ไม่นึกถึงวันเก่า ๆ ที่เราเคยเล่นสงกรานต์ด้วยกันอย่างมีความสุขเหรอ น้ำจำได้ดี วันที่พี่ต้องการน้ำมาก ต่อให้แพงแค่ไหนพี่ก็สู้ แต่ตอนนี้น้ำใกล้จะถึงบ้านพี่ แต่พี่ก็ขับรถหนีน้ำไปบนทางด่วนอีก

    ป.ล.สุดท้ายนี้ น้ำจะรออยู่ที่บ้านพี่สัก 2 เดือนนะคะ

    เล่นพูดกันขนาดนี้ มีหรือที่ "น้องทราย" กิ๊กใหม่ของ "พี่กรุง" จะยอม ขอลุกขึ้นมาเขียนถึง "น้ำ" บ้าง

    จดหมายจากทรายถึงน้ำ

    ถึง: นังน้ำ!

    ทรายอยากให้น้ำรู้ไว้นะ ว่าน้ำเป็นเพียงอดีตของพี่กรุง! ทรายจะทำทุกวิถีทาง เพื่อกีดกันน้ำ..ไม่ให้พบกับพี่กรุง ผู้ใหญ่เค้าก็เห็นดีเห็นชอบกับทราย ..ให้ทรายคอยกันน้ำไปทางอื่น และถึงแม้ว่า ผู้ใหญ่เค้าจะบอกว่า "เอาอยู่" แต่น้ำก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะทำลายทรายและพี่กรุง ขอร้องเถอะนะน้ำ อย่ามาทำให้ใครต่อใครต้องชอกช้ำ เพราะน้ำไปมากกว่านี้เลย T^T

    "ทรายสัญญาจะดูแลพี่กรุงให้ดีที่สุด" และไม่ว่าน้ำจะลดละ หรือไหลบ่า ท่วมทุ่งซักกี่ลูกบาศ์กเมตรก็ตาม ทรายก็จะคอยหนุน และเปลี่ยนน้ำให้ไปทางอื่นให้ได้!

    ทราย

    งานนี้ต้องให้สุภาพบุรุษอย่าง "พี่กรุง" ออกมาปกป้อง "น้องทราย" เสียหน่อย ไหน ๆ ก็ลุกขึ้นมาประกาศจะต่อสู้กับ "น้ำ" ให้ถึงที่สุดแล้วนี่...

    จดหมายจากพี่กรุงถึงทราย

    ถึงพี่กับทรายเราจะรู้จักกันได้ไม่นาน ... แต่พี่ก็ขอบคุณจริง ๆ ทรายต้องเจอกับอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพี่ ทั้งน้ำ ทั้งฝน ทั้งคลื่น ที่คอยมาก่อกวนทราย ขอบคุณที่เป็นที่พึ่งให้กับพี่

    ป.ล.พี่กับน้ำใกล้จะเคลียร์กันจบแล้ว ขอให้ทรายอดทนอีกสักพักนะ

    จาก พี่กรุง

    ปล่อยให้ 3 คน คุยกันอยู่ฝ่ายเดียวก็กระไรอยู่ "พี่ทะเล" ซึ่งแอบรัก "น้องน้ำ" มาโดยตลอด ก็เลยส่งจดหมายถึง "น้ำ" เพื่อเรียกให้ "น้ำ" กลับมาบ้าง

    จดหมายจากพี่ทะเลถึงน้ำ

    ถึง...น้องน้ำ

    พี่อยากจะบอกน้องน้ำว่า พี่ยังรอน้องน้ำอยู่ทุกลมหายใจ เมื่อเขารังเกียจไม่มีใครต้องการแล้วเราจะอยู่ทำไมให้เขาขับไล่ไสส่ง กลับมาอยู่ในที่ของเราเถอะ พี่กรุงเขากำลังหลงอยู่กับ แสง สี เสียง ก็ปล่อยเขาอยู่กับนังทรายต่อไปก็แล้วกัน กลับมาไว ๆ นะ พี่ทะเลรออยู่ และจะรอตลอดไป

    "รักน้องน้ำสุดหัวใจ"

    จาก ... พี่ทะเล

    ดูท่าว่า ศึกรักสามเส้าครั้งนี้จะไม่จบง่าย ๆ เสียแล้ว เพราะชาวโลกไซเบอร์เขาครีเอทจดหมายโต้ตอบกันไปมาหลายเวอร์ชั่นเสียเหลือเกิน บทสรุปจะเป็นเช่นไร "น้องน้ำ" จะไปหา "พี่กรุง" ที่บ้านได้หรือไม่...แล้ว "น้องทราย" จะกีดกันทั้งคู่ได้แค่ไหน ชาวกรุงเทพมหานครต้องจับตาดูให้ดี...

    ที่มา จดหมายจากน้องน้ำ ฮาคลายเครียด! จดหมายจากน้องน้ำถึงพี่กรุง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    5 มิ.ย. 56

    ปีนี้ถ้าภัยคนมา ปีหน้าเตรียมตัวได้เลย

    เคอิสรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...