คิดเห็นอย่างไรกับกรณีหลวงปู่เณรคำ

ชาติสุดท้ายไม่ขอเกิด ลักษณะนี้คงไม่ได้ได้เกิดอีกแล้ว อเวจีมหานรกรออยู่

 

ก็แล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณาครับ

ปล. ภาพทั้งหมดได้มาจากการค้นใน google เท่านั้น จากคำที่ใช้ค้น "หลวงปู่เณรคำ"









.

 

ชาวพุทธชอบคิดเอาเอง ศรัทธาเอาเอง มันก็เป็นอย่างที่เห็น มีใครรู้บ้างว่าแก่นของพุทธมันหายไปตั้งแต่ตั้งโลกใหม่ๆแล้ว ส่วนกระพี้มีเกิดเป็นระยะๆ และหายไปหลังศาสดาตายไปไม่นาน ที่เราทำยึดถือปฏิบัติกันนี้เป็นตามศรัทธาล้วนๆ พวกที่ห่มเหลืองหลายๆคนที่โด่งดังเรานับถือกันนี้ปุถุชนทั้งนั้น ที่ดีก็มีพวกพยายามปฏิบัติดีกันเท่านั้น จะหวังสำเร็จไรกันไม่มีแล้ว ตื่นเถิดชาวไทยเอ๋ย

 

เรียนคุณ พญาเสือดาว
พระไทยที่ปฏิปทาดีๆ น่ากราบยังมีอีกแยะครับ แต่ท่านเหล่านั้นก็อยู่ของท่านเงียบๆ
หรืออาจจะไม่เงียบบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็อยู่ในแวดวงศิษย์ท่าน ที่ลูกศิษย์เป็นหมื่นเป็นแสนคนก็มี แต่ก็ไม่มีอะไรด่างพร้อย

กรณีเรื่องกระทู้นี้ผมขอไม่วิจารณ์ ครูบาอาจารย์ผมห้ามไว้ แม้ว่าเราอาจไม่เห็นด้วยก็ตาม

 

ผมก้รู้พระในเมืองไทยที่ดีมีเยอะมาก เเละสวนมากก็เป็นพระโพธิสัตว์เเละพระอรหันต์ เเต่มารก็เยอะเหมือนกัน

 

ผมเคยได้ยินพระท่านหนึ่งว่า
*****ดังไม่ดี ดีไม่ดัง*****
ความหมายอาจจะประมาณว่า
ถ้าดังแล้วจะมีคนเข้าหามาก กิเลสก็จะมากตามไม่มีเวลาปฏิบัติ
ถ้าไม่ดังอยู่ของเราอย่างสงบ ก็จะมีเวลาปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลสตนเองให้สิ้นไป
:dอันนี้คิดเองนะ
----------------------
ดังไม่ดี ดีไม่ดัง

 

ผมคิดว่าปัญหาไม่ใช่ที่ตัวพระ แต่เป็นที่ญาติโยมต่างหาก เหมือนที่หลวงพ่อจรัลได้ให้สัมภาษณ์ (ดูจาก YouTube) ว่าคนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดที่เข้ามาในวัดเพราะมีความทุกข์ (โดยเฉพาะคนสูงอายุ) มีส่วนน้อยที่เข้ามาปฏิบัติธรรม (มักจะเป็นวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว)

กรณีหลวงปู่เณรคำ ผมมีความรู้สก 2 อย่าง อย่างแรกคือ สงสารเพราะทุกคนที่นี่คงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากผลกรรม น่าเสียดายที่เข้ามาใกล้ชิดพระพุทธศาสนาขนาดนี้แต่ไม่ได้เข้าใจหรือเข้าถึงเลยแม้แต่น้อย

อย่างที่ 2 คือ เป็นห่วงศาสนาพุทธ ซึ่งนั่งเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการแทนที่จะรอกฏแห่งกรรมเพียงอย่างเดียว

ผมเคยฟังคลิปบรรยาย น่าจะเมื่อปีที่แล้ว (หรือไม่ถึงปี) ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะมาจากคำแนะนำของเว็บพุทธศาสนาที่น่าเชื่อถือ (ซึ่งก็คงจะไม่ทราบตัวตนที่แท้จริง แนะนำด้วยความบริสุทธิ์ใจ) หลังจากดูไปได้ไม่กี่นาที ติดใจตรงชื่อ "หลวงปู่" ทั้งที่อายุยังน้อย แสดงว่ายังมีอัตตา ยังยึดติด หวังในลาภ ยศ สรรเสริญ เพียงเท่านั้นผมจึงไม่ดูต่อและสนใจพระรูปนี้เลย

โดยความรู้สึกส่วนตัว พระเป็นองค์ประกอบหนึ่ง ต่อให้มีพระไม่ดีทั่วประเทศ พระธรรมของพระพุทธเจ้ายังเหมือนเดิม ใครก็ตามที่ได้ศึกษาและเข้าใจ ก็เหมือนได้พบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตแล้ว ไม่มีใครที่จะเอาไปได้

คนที่ไม่สามารถเข้าถึงหรือเข้าใจพระธรรม น่าสงสารมากกว่า

 

จารย์.....ไม่วิจารณ์พระ

แต่วิจารณ์คนรอบข้าง ญาติโยมที่ไปแห่แหน.......ผิดป่ะ....

 

คนมีเงินบางคนหลงผิด คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั้งซื้อบุญ เพื่อจะลบล้างความผิดที่ตัวเองก่อไว้ บางทีคนอื่นไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำกรรมทำเวรอะไรมา แต่ต้องการสร้างภาพว่าตัวเองใจบุญ บริจาคเงินเยอะๆ เพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ จึงเป็นช่องทางให้คนที่อาศัยผาเหลือง ทำมาหากินกับคนพวกนี้อยู่ ในอดีตที่ผ่านมาก็มีหลายๆคนที่ทำตัวหลอกลวงชาวบ้าน

 

เงินมีไว้ไม่ได้ให้เพื่อซื้อบุญขึ้นสววรค์น่ะครับ เงินมีไว้เพื่อซื้อความรู้เพื่อตรัสรู้น่ะครับ ท่านจะต้องทำด้วยตัวท่านเอง "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เท่านั้น

 

ธรรมชาติไม่เคยที่จะหยุดสอนพวกท่านเลย พระแม่ธรณีท่านสอนพวกท่านอยู่ตลอดเวลาในทุกสิ่งอย่างทุกนาทีรอบตัวท่าน หากท่านใดมีปัญญา ท่านย่อมเรียนรู้ได้ครับ

 

ท่านใดที่สามารถเข้าถึงปัญญาระดับปรมัตถ์แล้ว ท่านก็จะเจอกับสภาวะจิตปรุงแต่ง ซึ่งท่านจะไม่สามารถแยกออกว่าสิ่งไหนจริงแท้ หรือสิ่งไหนเทียม ท่านจะต้องพิจารณาตามสภาวะความเป็นจริงด้วยสัมผัสทั้ง 6 นะครับ (ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ) และอย่าให้สิ่งใดมาอยู่เหนือสติปัญญาของเราได้นะครับ

 

ผมได้วางข้อความแห่งการตรัสรู้ไว้ในกระทู้ด้านล่างนี้แล้วนะครับ ท่านใดที่มีปัญญาท่านจะสามารถตรัสรู้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

http://palungjit.org/threads/ขอความกรุณาผู้ดูแลอย่าลบกระทู้นี้นะครับ.497878/page-7

 

ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่านข้อความของผมตั้งแต่หน้าแรกนะครับ ก่อนที่ท่านอาจจะไม่ได้อ่านอีกเลย ...

 

อ้าวคุณ กลับกระทู้ตัวเองด่วนเลยครับ ไม่อยู่เฝ้ากระทู้เดี๋ยวโดนลบอีกน่ะ

 

เห็นว่าภาพกับสีกา
พวกลุกศิษย์ว่าเป็นภาพตัดต่อนี่ครับ

คนที่ชำนาญด้านภาพถ่ายมีความเห้นอย่างไรครับ

 

เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 ประเด็นครับ คือ
1.ตัดภาพ
2.ต่อภาพ

จากที่เห็น เรื่องตัดภาพน่าจะเป็นเรื่องจริงล่ะครับ คือตัดภาพส่วนที่เป็นใบหน้าผู้หญิงแบบเต็มๆออกไป

ส่วนเรื่องต่อภาพยังไม่เห็นครับ

 

หลักฐานชัดขนาดนี้ ก็ต้องแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปแบบนั้นแหล่ะครับ ท่านน่าจะสงสัยอีกประเด็นหนึ่งที่ว่า.. หากมีคนทำการตัดต่อจริง เหตุใดจึงทำแค่นี้ ทำไมรายละเอียดถึงได้น้อยนัก ใส่ร้ายอะไรแทบไม่ได้?

แต่ก็เท่ากับเขายอมรับไปแล้วว่าในภาพคือตัวจริง แค่ทำให้ไขว้เขวโดยใช้คำว่า ภาพตัด-ต่อ อาจจะเพื่อให้คนหลงประเด็นครับ

การใช้คำว่า ภาพตัด-ต่อ จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกรณีนี้ เพราะถือว่ายังโชคดีที่ถ่ายติดแค่นั้น(หรือไม่ก็โดนตัดออก)

แต่หากพิสูจน์กันจริงๆ มีผู้เชียวชาญเรื่องภาพถ่ายมาฟันธง ก็ไม่น่าจะยอมรับตรงๆอยู่ดีว่าข้างๆเป็นผู้หญิง เพราะเราๆท่านๆก็ดูไม่ออกว่าหญิงหรือชาย


เหมือนกับ ทายอะไรไม่แม่นแล้วบอก"เลื่อน" นั่นแหล่ะครับ ไม่เห็นมีใครออกมายอมรับสักคนว่า "ขอโทษ ผมทายผิด เพราะจิตมันหลอน"


.

 

เจ้าของที่ดินไล่ “หลวงปู่เณรคำ” พ้นสำนักสงฆ์ขันติธรรม-ทวงคืนมาจัดตั้งวัดอย่างถูกต้อง

ศรีสะเกษ - “คุณแม่ลอน” เจ้าของที่ดินตั้งวัดป่าขันติธรรมไล่ “หลวงปู่เณรคำ” ออกจากสำนักสงฆ์ขันติธรรม หลังไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าจะสร้างวัดให้ถูกต้อง ระบุถามทีไรอ้างหากตั้งวัดกลัวสำนักพุทธเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินเงินบริจาค เผยหลังเรื่องฉาวเงียบลงจะจัดตั้งวัดอย่างถูกต้องขึ้นใหม่บนที่เดิมและไม่ให้ “หลวงปู่เณรคำ” เข้ามาบริหารเด็ดขาด

วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นางลอน มนัส หรือ คุณแม่ลอน อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินประมาณ 15 ไร่ที่มอบให้ พระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ดำเนินการสร้างวัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า

จากกรณีที่พระรูปหนึ่งอ้างว่าเป็นประชาสัมพันธ์ของวัดป่าขันติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลวงปู่เณรคำจะไม่ยอมตั้งวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเมื่อสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกเสร็จแล้วจะยุบวัดป่าขันติธรรม นั้น ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในตอนแรกที่มอบที่ดินตรงจุดนั้นให้หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เนื่องจากต้องการให้จัดสร้างวัดอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทางหลวงปู่เณรคำเองก็ตกลงที่จะดำเนินการตามที่ตนต้องการ

จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปนานร่วม 10 ปีก็ยังไม่มีการดำเนินการสร้างวัดแต่อย่างใด มีเพียงแค่การยื่นเรื่องเสนอทางกรมการศาสนาเพื่อขอสร้างวัด และขอใบอนุญาตตั้งวัด กระทั่งใบอนุญาตได้หมดอายุตามกำหนดเวลา 5 ปีก็ยังไม่สามารถดำเนินการสร้างวัดได้สำเร็จ

ตนได้ไปสอบถามข้อเท็จจริงจากทางหลวงปู่เณรคำอีกครั้ง แต่กลับได้คำตอบว่าจะไม่มีการสร้างวัด แต่จะสร้างเป็นวิหารหลวง โดยหลวงปู่เณรคำแจ้งว่าหากสร้างเป็นวัดขึ้นมาก็จะต้องมีการตรวจสอบรายได้เงินบริจาคต่างๆ จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

นางลอนกล่าวต่อว่า จุดมุ่งหมายตั้งแต่แรกในการมอบที่ดินให้หลวงปู่เณรคำ นั้น สืบเนื่องจากหลวงปู่เณรคำถูกชาวบ้านชุมนุมขับไล่ให้ออกไปจากป่าช้าของชาวบ้าน ทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ ตนจึงได้มอบที่ดินของตัวเองจำนวนประมาณ 15 ไร่ให้สร้างวัด และต้องการทำบุญโดยการสร้างวัดที่สมบูรณ์แบบ เพราะตนมีอายุ 68 ปีแล้ว แต่หลวงปู่เณรคำไม่ทำตามสัญญา ตนจึงจะดำเนินการสร้างวัดเองตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่เริ่มแรก โดยจะไม่ให้หลวงปู่เณรคำและพระสงฆ์บางรูปอยู่ในวัดนี้ด้วย

ในช่วงแรกที่ตนรู้จักกับหลวงปู่เณรคำ ท่านเป็นพระที่ดีมากไม่มีเรื่องราวเสียหาย จนกระทั่งผ่านมา 2-3 ปีให้หลังพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป โดยไม่ยอมมาจำพรรษาที่วัดป่าขันติธรรม (สำนักสงฆ์ขันติธรรม) แต่จะกลับมาวัดเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานที่วัดเท่านั้น ซึ่งหลังจากเสร็จงานหลวงปู่เณรคำก็จะนำเอาเงินไปด้วย และเดินทางไปทำกิจนิมนต์ต่อ แต่ไม่ทราบว่าหลวงปู่เณรคำรับกิจนิมนต์ที่ใดบ้าง ซึ่งในจุดนี้ทำให้ตนคิดว่าหากหลวงปู่เณรคำมีกิจนิมนต์มากก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ส่วนจะไปอยู่ที่ใดก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะเลือกทางเดินเอง

นางลอนกล่าวต่อว่า การที่มีข่าวความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจตนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต่อต้านหลวงปู่เณรคำมาโดยตลอดก็ได้ต่อต้านมากกว่าเดิม ชาวบ้านต่างพากันสมน้ำหน้าในการตัดสินใจของตนกับพวกที่มอบที่ดินให้หลวงปู่เณรคำเพื่อสร้างวัดแต่กลับไม่ได้เป็นวัดอย่างที่ใจต้องการไว้ ซึ่งก็ไม่เป็นไร หลวงปู่เณรคำทำตัวของท่านเอง อีกทั้งท่านไม่ได้อยู่สังกัดใด พระผู้ใหญ่ก็ปกป้องไม่ได้

ทั้งนี้ หลังจากที่ข่าวคราวของหลวงปู่เณรคำเงียบลงแล้ว ตนจะนำที่ดินที่ตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมคืนมาเพื่อไปขออนุญาตสร้างเป็นวัดที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ และจะตั้งชื่อวัดใหม่อย่างที่ตนและชาวบ้านทุกคนต้องการ และพระแก้วมรกตจำลองก็จะยังประดิษฐานอยู่ที่แห่งนี้เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชาต่อไป

“ส่วนหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก กับพระสงฆ์บางรูป โดยเฉพาะพระฐกฤต นั้นจะไม่ให้อยู่ที่วัดแห่งนี้และไม่ให้เข้ามาบริหารวัดอีก เพราะไม่อยากให้เสื่อมเสียไปมากกว่านี้” นางลอนกล่าวในตอนท้าย

ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2556 13:33 น.

 

ผมชักจะตื่นเต้นซะแล้ว
แต่ยังไม่ได้ปรามาสใครนะ ตื่นเต้นเฉยๆ ว่าจะยังไงต่อ
แต่คำเทศน์ของท่านว่า "นิพพานสูญ" นี่ก้องกังวานในดวงจิตผมตลอด
ได้ยินครั้งแรก แทบช็อก
อูย น่ากลัววววววว