วัตถุมงคล หลวงปู่บุญศรี อินทวันโณ วัดใหม่ - ท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์ พร้อมประวัติและหลักธรรมคำสอน

โอ้โห นานๆเข้ามาที ข้อมูลพี่มนตรีสุดยอดเหมือนเคย ขอคารวะจร้าา สมแล้วที่เป็นศิษย์สายตรง กิ กิ กิ

 

หากระทู้ไม่เจอ ไหง กลับมาอยู่ในนี้ได้ยังไงเนี่ย งงเลยพี่ แต่ก็ดีแล้วครับหลวงปู่ท่านคงทราบว่าพี่มนตรีมีเจตนาดีที่จะเผยแพร่เกียติคุณของท่าน เลยบันดารให้กระทู้นี้กลับมาอีกครั้ง 555 ทำดีต่อไปนะครับพี่ เราทำดีสิ่งดีๆก็จะเข้ามาเรื่อยๆ อย่าไปสนใจคนอื่น เขาจะว่าอะไรก็ปลอยเขา ผมเข้าใจเจตนาพี่ดี ผมได้โทรคุยกับพี่ ได้ฟังเรื่องราวต่างๆจากพี่ ก็เข้าใจว่าพี่เป็นคนอย่างไร ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ใช่คนดีเลิศหรู แต่พี่มนตรีก็ไม่เคยว่าใคร แอบด่าใครลับหลัง และไม่เคยใส่ร้ายคนอื่น ผมรักพี่ก็ตรงนี้แหละครับ อ่ะจ๊ากกกก เขินจุงเบย

เอาคำสอนเจ้าคุณนรมาฝากครับพี่ " ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดายังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไร ก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวน กลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่า ๆ "

น้องคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้พี่ครับผม รักนะจุ๊บๆ

 

ที่ผมเขียนเรื่องครูบาอาจารย์ให้อ่านกันก็เพื่อให้ได้มีความศรัทธามั่นและให้ศรัทธายิ่งๆ ขึ้นไป เรื่องบางเรื่องน้อยคนนักที่จะเข้าถึงแก่นอย่างแท้จริง คนเรามีปัญญาไม่เสมอกัน และความคิดก็ไม่เหมือนกัน จุดนี้บังคับกันไม่ได้ครับ แต่ทางที่จริงๆ แล้วคนมีปัญญาต้องคิดสิ คนเราถ้าปฏิบัติจริงๆ นี่ถ้าจิตเข้าถึงฌาณสมาบัตินี่ต้องทรงพรหมวิหาร ๔ คือ ไม่มีเพศแล้วนะ ใครพอธาตุแตกจิตเคลื่อนออกจากร่างในฌาณก็ต้องไปเกิดเป็นพรหมแต่งตัวเหมือนเทวดา ไม่มีเพศนางฟ้านะ ถ้าต่ำกว่านี้เค้าเรียก กามาวจรสวรรค์ คือยังท่องไปในกามจึงมีเพศ ท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์ ท่านเป็นผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ระดับสูง ท่านบอกว่าเมื่อท่านมาอยู่ที่สำนักส่งเสริมปฏิบัติธรรม (ชื่อนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้ตั้งให้) เหล่าพระอรหันต์ที่เคยบรรลุธรรม ณ สถานที่แห่งนี้ในอดีตท่านมาประชุมกัน แล้วพระอรหันต์ที่เป็นประธานในการประชุม ท่านสั่งว่า ให้ทุกๆ องค์ถือท่านแม่ชีประทุมเป็นครูอาจารย์ (ท่านยังพูดอีกว่า “แม่ไม่อยากจะคุย”)...... แล้วเหล็กไหล “แร่โคตรเศรษฐี” ที่ท่านแม่ได้มานี่ ท่านต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับของสิ่งนี้อย่างแน่นอน ท่านถึงได้มาสร้างบุญสร้างวิหาร ของสิ่งนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตทรงทำเอาไว้ แล้วให้เทวดารักษาและได้นำมามอบให้แก่ผู้ที่สมควร....(แล้วคิดว่า ท่านแม่ของเราต้องเป็นใครละจึงได้มา)....ท่านเคยบอกว่า ของที่ท่านได้มานี่ ถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือ หลวงตา จะเอายังต้องไป ไปทำพิธีขอนะ “ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” นี่เค้าเอามาให้แม่เองเลย แล้วท่านแม่ก็หัวเราะยิ้มๆ..... กล่าวคือผู้ที่ดูแลรักษา “แร่โคตรเศรษฐี” หรือเหล็กไหล ท่านรู้ว่าท่านแม่ยังขาดแคลนทุนทรัพย์ในการสร้างบุญสร้างวิหาร ท่านจึงมอบให้กับท่านแม่ของเรา.....

 

กิจวัตรประจำวันของท่านแม่ ท่านจะตื่นตี ๔ ทุกวัน ทุกวัน เพื่อเจริญกรรมฐาน ตื่มมาท่านจะให้แม่ชีลูกศิษย์เคาะระฆังเพื่อให้ผู้มาปฏิบัติตื่นมาล้างหน้า ล้างตาและมารอที่ ที่เจริญพระกรรมฐาน ถ้าท่านไม่ป่วยหรือติดภาระกิจอันใด ท่านจะนำสมาทานพระกรรมฐานทุกครั้ง และเปิดเสียงพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ฟังก่อนเจริญภาวนา (เหมือนการปฏิบัติของวัดท่าซุง) บางโอกาสท่านจะแสดงธรรมเองเป็นบางครั้ง เมื่อเจริญพระกรรมฐานเสร็จเรียบร้อย ท่านจะนำอุทิศส่วนกุศลด้วยตัวท่านเอง การอุทิศส่วนกุศลของท่านยาวมาก (และท่านให้ความสำคัญกับการอุทิศส่วนกุศลเป็นอย่างมาก) เลิกจากการฝึกพระกรรมฐานแล้ว ท่านก็เข้าที่พัก บรรดาลูกศิษย์ก็ทำหน้าที่ของตนต่อไป เช่น บางท่านก็เตรียมทำอาหาร (เพราะแม่ชีไม่ได้บิณฑบาตรเหมือนพระต้องทำอาหารทานเอง) บางท่านก็ล้างห้องน้ำ “ส้วม” กวาดลาน พอ ๗ โมงเช้าก็จะมารับประทานอาหารเช้าพร้อมๆกัน ทุกคนต้องตักอาหารใส่ภาชนะเดียว น้ำ ๑ แก้ว นั่งรอเป็นแถว ท่านแม่ท่านจะกล่าวนำถวายข้าวพระพุทธเจ้าก่อน แล้วลามารับประทาน การสอนก่อนรับประทานอาหารของท่านจะมีเป็นบางโอกาสส่วนใหญ่จะสอนมื้อเพล รับประทานอาหารเสร็จแล้วทุกคนต้องล้างเองให้สะอาดแล้วนำไปเก็บ สถานที่ปฏิบัติธรรมท่านนี่ท่านทำสะอาดเป็นระเบียบมากเหมือนวัดท่าซุงนั่นแหละ หลังจากฉันเช้าท่านจะจุดธูป ๙ ดอก ไหว้ท้าวธตรฐที่หน้าอาคารที่รับแขกซึ่งจะมีกระบอกไม้ไผ่ตั้งไว้เสาเดียวด้านบนบรรจุทราย ไว้ปักธูป บางโอกาสก็เห็นท่านจุด ๑๖ ดอก แต่ถ้าเห็นศิษย์พี่ผมมาทำพระผงเร็วกว่าที่ท่านไหว้ปรกติ ท่านก็จะรีบจุดธูปเลย อันนี้เรื่องของท่านอย่าสงสัยนะ ๘ โมงเช้า ท่านจะนำสวดมนต์ทำวัตรเช้า หลังจากทำวัตรเสร็จ ท่านก็จะพักแต่เกือบทุกวันจะมีลูกหลานมากราบท่าน ทำบุญกับท่านทั้งสาย/บ่าย ทุกวัน บางท่านก็นำอาหารมาถวายเพล แต่เรื่องแขกที่จะมา ท่านบอกกับศิษย์พี่ผมว่า ท่านทราบแล้วว่าใครจะมา และมากี่คน มาด้วยเรื่องอะไร ใครเป็นอย่างไร เป็นเรื่องปกติสำหรับพระระดับนี้ เวลาว่างไม่มีแขกท่นจะยุ่งเรื่องการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ และบางทีก็ต้องเดินทางไปซื้อของที่จำเป็นในการก่อสร้างหรืองานของสำนักฯ ด้วยตนเองบ่อยๆ โดยมีลูกสาวคนโตที่สละเวลามาอยู่รับใช้ท่าน คือป้าอี๊ด เป็นคนคอยขับรถให้ ถ้าเดินทางไปต่างจังหวัด ไกลๆ บางครั้งอดีตสามีของท่านคือ คุณพ่อสว่างจะขับให้แค่คุณพ่อจะขับรถตัวเองจะไม่ขับรถของสำนักฯ คุณพ่อเองก็สละเวลาไปอยู่ช่วยที่สำนักเช่นกัน จำท่านแม่มรณะภาพเลย ศิษย์พี่ผมก็ชอบไปนอนห้องเดียวกับคุณพ่อสว่างเหมือนกัน ท่านแตกฉานในพระไตรปิฎก ท่านคุยสนุกมาก และเราทุกคนก็เคารพรักท่านเหมือนพ่อด้วย ปรกติคุณพ่อจะอยู่ที่บ้านของลูกชายท่านแม่ (เป็นคนรองหัวปี) ที่จ. (ไม่ขอบอก) พอ ๖ โมงเย็นท่านแม่จะนำสวดมนต์ทำวัตรเย็น และ ๑ ทุ่ม ท่านจะนำฝึกเจริญกรรมฐาน หลังจากเจริญพระกรรมฐานก็นำอุทิศส่วนกุศลแล้วก็เข้าจำวัด.....

 

ยินดีด้วยครับพี่มนตรี ในที่สุดก็ได้มาอยู่ในห้องประสบการณ์เรื่องเล่าอย่างเต็มตัว

รออ่านข้อมูลอยู่เรื่อยๆครับ เป็นกำลังใจให้พี่เสมอครับ โมทนาบุญครับพี่

 

กราบหลวงปู่ กราบท่านแม่ชี และสวัสดีพี่ๆทุกท่านคร้าบบ เฮงๆ รวยๆ กันทุกคนนะคร้าบ กิ กิ กิ

 

วันนี้จะขออธิบายหน่อยนะเรื่องของหลวงปู่บุญศรี (หลวงตาเล็ก) คือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของศิษย์หรือลูกๆ หลานๆ ใกล้ชิดท่าน คนจะเข้าไปตรงนั้นแบบที่ท่านอนุญาตให้อยู่ด้วยนี่ แบบอยู่ด้วยจริงๆ นะ จิตต้องละเอียดพอสมควร ไม่งั้นคงไม่ได้อยู่นะ อันนี่ศิษย์พี่ของผมออกตัวก่อนนะว่าไม่ได้ตำหนิใครนะมันเป็นระเบียบ ในเมื่อคนที่จิตละเอียดก่อนจะรบกวนอะไรท่านแม้แต่คำพูดที่จะออกจากปาก อย่าว่าแต่พูดเลย แค่คิดนี่ท่านก็ได้ยินแล้ว ต้องภาวนาอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้จิตออกนอกลู่นอกทาง ด้วยละอายท่านเพราะท่านรู้ได้ทุกอย่างที่เราคิด แล้วแค่คำพูดซึ่งมันหยาบกว่าจิตอีก แล้วเราจะพูดส่งเดชได้ไง นี่แหละทำไมถึงต้องใคร่ครวญให้ละเอียดเสียก่อน ว่าจะพูดจะถามอะไรกับท่าน....

เรื่องหลวงปู่บุญศรี (หลวงตาเล็ก) ลูกศิษย์ท่านแม่ชีประทุม จะเีรียกว่า "หลวงตาเล็ก" นะ อีกสักเรื่อง แรกๆ เลยหลวงปู่ท่านอยู่ป่า จ.อุทัยธานี ทุกคนคงรู้นะว่าป่าใหญ่แค่ไหน ท่านอยู่ป่าได้สักพักใหญ่ท่านก็ออกมา สาเหตุที่ท่านออกจากป่าก็คือ ท่านบอกว่าอาหารที่ได้มันเป็นพยาธิๆ หลวงปู่ท่านพูดแบบนี้จริงๆ นะ ศิษย์พี่ผมบอก ท่านบอกอย่างนั้น แล้วท่านก็มาอยู่วัดที่ใน อ.เมือง แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่วัดหาดทนง แล้วท่านก็ขึ้นมาอยู่ที่วัดสำโรง แล้วมาย้ามมาอยู่ที่วัดใหม่ฯ นี่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ แล้วท่านยังบอกอีกว่าท่านย้ายขึ้นๆ นะไม่ลง....

 

ข้อมูลแน่นปึ๊กเหมือนเคยนะพี่ชาย ยิ่งอ่านยิ่งติดเหมือนนิยายเลย กิกิกิ นับวันเรื่องราวของหลวงปู่ยิ่งเข้มข้น ผมช๊อบ ชอบบบบ

ตามที่พี่เล่ามาคนที่จะอยู่ใกล้ชิดท่านได้ต้องระวังจิตมากเลยเนอะ เพราะส่วนใหญ่จิตคนเรามันคิดชั่วมันมากกว่าคิดดีอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่ที่ไปกราบหลวงปู่เค้าจะรู้กันไหมน้อว่าเผลอพลาดไปคิดเรื่องไม่ดีหรือพูดไม่ดีเป็นการปรามาสท่านมันเป็นบาปมหันต์ นี่ผมยังอดคิดไม่ได้อีกว่าพวกคนที่ไปรบกวนหลวงปู่ให้เสกโน่นเสกนี่ ใช้ให้ท่านทำโน่นทำนี่ให้ โดยรู้เท่าไม่ถึงการเค้าจะมีบาปมีกรรมติดตัวมากน้อยแค่ไหน ผมคิดแล้วก็เสียวแทนเลยพี่ เพราะคนส่วนมากไปหาท่านก็เพราะกิเลสของตัวเอง ความอยากของตัวเองล้วนๆ ไม่ได้ไปเพราะต้องการเรียนธรรมมะหรือปฏิบัติธรรม แต่ไปใช้พระระดับนี้ทำโน่นทำนี่เสกโน่นเสกนี่ คงมีนรกภูมิเป็นที่ไปแท้ๆ

กราบหลวงปู่ กราบท่านแม่ชีประทุม กราบ กราบ กราบ

 

สำหรับตำรานี้ผมได้รับการอนุญาตให้นำมาเผยแพร่ให้ลูกๆ หลานๆ หลวงปู่ได้ชมกัน(แต่ผมขอสงวนสิทธิ์ทุกภาพนะครับ) นี่เป็นส่วนหนึ่ง....ยังมีต่อครับ

 

กราบหลวงปู่บุญศรี กราบท่านแม่ชี กราบ กราบ กราบ

เมื่อวานผมไปกราบหลวงปู่ท่านหนึ่งมาครับพี่ ทำบุญเสร็จก็นั่งคุยกับท่านนิดหน่อย อยู่ๆท่านก็เตือนขึ้นมา เกี่ยวกับ กรรมของการซื้อของขโมยที่ไปขุดกรุพระเครื่องหรือที่ไปขโมยมาจากบ้านคนอื่นๆ แล้วเอามาขายให้คนทั่วไป ที่ท่านสอนเพราะท่านรู้ว่าเม่นแดงชอบพระเครื่องรางของขลัง ท่านเลยเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ สอนใจครับ

หลวงปู่ : " ไอ้หนูเอ็งต้อระวังนะอย่าไปซื้อพระที่เขาขโมยมาหรือว่าเป็นของสงฆ์นะ"

เม่นแดง : " ทำไมล่ะครับหลวงปู่ "

หลวงปู่ : " กรรมมันหนักมากนะซี้ เป็นหนี้สงฆ์ บาปหนัก นะลูก "

เม่นแดง : " แล้วถ้าเรารู้ไม่ถึงการณ์ล่ะครับ "

หลวงปู่ : " ก็ยังบาปอยู่ แต่ยังพอจะแก้ได้บ้าง แต่ก็ไม่หมดนะ "

เม่นแดง : " ถ้าเรารู้ดีว่าเป็นของขโมยมา แล้วเราก็รับซื้อไว้เพื่อช่วยเหลือเค้าล่ะครับ"

หลวงปู่ : " อเวจี มหานรก ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยเชียวหนา "

เม่นแดง : " พอแก้ได้ไหมครับหลวงปู่ "

หลวงปู่ : " หมดทางแก้ เพราะเจตนาซื้อเอง กรรมมันเกิดจากเจตนานะลูก "

เม่นแดง : " ???? "

ผมเอามาถ่ายทอดให้พี่ๆและเพื่อนๆ ทุกท่านเพื่อเตือนใจกันนะครับ กิ กิ กิ

 

ศิษย์พี่ผมอยู่กับหลวงตา ท่านจะสอนศิษย์พี่ผมและยกตัวอย่างให้ดูอยู่เสมอๆ เรื่องความประหยัด บ่ายวันหนึ่งมีชายหญิง 2 คน ขับมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า ราคาแพงมาทำบุญกับหลวงตา และเป็นหน้าที่ของศิษย์พี่ของผม ถ้ามีแขกมาพบหลวงตา จะต้องปูเสื่อ เตรียมพัดลมและเปิดประตูทางขึ้นบันไดรอไว้ แต่ทั้ง 2 คน ยังไม่ขึ้นมาบนกุฏิแต่เดินดูรอบๆ วัดไปก่อน หลวงตาท่านก็ยืนดูรถมอเตอร์ไซค์ แล้วศิษย์พี่ผมว่า รถนี่ราคาเท่าไหร่ ศิษย์พี่ผมจึงกราบเรียนไปว่า ราคา 7-8 หมื่น บาท ขอรับ (ราคาในขณะนั้น) นะ หลวงตาท่านก็พูดขึ้นว่า ราคาขนาดนี้ซื้อรถยนต์ดีกว่า นั่งได้หลายคนกันแดดกันฝนก็ได้....

จำไว้นะครับ ลูกศิษย์สายท่านแม่ชีประทุม จะเรียกหลวงปู่บุญศรี ว่า (หลวงตาเล็ก) กันทุกคนครับ

 

กราบหลวงปู่ เม่นแดงขอปฏิบัติตามคำสอนของหลวงปู่ กราบ กราบ กราบ

 

นับถือคุณ montri_tee มากมาย

ในเวปนี้เป็นศิษย์หลวงพ่อบุญศรีอยู่ตั้งหลายคน แต่มีคุณ montri_tee นำภาพวัตถุมงคลมาให้ชมแบบหลาย ๆ รุ่น จุใจมากมายครับ เป็นความรู้จริง ๆ ใครที่จะเก็บวัตถุมงคลของหลวงพ่อฯ ก็สามารถนำข้อมูลนี้เป็นบรรทัดฐานได้

โดยส่วนตัวแล้ว ไม่รู้จัก หลวงพ่อบุญศรี แต่ 10 กว่าปีที่แล้วก็เคยได้ไปที่วัดท่าน ไปเที่ยวไม่ได้ไปทำบุญหรือไปหาวัตถุมงคลอะไรหรอก เพียงแต่เพื่อนที่อยู่แถว ๆ นั้นบอกว่าเข้าไปกราบสังขารของหลวงพ่อฯ ท่านหน่อยน่ะ ท่านเป็นพระเกจิละแวกนั้น ก็เลยเข้าไปตามคำแนะนำ เจอแต่พระลูกศิษย์ ใส่แว่นตา ยังหนุ่ม ๆ อยู่ คุยกันพอได้ความว่าเป็นคนกรุงเทพ บ้านอยู่ใกล้ ๆ กันเขตติดกัน แต่เรียนตามตรง... พอได้สนทนาแล้วเกิดความรู้สึกว่า พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ ถึงจะบอกว่าคุณเป็นพระก็จริงอยู่ แต่สังคมไทยนั้นเขายึดถือความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นที่ตั้ง เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก ประมาณว่า ถามคำตอบคำ ไม่อยากสนทนากัน
กราบสังขารท่านแล้วก็มานั่งคุยที่ร้านค้าหน้าวัด พอจะรู้ว่า ชาวบ้านเขาไม่ถูกกับพระหนุ่มท่านนี้ เนื่องจากกรณีเดียวกันกับที่ผมเจอ แต่ชาวบ้านอาจจะพูดใส่ไฟให้แรงขึ้นไป อันนี้ไม่ขอเล่า ขอผ่านไป

มาถึงอีกกรณี หลายปีแล้วเหมือนกัน เพื่อน ๆ ได้พาไปทำบุญที่สำนักแม่ชีปทุม อ.ปากช่อง ได้สนทนากับคุณอี๊ด (น่าจะชื่อนี้ จำไม่ค่อยจะแม่น เพราะนานแล้ว) ท่านก็ได้มอบพระสีวลีฝังแร่เศรษฐี พระ ฯลฯ....เยอะแยะไปหมด รวมถึง พระกัจจายนะ(สังกัจจายน์) ของหลวงพ่อบุญศรี มาให้ด้วยจำนวนหนึ่ง ประมาณ 30-40 องค์ ที่มอบให้เพราะเอาซองผ้าป่ามาช่วยเรี่ยไร ใครทำบุญ 50.- บาทขึ้นไป ผมก็มอบพระให้ 1 องค์ แจกจนของหมดไปแล้ว เป็นรุ่นที่มีในทำเนียบนี้น่ะครับ

นี่เป็นประสบการณ์ที่ได้เคยสัมผัสมา เลยมาเล่าสู่กันฟังครับ

ขออนุญาตใช้ภาพของคุณ montri_tee มาใช้น๊ะครับ แต่ของที่ผมเคยได้ คุณอี๊ดได้ปิดทองคำเปลวให้ทุกองค์ครับ

 

ขอบคุณมากมายสำหรับข้อเตือนใจครับ

แต่ว่าผมขออนุญาตสงสัยนิดนึงครับ

ถ้าเป็นพระกรุ กรุแตก มองกันแบบตรง ๆ สมบัติเหล่านี้เป็นของสงฆ์ทั้งนั้น พอกรุแตก กรมศิลป กรมศาสนา กรมฯลฯ ก็มาขนไปเก็บไว้ในสถานที่สาธารณะบ้าง เก็บไว้ส่วนตัวบ้าง พวกชาวบ้านตาดำๆ ไปขุดเอาตามหลังบ้าง และอีก 108 เหตุผล

ผมขอยกตัวอย่าง พระกรุ วัดราษบูรณะ จ.อยุธยา แตกกรุนานแล้ว ทั้งพระบูชา พระเครื่อง สมบัติของอดีตพระมหากษัตริย์ พระ ฯลฯ เป็นหมื่น ๆ องค์ วนเวียนซื้อ-ขายในตลาดพระเครื่องมากมาย ตั้งแต่ระดับมหาเศรษฐีจนถึงคนทำงานรายวัน
- ที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ขอยกประโยชน์ให้ เพราะเป็นส่วนรวม เป็นสมบัติของชาติ
- เก็บเป็นส่วนตัว ตกนรกชัด ๆ เห็นด้วย และเป็นพวกโกงสมบัติชาติ
- ชาวบ้านที่ไปเก็บพระเหล่านี้ ที่หลงเหลือจากการสำรวจของกรมศิลป์ ตกนรกด้วยหรือ ?
- บ้านคนมีเงินมาก ๆ จะมีพระเก่า พระกรุ ตั้งบนหิ้งไว้จำนวนมาก เขาได้มาจากการใช้เงินบูชามา แหล่งที่มาก็ชัดเจนว่า กรุแตก เป็นสมบัติของสงฆ์แน่นอน พวกนี้จะตกนรกได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาใช้เงินบริสุทธิ์ซื้อมา ไม่ใช่พวกที่ยักยอกมา
- พระเครื่องกรุนี้ ซื้อ-ขายกันเกลื่อนเวป คนซื้อก็ตกนรกด้วยใช่หรือไม่ ?

ยังมีอีกหลายกรุน๊ะครับ เช่น หลวงพ่อโตบางกระทิง กระเตาทุเรียง กรุยอดธง กรุพระรอดวัดมหาวัน และ กรุฯลฯ ถ้าจะบอกว่าพระกรุเป็นสมบัติของสงฆ์ พระเครื่องพระบูชาทุกองค์ ล้วนเป็นของสงฆ์ทั้งหมด

ถ้ามีการนำมาเปิดให้บูชาจำหน่ายโดยทางวัด เพื่อนำเงินไปทำประโยชน์ ผมว่าไม่ควรจะตกนรกหมกไหม้อะไรหรอก แถมยังจะได้ขึ้นสวรรค์ด้วยเพราะเป็นการทำบุญ

แล้วพระที่ถูกขโมยมาขายต่อ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นี้มีที่มาอย่างไร ขโมยมาหรือเปล่า หรือ เช่ามาจากวัด ??? คนที่เช่าพระกรุมาห้อยคอนั้น ถ้าพระองค์นั้นถูกขโมยมา คนห้อยหรือบูชามา ก็ตกนรกไปโดยไม่รู้เรื่องเลยหรือครับ ???

การจะทำอะไร ผมว่าอยู่ที่เจตนาและความศรัทธาตามที่หลวงปู่ฯ ท่านว่าไว้ ถ้าบริสุทธิ์ เงินที่ใช้เช่าพระได้มาจากการทำงาน ไปเช่าพระกรุพระที่ถูกขโมยมา ผมว่าคนเช่าไปนั้นไม่ตกนรกหรอกครับ

ที่ผมสงสัยนั้นไม่ใช่อะไรหรอกครับ ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่อาจจะมองกันคนละมุม

ผมทำงานอยู่ในคุก ผมจะเรียนให้ทราบถึงข้อมูลว่า.... พวกโจรขโมยที่ถูกจับได้ ยกเค้าบ้านคนรวย ๆ แล้ว พระเครื่องเป็นส่วนหนึ่งที่เขาเอาติดมาด้วย บางบ้านก็มีพระดี ๆ หลัก ๆ หลวงพ่อทวด หลวงพ่อทิม หลวงพ่อกวย พระสมเด็จฯลฯ เยอะแยะมากมาย พระหลัก ๆ เหล่านี้โจรขโมยก็เอาไปขายให้กับเซียนใหญ่ ๆ ในห้างดัง หรือพวกพระย่อยอื่น ๆ ก็ขายเหมาให้กับเซียนตู้เล็ก ๆ ตามตลาดบ้าง เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าพระที่เราเช่ามานั้นถูกขโมยมาหรือมีที่มาอย่างไร คนขายเกือบ 100% จะอ้างที่มาดีไว้ก่อน เพื่อให้ตัวเองขายของได้ คนที่เช่าพระไปนั้น ตกนรก ด้วยหรือครับ ????

 

สวัสดีครับคุณพี่ เม่นแดงกราบขอบคุณมากมายที่เล่าจากประสบการณ์ตรงๆ แต่ในส่วนตัวของเม่นแดงเองก็คิดเช่นเดียวกันครับพี่ เงินเราบริสทธิ์ ในเมื่อเรารู้ไม่ถึงการณ์ก็ไม่น่าจะบาปอะไร แต่ถ้ารู้ทั้งรู้แล้วยังซื้อนี่แหละบาปแน่นอน หลวงปู่ที่ผมไปกราบ ท่านก็คงสอนตักเตือนไม่ให้เราพลาดน่ะครับ แม่นแดงก็ไม่กล้าออกความคิดเห็นอะไร ก็เลยเอามาเล่ากันดิบๆแบบนี้อ่ะครับ ไม่ได้แต่งเติมคำพูดอะไร เม่นแดงเคารพในทุกความเห็นน่ะครับ

 

เม่นแดงว่านะ กระทู้นี้น่าจะเป็นที่รวมทั้งวัตถุมงคลทุกรุ่น ทุกแบบ และ รวมคณะศิษย์ของหลวงปู่บุญศรี หรือ หลวงตาเล็ก แห่งวัดใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและได้พบปะกันเวลาไปทำบุญร่วมกันที่วัดของหลวงตา พี่ๆ คิดว่าดีไหมครับ เวลาไปวัดก็จะได้เจอทั้งศิษย์ใหม่ ศิษย์เก่า ดูแล้วมันน่าจะมีความสุขมากๆนะครับ บางท่านก็จะได้รำลึกบรรยากาศเก่าๆ มีเรื่องราวต่างๆ ก็เอามาแชร์กัน บางครั้งเม่นแดงก็คิดไปเองว่า พวกเราในฐานะคณะศิษย์ช่วยกันรวบรวมปัจจัย หรือสิ่งของ ไปทำบุญกับทางวัด หรือ ให้ทุนการศึกษาของเด็กนักเรียน ปีละครั้ง เป็นบุญกุศลติดตัวไปในภายภาคหน้า ก็จะดีมากมายเลยจร้าา

 

เอาวันนี้จะมาย้ำเรื่องโบสถ์ กันอีกสักครั้งนะครับ “แพโบสถ์น้ำ” ที่ลูกๆ หลานๆ ก็พอจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว สาเหตุก็คือ ธรรมดาวัดต้องมีพระอุโบสถ แต่จุดประสงค์ที่สร้างบนน้ำก็คือ ที่ดินวัดมีไม่เพียงพอที่จะสร้างพระอุโบสถ หรือ “โบสถ์” หลวงปู่บุญศรี หรือ (หลวงตาเล็ก) ท่านจึงดำริให้สร้างไว้บนน้ำ ในน้ำ ท่านเคยเล่าเรื่องการสร้างโบสถ์เอาไว้ว่า ถ้าสมภารวัดไหนสร้างโบสถ์เสร็จ ต้องย้ายหนี ถ้าอยู่จะตาย ฉันก็จำไว้ ฉันก็ดูหลวงปู่ (หลวงตา) สร้างมาเป็นระยะๆ พอโบสถ์เสร็จแล้ว เวลาฉันไปกราบท่าน ฉันก็อธิฐานอย่าให้มีใครมาอยู่ เพราะต้องการสนทนากับท่าน เพียงลำพัง พอถึงเวลาฉันไปกราบท่านก็ไม่มีคนจริงๆ ดั่งที่ฉันได้อธิฐานไว้ หลวงปู่ (หลวงตา) นั่งอยู่ที่หน้ากุฏิ ฉันคลานเข้าไปกราบที่หลังเท้าของท่าน “พิมพ์ไปนี่น้ำตาไหลตลอด” เพราะรำลึกถึงท่าน เวลาฉันกราบท่าน ฉันตั้งจิตดังนี้เลยนะ กราบครั้งที่ ๑ สามีจิปฏิบัณโณ (ท่านสมควรแล้วที่เป็นสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) กราบครั้งที่ ๒ ท่านเป็นพ่อ กราบครั้งที่ ๓ ท่านเป็นอาจารย์ โดยกำหนดจิตที่หน้าตัก ๑ เข่าขวา ๒ เข่าซ้าย ๓ ดังนี้ แล้วกราบเรียนถามท่านว่า โบสถ์เสร็จแล้ว หลวงปู่ (หลวงตา) จะไปแล้วหรือขอรับ ท่านนิ่งเงียบไปนิดหนึ่งแล้วท่านก็กล่าวว่า ยังนะ ยังไม่ไป เพราะสียังไม่ได้ทาเลย แล้วท่านก็ยิ้มพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ที่สำคัญ หลวงปู่ (หลวงตา) ท่านยังกล่าวต่อว่า “พระอุโบสถ (โบสถ์) นี้ใช้บวชพระได้นะ” โบสถ์นี้ก็เหมือนกับโบสถ์ ของวัดทั่วๆ ไปนั่นแหละ เอาไว้ทำพิธีกรรมต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนาได้นะ.....

ทุกคำพูดผมได้รับการถ่ายทอดมาจากศิษย์พี่ของผม ครั้งที่ได้สนทนา กับหลวงปู่บุญศรี (หลวงตาเล็ก) ย้ำว่า ศิษย์สายท่านแม่ชีประทุม จะเรียกหลวงปู่บุญศรี ว่า (หลวงตาเล็ก) กันทุกคน

 

อนุโมทนาสาธุครับ เรื่องนี้ผมขอสนับสนุนเต็มที่ครับผม

 

ขอบคุณ คุณdenchai_l มากครับ อนุโมทนาสาธุครับผม ผมก็ไปกราบสรีระหลวงปู่บ่อยครับ ณ ตอนนี้รักษาการเจ้าอาวาส ใจดีมากครับผม หลวงพ่อสิริ ครับผม

 

วันนี้จะอธิบายเรื่องของสงฆ์ สักหน่อย แบบสั้นๆ แต่รับรองว่าเข้าใจ กรรมที่กระทำบาปมี ๒ แบบ คือ แบบที่ ๑ เจตนา กับ แบบที่ ๒ ไม่เจตนา อย่างแรกนี่มีผลเต็มๆ ในบาปที่กระทำ คือทำลายของสงฆ์หรือนำของสงฆ์มาเป็นของส่วนตัว ทั้งที่รู้อยู่เต็มหัวใจ กรรมนี้หนักมาก ต้องลงอเวจีมหานรก เลยนะครับ ส่วนอย่างที่สอง กรรมที่ไม่ได้เจตนาถือว่าเป็นโมฆะกรรม สำหรับผู้ที่เคยประมาทพลาดพลั้งและต้องการล้างผิดเรื่องเป็นหนี้สงฆ์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ให้สร้างพระชำระหนี้สงฆ์หน้าตัก ๔ ศอก เพื่อชำระหนี้สงฆ์ หรือเวลาทำบุญให้หมั่นทำบุญชำระหนี้สงฆ์ นะ......(ส่วนข้อแรกนี้กรรมหนักเป็นอย่างมาก อเวจีมหานรกนะครับ ) ท่านสมาชิก หรือ ลูกๆ หลานๆ ทุกท่านควรอยู่ในความไม่ประมาทนะ ควรนึกคิดไตร่ตรองกันให้ดีๆ ก่อนที่จะคิดทำอะไรในทางที่ไม่ถูกไม่ควร....ขอฝากเรื่องนี้ไว้สักเรื่อง อนุโมทนาสาธุครับผม