เก็บไว้ให้คิด...คนเล่นวิชชาต่ำ

มันมีหลักของมันในการรวมจิตและของเก่าที่ทำไว้

 

หลักในการรวมจิต
เป็นอย่างไรครับพี่

 

ผมไปค้างเต็งตอนครึ่งหลับครึ่งตื่นครับ ฝันแบบลืมตาเลย ยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร

 

ฝันหรือการเห็นจากสมาธิครับ ภาพที่เห็นอาจจะเป็นเหตุการณ์ในอดีตของที่ตรงนั้นครับ
ตอนที่นอนอยู่ได้ทำสมาธิไปด้วยไหมครับ

 

ฝึกมานานครับ จนเอาสติประคองอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ จำได้ว่าบางครั้งถึงเวลาตื่นลุกขึ้นมามันยังฝันอยู่เลย แต่พักหลังลองจับอารมณ์นั้นมาใช้ตอนเดินก็ทำได้บ้าง บางทีเหมือนยืนอยู่ในโลกเราแต่บรรยากาศเปลี่ยนไป อะไรโครมครามโกลาหลจะเห็นเป็นขั้นตอนคล้ายสโลโมชั่น ไม่ทราบครับว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเห็นนี่บางทีก็สงสัยครับว่าเอาที่ไหนมาฝันคือลืมตามาสงสัยเลยขณะหลับนั้นแหละครับ

 

เป็นอาการทรงตัวของสมาธิเราครับ ในบางครั้งที่เราเห็นบรรยากาศรอบๆตัวมันเปลี่ยนไปนั่นหมายถึงสมาธิของเรามันสปาค(ไม่รู้พิมถูกหรือเปล่านะ)เข้ากับจุดๆตรงนั้นพอดี อาจจะทำให้เราเห็นอดีตหรืออนาคตของที่นั้นๆที่เราอยู่

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์ประพน

เพิ่งได้เข้ามากระทู้นี้และติดตามอ่านจนจบค่ะ ขอบคุณมากๆสำหรับการแบ่งปันความรู้และคำแนะนำดีๆนะคะ มีคำถามอยากถามเล็กน้อยค่ะ ว่า
1. สมมติถ้าเราไม่มีวิชาอะไรติดตัว มีแต่การปฏิบัติพุทโธ และเครื่องรางของขลังบ้างเล็กน้อย เราจะพอรอดจากการทำคุณไสยหรือลมเพลมพัดบ้างไหมคะ เพราะเริ่มรู้สึกว่าโลกนี้มันเริ่มอยู่ยากขึ้นทุกทีสำหรับคนที่ไม่มีวิชาหรือแก้ไขการทำคุณไสยค่ะ
2. วัตถุมงคล เครื่องรางของขลังที่เป็นสายเทพนี่ถือว่าเป็นวิชชาต่ำด้วยไหมคะ
3. การดูแลวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลังที่เป็นสายเทพควรจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสมคะ ปกติพาลูกๆเข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่ส่วนบุญให้พวกเขาตลอดค่ะ เรียกมากินข้าวด้วย (แต่เขาบอกว่าเทวดาอิ่มทิพย์ อิ่มบุญค่ะ ถ้าเรียกมากินด้วยก็ดีใจ ให้เป็นพิธีว่าพ่อแม่ยังรักยังห่วงก็พอ) เขาขอแค่ให้พ่อสวดมนต์ไปให้ แล้วบุญจากการสวดมนต์ก็จะถึงเขาทันที เช่น เมื่อสวดมนต์ชินบัญชร ลูกๆจะไม่ดื้อ ไม่ซน เมื่อสวดพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ลูกๆจะมีแก้วสามดวงไว้เล่น (น่าจะเป็นตัวแทนแก้วสามประการ คือ พระศรีรัตนตรัยนะคะ) ถ้าไปทำบุญ บอกบุญให้เขาอนุโมทนาเขาก็จะชอบมากเลยค่ะ

ส่วนตัว ได้ฝึกมโนมยิทธิ ถือศีล 5 แผ่เมตตาสวดมนต์บ้างในบางโอกาส สวดบทชินบัญชรบ้าง คาถาเงินล้านบ้าง บทสวดจักรพรรดิบ้าง และแผ่เมตตาตามบทสวดจักรพรรดิทุกวัน มีเสืออาคม(สายเทพ) ของหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต และเจ้าพ่อเสือสมิง (สายเทพ) ที่สร้างขึ้นหลังหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เมื่อท่านได้เสียชีวิตไป 7 ปี แล้วก็เพิ่งได้กำไลเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลมาค่ะ ขออนุญาตลงตัวอย่างเรื่อง(ที่คิดว่าเจอวิญญาณและคุณไสย) ประกอบนะคะ

1. เดินทางไปทำงานที่ลาว ในแขวงจำปาศักดิ์ ไปนอนกับชาวบ้านในหมู่บ้าน รู้สึกว่านอนไม่ค่อยหลับ กลางคืนเห็นแสงไฟแปลกๆ รวมถึงเห็นหิ่งห้อยมาวนเวียนอยู่บริเวณที่นอนเฉพาะที่ที่ตัวเองนอนอยู่ เลยอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และแผ่เมตตาให้ แล้วก็ฝากให้เสืออาคมที่พามาด้วยเฝ้าให้ แล้วหิ่งห้อยหรือแสงแปลกๆก็ค่อยๆหายไป

2. เดินทางไปทำงานที่สุรินทร์ และขอกลับระหว่างทาง ในช่วงเย็น ดิฉันก็แยกจากคณะมานั่งรถกลับบ้าน พบเจออุบัติเหตุคนขับรถชนต้นไม้เสียชีวิตระหว่างทาง คนขับรถบอกว่านี่สามครั้งแล้ว ที่เดิม แยกเดิม สามวัน ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางที่จะเกิดอุบัติเหตุ เป็นทางตรงกับต้นไม้ใหญ่ แล้วจากนั้นพอมาถึงบ้านก็รู้สึกเวียนหัว มึนหัวแบบแปลกๆ พอกลับมาถึงบ้าน เมื่อจิตเป็นสมาธิ ในนิมิต เห็นลูกเสืออาคมที่ได้บูชาไว้เอาโคลนมาให้กิน บอกว่าเป็นยา ให้กินเยอะๆ โดนของตามลมมาเยอะเลย ให้กินไว้กันอันตราย จำได้ว่าหลายวันกว่าอาการมึนหัว เวียนหัวจะหายไป แล้วลูก (เสืออาคม) ก็บอกว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินทางไปไหนข้ามจังหวัดข้ามอำเภอแบบแปลกที่ แปลกถิ่นอีก ยกเว้นว่าจะมีเครื่องรางของขลังติดตัวไว้

3. มีวันหนึ่ง ขับรถไปทำธุระต่างตำบล แฟนบอกว่ารู้สึกแปลกๆ ไม่ชอบที่ที่มา พอตกกลางคืน เมื่อจิตเป็นสมาธิ เห็นนิมิตว่าลูกเสืออาคมออกไปตระเวนข้างนอกบ้าน เจอเจ้าที่ที่อื่นมารออยู่ เจ้าที่บอกว่า ที่ที่ไปอันตรายมาก มีปอบเยอะ แล้วก็พาไปดูว่าภพภูมิข้างนอกอันตรายแค่ไหน (แต่ข้างในบ้านและบริเวณบ้านจะปลอดภัย) ก็เลยแผ่เมตตาให้ท่านไว้

4. ก่อนนอน บางครั้งมีความรู้สึกว่ามีวิญญาณข้างนอก เช่น เจ้ากรรมนายเวร สัมภเวสี หรือวิญญาณที่ไม่ได้รับเชิญตามมาด้วยถึงบ้าน เข้าบ้านได้ โดยแสร้งว่าเป็นวิญญาณที่เป็นมิตร หรือเป็นหนึ่งในวิญญาณของเพื่อนลูกๆเสืออาคมเข้ามารับส่วนบุญ เช่น เมื่อแผ่เมตตาก่อนกินข้าว ก็เรียกให้ลูกๆที่บูชามามากินด้วยกัน บางทีแฟนไม่ได้เรียกรายตัว เรียกว่าลูกพ่อมากินข้าว วิญญาณกุมารทองจากที่อื่นก็มาด้วย ตามมาถึงรถเลย ไม่ยอมออกไปอีกจนกว่าจะได้ส่วนบุญ แต่พอแผ่เมตตาให้ก็จากไปด้วยดี ในบางครั้ง ลูกที่เป็นเสืออาคมก็บอกว่า บริเวณทางสามแพร่งที่มักจะมีผู้วางของเป็นทานให้กับวิญญาณเร่ร่อนกิน ตัวเองก็ต้องไปจัดการยึดอาหารโปรยทานนั้นก่อนแล้วค่อยแบ่งให้กับวิญญาณเร่ร่อนเพราะมีเยอะเหลือเกิน แย่งกันจนไม่เป็นปกติสุข

5. บางครั้ง ตอนกลางคืน ระหว่างทางกลับบ้าน ขับรถผ่านบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ก็มีวิญญาณตายโหงจะมาเกาะอยู่ด้วย บอกว่าจะมาเกิดด้วย ก็เลยบอกว่าให้มาเกิดไม่ได้หรอกค่ะ ลูกชายที่เป็นเทวดามาจองขอเกิดก่อนแล้ว ให้เกิดไม่ได้จริงๆ เค้าก็บอกว่าจะฆ่าเราเสีย ทั้งๆที่ยังขับรถอยู่นั่นแหละ เราก็เลยได้แต่ขออโหสิกรรมเขาไปแล้วก็บอกว่า จะฆ่าก็ฆ่าเลย เพราะคิวมาเกิดเขาขอมาเกิดก่อนแล้ว เราก็ตั้งใจจะมีลูกคนเดียว ยอมตาย แล้วเขาก็จะมาฉีกเราเป็นชิ้นๆ แต่ระหว่างนั้นก็สวดมนต์ แผ่เมตตาให้อยู่ค่ะ แต่ไม่ได้อนุญาตให้ลูกเสืออาคมทำอะไรนะคะ แต่พอกลับบ้าน แฟน(ที่เป็นเจ้าของเสืออาคมอีกตัว)บอกว่า ฝากจัดการวิญญาณนั้นด้วยก็เห็นว่าลูกเสืออาคมไปฉีกทึ้งวิญญาณเขาเสียแล้ว บอกว่า วิญญาณไม่ดี (ตอนนี้เท่าที่รู้เขาไปดีแล้วนะคะเพราะเสืออาคมที่ตัวเองมีแผ่เมตตาให้เขา เสืออาคมที่ตัวเองมีจะไม่ทำอะไรใครนะคะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้กับภพภูมิอื่นตลอด)

หลังจากที่เจอเรื่องวิญญาณและภพภูมิมามากแถวๆบ้านที่อยู่ ก็เริ่มรู้สึกว่าคงต้องหาเครื่องรางของขลังติดตัวเพิ่มเพื่อป้องกันอันตรายให้แก่ตัวเอง กันทั้งคุณผี คุณคน เพิ่มเติม ก็เลยไปหากำไลเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลมา พอได้กำไลมา คืนนั้นฝันว่าไปตลาดเห็นจระเข้สองตัว ตัวแรกจะวิ่งมากัดเราแต่เขามัดปากไว้ อีกตัวอยู่กับพื้นคอยหาโอกาสจัดการเรา แต่เราหนีทัน

เช้าวันต่อมา เกิดเรื่องตามนั้น
1. มีคนรู้จักคะยั้นคะยอให้ไปหาอาจารย์คนหนึ่งในตัวเมือง บอกว่า อาจารย์คนนี้ปรารภอยากเจอ (ทั้งๆที่ยังไม่เคยคุยกันมาก่อนแต่มีคนกล่าวถึงชื่อตัวเองว่าเป็นคนปฏิบัติธรรม) พูดหลายครั้งแล้ว ส่วนตัวก็รู้สึกไม่ดี แต่ก็คิดว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาให้มันจบไปสักที ระหว่างทางไป คนรู้จักก็ส่งข้อความในมือถือมาเป็นระยะๆ บอกว่า อย่าแพ้พญามาร ต้องให้โอกาสตัวเองไปพบอาจารย์คนนี้ให้ได้ ก็เลยรู้สึกแปลกๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองปฏิบัติในสายที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมาตลอด เราไม่เคยออกนอกลู่นอกทางหรือเล่นไสยศาสตร์ ทำไมต้องแพ้พญามารหากไม่ได้เจออาจารย์คนนี้ ตอนไปก็อาราธนาพระเครื่องของครูบาอาจารย์ที่เคารพไปให้ครบ รวมกำไลเหล็กไหลหลวงพ่อหวล และพระบรมสารีริกธาตุไปด้วย พอไปถึง อาจารย์ก็เข้ามาทักทาย ในมือถืออะไรไม่รู้ พูดจาขมุบขมิบในปากสักสองสามนาทีทำท่าจะให้ จิตรีบปฏิเสธว่าอย่ารับ อาจารย์อ้างว่าเป็นเกศาธาตุของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จะให้ เลยบอกว่าไม่เอา มีทุกอย่างแล้วของหลวงพ่อ ขอบคุณมาก ต่อมาก็ถามว่าปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นอย่างไร ได้ผลอย่างไร เราก็ตอบไปตามจริง ต่อมาก็จดๆ จ้องๆ ถามอีกว่า ฝึกแล้วเป็นอย่างไร ปรามาสมโนมยิทธิว่าเป็นของปลอม ฝึกไปก็เท่านั้น รู้อยู่ว่ามันหลอกลวง ผมถอดจิตได้ยังไม่เชื่อเลย แถมอ้างอีกว่าเคยเกิดมาเป็นลูกหลวงพ่อปาน ตอนนั้นทำจิตให้เป็นสมาธิเตรียมตั้งรับตลอด รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ยังรู้สึกว่าควบคุมได้ ตอนนั้นเห็นกายทิพย์ของตัวเองและเทวดาที่รักษามายืนอยู่รอบเหมือนจะกันอะไรบางอย่าง เตรียมรอเผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็แปลกใจที่มือตัวเองจะจับกำไลเหล็กไหลตลอด ทั้งๆที่ปกติไม่ได้ทำ แล้วอาจารย์คนนั้นก็รู้ แล้วเวลาอาจารย์คนนั้นพูดก็เหมือนกับคิดแล้ว คิดอีก พูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็รีบตัดบทบอกว่าตัวเองกำลังจะเปิดสำนักอะไรสักอย่างรักษาโรคและปฏิบัติธรรม หากไม่รังเกียจขอให้มาเป็นครูสอนมโนมยิทธิหรือครูสอนสมาธิถ้ามีโอกาส เลยรีบปฏิเสธไปบอกว่าไม่ได้ถูกฝึกมาให้เป็นครูสอนมโนมยิทธิ และครูสอนสมาธิ เพราะว่ายังฝึกมาไม่พอ แล้วก็มอบพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับแจกมาให้ โดยหวังว่าพื้นที่นั้นน่าจะดีขึ้นหากได้มีพระบรมสารีริกธาตุไว้บูชา

2. พอกลับมา อีกวันหนึ่งก็เจอนักศึกษาคณะหนึ่งมาขอพบถึงห้องทำงาน อ้างว่าอาจารย์ท่านหนึ่ง(ที่ดิฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน) แนะนำมา รู้ชื่อเราและห้องทำงานเรียบร้อย นักศึกษามาขอให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมพระพุทธศาสนา เพราะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่มีอยู่เพียงไม่กี่คนในมหาวิทยาลัยที่เปิดเผยตัว (เรื่องที่แปลกแต่จริงก็คือ นอกจากคนรอบตัวไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าดิฉันปฏิบัติธรรมสายอะไร และไม่เคยบอกคนที่ไม่รู้จักเกี่ยวกับการปฏิบัติเลย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าดิฉันเป็นลูกศิษย์สำนักใดถ้าไม่ได้มีใครบอกมา) ตอนนั้นตกใจมากที่รู้ว่ามีคนเอาเรื่องของตัวเองไปป่าวประกาศ (มิน่าถึงมีคนมาลองดี มาขอพบบ่อยๆ ในเรื่องนี้) พอนักศึกษากลับไป ไปค้นหาชื่ออาจารย์ ก็พบว่า อาจารย์ท่านนี้รู้จักกับอาจารย์ท่านก่อนหน้านั้นนี่เอง ที่แปลกใจคือไม่เคยพบกัน แต่กลับรู้จักชื่อ และรู้วิธีการปฏิบัติของเราได้อย่างไร แล้วทำไมต้องให้นักศึกษามาพบเพื่อขอความร่วมมือในส่วนนี้ แต่ในเบื้องต้นก็ได้ให้พระบรมสารีริกธาตุที่ตัวเองได้รับแจกมาให้กับนักศึกษาเพื่อให้เป็นสิริมงคลและปัดเป่าเรื่องที่ไม่ดีแล้ว

เรื่องที่เล่าก็มีประมาณนี้ค่ะ ยาวหน่อย แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ตัวเองหนีไม่พ้นค่ะ เลยอยากถามอาจารย์ประพนเพื่อความกระจ่างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ บุญใดที่ดิฉันเคยทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอยกให้ท่านอาจารย์และเพื่อนสมาชิกทุกๆท่าน ร่วมมาโมทนาและได้รับผลบุญร่วมกันนะคะ และขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ที่ช่วยตอบคำถามและให้ความกระจ่างแก่ผู้ที่สงสัยทุกคนค่ะ

ฐิตารัตน์

 

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ
ส่วนตัวผมมีความคิดว่าถ้าคุณรู้ได้ทำได้ขนาดนี้ ก็เอาตัวรอดได้สบายแล้วครับ
อนุโมทนาด้วยครับ

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

 

พุทโธ และมี สติ จะชนะทุกสิ่งที่เอามากระทบจิตใจทำให้เรา ขุ่นมั่ว หรือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน มาทำให้เรา หม่นหมอง แนะนำเพิ่มเติมครับ รอง ฝึก สติปัฏฐาน 4 เพิ่มเติมไปคู่ กลับ มโนมยิทธิ พิจารณาไตรลักษณ์ ที่อยู่ตรงหน้า เลยครับ

สาธุเจริญธรรม

 

นึกว่ามีแต่ผมซะอีกที่นอนสมาธิ เพราะรู้สึกว่าผ่อนคลายที่สุดและทำได้นานที่สุด

 

ขอบคุณมากๆค่ะ กำลังปฏิบัติอยู่เช่นกันค่ะ และจะปฏิบัติต่อไปค่ะ สาธุค่ะ

 

พี่ประพนครับ ถ้าผมอยู่ไกลและไม่สามารถขึ้นไปหาพี่ได้
ผมจะสามารถฝากตัวเป็นศิษย์และขอเรียนวิชาได้ไหมครับ

 

1 การปฎิบัติพุทโธช่วยได้ แต่ไม่ตลอด เมื่อใจเราเผลอเมื่อไรถ้าเขาจะทำเราจริงๆคงต้องโดนเพราะบางครั้งตัวเราอาจจะลืมภาวนา เลยจำเป็นต้องมีวัตถุมงคลหรือเรื่องรางของขลังติดตัว แต่ก็ช่วยไม่ได้เสมอไปถ้าเกินกำลังกรรม แต่ติดตัวไว้อุ่นใจกว่านะครับ

2 วัตถุมงคลที่เป็นสายเทพก็ดี สายพรายก็ดี สายผีก็ดี ไม่ถือว่าเป็นของต่ำ ถ้ามันจะต่ำก็ต่อเมื่อเราเอาไปใช้ในทางที่ต่ำ เช่นอะไรคงจะรู้ดี

3 การดูแลวัตถุมงคลสายเทพ เทพชั้นหนึ่งนะ ชั้นอื่นเขาไม่มายุ่งหรอกสูงสุดได้แค่ชั้นหนึ่ง แต่ส่วนมากจะเป็นพวกอากาศเทวา อย่างที่คุณทำหน่ะถูกต้องดีแล้ว หมั่นทำบุญให้เขา ชวนเขาทำบุญ สวดมนต์ นั่นแหละดีที่สุดแล้ว

ปล. ในตัวคุณเองก็มีวิบากกรรมทางด้านนี้มาเหมือนกันเคยไปทำเขาไว้ ชอบเล่นอาคมมานานมากแล้ว ถ้าอยากรู้ไปถามต่อในข้อความ

 

เอางี๊แล้วกันถือศีลห้าให้ครบอย่างน้อยวันละ ห้าชั่วโมงพอ

 

ผมขอวิธีการฝึกนั่งสมาธิหน่อยครับพี่ เวลานั่งรู้สึกจิตฟุ้งซ่านมากครับ

 

ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ

 

ขอสอบถามนะครับ

เอ ที่ว่าชั้นหนึ่ง นี่คือ จาตุมหาราชิกา ใช่มั้ยครับ
ถ้างั้น ถามไปถึงวัตถุมงคลที่เป็นรูปลักษณ์ พระอินทร์ พระพรหม พระศิวะ พระอุมา ฯลฯ เหล่านี้ เท่าที่ทราบ ท่านเหล่านี้ไม่น่าจะอยู่ชั้นหนึ่งใช่มั้ยครับ ก็คงไม่ยุ่งเกี่ยว บารมี สายญาณ หรืออะไรก็ตาม ก็คงจะไม่ใช่ของท่าน ถ้างั้นจะเป็นเสมือนเข้าข่ายสมอ้างจากเทพชั้นหนึ่ง หลอกลวงผู้บริโภคป่าวครับ หรือเขาจะเป็นเหมือนกายสิทธิ์ที่อยู่กับเหล็กไหล มีหน้าที่ดูแลรูปลักษณ์ ของเทพชั้นสูงเหล่านี้ ขอความกระจ่างตรงนี้ด้วยครับ
และก็ขออนุญาต ถามเลยเถิดไปถึง ตำหนักทรงตามที่ต่างๆ ตามที่คุณประพน ไปเยี่ยมมา เคยเจอแบบญาณบารมีแท้ๆ มั้ยครับ อย่างเทพสายฮินดูที่มีชื่อเสียง หรือ เจอแต่เทพชั้นหนึ่ง

ขอบคุณนะครับ นานๆ จะเจอคนให้ถาม ให้ความกระจ่างได้ ไม่รำคาญนะครับ ^_^

 

ใช่ครับชั้นจาตุม พวกนั้นไม่ได้อยู่ชั้นหนึ่งครับ ถ้าเป็นวัตถุมงคลของเทพเหล่านั้นก็จะเป็นพวกบริวารของเขามากกว่าที่เขามาคุ้มครองเรา แต่บางกรณีตัวเทพอาค์นั้นก็มาช่วยจริงๆ แต่ของชิ้นนั้นต้องเป็นของที่ดีพร้อมทั้งตัวผู้ปลุกสเกและมวลสาร ตามตำหนักต่างๆ ผมเคยไปแค่สองที่เท่านั้น ก็เห็นแต่พวกอสูร หรือผีที่ใหญ่แถวๆนั้น คอยนั่งอยู่ข้างๆเป็นตัวดำๆใหญ่และควบคุมตัวผู้ทรง จำไว้ว่าผีพวกนี้ไม่สามารถเข้าร่างมนุษย์ได้นอกจากจะเคยกระซิบอยู่ข้างๆเท่านั้น แต่ของจริงก็มีนะเทพข้างบนก็มี แต่น้อยมากนักคนผู้นั้นจะต้องบริสุทธิ์ สะอาดจริงๆ เขาถึงจะมาเอง

 

ขอบคุณมากครับ สำหรับคำตอบ