เอามาบอกต่อครับ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

ขอบคุณหลายๆ

 

ตามอ่านสมเด็จด้วยคนครับ...เผื่อได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติม

 

ขอบคุณมากครับที่สร้างจินตนาการให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง

 

เซียนพระสมเด็จฯที่อ้างว่าพระสมเด็จฯวัดระฆังมีน้อยพิมพ์และมีจำนวนน้อยเพราะสมเด็จฯโตท่านเริ่มสร้างพระสมเด็จเมื่อตอนอายุ 77-78 ปี โดยหยิบยกบันทึกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่นิพนธ์ไว้ว่า ประมาณช่วงปีพ.ศ.2392 สมเด็จฯโตได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่กำแพงเพชรแล้วได้อ่านจารึกโบราณที่นั่นที่บันทึกวิธีการสร้างพระไว้ โดยตอนนั้นสมเด็จฯโตท่านยังไม่ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ชั้นสมเด็จฯ บรรดาเซียนเลยถืออ้างอีกว่าเพราะคนสมัยโบราณเรียกพระที่สมเด็จฯโตสร้างว่า "พระสมเด็จฯโตวัดระฆัง" ดังนั้นเลยถือเอาว่าพระสมเด็จฯวัดระฆังที่สมเด็จฯโตสร้างจึงต้องสร้างหลังจากได้รับสมณะศักดิ์ชั้นสมเด็จแล้วเท่านั้น ถ้าคิดตามที่เซียนกล่าวมาก็ฟังดูมีเหตุผลดี เพียงแต่เป็นเหตุผลจากการคิดที่ตนเองต้องการสื่อเพียงด้านเดียว เพราะในเรื่องสมณะศักดิ์นั้นไม่ว่าก่อนหน้าที่พระรูปนั้นจะครองสมณะศักดิ์ใดๆมาก่อน แต่ผู้คนก็จะยกย่องพระรูปนั้นด้วยสมณะศักดิ์ชั้นสุดท้ายหรือสูงสุดของท่านเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าสิ่งของหรือเรื่องราวใดๆที่สมเด็จฯโตท่านทำตอนสมัยที่ยังไม่เป็นสมเด็จ เมื่อท่านเป็นสมเด็จพุฒาจารย์แล้ว ผู้คนก็จะพูดแต่ว่าเป็นของสมเด็จฯโตเป็นเรื่องราวของสมเด็จฯโตอย่างนี้ทั้งนั้นแหละครับ

อีกอย่างในเรื่องการร่ำเรียนวิชาทั้งสมถะและวิปัสสนา ตลอดจนคาถาวิทยาคมต่างๆจากครูอาจารย์ทั้งหลาย ต่อให้มีความเฉลียวฉลาดและพรสวรรค์สักเพียงใด ก็ไม่อาจจะได้รับการยอมรับจากอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนได้โดยปราศจากการ"ลองวิชา"หรือภาคปฏิบัตินั่นเองและยังต้องหมั่นปฏิบัติฝึกฝนเรื่อยๆซ้ำๆต่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วเรื่องที่บรรดาเซียนกล่าวอ้างจึงเป็นไปไม่ได้ครับ

การศึกษาที่ดีบางครั้งก็ไม่ควรยึดแนวทางเดียวแล้วปฏิเสธแนวทางอื่นโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาแนวทางอื่นอย่างชัดเจน เพราะไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนในโลกนี้ครับ

 

เห็นด้วยครับ แม้แต่เซียนยังมีตากลับเลย

 

อ่านแล้วถึงกับอึ้งเหมือนกันครับ เขาถึงว่าฟังหูไว้หูนะครับ ป๋าผมเคยบอกว่าไม่มีใครให้ความรุ้ตัวฟรี ๆ หรอก โดยเฉพาะพวกเซียนพระ

 

เราจะไปยึดติดอะไรกันมากมายครับ ใครอยากจะเล่นแบบไหนก็ิเล่นไปเถอะ ถ้าเรามีพระแบบเค๊าที่กลุ่มของเค๊าเล่นเราก็เอาไปขายเค๊าได้ ผมว่ามันก็แฟร์ดี ส่วนจะให้ใครมายอมรับพระเราหรืออยากจะให้คนมาเล่นพระแบบเราๆก็ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้พระของเราเป็นที่ยอมรับ หาประวัติหาข้อมูลมาพิสูจน์ทราบให้คนเค๊ายอบรับ เท่านี้ก็ไม่ต้องเถึยงกันแล้วว่าพระใครแท้พระใครไม่แท้ ปัญหาแบบนี้เล่นแบบนั้นไม่เล่นมันก็จะหมดไป และการสร้างความน่าเชื่อถือให้พระของคุณก็คือบอกมาว่าคุณเล่นพระแบบไหน? จะวังหน้าวังหลังหรือวังกลางก็ถ่ายภาพมาลงกัน เผื่อใครไปเจอแบบที่คุณๆเล่นกันจะได้หามาขายให้ เพื่อนๆก็จะได้มีตลาดค้าขายเพิ่มขึ้นด้วยครับ

 

ชอบความเห็นนี้จัง เป็น ธรรมชาติ ดีครับ

 

เห็นต่างพี่ปั้นพระหน่อยครับ
ถ้าอย่างนั้น พระขุนแผนเคลือบอัมพวันก็ต้องแท้บางกลุ่ม
ก็ต้องมีบางคนที่ได้ประโยชน์ บางคนเสียประโยชน์
โอเค อาจจะยุติความขัดแย้งระหว่างกลุ่มได้ แต่ว่า ความจริงคือความจริง
การยัดกรุยัดวัดมีมาแต่โบราณ อาจมีการทำเป้นกระบวนการ มีหน้าม้า มีความน่าเชื่อถือในแง่มุมต่างๆ แต่ พระแท้คือพระแท้
พระปลอมก็คือพระปลอม
ถ้าเรื่องนี้ยังแยกไม่ชัด ต่อไปจะดูพระ ศึกษาพระ ส่งมอบเป้นมรดกเพื่ออะไรครับ
เพราะต่างก็เป้นนิทานทั้งนั้น ทุกเรื่องที่เล่า ที่บอก ความจริงจะอยู่ที่ไหน

วงการพระเครื่อง กับการศึกษา ผมเองเคยชี้แจงไปแล้วคล้ายๆกัน เหมือนกับ ทะเล เวลาเอาขยะอะไรก็ตาม ทิ้งลงทะเล หนักก็จมไปเลย ถ้าเบา ก็จะถูกซัดเข้าฝั่ง ฉันใด ฉันนั้น
พระแท้คือเพชรเม็ดงามในวงการศึกษา ติดตาม และชื่นชม ส่วนพระปลอม แม้จะเหมือนแค่ไหน ก็ได้แค่เพชรรัสเซีย หามีคุณค่าเทียบเท่าพระแท้ไม่

หวังใจให้ทุกท่านเข้าใจ ไมได้ต้องการความขัดแย้ง แต่การฝากความหวังไว้กับศาลยุติธรรมและระบบการปกครองอาจเป้นความหวังสุดท้ายของประเทศแห่งความงมงายนี้

 

พระแท้ย่อมดีกว่าพระไม่แท้....
แต่ประเด็นสำคัญไม่ใช่ความแท้หรือไม่แท้...
หากแต่เป็นความจริงที่ตรงไปตรงมารอบด้านไม่ใช่แค่ในกรอบที่ใครอยากให้เป็น...
และความจริงที่แท้นั้นย่อมเสมอภาคกันในเรื่องของเหตุและผล...และค้านไม่ได้
และถ้าความจริงใดมีจุดให้เห็นค้านได้...ความจริงนั้นคือความจริงที่ถูกบิดเบือนครับ

 

กรณีตากลับ มีลักษณะหนึ่งคือ กลัวไก่ตื่น เพราะเป็นเหรียญบล็อกคอมพ์ ที่พรรคพวกโดนมาหรืออาจจะหามาแล้วเพิ่งปล่อยให้ชาวบ้านไป พอชาวบ้านคนที่เช่านั้นเอามาปล่อยให้เซียนพื้นที่อีกคนเพราะเขาไปเช็คมาอย่างละเอียดแล้วในตลาด เซียนพื้นที่คนนั้นจึงรับเช่าไว้ในราคาทุน เพราะเขามีช่องทางเล่นต่อ และไม่ให้ไก่ตื่นหลายตัว นั่นเอง ช่วยพรรคพวกกันทางอ้อมด้วย

 

ด้วยความเคารพนะครับพี่ เรื่องพวกนี้ที่คุยกันก็เหมือนการเมืองที่ทะเลาะกันอยุ่ทุกวันนี้แหละครับ พี่ปล่อยวางเหอะครับ ความจริงก็คือความจริง มนุยษ์หากมิใช่พระพุทธเจ้าไม่เข้าถึงธรรมอย่างอริยเจ้าทั้งหลายพระองค์แล้ว ไม่มีคนไหนหรอกครับปราศจากความรัก โลภ โกรธ หลง ทุกอย่างมันหมุนเวียนไปเป็นวงจรของมันจิตใจของมนุษย์ก็มีดีบ้างไม่ดีบ้างเหมือนเหรียญที่มันมี2ด้านอะแหละครับ แล้วอีกไม่มีอะไรยั้งยืนหรอกความดีความชั่วความเลว ที่พูดแบบนี้ก็เพราะบางคนเป็นเซียนดีพอเงินมาเข้าก็เป็นเซียนโลภ ไม่มีอะไรยั้งยืนหรอกถ้าทางศาสนาก็ว่างทุกอย่างไม่เที่ยง มันเป็นแบบนั้น พระเครื่องส่งมอบเป็นมรดกพระอะไรเพราะมันมีค่ามีคุณค่าเราไปตีราคามันขึ้นมาเองทั้งนั้น ที่ต้องตีมันก็แน่นอนใครจะให้พระเก่าคนอื่นฟรี ๆ ทั้ง ๆ ที่ขายได้จริงไหม แต่มันไม่มีหรอกครับความจริงทุกอย่างทักวงการมีแต่กิเลสแอบแฝงหลอกลวงทั้งนั้น ที่ดีก็มีอยู่ต้องแยกพิจารณา พระเครื่องท่านก็สร้างให้แค่ยึดมั่นไว้ชั่วระยะหนึ่ง ให้เป็นพุทธานุสติ ให้เป็นเครื่องไว้ยึดเหนี่ยวเพื่อละอายต่อบาปมีหิริโอตะปะ เท่านั้นแหละครับ ยึดไปก็ทุกข์เปล่า ๆ ที่ว่านี้ไม่ใช่ผมไม่ยึดถึดนะผมก็มีกิเลสเยอะด้วย แต่ผมรู้จักที่จะเล่นรู้จักที่จะยึดรู้จักวาง ผมว่าพี่ปั้นพระอะพูดถูกทุกอย่าง อย่างงั้นแหละให้มันไปตามโลก อย่าเปลี่ยนโลกมันยากครับเพราะมนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ไม่มีเหมือนกัน

 

ไม่เป็นไรหรอกครับที่มีความเห็นต่างกัน คุยกันสนุกๆครับเหมือนการแลกเปลี่ยนความคิดของแต่ละคนออกมา ที่ผมบอกไปแบบนั้นเพราะจากประสพการณ์ที่ผ่านมาของผมนั้นเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะ บอกก็ไม่เชื่อ เตือนก็โกรธ วิธีเดียวคือค่อยๆให้เค๊าได้รู้ด้วยตัวเค๊าเอง เคสนี้คล้ายๆการส่งพระเข้ากวดเวลาที่เค๊าไม่รับก็ด่ากรรมการ หรือการนำพระไปแห่ ซึ่งการแห่พระเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน คนแห่ก็ต้องมีเชาว์ในการแห่ เซียนพวกนี้หาคนที่จะบอกตรงๆยาก เพื่อนผมหลายคน รวมทั้งคนที่ผมรู้จักมากมายก็เล่นพระแบบหลงทางแบบนี้ บางคนอาการหนักกว่าในเว็บนี้ก็หลายเท่า ค่อยๆให้เค๊าได้รู้ด้วยตัวของเค๊าเองผมว่าดีที่สุด เถึยงกันไปเถึยงกันมามันไม่จบ ใครเล่นพระแบบมาตรฐานสากลเราก็หาพระแบบนั้นไปขายเค๊า ใครเล่นแบบพระวังหน้า กรุวัดอัพวันและีอีกหลายๆกรุที่ผีจับยัด เค๊าเล่นกันแบบนั้นเราก็หาของที่เค๊าเล่นไปขายเค๊า ในกล่องพระผมมีพระทุกหน้า ใครอยากได้แบบไหนก็จัดกันไป ไม่ต่อล้อต่อเถียง เจอของที่ผมชอบผมก็ซื้อก็แลกมา คนซื้อมีความสุขคนขายก็มีความสุข วินวินทั้งคู่ ในขณะที่ความจริงนั้นไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นแบบไหน ผมอาจจะลาจากโลกนี้ไปแล้วความจริงก็อาจจะยังไม่ปรากฎมาให้เห็นเลยสักครั้งก็เป็นได้ ชีวิตผมไม่เคยรอความจริงเหล่านี้ ผมเล่นพระแค่ชอบเท่านั้น

 

นี้แหล่ะ คือความจริง

 

อันนี้แหละบทสรุปสุดท้ายหรือเรียกง่ายๆว่าจุดอิ่มตัวของคนเล่นพระเป็น ถ้ายังเล่นไม่เป็นก็เถียงกันไม่เลิกไม่มีวันจบ

 

สาธุครับ อ.คนปั้นพระ ^^

 

สาธุ ล้ำลีกมากครับพี่

 

5555 อ่านไปอ่านมาก็อดไม่ได้ ... เชื่อพี่ปั้นพระเถอะคับ เพราะชักวันหนี่งบางคนอาจจะถึงจุดนั้น การเล่นพระเครื่อง ไม่เหมือนการเล่นแสตมป์ที่มีรูปแบบมุมมองที่ชัดเจน แต่การเล่นพระเครื่องย่อมมีมุมมองที่ต่างกันออกไปซึ่งขึ่นอยู่กับพื้นฐานข้อมูลที่ได้ศึกษามา แต่ถ้าหากจะซื้อขายกันมันก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคนที่ซื้อขายด้วย...ซึ่งมันก็มีความแตกต่างกันออกไปอีก พูดง่ายๆพระจะแก๊จะแท้ก็อยู่ที่คนซื้อ....ยกตัวอย่างเช่นผมเนี่ยแหละ มีหน้าที่หาพระตามใบสั่ง เวลาคนจะซื้อเขาก็ดู ถ้าเขาชอบเขาก็เอาไป บ้างองค์ผมบอกว่าแก๊เขาก็เอาไปเพราะเขา"ชอบ"หรือสามารถเอาไปออกต่อได้ อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆเขาก็มีความสุขที่ได้พระที่ชอบไป ผมก็มีความสุขที่ได้กำไร เรียกได้ว่าวินๆทั้งสองฝ่ายส่วนจะแก๊จะแท้ให้เขาไปหาข้อมูลเอาเอง เพราะบางครั้งผมถามว่าพี่เอาไปทำไม? เขากลับส่วนกลับว่าไม่รู้หรือเนี่ย"นี่อะพระแท้"ผมก็เลยอยากจะบอกว่า นี่ล่ะครับ"นานาจิตตัง"เราไปห้ามอะไรเขาไม่ได้แต่ถ้าหากเราจะเรียนรู้ว่าพระแท้เป็นอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเข้าใจว่าหลายๆท่านมีควา ปารถนาดีที่จะให้คน มาอ่านได้มาศึกษาให้แนวทางที่ถูกต้อง แต่ในการเปลี่ยนมุมมองความคิดของคนอื่นบางครั้งมันทำได้ยากขึ้นอยู่กับความคิดและวิจารณญาณของคนนั้นๆด้วย ก็อย่าท้อถอยก็แล้วกันเป็นกำลังใจให้ครับ

 

สาธุ ครับ อ.liverpool_Rak

ได้บัญญัติคำใหม่ ในวงการ แท้ 50+ เก๊ 50 = "แก๊"
ถูกใจครับ คำนี้ ^^

 

แบบนี้ ก็เข้าข่าย ชงเองกินเองคนอื่นไม่เกี่ยว

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง » ประกวดพระเครื่องที่เชียงราย