ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ถ้าผมเป็นแผล แล้วผมแกะ แล้วผมจะหายไหมครับ

 

ถ้าผมมีแผล ผมไม่ยอมรับว่าผมมีแผลปล่อยให้มันเน่าช้ำเลือดช้ำหนองอยู่อย่างงั้นให้มันติดเชื้ออยู่อย่างงั้น ไม่ยอมเอายาใส่ พอใครเตือนให้ไปหาหมอใส่ยาผมก็ยังไม่ยอมหาว่าเขามีเจตนาร้ายกับผม ผมไม่ได้เป็นแผลปกติดี ไม่ใส่ยา ทั้งที่มันก็เห็นกันชัดๆๆว่ามันลามไปใหญ่แล้ว ถามว่าผมจะหาหายหรือไม่?

 

มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงบ้างก็ดีนะคุณ ไม่ต้องพูดคำผสมปรัชญาความเชื่อคำ
สักแต่ว่าจำเขามามากวนมั่วๆๆให้ตัวองดูธรรมะธัมโม หรอกคุณ เอาสิ่งที่คุณคิดรู้สึกจริงๆๆไม่เสแสร้งจะดีกว่านะ
ผมเอียนพวกชอบทำตัวดูเหมือนว่าธรรมะธัมโม ก็สักแต่จำขี้ปากคนอื่นมาพูดทั้งนั้น แต่ภายในกลวงโบ๋ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเป็นของตัวเอง
เอาสิ่งที่คิดจริงๆๆอยู่ในใจจริงๆๆ นะมีไหมครับความจริงใจกับตัวเอง ความรู้สึกของตัวเอง โกรธก็ว่าโกรธไม่พอใจก็ว่าไม่พอใจ ชอบก็ว่าชอบ
รักก็ว่ารัก นะทำได้ไหม?
นี่ก็เป็นสิ่งที่คุณเป็นในตอนนี้จริงไม่ใช่หรือครับ
ขนาดตัวเองยังยอมรับตัวเองเลยแล้วจะมาธรรมะธัมโมอะไรกัน

 

วางเฉย ไม่สนใจ ใครอยากเก่ง ก็ปล่อยให้เก่งไปคนเดียว
น่าจะช่วยทำให้เราได้กลับไปกินก๋วยเตี๋ยว ตามเจตนาที่ได้เข้ามาร้านก๋วยเตี๋ยว
อิอิ

 

แบบนี้เขาเรียกว่าออกตัวแล้ว ไม่ใช่วางเฉย ไม่สนใจ ถ้าเป็นจริงอย่างที่พูดก็น่าจะมีแต่ความเงียบกริบ นิ้วไม่กระดิกกดคีย์สักตัว
สักแต่พูดไปเรื่อยให้ดูดีไปงั้น ..............เหอๆๆ

 

ธรรมะไม่เหมือนกลอนอ่านเล่น


ดังนั้น จึงมีคำว่า "อินทรีย์ห้า" หมายถึงว่า คนเราแต่ละคนก็มีกำลังย่อหย่อน
มากหรือน้อยต่างกันในการรับธรรม เช่น คนมีศรัทธามาก ย่อมรับฟังธรรมได้
มากกว่าคนที่มีศรัทธาน้อย จริงไหม?


ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ "รับธรรมมากเกินอินทรีย์หรือไม่?" ลองดูกันครับ


ไม่ได้มาป่วน ไม่ได้มาก่อกวนอะไร กระทู้เปิด คนทำงานเขาก็ทำกันไป ก็
เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้า จะทำหน้าที่แบบนั้นก็ไม่ได้ เขาก็แปลๆ แล้วเขา ก็
หมดหน้าที่เขาไป อันนี้ ผมก็เข้าใจ ผมเป็นคนอ่านยังประมาณตน อ่านไป
บ้าง เฉพาะที่พอรับไหว อะไรที่ไม่เข้าใจ, เกินกำลัง ผมก็ไม่ได้ไปวิจารณ์
อะไรนะ


และคิดว่า คนที่เห็นต่าง ไม่ได้ว่าอะไรงานแปลหรอก


เขาอาจแค่ปรารถนาดี เห็นอะไรก็บอกไป คำชมมักเป็นยาพิษ คำแสลงมัก
เป็นยา ผมไม่ได้อยากหาเรื่องอะไรหรอกนะ แต่ถ้าเรานิ่งเฉย คนบางพวกก็
คงได้ใจ รวมหัวกันเยอะๆ แล้วใช้วาจางดงามซ่อนยาพิษ พ่นใส่ผู้มีธรรมคน
แล้วคนเล่า เพื่อจะยึดครองความถูกต้อง เอาไว้เฉพาะกลุ่มของตนเท่านั้น


สรุปคือ "ถ้าคุณรับธรรมะมากเกิน จนเกิดปัญหาก็หาครูดีๆ หรือใครช่วยเถอะ"

 

อาการหลังรับธรรมะมากเกินอินทรีย์


๑. อาการทางกาย

๑.๑ อาการร้อน ที่เรียกว่า "ร้อนวิชา" มันจะร้อนทางกายเลย และร้อนใจด้วย
บางคนก็เป็น แต่บางคนอาการพลิกกลับเป็นเย็นเยือก เหมือนคนใจเย็นเกินไป

๑.๒ อาการล้น ทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย เหมือนกินอะไรมากไป
ก็สามารถเกิดขึ้นได้ (แต่ไม่ใช่ว่าอาการนี้จะเกิดเพราะการรับธรรมมากเสมอไป)

๑.๓ อาการแก่ เหมือนพวกเรียนมากเกิน แก่เกินวัยไปเลย บางคนถึงขนาดเกิด
การเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง หน้าตาได้เลยนะครับ เช่น ผมขาวมากขึ้นผิดปกติ

๑.๔ อาการพิษ คือ รับธรรมะแล้วกลายเป็นพิษ เพราะความเข้าใจผิดไม่มีครูมา
บอก เรียนเอง ศึกษาเอง ผิดไปเองโดยไม่มีใครช่วย ส่งผลให้เกิดภูมิแพ้กำเริบ

๑.๕ อาการบวม คือ ธรรมบางอย่างอาจทำให้เกิดอาการบวมของร่างกายได้โดย
ไม่ได้เกิดจากโรคอะไรเลย แต่สามารถทำให้ร่างกายบวมน้ำได้ เพราะรับมากเกิน

๑.๖ อาการระเบิด คือ ความที่รับธรรมมากเกิน ล้นเกินแล้วพยายามเก็บไว้ จนมัน
ระเบิดออกมาทางจิตหรือทางกายก็ได้ การระเบิดมีทั้งที่แบบบรรลุและไม่บรรลุฯ

๑.๗ อาการรวนภายใน คือ อาการที่รับธรรมะหลายชนิด มากไป แล้วไม่ตกผลึก
ทำให้ธรรมตีกันเองภายใน ทำให้เกิดความปั่นป่วนได้ เช่น ท้องใส้ปั่นป่วน อ้วก

๑.๘ อาการปวดหัว เป็นอาการที่พบเห็นได้ง่ายที่สุด เพราะรับธรรมะมากเกิน แต่
คิดมากไม่แจ้งด้วยปัญญาสักที ใช้สมองใคร่ครวญมากไป จนทำให้ปวดศีรษะได้

๑.๙ อาการจุดแน่น บริเวณต่างๆ เช่น หน้าอก, ช่องท้อง, โพรงสมอง ฯลฯ เพราะ
พลังธรรมอัดแน่นมากไปบริเวณนั้นๆ ทำให้อวัยวะนั้นๆ เกิดความผิดปกติ ไร้สาเหตุ


อาการเหล่านี้ แค่ตัวอย่างนะครับ สรุปคือ มีอาการได้มากมายหลายแบบ แต่ไปหา
หมอแล้วเขาจะว่าเราคิดมากไป เพราะตรวจแล้วไม่มีโรคอะไรเลยครับ ทีนี้ บางคนก็
คิดว่าโดนคุณไสย์หรือเปล่า? ถ้าไปหาหมอทางเลือกที่เขารู้จริง ดูแล้วไม่ใช่คุณไสย์
ก็มีครับ บางครั้ง ก็มาจากการฝึกจิตที่ผิดพลาด และการรับธรรมที่มากล้นเกินไป ซึ่ง
มีอาการทาง "จิต" ด้วย อาการทางจิตหรือกายอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างก็
ได้ อาการทางจิตนั้น ดูไม่ยาก คือ ไม่ใช่โรคจิตประสาทครับ ไม่ถึงขั้นนั้น ก็ยังไม่บ้า
แต่มันก็ทำให้เกิด "อาการทางจิต" หลายอย่างได้ เช่น เครียดง่าย, นอนดึก ฯลฯ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=xbgLiOyv3lQ]เอวสะบัด..สลัดพิษ (ออกกำลังกาย) - YouTube[/ame]


ธรรมะเป็นของดีก็จริง แต่ถ้าเราเก็บ "ความเข้าใจผิดในธรรม" ไว้
มากๆ มันจะดองอยู่ซึมลึกเป็นพิษภายใน บางคนลงลึกถึงไขกระดูก
ก็ต้องใช้การ "ฟอกไขกระดูก" ล้างพิษธรรมะ ออกไป


ดูกันเล่นๆ อย่าไปคิดไรมาก ธรรมะไม่ผิด แต่เราออกกำลังกายบ้างก็ดีอ่า

 

เรื่องของความต่างมิตินี้นี้มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ซึ่งเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะมีคนไม่เชื่อตามข้อความต่างมิติที่ได้กล่าวไว้

สื่งที่ทำให้ทุกคนเชื่อจึงต้องเป็นอะไรที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ แล้วถ้าแนวคิดของจักรวาลโฮโลแกรมตามที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้พยายามค้นหามัน เป็นจริงล่ะ

มันจะหนุนข้อความต่างมิติที่ได้กล่าวไว้เลย เพราะสิ่งที่เราเห็นทุกอย่างมันไม่เป็นจิง สิ่งที่เป็นจริงคือจิตของเรา

หากคุณจับใจความของข้อความต่างมิติหลัก ๆ ได้ หรือเขาตั้งใจที่เน้นคำพูดอะไร แม้ถ้อยคำต่าง ๆ มันอาจจะดูเวอร์เกินไปจนคุณรุ้สึกว่ามันไร้สาระ

เนื้อหามันก็จะมีเพียงแค่ ทำให้คุณคิดบวก ให้ความรักกับความเมตตากับสิ่งมีชิวิต แล้วถ้าทุกคนคิดอย่างงี้ โลกมันจะสงบสุขเลยล่ะ

เพราะไม่ไปยึดติดกับวัตถุต่าง ๆ ไม่ยึดติดกับ ทรัพย์สิน เงินทอง หรือคนที่คุณรักแล้วอยู่ดี ๆ มาจากไป เพราะที่จริงคุณไม่ได้ครอบครองสิ่งเหล่านี้

แต่ การให้ความรักการให้คนอื่นมีความสุข นั้นเป็นสิ่งที่จริงกว่า

 

ในที่สุดก็ได้เวลาโชว์การซิ๊งค์ แบบดริฟท์ๆ ให้ดูซะที รอตั้งนานแน่ะ เธอ.....
วันนี้เป็นตอน พรหมวิหารสี่ครับ จากวันข้างบน ที่โพสท์เรื่องพระพรหมไป
ก็รออยู่ห้าวัน เธอก็ออกมาให้ดูแล้วครับ ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม หรือฝรั่งว่า
slow bus sure แปลตรงตามกฏได้ว่า แน่นอนรถบัสมาช้า 555

เป็นการโชว์ว่าพรหมมีจริง ไม่ได้โม้ โชว์จากหัวใจเลยนะเนี่ย ขอบอก
นี่สิถึงเรียกว่า "ผู้มีปกติฝึกฝนจิต" รู้จักธรรมะ ด้วยหัวใจน้อยๆ แต่นานๆ

ใครที่คิืดว่าตัวเอง เป็นผู้ปฏิบัติธรรม เข้าใจธรรมะ รู้ดี รู้ลึก รู้มาก รู้แม่น บลาๆๆๆ
แล้วมันซึมออกมาตามร่างกาย ให้เห็นได้ในชีวิตประจำวันไม๊ครับ ท่านทั้งหลาย

เนี่ยนะ ถ้าไม่ใช่ระดับพระพรหมมาช่วยแสดงเป็นพระเอกแล้วล่ะก็
เราคงไม่ได้เห็นถึงพรหมวิหารสี่ ที่มีในหัวใจเป็นแน่แท้ ล่ะมั้ง นะ

คืนนั้น คืนวันที่เล่นกลกับมดตัวน้อยแล้ว ก่อนนอน คิดย้อนแล้วดีใจจัง
ค่อยๆ เข้าใจไปทีละนิด ทีละนิด ดั่งมายากลเลยล่ะครับ ขอบอก
กว่าจะเข้าใจถึงการปรากฏของ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
ก็ต้องทบทวนอยู่นาน และค่อยๆ ประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน อย่างปราณีตบรรจง

ก็ขอนำมาโชว์ ด้วยความภาคภูมิใจ ในธรรมะ ที่พระพรหมช่วยชี้ทางให้ดูชัดๆ
ขอแสดงด้วยบทกลอนอันน่าปลาบปลื้มใจ อีกบทนึงในชีวิตเชียวล่ะครับ ขอบอก
จากกระทู้ http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2.418338/page-15

 

.
อยากคุยกะท่านเทพจัง แต่ท่านเขียนยาว เขียนแยะ เขียนยาก เขียนยุ่ง
เลยต้องใช้เวลาย่อยหลายวันหน่อยครับ เพิ่งย่อยได้บางส่วนเอง ที่น่าโม้ใส่กัน
แต่วันนี้เวลาหมดแล้ว ต้องกลับไปกวาดถูศาลาวัดแล้วล่ะครับ รอก่อนนะ อย่าเพิ่งไป


วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / นักรบแสง
.

 

จริงๆๆที่ลุงเขียนยาวนั้นจงใจให้ไม่เบื่อให้ดูมีรสมีชาติ ก็แลเลยพยายามหยิบเอาบางอย่างที่แปลกใหม่ขึ้นมาให้เห็นบ้างในขั้นต้น ไม่อยากให้เบื่อ
แต่ลางทีอาจจะได้ผลตรงกันข้ามคือเห็นยาวแล้วมันข้ามเสีย เด็กสมัยนี้ชอบอะไรที่สำเร็จรูปจริงๆๆ แบบไวไวๆๆ ซึ่งแลสะดวกรวดเร็วแค่ราดน้ำร้อนลงไป แต่สารอาหารน้อย(หัวเราะ)
หรือไม่มักก็ถูกทำให้สับสนงงงวยไปเสีย ว่าอะไรของลุงแกเดี๋ยวกระโดดไปนู้นไปนี่ที(หัวเราะ) ถ้าเช่นนั้นก็อย่าไปสนใจเลย คำพูดนะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์น้อยมาก และลวงเราหลงทางไปไกลเสียเกินกว่าจะเห็นสิ่งที่อยู่ใต้จมูกเรานี่เอง
ลางทีถ้าเอ็งมาบ้านลุง อาจจะไม่ต้องคุยกันสักคำก็ได้ แค่นั่งลงเฉยๆๆดื่มอะไรกันสักอย่างก็พอแล้ว (หัวเราะ)
และที่พูดไปเนี่ยจักเอาหัวสมองมาทำความเข้าใจนะ
มันไม่ได้ดอก
อุปมาดั่งการเอาผ้าพลาสติกมาคลุมผืนพิภพไว้ จักเป็นไปได้หรือ? มันต้องค่อยๆๆปล่อยให้สิ่งที่ลุงสื่อเหมือนน้ำฝนค่อยๆๆซึมเข้าไปได้จนถึงจิตใจ ด้วยจิตใจอันเป็นสมาธิ สิ(หัวเราะ)

จริงๆๆจักให้สรุปเหลือประโยคสั้นๆๆก็คือ"รู้ตัว แล้วสิ่งต่างๆๆปัญหาต่างๆๆ ความทุกข์อะไรเนี่ยมันจะคลี่คลายเอง รู้เห้นความคิดแต่อย่าเข้าไปในความคิด" ที่พูดมาทั้งหมดก็มีสาระแค่นี้
ส่วนที่พุดมายาวๆๆผู้ใคร่ต่อการศึกษาถ้าเห็นว่าพึงจักมีประโยชน์บ้างก็พึ่งลือกเฟ้นเอาแต่ประโยชน์เถิด

 

ยังแปลไม่เสร็จเหรอคะ
รออยู่นะคะ สู้ๆค่ะทีมแปล (kiss)

 

อย่ายอมให้ "ขบวนการเห็บเหา" กลืนกิน

ฉันกำลังพิจารณาว่า..
แบบไหนจึงจะถูกเรียกได้ว่าเป็น เห็บ เหา ที่เขาพูดถึง...

อีกอย่าง...ขอให้ผู้ที่ติดตามอ่านข้อความในกระทู้นี้...
อนุโมทนากับ จขกท เขาด้วย...นี่เป็นบุญกุศลที่ จขกท กำลังต้องการ.....
อย่างที่เคยบอกไป...กระทู้นี้เหมือนวัดเหมือนส้วม...
ใครป่วยไข้ไม่สบายก็ดิ่งเข้ามาหา ระบายออกมาสักหน่อยก็รู้สึกโล่ง...
สังเกตุดูได้...กระทู้อื่นไม่ค่อยมีใครไประบายสักเท่าไหร่หรอก
จึงทำให้รู้ได้ว่า...เทวดามาให้บุญเขา...
มาให้ทดสอบ ว่าเมื่อเจอผู้คนมาระบายไว้แล้ว
จะยอมกวาด ยอมวางไม๊...หากทำได้ก็ผ่าน...
แต่หากไม่ยอมกวาด ไม่ยอมวาง...ก็ไม่ผ่าน
ไม่มีอะไรมาก...สบาย ๆ
และเราเชื่อว่า จขกท...จะต้องขอบใจเทวดาเหล่านี้
ที่ลงทุนทำได้ถึงขนาดนี้เพื่อ จขกท คนเดียว......
ซึ่งหาได้ยาก....หาได้ยาก...

แต่ที่ฉันอยากรู้จริง ๆ คือ "ทำแบบไหนจึงจะถูกเขาเรียกว่า เป็น เห็บ เหา สาวก บริวาร..."
เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ทำตัวอย่างนั้น...เพราะก็เฒ่าแล้ว...
ก็ไม่อยากให้เด็กมันมาสาปแช่งเอา...

 

ข้อมูลของท่านเทพอภิบาลน่าสนใจมากๆ น่าจะตั้งกระทู้รวบรวมไว้ที่เดียวกันนะ..ใครชอบจะได้ตามไปอ่านไป Like กัน

 

ธรรมเดียวกัน วงบุญต่างกัน?


สัจธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะระดับใด เช่น ธรรมที่สื่อผ่านกระทู้นี้
ทว่า มันมีระดับนะ? เช่น บางคนจิตวิญญาณได้ระดับพรหม มาอ่านไป
แล้วเอาไปใช้ต่อแบบฤษี ตายแล้วไปจุติพรหมโลก บางคนจิตวิญญาณ
ระดับยูไล มีธรรมเองในตน แต่แสดงธรรมแล้วสอดคล้องกัน (แม้ไม่ถึง
กับเหมือนกันเปะ แต่สอดคล้องกันอยู่) ตายแล้วก็ไปสุขาวดี และใครที่
นับถือ เป็นสายบุญ วงบุญ ก็ได้ไปสุขาวดีกันหมด


แต่มีอีกแบบที่ต้องทำใจหน่อย ...


คือ "ธรรมจักรวาล" ไม่ไปพรหมโลก, ไม่ไปสุขาวดีโลกธาตุ แต่ไปเป็น
"จิตจักรวาล" พวกนี้ จะทำงานจนไม่มีขันธ์เหลือเมื่อตายลง เหลือก็แต่
"ดวงจิตหรือมโนธาตุ" ไม่มีสวรรค์รองรับนะ ไม่มีดาวหรือโลกธาตุให้อยู่
เพราะอยู่ที่ไหนก็ได้ในจักรวาลนี้ ไปได้หมดเลย มีแต่มโนธาตุเท่านั้นละ
ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรดีกว่ากัน แล้วแต่ Free will เลือกเองละกัน


เราส่วนใหญ่มาจากโพธิ ถ้าได้แค่พรหมโลกก็นับว่าขาดทุน
แต่ถ้าได้ถึงจิตจักรวาล ก็ถือว่า "เลื่อนระดับ" ทว่า มันก็อยู่
นานมากๆ และโดดเดี่ยวอ่า ไม่มีสวรรค์ ไม่มีเรื่องราว แบบ
ชีวะ หรือสัตว์ในโลกธาตุใด มีแต่ภาวะ "พระเจ้า" เท่านั้นก็
ลองคิดๆ ดูละกานนน ว่ารับธรรมประมาณนี้แล้วจะไปไหน?


ถ้าจะไปสุขาวดี ก็ต้องหาครูอาจารย์ที่มีธรรมแบบนี้ละค้าบ!

 

อารายกานนี่ หายไปนาน กลับมาอีกที มีอะไรรกรุงรังเยอะแยะเลย แต่ไม่เป็นไรจะ scan อ่านเฉพาะของท่านผู้แปลเท่านั้น แค่นี้เรื่องเล็ก สงสัย ไม่มี . ไม่รู้ว่าจะเปิดกระทู้ใหม่อย่างไร เลยมาเกาะความดังของกระทู้นี้โพสต์เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องกระทู้นี้ที่ตั้งไว้เค้าเรียกว่าไม่ถูกกาลเทศะ ไม่มี .

 

เห็นด้วยครับ เพราะข้อมูลเยอะและแน่นมาก สามารถสร้างเป็นกระทู้ใหม่ได้เลยครับ

 

เถรใบลานเปล่า