ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ประวัติจักรแก้วชุดวสไวยยนะ และดวงแก้วชุสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๒ พราหมณ์ทั้ง ๗ ออกบวช..

กาลต่อมาสุทธิชาตะพราหมณ์-ชีวญาณชาตพราหมณ์ และอัครญาณพราหมณ์ เกิดความศรัทธาเลื่อมใสอยากการออกบวช จึงได้ขออนุญาตบิดา และสละสมบัติที่บิดาแบ่งให้แก่ตนให้น้อง ๆ เป็นผู้รับมรดกต่อ

เมื่อสุทธิธรรม-ญาณชาตะ-มังคลชาตะ และวรมังคลชาตพราหมณ์นั้น ทราบข่าวว่า พี่ชายทั้ง ๓ อยากบวช จึงปรารถนาของออกบวชตามกัน มหาศนชาตพราหมณ์จึงได้อนุญาตให้บวชโดยไม่ลังเล

ส่วนนางมหาศินีรู้สึกเสียใจที่ไม่มีบุตรคอยอยู่เคียงข้างยามแก่เฒ่า มหาศนชาตพราหมณ์จึงกล่าวว่า...

“บุตรชายของเรานั้น ล้วนแต่เป็นผู้มีบุญมาเกิด เราทั้งสองมิควรขวางบุญพวกเขาให้เขาได้ศึกษาหาความรู้ หากเป็นเช่นนั้น เราลองเสี่ยงทาย ผู้มีบุญที่จะช่วยดูแล และรักษาทรัพย์แก่เราในอนาคตได้ ฉันจะเสี่ยงทายแก่เทวดาอารักข์ไว้

หากนำทรัพย์เหล่านี้ไปวางกองในตลาด ผู้ใดมีบุญจะได้ครอบครองทรัพย์นี้ จงเห็นตามความจริง ส่วนผู้อื่นจงเห็นเป็นก้อนหิน ก้อนดินเถิด”

นางพราหมณีได้ฟังเช่นนั้นก็เบาใจ จึงต่างรักษาอุโบสถศีลเป็นเวลา ๗ วัน จากนั้นได้น้อมอุทิศบุญแก่เทวดาประจำบ้าน และเทวดารักษาเมือง
จากนั้นนางจึงได้แต่งตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา ลองนำทรัพย์ไปวางบนดิน และอธิษฐานว่า ..

“ขอเทพยดาฟ้าดินได้โปรดดลบันดาลให้ผู้ที่มีบุญ และมีคุณความดีที่จะเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าในอนาคต ด้วยบุตรชายของข้าพเจ้า มิใยดีในทรัพย์นี้ ขอให้มองเห็นทรัพย์นี้ ตามความเป็นจริง
ส่วนผู้ที่ไม่มีวาสนาได้ครอบครองทรัพย์นี้ ขอให้มองเห็นเป็นก้อนอิฐก้อนดินด้วยเถิด”

จากนั้นนางจึงร้องป่าวประกาศไปว่า.."เร่เข้ามา ๆ ใครอยากได้ทรัพย์ ขอให้นำทรัพย์เราไป"ผู้คนที่ผ่านไปมาไม่มีใครจำได้ว่า เป็นนางพราหมณีที่มีทรัพย์มากที่สุดในเมืองนี้

ต่างก็คิดว่า หญิงบ้าผู้นี้ เร่เอาก้อนอิฐก้อนดินมาป่าวประกาศให้คนเอาไป จึงไม่มีใครอยากได้ บางคนมองนางด้วยความเวทนา

 

..ประวัติจักรแก้วชุดวสไวยยนะ และดวงแก้วชุสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๓ สตรีผู้มีบุญ

จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อย มีสตรีนางหนึ่งได้เดินผ่านมา เห็นหญิงวัยกลางคน กำลังนำทรัพย์มาไล่แจกผู้คนที่ผ่านไปมา นางจึงได้เดินเข้าไปทำความเคารพ และสอบถามว่า

“ท่านผู้เจริญ เหตุใดท่านจึงนำทรัพย์มาวางแจกผู้คนเช่นนี้ อาจจะเป็นอันตรายแก่ท่านก็ได้ ท่านมีเหตุผลใดจึงทำเช่นนี้”นางมหาศินีพราหมณีได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกปิติใจ ร้องถามว่า..

“แม่หนู เจ้าพูดว่าอย่างไรกัน”

หญิงสาวได้กล่าวว่า “ดิฉันถามว่า ท่านผู้เจริญ เหตุใดท่านจึงนำทรัพย์มาเที่ยวแจกผุ้คนเช่นนี้ มิเกรงอันตรายดอกหรือ”
นางพราหมณีถึงกับร้องไห้ กล่าวว่า...

“โอ..ขอบคุณเทวดาทั้งหลาย ขอบคุณเทวดาทั้งหลาย..”

จากนั้นนางได้สอบถามหญิงสาวว่า .. “แม่หนู เจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน”
หญิงสาวกล่าวว่า “ท่านผู้เจริญ ดิฉันชื่อ มัทธานา เป็นชาวบ้านป่า อยู่กับมารดา ๒ คน บิดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก มารดาของดิฉันก็ชรามาก และตาบอด นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ดิฉันคงต้องรีบไปดูแลมารดา”

นางพราหมณีนั้น เห็นความกตัญญุของหญิงสาว นางจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หญิงสาวฟัง และกล่าวว่า..

“แม่หนู..ฉันเองอีกไม่นานก็แก่ชรา สามีของฉัน ต้องการผู้ดูแลทรัพย์ เอาอย่างนี้ดีมั๊ย ฉันจะยกทรัพย์สินให้แก่เธอครึ่งหนึ่ง โดยเธอมาเป็นบุตรบุญธรรมของฉัน

ส่วนมารดาของเธอก็พามาอยู่ด้วยกัน ฉันจะดูแลนางเป็นอย่างดี เวลานี้ลูกชายของฉันก็ต่างออกบวชกันหมด เวลาแก่เฒ่าเธอก็ช่วยดูแลฉัน และสามีต่อไป”

หญิงสาวนั้น ได้บอกว่า “ขอให้ดิฉันกลับไปปรึกษามารดาก่อน จึงจะตัดสินใจอีกครั้ง”

นางพราหมณีจึงให้นายสามน ญาติห่าง ๆ ของคน และคนรับใช้อีก ๒ คนเป็นหญิง ๑ ชาย ๑ คน เดินทางไปพร้อมกับนางมัทธานา เพื่อพูดคุยกับมารดาของเธอ

ฝ่ายนางมิตตามารดาของนางมัทธานา เห็นว่า เย็นมากแล้ว ไม่เห็นบุตรสาวกลับมา ด้วยบุญที่ไม่เสมอกัน นางคิดกระวนกระวาย คิดร้าย ต่าง ๆ นานา คิดว่า บุตรสาวอาจจะหนีจากตนไป ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน นางจึงได้พยายามใช้ไม้เท้าเดินตามหาบุตรสาว

กาลนั้นได้มีงูพิษตัวหนึ่งที่นอนขดอยู่ข้างทาง(เป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน) นางได้เหยียบหางงูนั้น ทำให้งูตกใจกัดนางจนตาย
เมื่อนางมัทธานา กลับมาพบว่ามารดาของเธอ ได้ถูกงูกัดตายระหว่างทาง นางจึงเศร้าโศกเสียใจมาก นึกโทษตนเองที่ปล่อยให้มารดาอยู่เพียงลำพัง นายสามนได้พูดด้วยเหตุ และผล ทำให้นางคลายความทุกข์

นายสามน และคนรับใช้จึงได้นำศพนางมิตตาไปทำพิธีเผาศพให้เรียบร้อย และให้นางมัทธานานำอัฐิไปลอยน้ำ จากนั้นได้พานางมัทธานากลับเรือนของนางพราหมณี

_________________________

ผู้ที่เกี่ยวเนื่องประวัติตอน ๑-๓ ​

-สุทธิชาตพราหมณ์ -พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า

-ชีวญาณชาตะ -พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า

-อัครญาณชาตะ -พระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า

-สุทธิธรรม- ท่านท้าวสักกเทวราช

-ญาณชาตะ- พระกกุสันโธพุทธเจ้า

-มังคลชาตะ- ท่านนารทธรรมราชาบดี

- มโหสถนะยะกะฤาษี/วรมังคลชาตะ -ท่านท้าวเวสสุวรรณ

-พระเจ้าอนันตราช – ท่าน widya

-เจ้าชายพลสิทธิ์ - กำลังจะเลื่อนชั้นไปปรนิมมิตตวสวัตตี

-เจ้าชายดิเรกฤทธิ์ -คุณประพาฬพงศ์

-เจ้าชายมหัทธโชติ- คุณวาสุเทพ

- นางมัทธานา คือ คุณ NamfonBaanfa

นางมิตตา - พี่สาวคุณน้ำฝนในปัจจุบัน

 

..ประวัติจักรแก้วชุดวสไวยยนะ และดวงแก้วชุสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๔ ตั้งโรงทาน ๔ แห่ง

หลังจากนางมิตตา ผู้เป็นมารดาเสียชีวิต มัทธานาเฝ้าแต่ตำหนิตนเองว่า เป็นต้นเหตุแห่งที่ทำให้มารดาเสียชีวิต มหาศินีพราหมณีนั้น รู้สึกเห็นใจในชะตากรรมของหญิงสาวที่มีบุญ และกรรมส่งผลมาพร้อม ๆ กัน

จึงให้นางรักษาอุโบสถศีล เป็นเวลา ๑๕ วัน เพื่อชำระจิตให้สะอาดและอุทิศบุญให้แก่มารดา ผู้ล่วงลับ

จากนั้นนางได้สอนวิธีทำจิตให้สงบโดยการระลึกถึงคุณความดีที่นางได้ตั้งใจดูแลมารดาตั้งแต่จำความได้ เมื่อมัทธานาเริ่มระลึกถึงมารดาว่า มารดาของนาง จัดเป็นหญิงงามมากคนหนึ่ง แต่นางเกิดมาในตระกูลยากจน ซ้ำยังกำพร้าบิดามารดา

ส่วนบิดานั้น เดิมเป็นบุตรเศรษฐีอีกเมืองหนึ่งที่ได้มาพบกันที่เมืองนี้โดยบังเอิญ ได้พบรักมารดาของนาง จึงได้ตัดสินใจแต่งงานด้วย ทำให้ญาติฝั่งบิดาไม่พอใจ จึงไม่ยกสมบัติใด ๆ ให้ ทำให้บิดา พามารดามาอยู่ชานเมือง พยายามตั้งใจทำมาหากิน เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น

ด้วยความที่เกิดมาในตระกูลผู้ดี ไม่เคยตรากตรำทำงานหนัก ซ้ำมารดาของนาง ยังเป็นคนที่เห็นแก่ได้ ใช้งานสามีทุกอย่างที่ได้เงินมา เมื่อนางเกิดมา มารดาของนางเอาแต่บ่นด่า ไม่สนใจดูแลบ้านเรือน มัทธานาได้แต่ปลอบใจบิดา จนกระทั่งวันหนึ่งบิดาของนางได้ปีนต้นไม้ เพื่อเก็บน้ำผึ้งมาขายในเมือง ทำให้พลัดตกลงมาจากต้นไม้เสียชีวิตไป

นับแต่บิดาได้เสียชีวิตไป มารดาของนางก็เอาแต่ร้องไห้ คร่ำครวญเสียใจ ทำให้ตาของนางเริ่มพร่ามัว จนกระทั่งวันหนึ่งตาทั้งสองข้างของนางมองไม่เห็นในที่สุด ขณะนั้นมัทธานามีอายุได้เพียง ๑๐ ขวบ
จึงได้เก็บของป่าขาย หาเลี้ยงมารดา เท่าที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะทำได้ แม้บางวันไม่สามารถหาของป่าขายได้ นางก็หาผลไม้ป่า หรือขุดมันมาเผาให้มารดาได้อิ่มท้อง แม้บางครั้งไม่สามารถหาได้ นางก็ยอมอด เพื่อให้มารดาได้ทาน

ส่วนมารดาของนางนั้น รักและห่วงใยบุตรสาว บางครั้งนางคิดน้อยใจในโชคชะตาที่สามีเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว ซ้ำยังเป็นภาระให้บุตรสาว มัทธานานั้นได้พยายามปลอบใจมารดา และดูแลมารดาเป็นอย่างดี จนกระทั่งนางมีอายุได้ ๑๗ ปี (เทียบอายุมนุษย์ในปัจจุบัน) มารดาของนางได้ถูกงูพิษกัดจนเสียชีวิต
เมื่อนึกถึงตอนนี้นางก็เสียใจร่ำไห้ จนจิตไม่เป็นสมาธิ เทวดารักษาเรือนของมหาศินีพราหมณี จึงได้ปรากฏกายขึ้น และกล่าวว่า...

“มัทธานาเอ๋ย เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นตามพรหมลิขิต นางได้พบหนทางสู่สวรรค์แล้ว มัทธานาเอ๋ย ด้วยความดีที่เจ้าตั้งใจบำรุงบิดามารดา ทำให้ความดีนั้นส่งผลให้นางได้มาอยู่กับแม่พรหมณี ผู้มีบุญ นับแต่นี้ไปนางจงระงับความโศกเศร้าเสียใจไปเสีย

นางจงแนะนำให้แม่พรหมณีสร้างโรงทานทั้ง ๔ มุมเมือง เพื่อบริจาคทานนั้น จนกว่าเธอจะสิ้นอายุขัย ต่อไปนางจะได้เป็นแม่เมืองในแผ่นดินนี้”

เมื่อมัทธานาได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกปิติใจที่ตนได้มองเห็นเทวดาที่มีแสงสว่างเรืองรอง จึงได้นึกถวายความดีที่นางกระทำแก่เทวดานั้น

รุ่งขึ้นมัทธานาได้นำความนี้เล่าให้แก่มหาศินีพราหมณีฟัง นางพราหมณีได้รับฟังแล้ว จึงปิติใจยิ่งนักที่เทวดารักษาเรือนได้มาสงเคราะห์
นางจึงได้ปรึกษากับมหาศนชาตะพราหมณ์ ทำพิธีรับนางมัทธานาเป็นบุตรบุญธรรม จากนั้นได้ตั้งโรงทาน ๔ แห่งในเมืองนั้น โดยให้นางมัทธานาเป็นผู้ดูแลโรงทานทั้ง ๔ แห่ง ชาวเมืองต่างชื่นชมยินดี

 

โอนเงินร่วมบุญ

ผมได้โอนเงินร่วมบุญ บวชพระ 500 รูป ที่ ประเทศศรีลังกา แล้วนะครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

พี่น้ำใสครับ พอดีผมกลับไปอ่านประวัติเก่าๆของดวงแก้วนะครับ ที่พี่น้ำใสโพสว่า

พระนารทธรรมราชาบดี ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต รอมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในยุคพระยาธรรมิกราช

นี่ท่านรอมาเกิดในสมัย พ.ศ. 2700 ปลายๆเปล่าครับ หรือท่านไปรอเกิดในสมัยขององค์พระศรีอริยเมตไตรย ขอบคุณมากครับ พี่น้ำใส

 

ร่วมบุญบวชพระที่ศรีลังกาจำนวน ๕๐๐ รูป ค่ะ จำนวน 200 บาทค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
จันทรกาล

 

พระนารทธรรมราชาบดี จะมาเกิดในช่วงปีพ.ศ. ๒๗๐๐ กว่า ๆ ค่ะ ยุคนั้นเป็นยุคผู้มีบุญญาธิการมาเกิดโดยแท้ พระนารทฯ ท่านจะลงมาพร้อมคณะของท่าน เพื่อช่วยรักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ ปีค่ะ

เป็นพระบรมโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งค่ะ พระนารทฯ องค์นี้แหละค่ะ ที่เคยปรากฏให้พี่เห็นกายจักรพรรดิ ด้วยตาเนื้อมาแล้ว ช่วงเข้าพรรษาปี ๒๕๕๕ เวลา ๐๑.๓๐-๐๒.๓๐ น.

ส่วนพี่ และคณะของเราบางท่านจะอยู่ข้างบนคอยช่วยเหลือ ไม่ได้ลงมาเกิด เหมือนกับที่ท่านช่วยเหลือพวกเราตอนนี้ค่ะ ช่วง ๓ ปีนี้( ๒๕๕๗-๒๕๕๙ ) เป็นช่วงกรองคนดี ต้องเร่งสร้างบุญกุศลให้มาก ๆ วิบากกรรมเก่าจะตามไม่ได้ค่ะ

ส่วนในช่วงยุคสมัยพระศรีอารียเมตไตรย พระเจ้าจักรพรรดิยุคนั้น จะเป็นอีกพระองค์หนึ่งค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ขอบคุณมากครับ พี่น้ำใส ที่ช่วยตอบคำถามให้นะครับ

ส่วนพระเจ้าจักรพรรดิ สมัยองค์พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า

อันนี้ไปค้นๆในเนต น่าจะเป็นช่างเสื่อลำแพนคนที่เป็นพ่อ ตามประวัติ พระภัททชิเถระเจ้า หรือพระเจ้ามหาปนาทในอดีต
ตอนนี้ท่านน่าจะเกิดเป็น มหานฬการเทพบุตร จะจุติลงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ทรงพระนามว่า พระเจ้าสังขะจักรพรรดิ และออกบวช
จนสำเร็จพระอรหันต์ในสมัยพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าต่อไป

อันนี้ในตอนแรกที่ถามพี่น้ำใส ก็ไม่แน่ใจนะครับ
ต้องขอโทษพี่น้ำใสด้วยนะครับ และขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำตอบนะครับ

ขอให้พี่น้ำใส และทุกท่านสำเร็จสมปราถนาทุกประการครับ

ธรรมวิวัฒน์

 

วันมาฆะบูชานี้...ขอเชิญกัลยานมิตรร่วมบุญหล่อพระและร่วมโรงทาน
กับท่านจิตโต บ้านสบายใจ

​

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา

ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"

ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่

1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6

4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ

จาตุร แปลว่า 4
องค์ แปลว่า ส่วน
สันนิบาต แปลว่า ประชุม

ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง

ร่วมบุญได้ที่ บัญชีกองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร
ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-255022-7
ธนาคารไทยพานิชย์

ร่วมบุญได้ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 นี้ค่ะ...ท่านใดต้องการร่วมเดินทางไปกับคณะ ตอนนี้เหลือที่นั่งเพียง 1 ที่เท่านั้นค่ะ (เดินทางด้วยรถตู้ 13 ที่นั่ง มีจองเข้ามาแล้ว 12 ที่ค่ะ) หรือสะดวกที่จะขับรถไปเอง ไปเจอกันที่บ้านสบายใจเวลา 8.00 น

ในวันนั้น...ได้เตรียมขนมจีนน้ำยาและแกงเผ็ดเป็ดย่าง ไปร่วมโรงทาน *** ที่ต้องเป็นขนมจีนน้ำยาและแกงเผ็ดเป็ดย่าง เนื่องจากเมื่อรอบที่แล้วหมดไวมาก และคนถามหาเยอะค่ะ (อร่อยมากๆ ... เราจะคัดสรรแต่สิ่งดีๆ เพื่อให้ผู้ที่ร่วมบุญได้รับแต่สิ่งที่ดีกว่าเป็นการตอบแทน)

นอกจากนี้จะนำหนังสือมนต์พิธี จำนวน 50 เล่มไปร่วมถวายด้วย (ปกแข็ง สวยงาม)

ทำใจใสๆ รอรับบุญใหญ่กันนะคะ

อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับทุกๆ ท่านค่ะ

 

ร่วมทำบุญโรงทานวันที่ 14 ก.พ. จำนวน 100 บาทครับ
โอนแล้ววันที่ 10 ก.พ. 57 ถวายเป็นพุทธบูชา

อนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใส พี่หม่อน และทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ

 

ร่วมทำบุญโรงทาน ขนมจีนน้ำยาและแกงเผ็ดเป็ดย่าง ด้วยครับ
วันที่ 14 ก.พ. จำนวน 1,100 บาทครับ
โอนแล้วครับวันที่ 10 ก.พ. 57 เวลา 23.25 น.

อนุโมทนาบุญ ทั้งหมด ทั้งมวล

 

อนุโมทนาบุญกับคุณธรรมวิวัฒน์ และคุณ suwat.su ด้วยค่ะ ขอให้มีสมบัติอัศจรรย์ทันใช้นะคะ

ปัจจัยที่ร่วมบุญมาจะได้อานิสงค์ของการร่วมหล่อพระพุทธรูปกับท่านจิตโต และร่วมโรงทานที่บ้านสบายใจด้วยค่ะ

*** เมื่อปีที่แล้วหมู่คณะของเราได้นำทองเหลืองเกรดดีจากต่างประเทศไปถวายให้กับท่านจิตโตเพื่อใช้หล่อพระจำนวนหลายร้อยกิโล

...ตั้งจิตน้อมรับอานิสงค์ร่วมกันนะคะ...​

--------​

 

ท่านสิทธิสัตตะและท่านสีหบดินทร์ขอร่วมบุญโรงทานบ้านสบายใจ
ร่วมบุญหล่อพระพุทธรูปกับท่านจิตโต ๒๐๐ บาทกับคณะค่ะ
ขอให้ท่านทั้งสองได้อานิสงค์แกงเผ็ดเป็ดย่าง ขนมจีน และบุญร่วมหล่อพระพุทธรูปด้วยค่ะ
โอนแล้วเมื่อกี้นะคะ


สาธุขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านทั้งหมดทั้งมวล
ขอน้อมรับอานิสงค์และขอโมทนาบุญบริจาคทองเหลืองกับพี่หม่อนด้วยคนค่ะ
ว่าแต่....อยากชิมเป็ดย่างจัง....

 

ขอบพระทัยเพคะ พี่หม่อน ที่ทำให้ได้รับอานิสงส์สร้างพระด้วยนะครับ

ในบรรดาบุญทั้งหมด ชอบสร้างพระที่สุด แต่หลังๆก็ทำวิหารทานบ้าง

เพราะกลัววิมานจะเล็กว่าชาวบ้าน แล้วก็มีลายไม่สวยเหมือนชาวบ้าน

ทุกวันนี้ก็อาศัยร่วมบุญสร้างวิหารทานกับวัดท่าซุง เผื่อวิมานจะมีลายสวยๆกับเขาบ้างนะครับ


ขอให้พี่หม่อน มีความสุขมากๆนะครับ สมหวังดังใจทุกประการ

คิดอะไรก็ขอให้สำเร็จโดยฉับพลันทันใจ เหมือนมีเทวดาเนรมิตให้ได้ตามที่ต้องการครับ สาธุ สาธุ

 

ขอร่วมบุญหล่อพระและโรงทานด้วยครับ
โอนเงินจำนวน 500 บาท เข้าบัญชีแล้ววันที่ 11/2/2557 เวลา 10.47 น.
ขออนุโมทนาบุญทั้งปวงด้วยครับ สาธุ

 

ร่วมบุญหล่อพระและโรงทานกับท่านจิตโต บ้านสบายใจ
วันนี้ 11/2/57 จำนวนเงิน 200 บาท เวลา 11.26 น. ค่ะ

 

ขอร่วมบุญหล่อพระและโรงทานด้วยครับ
จำนวน 200 บาท โอนเงินวันที่ 11/2/2557 เวลา 11.53 น.
ขออนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งปวงด้วยครับ สาธุ สาธุ

 

ผมโอนเงินร่วมทำบุญหล่อพระ และ ร่วมโรงทานกับท่านจิตโต
จำนวน ๕๐๐ บาท วันที่ ๑๑/๒/๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๘ น.

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่านด้วยครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องตาล ท่านสิทธิสัตตะและท่านสีหบดินทร์ ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ


แกงเผ็ดเป็ดย่าง อร่อยค่ะ และน้ำยา อร่อยมากค่ะ
มีแต่คนถามว่าน้ำยาขนมจีนหมดแล้วเหรอ อร่อยมาก (อย่างที่พี่phuya บอกนะค่ะ )
ใครทำมาเหรอ ให้พามาดูด้วยนะค่ะใครทำมา อิอิ
น้องตาลต้องมาชิมเองนะค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านค่ะ

จันทรกาล catt26catt26catt26

 

pig_cryy2 pig_cryy2 pig_cryy2

pig_cryy pig_cryy pig_cryy