เรื่องเด่น พระบางรูปบรรลุอรหันต์ แต่ท่านพูดไม่เพราะ เพราะอุปนิสัย (เราควรระวังอย่าตำหนิท่าน)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 25 ธันวาคม 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    พระบางรูป บรรลุธรรมะแล้ว แต่ท่านอาจพูดไม่เพราะ เป็นเพราะอุปนิสัยของท่าน อย่าคิดว่าท่าน
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕

    ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    ๖. ปิลินทวัจฉสูตร


    a.gif



    [๗๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้


    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล
    ท่านพระปิลินทวัจฉะย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยคำพูดว่าคนถ่อย ครั้งนั้นแล ภิกษุมากด้วยกัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ี่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระปิลินทวัจฉะย่อม ร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยคำพูดว่าคนถ่อย ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งว่า ดูกรภิกษุ เธอจงไปเรียกปิลินทวัจฉภิกษุมาตามคำของเราว่า ดูกรอาวุโสวัจฉะ พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน

    ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้วเข้าไปหาท่านพระปิลินทวัจฉะถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านปิลินทวัจฉะว่าดูกรอาวุโส พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ท่านพระปิลินทวัจฉะรับคำภิกษุนั้นแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งพระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระปิลินทวัจฉะว่า ดูกรปิลินทวัจฉะได้ยินว่า เธอย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยคำพูดว่าคนถ่อยจริงหรือ ท่านพระปิลินทวัจฉะ ทูลรับว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงมนสิการถึงขันธ์อันมีในก่อนของท่าน พระปิลินทวัจฉะ แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ายกโทษ(ตำหนิ)วัจฉภิกษุเลย วัจฉภิกษุย่อมไม่ด่าว่าเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่าคนถ่อย แต่เพราะวัจฉภิกษุเกิดในสกุลพราหมณ์ ๕๐๐ ชาติ โดยไม่เจือปนเลย คำพูดว่า คนถ่อยนั้นวัจฉภิกษุประพฤติมานาน เพราะเหตุนั้น วัจฉภิกษุนี้ย่อมร้องเรียก ภิกษุทั้งหลายด้วยคำพูดว่าคนถ่อย ฯ

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า


    มายา(การหลอกลวง) มานะ(การเทียบและตนยกตน)( ย่อมไม่เป็นไปในผู้ใด ผู้ใดมีความโลภสิ้น

    ไปแล้ว ไม่มีความยึดถือว่าเป็นของเรา ไม่มีความหวัง บรรเทา
    ความโกรธได้แล้ว มีจิตเย็นแล้ว ผู้นั้นชื่อว่าเป็นพราหมณ์
    ผู้นั้นชื่อว่าเป็นสมณะ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นภิกษุ ฯ
    จบสูตรที่ ๖


    ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

    ๖. ปิลินทวัจฉสูตร
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=2278&Z=2306&pagebreak=0

    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-

    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=78 <!--MsgEdited=0-->
    ที่มา http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6161689/Y6161689.html
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2021
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,439
    ปิลินทวัจฉเถราปทานที่ ๑ (๓๙๑)
    ว่าด้วยผลแห่งการถวายไทยธรรมอันสมควร


    [๓๙๓] เราเป็นนายประตูอยู่ที่นครหงสวดี เรารวบรวมโภคสมบัติเก็บไว้ใน
    เรือนมากมายนับไม่ถ้วน ในกาลนั้น เราอยู่ในที่ลับ ทำใจให้รื่นเริง นั่ง
    อยู่ในปราสาทอันประเสริฐแล้ว ได้คิดอย่างนี้ว่า โภคสมบัติของเรามีมาก
    มากแพร่หลายไปภายในบุรี แม้พระราชาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินพระนามว่า
    อานนท์ ก็ทรงเชื้อเชิญเรา พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เป็นมุนี เสด็จ
    อุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้ และโภคสมบัติของเราก็มีอยู่ เราจักถวายทานแก่
    พระศาสดา พระราชบุตรพระนามว่าปทุม ทรงถวายทานอันประเสริฐ
    คือ ช้างตัวประเสริฐ บัลลังก์และพนักพิง มีประมาณไม่น้อย ใน
    พระชินเจ้า แม้เราก็จักถวายทานในสงฆ์อันเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุด
    ทานอันประเสริฐที่ใครยังไม่เคยถวาย เราจักเป็นคนแรกในทานนั้น เรา
    คิดที่จะถวายทานหลายวิธี สุขเป็นผลเพราะการบูชาทานใด จึงได้เห็นการ
    ถวายบริขาร อันจะเป็นเครื่องทำความดำริของเราให้เต็ม เราจักถวาย
    บริขาร ในสงฆ์อันเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุด การถวายบริขารคนอื่น
    ยังไม่เคยถวาย
    ข้าพระองค์จักนิมนต์พระสัมพุทธเจ้าให้เสวย ชีวิตของข้าพระองค์อย่าเป็น
    โทษ.
    เราจะให้พรอย่างอื่นแก่ท่าน ท่านอย่าขอพระตถาคตเลย ใครไม่พึงให้
    พระพุทธเจ้า เปรียบเหมือนแก้วมณีรัศมีรุ่งเรือง.
    ขอเดชะ พระองค์ทรงบันลือแล้วมิใช่หรือว่าตลอดถึงชีวิตอันมีอยู่ เมื่อ
    พระองค์ประทานชีวิตได้ ก็ควรพระราชทานพระตถาคตได้.
    พระมหาวีรเจ้าควรงดไว้ เพราะใครๆ ไม่พึงให้พระชินเจ้า พระพุทธเจ้ารับ
    ให้ไม่ได้ ท่านจงรับเอาทรัพย์จนนับไม่ถ้วนเถิด.
    เราจะต้องถึงการวินิจฉัย จักถามผู้วินิจฉัยทั้งหลาย ผู้วินิจฉัยจักตัดสิน
    ละเอียด ฉันใด เราสอบถามข้อนั้น ฉันนั้น.
    เราได้จับที่พระหัตถ์ของพระราชา พากันไปสู่ศาลพิพากษา เราได้กล่าว
    คำนี้ตรงหน้าของตุลาการและผู้พิพากษาทั้งหลายว่า ขอตุลาการและผู้
    พิพากษาจงฟังเรา พระราชาได้พระราชทานพรแก่เราว่า เราไม่ยกเว้น
    อะไรๆ แม้ชีวิตก็ปวารณาให้ได้ เมื่อเราขอพระราชทานพร เราจึงขอ
    พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด พระพุทธเจ้าเป็นอันพระราชทานแก่เราด้วยดี
    ท่านทั้งหลายจงตัดความสงสัยของเรา เราทั้งหลายจะเชื่อฟังคำท่านผู้เป็น
    พระราชารักษาแผ่นดิน เราทั้งหลายฟังคำของทั้งสองฝ่ายแล้ว จักตัด
    ความสงสัยในข้อนี้.
    ขอเดชะ พระองค์พระราชทานสิ่งทั้งปวง ท่านผู้นี้เป็นอันถือเอาสิ่ง
    ทั้งปวงหรือ พระเจ้าข้า.
    เราไม่ยกเว้นอะไรๆ ปวารณาแม้ชีวิต เป็นผู้ถึงความยากตลอดชีวิตเป็น
    อย่างยิ่งเทียว เรารู้ว่าผู้นี้ทุกข์ด้วยดี จึงได้ให้ถือเอาสิ่งทั้งปวง.
    ขอเดชะ พระองค์เป็นผู้แพ้ ควรพระราชทานพระตถาคต เราตัดความ
    สงสัยของทั้งสองฝ่ายแล้ว เหมือนท่านทั้งสองตั้งอยู่ในคำมั่น.
    พระราชาประทับอยู่ ณ ที่นั้นแล ได้ตรัสกะตุลาการและผู้พิพากษาว่า ท่าน
    ทั้งหลายพึงให้แม้แก่เราโดยชอบ เราพึงได้พระพุทธเจ้าอีก.
    ท่านยังความดำริของท่านให้เต็ม นิมนต์พระตถาคตให้เสวยแล้ว พึงคืน
    พระสัมพุทธเจ้าให้แก่พระเจ้าอานนท์ผู้มียศอีก.
    เราไหว้ตุลาการและผู้พิพากษา และถวายบังคมพระเจ้าอานนท์ จอมกษัตริย์
    เป็นผู้ยินดีปราโมทย์ เข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ครั้นเข้าไปเฝ้าพระสัม-
    พุทธเจ้าผู้ข้ามโอฆะ ผู้ไม่มีอาสวะ ถวายบังคมด้วยเศียรเกล้าแล้ว ได้
    กราบทูลดังนี้ว่า.
    ขอพระองค์ผู้มีจักษุพร้อมด้วยพระอรหันต์หนึ่งแสนโปรดทรงรับนิมนต์ ขอ
    จงทรงยังจิตของข้าพระองค์ให้รื่นเริง เสด็จเข้านิเวศน์ของข้าพระองค์
    พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตระ ทรงรู้แจ้งโลก สมควรรับเครื่องบูชา
    ผู้มีจักษุทรงรู้ความดำริของเรา จึงทรงรับนิมนต์ (ด้วยดุษณีภาพ) เราทราบ
    ว่า พระองค์ทรงรับนิมนต์แล้ว ถวายบังคมแด่พระศาสดา มีจิตร่าเริง
    เบิกบาน เข้ามายังนิเวศน์ของตน ประชุมมิตรและอำมาตย์แล้ว ได้กล่าว
    ดังนี้ว่า เราได้สิ่งที่ได้โดยยากนักแล้ว เปรียบเหมือนแก้วมณีมีรัศมี
    โชติช่วง เราจักบูชาองค์พระพุทธเจ้าด้วยอะไร พระชินเจ้ามีคุณหาประมาณ
    มิได้ หาที่เปรียบมิได้ ไม่มีใครเสมอเหมือน เป็นนักปราชญ์ ไม่มีบุคคล
    เปรียบ หาผู้เสมอเหมือนเช่นนั้นมิได้ ไม่มีที่สอง ประเสริฐกว่านระ
    ก็อธิการอันสมควรแก่พระพุทธเจ้า เราทำได้โดยยาก เราทั้งหลายจง
    รวบรวมดอกไม้ต่างๆ เอามาทำมณฑปดอกไม้เถิด สิ่งนี้ย่อมสมควรแก่
    พระพุทธเจ้า จักเป็นอันบูชาด้วยสิ่งทั้งปวง เราจึงให้ทำดอกบัวเผื่อน ดอก-
    บัวหลวง ดอกมะลิ ดอกลำดวน ดอกจำปา ดอกกถินพิมาน ให้เป็น
    มณฑป ปูลาดอาสนะหนึ่งแสนที่ไว้ภายในเงาฉัตร อาสนะของเรามีค่า
    ยิ่งกว่าร้อยมีอยู่เบื้องหลัง ปูลาดอาสนะหนึ่งแสนที่ไว้ภายในเงาฉัตร จัดแจง
    ข้าวและน้ำเสร็จ แล้วให้คนไปทูลเวลาภัตกาล เมื่อคนไปทูลภัตกาลแล้ว
    พระมหามุนีพระนามว่าปทุมุตระ พร้อมด้วยพระอรหันต์หนึ่งแสนเสด็จเข้า
    มาสู่นิเวศน์ของเรา ฉัตรทรงอยู่ในเบื้องบน ในมณฑปดอกไม้อันบานดี
    พระพุทธเจ้าผู้อุดมบุรุษ ประทับนั่งพร้อมด้วยพระอรหันต์หนึ่งแสน (เรา
    ทูลว่า) ขอพระองค์ผู้มีจักษุ โปรดทรงรับฉัตรหนึ่งแสนและอาสนะหนึ่ง-
    แสน อันควรและไม่มีโทษเถิด พระมหามุนีพระนามว่าปทุมุตระ ทรงรู้
    แจ้งโลก ผู้ควรรับเครื่องบูชา พระองค์ประสงค์จะช่วยเหลือเรา จึงทรงรับไว้
    เราได้ถวายบาตรแก่ภิกษุเฉพาะรูปละหนึ่งบาตร ภิกษุทั้งหลายละบาตรที่
    จัดเอง ทรงบาตรเหล็ก พระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในมณฑปดอกไม้ตลอด
    ๗ คืน ๗ วัน ทรงยังสัตว์เป็นอันมากให้ตรัสรู้ ทรงประกาศพระธรรมจักร
    เมื่อทรงประกาศพระธรรมจักรภายใต้มณฑปดอกไม้ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่
    เทวดาและมนุษย์ ๘๔๐๐๐ เมื่อถึงวันที่ ๗ พระมหามุนี พระนามว่า
    ปทุมุตระ ประทับนั่งอยู่ภายในเงาฉัตร ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า มาณพ
    ผู้ใดได้ถวายทานอันประเสริฐ ไม่พร่องแก่เรา เราจักพยากรณ์มาณพนั้น
    ท่านทั้งหลาย จงฟังเรากล่าว จตุรงคินีเสนา คือ พลช้าง พลม้า พลรถ
    และพลเดินเท้า จักแวดล้อมมาณพนั้นเป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งการให้สิ่ง
    ทั้งปวง ยานช้าง ยานม้า วอจะไหลมาเทมา ชนทั้งหลายจักบำรุงมาณพ
    นั้นเนืองนิตย์ นี้เป็นผลแห่งการให้สิ่งทั้งปวง รถ ๖ หมื่น อันประดับ
    ด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง จักแวดล้อมมาณพนั้นเป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่ง
    การให้สิ่งทั้งปวง ดนตรี ๖ หมื่น กลองเภรีทั้งหลายอันประดับดีแล้ว
    จักประโคมมาณพนั้นเป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งการให้สิ่งทั้งปวง นางนารี
    ๘๖๐๐๐ อันประดับประดาสวยงาม มีผ้าและอาภรณ์อย่างวิจิตร สวมใส่
    แก้วมณีและกุณฑล มีหน้าแฉล้ม ยิ้มแย้ม ตะโพกผึ่งผาย เอวเล็กเอวบาง
    จัดแวดล้อมมาณพนั้นเป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งการให้สิ่งทั้งปวง มาณพนั้น
    จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓ หมื่นกัลป จักได้เป็นจอมเทวดาเสวย
    รัชสมบัติในเทวโลก ๑๐๐๐ ครั้ง และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑๐๐๐
    ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนานับมิได้ เมื่อ
    มาณพนี้อยู่ในเทวโลก พรั่งพร้อมด้วยบุญกรรม เทวดาจักทรงฉัตรแก้วไว้
    ในที่สุดแห่งเทวโลก มาณพนี้จักปรารถนาเมื่อใด ฉัตรอันเกิดแต่ผ้าและ
    ดอกไม้ (ดังจะ) รู้จิตของมาณพนี้ จักกั้นอยู่เนืองนิตย์เมื่อนั้น มาณพนี้
    จุติจากเทวโลกแล้ว อันกุศลตักเตือนประกอบด้วยบุญกรรม จักเกิดเป็น
    บุตรพราหมณ์ใน (อีก) แสนกัลป พระศาสดามีพระนามว่าโคดม ซึ่งมี
    สมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราชจักเสด็จอุบัติในโลก
    พระศากยโคดม
    ผู้ประเสริฐ ทรงทราบคุณข้อนี้ทั้งหมดแล้ว จักประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุ
    สงฆ์ ทรงตั้งไว้ในเอตทัคสถาน
    มาณพผู้นี้จักได้เป็นพระสาวกของพระ-
    ศาสดา มีชื่อว่าปิลินทวัจฉะ จักเป็นผู้อันเทวดา อสูร คนธรรพ์ ภิกษุ
    ภิกษุณี และคฤหัสถ์ทั้งหลาย สักการะ จักเป็นที่รักของคนทั้งปวง จัก
    ไม่มีอาสวะ นิพพาน กรรมที่เราทำแล้วในแสนกัลป ได้ให้ผลแก่เราแล้ว
     
  3. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,439
    เนื่องจากชาติที่เป็นพระจักรพรรดิได้สอนให้คนให้ทาน รักษาศีล ทำให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ไปสวรรค์กันมาก ทำให้เทพเทวดาเหล่านั้นนึกถึงบุญคุณของท่าน ทำให้ท่านปิลินทวัจฉะ ได้เป็นผู้อันเทวดา อสูร คนธรรพ์ ภิกษุ
    ภิกษุณี และคฤหัสถ์ทั้งหลาย สักการะ จักเป็นที่รักของคนทั้งปวง ในชาติที่ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ครับ สาธุ มหาสาธุ
     
  4. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    ดีใจจริงๆ ที่ได้เป็นสมาชิก เพราะเพื่อนสมาชิกทุกท่านต่างช่วยกันนำธรรมะดีๆมาลงในกระทู้ทำให้ผู้เข้ามาอ่านได้รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ และสิ่งที่รู้แล้วก็เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  5. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754

    เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเมตตา กรุณาธรรมของพระสงฆ์ครูอาจารย์หลายท่าน ทำให้แม้เศษข้าว เศษผมของท่านกลายเป็นพระธาตุขึ้นมา


    เพื่อยืนยันในความเป็นผผู้มี่จิตสะอาด ใครที่เคยปรามาสด้วยกาย วาจา ใจ

    ควรรีบขอขมาตอนที่ท่านยังไม่ทิ้งขันธ์นี้โดยเร็ว


     
  6. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้ตั้งกระทู้ และทุกๆท่านที่ร่วมอนุโมทนาครับ
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธ
    สาาาาา...ธุ
     
  7. chotiwit

    chotiwit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,616
    ค่าพลัง:
    +1,794
    ปี 2551 ขอให้สมาชิกร่วมกันทำความดีให้มากขึ้นนะครับ และผลบุญจงย้อนมาสู่ท่านทั้งหลาย ครับ
     
  8. lasomchai

    lasomchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +2,036
    ขออนุโมทนากับผู้ตั้งกระทู้และผู้ร่วมอนุโมทนาทุกท่านด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  9. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    หากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินปรามาศพระอริยสงฆ์ หรือพระสงฆ์ รูปใดก็ตาม จะด้วยเจตนา หรือไม่ได้เจตนา แม้ด้วยกาย วาจา หรือใจก็ตาม ขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ และบรรดาเพื่อนชาวพลังจิตทุกท่านอันมีจิตเป็นกุศลทั้งหลายด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  10. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    อนุโมทนา

    จะเหมือนเราหรือเปล่านะ
    พูดเพราะๆ ก็ไม่เป็น
    ปลอบใจใครก็ด่าเอา จะเอาคำเพราะๆ ไปเอากับคนอื่น

    ตัวอย่าง ผู้ปกครองควรชี้แนะ
    คนอกหักก็ คุณร้องไห้ ทำไม พ่อ แม่คุณตาย หรือไง
    (เราไม่ควรร้องไห้ให้กับคนอื่น ยกเว้นพ่อแม่ คนเคารพนับถือของเราตาย)
    หน้ามันเหมือนพ่อคุณหรือป่าว

    อะไรอย่างนี้

    แต่ถ้าคนเข้าใจเขาจะบอกว่า
    แกะเราออกมา ไม่มีอะไรเลย​
     
  11. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +6,347
    [​IMG]
     
  12. เงาใจ

    เงาใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ขออนุโมทนา ครับ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มีเหตุมีผล เป็น วิทยาศาสตร์ ชัดเจนครับ
    ฝากเว๊บ เผยแผ่พระพุทธศาสนาครับ

    http://udompon.siam108site.com/
     
  13. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ปัจจุบัน

    พูดเพราะแต่ผิด เพราะหลงผิด นิยมการเอาอกเอาใจกัน มีอยู่มาก
    พูดไม่เพราะแต่ถูกต้อง มีน้อย เพราะถูกตอบโต้ทันควัน


    ตอนนี้สังคมไทย แทบจะไม่มีใครกล้าตักเตือนกันด้วย "คำตรง"


    ยกตัวอย่าง

    คุณหญิงระเบียบรัตน์ ท้วงติงเรื่องการวางตัวของดาราในฐานะ "คนของสังคม"
    แต่กลับถูกดารารุ่นเก่า "ตอกหน้า" จนไม่เหลือชิ้นดี


    คนที่สอนได้ยังมีอีกเท่าไร?
    มนุษย์ คือ สัตว์ที่สอนได้มิใช่ดอกหรือ?
     
  14. bunlert

    bunlert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +820
    อนุโมทนา สาธุ............


    พูดดี ทำดี คิดดี
     
  15. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG] [​IMG]

    กรณีตัวอย่าง..ที่คนไม่เข้าใจว่าหลวงตามหาบัว ท่านเทศน์ดุเดือดเกอนไป หรือด่าอะไรทำนองนี้ ก็มีคนปรามาสท่าน แต่ที่ไหนได้ธรรมมันต้องอย่างงี้กิเลสถึงกระเทือนครับ
    ใครปรามาสท่านก็รีบไปขอขมากรรมนะครับ ตอนที่ท่านยังดำรงขันธ์อยู่นี้ ตอนนี้ทราบว่าน้ำหมาก ผม ข้าวก้นบาตรท่าน ก็แปรเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้วครับ
    ขออนุโมทนาครับ






    [​IMG]

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ก็เหมือนกันรูปนี้ท่านจะเด่นในการเทศนาดุเดือด บางคำอาจจะมีคำลามก หยาบอยู่บ้าง แต่ก็พอประมาณครับ เทศนาเสียงดัง ไม่มีการเทศนาเอาใจใคร ไม่กลัวคนจะโกรธ (ท่านบอกว่าไม่ได้เทศน์เอาเงินนะ จ๊ะจ๋าอย่างโน้นอย่างงี้) พอท่านมรณภาพอัฐิแปรเป็นพระธาตุมรกตสีใสเลยครับ
    หลวงปู่ตื้อ ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และหลวงปู่มั่นท่านมักจะเตือนและพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2007
  16. kaenlukson

    kaenlukson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

    ทาน ศีล สมาธิ(good)
     
  17. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +39,008
    กรรมที่ปรามาสพระอริยสงฆ์เป็นกรรมหนัก เพราะฉนั้นอยู่ใกล้ๆท่านต้องระวังทั้งกายวาจาใจครับ
    ขออนุโมทนาครับ
     
  18. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]


    ใช่แล้วครับถ้าอยู่ใกล้ท่านแล้วยิ่งต้องระวังอย่างหนัก ทั้งกายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 เลยครับ
     
  19. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]




    มาอ่านเทศนาของหลวงปู่ตื้อ ท่านเทศน์เหมือนขวานผ่าซาก...
    (เพื่อเป็นคติตัวอย่างครับ)




    บรรดาศิษย์สายกรรมฐานส่วนใหญ่มักจะคุ้นชื่อและได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นอย่างดี ท่านมีปฏิปทาที่แปลก น้ำใจเด็ดเดี่ยว โผงผาง ตรงไปตรงมา มีแง่มุมต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์มักจะกล่าวถึงเสมอๆ และเล่าถ่ายทอดต่อกันมา ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่น่าสนใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง
    จัดได้ว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่ง ในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    หลวงปู่ตื้อ เป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่น
    ไปหลายปี ในแถบป่าเข้าทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ
    ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และมักพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2007
  20. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]

    การแสดงธรรมของหลวงปู่ตื้อ
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม มีชื่อเสียงในการแสดงธรรมที่เป็นไปอย่างดุเดือด โลดโผน ใช้คำเทศน์ที่รุนแรงชนิดไม่เกรงกลัวใคร ผู้ที่รับไม่ได้ เห็นว่าท่านใช้คำหยาบคาย หรือเทศน์ไม่รู้เรื่องก็มี
    ท่านพระภิกษุบูรฉัตร พรหมฺจาโร ผู้บันทึกเรื่องราวของหลวงปู่ ได้เขียนถึงเรื่องการแสดงธรรมของหลวงปู่ ดังนี้ (ในบันทึกใช้คำแทนท่านว่า หลวงตา ซึ่งผู้เขียนเปลี่ยนมาใช้คำว่าหลวงปู่เพื่อให้สอดคล้องกับการเรียกขานในหนังสือเล่มนี้__ผู้เขียน)
     

แชร์หน้านี้

Loading...