ท่านว่าระดับธรรมของท่าน สูงหรือไม่ เพราะอะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Jan2014, 18 พฤษภาคม 2014.

  1. Jan2014

    Jan2014 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2014
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +143
    เชิญเสวนา
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ต่ำมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    เพราะไม่มีการระวังการกระทบทางอารมณ์ของทวารทั้ง6เลย (อินทรียสังวรศีลรักษาไม่ได้เลย)

    กุศลกรรมบถ10 ที่เคยตั้งใจว่าจะรักษา เอาเข้าจริงๆแล้ว ก้อยังขาดหลายข้อ โดยเฉพาะวจีกรรม

    ในโลกนี้ถ้ายังมีคนที่สนใจธรรมะอยู่ และคิดว่าตนเองปฏิบัติไม่ได้ ทำกรรมฐานไหนไม่ได้เลย(ไม่สำเร็จผล)ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก้อตาม อยากแนะนำให้ทำฐานเรื่องทานกับศีลให้ดี ถ้าทำถูกและทำมาดี คือทำไปตลอดชีวิตจนตาย ยังไงคุณก้อได้ไปดีแน่นอน เรื่องสมถะกับวิปัสสนาต่อยอดทีหลังได้ แล้วต้องไม่ทำกรรมหนักๆด้วย เช่น อนันตริยกรรม ชีวิตเราไม่เคยสนใจทานกับศีลเลย อยู่ๆข้ามมาปฏิบัติเลย ตอนนี้อุปสรรคเยอะมาก ต้องมานั่งเก็บรายละเอียดทำส่วนที่ขาดไป(บารมีไม่พอที่จะไปนิพพาน) ผิด-ถูกประการใดรอผู้รู้ท่านชี้แนะต่อ ...ขออนุโมทนา
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้ายังสำคัญ " ธรรมมีความแตกต่าง " พึงกำหนดรู้ สองอย่าง คือ

    1. เผลอเพลิน หรือ สำคัญในกองสังขารขันธ์
    2. ระลึกไม่ได้ใน สัญญาขันธ์ว่า ไม่เที่ยง

    รวมทั้งสองอาการเป็นเห็น จิตสังขารไม่รำงับ หรือ ใจไหลไปคิด
    ใจถูกความคิดปิดล้อม ย้อมติดจิต

    ถ้าพิจารณา ไม่มีความแตกต่างทางสัญญา สิ่งที่ระลึกได้ จิตจะถึงฐาน

    ถ้าจิตนัวติดรูปสัญญา มีอามิส หรือ จิตยังติดใน นานัตสัญญา การภาวนาจะไม่ถึงฐาน

    จิตไม่ถึงฐาน ก็คือ จิตไม่ตั้งมั่น หรือ ขาดสัมมาสมาธิ

    ดังนั้น

    อย่าไปโดนความแตกต่างของสัญญา หลอกเอา อย่าไปเชื่อมัน ให้พิจารณารู้ทัน
    ว่า จิตไหลไปคิด ก็ได้ หรือ รู้ไปตรงๆก็ได้ว่า จิตไม่ตั้งมั่น หรือ รู้ไปตรงๆกว่า
    นั้นว่า จิตขาดสัมมาสมาธิ ก็ได้ แล้ว จิตจะผลิกมาระลึกได้ แล้ว เข้าฐานเอง โดย
    ไม่ต้องเจตนา เรียกว่าเห็น " มนสิการ "

    พอเข้าใจ มนสิการ ก็จะเข้าใจ สุญญตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014
  4. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เรากำลังใจไม่พอเราก็หาเพิ่ม บารมีไม่พอเราก็บำเพ็ญเพิ่ม
    วางใจว่าชั่วเราไม่เอา ทำแต่ดีที่ถูก
    ไปทางที่ถูกมันก็ถึงสักวัน แม้วันนี้ไม่ถึงมันก็ต้องถึงสักวัน
    เราไม่ปล่อยตามยถากรรม อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา เราเพียรเผากิเลสเผาโดยมีสติ
    ไม่ต่อยอดให้กับกิเลส ไม่มีเชื้อมันต้องหมดครับ

    ถ้าไม่เพียรการใดก็ไม่สำเร็จ กลับเศร้าหมองใจว่าแพ้กิเลสอีก ซึ่งไม่ใช่หรอกนะคุณรักในธรรมะออกครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
     
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ก็ปฏิบัติมานานพอสมควร แต่ไม่ได้รู้สึกว่าสูงหรือต่ำแต่อย่างใด
     
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    มีใครบางคนถามเรา ว่า จารย์คับ ทำไมผมยิ่งปฏิบัติธรรม
    กลับยิ่งหยาย ขึ้นหยาบขึ้น แต่จิตเธอก็ละเอียดมากขึ้นไป
    ด้วยไม่ใช่รึ ละเอียดขึ้นคับจารย์ ศิษย์จำไว้นิพพานที่เป็น
    เป้าหมายสูงสุด วันใดเมื่อเจ้าพบเข้าแล้ว ไม่ต้องมีอะไร
    ให้ต้องทำอย่างเอาจริงเอาจังยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป
     
  7. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    เป็นคนธรรมดาอยู่ แต่เริ่มเห็น "มรรค" ที่ต้อง
    เจริญให้มากก็ดีใจแล้ว เพราะตามหามานาน
    ก็ขอบคุณ คนในเวปนี้มาก
     
  8. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    การถือว่าตัวสูงกว่าเขา ต่ำกว่าเขา เสมอเขา นั้นไม่ควรเลย เราไม่ต้องสำคัญตนว่าสูงกว่าเขา ต่ำกว่าเขา เสมอเขา ให้เรา " ว่าง " ที่ใจ ใจมันว่าง ว่างจากโลภะ โทสะ โมหะ จิตเป็นธรรมชาติที่ผ่องใส อาศัยกิเลสที่จรมาจิตจึงเศร้าหมอง ทุกข์ไม่กล่าวว่าเกิดจากมีกระทำ ไม่กล่าวว่าเกิดจากกรรมเก่า แต่กล่าวว่า ทุกข์เกิดเนื่องจากมีผัสสะ เราก็ไปดูตรงนั้น ดูที่เหตุแห่งทุกข์ เราก็แก้ทุกข์ที่สาเหตุ เช่น เราหิวน้ำเราก็ดื่มน้ำ เราร้อนเราก็อาบน้ำหรือเปิดพัดลม เราง่วงเราก็นอน เราไม่สบายเราก็กินยา เราปฏิบัติธรรมไม่สำเร็จเราก็ต้องดูว่าเราปฏิบัติถูกทางหรือเปล่า อายตนะภายใน6 คือ ตา หู จมูก ลิ่้น กาย ใจ เราต้องตั้งสติ ดูตามธรรม ดูองค์ธรรม ว่า เราสงบระงับสำรวมหรือยัง ต้องดูด้วยสติและปัญญา ทุกข์เกิดได้ก็ดับได้ ต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเอง ระวังในกรรมแม้เพียงเล็กน้อย มีขันติคือความอดทน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ขันติ(ความอดทน) เป็นตบะอย่างยิ่ง ที่ีกล่าวข้างต้นอ้างเข้าได้กับสังโยชน์ข้อที่ 8 ข้อมานะ คือเราไม่ต้องถือว่าเรา-เขา ไม่เกิดอัตตาตัวกู-ของกู ให้มันว่าง ว่างตัวเดียวโล่งเลย หมายถึงว่างไม่ปรุงแต่ง รู้จักวาง ว่างเป็นบรมธรรม สติ ว่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014
  9. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    สูงกว่าคนธรรมดา แต่ไม่ถึงขั้นอริยะ
     
  10. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ผลมรรควัดกันที่ใจตนรู้ได้ด้วยใจตนเอง พระอริยะท่านไม่ป่าวประกาศว่าท่านสำเร็จมรรคผล เพราะ ท่าน ลด ละ เลิก ตัด แล้วซึ่งสักกายทิฎฐิ ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า "ต้นข้าวที่มีรวงข้าวเม็ดแก่เต็มรวงจะโน้มยอดลงสู่ดินเสมอ ต้นข้าวที่รวงข้าวปราศจากเม็ดข้าวมักจะชูยอดสูงเทียมฟ้าเสมอ" ผมว่าเป็นข้อคิดที่ดีนะครับ
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การให้ค่ากับทุกสรรพสิ่งคือเหตุแห่งทุกข์ประการหนึ่ง
    ธรรมเป็นอนัตตา จึงไม่มีค่าทั้งสูงและต่ำ มีเพียงรู้กับไม่รู้
    รู้แล้ววาง วางแล้วว่าง รู้แล้ววาง วางแล้วว่าง.............
     
  12. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ไม่มีสูงมีต่ำ
    มีแต่เข้าใจและยอมรับ ได้มากน้อย
    จะมีเพียงบุคคลผู้ทุกข์มาก
    กับบุคคลผู้ทุกข์น้อย
     
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อ้าวอย่างงี้แบ่งปันเลย
    ลำดับขั้นการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนาคือ
    1.พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ได้
    2.พระสกิทาคามี เหมือนพระโสดาบันและที่เพิ่มเข้ามาคือ ความกำหนัด ความโกรธ ความหลง เบาบาง (ไม่หลงในกรรมและเจตคติ)
    3.พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ได้
    4.พระอรหันต์ ละสังโยชน์ 10 ได้
    ประเภทของพระอรหันต์ 1.สุกขวิปัสสโก 2.เตวิชโช 3.ฉฬะภิญโญ 4.ปฏิสัมภิทัปตัปปะ
     
  14. มานัท

    มานัท Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +56
    ตอบคุณโยมท่านนี้ว่่าการที่จะมีธรรมะสูงต่ำได้นั่นขัดเกลาที่จิตธรรมนั้นย่อมไม่มีทั้งปุถุชนคนทั่วไปและย่อมไม่มีในตัวมนุษย์ไม่มีทั้งสูงไม่มีทั้งต่ำเพราะว่าเป็นเครื่องสมมุตติขึ้นมาธรรมมะก็ธรรมชาติย่อมแล้วไม่ใช่อัตตาตัวตนจริงคนที่จะเป็นพระอริยะได้ต้องมั่นขัดเกลาจิตใจไม่ควรยึดมั่นถือมั่นทำให้จิตหล้ดพ้นพระอนิจจังพระทุกขังพระอนัตตากองสังขารเป็นเครื่องตั้งอยู๋และดับสลายไปเป็นธรรมดาสิ่งของที่โยมมีอยู๋เป็นเครื่องหรือบ่วง(ห่วง)เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอนนะจ๊ะ
     
  15. มานัท

    มานัท Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +56
    เจริญพรมาโปรดนะจ๊ะการปฎิบัติธรรมมะนั้นย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่นในสัญญาความจำมั่นหมายรูให้จิดอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันไม่ควรไปยึดติดกับอดีตอย่าลืมใช่พระอนิจจังพระทุกขังพระอนัตตาแล้วโยมจะรู้แจ้งเห็นจริงนะจ๊ะ
     
  16. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    บางวันก็หลงระเริงอยู่กับสิ่งรอบตัว บางวันก็เบื่อหน่าย ไม่ยึดถือ บางวันถือศีลได้ครับ บางวันเผลอทำขาด ก็เริ่มใหม่ ยังไม่ไปไหนเลยครับ ยังวนอยู่ แต่ที่รู้คือ เรื่องการทำบาป ผิดศีล ห้า นั้น อย่างหยาบก็สามารถระงับได้ในระดับหนึ่งแต่อย่างละเอียดคือจิตที่ชอบไปคิดโน่นคิดนี่ตามสัญญายังระงับได้ไม่หมด อนุโมทนาครับ ยัง ระดับพื้น ๆ ครับ
     
  17. มานัท

    มานัท Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +56
    มาโปรดคุณโยมแล้วนะจ๊ะจิตที่ฟึกฝนดีแล้วย่อมไม่ควรส่งไปเที่ยวข้างนอกให้ลืมสิ่งของที่รักไว้ก่องสละออกไปก่อนแล้วนำจิตเข้ามาดูภายในจิตเราเองแล้วท่านจะรู้ว่าหลุดพ้นให้จิตบำเพ็ญพระอนิจจังพระทุกพระอนัตตาไม่มีทั้งศิล5ไม่มีบุญย่อมไม่มีบาปทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่สมมุตติขึ้นมาเองโดยธรรมมะชาตินอกนั้นทำจิตขึ้นสู่พระไตรลักณ์แล้วเข้าสู่นิพพาน
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เรา ควรเปิดใจกว้าง และควรเข้าใจที่ดี ในเจตนาดีของ ขจก ครับ การตั้งคำถามเจตนาที่ดีเพื่อ ต้องการให้แลกเปลี่ยนภูมิธรรม ว่า แต่ละท่านเห็นว่าอย่างไร

    ผู้เข้าใจโดยแยบคายแล้ว ย่อมเห็นว่า ธรรมทั้งหลายย่อมเป็นอนัตตา จิตทั้งหลาย โดยเฉพาะจิตตน ที่เข้าถึงธรรม ย่อมอนัตตา เป็นที่สุดแล้ว

    ดังนั้นย่อมกล่าวได้ว่า แท้จริงแล้ว เป็นความสูงต่ำ ของจิต อาศัยกิเลส เป็นเครื่องฉุดรั้งให้ต่ำลงหรือสูงขึ้น หากจิตชำระกิเลส สำรอกได้หมด จิตก็สูงสุด จิตจะสำรอกกิเลสได้หมด ก็เพราะอาศัยธรรม เหมือนหมอรักษา โรคตามอาการของคนนั้นๆ

    ฉนั้นแล้ว ที่สุดแห่งธรรม ที่สุดแห่งจิต เมื่อสำรอก กิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ก็คืนสู่สามัญอันเป็นธรรมดา เพราะอนัตตาธรรม เป็นเครื่องประเทืองปัญญาเป็นปรกติแล้วว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย ล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ สาธุ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ธรรมทั้งหลายเปรียบประดุจยารักษาโรค ธรรมบางประการอาจสามารถใช้รักษา โรคแก่คนบางคนได้ ให้กลายเป็นอริยะบุคคล แต่ก็อาจจะไม่สามารถช่วยคนบางคนได้

    ธรรมทั้งหลายย่อมเป็นอนัตตาธรรม และเป็นธรรมเฉพาะบุคคลเพื่อชำระกิเลสเฉพาะบุคคล ธรรมไม่มีสูงต่ำดำขาว ธรรม มีประการเดียวคือ เป็นสัจะ เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา เป็นใบไม้ทุกๆใบ ทุกๆกำมือ ทุกๆต้น ทุกๆป่า เพราะใบไม้ ย่อมเกิดแต่ต้นไม้ อันเกิดมีอยู่ในธรรมชาติ อันเป็นปกติธรรมดา ครับ

    แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าธรรม นั่นหมายถึง สิ่งที่เป็นเครื่องชำระกิเลส
    แม้ธรรมจะเป็นอนัตตา แต่ธรรมสำหรับผม ธรรมย่อมเป็นของสูงยิ่ง ที่ทรงคุณค่า เพราะธรรมทั้งหลายต่างก็หมายรวมถึงเครื่องชำระกิเลส
    อาศัยการปฏิบัติเป็นเครื่องมือ ฉนั้นเราท่านทั้งหลายพึงจะต้องไม่ประมาท ในธรรม เพื่อน้อมนำไป สู่การปฏิบัติครับ

    เหตุนี้เอง กระผมจึงยึดเอาพระธรรมเป็นสรณะสูงสุด ประการหนึ่งใน รัตนตรัย ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2014
  20. มานัท

    มานัท Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +56
    สาธุการครับโยมถูกต้องแล้วนะจ๊ะว่าการที่ยึดถือนำพระธรรมมาเป็นสรณะท้้งปวง
    เป็นของสมมุตติเป็นที่ตั้งของจิตแต่ล้วนแล้วไม่มีอะให้ยึดนะจ๊ะจิตหลุดพ้นเป็นหนึ่งเดียวครับดีแล้วที่โยมพี่ไม่ประมาทซึ้งแล้วย่อมไม่มีกิเลสควรสละแล้วปล่อยวางจิตย่อมหลุดพ้นเป็นพระอริยบุคคลนะจ๊ะลองภาวนาพระอนิจพระอนิจจังพระทุกขังพระอนัตตาอยู๋ในอารมณ์ปัจจุบันแล้วจะหล้ดพ้นจากกิเลสอันเศร้าหมองนะจ๊ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...