แชร์ผลการปฏิบัติ

คุณ Sriaraya5 ครับใน #212 คุณ Sriaraya5 ปรารถนาพุทธภูมิหรือไม่ครับ ผมอ่านแล้วยัง งงๆ ในคห.นั้น คือคุณ Sriaraya5 หรือครับ ช่วยขยายความด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

๕๕๕๕๕ ไม่เป็นไรครับ..ผมก็ว่าอยู๋..ผมเห็นที่คุณถาม
อ่านไปก็งงๆไป.ส่วนหนึ่งการเรียบเรียงคำพูดผมอาจยังไม่ดี.
งั้นที่ประเด็นที่ คุณ เคินชิโร่ พูดถามไว้ก่อนหน้านั้นถือว่ายกเลิก
ไปนะครับเด่วมีประเด็นอื่นๆค่อยมาว่ากันใหม่..และ
เป็นไปได้ช่วยกรุณาลบข้อความออกก็ดีเหมือนกันครับ
เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายเนาะ..
ส่วนคำถามล่าสุดเด่วว่างแล้วจะตอบมาครับ..

 

อืมๆไปอ่านมาแล้ว ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ที่ของดการแสดงความคิดเห็นใดๆ
หรือ การวิเคราะห์ใดๆทั้งสิ้น
จากพระไตรปิฏก ครับ.
และส่วนตัวบอกตามตรง
ยังไม่เคยศึกษาพระไตรปิฏก.
ขอบคุณครับ..

 

ใช่แล้วท่านเราปรารถนาพุทธภูมิและได้รับคำพยากรณ์แล้ว
ว่าเป็นผู้เที่ยงแท้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้หมายถึง
เจริญหรือประเสริฐ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์

 

แชร์การปฏิบัติเมื่อข้ามนิวรณ์ธรรม

นิวรณ์ธรรม 5 ประการผมจะไม่เอ่ยถึงว่ามีอะไรบ้าง ใครอยากรู้เปิดตำราดูได้ ในการปฏิบัติพวกนิวรณ์ธรรมนี้ นับว่าเป็นตัวก่อกวนในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา ที่เด่นชัดก็ 2 ตัวที่ผมเจอก็คือความหงุดหงิดฟุ้งซ่านกับความง่วง ไม่ว่าตัวไหนจะมาเป็นปัญหาในการปฏิบัติอย่างมาก
ในการปฏิบัติฌานสมาบัติที่ผมสามารถปฏิบัติต่อเนื่องได้วันละประมาณ 20 ชั่วโมงนั้น เป็นช่วงการปฏิบัติที่ได้ข้ามนิวรณ์ธรรมทั้งหมดไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่ง่วงนอนเลยแปลกมาก แต่ที่นอนเพราะร่างกายไม่ไหวจริงๆ เมื่อนอนไปก็ไม่ค่อยจะหลับ ในช่วงที่หลับนั้นเต็มที่ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
ในช่วงที่ข้ามนิวรณ์ธรรมนี้เป็นช่วงชั้นอรูปฌาน การปฏิบัติในชั้นนี้เหมือนเข้าไปในสงคราม จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติมันก็มีสภาพเหมือนกัน โดยจะมีอารมณ์มาก่อกวนท้าทายตลอดเวลา การปฏิบัติในชั้นนี้จะต้องมีเวลาให้อย่างเต็มที่จึงจะสามารถปฏิบัติได้ ในสภาพปุถุชนที่ต้องทำมาหากินผมบอกได้เลยว่าค่อนข้างลำบาก จะไปเทียบกับผู้มีบารมีในสมัยก่อนที่เขาทำกันเพียงเล็กน้อยก็บรรลุนั้นไม่ได้ เพราะบารมีมันต่างกัน
เจริญในธรรม

 

พระศรีอาริยะเมตตรัย นั้นย่อมมีญาณหยั่งรู้ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้อย่างไม่มีประมาณใช่ไหมครับ และที่สำคัญไม่มีผิดพลาดเที่ยงแท้แน่นอนด้วยใช่ไหมครับ งั้นผมขอความอนุเคราะห์ถามคำถามเพียงข้อเดียวเท่านั้นไม่ได้เป็นไปในทางพ้นทุกข์ แต่เป็นไปในทางสงเคราะห์สัตว์ร่วมโลกด้วยกันก็ได้แล้วแต่ท่านจะกรุณา ถามแค่ข้อเดียวถ้าท่านตอบถูกต้องแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่นิดเดียว กระผมจะขอนำธรรมะที่ท่านปฏิบัติได้ มาลองปฏิบัติดู

 

เห็นถกกัน เรื่องจิ้งจก 3 หางมีจริงหรือไม่มีจริง ตรงนี้ก็ได้ผลสรุปว่า
เธอมีอยู่จริง ก็เลยเอาร่างที่เธอทิ้งไว้
คืนชีพขึ้นมา ก่อนผมจะได้ร่างที่คุณเห็น
ผมต้องใช้ความพยายาม ถ่ายรูปอย่างมาก
เมื่อถ่ายรูปของเค้าได้แล้ว ต่อมาอีกระยะ
เค้าก็ตกลงมาตาย อยู่ในถังไอศครีม เหมือนจงใจจะทิ้งร่างสังขารให้ผมได้
เป็นของกายสิทธิ์ คือไม่ได้ตกไปในไอศครีมแต่ตกพาดกับกล่อง
ไอศครีม ผมก็เลยเก็บมาร่างเค้าก็แห้งไม่เน่าไม่เปลื่อย
เลยปิดทองให้เค้า เค้าเป็นเทวดามาใช้กรรมแต่ก็มีลักษณะเด่น
ของเค้า มี 3 หาง หางแรกเป็นหางปกติ แต่มีหางเล็กงอกออกมาอีก
2 หางหากคุณอุดรเทวะสังเกตให้ดี
จิ้งจก 3หาง
เชื่อกันตาม แต่โบราณว่า จิ้งจกเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณพิเศษรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า และเป็นสัตว์กายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์อำนาจในตัวเอง เชื่อกันว่าจิ้งจก 3หางนี้ จะใช้หางในการตวัดเงิน-ตวัดทองเข้าหาผู้เป็นเจ้าของมีคุณสมบัติล้นเหลือในด้านเมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ในระดับเทียบเท่า “น้ำมันพราย” แต่พิเศษกว่า ตรงที่สามารถ ปกป้องและบอกภัยล่วงหน้ารวมถึงการให้โชคลาภในเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นเซียนพนันนักเสี่ยงดวงจะชอบมากเป็นพิเศษ ราคาของจิ้งจก 3หาง ที่หางสวยๆ ไม่ขาดแหว่งและมีเกจิอาจารย์ดีการันตีในเรื่องความเข้มขลังนั้นบางสำนักราคาซื้อ–ขายสูงถึงตัวละแสนบาทก็มีครับ

ตำนาน จิ้งจก 3หางจิ้งจกนั้นโดยธรรมชาติแล้วจะมีหางเดียว สั้นบ้าง ยาวบ้าง และถ้ามันขาดหลุดไม่ว่าสาเหตุใดก็ตามมันก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนจิ้งจกที่มี 3หางนั้นในทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นความผิดปกติของยีนแต่สำหรับทางด้านไสยเวทย์ของไทยเรานั้นแล้ว ถือว่า เป็นของทนสิทธิ์ (เป็นของที่มีอาถรรย์ในตัวและมีดีตามธรรมชาติ) มหาวิเศษชั้นดีที่หาได้ยาก ยิ่งและเมื่อเขาตายลงร่างจะไม่เน่าจะแห้งลงคล้ายหินเรียกว่าตายพราย (ตายพราย คือการตายตามธรรมชาติ หรือ หมดอายุไข)

พุทธคุณและอานุภาพของจิ้งจก 3หางนั้นเด่นทางด้านโภคทรัพย์ ให้โชค ให้ลาภ ค้าขาย เมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมมหาอำนาจ เตือนภัย ผู้ใดมีไว้ในครอบครองจะต้องเป็นผู้มีบุญวาสนาเท่านั้นเพราะของกายสิทธิ์แบบนี้ล้วน แต่เป็นเทพ เทวาลงมาจุติใช้เศษกรรมเฉกเช่นเดียวกับแมวตาเพชร หรือ พญางูเหลือมปากเป็ดเมื่อหมดกรรมลงจิตวิญญาณก็จะกลับขึ้นไปจุติยังสรวงสวรรค์ดังเดิมซึ่งนอกจากจะทิ้งร่างกายสิทธิ์ไว้ให้ผู้ที่มีวาสนาแล้วเทพเทวาเหล่านั้นก็จะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่เป็นเจ้าของร่างจิ้งจก 3หางด้วยเช่นกัน
ค้นคว้าดู ราคาเหยียบ แสน

 

อ่านกระทู้ออกหรือเปล่า แชร์ผลปฏิบัติถ้าไม่มีก็ควรจะทำอย่างไร ตัวหนังสือเห็นมาแยะแล้ว

 

ถ้าเช่นนั้นไม่มีอะไรต้องสอนกัน
หากเจอหลวงปู่สาวกโลกอุดร

 

ไว้สอนตัวเองเถอะ ดูกระทู้ด้วยนะเวลาเข้าจะได้รู้วาเจ้าของกระทู้เขาประสงค์อะไร

 

เค้าถามผมผมก็มีหน้าทีตอบไป
คุณเองยังมีทิฐิในความเป็นเจ้าของห้อง
คนเราก็มีกิเลสอยากจะสอนคนอื่นเป็นทุนอยู่แล้ว

 

กิเลสหนาว่างั้นเถอะ ไม่รู้อะไรเลย ที่สอนมั่วสุดๆ
แนะไปปฏิบัติธรรมก่อน หรือจะบำเพ็ญบารมี ก็ไปดูบารมี 10 อย่าง จะไปทางไหนก็ไปให้ถูกทางครับ

 

ฟันธงเลย หลวงปู่สาวกโลกอุดร ไม่ใช่องค์พระอรหันตขีณาสพ

ธรรมะไม่มีมั่ว มีแต่ธรรมะที่ปรุงแต่ง กับ ธรรมะที่ปรุงแต่งไม่ได้

ฟันธงเลย หลวงปู่สาวกโลกอุดร ไม่ใช่องค์พระอรหันตขีณาสพ​

 

คำถามที่ผมจะถามนั้น ถ้าท่านผู้กล่าวคือพระศรีอาริยะเมตตรัย คำถามข้อนี้ย่อมตอบได้ถูกไม่มีผิดเพี้ยนเลย ถือว่าสงเคราะห์ชาวโลก ไม่ใช่ถามเพื่อความพ้นทุกข์ แต่ขอความสงเคราะห์ขอความกรุณาจากท่าน ช่วยตอบคำถาม ด้วยว่า สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ก.ค. 2557 เลข 6 หลัก มี อะไรบ้าง ขอแบบตรงตัว เรียงกันไปเลยนะครับ ถ้าท่านตอบถูก ผมจะขอยกท่านเป็นอาจารย์ จะน้อมนำคำสอนของท่านไปลองปฏิบัติดู ท่านกล้าพยากรณ์ตอบคำถามนี้ผมหรือไม่ โปรดแสดงปาฏิหารย์ให้สัตว์โลกผู้นี้ได้ทราบถึงญาณหยั่งรู้โดยไม่มีประมาณของท่านด้วยเถิด ซึ่งจะได้ก่อให้เกิดศรัทธาและความเลื่อมใส ก่อนจะสดับรับฟังธรรมจากท่านด้วยเถิด...

 

หลวงปู่จะเป็นอะไรไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณเป็นใคร แค่ปุถุชนหรือเปล่า จะไปรู้อะไรหนอ

 

การกล่าวจาบจ้างผู้มีคุณธรรม

การกล่าวจาบจ้างผู้มีคุณธรรมสูงยิ่งกว่าตน ผมคิดว่าน่าจะให้ผลร้ายมากกว่าดีเป็นแน่ พระอาจารย์ทั้งหลายล้วนเป็นเคารพรักของสานุศิษย์เป็นจำนวนมาก เทียบแล้วทุกท่านล้วนเป็นผู้มีคุณธรรมและมีบารมียิ่งกว่าเราอย่างมากมายมหาศาล บางท่านก็อาจสอนถูกบ้างผิดบ้างก็เป็นไปตามภูมิธรรมของท่าน แต่ทุกท่านล้วนมีเจตนาดีทั้งสิ้น ขอติงและเตือนในฐานะสหธรรมมิกทุกท่าน ขอให้พิจารณากันให้ดีๆนะครับ
เจริญในธรรมทุกท่าน

 

มาเรื่องปฏิบัติต่อดีกว่า..ส่วนตัวถือว่าฟิตมากนะครับ
พอมีประสบการณ์ตรง..เคยยืนถกกับบางท่านเรื่องกิริยาของจิต
บางอย่างและท่านนี้เค้าบอกว่าสามารถถึงสมาธิระดับสูง
ได้ภายในเวลา ๕ นาที..
คือคนนี้เล่าให้ฟังว่าพรุ้งนี้ต้องหาเงินไปจ่ายค่างวดงาน
ประมาณ ๒ ล้านเค้าบอกผมว่า ผมไม่สนใจถึงเวลานอนก็หลับสบาย
ไม่เหมือนเพื่อนๆที่นั่งทุกข์ นั่งระบาย หาทางกันอยู่
พอได้ข้อสรุปมาจากท่านที่มาสอนว่า
นอกจากสังเกตุท่านที่มีเวลาและไม่มีภาระทางโลกนะครับ
ที่สามารถเข้าสมาธิระดับสูงได้เร็วแบบที่ไม่ได้ขึ้นรูปมาก่อน
จะได้เปรียบตรงที่ไม่มีเรื่องอารมย์ผุดขึ้นมากวนใจ
ตอนที่กำลังไต่ระดับฌาน.ตรงนี้คิดว่าน่าจะเป็นข้อ
ได้เปรียบของท่าน..แต่ส่วนใหญ่จะอายุประมาณ ๕๐ ถึง ๖๐ ปีขึ้นไป
ส่วนถ้าอายุยังไม่ถึงอย่างเราๆ..ต้องผ่านด่านอารมย์ฝ่ายนามธรรม
ที่เป็นขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตรงนี้ไปให้ได้ก่อน.ขึ้นอยู่กับปัญญา
ทางธรรมในการที่จะทำให้ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตรงนี้วางได้..
แต่ท่านสอนท่านบอกว่า..ถ้าภาระทางสมมุติมันยังไม่วางจริงๆ
โอกาสก็ยากที่ข้ามตรงจุดนี้ไปได้.ทั่วไปเอาถึงที่เข้าสู่ขั้นสงบได้ก่อน
ส่วนจะยกไต่ระดับแค่ไหนก็สุดแล้วแต่..เด่วถึงเวลาจริงๆแม้ไม่
อยากวางมันก็วางเองได้ ประมาณนี้นะครับ..
สำหรับทั่วๆไป..ส่วนการยกระดับสู่สมาธิขั้นสูง.ส่วนตัวพอทราบ
๒ วิธีคือแบบสร้างรูปก่อนด้วยกสิณกองเดียว กับแบบวิชาเดินธาตุแบบพระอาจารย์ในดง
กับวิชาเดินธาตุโบราณของผู้เป็นใหญ่ทางบาดาล..ถ้ามีเหตุให้เล่า
ด้วยค่อยมาร่วมแจมครับ..
ปล.คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอ่านมากกว่า ขอบคุณครับ

 

ผมก็ใช้เวลาไม่นานครับ แต่ก็ไม่เร็วขนาดนี้ โดยปกติแล้วผมจะทรงรูปฌานไว้โดยตลอด พร้อมที่จะไต่ระดับได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่การทรงสภาวะอรูปฌานนี้ ผมก็ไม่ทราบว่าผมจะต้องทรงไว้นานเท่าไรจึงผ่านจุดนั้นไปได้ ตรงนี้เป็นปัญหาของผม บางครั้งผมลองเพ่งแม้นในขณะนั่งในรถผมยังสามารถเข้าถึงอรูปฌานได้ภายไม่ถึงนาที แต่หากจะไปที่ฌาน8 อย่างน้อยต้องเป็นอาทิตย์ขึ้นไป การทรงในฌานที่ 8 นี้ มีท่านหนึ่งท่านทรงอยู่ประมาณ 7 ปีจึงได้บรรลุธรรม มีท่านหนึ่งว่าผมจะสามารถทำได้ภายใน 15 วัน แต่ผมก็ไม่เชื่ออย่างนั้น
การทรงในฌาน 8 นี้ทรมานมาก ทุกข์หนัก ทั้งกายและใจ หากไม่พร้อมจริงๆ ทำไม่ได้
บอกคุณตรงๆ ผมไม่ได้โอ้อวดอะไร ปกติผมจะทรงฌานอยู่แล้ว นอกที่มีภาระกิจต่างๆ ก็จะคลายออกมาทำเช่นขณะพิมพ์นี้ พอเสร็จผมก็จะเข้าทันที
เจริญในธรรมครับ

 

พอเข้าใจอยู่ครับ.
ส่วนใครเค้าจะว่าอะไร จะพูดอะไรก็ช่างเค้าเถอะครับ
งูมีพิษ จะทาสี ใส่ไข่ ไปที่ไหน ถ้ายังไม่ตายมันก็พิษเหมือนเดิม
พวกเครื่องรู้ การถ่ายทอด ลักษณะนิสัยพื้นฐาน ฯลฯ
มันพอจะบอกได้อยู่ว่าการปฏิบัติของใครระดับไหนทำได้จริง
หรือไม่ แต่อย่างที่เรารู้ๆกันหละครับว่าจะควรพูดไม่ควรพูด
มีหลักๆ ๓ ข้อในการสังเกตุของบุคคลที่จะเดินทางสาย
ที่พอจะมีความพิเศษพิเศษในระดับใช้งานได้จริงแบบคน
อื่นๆสัมผัสได้อยู่ประมาณ ๓ ข้อซึ่งเป็นนิสัยปกติ
เด่วค่อยว่ากันทีหลัง เอาเรื่องที่มีน่าจะพอมีประโยชน์ก่อนดีกว่า

.มีเรื่องการเข้าถึงฌาณ ๘ นี่หละครับที่เห็นคล้ายกัน
เป็นปัญหาเช่นกันครับ..บอกไม่ได้เช่นกันว่าเมื่อไรเพราะส่วนตัวก็ยัง
เข้าไม่ถึงครับ..แต่พอมีหลักสังเกตุจากประสบการณ์ส่วนตัว
ในการเข้าถึงระดับ ๗ นะครับขอพูดไว้เผื่อเป็นแนวทาง.
กรณีที่ ๑ ที่ใช้ระบบหายใจ ๓ ฐานปกติ..การเข้าถึงอรูปฌาณอาจจะ
ง่ายแต่ปัญหาที่เจอคือมักจะไต่ระดับฌานต่อไม่ได้ และมักจะพิจารณา
อะไรและทำอะไรไม่ได้..รวมทั้งออกมาแล้วไม่มีผลต่อการพัฒนากำลัง
สมาธิในชีวิตประจำวัน ไม่มีผลต่อกำลังจิต
..กรณีคิดว่านักปฏิบัติทั่วๆไปสามารถเข้าถึงได้.
แต่ที่เห็นส่วนมากมักจะเผลอเข้าใจผิดและมักจะหลงว่า
ตนเองสมาธิสูง.ที่เห็นๆมานะครับ
และจะติดอยู่ระดับฌาน ๕ ไม่สามารถไต่ระดับต่อได้
ส่วนตัวมองว่าไม่มีประโยชน์ครับ.
กรณีที่ ๒ การเข้าอรูปฌาณจากการขึ้นรูปก่อนไม่ว่าจากกสิณกองใด
ก็ตามต้องให้ถึงระดับที่เพิกรูปและละรูปให้ได้ก่อนอย่างน้อย ๒ ครั้ง
เพื่อความชัวในการรักษาอารมย์และตรวจสอบกำลังสมาธิ
ในระดับกำลังฌาน๔ หยาบให้ได้ก่อน.จะเริ่มเข้าฌาน ๕ ได้.
แต่ทำได้ยากและไต่ระดับได้ยาก.
เพราะมักจะโน้มผลไปทางสร้างกำลังจิตก่อน
แต่มีข้อดีตรงกำลังจิตที่ได้.และความสามารถใช้กำลังจิตได้
ในชีวิตประจำวัน..สามารถตรวจสอบได้จากการใช้งาน
แต่การไต่ระดับไปอรูปฌานจากกรณีนี้ ต้องมีเวลาและฟิตจริงๆ
กรณีถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าถึงได้.สำหรับนักปฏิบัติ
ส่วนมากจะเป็นพระสงฆ์ เป็นพระฤาษี บุคคลทั่วๆไปแล้วแต่บารมี
ข้อดีอีกอย่างหากยกกิเลสละเอียดที่เห็นได้มาก่อนจากการเจริญสติ
จะสามารถตัดกิเลสตัวนั้นในระดับละเอียดได้..
กรณีที่ ๓ ต้องได้กสิณมาก่อนในระดับใช้งานพลังงานได้..เป็นการไต่ระดับ
ฌานไปอรูปฌานแบบสายพระอาจารย์ในดง.จะเริ่มไต่ระดับเข้าอรูปฌานได้
หากจิตเริ่มเข้าสู่วิญญานธาตุมีหลักสังเกตุคือ มีเส้นสายเชื่อมโยงออก
จากตนทั้งตัวในระดับที่เส้นสายพลังงานนิ่งเป็นเบื้องต้น ส่วนการไต่
ระดับอรูปฌานให้สังเกตุจากแสงที่สว่างก่อนแล้วค่อยๆลดลงแล้วค่อยๆ
กลับมาสว่างขึ้น.จะเปนการไล่ระดับจากฌาน ๕ ไป ๗
กรณีนี้ถ้าไม่ได้กสิณมาก่อนแล้วไปเชื่อมเส้นสายได้..จิตจะวนเข้าสู่ระดับ
ฌานในระดับของความสงบและจะติดอยู่ในภวังค์ซึ่งจะไม่ส่งผล
ต่อกำลังจิตและเครื่องรู้หรือความสามารถพิเศษต่างๆ..
กรณีที่ ๔ แบบเดินธาตุโบราณ ตั้งต้นด้วยธาตุ ๔ ก่อน
ที่ภายนอกแล้วปั่นรวมธาตุทั้ง ๔
จนกระทั่งธาตุทั้ง ๔ รวมเหลือขนาดเท่าเข็มหมุด..
แต่ควรดึงฐาตุมาตั้งต้นไว้ที่กาย.จะปลอดภัย.ไม่งั้นโอกาส
วิปลาสและจิตได้รับการกระทบกระเทือนจะสูงหากไม่มี
ครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิคอยดูแล..ส่วนการไต่ระดับฌาน ๕ ถึง
๗ ใช้หลักสังเกตุจากแสงเช่นเดียวกันเหมือนกรณีที่ ๓..ส่วนฌาณ ๘ ยังตอบไม่ได้เช่นกันครับ
วิธีนี้ข้อดีคือ ในเวลาลืมตาปกติจะทำให้สามารถฝึกใช้กำลังจิตได้
(ฝึกใช้ได้นะครับไม่ใช่กำลังจิตที่นำไปใช้งานได้)
ปล.ที่พอจะร่วมแชร์ได้ประมาณนี้ครับ..