แชร์ผลการปฏิบัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฐสิษฐ์929, 13 มิถุนายน 2014.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    มรรควิธีมีหลายแบบครับพระองค์แสดงไว้มาก มรรควิธีแบบง่ายก็มีแบบยากก็มี
    แล้วแต่บุพกรรมของแต่ละคนที่ได้สะสมมาหรือเรียกว่าต้นทุนของแต่ล่ะคนต่างกัน แต่ละคนก็จะมีความโน้มไปเพื่อนำคำสอนที่มีไว้มากมาปฎิบัติ อย่างเช่นพระจักขุบาลที่ทำบุพกรรมไว้มากท่านก็น้อมไปเพื่อความลำบากปฎิบัติจนตาบอด นี่เป็นตัวอย่าง และที่ จขกท นั้นพยายามบอกการปฎิบัติต้องเพ่งตรงจุดนั้นอย่างเดียวถึงจะบรรลุ ผมจึงตั้งขอสังเกตุว่าถ้าท่านใดกล่าวแบบนี้มีอยู่สองอย่างคือ1ท่านสำเร็จโดยวิธีนั้นท่านจึงสอนแบบนั้น และ2ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจธรรมในองค์รวม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2014
  2. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    งั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบายแล้วครับ ผมได้อธิบายไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว ท่านจะเห็นว่าผมนั้นทำไปเพื่ออะไร พูดเพื่ออะไร นำเสนอวิธีการปฏิบัติแบบไหนที่ยังประโยชน์แก่ผู้ามีบารมีธรรม ถ้ามันไม่ยังประโยชน์แก่ท่าน ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายต่อแล้ว หวังแค่ผู้ที่มีบารมีธรรมจะเล็งเห็นด้วยปัญญาที่มีติดตัวมาแล้วแต่เวรกรรมที่สั่งสมมาเรื่องนี้ก็จนใจจะกล่าว เพียงแต่เห็นว่ามีประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงนำมาบอกแนะนำ จะรู้ว่าไม่ยากหรอกครับลองทำตามดู ถ้าเราทำแล้วเราได้อย่างที่ท่านบอก ซึ่งก็แน่นอนครับ ปัญญาญาณหยั่งรู้ ใน ปฏิจจสมุปบาท หยั่งรู้ในอริยสัจจ์ หยั่งรู้ใน ปฏิสัมภิทาเป็นต้น ซึ่งหยั่งรู้ก็หมายถึงไม่ได้คิดเอาเอง แต่เกิดขึ้นมาเองเพราะสำเร็จธรรมบรรลุอรหันตผล แล้ว เช่นนี้ เราสามารถเทียบเคียงเอาได้ ไม่ควรปฏิเสธแต่ให้ลองทำดูก่อน เอหิปัสสิโก เชิญมาพิสูจน์เถิด ก็บอกอยู่ พระธรรมนั้นเชื่อมาลองดูมาปฏิบัติดูก่อนได้ ไม่ได้ให้เชื่อเลยฝ่ายเดียว สิ่งที่เรารู้ได้รู้ได้เฉพาะเราก็จริง ถ้าเราทำได้ จะไปบอกไปสอนใคร คนที่เขายังไม่ได้ เขาจะรู้ได้เช่นไร นอกจากการลองปฏิบัติดู นั่นเป็นสิ่งพิสูจน์ ผมจะไม่โต้วาทีกับท่านหรอกนะครับว่ารู้ได้อย่างไรว่าหลวงปู่เป็นหรือไม่เป็นพระอรหันต์ เรื่องเช่นนี้โต้แย้งกันไปก็ไม่จบ จึงขอยุติไว้เพียงแต่เท่านี้ ท่านคิดเห็นประการใด ต่อไปผมก็คงไม่โต้แย้งกับท่านแล้ว
     
  3. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ผมไม่ได้มาโต้วาทีนะครับทผมมีด้วยจุดประสงค์เดียวกับหลายๆท่าน คือความเข้าใจตามทิฎฐิของตนเองที่คิดว่าถูกต้องที่มีต่อพุทธศาสนา ไม่ต่างอะไรกับหลายๆท่านในที่นี้ รวมถึงตัวท่านเองด้วย เราต่างถกเถียงกันในเหตุผลที่จะพอยอมรับกันได้ ผมไม่ปฎิเสธเรื่องการปฎิบัติแบบไหนทั้งที่ท่านแสดง เพียงแต่ขัดแย้งในบางประเด็นในเรื่องความเชื่อ ที่ผมคิดว่าไม่ว่าใครในที่นี้ก็ตอบไม่ได้ว่าใครเป็นอะไรถึงไหน ซึ้งตรงกับคำสอนว่าจงอย่าเชื่อเพราะนี่คือครูอาจารย์ของเรา เมื่อเราเชื่อโดยฝ่ายเดียวนั้น โอกาสที่จะมีโอกาสเข้าสู่มิจฉาทิฎฐิได้โดยไม่รู้ตัวซึ่งมีมากในสังคมชาวพุทธ การสนทนาไม่คิดจะไปลบหลู่ท่านใดแต่เพื่อเป็นไปในหลักธรรมตามคำสอนเท่าที่ผมจะเข้าใจที่ได้ศึกษาปฎิบัติมา และผมก็คิดว่าท่านก็คงกล่าวธรรมตามที่ท่านเข้าใจตามหลักปฎิบัติของท่านตามที่ท่านเชื่อว่าถูก เหมือนกับผมที่คิดว่าสิ่งที่ผมกล่าวนั้นถูกต้อง เจริญธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2014
  4. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ขันธ์5 ไม่ได้แปลว่าว่างจากตัวตน แปลอย่างนี้มันเข้าใจยาก ต้องให้ความหมายว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่เรา และมีอันแตกสลายได้ในที่สุด ลองพิจรณาธาตุดิน ลองบี้ดิน จะเห็นว่ามันว่าง ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีตัวตนที่แท้จริง เป็นความว่าง เป็นอนัตตา zero nothing พิจรณาแบบเดียวกันที่ น้ำ ลม ไฟ จะเห็นว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา
     
  5. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    คำถามแรก คุณฟางว่านตอบแทนแล้วค่ะ ขอบคุณคุณฟางว่านค่ะ

    ตอบคำถามต่อมานะคะ
    อุปมาวิญญาณขันธ์ ว่าเป็นกล ของนักเล่นกล
    ตามความเข้าใจนะคะ ดังนี้ค่ะ

    วิญญาณมันเปลี่ยนเร็ว เกิดดับเร็ว เร็วจนตามไม่ทัน จนเหมือนสิ่งนั้นเป็นจริง
    จิต(คนดู)จึงหลงเข้าไปมีอุปาทานว่าเป็นจริง มีจริง เป็นตนจริง เป็นของของตนจริง
     
  6. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    เผื่อมีคนเห็นประโยชน์ เป็นความรู้ส่วนตัว อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้นะคะ โปรดพิจารณาเองนะคะ

    รู้ได้จาก วิมุตติญาณทัสสนะ หลวงตามหาบัวท่านเรียกว่า อายตนะนิพพาน

    มายเคยกล่าวไว้ในกระทู้ "นิพพานไม่ใช่ผู้รู้" มายก็ไม่อยากกล่าวเรื่องนี้สักเท่าไรนัก แต่มีคนอยากทราบถามไว้ จึงแสดงไปตามประสบการณ์ค่ะ
     
  7. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    วันนี้เจริญอาหาเรปฏิกูลสัญญา อ้อ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ได้คิดว่า กินเพื่อยังอัตตภาพ ไม่เมาในอาหาร มันเป็นธรรมะว่า นั่นธาตุทั้งนั้น ดิน น้ำ ลม ไฟ นะ
     
  8. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ ฟางว่าน ครับ การพิจารณา ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ว่าไม่ใช่ตัวตนอย่างเดียวพอหรือไม่ครับ หรือเห็นอะไรมากกว่านี้หรือเปล่าครับ ถึงจะละสักกายทิฐิได้ครับ ขอบคุณครับ
     
  9. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    [๒๔๗] พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์ แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงแล้วว่า
    รูปอุปมาด้วยกลุ่มฟองน้ำ
    เวทนาอุปมาด้วยฟองน้ำ
    สัญญาอุปมาด้วยพยับแดด
    สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย และ
    วิญญาณอุปมาด้วยกล.

    ภิกษุย่อมเพ่งพิจารณาเห็นเบญจขันธ์นั้นโดยแยบคายด้วยประการใดๆ
    เบญจขันธ์นั้นย่อมปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่าด้วยประการนั้นๆ




    คุณมายครับ อุปมาพระพุทธเจ้าอัศจรรย์มากเลยนะครับ ถ้าใครได้ฟังดีๆ บรรลุธรรมได้เลยครับ ขนาดผมอ่านแล้วยังอึ๊งเลย อ่านไปถึง อุปมาสังขารด้วยต้นกล้วย ปอกออกมาเรื่อยๆ หาแก่นไม่ได้ ปรากฏเป็นของว่าง ใครอ่านแล้วก็น้อมมาสู่ภายใจขันธ์5 ของตัวเอง มีประโยชน์มากเลยครับ
     
  10. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    พิจรณาให้ทราบตามความเป็นจริงว่าสังขารต่างๆเป็นไปตามไตรลักษณ์
     
  11. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ ฟางว่าน ครับ มีวิธีไหมครับ ต้องพิจารณา หรือ ต้องเห็นเอาครับ
     
  12. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ทิฏฐิบุคคลคือถือตัวเองเป็นใหญ่ ว่ายาก สอนยาก เขาเรียกอย่างนี้
     
  13. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ทิฏฐิบุคคล คุณ ฟางว่าต้องการบอกคนในกระทู้หรือเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2014
  14. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ครับ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    ถามแบบนี้ ต้องขอโทษด้วยครับ นับได้ว่ายังเป็นคนหลงโลกหลงทางพระนิพพาน​
    จะมีประโยชน์อะไรบอกใบ้ให้หวยได้แต่ตัวเองก็ยังไม่พ้นทุกข์ ซ้ำร้ายเข้าไปอีก
    ไปส่งเสริญให้คนที่มาเกี่ยวข้อง ตัดความโลภไม่ได้
    สู้บอกใบ้ให้หวยไม่ได้ แต่เอาความพ้นทุกข์เป็นสิ่งสำคัญกว่าหนือกว่าทั้งหมดนะคุณ:eek:<O:p</O:p
     
  16. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ในทางกลับกัน ถ้ายังรู้ว่าตนของตนยังไม่พ้นทุกข์ แล้วไปสอนคนอื่นมันก็ยิ่งเนิ่นนาน
    แล้วคุณจะรู้ว่าผมเป็นใคร คุณต้องมีฌานญาณที่สูงกว่าผม<O:p</O:p
    ขึ้นชื่อว่าพระสาวกทุกหมู่เหล่าท่านล้วนได้มาจากพระพุทธเจ้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    หามิไม่ได้เป็นการล่วงเกินในคุณธรรมของใคร
    หากเพียงแต่ เจ้าของกระทู้เปิดใจให้กว้าง
    ดังเช่น พระเจ้ามิลินสนทนาธรรมะ กับ พระนาคเสนอรหันตขีณาสพ
    ดังปวงปราชญ์ในอดีต สนทนาธรรมแบบบัณฑิตแท้ทางธรรม
    ไม่เอานรกมาขู่ ไม่เอาสวรรค์มาล่อ เจรจาเพื่อเอาปัญญามาเป็นของตนเองให้ได้
     
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เผอิญขอภาพไข่จิ้งจกสามหางจากคุณ bigtoo ดู ไม่ได้ขอจากคุณอะนะ
    แต่มาโพสต์นี่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจตนาเราอ่ะจ๊ะ เพราะเคยเห็นภาพพวกนี้อยู่แล้ว
     
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ก็พระรัตนตรัยนี่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์(หมายถึงพระอริยะแท้ๆเลยนะนั่น)
    พระอริยะบางคนอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็มองไม่เห็นหรอก ถ้าหากไม่มีญาณจะเห็น..
    หลวงปู่มั่น ก็มีศิษย์เป็นพระอริยะมากมาย คำสอนท่านถ้าลงมหาปเทสสี่ได้ ก็ไม่ผิด
    แต่บางคนไปเก่งเกินท่านๆล่ะ.. ต้องพระวจนะเท่านั้น ขนาดตีความไทยเป็นไทยกันยังไม่ค่อยจะถูก..
    (กระทู้ไปไกลละ แล้วก็ที่จริงไม่อยากรบกวนกระทู้เขา)
    ..
    นอกจากอนันตริยกรรม ที่ทำให้ไม่อาจบรรลุมรรคผลในชาตินี้
    กรรมในการปรามาสพระอริยะ ที่ทำให้ปิดมรรคผล (ถ้าไม่รุนแรงก็น่าจะขอขมากรรมนะ)
    ก็ยังมีนะ กรรมของพวกฝึกไม่ได้(ไม่รู้หมายถึงแค่ชาตินี้หรือจะถึงชาติไหนนะ) ถ้าฝึกไม่ได้ พระพุทธองค์ก็จะไม่สอนล่ะ..เรียกว่าเป็นการฆ่าทิ้งเสียในวินัยพระอริยะ
    บุรุษที่ควรฝึกใด ย่อมไม่เข้าถึงการฝึก ด้วยวิธีละม่อม ด้วยวิธีรุนแรง ด้วยวิธีทั้งละม่อมทั้งรุนแรง ตถาคตไม่สำคัญบุรุษที่ควรฝึกนั้นว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน แม้พรหมจารีผู้เป็นวิญญูชนก็ย่อมไม่สำคัญว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน ดูกรเกสี ข้อที่ตถาคต ไม่สำคัญบุรุษที่ควรฝึกว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน แม้สพรหมจารีผู้เป็นวิญญูชนทั้งหลายก็ไม่สำคัญว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน นี้เป็นการฆ่าอย่างดีในวินัยของพระอริยะ ฯ

    เกสีสูตร
    [๑๑๑] ครั้งนั้นแล สารถีผู้ฝึกม้าชื่อเกสี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามว่า ดูกรเกสี ท่านอันใครๆ ก็รู้กันดีแล้วว่าเป็นสารถี
    ผู้ฝึกม้า ก็ท่านฝึกหัดม้าที่ควรฝึกอย่างไร สารถีผู้ฝึกม้าชื่อเกสีกราบทูลว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ฝึกหัดม้าที่ควรฝึกด้วยวิธีละม่อมบ้าง รุนแรงบ้าง
    ทั้งละม่อมทั้งรุนแรงบ้าง ฯ
    พ. ดูกรเกสี ถ้าม้าที่ควรฝึกของท่านไม่เข้าถึงการฝึกหัดด้วยวิธีละม่อม
    ด้วยวิธีรุนแรง ด้วยวิธีทั้งละม่อมทั้งรุนแรง ท่านจะทำอย่างไรกะมัน ฯ
    เก. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าม้าที่ควรฝึกของข้าพระองค์ ไม่เข้าถึงการ
    ฝึกหัดด้วยวิธีละม่อม ด้วยวิธีรุนแรง ด้วยวิธีทั้งละม่อมทั้งรุนแรง ก็ฆ่ามันเสียเลย
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่าโทษมิใช่คุณอย่าได้มีแก่สกุลอาจารย์ของเราเลย
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคเป็นสารถีฝึกบุรุษชั้นเยี่ยม ก็พระผู้มีพระภาค
    ทรงฝึกบุรุษที่ควรฝึกอย่างไร ฯ
    พ. ดูกรเกสี เราแล ย่อมฝึกบุรุษที่ควรฝึกด้วยวิธีละม่อมบ้าง รุนแรงบ้าง
    ทั้งละม่อมทั้งรุนแรงบ้าง ดูกรเกสี ในวิธีทั้ง ๓ นั้น การฝึกดังต่อไปนี้ เป็นวิธี
    ละม่อม คือ กายสุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งกายสุจริตเป็นดังนี้ วจีสุจริตเป็นดังนี้
    วิบากแห่งวจีสุจริตเป็นดังนี้ มโนสุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งมโนสุจริตเป็นดังนี้
    เทวดาเป็นดังนี้ มนุษย์เป็นดังนี้ การฝึกดังต่อไปนี้เป็นวิธีรุนแรง คือกายทุจริต
    เป็นดังนี้ วิบากแห่งกายทุจริตเป็นดังนี้ วจีทุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งวจีทุจริต
    เป็นดังนี้ มโนทุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งมโนทุจริตเป็นดังนี้ นรกเป็นดังนี้ กำเนิดสัตว์
    ดิรัจฉานเป็นดังนี้ ปิตติวิสัยเป็นดังนี้ การฝึกดังต่อไปนี้ เป็นวิธีทั้งละม่อมทั้ง
    รุนแรง คือ กายสุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งกายสุจริตเป็นดังนี้ กายทุจริตเป็นดังนี้
    วิบากแห่งกายทุจริตเป็นดังนี้ วจีสุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งวจีสุจริตเป็นดังนี้
    วจีทุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งวจีทุจริตเป็นดังนี้ มโนสุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่ง
    มโนสุจริตเป็นดังนี้ มโนทุจริตเป็นดังนี้ วิบากแห่งมโนทุจริตเป็นดังนี้ เทวดา
    เป็นดังนี้ มนุษย์เป็นดังนี้ นรกเป็นดังนี้ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเป็นดังนี้ ปิตติวิสัย
    เป็นดังนี้ ฯ
    เก. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุรุษที่ควรฝึกของพระองค์ไม่เข้าถึงการฝึก
    ด้วยวิธีละม่อม ด้วยวิธีรุนแรง ด้วยวิธีทั้งละม่อมทั้งรุนแรง พระผู้มีพระภาค
    จะทำอย่างไรกะเขา ฯ
    พ. ดูกรเกสี ถ้าบุรุษที่ควรฝึกของเราไม่เข้าถึงการฝึกด้วยวิธีละม่อม
    ด้วยวิธีรุนแรง ด้วยวิธีทั้งละม่อมทั้งรุนแรง เราก็ฆ่าเขาเสียเลย ฯ
    เก. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ปาณาติบาตไม่สมควรแก่พระผู้มีพระภาคเลย
    ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนพระผู้มีพระภาคจึงตรัสอย่างนี้ว่า ฆ่าเขาเสีย ฯ
    พ. จริง เกสี ปาณาติบาตไม่สมควรแก่ตถาคต ก็แต่ว่าบุรุษที่ควร
    ฝึกใด ย่อมไม่เข้าถึงการฝึกด้วยวิธีละม่อม ด้วยวิธีรุนแรง ด้วยวิธีทั้งละม่อม
    ทั้งรุนแรง ตถาคตไม่สำคัญบุรุษที่ควรฝึกนั้นว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน แม้
    พรหมจารีผู้เป็นวิญญูชนก็ย่อมไม่สำคัญว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน ดูกรเกสี
    ข้อที่ตถาคต ไม่สำคัญบุรุษที่ควรฝึกว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน แม้สพรหมจารี
    ผู้เป็นวิญญูชนทั้งหลายก็ไม่สำคัญว่า ควรว่ากล่าว ควรสั่งสอน นี้เป็นการฆ่าอย่างดี
    ในวินัยของพระอริยะ ฯ
    เก. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่พระตถาคตไม่สำคัญบุรุษที่ควรฝึกว่า ควร
    ว่ากล่าว ควรสั่งสอน แม้สพรหมจารีผู้วิญญูชนก็ไม่สำคัญว่า ควรว่ากล่าว
    ควรสั่งสอน นั้นเป็นการฆ่าอย่างดีแน่นอน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของ
    พระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
    พระผู้มีพระภาค ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของ
    ที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า
    คนมีจักษุจักเห็นรูปฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาค
    กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงจำ
    ข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ

    จบสูตรที่ ๑


    <CENTER></CENTER>�����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� ��
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ก็มีเจตนาดีไม่ได้มาหาเรื่อง เห็นคนใดคนหนึ่ง
    ว่าทำนองจิ้งจก สามหางมีจริงไม่จริงก็ไม่รู้
    สิ่งที่คิดว่ามี แท้จริงแล้วกลับมีไม่ต้องคิดมากครับ
    แค่ขำขัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...