แชร์ผลการปฏิบัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฐสิษฐ์929, 13 มิถุนายน 2014.

  1. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไม่ได้พูดอย่างนั้นหรอกจ๊ะ

    แต่เจตนาพูดเรื่องศีลอยู่น่ะจ๊ะ
    (หน้า4)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  2. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ผมสังหรณ์ว่าคุณจะไม่ตอบเสียแล้ว แต่คำตอบของคุณก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ผมคาดคะเนไว้ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ตอบ เคยอ่านไหมครับ

    พระวังคีสะ เกิด ในตระกูลพราหมณ์ นครสาวัตถี ได้รับการศึกษาจบไตรเพท จนมีความชำนาญเป็นที่พอใจของอาจารย์ จึงให้เรียนมนต์พิเศษอีกอย่างหนึ่งชื่อว่า "ฉวสีสมนต์" ซึ่ง เป็นมนต์เครื่องพิสูจน์ศีรษะซากมนุษย์แม้จะตายไปแล้วถึง ๓๐ ปี โดยใช้นิ้วเคาะหรือดีดที่ศีรษะหรือกะโหลกของศพ ก็จะรู้ว่าเจ้าของศีรษะหรือกะโหลกนั้น ตายแล้วไปเกิดเป็นอะไร เกิดที่ไหน ท่านมีความเชี่ยวชาญในมนต์นี้มาก จึงได้อาศัยมนต์นี้เป็นเครื่องเลี้ยงชีพ และเริ่มมีชื่อเสียงเลื่องลือมากขึ้น



    รับจ้างดีดกะโหลก

    ต่อมา เขาได้ตั้งเป็นคณะ มีผู้ร่วมงานทำกันเป็นระบบ มีการโฆษณาชักชวนให้คนมาใช้บริการ และตระเวนทั่วไปตามเมืองต่างๆ

    ด้วย วิธีการอย่างนี้ ประชาชนได้นำหัวกะโหลกของญาติที่ตายไปแล้วมาให้พิสูจน์กันมากมาย ชาวคณะของวังคีสะได้รับสิ่งตอบแทนหลากหลาย ซึ่งมีทั้งสิ่งของและเครื่องใช้สอยต่างๆ รวมทั้งอาหารและเงินทองจำนวนมาก ทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้น พวกเขาได้ท่องเที่ยวไปตาม เมืองต่างๆ แล้วย้อนกลับมายังเมืองสาวัตถี พักอยู่ในที่ไม่ไกลจากประตูพระเชตวันมหาวิหารมากนัก ได้เห็นประชาชนถือดอกไม้และเครื่องสักการะไปยังวัดพระเชตวัน จึงถามว่า "ท่านทั้งหลาย จะไปไหนกัน?"

    "พวกเราจะไปฟังเทศน์ที่วัดพระเชตวัน" พุทธบริษัทตอบ

    "ท่านทั้งหลายมาหาวังคีสะดีกว่า เพราะท่านสามารถรู้ว่าคนที่ตายไปแล้ว ไปเกิดเป็นอะไร ไปเกิดที่ไหน" พวกคณะของวังคีสะชักชวน

    "ในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดจะรู้เท่าเทียมพระพุทธเจ้าของพวกเราได้หรอก" พุทธบริษัทแย้งขึ้น

    การ โต้ตอบกลายเป็นการโต้เถียงเริ่มรุนแรงขึ้น ไม่เป็นที่ยุติ กลุ่มของวังคีสะจึงตามไปที่พระเชตวันมหาวิหาร เพื่อพิสูจน์ความสามารถว่า ใครจะเหนือกว่ากัน พระพุทธองค์ทรงทราบวัตถุประสงค์ของกลุ่มวังคีสะได้ดี จึงรับสั่งให้นำกะโหลกคนตายมา ๕ กะโหลก คือ.-

    ๑. กะโหลกคนที่ตายไปเกิดในนรก

    ๒. กะโหลกคนที่ตายไปเกิดในสวรรค์

    ๓. กะโหลกคนที่ตายไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

    ๔. กะโหลกคนที่ตายไปเกิดเป็นมนุษย์

    ๕. กะโหลกของพระอรหันต์

    เมื่อได้กะโหลกศีรษะมาครบแล้ว ได้มอบให้วังคีสะตรวจสอบดูว่า เจ้าของกะโหลกเหล่านั้นไปเกิดที่ไหน

    วังคีสะเคาะ กะโหลกเหล่านั้นมาตามลำดับ และทราบสถานที่ไปเกิดถูกต้องทั้ง ๔ กะโหลก แต่พอมาถึงกะโหลกสุดท้าย ซึ่งเป็นกะโหลกของพระอรหันต์ ไม่สามารถจะทราบได้ ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าของกะโหลกว่าไปเกิดที่ไหน จึงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พระพุทธองค์จึงตรัสถามว่า .-

    "วังคีสะ เธอไม่รู้หรือ?"
    "ข้าพระพุทธเจ้าไม่รู้ พระเจ้าข้า"
    "วังคีสะ ตถาคตรู้"
    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์ทรงทราบด้วยมนต์อะไร พระเจ้าข้า"
    "ด้วยกำลังมนต์ของตถาคตเอง"


    บวชเพื่อเรียนมนต์

    ลำดับนั้น วังคีสะได้กราบทูลขอเรียนมนต์นั้นจากพระบรมศาสดา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงรับจะสอนมนต์นั้นให้ แต่มีข้อแม้ว่าผู้เรียนจะต้องบวชจึงจะสอนให้ วังคีสะคิด ว่า ถ้าเรียนมนต์นี้จบแล้วก็จะไม่มีผู้เทียมเท่าได้เลย จะเป็นประโยชน์แก่อาชีพของตนเป็นอย่างยิ่ง จึงบอกให้พราหมณ์ร่วมคณะเหล่านั้น รออยู่สัก ๒-๓ วัน เมื่อบวชเรียนมนต์จบแล้วก็จะสึกออกไปร่วมคณะกันต่อไป

    เมื่อวังคีสะบวชแล้ว พระบรมศาสดาประทานพระกรรมฐานมีอาการ ๓๒ เป็นอารมณ์ รับสั่งให้สาธยายท่องบ่นบริกรรมพร้อมทั้งพิจารณาไปด้วย ฝ่ายพราหมณ์ที่คอยอยู่ก็มาถามเป็นระยะๆ ว่าเรียนมนต์จบหรือยัง วังคีสะก็ตอบว่ากำลังเรียนอยู่ โดยเวลาล่วงไปไม่นานนัก ท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศานสา พวกพราหมณ์เหล่านั้นเห็นว่า ท่านไม่หวนกลับสึกออกมาประกอบอาชีพฆราวาสเช่นเดิมอีกแล้ว จึงได้แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัยของตนๆ


    ได้รับยกย่องในตำแหน่งเอตทัคคะ

    พระ วังคีสะ เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เป็นกำลังช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเมื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคครั้งใด ก็จะกล่าวสรรเสริญพุทธคุณบทหนึ่งอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้มีปฏิภาณ คือ ความสามารถในการผูกบทกวีคาถา

    ท่านดำรงอายุสังขารสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน.

    อย่างนี้เรียกว่าอะไรหรือครับ แล้วถ้าท่านมีญาณทัศนะขนาดเป็นถึงพระศรีอาริยะเมตตรัย ท่านจะบอกหน่อยหรือ แสดงอย่างที่พระพุทธเจ้าแสดง อะไรก็ได้ที่เห็นกันได้จะๆ
    ยกตัวอย่างเช่น เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล ถ้าท่านบอกผมถูก ผมปลดหนี้ ผมอาจจะเข้าหาทางธรรมอย่างเต็มตัว ช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจนสิ้นอายุไงก็เป็นได้ ท่านมีญาณหยั่งรู้มิใช่เหรือครับเป็น ระดับพระศรีอาริยเมตตรัย ย่อมรู้ไม่ต่างจากพระสัมมาสัึมพุทธเจ้าโคดม เป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก ท่านสังเคราะห์ผมมิได้หรือ ท่านอาจจะได้เนื้อนาบุญของโลกเพิ่มขึ้นก็ได้ ถ้าท่านช่วยผมได้ในครั้งนี้ ท่านอย่าได้สงสัยในความต้องการพ้นทูกข์ของผมเลย ถ้าท่านเป็นพระศรีอาริยเมตตรัย ท่านย่อมหยั่งรู้ในจิตใจของสรรพสัตว์อยู่แล้ว แต่ที่ท่านกล่าวมานั้นด้วยความสัจจริง กระผมมิได้คิดอย่างที่ท่านกล่าวอ้างมาเลยนะขอรับ
     
  3. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อานาปานสตินี้ดีจริง ฝากเพื่อนๆทำอานาปานสติด้วย ตั้งสติ สติเป็นบรมธรรม สติพร้อมสัมปชัญญะ มีสติสัมปชัญญะ คือมีความระลึกได้และความรู้ตัว ขันธ์ 5 เป็นอนัตตา เราคือจิต จิตเป็นอัตตา
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระ วังคีสะ เป็นเรื่องที่ผมได้ศึกษาจากประวัติของท่าน
    และเล่าอยู่บ่อย ตอนที่อยู่กับพระเทพญาณวิศิษฐ์ ตลอดถึงหมอดู
    ที่ยังชักนำให้คนไปในทางมงคลตื่นข่าว

    นี่คุณ ในโลกมนุษย์นี้สรรค์ท่านเป็นผู้กำหนด
    พระอินทร์ได้ให้โอวาทบอกกล่าวกับมนุษย์
    ทุกอย่างสววรค์ ลิขิตไว้แล้ว ใครจะเป็นอะไร
    ให้ประกอบแต่กรรมดีเข้าไว้
     
  5. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    จากภาคปฏิบัติภาวนา จิตเป็นดวงพลังงานกลมๆใสๆสว่างๆที่กลางท้อง จิตมีหน้าที่สั่งกายและใจ หรือการแสดงออกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กายใจเป็นอนัตตา จิตเป็นอัตตา
     
  6. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ Sriaraya5 ครับ ใน #309 ความคิดว่าที่ว่า --- โลกมนุษย์นี้สรรค์ท่านเป็นผู้กำหนด และ ทุกอย่างสววรค์ ลิขิตไว้แล้ว --- ความคิดเหล่านี้ไม่มีในหมู่พระอริยะนะครับ แม้แต่โสดาบันเพียงขั้นต้นความเห็นเหล่านี้จะไม่มีแล้วครับ ยังไม่ต้องเลยไปถึง พระพุทธเจ้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ข้อนี้คุณ Sriaraya5 พิจารณาด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2014
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระอริยมีหลายละดับ มีต้องแต่เสขบุคคล
    แต่ถ้าผมไม่สนใจระดับขั้น อเสขบุคคล ย่อมมองเห็น
    อุปทานที่หลอกหลอนผู้คนตลอดเวลาที่ยังนึกหาเงินและการที่จะมีเงินทองแล้วไม่ทุกข์เป็นอย่างไง ให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนชนิดที่ไม่ต้องทุกข์เพราะเงินอีกต่อไป ตามปกติ ต้องโปรดคนธรรมดา ที่ตกอยู่กับความลวงจะให้เขาละอุปทานดิบ ๆเสียได้ แกอยากจะให้มีอะไรมาเป็นหลักประกันทำให้แกคิดสูงสุดของแรงคิดแกได้แค่นั้น แกเพียงจะพึ่งพระพุทธศาสนาให้ได้ในสิ่งที่แกปรารถนา จะได้จริงหรือไม่แกไม่คำนึง เพียงแค่นั้น พอดีแกมาเจอคนใจสิงห์ไม่อือออเอาใจแก
    ผู้เมาวัตถุ เพราะไม่รู้อะไรอย่างแท้จริงของพระพุทธศาสนา ต้องให้รู้จักเงินในแง้ของสมมติ และ ยังมีวิธีทำจิตทำใจต่อสิ่งที่เรียกว่าเงิน ไม่ให้เห็นว่าเป็นเราของเรา ด้วยเห็นความเป็นอนัตตาด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  8. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านคิดว่าผมโกหกเรื่องจิ้งจกสามหางเหรอครับ ท่านเข้าใจผิดประเด็นแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอกครับ มาไกลเกินกว่าจะสนใจ เพียงผมยกเรื่องนี้มาเพื่อเปรียบเทียบกับเรื่องหินรูปร่างแปลกๆหรือปรอธอะไรนั้นมันจะต่างอะไรกัน เพียงมันต่างตรงลักษณะเท่านั้น มันให้ปัญญาอะไร บนเส้นทางมรรคบางคงไม่มี พอเข้าใจนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  9. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านเข้าใจคำว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างไรหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  10. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ Sriaraya5 ครับ ถึงเราจะอยู่กับสมมุติ คนที่เราสอนจะอยู่กับสมมุติ ผมว่ายังไงก็ต้องดึงกลับมาที่สัจจะความจริง ไม่ดึงคนไปเชื่อว่า สิ่งทั้งหลายเกิดจากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งบันดาลครับ เรามีหน้าที่บอกสัจจะความจริงไป เค้าจะเข้าใจไม่เข้าใจ มันอีกเรื่องนึงครับ ผมคิดเห็นอย่างนี้ครับ คุณ Sriaraya5 คิดเห็นอย่างไรครับ
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    มนุษย์ยุคสุดท้ายปลายกัลป์ความรู้เจริญมาก สัญญามากความจำมาก
    ปฏิบัติน้อย แล้วท่านคิดว่าผมปฏิบัติมามากแค่ไหนจนเป็นครูคน
    คนมีปัญญาระดับพระอรหันตมรรค นะท่านเราจึงจะบอกทุกสิ่งอย่าง
    ภูมิธรรมต่ำกว่าพระอรหันตมรรค เค้าไม่เชื่อเค้าติดตำรา ติดครูที่สอน
    เค้าไม่ช่วยตัวเอง รอแต่จะให้ปาฏิหาริย์มาทำให้เค้าสำเร็จสักวัน
    ท่านอุดรเทวะท่านรู้ไหม การรอคอยสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการผูกมัดโดยไม่ต้องใช้เชือกสักเส้นเดียว
     
  12. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไม่ทราบว่า เราไปพูดว่าฤทธิ์นั้นนำพาความหลุดพ้นแต่เมื่อใด??
    ช่วยยกมาหน่อย


    คุณถามเราว่า มีไข่จิ้งจกสามหาง จะเอาไหม?
    เราก็ไม่ขนาดจะเอาล่ะนะ แค่ถ่ายรูปไข่จิ้งจกสามหางของคุณมาให้ดูก็พอ
    เพราะคุณชอบพูดว่า ศีลเป็นเครื่องหมายของผลการปฏิบัติ

    คุณไปไกลแค่ไหน คุณก็ยกภัยเวรห้าประการมาให้ดูเองแล้วนี่นา
    น่าจะเข้าใจได้แต่แรกแล้ว ไม่ใช่ดิ้นมาเรื่อยๆ
    แบบนี้พระอริยะเขาไม่ทำกันหรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2014
  13. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    พระรัตนตรัย นี่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    พระสงฆ์เคยยกความหมายมาให้ดูแล้ว ว่าหมายถึงพระอริยะทั้งสี่

    และพระอริยะชั้นต้นแล้ว นี่ท่านเคารพพระรัตนตรัยเป็นสรณะแล้ว
    คุณไม่แปลกใจเหรอ ทำไมคุณประกาศตัวเองเป็นพระอริยะแต่ไม่เอาหลวงปู่หลวงตา ก็เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าหลวงปู่หลวงตาบางท่าน ระดับไหน
    เพราะคุณอยู่ใกล้ก็ไม่รู้ไม่เห็นพระอริยะหรอก เหมือนอาจารย์คุณนั่นแหละ

    แต่ทำไมหลายๆคนเข้าหาหลวงปู่หลวงตา เคารพสุดใจ ก็ดีไม่ดีนอกจากลูกศิษย์ที่ศรัทธาท่านแล้ว ก็ยังมีลูกศิษย์ที่เป็นพระอริยะชั้นต้นอยู่ด้วยละนะ ก็พระอริยะชั้นต้นนี่ล่ะที่มีญาณปัญญาแล้ว การอยู่ร่วมกับครูบาอาจารย์ก็น่าจะเห็นปฏิปทาของท่านได้ด้วยปัญญา หากไม่ถึงร้อย ก็ควรจะพอทราบอยู่ บางคนอยู่กับท่านปฏิบัติจนได้พระอริยะกันไป สายหลวงปู่มั่นนี่ลูกศิษย์ไม่ใช่ธรรมดาเยอะแยะ ไม่ใช่บางคนมาตีโพยตีพาย สอนไม่ตรงพระวจนะอย่างนั้นอย่างนี้...

    แต่คุณไม่สนใจเรื่องพวกนี้นิ เพราะเห็นพระเป็นที่ทำสังฆทานไป..

    กรรมในการปรามาสนี่ละ ปิดมรรคผลนะ
    เตือนแล้ว อย่ามัวหลงตนว่าเป็นพระอริยะอยู่เลย เพราะถ้าเป็นพระอริยะนี่ละ ควรจะทราบว่าหลวงปู่หลวงตาท่านใดน่ากราบมากกว่าคนทั่วๆไปด้วยซ้ำ

    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่เป็นพระรัตนตรัย..
    ไม่ใช่เก่งเป็นรองพระพุทธเจ้า อ้างพระวจนะ แล้วไม่เอาใครหน้าไหนกันล่ะ

    พูดธรรมะกันปาวๆ แต่ถูกกรรมปืดมรรคผลกันหรือเปล่า..
    ตายแล้วไปไหนไม่รู้นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2014
  14. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ Sriaraya5 ครับ ปฏิบัติมากน้อยไม่สำคัญ เท่ากับปฏิบัติถูกหรือไม่ครับ ผมเห็นผู้ใหญ่บางคนที่ผมรู้จัก บอกปฏิบัติมา 30-40 ปี ผมก็ได้แต่ยกมือไหว้สาธุการที่มีความเพียรมา แต่ก็สงสัยทำไมยังไม่ถึงมรรคถึงผลซะที ทั้งๆที่สติปัฏฐานสี่ พระพุทธเจ้าตรัสรับรองผลว่าไม่เกิน 7 ปี ต้องได้อรหัตผล หรือยังมีอุปปาทานอยู่ก็จะได้อนาคามี เพราะฉะนั้นผมว่า การปฏิบัติที่ถูกต้อง สำคัญมาก และการสอนคน เรื่องทิฐิ เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรามีความเห็นถูกตรงแล้ว ต้องไม่เอาทิฐิที่ไม่ใช่มาสอนอย่างที่ผมทักไปครับที่ว่า --- โลกมนุษย์นี้สวรรค์ท่านเป็นผู้กำหนด --- ผมฟังธรรมของพระอริยะทั้งหลาย ท่านไม่สอนอย่างนี้ครับ ผมทักท้วงให้คุณ Sriaraya5 พิจารณาดูครับ ขอบคุณครับ
     
  15. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ ปุณฑ์ ครับ อธิบายหน่อยครับใน #318 พระอริยะที่มีพระรัตนตรัย เป็นสรณะ นั้นเนื่องจาก เค้าเข้าไปเห็นความจริงและพิสูจน์แล้วครับว่า พระธรรมที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้เป็นจริง และธรรมทั้งหลายทำให้พ้นทุกข์ได้จริง คราวนี้ใครจะบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่มีจริง ก็จะไม่เชื่อ เพราะตัวเองได้พิสูจน์แล้วว่ามีพระธรรม จะต้องมีพระพุทธเจ้าประกาศธรรมไว้แน่นอน และเห็นแล้วว่ามีคนที่บรรลุธรรมไปก่อนหน้ามากมาย และเห็นสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน

    ส่วนพระอริยะนี่มองกันออกนะครับ ถ้ากรณีระดับเดียวกันมองกันชัดหน่อย ถ้าทราบปฏิทาและสิ่งที่เห็นขณะบรรลุธรรม มันจะระลึกสิ่งที่เกิดกับตัวเองได้ ข้อนี้ไม่ยากครับ แต่ถ้าเป็นปุถุชนจะไม่มีทางรู้ว่าวิสัยแห่งพระอริยะเป็นอย่างไร อาศัยการเดาบวกกับทิฐิของตัวเองล้วนๆครับ ส่วนพระอริยะขั้นต้นก็รู้นะครับว่าใครเป็นพระอริยะ แต่ถ้าเจอกับระดับสูงขึ้นไป ก็จะรู้เพียงว่า ท่านมีธรรมที่สูงกว่า แต่ไม่รู้ว่าอยู่ระดับไหน

    ส่วนอีกกรณีหนึ่ง คือ พุทธวจน ที่มีการรณรงค์กันตอนนี้ ต้องทำความเข้าใจครับว่าคนยุคเราจะปฏิบัติธรรมกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าหาพระ เพื่อเรียนกรรมฐาน แต่อาศัยการอ่านหนังสือ การเปิดอินเตอร์เน็ตกัน คราวนี้จะรู้ได้ไงครับว่าคำสอนไหนจริง คำสอนไหนไม่จริง พอเอาไปปฏิบัติก็ปฏิบัติกันแบบผิดๆถูกๆ แต่พอมีการนำพุทธวจนมาเผยแผ่ ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติถ้าหน้าเก่าหน้าใหมใม่กลับไปสู่ทางที่เป็นแก่น เหมือนกับได้ยินได้ฟังต่อหน้าพระพักตร์เลย จริงๆต้องยกมือขึ้นสาธุการด้วยซ้ำนะครับ ที่พระอาจารย์คึกฤิทธิ์ นำพุทธวจนะออกมารณรงค์ ผมเชื่อว่าจะมีคนอีกมากที่นำเอาคำพระพุทธเจ้า ไปปฏิบัติและเกิดมรรคผลขึ้น และต้องเข้าใจว่าขั้นตอนการรณรงค์ ต้อง เน้นที่จุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวครับ ไม่มีสอง คือคัดมาเฉพาะแก่นเท่านั้น คุณ ปุณฑ์ เห็นด้วยหรือไม่ครับ
     
  16. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณอุดรเทวะ ผมได้ไปงานบวชลูกผู้น้องที่วัดม่วงไข่
    วัดที่หลวงปู่ชอบท่านไปสร้าง เวลานี้อาจารย์ขันตรี
    ท่านเป็นเจ้าอาวาส
    พระอินทร์ได้เข้ามาหาผมในที่พักขณะที่ผม
    พักหลับในสมาธิ พระอินทร์ได้กล่าวกับผมว่า
    รู้แล้วว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว รู้แล้วว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว รู้แล้วว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว กล่าวอย่างนี้อยู่ สามครั้ง จากนั้นผมก็เล่าให้
    หลวงพ่อโคสโกท่านทราบ ว่าพระอินทร์ท่านมาแจ้งเรื่องแบบนี้กับผม ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่อ ผมก็เลือกคนที่ผมจะเล่าธรรมภายในให้ท่านฟัง
     
  17. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ Sriaraya5 ครับผมว่านิมิตรที่เห็นไม่สำคัญครับ ผมสำคัญว่าธรรมที่ออกมา ปฏิปทาที่ออกมา ทิฐิที่ออกมา เป็นอย่างไรครับ ผมขอถามคุณ Sriaraya5 ได้ไหมครับ ถึงปฏิปทา ที่ปฏิบัติมาเป็นอย่างไรครับ แล้วได้บรรลุด้วยการเห็นอะไร เป็นอย่างไร ขอบคุณครับ
     
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไม่ค่อยทราบวงในนะ
    แต่คงเป็นประเด็นการตีความพระวจนะด้วย ซึ่งทางท่านคึกฤทธิ์อ้างฉบับสยามรัฐอะไรแบบนั้น...
    ก็คงตีความไม่เหมือนกันด้วย..ในเรื่องพระวินัยสงฆ์ การสวดปาติโมกข์ และอื่นๆ..ไม่รู้อีกมากมายไหม.. พอดีเขามาคุยกันในกระทู้ที่ตั้งมาพอดี..(อะไรจะปานนั้น..)
    ลองค้นตามกูเกิ้ลถึงเรื่องที่เป็นประเด็นกัน หรือแค่อ่านกระทู้ที่ตั้งนี้ ก็ยาวมาก..
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C.482459/

    อันนี้ไปลองค้นมาในกรณีที่มีความคิดเห็น
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต (พระพรหมคุณาภรณ์) ชี้แจงเรื่องการแปลพระไตรปิฎก ในกรณีที่พระคึกฤทธิ์ พาพระในวัดนาป่าพง สวดปาฏิโมกข์เพียง ๑๕๐ ข้อ
    http://www.thammasatu.net/forum/index.php?topic=11325.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2014
  19. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ ปุณฑ์ ครับ พุทธวจน ถูกทำให้แพร่หลายขึ้น เราต้องยกความดีนี้ให้ พระอาจารย์คึกฤทธิ์และทีมงาน และผมมองว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ให้คนในยุคเราและรุ่นต่อๆจากเราจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ได้เจอหลักคำสอนที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ส่วนเรื่องการตีความของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ นั้นเป็นอีกเรื่องนึงครับ ท่านตีความถูกผิด ไปบ้าง ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คำสาวก ไม่สามารถนำมาเป็นหลักได้ ที่ผมเห็นว่าท่านตีความผิด ก็มีเรื่องโสดาบัน ที่ไปเอาผลคือความสมบูรณ์ศีล5 กับความหยั่งลงมั่นในพระรัตนตรัย มาปฏิบัติ ซึ่งจริงๆต้องทำมรรคแปด จนตัดสังโยชน์แล้วผลจะเป็นเอง ยังมีการตีความผิดบางส่วน แต่เราต้องมองภาพรวม ไม่มอง เป็นส่วนๆ ส่วนหลวงปู่หลวงตาที่เป็นพระอริยะทั้งหลาย ถ้ามีความแยบคายก็จะเห็นว่า แนวทางที่หลวงปู่หลวงตาสอนนั้น ถูกต้องตรงธรรม แต่ก่อนจะไปถึงคำสอนหลวงปู่หลวงตา คนใหม่ต้องไปที่แก่นก่อน จะได้ไม่ตีความคำสอนของหลวงปู่หลวงตา ตามทิฐิของตน หรือแค่ที่ตนสนใจ การปฏิบัติมันไม่ก้าวไปไหน เพราะไปสำคัญรายละเอียดยิบย่อย จนลืมแกนหลักว่าทำเพื่อ.... ผมยังเห็นว่าบางคนบอกว่าต้องนั่งท่านี้นะ ท่าอื่นไม่ได้ ต้องบริกรรมอย่างนี้ อย่างอื่นไม่ได้ จนสำคัญว่าที่กระทำอยู่มันสำคัญ แต่ไม่รู้ว่าที่เราทำอยู่ทำเพื่ออะไร กลายเป็นเน้นวิธีการแล้ว มานั่งเถียงกันว่าที่นั่นถูกที่นี่ผิด แต่ถ้ากลับไปหาแกนหลักคือคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วจะเห็นด้วยตัวเองครับ ว่าที่หลวงปู่ท่านสอนก็ใช่ ที่หลวงตาท่านสอนก็ใช่ เพราะท่านสอนไปในทางเดียวกัน คือไม่พ้นไปจากมรรคแปดเหมือนกันหมด ผมอธิบายประมาณนี้ครับ คุณ ปุณฑ์ เห็นตรงกันไหมครับ
     
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    นี่ก็คงเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากอยู่
    บางที ..คนชอบลงมือทำเลยก็อย่างหนึ่ง ...คนชอบปริยัติก็อย่างหนึ่ง

    ถ้าท่านคึกฤทธิ์ไม่อยู่ในยุคสื่อสารแบบนี้ ก็อาจไม่เป็นกระแสรวดเร็วอย่างนี้ก็ได้

    ส่วนทางปริยัตินั้น... ก็อาจมีพระหลายท่านที่ทำการศึกษาอยู่ เราอาจไม่รู้จักก็ได้
    แต่ที่เราคุ้นเคย ท่านพุทธทาส ก็เน้น พระธรรมจากพระโอษฐ์
    ท่านประยุทธ์ ปยุตโต ก็พัฒนาจากหนังสือพุทธธรรม มาเป็นเว็บ 84000 พระธรรมขันธ์ ที่ให้ประโยชน์กับนักท่องเว็บมากมาย
    มีพระอริยะของจริง(หลายๆท่าน) ที่เน้น พระไตรปิฏกมาตลอด ไม่มีใครทิ้งพระไตรปิฏก..

    กี่เล่มๆ ก็มีตามวัด อยู่นะ จะสนใจกันหรือเปล่า? เท่านั้นเอง

    ส่วนคำสอน ถ้าเป็นของจริง ก็คงไม่พ้น สติปัฏฐานสี่ อริยมรรคองค์แปด ศีล สมาธิ ปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...