เก็บไว้ให้คิด...คนเล่นวิชชาต่ำ

วิธีแขวนวัตถุมงคลและข้อห้ามต่างๆ

วัตถุมงคลจะเป็นตะกรุดก็ดี เบี้ยแก้ก็ดีหรือพระเครื่องของเกจิต่างๆนั้น เมื่อไรที่เราจะนำมาแขวนหรือพกติดตัวนั้นจะต้องมีการอาราธนาอยู่เสมอ เพื่อให้พระพุทธคุณคุ้มครองเราอยู่ตลอดเวลาและยังเป็นพุทธานุสติอีกต่างหากเมื่อตายไปอย่างน้อยๆเลยถ้าเราอาราธนาพระทุกวันก่อนติดตัวและก่อนนอนนั้น เมื่อเราหมดอายุขัยไปแล้วจะได้ไปชั้นยามาฯเป็นอย่างน้อยนะ และที่เห็นเป็นข่าวกันอยู่ทุกวันทั้งๆที่ตัวเองก็มีวัตถุมงคลดีๆหลายอย่างติดตัวแต่ก็ตายไม่แคล้วคลาดดังคำร่ำลือก็เพราะว่าบุคคลผู้นั้นอาจจะหมดอายุขัยจริงๆ แต่ถ้าไม่หมดอายุขัยก็อาจจะเป็นเพราะว่าบุคคลผู้นั้นประพฤติไม่เหมาะสมในการแขวนวัตถุมงคล
ข้อห้ามหลักๆของวัตถุมงคลทุกชนิด
1 ห้ามด่าพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ของเราและของคนอื่นเด็ดขาดหรือแม้กระทั่งคำอุทานว่า "แม่ง" ก็ห้าม
2 ห้ามสวมวัตถุมงคลนั้นดื่มเหล้าเบียร์เด็ดขาด
3 ห้ามสวมวัตถุมงคลนั้นเข้าสถานที่อโคจรเด็ดขาด เช่น ร้านเหล้า อาบอบนวด สถานบริการทางเพศต่างๆ ห้ามเด็ดขาดเลย
4 ห้ามใส่วัตถุมงคลนั้นมีเพศสัมพันธ์โดยเด็ดขาด
ถ้าทำได้ตามสี่ข้อที่กล่าวมานั้น คำว่าตายโหง จะไม่เกิดขึ้นกับบุคคลผู้นั้นเลย

ส่วนที่ว่าห้ามใส่พระรอดราวตากผ้านั้น พระที่มีจะเสื่อมอันนั้นไม่จริงหรอก พระท่านไม่ถือหรอกเป็นเพียงกุศโลบายของอาจารย์ผู้ปลุกเสกเพียงเท่านั้นเป็นการทดสอบไม่ให้เราประมาทและใจเร็วเท่านั้นเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องรอดก็อย่าไปคิดมาก ตัวเรายังสกปรกกว่าราวตากผ้าตั้งเยอะพระท่านยังไม่ถือเลย

 

ขอบคุณครับ ถ้าเป็นเครื่องราง หรือไม่ใช่พระแต่เป็นเทพ(ท้าวเวสสุวรรณ) ข้อ 2 นี้ก็ไม่ได้ใช่ไมครับ? ถ้าต้องตื่ม ถอดออกจากคอและ ใส่ในกระเป๋าเสื้อได้ไมครับ?

 

ใช่ครับ แต่ถ้าเป็นพรายก็แขวนกินได้ แต่ถ้าเป็นพระกับเทพเอาไว้ในรถหรือในกระเป๋าทำงานดีกว่าครับอย่าให้ติดตัวเราเลย

 

รับทราบและขอบคุณครับ
บางทีไม่ค่อยสะดวกครับก็เลยใส่ในกระเป๋าเสื้อ ครั้งหน้าถ้ารู้ว่าต้องตื่มก็จะไม่แขวนออกจากบ้านดีกว่าครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

ผมจะสามารถฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยได้ไหมครับ

 

ประกาศ…ครอบเศียรพระลักษณ์ จันทร์ซ้อนจันทร์

ในวันที่ 6,7,8 กันยายน 2557 นี้ หลวงพ่ออั้น อภิปาลโล วัดธรรมโฆษก ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์(เตโชกสิณ)ของผมจะมาทำพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์และครอบเศียรพระลักษณ์หน้าทอง จันทร์ซ้อนจันทร์ ณ ศาลาพระกริ่ง วัดสุทัศน์

กำหนดการ : พิธีเริ่มประมาณ 9.00 น. โดยครูบาอาจารย์จะทำพิธีบวงสรวงไหว้ครู โดยในปีนี้จะจัดทำพิธีใหญ่เพื่อกราบไว้ครูบาอาจารย์ทั้งหมด 12 องค์ ดังนี้ ลป.หมุน วัดบ้านจาน, ลป.กาหลง วัดเขาแหลม, ลป.แดง ลป.บัว วัดทัพหลวง, ลป.ทอง ลป.น่วม วัดโพธิ์ศรีเจริญ, ลป.พา อธิวโร ลป.อั้น วัดธรรมโฆษก, ลพ.สวาท พระอ.นพวรรณ วัดเสนานิมิตร อยุธยา, ลพ.เผือด ลพ.บุญ วชิรปัญโญ วัดเทพสถิต กาญจนบุรี

ผู้ที่จะร่วมพิธีควรใส่เสื้อขาว เปิดให้รับบัตรคิวตั้งแต่ 6.00 น. ค่าบูชาครูคนละ 400 บาท ปัจจัยดังกล่าวถวายครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบไป

พิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมของที่มีในตัวให้ดียิ่งๆขึ้นไปและยังช่วยปัดเป่าเสนียดจัญไรทั้งหลายที่ติดตัวมาโดยไม่รู้ตัว ถูกกระทำย่ำยีจากอวิชชาทั้งหลาย ต้องธรณีสารต่างๆ ผิดครู ควรมายิ่งนัก อีกทั้งยังช่วยให้ชีวิตของทุกท่านเจริญรุ่งเรืองทั้งหน้าที่การงาน การเงิน การทอง หมดหนี้หมดสินภายในเร็ววันเร็วคืน



ประวัติหลวงพ่ออั้น อภิปาโล วัดธรรมโฆษก
หลวงพ่ออั้น เกิดในสกุล โพธิพิทักษ์ เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2476 ณ บ้านดอนฉนวน ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ในช่วงวัยเยาว์ หลังจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนท่าเรือนุกูล อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2492 แล้ว พ.ต.ต.ตุ๊ วงศ์อุทัย ซึ่งเป็นโยมลุง ได้พาท่านไปสมัครเป็นตำรวจที่วังปารุสกวัน กรมตำรวจในสมัยนั้น ท่านรับราชการได้ 4 ปี และเคยร่วมงานกับ พล.ต.ต.ขุนพันธ รักษ์ราชเดช มีผลงานด้านการปราบปรามดีเด่น จนได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท ต่อมาได้ลาออกจากการรับราชการตำรวจ ในช่วงอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เพราะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร เป็นทหารเกณฑ์ที่ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ นานปีครึ่ง เมื่อท่านพ้นจากรั้วทหาร เริ่มเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงเข้าพิธีอุปสมบท เป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ณ พัทธสีมาวัดหัวเมือง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยมีพระครูอุปการโกวิท (หลวงพ่อแอ๋ว) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์ออม สุขาโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์ฟื้น ฐานวุฑโฒ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา อภิปาโล หมายความว่า ผู้รักษาที่ยิ่งใหญ่

เมื่ออุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัดแจ้ง อ.หนองฉาง ได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ
พ.ศ. 2506 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรม วัดหนองขุนชาติ อ.หนองฉาง
พ.ศ. 2508 ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดธรรมโฆษก อ.เมือง จ.อุทัยธานี ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักศาสนศึกษาวัดธรรมโฆษก และเป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวง อ.เมืองอุทัยธานี
พ.ศ. 2520 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก (โรงโค) และเป็นพระกรรมวาจาจารย์, เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดธรรมโฆษก และเป็นกรรมการออกตรวจเยี่ยมสนามสอบธรรมสนามหลวง
พ.ศ. 2533 เป็นเจ้าคณะตำบลน้ำซึม-ท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

สำหรับลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ. 2523 เป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมที่พระครูอุทิตธรรมสาร อดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี
พ.ศ. 2524 เป็นฐานานุกรมที่ พระปลัดของพระครูอุทิตธรรมสาร
พ.ศ. 2526 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรีที่ พระครูอุทัยธรรมสาร
พ.ศ.2531 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม


ย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งหลวงพ่ออั้น เป็นฆราวาส อายุ 11 ขวบ ได้มีโอกาสเดินธุดงควัตรกับหลวงพ่อครูบาศรีวิชัย จากเขาฆ้องชัย อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จนถึง จ.ลำพูน รวมเวลา 3 เดือนเศษ พร้อมศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมกับท่านด้วย และช่วงที่รับราชการตำรวจ ได้ใช้เวลาว่างเรียนวิชาโหราศาสตร์ กับหม่อมหลวงขาบ กุญชร และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อยู่ ญาโณ ทยมหาเถร) วัดสระเกศ พ.ศ. 2501 ได้ ศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร จ.พิจิตร จนกระทั่ง พ.ศ. 2520 พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (ทุ่งแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระเถราจารย์ผู้เข้มขลังวิทยาคม ศิษย์เอกสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชา พร้อมกับนำตำราหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี, ตำราหลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง และตำราหลวงพ่อพูน วัดหนองตางู มาถ่ายทอดเพิ่มเติมอีกด้วย หลวงพ่ออั้น เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับหลวงปู่ตี๋ ญาณ โสภโณ วัดหลวงราชาวาส เกจิดังในอดีต ได้รับกิจนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวัดต่าง ๆ มาโดยตลอด นอกจากกิจนิมนต์ในจังหวัดอุทัยธานีแล้ว ยังได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่จังหวัดภาคใต้ วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประจำ
วัตถุมงคลหลวงปู่อั้น ของท่านที่จัดสร้างขึ้น ล้วนแต่ได้รับความนิยม เพราะเชื่อกันว่ามีพุทธคุณครบถ้วนทั้งด้านเมตตามหานิยม คงกระพัน และค้าขาย อาทิ ตะกรุดเมตตา, ตะกรุดสาริกา, ตะกรุดสังวาย์พิรุณกำบัง, รูปหล่อลอยองค์รุ่นแรก, ล็อกเกตรุ่นแรก, พระสมเด็จมหาโภคทรัพย์, ตะกรุดพิสมร, พระกริ่งวิรุฬห์จำบัง, พญาครุฑเจ้าทรัพย์, พาลีรั้งทวีป, ถุงยันต์มหาเศรษฐี และเหรียญหล่อหนุมานแผลงฤทธิ์แปดกรนำทัพ เป็นต้น หลวงปู่อั้น ผู้สำเร็จธาตุกสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ ตำรับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นพระเถระอาจารย์ผู้บำเพ็ญทานมหาบารมีสืบสานมหาเวทย์ “พิรุณกำบัง” และ “เทพรัญจวน” สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เคยเป็นศิษย์ก้นกุฏิรับใช้ใต้รอยบาทพระอริยะเจ้าเมืองเหนือ ครูบาศรีวิชัย ติดตามธุดงค์ไปทางภาคเหนือหลายปีในวัยเยาว์ ท่านเคยรับราชการตำรวจ ได้เคยร่วมกันในการปราบปรามเสือร้ายกับ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ยอดมือปราบหนังเหนียว ก่อนจะเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก มาอุปสมบทในปี พ.ศ. 2498

หลวงปู่อั้นท่านร่ำเรียนมหาเวทย์พุทธาคมสายหลวงปู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากท่านเจ้าคุณพุฒ (พระราชอุทัยกวี) จังหวัดอุทัยธานี และร่ำเรียนวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ อาทิ ครูบาศรีวิชัย เชียงใหม่ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อจันทารา ชัยนาท หลวงปู่พลอย วัดห้วยขานาง อุทัยธานี ซึ่งเก่งทางเล่นแร่แปรธาตุ และตะกรุดโทนเข้มขลัง หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี อุทัยธานี พระเรืองเวทย์ด้านเมตตามหานิยมและวิชาตำรับจักรพรรดิพุทธคุณครบเครื่อง หลวงปู่เคลือบ วัดหนองกระดี่ หลวงพ่อพูน วัดหนองตางู อุทัยธานี พระผู้โด่งดังด้วยการใช้พลังจิตผสานกับสมุนไพรสยบความเจ็บป่วยให้หายได้ อย่างอัศจรรย์ และท่านยังเป็นสหธรรมิกร่วมสำนักกับหลวงปู่ตี๋ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวง เจ้าตำรับเสืออาคมสยบลูกปืน อันโด่งดังทั่วประเทศ

วัตถุมงคล “พิรุณกำบัง” ของหลวงพ่อกำลังเป็นที่แสวงหาในหมู่คนรู้จริงเรื่องพุทธคุณ เพราะพุทธคุณแรงมากจนไม่น่าเชื่อว่ายังมีพระเกจิอาจารย์ที่มีพลังจิตกล้า แกร่ง เข้มขลังสามารถประจุพุทธคุณให้ศักดิ์สิทธิ์เสมือนพระเกจิยุคก่อนได้ ซึ่งวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้แก่ ตะกรุดสังวาย์พิรุณกำบัง พระกริ่งพิรุณกำบัง ฯลฯ จากประสบการณ์ของนายทหารท่านหนึ่งซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เล่าว่า ขณะกำลังลาดตระเวนได้เดินไปเหยียบกับระเบิด แต่รอดพ้นมาได้โดยไม่ได้รับอันตราย ซึ่งเขาเชื่อว่าที่รอดมาได้ เพราะบูชาพระกริ่งพิรุณกำบังและตะกรุดสังวาย์พิรุณกำบังติดตัว ขณะที่ลูกน้องโดนกับระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส.

 

ปล่อย…สีผึ้งอมนุษย์ 2 ตลับเท่านั้น

สีผึ้งอมนุษย์ หลวงพี่โบลี วัดสว่างไสว สุรินทร์

เป็นการรวม สีผึ้งสายพรายเขมร น้ำมันพราย เถ้ากระดูก กระดูก และวัตถุ อาถรรพ์ จากหลายๆที่ มารวมกัน แล้วนำมาผสมในสีผึ้งหัวเชื้อเข้มข้น ของปู่เปล่ง และที่สำคัญสุดๆคือสีผึ้ง ของอ.สยาก๊วย (ฆารวาสสายพม่า) สีผึ้งของหลวงตาชื่นวัดตาอี ทั้ง 12 ชนิด และผงพราย จาก อ.ซาอึ่ง ผงพรายตายวันเสาร์เผาวันอังคาร ของ อ.สายเขมร โดยมีการนำขี้ผึ้งเข้าไปผสมในสัดส่วนที่น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดสภาพสีผึ้งที่แท้ๆ และเข้มข้นที่สุดในสายอมนุษย์ โดยเข้าเสกในพิธี ราหูดำ เป็นพิธีสุดท้าย จาก 7 พิธี นับแต่อดีตมา...

.....ด้านบน ลงผงพรายสายปู่เปล่ง ที่บดจากพราย 59 ตน ฝังชิ้นอาถรรพ์ หยดเทียนพิธี ชัยวรมัน ของชมรมพระเครื่องนางรอง และผงพรายสายเขมรแท้ๆ ที่ตกทอดมาตามสายขันต์ครูเขมร ....
โดยในพิธีดังกล่าว ผู้สร้างและผู้เสกต้องเสกอัดลงในพิธีวิชาอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนสุดท้ายต้องให้ ผู้สร้างสายฆารวาสเสกปิดจนน้ำกามเคลื่อน จึงเป็นอันเสร็จพิธีครับ

ดังนั้น การบูชาสีผึ้งอมนุษย์ต้องใช้ในกลุ่มของสายพรายจริงๆและเข้าถึง เข้มข้น ไม่แนะนำให้ แก่ผู้ที่ไม่เล่นสายพรายโดยเด็ดขาด
......
จำนวนการจัดสร้างเพียง 59 ตลับ
ที่จัดสร้างตามจำนวนนี้ เพราะ มวลสารทั้งหมดทำได้เพียงเท่านี้ และเป็นการบูชาพรายครูทั้งหมดในสายเขมรครับ

วิธีใช้ การเลี้ยงดูและราคาเช่า สอบถามในข้อความได้เลย

 

ผมมีถุงยันต์มหาเศรษฐี ของหลวงปู่อั้นครับ คุณประพนมีวิธีบูชาบ้างไหมครับ

 

เอาไว้ใส่เงินใส่ของมีค่าดีเลยครับ วิธีบูชาไม่ยากครับปฏิบัติดีให้อยู่ในศีลในธรรมเป็นพอครับ

 

อ่านจบรอบที่ 2ครับ
ถามสักหน่อย พอดีมีเพื่อนบางคนที่เขาบอกเขาสวดมนต์ไม่ได้ เวลาสวดมนต์ จะมีอาการเหมือนเป็นหวัดภูมิแพ้น้ำมูกน้ำตาไหล 1 คน แต่นั่งสมาธิได้บ้าง
อีกคนหนึ่งถ้าสวดมนต์คืนนั้นจะนอนไม่ได้หงุดหงิดโวยวาย หาเรื่องคนในบ้าน แต่ไปไหว้พระทำบุญได้

มันเกิดจากอะไรครับ เรามีวิธีแนะนำช่วยเหลือเขาไหมครับ เบื้องต้น

 

ลองบอกให้เขาทำตามนี้ดูนะ ก่อนที่จะสวดมนต์ให้ บอกว่า " ขอให้พวกท่านทั้งหลายที่อยู่ข้างๆข้าพเจ้าก็ดีหรืออยู่ในบ้านก็ดีขอให้ออกไปก่อน เมื่อข้าพเจ้าสวดมนต์เสร็จให้เข้ามาใหม่ ณ สถานที่เดิม" บางทีอาจจะเป็นพวกที่เขาเอาเข้ามาบ้านโดยไม่รู้ตัว ถ้าทำแบบนี้แล้วยังมีอาการเดิมอยู่มันคือ กิเลสมาร อันนี้ต้องใช้ลูกบ้าสู้กับมัน ไปยอมมันมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้ามีอาการปุ๊ปให้หยุดสวดแล้วภาวนาในใจไปเลย "ตายให้มันตายๆเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" สี่ห้าเดือนเดี๋ยวก็หาย

 

ขอบคุณครับ
ถ้าผมไปบอกเขาแบบนี้ ผมจะโดนเล่นงานแทนไหมครับ:'(

 

บอกในสิ่งดีๆให้เขาได้บุญ ถ้ามันจะเล่นก็ให้เล่นไปเถอะ อย่ากลัวไป

 

การครอบเศียรและการรับขันธ์

วันนี้เห็นผู้หมวดทัพฟ้า สงสัยในเรื่องนี้ก็เลยอยากมาบอกให้หายสงสัยกันทุกคน

การครอบเศียรคือ การให้ความสิริมงคลแก่ตัวผู้ครอบในทุกๆด้าน เพราะมีครูคอยคุ้มครองไปไหนมีแต่ความสำเร็จ ผู้คนให้ความช่วยเหลือ ไม่มีข้อเสียแต่อย่างใด

ส่วนการรับขันธ์นั้นเป็นเหมือนกับข้อตกลงเทพกับมนุษย์แต่จริงๆแล้วส่วนใหญ่จะเป็นอสูรหรือผีมากกว่า การรับขันธ์เหมือนกับเราต้องเป็นบริวารเขาถ้าไม่ทำตามหรือผิดข้อตกลงต่างๆจะถูกเขาเล่นงานจนถึงชีวิตได้ "ขันธ์ของเราก็หนักพออยู่แล้วไปรับขันธ์คนอื่นมากอีกชีวิตก็แย่ลงไปอีก"

ไอเรื่องมีองค์ทุกคนก็มีองค์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ต้องไปสนใจใครเขาจะทักยังไง มีองค์ธรรมะกับขันธ์ห้าของเราก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปแบกขันธ์ของคนอื่นให้หนักเสียเปล่าๆ

 

สวัสดีครับพี่ประพน
ผมขออนุญาต เข้ามาศึกษา และขอคัดลอก คาถาท่านอินทร์ ไปใช้นะครับ ขอบคุณมากครับ. จากที่ได้อ่านมาตั้งแต่ต้น ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มากมาย จริงๆครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

เรื่อง…เมื่อทำบุญไปแล้วจะเอาเงินคืน

วันนี้อยากจะเล่าเกี่ยวกับเงินทำบุญ เพราะพบเจอกับตัวก็อยากให้ทุกๆคนพึงระวังไว้และอย่าทำเป็นอันขาด

เมื่อใดก็ตามที่เราได้ทำบุญไปแล้วหรือเอาเงินของผู้อื่นที่เขาให้เราแล้วไปทำบุญ และเจ้าของผู้นั้นจะเอาเงินคืนถึงแม้รู้ว่าเราเอาไปทำบุญแล้ว เป็นบาปไหม?

ตอบ…เมื่อผู้ใดเอาเงินทำบุญคืนเมื่อทำบุญไปแล้ว หรือให้คนอื่นไปแล้วคนผู้นั้นเอาไปทำบุญแต่มาภายหลังจะเอาเงินคืนก็ตาม มีอเวจีมหานรกเป็นที่ไปสถานเดียว แต่เมื่อยังไม่ถึงอายุขัยบุคคลผู้นั้นจะต้องมีปัญหาติดขัดเรื่องเงินทองไปตลอดชีวิต หนี้สินจะรุมเร้า ทำมาหากินไม่ขึ้น ไปตลอดสิ้นอายุขัย

 

ลุงประพนครับ คือว่าผมชอบฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีๆอะครับ จากรายการเดอะช็อคตอนดึกๆและชอบฟังบ่อยมากด้วย ผมเนี่ยชอบคิดเกี่ยวกับเรื่องภูติผีตลอดเลยบางครั้งตอนเรียนหนังสือก็นึกถึงเรื่องที่ฟังมาจากเดอะช็อค อยากถามว่าคิดเป็นนี้บ่อยๆจะเป็นไรไหมครับ

 

เป็นสิครับ อย่าไปคิดถึงมันมากเดี๋ยวพอใกล้ตาย จิตสุดท้ายดันไปคิดถึงเรื่องผีๆ นี่ยุ่งเลยนะต้องไปอยู่กับเขาเป็นบริวารเขา เอาเป็นนึกถึงผีมานึกถึงบุญดีกว่าทบทวนดูว่าเราทำบุญอะไรไว้มั่งแบบนี้ดีกว่ากันเยอะ

 

เพิ่งมาเจอกระทู้นี้เมื่อวานค่ะ อ่านรวดเดียวถึงหน้า 30 ตอนนี้อยู่หน้า 37 แล้วค่ะ(ครึ่งทาง)
ขอมาแวะทักทายให้กำลังใจคุณประพนด้วยคนนะคะ
และแอบมีปรึกษานิดหน่อยด้วยค่ะ ^^

 

มีวิธีที่ทำให้นึกถึงอย่างอื่นแทนบ้างไหมครับลุงประพน