ขอถามท่านที่ได้ฌานน่ะ ทำไมเวลามีไรกับแฟน.....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nataphat, 13 ตุลาคม 2014.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ฆราวาสเป็นพระโสดาบัน โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ผู้ถาม: “กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่าสูง ลูกสงสัยว่า ถ้าฆราวาสที่มีจิตเข้าถึงพระโสดาบันแล้ว เวลาประสบสิ่งที่ทำให้ไม่สบายเช่นเรื่องเกี่ยวกับการทำมาหากิน การกระทบอารมณ์ต่างๆ อยากทราบว่า อารมณ์เขาตอนนั้นจะเป็นอย่างไรเจ้าคะ?”

    หลวงพ่อ: “พระโสดาบันก็มีอารมณ์คล้ายคลึงกับคนธรรมดา ยังมีความรักในระหว่างเพศ ยังต้องการความร่ำรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในขอบเขตของศีล ฉะนั้นความสะเทือนใจย่อมมี แต่ว่าพระโสดาบันไม่ละเมิดศีล ไม่ผิดกาเม ความต้องการรวยยังมีแต่ว่าไม่โกงใคร ไม่ละเมิดศีล โกรธได้แต่ไม่ฆ่าใคร หลงในชีวิตแต่ไม่คิดว่าร่างกายจะไม่ตาย ขอบเขตเขามีแค่นั้นนะ จะไปนึกว่าโสดาบันเขาไม่มีความรู้สึกไม่ได้ ถือว่าชาวบ้านชั้นดี”

    ที่มา : หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑๐ หน้า ๑๒๓-๑๒๔

    ฆราวาสเป็นพระโสดาบัน โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
     
  2. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +2,077
    คุณภานุเดช ยกตัวอย่างธรรมะสำหรับชาวบ้านอย่างเราได้ดีแล้วครับ:cool:

    ผมขอแนะนำคุณผู้ตั้งกระทู้นะ ล้มเลิกความคิดอยากได้เรื่องเหาะเหินเดิน
    อากาศไว้ซะก่อน แล้วมาตั้งหน้าปฏิบัติตามคุณสมบัติของความเป็นพระ
    โสดาบันดีกว่า อันนี้ได้ประโยชน์มากกว่าเยอะเลย

    ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดๆเลยคือ

    1 มีความสุขใจมากขึ้นกว่าคนธรรมดาบ้านๆแน่ เพราะมีศีลคุมการประพฤติแล้ว
    อยู่ที่ไหนใจก็เป็นสุขในศีลบริสุทธิ์ตลอดไปไม่มีลืมอีก

    2 ไม่ตกนรกอีกแล้ว สบายใจไปเลยเพราะศีลเราไม่มีวันขาดแล้วนี่

    3 มีทางเดินซุปเปอร์ไฮเวร์มุ่งตรงไปพระนิพพานแดนอมตะของความสุขโดยไม่
    ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป อย่างเก่งแค่7ชาติ

    ถ้าได้เป็นพระโสดาบันแล้ว หากมีของเก่าติดตัวมามาก ทีนี้ไปไหนมาไหนได้
    สบายๆเลย เห็นโน่นเห็นนี่ในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ เห็นถึงพระนิพพานเลย
    เพราะเป็นพระอริยเจ้าไม่ใช่เป็นผู้ทรงฌานโลกีอีกแล้ว นี่ดีกว่ามากเลยนะ ยิง
    นัดเดียวได้นกสองตัวเลยคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ดังนั้นยังพอมีเวลาเหลือเพื่อปฏิบัติให้
    สำเร็จเป็นพระโสดาบัน อย่างน้อยที่สุดชาตินี้ขอให้รักษาศีล5 ให้บริสุทธิ์
    ผุดผ่องเป็นยองใยก่อนเลยนะ ดีกว่ามามุ่งตั้งหน้าทำแต่ฌานอย่างเดียว แต่ศีล
    ไม่บริสุทธิ์นี่แย่เหมือนกันนะ หวังดีนะหวังดีี
     
  3. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ไม่ได้บอกว่าอยากได้คับ บอกว่าไม่อยากให้เสื่อมเมื่ออยู่กับโลก เช่นการครองเรือน มีวิธีไหมแค่นั้น ทีบอกว่าต้องใช้เวลาสะสมตบะนานนี้คือหลักหลายๆวันต้องนั่งดูใจตลอดกลางวันกลางคืน นอนดู มันใช้เวลามาก ข้าวปลาก็ต้องอดๆเอาไม่ให้กามขึ้นลำบากตรงนี้
     
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ความดีที่เคยทำมา ทิ้งไม่ได้หรอกครับ ความดีมันอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ความคิด
    ถ้าคิดว่าเสื่อมาจากฌานคือเสื่อมจากความดี นั่นไม่ใช่แล้ว
    ฌาน ไม่ใช่ความดีครับ มหาโจรก็เข้าฌานได้
    คนเล่นของ ยาสเน่ น้ำมันพราย พวกนี้มีฌาน แต่ไม่มีความดีนะ เพราะเรื่องดังกล่าวคนดีทำไม่ได้ มันเป็นบาป

    หน้าที่เลี้ยงเมียลูก ก็ทำไป อยากทำสมาธิเข้าฌานก็ทำไป แต่ไม่ต้องคาดหวังจะเข้าฌานนัก ถ้าเป้าหมายไม่ใช่นิพพาน อยากเสพเมถุนก็เสพไป แต่ถ้าอยากจะพ้นทุกข์ นิพพาน ก็ต้องว่างจากกาม

    ปล. เตือนไว้อย่าง ฌาน อยากได้ต้องมั่นคงแน่วแน่ อย่าไปรับขันธ์เป็นทาสผีเชียว อันนั้นถึงจะรู้มาก แต่ก็ไม่ใช่ฌาน ผีหลอกคนให้สำคัญผิดคิดว่าฌานมานักต่อนักแล้ว
     
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    โลกียฌานย่อมเสื่อม โลกตรฌานเท่านั้นที่ไม่เสื่อม
     
  6. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ตบะนั้น ต่อให้ไม่มีเมีย ไม่ได้ครองเรือน ก็ย่อมต้องใช้เวลาสะสมนานอยู่แล้วครับ
    ไม่ใช่เป็นเดือนหรือเป็นปี สองปีนะ ต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปี
    แล้วการอดข้าว ก็ไม่ได้ช่วยให้กามมันลด หรือระงับกามได้เลย
    คนมีเมีย กามกำเริบได้มาก
    คนไม่มีเมีย กามก็กำเริบได้อยู่ดี
    ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า
     
  7. takun

    takun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +54
    ตอบให้ตรงคำถามของเจ้าของกระทู้ ก็ต้องบอกว่าการครองเรือน มีคู่ครองและการสมสู่กับคู่ครอง หรือการสมสู่กับใครอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองก็ตามที กับการครองฌานนั้น สามารถทำไปควบคู่กันได้ แต่เรื่องฌาน ต้องหมั่นเจริญให้ได้เป็นวสีเอาไว้นะครับ

    ขณะทำการสมสู่ ช่วยตัวเองและมีอกุศลเข้าครอบงำจิต ก็ปล่อยไปตามเรื่อง ตอนนี้ฌานจะเสื่อม อภิญญาจะเสื่อม ก็ปล่อยไปก่อน

    พอถึงเวลาที่จะต้องการฌานสมาบัติ จะต้องการใช้อภิญญา ก็ให้ทำการรวบรวมกำลังใจใหม่ หากกำลังใจกลับคืนมา ก็จะได้ฌานสมาบัติและอภิญญากลับคืนมาเอง

    ตรงจุดนี้ ความเป็นวสีจึงมีความสำคัญ เพราะหากคล่องฌานสมาบัติมาก่อน การรวบรวมกำลังใจในแต่ละครั้งก็จะทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลามากจนเกินไปนัก

    พอจะเคลียร์ประเด็นได้ไหมครับ จุดสำคัญคือเวลาศีลไม่ควบ เวลาจะจะสมสู่ จะทำการลามกใดๆก็ปล่อยไป ถ้าถึงเวลาต้องการฌานสมาบัติก็สำรวจดูว่าในขณะนั้นศีลครบไหม หากครบถ้วนแล้วก็ทำการรวบรวมกำลังใจใหม่ เรื่องฌานสมาบัติก็จะกลับมาเป็นปกติ

    ดังนั้น ตอนนี้เลิกเข้าเว็บก่อน ไปเก็บตัวทำการฝึกฌานให้เป็นวสี ถ้าเสร็จเรื่องแล้ว จัดว่ากำลังใจของคุณอยู่ตัวแล้ว ต่อไปนี้จะไปกระทำการลามกยังไงก็ไม่ต้องกังวล

    สำหรับวิธีการฝึกฌานให้เป็นวสี ในเว็บนี้มีวิธีการฝึกของครูบาอาจารย์สอนไว้แล้ว ไปดาวน์โหลดมาอ่าน แล้วฝึกปฏิบัติตามได้ทันทีครับ
     
  8. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +2,077
    เอาเถอะคุณ จะอยากได้ หรือได้แล้วไม่อยากให้เสื่อม ก็เป็นตัณหาหมือนกัน
    เอาเป็นว่ามาฝึกเป็นพระอริยเจ้ากันดีกว่า มีลูกเมียได้ตามปกติ ไม่อยากได้มันก็ได้
    ของมันเองถ้ามีของเก่าติดตัวมาเยอะ ถึงแม้จะอยากให้มันเสื่อมมันก็ไม่เสื่อมซะ
    ด้วยสิ ไม่ต้องห่วงเรื่องกาม ในพระโสดาบัน อัตโนมัติศีลป้อมปราการเพชรคุ้มกัน
    ไว้แล้ว มีแต่สบายใจทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ต้องไปคว้านหาวิธีป้องกันไม่ให้ของเสื่อม
    เหมือนคนธรรมดาให้เสียเวลาอีกแล้ว หลับก็สุข ตื่นก็สุข ในขอบเขตของศีล
    และคุณสมบัติพิเศษสำหรับจริตนิสัยมีฤทธิ์ ส่วนสุขวิปัสโกก็อดแต่มีความสุขใน
    ใจเหมือนกัน เรามาควานหาและปฏิบัติกันตรงนี้ดีกว่านะ คุณ เอาน่าๆๆๆ:cool:
     
  9. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    คุณ Phanudet,
    รูปโปรไฟล์คุณนี่คล้ายๆ กับรูปที่อยู่ในหนังสือ ทิพยอำนาจ หน้า ๑๒๑ ของท่านพระอริยคุณาธาร (ปุสฺโส เส็ง) นะครับ ฝึกจบแล้ว สำเร็จแล้วเอาความรู้มาแนะนำเพื่อนๆ บ้างนะครับ
     
  10. takun

    takun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +54
    แทนที่จะรอคุณพานูเดธ คุณซิโควิลลี ก็หาหนังสือเล่มนี้มาฝึกเองเสียเลย ไม่ดีกว่าเหรอครับ

    ฝึกเอง รู้เองเลย ภาษาช่างเขาเรียกว่า "ต่อตรง" แบบนี้รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอครับ
     
  11. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    ขอบคุณครับ พยายาม "ต่อตรง" ตามคำแนะนำของท่าน takun อยู่ครับ
    มีเทคนิค หรือเคล็ดลับอะไรแนะนำเพิ่มเติม ยินดีครับท่าน ({)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2014
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จากการ " ถาม-ตอบ " พอมากล่าวว่า " ข้าวปลาก็ต้องอด อดหลับอดนอน " ตรงนี้
    มันจะ แบไต๋ ทันทีว่า ไม่ได้ปฏิบัติมา

    เพราะถ้า ปฏิบัติมา ไม่ต้องถึง ฌาณ อะไรเท่าไหร่ เอาแค่ ลำพัง การปรารภความเพียร
    หรือ ความตั้งใจจะปฏิบัติ เรื่อง " อดข้าว อดน้ำ อดนอน " อะไรพวกนี้ จะไม่อยู่ใน สาระบบ
    ความนึกคิดของ ผู้ปรารภความเพียรลำพังแค่ลมปาก

    หมายถึง เอาแค่ พูดปากเปล่า ยังไม่ต้องลงมือปฏิบัติอะไร การปรารภเรื่อง อดข้าว อดน้ำ
    อดนอน จะไม่อยู่ใน หัวข้อปัญหา ของคนที่ จะโม้ว่า ต่อไปนี้ กูจะปฏิบัติ

    ไม่ต้อง ทำฌาณก็ได้ เอาแค่ ตั้งใจจะทำอะไรก็ได้ ตั้งใจจะประกอบงานทางโลกๆ ก็ได้

    เรื่อง อดข้าว อดน้ำ อดนอน จะไม่สามารถกางกั้น หรือ อยู่ในความคิด กลายเป็น
    อุปสรรคของคนๆ นั้น เป็น ปรกติมนุษย์ หรือ แม้แต่ สัตว์เดรัจฉาน

    แมว เสือ กระรอก กระแต นกน้อย จะทำรัง จะหาเหยื่อ จะทำความเพียร ของมัน
    ไม่มีหรอก มันจะ มาห่วง อดข้าว อดน้ำ อดนอน

    มันตั้งใจจะทำกิจ มันก็จะ ตั้งหน้าตั้งตาทำ จนกว่าจะเสร็จ หากไม่เสร็จ ต้องไปกิน
    ไปนอน มันก็จะ รับรู้ รับทราบ วิถีชีวิต ที่เป็นปรกติอย่างนั้น ไป

    ไม่เอามาปรารภเป็น ตัวอุปสรรค เด็ดขาด


    นี่ เป็นการปรารภการทำสมาธิ การปฏิบัติ เรื่อง อดข้าว อดน้ำ อดนอน นั้น ยิ่ง
    ไม่มีทางจะ แพลมออกมา เป็นอุปสรรคแน่นอน

    แล้ว ถ้าลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ กิ๊กๆก๊อกๆ ง๊อกๆ แง๊กๆ การอดอาหาร มันจะมี อย่าง
    อื่นมาให้เสพแทนการกินอาหาร การไม่ได้นอน มันจะมีบางสิ่งมาเป็นตัวพักกาย พักจิต
    แทนการนอน ส่วนเรื่องกาม มันจะมี ฉันทะในธรรมบางอย่างมาแทนรสชาติของ
    " กามฉันทะ " ทำให้สามารถพิจารณา คุณ และ โทษ ได้อย่าง มีเหตุ มีผล รู้ตาม
    จริง

    เรื่อง ฝึก ฌาณ สมาบัติ อภิญญา ในเวลานี้ ดูตามเนื้อผ้า ก็ต้อง ปรามาส จขกท ว่า
    ไม่ได้ประกอบมาจริง น่าจะเป็น การ อุปทานหมู่(เชื่อเขา) อุปทานไปเอง(เทียบเอาเอง)
    อะไรสักอย่าง

    ****************************************

    มาเรื่อง การไขว้กรรมฐาน ย้ายมาปรารภความเพียร เรื่อง ดูจิตดูใจ

    อันนี้ ก็มีแนวโน้มว่า จะปรารภแบบ ด้นเด้า เดาเอาเองว่า กำลังประกอบ

    เพราะในความเป็นจริง คนที่เน้นทำสมาธิ ทำฌาณ เพ่งรูป อรูป เวลา
    มาพิจารณาธรรม ยกวิปัสสนา ไม่มีทางจะ ยกจิต ขึ้นมาดู

    เพราะ ด้วยอำนาจแห่ง สมถะ การเพ่งรูป เพ่งวรรณะ ที่เรียกว่า กสิณก็ดี
    เพ่งอะไรก็ตามที่เป็นไปเพื่ออภิญญา มันจะต้อง อาศัยสมบัญญัติที่เรียกว่า
    ตัวจิตแบบเต็มตัว แบบไม่ปล่อย ไม่มีทางยอมรับ จิตเกิดดับ เด็ดขาด มี
    แต่จะเห็นว่า จิตมันเป็นตัวเที่ยง จิตมันเด่นดวง ต้องทำให้เด่นดวงเป็นกิจ
    ด้วยไม่เช่นนั้นไม่ใช่ " ฌาณสมาบัติ "

    ดังนั้น เวลา สมถยานิก จะยกวิปัสสนา จะต้องพิจารณา กาย หรือไม่ก็ เวทนา
    จะมายกจิตไม่ได้ จะมองไม่เห็น

    แต่ถ้า ยกกาย ( อสุภะบ้าง จตุธาตุบ้าง บ่อกสิณบ้าง ) อันนี้ มันข่ม กามราคะในตัว

    แต่ถ้า ยกเวทนา ตามดูความยินดี ยินร้าย การแสร้งทำเฉย(สักแต่ว่า) อันนี้มันจะ กาง
    เหตุการผล การแล่นไปเสพอารมณ์ อยู่ในตัวอีกเช่นกัน ดังนั้น ปัญหาเรื่อง กาม จะถูก
    จำแนกแจกแจง และพิจารณา คุณ และ โทษ อยู่

    ถ้าไปยก จิต หรือ ธรรมานุปัสสนา มันมีโอกาสเป็นการ ยกเทียบเอาดุ่ยๆ แบบ โวหาร

    ยกตัวอย่าง หลวงตามหาบัว ท่านตัดสังโยชน์ส่วนแรกด้วยการ พิจารณา " เวทนา "

    หลังจากนั้น จึงไปพิจารณา " กาย " จนขึ้นไปอีกระดับ แล้วสำเร็จ อนาคามีด้วยการ
    พิจารณาอสุภะ ก่อนจะ เข้าสู่ธรรมนิยามสุดท้ายด้วยการ พิจารณา จิตและธรรม

    [ วิธีการภาวนาของหลวงตามหาบัว อันนี้ ฟังมาจาก พระ ท่านจำแนกเอาไว้ชัดเจน
    แบบนั้น สำหรับคนที่ เก่งสมาธิ เก่งฌาณ ]

    *****************


    สรุป

    ถ้าเจ้าของกระทู้ ยั้งตั้งจิตตั้งใจ ให้ตรงต่อ การทำนิพพาน ให้แจ้ง เป็นหลัก ไม่ใช่
    มามีเจตนาแฝง ชักชวนให้หลงทางการปฏิบัติ " มุ่งเอาหม้อเป็นใหญ่กว่าธรรม " อย่าง
    ที่ดูเหมือน จะปรารภความเพียรมุ่งเอาหม้อเป็นใหญ่กว่าธรรม ก็ขอให้พิจารณาใคร่ครวญ
    ดีๆ แทนที่จะยกไปพิจารณาจิต ให้เปลี่ยนเป็น การพิจารณา ก็กูพอใจ / ก็กูไม่พอใจ
    หรือ กำหนดรู้ดู " เวทนา " เข้ามา ก็จะ คว่ำเหตุคว่ำผลยกอ้าง หงายของที่ ตน เจตนาจะคว่ำ
    แล้วหงายขึ้น อ๋อ ปัดติโถ ได้แบบ ณ ที่นี้ เดี๋ยวนี้ กันไปเลย

    สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ ได้ในชาตินี้ เป็น หลักใจ

    ไม่ใช่ ตีหม้อดีที่สุด ทุกชาติไป อย่างที่ พยายามปรารภ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2014
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อนึ่ง พึงทราบว่า

    หากระบุว่า อายุ 20 แล้ว มีการ สอยสาว แบบ ขาสั้นห้าวเป้ง

    อันนี้ สามารถ กล่าวหา หรือ ปรักปรำ จขกท ได้ว่า " ผิดสัจจะ " เป็นนิจ

    อาศัยอะไรกล่าว

    อาศัย การไม่แต่งานกับสาว ที่เอามาสนองอารมณ์ กล่าว ว่า ย่อมเป็นการ
    พรากผู้เยาว์ อยู่แล้ว เว้นแต่ จะไปซื้อบริการ ก็จะต้องพิจารณาให้ละเอียด
    อีกว่า ซื้อแบบไหน

    แต่ถ้าไม่ใช่การซ้อบริการ แน่นอนเลยว่า จะต้อง มีจิต ที่เต็มไปด้วย มุสาวาทา

    พร้อมที่จะทำกิจ มุสาวาท ไม่มีทางที่ไปเดินไปหา พ่อแม่ พี่น้องเขา แล้ว บอกกล่าว
    สัจจความจริงว่า กูสอยมา

    อาศัย อำนาจแห่ง สัจจไม่มี ไม่อาจตั้งอยู่ในจิต การที่จะกล่าวว่า มีอภิญญา จึงไม่ใช่ ฐานะ
    จะกระทำ กิจที่เรียกว่า " อธิษฐานจิต " ได้แน่นอน

    ดังนั้น อะไรก็ตามที่เป็น เรื่องฤทธ อธิษฐานฤทธิ์ จึงไม่มี ความจริงรองรับ ซึ่ง หาก
    สามารถทำ ฤทธิ์ อะไรได้ ก็จะมีเพียงสองอย่างเท่านั้น คือ โดนคนอื่นหลอก(ที่เรียกว่า
    เทวบุตรมาร) หรือไม่ก็หลอกตัวเอง (อภิสังขารมาร ) มันหลอกเอา
     
  14. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ผมชอบเทวบุตรมาร มันเหลี่ยมแยะดูยาก ร้ายจริงๆ แต่คนที่เจอก็ไม่ต้องนอย ผมคิืดว่า มารตัวนี้จ้องเล่นงานคนที่มีแววจะไปได้ดีเป็นหลักนะ
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มาดูเรื่อง ภพ ภูมิ บางประการ ที่เกี่ยวกับ " ฤทธิ์ กับ กาม "

    ยักษ์ ยักษ์ คือ คนที่ชำนาญใน ฤทธิ์ มีวสีอย่างมาก แม้ว่า กำลัง ประกอบกามอยู่

    ยักษ์จึงเหาะเหินเดินอากาศตลอดเวลา ดีไม่ดี เจอมณีเมขลาก็เข้าปล้ำ เข้าอุ้ม แต่พอ
    ไปเจอ ผู้มีธรรม อย่างพระสารีบุตร ก็ อยากกระทืบ อยากด่า อยากทำลายให้ฉิบหาย
    คัยปากยิ๊บๆ คันใจยิ๊บๆ แย๊บๆ เป็นวัฏฏะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


    *******************

    " เวมานิกเปรต "

    เวมานิกาเปรต เป็น เปรตชนิดหนึ่ง อยู่บนสวรรคิ์ ตีนเข้าพระสุเมร มีวิมานเลิศ
    กว่าเทวดาเพราะ ประดับประดาไปด้วย แก้ว อันวิจิตรหลากชนิด แถม มีฤทธิ์มาก
    กว่าเทวดาบางจำพวก แบบว่า เทวดาสู้ไม่ได้ อสูรหรือยักก็ไปสู้ เปรต ชนิดนี้
    ไม่ได้ ...แต่ว่า เวมนิกเปรต เป็นเปรต ก็เพราะ ติดกาม ....ในพระสูตร มีเวมานิกเปรต
    ตนหนึ่ง ลงไปบรรดาลให้เกิด แก้วแหวนเงินทอง แก่ญาติของสาว เพื่อต่อรอง เอา สาว
    เจ้ามาเล่นจ้ำจี้ในวิมานของตน



    ************************

    " พญานาค "

    พญานาค ก็เป็น สัตว์อีกรูปนามหนึ่ง ที่เกิดด้วยอำนาจแห่ง การชอบฤทธิ์ แต่ก็ มุ่ง หลับ
    นอน เรียกว่า " ตื่น หลับ ขยับ แดก ปี้ ขี้ นอน " เป็น คราบ ....จนมี พยานาคตน
    หนึ่ง เข้าฌาณได้ยาวนาน 4 พุทธันดร ดังปรากฏในเรื่อง ถาดทองอธิษฐาน ของพระ
    สัพพัญญู ตกลงไปดังก้องสมุมร เป็นเหตุให้ พยานาคออกจาก ฌาณ แต่พอมองเห็น ถาด
    ทอง ก็เข้าฌาณกลับไปอย่างเก่า เรียกว่า เป็นผู้ ติดการนอนการหลับอย่างยาวนาน


    ***************


    ภพภูมิ สองประเภท บน ตามตำรา กล่าวว่า สามารถ ฟังธรรมให้เข้าใจ น้อมไปสู่
    การปฏิบัติ บรรลุธรรม ฉับพลันได้

    เว้นไว้แต่ พญานาค ที่มีไม่ ฐานะจะบรรลุธรรมได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2014
  16. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    ผมตั้งใจจะเล่าเรื่องเทวบุตรมาที่อ้างตัวเป็นพระอสีติมหาสาวก แต่คอมดับและค้าง3รอบติด พิมพ์ในมือถือไม่ถนัด..ฝากไว้ก่อนก็แล้วกัน(เสร็จมัน..)เป็นเรืาองของฆราวาสที่มีสำนักปฏิบัติของตุวเองไว้สอนคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2014
  17. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    ไม่มีอะไรครับ


    กำลังใจ ความเข้มแข็งของใจไม่เท่ากัน

    บางคนกว่าจะสะกด อารมณ์โกรธ ให้ลง ให้ระงับได้

    ใช้เวลา 3 4 วัน บางคน วันเดียว บางคน ชั่วโมงเดียว

    บางคน สิบนาที โกรธกันแทบเป็นแทบตาย สิบนาที สะกด ระงับอารมณ์โกรธ

    ได้ละ ท่ีเรียกว่าข่มใจ

    ของคุณก็เหมือนกัน กาม หนักไปทางกาม

    หนักไปทางกามนี่พวกหลง ชอบหลง มันขาวนี่ มันอวบนี่ แหมๆๆ มันนา่ลูบไล้

    นา่สัมผัส นา่รักใครเสียเหลือเกิน

    สรุปแล้ว ขี้ทั้งนั้น

    ถ้าคนกำลังใจดี เข้มแข็ง เขากดอารมณ์กามลงได้ เอาสมาธิเขาข่มแล้ว ระงับได้


    คุณ อารมณ์กาม มันชนะใจคุณ นี่ คุณจะไปหวังอะไรล่ะ ขณิกสมาธิก็ยังยาก

    เลย ข่มใจให้ลงก่อน ข่ม สะกดกิเลสกามให้ลงก่อน อย่างอื่นค่อยว่าอีกที

    ท่ีเล่าๆมา ของคุณ มันมีกามเป็นวสี เลือกเอา จะฝึกสาธิให้เป็นวสี

    หรือจะให้มีอารมณ์กาม เป็นวสี แบบว่า พอสบายๆ ใจ เผลอ นิดเดียว นึก ตรึก

    อยู่ในกามอีกและ อยากจะบรรเลงอีกละ

    โบราณเค้าว่าไว้ อดข้าวหรอกเจ้าจึงตาย แต่ไม่ตาย เพาะอดเสน่หา

    ลองดูสิ ไม่ยอมเป็นทาส ไม่ยอมปรุงแต่ง คิดไปตามอามณ์ กิเลสกาม

    มันไม่ตายหรอก ตั้งใจไว้ ไม่ยอม ไห้มันมาเหนือจิตใจเราได้

    มันไม่ตายเพราะ ไม่ยอมในเรื่องนี้หรอก แต่มันจะตาย

    เพเราะหลงในมัน หลงในกาม ตายมาเยอะ พังมาก็มาก เพราะ กิเลสกามนี่และ
     
  18. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    นิวรธ์ของแบบนี้ต้องลองน่ะ ภายในเจ็ดวันคุณจะเข้า ผมอดข้าวกินน้อยลงไม่ได้อดให้ตายเพื่อกายจะๆได้ไม่บริบูรณ์เกินไปกามจะไม่ค่อยขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ตุลาคม 2014
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮึย ท้า แล้วทำ มันก็คือ การสนองกาม อย่างหนึ่ง เพียงแต่
    เปลี่ยน วัตถุกามเป็น กรรมฐาน

    กามตัวเดิม แต่เปลี่ยน วัตถุกาม ไปเรื่อยๆ อันนี้ เราเรียกว่า โดน บัญญัติแหกตา
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พระพุทธองค์ เวลากล่าว ถึง กาม พระพุทธองค์จะ ชี้ หรือ จี้ไปที่ " กามวิตก "


    กามวิตก นี่ ดูไม่ยาก เวลาเจอลมพัดเบาๆ จิตใจก็หลงไหล พอใจ

    เจอแสงแดด เลียผิวนิดเดียว เกิดการขัดใจ นี่ก็ กามวิตก มันเกิด

    เจอ ตัวหนังสือ ก ไก่ แทนที่จะเห็นเป็น จุดวรรณะสีดำเรียงกัน ก็กลายเป็น
    สัญญาระลึกได้ว่า ก.ไก่ อันนี้ก็คือ กามวิตก มันเกิดขึ้นแล้ว จึงเกิด สัญญา
    จำได้ หมายรู้

    ดังนั้น

    หาก พ้นอำนาจกาม เวลาเจอ แสงสี แดง ขาว จะ สักแต่ว่า ไม่ให้ค่าว่า แดง ขาว

    ถ้า จิตยังให้ค่า มีเสียงกระซิบ มีการหมายรู้ นิดเดียวว่า นั่นสีแดง ก็หมายความว่า

    กามกัดกบาล น้ำแตก ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องไปกล่าวถึง กามแบบปุถุชน ไม่เคยสดับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...