ขอถามท่านที่ได้ฌานน่ะ ทำไมเวลามีไรกับแฟน.....

ทีนี้ กลับไปที่ ก.ไก่

เราเกิดมาเป็นคน เป็น คนไทย อาศัย กามฉันทะ ของ บรรพบุรุษ พ่อแม่ ให้มา
เราจะต้องไป พ้นกาม อ่าน ก.ไก่ เป็น วรรณะสีกสิณตะพึดตะพือ หรือเปล่า
ก็เปล่า

เราจะ อนุโลมไปตาม " กามคุณ " เพื่อ ยังอัตภาพของ มนุษย์ ที่เกิดเป็น ลูกของแม่
และ เป็น พี่ไทย น้องไทย ด้วยหัวใจสามัคคีกันไป

แต่ ความแตกต่างระหว่าง คนไม่เคยสดับธรรม ว่า กาม คืออะไร มันจะต่างกันตรงที่
กำหนดรู้ เท่าทัน หรือเปล่า

ถ้ากำหนดรู้ เท่าทัน ก็จะ พิจารณา คุณ และ โทษ ของ กาม

และเพราะว่า อาศัยระลึก เห็น คุณ และ โทษ จึงน้อมไปเห็น ความไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา
ไม่ใช่เขา ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล

พอกำหนดรู้แบบนี้ไว้ได้บ่อยๆ ก็จะเรียกว่า อาศัยระลึกเพื่อเจริญสติ ตามเห็นความ
เกิดดับ ตามความเป็นจริง ก็จะเกิด สมาธิอีกชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ " ฌาณ " มีเฉพาะ
ในพระพุทธศาสนา ให้ได้สัมผัสว่า มีอยู่ และ " เหนือกว่า" อภิญญา5 เพราะ มันมี 6

 

เปล่า ปกติเวลาจะพิสูจน์อ่ารัยเราต้องทดลองน่ะ ผมก็เป็นอย่างงั้น

 

ไม่เกี่ยวกับ การเป็นใคร ชื่ออะไร มั้งครับ

การพิสูจน์นี่ เป็น สิ่งที่สะท้อนออกมาจาก " ธรรมะ "

คือ หากรูปนามใด สนใจสดับธรรม อาศัย ปัจจัยการ การปรากฏของ ธรรม
ใน มโน หรือ ในจิตธาตุ( ไม่ใช่สภาพความเป็นคน สัตว์ )

เพียงแค่ จิตธาตุ กระทบ ธรรมะ สิ่งที่ สะท้อน หรือ พึงเห็นได้ว่าจะเกิดขึ้น คือ การพิสูจน์

การพิสูจน์ธรรม จึงต้องจัดเป็น คุณลักษณะของ ตัวธรรม ไม่ใช่ ของคนลามก จกเปรต
ที่ขโมยเอา คุณลักษณะของธรรม มาประดับ ปราดาตน

ธรรมะ หรือ ธรรมคุณ จึงมีบท สรรเสริญ ที่บัณฑิตเขาสรรเสริญกันว่า
" โอปนยิโก เอหิปัสสิโก ฯ " เป็นอาธิ

 

ถ้าเข้าถึง คุณลักษณะของธรรม ได้

การ พิสูจน์ธรรม ท้าทายธรรม จะเป็น สิ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่เคยหายไปไหน
มีอยู่ทุกจิต ที่ได้ สดับ หรือ กระทบ ธรรมะ

ส่วน การพิสูจน์ที่ออกจากปากสัตว์ นั่นเป็นเพียง กามวิตก ที่ยก อ้างเอา ลอยๆ
ไปวันๆ เท่านั้น

การพิสูจน์ธรรม จึงมีอยู่ แต่ มีโดยผู้เข้าถึงธรรม ไม่ใช่ ถึง................

 

เดี๋ยวขอดูคนเข้าถึงหน่อยว่าจะเก่งไหมน่ะตื่นเต้นๆ เดี๋ยวๆนิวรณ์คุณเข้าใจผิดน่ะที่ผมบอกว่าอดคือ กินได้ไม่มากแบบปกติ แต่กินแค่มื้อเดี๋ยวนิดหน่อยพอประทังชีวิตไปได้ สองคือผมไม่ได้อดนอน เพียงแต่นอนแล้วดูจิตไปเท่านั้นกำหนดรู้ขนาดหลับ แม้ว่าฝัน ก็กำหนดตีฝันออกผมไม่ทราบว่าใครทำแบบไหนแต่ผมทำดังที่กล่าวมาแล้ว แล้วอีกอย่างของแบบนี้ต้องพิสูจน์ น่ะครับ ไม่ใช่มาปรามาสกันเช่นนี้ ดังนั้นผมจะทำดังที่ผมกล่าวไว้แล้วว่าภายในเจ็ดวันคุณจะเข้าใจ ผมรู้สึกคุยเคยใกล้ชิดหลวงตาบัวหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ถ้าคุณมั่นใจความดีคุณ คุณไม่ต้องกัวผม
อีกอย่างคุณไม่ได้ญาน8แปดน่ะ เจโตปนิยญาน ไม่มีรึ ไอ้ผมก็อุสามาถามเข้าใจว่าห้องนี้จะมีคนจริง เห็นอยู่ไม่กี่คน และการวางอารม น่าสรรเสริญด้วย ปรารถนานิพพานทรงอารม ดีมากเลยผมโมทนา คุณนิวร น่ะ รักษากำลังใจดีๆ คุณมีอคติเกินไป คุณไปทบทวนดูใหม่ ผมพูดไปก็เท่านั้นไอดีนี้ไม่มีตัวตน ผมมาถามแบบนี้เพื่อประโยชน์จุดเดียว และผมเข้าใจแล้ว แต่ถึงไม่มีตัวตนแค่อ่านคอมเม้นนี้ก็พอรับรู้ได้ด้วยใจ ว่าใครได้จริงใครเก่งแต่ตำรา ไว้ผมเจอตัวผมจะทัก ทุกคนที่มาเม้นถ้าพอจะจับสัมพัสได้ บางคนซ่อนอารม หึ

 

ขอบคุณครับ .... ตอนนี้ผมยังต้องฝึกอีกนานเลยครับ....

 

ก่อนนอน อย่าลืม อุ่นนม ยกซด ก่อนนอน หละคร้าบ

ตับ ตับ ตั๊บ ตับ ตับ ตับ !!!

 

คนแบบนั้นถ้าไม่ใช่ท่านนิวรณ์เอาไม่อยู่จริงๆ
พูดแนวอกุศลทุกไอดี อ่านแล้วไม่มีความไพเราะ
ไม่สอดคล้องกับธรรมอะไรเลย!!

มีแต่ชักใบให้เรือเสียไม่เป็นโล้เป็นพาย

 

ท่านนิวรณ์แนะนำแบบนี้ชอบแล้ว!!
You serve him right!!

 

ผมคิดว่าพิสูจน์ได้ไม่ยากครับ ง่ายๆด้วย ถ้าตัวเราเองตอนนี้
ยังศึกษาอยู่ หรือว่าเพิ่งทำงาน ถ้ารู้ว่าจิตเราเปนสมาธิ หรือว่างได้ที่ สังเกต
ได้เลยว่า ผลการเรียนเราจะดีขึ้นมาอีกเท่าตัว แต่เปนคนทำงาน การทำงานจะได้ทำได้ดีกว่าแต่ก่อน มีประสิทธิภาพขึ้นเปนเงาตามตัว และความรับผิดชอบกับความขยันมีมากกว่าเมื่อก่อน นี่คือสมาธิที่ง่ายๆระดับประถมเองครับ

-ไม่ใช่ ฌาน1-4 หรือ ญาณ16 หรือ อิทธิฤทธิทางอภิญญา

-เรื่องความรัก แฟน ยังงี้ ผมคิดว่าเปนปกติ ถ้า อยากมีก้มีไป เพราะชีวิตคนยังไงก้ต้องเดินทางโลกไปอีกนาน ยังความจำเปนที่ต้องอาศัยโลก ความจำเปนทางครอบครัว มีก้ไม่ได้เสียหายอะไร
- อายุเพียงเท่านี้มีโอกาสพิสูจน์และทดลองกับสิ่งที่เป้นเรื่องเหนือธรรมชาติได้อีกมาก ถ้าเรื่องที่ทำสามารถทำได้และเหมาะสมกับตัวผู้นั้น

 

ขอตอบบ้าง ตามความคิด ให้น้องเจ้าของกระทู้คิดเอง ถ้าต้องการไปให้ถึงที่สุดก็ต้องมีศีล แต่ถ้าอยู่ในระยะทดลองก็รู้ด้วยตัวเองแล้ว ว่ากว่าจะเริ่มใหม่มันยาก บอกตรงๆตอนนี้ถึงจะมีคนมาบอกให้ตัดกามก็ไม่สำเร็จหรอกเพราะยังไม่ประสบทุกข์ที่เกิดจากมันโดยแท้จริง เคยสงสัยไหมทำไมคนปฏิบัติบางคนถึงตบะแตก แม้แต่โทสะยังแรงกว่าคนปกติ เพราะยังวางไม่ลง ปลงไม่ได้จริง อารมณ์ทั้งหลายก็คือบทเรียนของเรากิเลสเกิดที่ไหนดับที่นั่น ถ้าปราศจาคจากกิเลสง่ายๆคงไม่ต้องพยายามกันหลายชาติหรอก ถ้าพ่ายแพ้ก็มาใหม่กันทั้งนั้น หากจะเอาแค่พระโสดาบันก็คงอย่างที่ท่านผู้รู้ด้านบนบอกคือศีลห้าหญิงที่น้องมีความสัมพันธ์ต้องเป็นภรรยาที่ถูกต้อง แต่ถ้าต้องการพ้นโลกก็ต้องตัดกาม ถ้าต้องการแค่ฤทธิ์มันก็ทำได้แต่จะก.ายเป็นอวิชชาไป พิจารณาเอาเถอะ ถ้ายังไม่เห็นโทษของกามด้วยตัวเองจริงๆมันคิดไม่ออกหรอก สักแต่ว่าได้ยิน ถ้าต้องการแต่วิชาก็ดูตัวอย่างจากฆราวาสเช่นขุนพันธ์ ดังตฤณ ถ้าจะมากกว่านี้ก็ครูบาจารย์ทางสายพระ

 

เมื่อก่อน หลวงพ่อ สอนลูกศิษย์ว่า เสียดายของวะ ได้ของดีกลับไปเสพกาม ของที่ได้มาก็
เสื่อมไป ผมถามหลวงพ่อว่า การเสพกามทำให้สมาธิเสื่อมหายไปเลยหรอครับ ท่านบอกเป็นนัยว่าไม่ได้เสื่อมถาวร แต่ที่เคยทำได้ง่ายจะกลับเป็นยาก ถ้าจะให้เหยียบกามรมณ์ไม่ให้ขึ้นต้องทำสมาธิทุกวัน และต้องให้จิตรวม พอออกจากสมาธิจิตก็จะได้กำลังปิติ ไปหลายชั่วโมง เราเห็นอะไรก็ยิ้มไปหมดเรียกว่ามีความสุข ทำให้ได้แบบนี้ทุกวัน อารมณ์กามก็ไม่มารบกวนเราครับ และท่านก็สอนผมว่าให้ฝึก
สมาธิให้ได้ ฌาน 4 ทำให้คล่อง ถึงตอนนั่นก็จะตัดสินใจได้ว่าจะ ออกบวชหรือไม่
เพราะ ผมแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีลูก ท่านบอกว่าต้องให้เมียฝึกด้วยนะ จะได้เขาใจกัน ลูกท่านบอกว่าไม่ต้องเอา เป็นทุกข์
ของที่ทำได้จากสมาธิ เป็นอริยทรัพย์ ของเรา เอามาให้ใครดูไม่ได้ บอกก็ไม่ได้
เป็น ปัจจัตตัง ของให้ระวังให้มาก ๆ ข้อนี้ครับ

 

ผมไม่ได้แบบคุณ แต่ความคิดคล้ายกัน คืออยากได้ฌาณ และเมีย 55555
ขออนุโมทนาถ้าได้ฌาณแล้วสาธุ อารมณ์ความรู้สึกของกามนั้นจะมาเป็นพักๆ
ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ตอนอารมณ์มันเกิดก็ไปมีไรกันซะ
พอออก อารมณ์ก็ดับไป ช่วงเวลาแห่งอารมณ์กามดับ ก็เข้าฌาณไป
การทำสมาธิภาวนาจะต้องอยู่กับปัจจุบัน อดีตและอนาคตไม่นึกถึง
ถ้าเข้าใจเรื่องเวลานะ ง่ายๆ วินาทิที่ผ่านไปเมื่อกี่คืออดีต วินาทิต่อไปที่ยังมาไม่ถึงคืออนาคต
ทุกวินาทีที่เรารู้ลมหายใจอยู่คือปัจจุบัน นะ ถ้ามีไรกับแฟน มันผ่านไปแล้วคืออดีต
ถ้าจะทำฌาณก็ไม่ต้องสนใจว่ามันจะเสื่อมเพราะมันคืออนาคต ปัจจุบันคุณอยากเข้าฌาณก็เข้าเลย
จำอารมณ์ของฌาณไหนได้ก็เข้าฌาณนั้น วสีคือชำนาญ คิดปุบเข้าปับ อธิฐานตั้งเวลาออกด้วย
เช่น จะเข้าฌาณ3 ก่อนเข้าอธิฐานขออยู่ในฌาณ 5 นาที พอครบเวลามันจะออก ทำได้ตามนี้
ก็ดีกว่าผมมากมายแล้ว ถ้าเคยเข้าฌาณได้แล้วก็ขอให้ฝึกเข้าจนจำอารมณ์ของฌาณนั้นได้
แล้วฝึกเข้าทุกท่ายืน เดิน นั่ง นอน เข้าห้องน้ำ นั่งรถเมล์ วันละหลายครั้งๆ ละ ไม่กี่นาที
อาการกลัวเสื่อมก็น้อยลง เมื่อบารมีถึงเมื่อไรก็จะปฎิบัติเข้มข้นกว่าเดิม เหมือนกับ
เรื่องของ ตาอินเทวดางั้ย
ในเมื่อจิตนี้ยังไม่เบื่อเรื่องของกาม ก็เอาบ่อยจนมันเบื่อไปเอง ฌาณก็ทำไปเรื่อยไม่ขาดไปนานๆ
ถึงเวลาเบื่อเรื่องกาม ฌาณจะพัฒนาเอง
นี้คือความคิดผม ผิดถูกอย่างไรผมเลือกเอง เล่าให้ฟังขำๆ
ปล.มีกระทู้ประสบการณ์ของท่านหนึ่งที่คุณอยากอ่านแน่ ผมจำชื่อไม่ได้ อยากรู้ก็บอกมาเดียวหาให้

 

ว่าแต่ฌานมันเป็นยังไง แบบไหนอ่ะ
แล้วถ้าได้ฌาน แล้วมันมีความสุข มากกว่าเรื่อง.... หรือป่าวอะ ??

 

ภูมิธรรมแค่ระดับ ฌานโลกีย์หมกมุ่นอยู่กับการเสพกาม
จิตย่อมตกฤทธิ์อภิญญา 5 เสื่อมเป็นของธรรมดาการ
เสื่อมถึงจะไม่เป็นการเสื่อมของจิตแบบถาวรก็ตามแต่ผล
ที่จะตามมา ทำให้ต้องเพียรเฝ้าระวังรักษาจิตอีกเท่าตัว
มากไปกว่านั้นฝึกเพิ่มขึ้นอีกสองสามเท่า จึงจะได้จิตปกติ
สุขกลับคืนมา ผู้เขียนได้แยกธาตุดู จนได้รู้ความจริงที่จิตตก
เวลาเสพกามทุก ๆครั้งไป นั่นเป็นเพราะจิตยังไม่ได้ปฏิวัฏจิต
เป็นชาติอริย อันเป็นภูมิจิตโลกุตตระจิต หมดคำว่าเสื่อมว่า
ถอยกลับคืนไปเป็นปุถุชนคนหนาแน่นไปด้วยกิเลสได้อีกต่อไป.

 

ตอบคำถามนะครับ ไม่มีอะไรมากครับ พลังมันรั่วไหลออกไป
พอกลับมาฝึก จิตมันขาดพลัง เลยขาดความตั้งมั่น ต่อไม่ค่อยติด

ถ้าไม่ได้ถึงขั้นไปหมกมุ่นกับมัน ฝึกอย่างต่อเนื่องซักพัก เดี๋ยวมันก็กลับมาเองครับ

แต่ถ้าอยากรักษาพลังไว้ไม่ได้รั่ว ก็ต้องงดเรื่องพวกนี้ให้หมดครับ

 

..ฮื้มมม !!!! มันน่าตัดทิ้งจริงๆ.. เจี๊ยวจ๊าววว !!!!

 

55555

ตัดเจี๊ยวจ๊าว ไม่จบอะสิ

ตัดใจน่ะจบ ตัดใจเสียเถอะ ไอ่หลานรัก อิอิ

 

ฌาน แต่ละขั้นจะมีความสุขที่ต่างกันออกไป แต่ที่ชัดเจนและหนักแน่นมากๆก็ฌาน 4 เพราะมีกำลังมาก สามารถกดกิเลสให้เงียบสนิทได้หลายชั่วโมง และความสุขจากฌานนั้นต่างจากกามตรงที่ฌานนั้น มีความสงบสุขใจ เย็นใจมาก สบายๆ มีความมั่นคงหนักแน่น ไม่มีความทุกข์จากกิเลสมาเจือปนเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ทรงฌานนั้นจะไม่มีความหวาดกลัวหรือสะทกสะท้านต่อสิ่งใดเลย เพราะอำนาจแห่งฌานนั้นเหนือกว่าอำนาจทุกอย่างในโลกนี้

เรียกง่ายๆว่าความสุขที่ได้จากฌานนั้น โดยเฉพาะฌาน 4 เป็นความสุขที่มาจากการปราศจากกิเลสทั้งปวงได้ชั่วคราว มีความสงบเย็นใจ สบายๆ แต่หนักแน่น และไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆเลย ต่างจากความสุขจากกามที่มีความทุกข์เจือปนไปด้วยทุกขณะ ต่างกันราวฟ้ากับนรก

คนที่ได้ฌาน 4 แล้วจะต้องเข้าฌาน ออกฌานบ่อยๆ เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบกันระหว่างความสุขที่ได้จากฌานและความสุขจากกามว่ามันเป็นอย่างไร เพื่อให้เห็นว่าความสุขจากกามนั้นมันมีโทษมากมายอย่างไรบ้าง และความสุขที่ปราศจากกิเลสนั้นนั้นมีประโยชน์และคุณมากมายเพียงใด (ตอนนี้ต้องอาศัยกำลังของฌานไปก่อน) เพื่อที่จะสามารถใช้ปัญญาพิจารณาตัดกามราคะได้ เพราะถ้าจะตัดกามได้นั้นจะต้องอาศัยกำลังของฌาน 4 เท่านั้น จึงจะมีกำลังพอที่จะตัดกามได้

 

..อั๊ยยะ !!!! จริงๆ ด้วยสิ.. ตัดใจยากกว่า ตัด...... T_T


ตัดใจ ตัดเธอ Blackhead - YouTube