ภาวนาแบบไหนถึงจะได้เห็นหรือสัมผัสกับสรวงสวรรค์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 26 พฤศจิกายน 2014.

  1. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ยากครับ

    ถ้าเป็นสวรรค์จริง ๆ ที่มีความเป็นทิพย์ ที่มีเทวดาอยู่จริง ๆ มีวิมานจริง ๆ
    แล้วจะให้มนุษย์ธรรมดา อย่างเรา ๆ ไปเห็นนั้น ขอบอกเลยว่ายากส์....

    แม้แต่พระอรหัตน์หลายท่านยังไม่สามารถไปเห็นได้เลย
    จริง ๆ แล้ว จะต้องบอกว่ามีเพียงพระอรหัตน์ไม่กี่คนต่างหาก ที่สามารถไปเห็นได้ (ในสภาวะมนุษย์)
    คนนั้นจะต้องมีอภิญญาสูงมาก ๆ

    ผมจะยกตัวอย่างเหมือนการร้องเพลง
    คนที่เสียงไม่ดี แล้วจะให้ร้องเพราะคงยาก ต้องผ่านการฝึกฝนที่หนักมาก
    แต่บางคนไม่ต้องทำอะไรมาก ก็เสียงดีเลย

    ก็คล้าย ๆ กัน

    คนที่เกิดมาไม่มีอภิญญา หรือพวกอภิญญาแฝง เลย (ที่ฝึกนิด ๆ ก็สามารถใช้งานได้)
    แล้วจะฝึกให้ได้มีอภิญญานั้น ก็ยังยากกว่า ที่ยกตัวอย่างข้างบนเลย
    เราฝึกไปทั้งชีวิต เราอาจจะไม่ได้อภิญญาเลยก็ได้ แต่ถ้าฝึกต่ออีกชาติหนึ่งอาจจะได้
    เพราะฉะนั้นคนที่มีก็อาจจะเหมือนกับว่า เขาฝึกมาเยอะหลายชาติ มันเลยอภิญญาแรง

    เพราะฉะนั้น ประเด็น คือ ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งมั่น ยึดมั่นถือมั่นว่า
    ฝึกชาตินี้แล้วจะขอให้ได้มีอภิญญาเลย
    ก็อาจจะ fail แตกได้ เพราะสุดท้าย ฝึกไป 30 ปี ก็อาจจะไม่มีก็ได้

    เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นเราต้องปล่อยวาง คลายความอยากในอภิญญา
    คลายจากความกำหนัดออกก่อน แล้วทุกอย่างจะดี

    มันเหมือนคนที่ฝึกจะไปแข่งโอลิมปิก เหรียญทอง
    คือการไปแข่งโอลิมปิกนี้ ต่อให้เราเก่งแค่ไหน มันอาจจะได้ก็ได้ หรือไม่ได้ก็ได้
    แต่ถ้าคนที่มันจะได้ มันก็ได้ แต่มันก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีการเตรียมพร้อมที่ดี คือ ฝึกถึง
    แต่คนที่ฝึกถึง บางทีมันจะไม่ได้ มันก็ไม่ได้ มันก็จะไปพลาดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
    เพราะฉะนั้น ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นเลยว่า จะต้องได้ที่ 1 อย่างเดียว แบบนี้ลำบากแน่ ๆ
    เพราะว่าเกิดความกดดันต่อตัวเอง เต็มไปด้วยความเครียด ทำงานแบบเครียด ๆ ผลงานก็ออกมาไม่ดี พอไม่ได้ก็ fail แตก
    แต่ถ้าเราฝึกภายใต้ความคิดที่ว่า ทำให้ดีที่สุด (ซึ่งนักกีฬาส่วนใหญ่จะใช้คำนี้)
    ในขณะเดียวกันก็หวังที่ 1 อยู่ แต่ไม่ได้ถึงขั้นบ้าคลั่งแบบคนแรก
    เราก็จะฝึกแบบไม่เครียดเกินไป พร้อมกับทำเพราะใจรัก มีความสุข ผลงานก็จะออกมาดีมาก ๆ

    และนี้ก็เป็น 1 ในหลักของพุทธ คือ การคลายออกจากความกำหนัด
    ก็คือการที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นมากเกินไป อันเป็น หนทางแห่งความทุกข์
    คนที่ยึดมั่นมากเกินไป ก็จะมีแต่ความทุกข์

    เหมือนกัน เราฝึกอภิญญา เราฝึกแบบหวังเล็ก ๆ แต่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
    ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า อันนี้คือความเห็นผม และคือสิ่งที่ผมจะบอกต่อ

    เพราะฉะนั้น ขอตอบว่า
    สวรรค์จริง ๆ ที่มีความเป็นทิพย์ มีเทวดาตัวเป็น ๆ วิ่งไปวิ่งมา เคยเห็นมัย
    ตอบ >>ไม่เคย

    แล้วเชื่อไหมว่ามี?
    ตอบ >> เชื่อ

    แล้วทำไมถึงเชื่อ?
    ตอบ >> เพราะอ่านไตรปิฏก และมั่นใจด้วยตัวเองแล้วว่า จะเอาสิ่งนี้แหละ เป็นหลักแห่งความเชื่อ

    แล้วไม่มีประสบการณ์อะไรเลย เข้ามาตอบทำไม?
    ตอบ >> เพราะอยากแชร์ คือถึงจะไม่ได้เห็นสภาพความเป็นทิพย์จริง ๆ
    แต่สภาวะใกล้เคียงกับความเป็นทิพย์ นั้นเคยสัมผัสอยู่
    เช่น ความสุขที่มีความวิเศษ และอิ่มเอิ่บ ยากที่จะอธิบาย ฯลฯ

    ซึ่งผมเชื่อว่า ถึงแม้เราจะไม่สามารถไปเห็นสวรรค์จริง ๆ ที่มีวิมานแห่งความสุข ได้
    แต่สวรรค์ที่มีความใกล้เคียง ซึ่งหาได้บนโลกมนุษย์นั้นยังมีอยู่
    และสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่ยาก

    สวรรค์ที่ว่านี้ ผมเรียกมันว่า ความสุข นั้นเอง

    เพราะความหมายของสวรรค์ คือ เราจะได้พบกับสิ่งที่น่าพอใจผ่านโสตทั้ง 6
    คือ ตา หู จมูก ปาก ผิว ใจ

    "ได้พบแต่สิ่งที่น่าพอใจอยู่ฝ่ายเดียว"
    ไม่มีสิ่งที่ไม่น่าพอใจเลย..... ย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีเลยยยย

    แล้วอะไรคือสิ่งที่น่าพอใจละ?
    ในทางโลกมนุษย์ มันจะมีอันที่เป็นหลักสากลอยู่ และอันที่ขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล
    เช่น ภาพ วิว สวย ๆ ทุกคนก็บอกว่าสวย ดูแล้วมีความสุข << อันนี้เป็นสากล
    ภาพวาด << บางคนบอกสวย บางคนบอกไม่สวย บางคนเฉย ๆ << ส่วนบุคคล

    ที่นี้ ผมไม่เคยเห็นสวรรค์จริง ๆ ดังนั้น สิ่งที่นักวิทยศาสตร์ทำ ในขณะที่ไม่สามารถไปเห็นจริง ๆ ได้คือ
    "การจิตนการ" บนพื้นฐานแห่งความเป็นไปได้ นั้นเอง

    เพราะฉะนั้น ผมจะใช้จิตนการ ในการตอบคำถาม ข้อนี้

    และนี้คือความหมายของสวรรค์ของผม


     
  2. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    จริง ๆ แล้ว ผมเคยตั้งคำถามไว้ว่า สวรรค์ ในความคิดคุณเป็นอย่างไร
    (ที่ตั้งคำถามแบบนี้ก็เพราะว่า คนไม่เคยไปจะได้ตอบได้ เพราะถ้าตั้งถามเฉพาะคนที่เคยไป
    กระทู้คงร้าง และไม่มีใครเข้ามาตอบ)
    แต่ก็ดูเหมือนว่า ยังไม่มีใครมาตอบให้ถูกใจผมได้เลย ให้ผมมีความรู้สึกว่า นี้แหละ คือสวรรค์จริง ๆ
    เคยมีคนมาตอบว่า มีวิมาน มีนางฟ้าสวย ๆ มีสระ บลา ๆๆๆๆ ฯลฯ แต่นั้นดูเหมือนจะกว้างไป สำหรับผม
    ผมต้องการคำตอบที่มัน specific มากกว่านี้ ซึ่งก็เป็นการดีแล้วละ ที่คุณมาตั้งคำถามเรื่องนี้

    ผมจะได้ขอถือโอกาสนี้ ละเลง บันเลง จิตนการ เกี่ยวกับ สวรรค์ ของผมสะเลย

     
  3. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ความเซ็งคือ พิมพ์มาตั้งนานแล้วมันเด้ง ได้พิมพ์ใหม่....

     
  4. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    คุณกำลังนอนบนเตียง อยู่ท่ามกลางวาระสุดท้ายของชีวิต แวดล้อมไปด้วย ครอบครัว
    ลูกหลาน มิตร ญาติ

    คุณได้ยินเสียงของทุกคนชัดเจน บางคนนำดอกไม้มา บางคนนำผลไม้มา
    คุณนึกในใจว่า เอามาทำไม ยังไงคุณก็กินไม่ได้
    คุณได้แต่ยิ้ม เพราะมีคนมาให้กำลังใจคุณ
    ในความหมายของคนที่อยู่ เขามาให้กำลังใจเพื่อให้คุณอยู่ตอ
    แต่ในความหมายของคุณคือ เขามาให้กำลังใจคุณเพื่อไปโลกหน้า
    คุณค่อย ๆ คิดถึงเรื่องในอดีต เรื่องที่เคยทำมา ทั้งดี และไม่ดี

    คุณเริ่มทบทวนตัวเอง เราเคยทำนี้ นั้น โน้น
    เราเคยทำคนนี้โกรธ คนนี้เขามาเอาคืนเราแล้ว
    เราเคยทำคนนี้โกรธ คนนี้เขาหายไปเลย แย่จัง เขาจะกลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราไหมเนี่ย
    คุณทบทวนไปช้า ๆ พร้อมกับค่อย ๆ หลับตา
    ภาพก็ค่อย ๆ วิ่ง ออกมาในหัวคุณ อย่างไม่มีระบบ
    จากเหตุการณ์หนึ่ง ข้ามไปอีกเหตุการณ์ กระโดดไป กระโดดมา
    จนเริ่มไปหยุดอยู่ตรงช่วงที่คุณเคยมีความสุขที่สุด
    ภาพเริ่มกลายเป็นช่วงวัยที่คุณมีความสุขที่สุด

    เมื่อคุณนึกถึงภาพนั้น คุณมีความสุขมาก ๆ น้ำตาแทบจะคลอออกมาเบา ๆ
    ในตอนนี้ภาพไปเน้น ที่ช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตคุณ
    คุณไล่เหตุการณ์ไปเรื่อย ๆ จนเสียงคนรอบข้างเริ่มเบา
    คุณเริ่มไม่ได้ยินอะไร นอกจากเสียงหัวใจของตัวเอง ที่ค่อย ๆ เต้น ช้า ๆ
    ภาพทั้งหมดเริ่มหายไป คุณเริ่มกลับมาอยู่ที่เดิม ทุกอย่างมืด
    คุณรู้ตัวแล้วว่า อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า คุณจะได้พบกับ.... อะไรที่เป็นสิ่งใหม่
    ทุกอย่างที่คุณทำบนโลกนี้ ก็เป็นจะเป็นของเก่า

    คุณหายใจลึก ๆ สองสามที ก่อน เฮือกสุดท้าย ฮึ่ก!
    แล้วทุกอย่างก็มืด....




     
  5. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    คุณเริ่มรู้สึกตัวอีกที คือคุณกำลังยืนอยู่ ที่ไหนสักแห่ง มืด...
    มองไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นแม้แต่ตัวเอง ไม่มีเสียง ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเงียบ
    หลังจากที่คุณยืนอยู่กับที่สักพัก คุณก็ตัดสินใจเดิน
    คุณค่อย ๆ เดินไปอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ทำไมมันเงียบ แม้แต่เสียงเท้าตัวเองก็ไม่ได้ยิน
    คุณเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่า คุณกำลังอยู่ในที่ ๆ ดีหรือเปล่า
    ทันใดนั้นเอง คุณเห็นแสงไกล ๆ
    คุณเริ่มเดินเข้าไปใกล้ ๆ แสงนั้น
    ตอนนี้คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนแมลง ที่ต้องบินเข้าหาแสง
    เนื่องจากที่อื่นมืดหมด คุณเห็นแสงนั้นอย่างเดียว คุณจึงจำใจต้องเดินไปหามัน
    พอคุณเข้าใกล้มันมาก ๆ คุณเริ่มเห็นแล้วว่า มันคือประตู ที่มีแสงสีขาว
    แต่หน้าตาก็ไม่ได้ถึงกับเป็นประตูมากนั้น แต่เป็นสิ่ง ๆ หนึ่ง ที่สามารถเดินลอดผ่านได้

    คุณจึงตัดสินใจที่จะเดินเข้าไป แต่ขณะที่คุณกำลังจะก้าวเข้าประตูนั้น
    มีเสียง ๆ หนึ่ง โผล่ ขึ้นมา
    "เดี๋ยว"

    คุณหยุด พร้อมกับหันไปมอง รอบข้าง ซึ่งมืด มองไม่เห็นอะไรเลย

    "ถ้าเข้าประตูนั้น จะไม่ได้กลับมาอีก"

    หมายความว่ายังไง? ตอนนี้ เรายังมีโอกาสที่จะกลับไปได้อีกเหรอ?? คุณคิดในใจ

    "ไม่เชิง... จะว่ากลับไป จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่"

    เขาพูดอะไรของเขา คุณชักเริ่มไม่เข้าใจ

    "จริง ๆ แล้ว ลึก ๆ ในตัวของท่านเอง ยังมีสิ่งที่ค้างคา และอยากทำอยู่..."
    เสียงนั้น ก็ยังไม่หยุด เริ่มทำตัวเหมือนเป็นไกด์ นักเดินทาง ทำตัวเหมือนว่ารู้ทุกสิ่ง
    แต่คุณก็คิดในใจว่า เราปล่อยวางทุกอย่างไปแลัว เราพร้อมจะไปที่ใหม่เล้ว

    "ยัง... ลึก ๆ คุณยังมีความต้องการอะไรบางอย่างอยู่"
    เสียงนั้นตอบทันที ที่คุณคิดเหมือนกับกำลังนั่งสนทนากับคุณอยู่
    และในทันใดนั้นเอง ก็มีประตูบานหนึ่ง ค่อย ๆ กำเนิดขึ้น ข้าง ๆ กับประตูสีขาวนั้นเอง...



     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ในสมัยพุทธกาล มี ภิกษุรูปหนึ่ง บวชเข้ามาแล้ว ก็ มัวแต่ไปหาพระคนโน้น พระคนนี้

    ขยันเข้าไปถาม พระ เกือบจะหมดสำนัก เจอเมื่อไหร่ ก็ เข้าไปถาม ประมาณนั้น

    เข้าไปถามว่า

    ท่านเป็น " อรหันต์หรือยัง " ถ้า พระท่านนั้นตอบว่า สำเร็จแล้ว พระท่านนั้น
    ก็จะให้เล่า นรก สวรรคิ์ การจุติ การเกิด..... ถามเรื่องที่เกี่ยวกับ อภิญญา

    พอไม่ตอบ ก็จะถามเรื่อง รสชาติของวิโมกข์ ของฌาณ

    พอพระเหล่านั้นไม่ตอบ ไม่เล่าเรื่องอภิญญา หรือ แม้กระทั่ง ฌาณ

    ก็จะ ร้องป่าวประกาศว่า

    " สมาธิเอ็งยังไม่ได้เลย จะเอาอะไรไปดูกาย เวทนา ดูจิต ดูธรรม "

    " สมาธิเอ็งยังไม่เป็นเลย จะเอาอะไรเห็นธรรม รู้ว่าจบกิจ กิจอื่น เพื่อการอย่างนี้ไม่มีอีก "


    พระพุทธองค์ ก็ให้ไปเรียก พระท่านนั้นมา ว่า เธอ ทำอะไรแบบนั้น จริงหรือ

    ภิกษุรูปนั่นมั่นใจเต็ม ตีน เลยว่า ก็ " สมาธิมันยังไม่สามารถเล่าความอะไรได้เลย
    มันจะเอาอะไรไปรู้ธรรม " ก็เลยตอบพระพุทธองค์ว่า " แหง หละ ข้าทำอย่างนั้นแน่นอน "


    พระพุทธองค์ ก็แจงง่ายๆ

    ท่านเล่า ธรรมบทง่ายๆ ให้ พระท่านนั้นฟัง แล้ว ถามว่า เข้าใจ ธรรม เหล่านี้ไหม

    ก็แน่นอนหละ พระพุทธองค์ ทรงจำแนก แจกแจง ธรรม ภิกษุก็ต้อง เข้าใจ แน่นอน


    พระพุทธองค์ก็เลยตรัสชี้ว่า ก็ " ธรรมะที่เธอได้ฟัง เธอทำความเข้าใจได้ "

    ก็ นั่นแหละกิจอื่นเพื่อการรู้ทั่วถึงธรรม ไม่มีอย่างอื่นอีก

    แล้วก็ตรัสจำแนกว่า " ธรรมฐิติญาณ"เกิดก่อน " วิมุตติญาณ"เกิดทีหลัง

    คนโง่ เท่านั้น ที่จะไป เที่ยว หาร่องรอย " นรก สวรรคิ์ ฌาณ แฌณ ฯลฯ " เพื่อ
    เป็นตัวชี้วัดว่า รู้ทั่วถึงธรรมะ

    อ้อ ถ้าตามพระสูตร ท่านไม่ได้เรียก คนที่เที่ยวทวงถาม ฌาณ แฌณ สมาธิ การรู้
    การเห็น ว่า คนโง่ .................พระพุทธองค์จะเรียกว่า "พวกลักขโมยธรรม"


    " ภิกษุมหาโจร "

    แต่....กรณีนี้ พอ ภิกษุท่านนั้น เข้าใจตนว่า " รู้กิจที่ควรทำ แจ่มแจ้ง " ได้นี่หว่า
    ก็เลย บอกกล่าวขออภัยโทษ และ จะขอมุ่งหน้า ปฏิบัติธรรม ( ทำคืนตามธรรม หรือ สละคืนตามธรรม -- จาคะ นั่นแหละ )

    พระพุทธองค์ก็เลยตรัสรับรองว่า นั่นแหละ " กิจของอริยะ "


    สรุปคือ


    จาคะ (ทาน) กับ ศีล สองตัวนี้ก็ แช่แป้ง ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2014
  7. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    คุณค่อย ๆ มองที่ประตูบานใหม่ หน้าตามันดูคุ้น ๆ
    มันคือประตูห้องนอนของคุณนั้นเอง

    "เข้าไปสิ ประตูสีขาว เข้าเมื่อไรก็ได้ แต่ประตูนี้ ถ้าเข้าประตูขาวแล้วจะเข้าประตูนี้ไม่ได้"

    คุณทำตัวว่านอนสอนง่าย เหมือนกับเสียงที่กล่าวกับคุณนั้นถูกต้อง ไม่มีการโกหกสักอย่าง
    คุณเอามือไปจับที่ลูกบิด แล้วค่อย ๆ หมุนมัน ประตูก็เปิดออก พร้อมกับเสียง

    ข้างในคือภาพห้องนอนของคุณ

    คุณเดินสำรวจทุกอย่าง คุณเห็นว่า ทุกอย่างยังปกติดี อยู่ในสภาพเดิม
    คุณลองนั่งไปที่เตียงของคุณ เพื่อทดสอบว่า ใช่ของจริงหรือเปล่า
    ความรู้สึกที่คุณได้สัมผัสเตียงนั้นเหมือนตอนมีชีวิตทุกอย่าง
    ด้วยความคุ้นเคย คุณจึงโถมตัวนอนลงไปทั้งตัว บนเตียงนั้น
    คุณนอนพลิกซ้าย พลิกขวา ดูมุมทุกอย่าง มันคือห้องนอนของคุณจริง ๆ

    หรือว่าเรายังไม่ตาย? คุณคิดในใจ
    "เปล่า ตายแล้ว" เสียงตอบมาทันที โดยไม่ต้องรอดีเลย์
    คุณลุกจากเตียงในสภาพนอนมาเป็นสภาพนั่ง
    "มาทางนี้สิ นอน นอนเมื่อไรก็ได้"
    คุณหันไปทางต้นเสียง เสียงออกมาจากประตูอีกบานหนึ่งในห้องนอนของคุณ
    แปลก... ห้องนอนคุณไม่เคยมีประตูแบบนี้
    มันเป็นประตูสีส้ม ทำด้วยไม้ ชั้นดี
    ประตูนั้นถูกแง้มเอาไว้ คุณจึงเดินไปที่ประตูนั้น แล้วก็เปิดออก
    พอคุณเข้าไป ในห้อง มองสำรวจดู พบว่าเป็นห้องที่สะอาดมาก
    ผ้าปูถูกพับไว้อย่างดี คุณเดินมาสำรวจที่เตียง
    ก่อนที่จะได้ยินเสียงหนึ่งเรียกชื่อคุณขึ้นมา
    คุณตกใจมาก หันไปทางต้นเสียง
    ปรากฏว่าเป็นคนที่คุณเคยชอบและตกหลุมรัก คนแรกสุดในชีวิต นั้นเอง...


    คุณถึงกับตกใจ เพราะคุณไม่เคยมีโอกาสได้คุยกับเขาเป็นการส่วนตัวเลย
    คุณได้แต่แอบมอง อยู่ไกล ๆ อยู่ในกลุ่มเพื่อน
    คุณระลึกได้ว่านี้เป็นห้องของเขานั้นเอง

    คุณค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ด้วยความรู้สึกประหม่า และสับสน
    เขายืนนิ่ง มองมาที่คุณแบบยิ้ม ๆ
    เป็นยิ้มที่อบอุ่น เป็นยิ้มที่คุณเคยโหยหามานาน
    คุณเริ่มค่อย ๆ เอามือไปใกล้เขา
    เมื่อได้ระยะ คุณก็กอดเขาทันที...





     
  8. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    หลังจากที่คุณกอดเขาแล้ว คุณก็กอดเขาแน่นเข้าไปอีก
    คุณเอาหน้าซุกไปตรงคอเขา พร้อมกับสูดเอากลิ่น ทุกอนูของเขา
    พร้อมกับคิดในใจ นี่ใช่เรื่องจริงหรือ?
    จะอย่างไรก็ตาม คุณเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
    มือคุณเริ่มกันเข้าให้มาอยู่แนบชิดกับคุณมากขึ้น
    มือคุณเริ่มลูบ ไล้ ไปตามร่างกายของเขา
    ร่างอันที่เป็นปราถนาของคุณ ร่างที่คุณไม่เคยมีโอกาสสัมผัสมาก่อนแม้แต่นิด
    ตอนนี้คุณสามารถสัมผัสได้ทุกอนู คุณลูบไล้ไปทั่ว
    เสร็จแล้วคุณก็ผละออกมา เอามือทั้งสองข้างจับที่ใบหน้าของเขา
    จ้องไปที่ดวงตา เขาจ้องตอบ พร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ
    คุณไม่รอช้า คุณจูบเข้าไปที่ปากเขาทันที....

    เขาจูบกลับคุณ
    แล้วก็ @@฿฿฿?7@!@&"'

    55555 ลืมไปว่า นี้เวปธรรมมะ
    ขอข้ามฉากเลิฟซีนไปละกัน

    เอาเป็นว่า ในประตูนั้น คุณสามารถย้อนกลับไปหาอดีตคนรักของคุณได้
    แล้วสามารถจะร่วมรัก อยู่อย่างมีความสุขกับเขาได้นาน เท่าที่ใจต้องการ
    แต่ไม่เกินอายุขัยมนุษย์
    เมื่อผ่านประตูแรก จะมีประตูบานที่สองต่อ
    ประตูบานที่สอง จะเป็นคนรักคนที่สอง
    และประตูจะมีมาก เท่า ๆ กับคนที่คุณเคยรัก เคยแอบชอบ มาทั้งหมด
    แม้แต่คนที่แค่เดินสวนทางกับเพียงชั่วครู่ แต่คุณมีความรู้สึกต้องการเขา
    ก็ยังมีประตูบานนั้นปรากฏอยู่
    ทุก ๆ ครั้งคุณจะสามารถออกจากประตูนั้นกลับมาที่ห้องคุณได้
    ประตูนั้นก็จะมีชื่อคนที่คุณต้องการสลักอยู่
    คุณสามารถจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างประตูนหนึ่งกับอีกประตูหนึ่งได้ ตามใจปราถนา
    แต่ยังไม่สามารถพาเขาออกมาจากห้องได้


    และนี้คือประตูสีส้ม ในห้องของคุณ....

    1 ใน ความสุข ที่คุณไม่เคยและไม่มีวันได้รับ....

    จบตอน.






     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เห็นเขาถามเรื่องเดียวกันถาม นิวณ์ กับ lovepyou ว่า


    ถ้านรกสวรรค์ไม่มีจริง คุณจะยังศรัทธาศาสนาพุทธอยู่หรือไม่?

    ผมเองก็ไม่รู้หรอก ลองจินตนาการดูว่าถ้ามันไม่มี ตายแล้วจบเลย ความดีที่คุณทำมาจะไม่ได้รับการตอบสนองในสวรรค์ คนชั่วที่ทำร้ายคุณจะไม่ได้รับการลงโทษใดๆ ทุกอย่างจบเป็นศูนย์ คุณจะยังศรัทธาศาสนาพุทธอยู่อีกไหม (เพราะอะไร เหตุผล)

    สมมุตินรกสวรรค์ไม่มีจริงคุณจะยังศรัทธาศาสนาพุทธอยู่หรือไม่? - Pantip
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    [​IMG]

    คงเคยเห็นภาพวาดวิมานภาพเทพบุตรเทพธิดา หรือเคยได้ยินได้ฟังได้อ่านกันมาบ้างไม่มากก็น้อย จำภาพจำเรื่องราวเหล่านั้นให้ติดหูติดตาเลยครับ จำไว้
     
  11. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    เคยอ่านเจอในกูเกิลว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เหล่าบรรดาทวยเทพตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกล่อความสนใจของเหล่าอสูรให้มานับถืิอ เหล่าอสูรจะได้ไม่มาสนใจในพระเป็นเจ้าของเหล่าทวยเทพ

    ข้างล่างเป็นหลักพื้นฐานที่ศาสนาพุทธเถรวาทและมหายานมีร่วมกัน
    เป็นคำแถลงว่าด้วยหลักความเชื่อที่มีร่วมกัน บังเอิญไปอ่านเจอในวิกิพีเดีย

    - The Buddha is our only Master (teacher and guide)
    เรามีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา (พระบรมครูและผู้ชี้ทาง) เพียงพระองค์เดียว

    -We do not believe that this world is created and ruled by a God.
    เราไม่เชื่อว่าโลกนี้สร้างขึ้นและปกครองโดยพระเป็นเจ้า

    เหล่าอสูรอยู่ได้แค่รอบๆตีนเขาพระสุเมรุ อยากขึ้นมาอยู่สวรรค์แบบเหล่าทวยเทพบ้าง เหล่าทวยเทพเลยตั้งศาสนาพุทธแล้วสอนเรื่องสวรรค์เพื่อหลอกอสูร เรียนไปปฏิบัติกันไปเหล่าอสูรก็งงกันเองเถียงกันเองในเรื่องนรกสวรรค์ บางทีก็เถียงกันเลยเถิดไปถึงเรื่องอนัตตาไม่อนัตตา เหล่าทวยเทพเห็นเหล่าอสูรงวยงงก็พากันหัวเราะชอบใจ..

    ของจริงต้องแบบลิงค์ข้างล่าง
    http://www.bloggang.com/ฝันว่าเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิดหลังรับแสงทิพย์จากองค์ต้นธาตุต้นธรรม และความจริงที่น่าเศร้าของพุทธมหายาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2014
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ถาม teww ด้วย คำถามเดียวกัน
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    คลิปนี้มีคำตอบ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=P3pELaXSSAM]วันที่พุทธหายไปจากอินเดีย - YouTube[/ame]
     
  14. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    มิน่าคนที่เขาไปดูไปเห็นได้เขาถึงไม่อยากจะกลับมาอีก เรื่องแบบนี้อยู่ที่บุญบารมีที่เคยทำล่ะมั้ง เรื่องภาวนาก็ไม่รู้เหมือนกัน
     
  15. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    เคยได้ยินไหมว่าวิญญาณเป็นอมตะไม่มีคำว่าดับสูญ ลองเปิดใจศึกษาศาสนาอื่นดูบ้าง แล้วที่ถามมาจะรู้คำตอบด้วยตัวเอง

    เราคิดว่าโลกธาตุนี้มีแค่สามอย่างคือ 1.โลกคนเป็น 2.โลกคนตายซึ่งซ้อนๆกันอยู่กับโลกคนเป็นซึ่งได้แก่พวกผี ปีศาจ เทวดา พรหม เทพ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ตามนัยของศาสนาพุทธ และ3.ดินแดนอันเป็นที่ประทับของผู้สร้างโลกธาตุโลกธรรมที่เราๆท่านๆควรกลับไปให้ได้

    เมื่อก่อนเราก็เคยบ้าศาสนาพุทธเหมือนกันนะ เคยคิดว่าเราโชคดีมากที่เกิดมาพบศาสนาพุทธ เราตะเวณไปเหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก พระภิกษุในพุทธศาสนาที่ว่าดังๆมีชื่อเสียง ได้ไปกราบไหว้ทำบุญมาหมด ฝึกมาหมดทั้งวิชชาธรรมกาย มโนมยิทธิ มาบัดนี้เราหูตาสว่างแล้ว หลังเราได้รับพลังทิพย์จากสมเด็จพ่อพระบรมบิดาผู้สร้างโลกธาตุโลกธรรม ตอนนี้จะเรียกว่าเราไม่มีศาสนาแล้วก็ว่าได้เพราะเราขึ้นตรงต่อสมเด็จพ่อพระบรมบิดาผู้สร้างโลกธาตุโลกธรรมพระองค์เดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2014
  16. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ศรัทธาเพราะศาสนาอื่นก็มีสวรรค์ เช่น ศาสนาคริสต์ แต่ที่ศรัทธาในศาสนาพุทธก็เพราะคำสอนที่ว่าไม่ให้ยึดอะไรเพราะไม่มีอะไรที่เราเป็นเจ้าของครองสิทธิ์ กฎของไตรลักษณ์

    เคยอ่านเจอนานแล้วพิจารณาแล้วว่าจริง ประทับใจส่วนตัว แล้วแต่ว่าใครประทับใจอะไร

    "ศาสนาพุทธจะอุบัติขึ้นหรือไม่ก็ตาม
    โองการอันเฉียบขาดของไตรลักษณ์เป็นจักรผันนิจกาล
    ดลบันดาลทุกสิ่งแล้วทุบทิ้ง
    อันไม่มีใครเป็นเจ้าของครองสิทธิ์"
    พระพุทธเจ้าท่านค้นพบฯลฯแล้วท่านก็นำมาสอนเรา ให้คิดเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่ แล้วความเชื่อนั้นก็ไม่ทำร้ายใคร
    นรกสวรรค์ฉันตอนนี้ยังไม่เห็นแต่ฉันก็รู้ว่า "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ"
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    สมเด็จพ่อที่ว่านี้ชื่ออะไรครับ
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ที่ว่านั้น ช่วยขยายความหน่อยสิครับ มันยังไง สวรรค์ในอก นรกในใจ
     
  19. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    สรรพสิ่งในโลก ล้วนเป็นหนึ่งเดียวขึ้นตรงต่อผู้สร้างโลกธาตุโลกธรรมพระองค์เดียว ซึ่งมีพระนามแตกต่างกันไปตามแต่ละแห่งที่เรียกขาน

    หากสนใจจะศึกษาเรื่องนี้ มิใช่ถามเพื่อลองภูมิ ก็เชิญตามลิงค์ข้างล่าง

    http://www.bloggang.com/ความลับที่ศาสดาศาสนาพุทธพระองค์แรกไม่บอกให้บริวารรู้
     
  20. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    โลกท่ีเราอยู่นี่นิ มันของปลอมนิ

    อย่าไปยึดติดนิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...