++ร่วมแชร์เรื่องราว++หลวงปู่ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ดุจเพชร, 22 พฤศจิกายน 2014.

  1. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    [​IMG]
     
  2. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน สงบ ร่มเย็น
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม สงบร่มเย็นมากๆผมไปบ่อยๆก็ไม่เคยเบื่อเลยครับ
     
  4. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    เรื่องธุดงค์..
    ครูบาท่านเคยเล่าเรื่องตอนท่านธุดงค์ให้ผมฟังบางเรื่องก็มหัศจรรย์และตื่นเต้น เวลาว่างก็ชอบแอบถามท่านเรื่องที่ท่านไปธุดงค์ บางเรื่องฟังสนุกดี
    ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเรื่องสมัยที่ท่านไปธุดงค์ตามที่ต่างๆ ก่อน ในหนังสือของวัดมีเขียนไว้ ลอกเอามาประกอบเพื่อความเข้าใจ...
    ครูบาออกธุดงค์องค์เดียวตั้งแต่ อายุ 12-20 ปี เมื่อยังเป็นเณร กลับเข้ามาบวชเป็นพระแล้วออกธุดงค์ไปอีก ตั้งแต่อายุ 20-26 ปี ระหว่างอายุ 12-15 ปีก็ธุดงค์กับครูบาก๋า (ครูบาชัยลังก๋า) ครูบาพรหมจักร (วัดพระพุทธบาทตากผ้า) ติดตามครูบาอาจารย์ไป ท่านเล่าว่า....
    อยู่ป่าสนุกกว่าอยู่บ้าน ธุดงค์ไปบำเพ็ญองค์เดียว อยู่บ้านกลัวผี อยู่ป่าไม่กลัว ธุดงค์ไปองค์เดียว เข้าบ้านเข้าเมืองกลัวผีสะปะ (เยอะแยะ) เวลากางกลดกางร่มก็อธิษฐานว่า "สัตตา อธิษฐามิ" อยู่ใต้ต้นไม้ก็ไปทักเทวดาต้นไม้ ในถ้ำก็พัก ป่าเปล่าๆ ก็พัก บ้านก็พัก อยู่ห้างอยู่หอก็อยู่ไป อยู่ร่มไม้เงิบผาเงิบหิน เวลาบิณฑบาตข้าวในป่าบางทีเขา(เทวดา) ก็มาส่งให้ บิณฑบาตตามต้นไม้ก็มี บางทีเอาบาตรห้อยไว้กับกิ่งไม้ ตี 4 ตี 5 กลับมานั่งภาวนา บางทีก็หลับยังไม่ตื่น เขาก็มาเรียก บางทีเขาก็มาใส่บาตร เทวดาใส่หรือคนใส่ก็ไม่รู้ ข้าวเทวดาหอมสีแดงๆ มีแต่ข้าวเปล่า อาหารไม่มีเหมือนกับข้าวคน แต่อร่อย บางทีก็กินลูกไม้ใบไม้แทนอาหาร ที่กินได้ก็รู้ ที่กินไม่ได้ก็รู้ เคยกินมาก่อน ส่วนใหญ่เอาบาตรแขวนไว้แล้วภาวนาไป ง่วงก็นอนหลับ ตื่นขึ้นมา เขาก็เอาข้าวมาใส่ให้แล้ว ทำสมาธิกลางคืนดี ใจไม่ฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะทำอะไร กลางวันคิดมากงานเกิดขึ้น แจ้งมาแอ่ว (เที่ยว) ดูโน่น ดูนี่พิจารณาไป ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกคนเป็นทุกข์ พิจารณาไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็น่าสนุกน่าดู
    <hr>
    บันทึกของ พระป่านิกร
    เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแก่งสร้อย
    เขียนเกี่ยวกับครูบา...
    ตอนสร้างบุญใหญ่หล่อพระพุทธรูปหน้าตัก 11 ศอก บุญกุศลที่ได้ทำในครั้งนี้ใครปรารถนาจะเป็นพระโปรดสัตว์ เป็นสาวกภูมิ เป็นพระอรหันต์ หมดกิเลสอาสวะให้เข้าถึงพระนิพพานโดยเร็วในชาติปัจจุบันนี้ ก็ปรารถนาเป็นอธิษฐานบารมี
    อย่าไปปรารถนาเอากิเลสคืออยากเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี อยากเป็นนั่นเป็นนี่ ไม่ดี นี้คือคำสอนของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงษาได้สอนพวกเราที่เป็นศิษย์มาตลอดทุกครั้งที่ทำบุญใหญ่
    หลวงปู่พระครูบาเจ้าชัยยะวงศา ท่านอบรมอยู่บ่อยๆว่า ชีวิตเป็นของน้อย เกิดมาก็มีความตายครอบงำมาตลอด ขอให้อย่าประมาท ให้รีบทำบุญทำกุศล อย่าไปรอวันและเวลา ให้ทำอยู่เนืองๆ แล้วจิตจะเป็นกุศลจนถึงปรมัตถปารมี จะได้ไม่เบื่อหน่ายในทานบารมี เป็นเรือสำเภา จะได้ให้พวกเราขี่ข้ามมหาสมุทร คือวัฏฏะสงสารให้ถึงพระนิพพานโดยเร็ว
    ครูบาเจ้าสอนไม่ให้รอวัน รอเวลา เมื่อได้เกิดมาเป็นคนก็ถือได้ว่ามีโอกาสแล้ว เราไม่มีทรัพย์อยู่ที่บ้าน ก็ให้หมั่นขยันไหว้พระ สวดมนต์ภาวนา ถวายข้าวพระพุทธ ดอกไม้บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธบาท พระธาตุเจดีย์ ต้นโพธิ์ ก็มีอานิสงส์อันประเสริฐแล้ว
     
  5. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    การสอนธรรมะของครูบา...
    งานที่ยากยิ่งแต่ทำได้สำเร็จอย่างหนึ่งของท่านคือ การอบรมสั่งสอนพวกชาวเขาเผ่าต่างๆ ให้เข้าใจธรรมะ ให้ถือศีล 5 ให้ทำทานใส่บาตร รักษาศีล ให้ภาวนานับลูกประคำทุกวันๆ ละ 3 ครั้ง ให้ละเลิกการนับถือผี ซึ่งพวกชาวเขาเชื่อมาแต่เดิม ให้เคารพพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ให้เลิกฆ่าสัตว์ ให้เลิกกินเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นงานที่ยาก ยากกว่าที่จะมาสอนหมู่คนที่ปกติอย่างเราๆ เคยทำบุญหรือมีจิตใจน้อมนำในทางศาสนาอยู่แล้ว จนเปลี่ยนให้พวกชาวเขามาติดตามรับใช้ครูบาท่านได้ ท่านเองก็พยายามหัดพูด หัดเขียนภาษากระเหรี่ยง (เมื่อก่อนท่านพูดไม่ได้) เพื่อใช้สั่งสอนพวกกระเหรี่ยงได้คล่องแคล่ว ญาติโยมมาจากทิศไหน ท่านก็จะใช้ภาษานั้นสอนให้เหมาะสมเป็นหมู่คณะไป
    ครูบาท่านสอนธรรมะได้ทุกระดับ ให้ตรงกับจริตของแต่ละคนไป ส่วนใหญ่ท่านจะพูดน้อย แต่ถ้าสอนมาแต่ละครั้ง คำสอนของท่านจะลึกซึ้งมีความหมายให้มาขบคิด บางทีท่านก็จะให้เราตีความ หรือจะย้อมถามว่าเข้าใจไหม ไม่ให้เราฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ถ้าได้ฟังท่านสอนสักครั้งก็จะจำได้ตลอดไป
    ผมเคยเห็นบ่อยๆ ขอยกตัวอย่างนึง มีชายคนนึงมาจากระยอง (ถ้าจำไม่ผิด) มาที่วัด มาขอให้ครูบาสอนธรรมะ เค้าบอก
    "ครูบาเทศน์ให้พวกผมฟังหน่อย"
    ผมก็คอยฟังว่าท่านจะสอนอะไรให้คณะชายคนนั้น ครูบาท่านไม่เทศน์สอน แต่ท่านบอก
    "ให้เลิกเล่นพนัน เล่นม้าได้ก่อน ค่อยมาหาครูบา"
    ผู้ชายคนนั้นก็ก้มลงกราบที่เท้าท่านทันที เค้าบอก ครูบานี่พูดแทงใจดำจริงๆ แล้วพวกคณะนั้นก็หัวเราะชอบใจ เค้าบอกว่าพวกเค้าเป็นพวกเซียนพนัน
    <hr>
    คําสอนหลวงปู่
    ท่าน ได้กล่าวสอนบรรดาศิษย์ ไว้ว่า....
    เวลา เราก็มีไม่มาก
    เกิดมาชาติหนึ่ง
    เวลาสูญเปล่ามีมาก
    เวลาทำงานจริง ๆ มีไม่มาก
    เวลาสูญเปล่า มีตลอดชีวิต
    เวลาเหลือน้อย
    จะทำอะไร ให้รีบทำ
    <table border="0" cellspacing="1" align="left"> <tbody> <tr> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    หลวงปู่ฯ ท่านไม่เคยประมาทในชีวิต
    ตลอดชีวิตท่าน ทำงานแทบไม่มีวันหยุด
    แม้ในวัยที่ท่านชราภาพมากแล้ว ท่านก็ไม่หยุดหย่อน
    ทั้งกลางวัน ต้อนรับลูกหลาน ศรัทธาสานุศิษย์ และงานการก่อสร้าง
    กลางคืน งานขีดเขียน เอกสารในทางธรรม เวลาพักผ่อนโดยแท้ แทบไม่มี
    เมื่อมีบรรดาลูกหลาน และศิษย์ ถามหลวงปู่ฯ ด้วยเป็นห่วงกังวลว่า
    “..หลวงพ่อ เหนื่อยไหม”
    ก็ได้รับคำตอบว่า “..เหนื่อยไม่ทัน” บรรดาศิษย์ ก็อาจจะงง ในคำตอบ
    แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดท่าน ก็จะเข้าใจได้ ที่ท่านบอกว่า
    เหนื่อยไม่ทัน ก็คือ.. ไม่มีเวลาที่จะเหนื่อย
    ท่านทำงานติดต่อกันไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน ทั้งคืน
    เวลาพักผ่อนนับได้ว่า มีน้อยมาก
    ท่านเพียงตั้งความประสงค์ ไว้ว่า..
    ต้องการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่คนทั่วไป
     
  6. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    พระธาตุข้าวบิณฑ์
    โพสท์โดย มหาหิน เมื่อ 08-03-2009
    <table border="0" cellspacing="1"> <tbody> <tr> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td></tr></tbody></table>​
    ความเป็นมา
    หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เล่าไว้ว่า..
    ท่านเห็นในนิมิตว่า มีถ้ำแห่งหนึ่งในเขตอำเภอดอยเต่า มีพระธาตุสำคัญเกิดขึ้น
    สืบเนื่องจากในอดีต ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เทข้าวที่เหลือจากการฉัน ไว้ ณ บริเวณนั้น
    ด้วยพุทธานุภาพ ข้าว ดังกล่าวได้กลายเป็น พระธาตุข้าวบิณฑ์
    หลวงปู่ฯ จึงอธิบายถึงบริเวณ และลักษณะ พระธาตุข้าวบิณฑ์ ให้ชาวเขาไปค้นหา
    และก็เป็นไปตามที่ท่านได้บอกกล่าวจริง ๆ ท่านจึงอธิษฐานจิต และ แจกจ่ายให้แก่ลูกหลานเก็บไว้ สักการะ
    อานุภาพพระธาตุข้าวบิณฑ์
    ท่านบอกไว้ว่า สามารถอาราธนาใส่น้ำเป็นน้ำมนต์ รักษาโรคภัยที่ไม่เหนือวิสัยได้
    ใครที่มีไว้บูชา จะมีความคล่องตัว ไม่อดอยาก
    พระธาตุข้าวบิณฑ์ มีผลต่อผู้ที่เป็น สัมมาทิฐิบุคคล
    จะเสด็จมาเพิ่มเติม และลดจำนวนลงได้ รวมทั้งจะแตกหักเสียได้ เช่นกัน
    <hr>
    พระอุปคุตชนะมาร
    <table id="table22" border="0" cellspacing="1" align="left"> <tbody> <tr> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT: 10pt/19px Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2)" class="pic_descript"> พระอุปคุตจกบาตร
    </td></tr></tbody></table>
    ขออนุญาต เล่าเรื่องพระอุปคุต กับ พระพิมพ์นี้
    ช่วงสายๆ ของประมาณเดือน มีนา หรือ เมษา จำ พ.ศ.ไม่ได้ หลังครูบาว่างจากรับแขก ก็นั่งคุยกับครูบา รับใช้ท่านตามปกติ ถามท่านเรื่องพระอุปคุต ท่านก็บอกว่าพระอุปคุต จะคอยระวังภัยในพระพุทธศาสนา ครูบาท่านทำท่า อุปคุตจกบาตรให้ดูด้วย ท่านบอกว่า ขนาดฉันข้าว ยังต้องคอยมองท้องฟ้า ป้องกันไม่ให้พวกมารมาทำอะไรพระพุทธเจ้า (ครูบาท่านเอาพระอุปคุตไม้แกะของผมไปอธิษฐานให้หน้าที่บริเวณท่านสวดมนต์...ตอนหลังผมก็ลืม ทิ้งไว้นานเป็นสองปี ถึงไปเอาคืน)
    <table id="table23" border="0" cellspacing="1" align="right"> <tbody> <tr> <td style="FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    ใครไปวัดห้วยต้มจะเห็น ว่า ครูบาท่านจะตั้งศาลพระอุปคุตไว้ บริเวณศาลาพรหมจักรโก เวลามีงานพิธีอะไรต่างๆ ท่านจะเชิญพระอุปคุตทุกครั้ง ครูบาท่านให้ความสำคัญกับพระอุปคุตมาก
    ส่วนพระพิมพ์นี้ เคยถามท่านว่า..ครูบาอยากให้ทำพระพิมพ์ไหนอีกไหมครับ (ในช่วงนั้น) ท่านบอกให้ผม ถ้าจะทำให้ทำพิมพ์นี้ ท่านบอกให้ทำเป็นพิมพ์อุปคุต 1 พิมพ์ และ สังกัจจายน์ 1 พิมพ์ อีกด้านเป็นรูปครูบาท่าน ขนาดเท่าเล็บหัวแม่มือท่าน ตอนแรกตั้งใจจะทำ แต่โยมอีกคนที่รู้ข่าว ขอไปทำถวายท่านก่อน แต่สรุปว่าพระพิมพ์นี้ เป็นพระที่ทำตามแบบที่ท่านบอกนั่นเอง ส่วนการอธิษฐานครูบาท่านคงทำไว้อย่างดีแล้ว
     
  7. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    ครูบาสอนลูกศิษย์ ๑
    ลูกศิษย์คนไหน ที่เคยได้รับใช้ท่าน คงจะคุ้นเคย ครูบาท่านจะเอาเงินที่ญาติโยมถวายมาจัดเรียงอย่างดี บางแบงค์ที่ยับๆ หรือไม่สะอาด ท่านจะเอามาใส่ขันน้ำเพื่อล้าง และตากให้แห้งแล้วเอามารีดให้เรียบ
    พวกลูกศิษย์คงได้ช่วยท่านทำกันบ่อยๆ เคยถามท่านว่า...ทำไปทำไม
    ครูบาท่านว่า " คนไม่รู้จักค่าของเงิน คนไม่เคารพพระเจ้าอยู่หัว"
    ส่วนตัวผมก็จะติดนิสัยตามท่าน ต้องเอาธนบัตรที่ยับๆ มารีดให้เรียบเสมอ เดี๋ยวครูบาท่านจะตำหนิเราได้ว่า ไม่เคารพค่าของเงิน เดี๋ยวจะค้าขายไม่เจริญ
    ครูบา สอน ลูกศิษย์ ๒
    จำได้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อได้อยู่อุปัฏฐากท่าน มีโยมส่งพัสดุไปรษณีย์มาถวาย ท่านบอกให้เปิดกล่อง เราเองด้วยความคุ้นเคย มักง่ายจึงหยิบกรรไกรจะตัดเชือกที่มัดพัสดุ ท่านห้ามไว้โดยบอกว่า
    "อย่าตัด ค่อยๆ แก้...ถ้าไม่ตัด พอแก้เสร็จก็ใช้มัดอย่างอื่นได้อีก...คนไม่รู้จักแก้เชือก..ก็จะไม่รู้จักแก้ปัญหา"
    และเต่าสำลีที่ท่านพับ โดยบรรจุพระธาตุข้าวและเกศานั้นเป็น สำลีที่ท่านเช็ดตาเมื่อเปลี่ยนคอนแท็คเลนส์ หรือบางทีท่านนำมาฝั้นเป็นเชือกไว้มัดคัมภีร์ธรรมใบลาน ท่านจะสอนให้พวกเรามัธยัสถ์ ไม่ฟุ่มเฟือย
     
  8. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    [​IMG]
     
  9. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    P1010234.jpg P1010231.jpg

    P1010213.jpg P1010248.jpg

    P1010220.jpg P1010203.jpg

    P1010209.jpg P1010224.jpg



    ผมไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม สมัย หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ยังมีชีวิตอยู่ เคยไปทำบุญกับหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ประทับใจหลวงปู่มาก หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ดูใจดี สมถะ สันโดษ เมตตาสูง คุณธรรมสูง เกิดมาชาตินี้ ประทับใจมาก
    วันที่หลวงปู่มรฌะภาพ ผมอยู่เชียงใหม่พอดี ได้ไปสักการะหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา หลังจากนั้นก็มีโอกาสไปทำบุญที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ผมอาศัยที่กรุงเทพครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2015
  10. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    เป็นบุญใหญ่มากเลยครับที่ได้มีโอกาสทำบุญกับหลวงปู่ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับและขอบคุณสำหรับภาพสวยๆของวัดพระพุทธบาทห้วยต้มด้วยครับ
     
  11. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    ครับ อนุโมทนาบุญคุณหมื่นลี้เช่นกัน สำหรับภาพถ่ายผมถ่ายเองขอบคุณที่ชมครับ นำภาพถ่ายมาลงเผื่อใครไม่เคยไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้มจะได้เห็นความงดงามของวัดพระพุทธบาทห้วย
    ต้ม
     
  12. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    ผมเข้ามาแก้ไขอักษรทั้งที่ได้ตรวจอักษรว่าถูกต้องแล้ว แสดงให้เห็นว่าแม้กลุ่มเราศรัทธาในพระพุทธศาสนา ผู้ที่ไม่หวังดีต่อกลุ่มเรามีอยู่จริง
     
  13. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    ครูบาศรีวิชัย
    ทุกวันตอนเช้า-ตอนเย็นตอนครูบาวง ท่านจะนำพวกลูกศิษย์สวดมนต์ทำวัตรนั่งสมาธิ และนำพวกเราไหว้อาจารย์ทุกองค์ ไม่ว่าจะครูบาศรีวิชัย ครูบาขาว ครูบาชัยลังก๋า ครูบาพรหมจักร
    ตอนครูบาวงท่านยังอยู่ ถ้ามีโอกาสมักจะชอบให้ท่านเล่าเรื่องครูบาศรีวิชัยให้ฟัง เนื่องจากผมเกิดไม่ทัน และก็อยากทราบเรื่องราวของครูบาอาจารย์องค์อื่นบ้าง
    เคยถามท่านว่า "ครูบาศรีวิชัยสอนอะไรครูบาบ้างครับ"
    ครูบาวงท่านตอบ "ลูกศิษย์ติดตามครูบาศรีวิชัยเยอะ ห้อมล้อมเต็มไปหมด เข้าไปไม่ค่อยถึงตัวท่าน บางทีเห็นไกลๆลิบๆ ท่านอยากจะใช้งานอยากจะสอนอะไรครูบาท่านจะให้คนมาตาม"
    ในหนังสือของวัดห้วยต้มก็เขียนไว้เกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยคล้ายๆ กับที่ครูบาวงเล่า....
    ในวันหนึ่งๆ จะมีผู้คนทั้งไทยและกระเหรี่ยงนำโภชนาหารมาใส่บาตรอย่างมากมาย ครูบาศรีวิชัยท่านจะออกบิณฑบาตตั้งแต่ตี 4 กว่าจะใส่บาตรเสร็จก็ประมาณ 8 โมงเช้า พระเณรที่อยู่กับท่านมีจำนวนมาก บางครั้งมีถึง 500 กว่าองค์
    ผู้ที่มีโอกาสมาในงานทำบุญตานใช้ตานแทน ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ได้เห็นการทำบุญใส่บาตรของผู้ร่วมในพิธีมากเพียงไร ในสมัยครูบาศรีวิชัยก็เป็นเช่นนั้นทุกวัน
    สำหรับผู้ที่ทำอนันตริยกรรมแล้ว ครูบาศรีวิชัยท่านจะปิดฝาบาตร ไม่ยอมรับอาหารจากผู้นั้น และเมื่อเดินผ่านไปท่านจะเปิดฝาบาตรตามเดิม
    เคยเรียนถามหลวงพ่อว่า ทำไมจึงไม่ทำอย่างครูบาศรีวิชัยท่านบ้าง
    หลวงพ่อท่านบอกว่า บารมีของหลวงพ่อยังไม่มากอย่างท่าน
    และอีกอย่างหนึ่งหลวงพ่ออยากให้ลูกศิษย์ทุกคนเป็นคนดี ถึงแม้หลวงพ่อเองจะทุกข์จะถูกผู้อื่นดูถูกอย่างไร หลวงพ่อทนได้ ขอให้ลูกศิษย์มีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รักใคร่ปรองดองกันเหมือนอย่างที่หลวงพ่อรักและเมตตาต่อลูกๆ หลวงพ่อก็พอใจแล้ว
    ครูบาท่านเมตตาต่อลูกศิษย์เสมอ ส่วนเรื่องครูบาศรีวิชัยที่ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังยังมีอีก ต้องค่อยๆ ทยอยเขียน
     
  14. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    [​IMG]

    พระดีแบบครูบาวงศ์ไม่มีอีกแล้ว
    มีโยมอีกคนหนึ่ง เป็นศิษย์ของครูบาชัยวงศ์ และได้เคยปวารณากับท่านว่า จะคอยทำหน้าที่รับ-ส่งท่าน ในเวลาที่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตอนนั้นที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มยังไม่มีรถประจำวัด
    วันหนึ่งได้ตั้งใจขับรถไปรับครูบาวงศ์ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่ อ.ลี้ เพื่อรับท่านไปขึ้นเครื่องบินเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างทางต้องผ่าน อ.ป่าซาง ก็ได้พบตุ๊พ่อมา ซึ่งเป็นพระวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง เพื่อกลับวัด จึงได้นิมนต์ให้ขึ้นรถ แล้วขับไปส่งท่านที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    เมื่อไปถึงวัด จึงได้เข้าไปกราบนมัสการครูบาพรหมจักร และได้กราบเรียนท่านว่ากำลังจะไปรับครูบาวงศ์เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่ ครูบาพรหมจักรได้เมตตาสอนว่า "...พระดีแบบครูบาวงศ์ไม่มีอีกแล้ว หาได้ยาก ให้ไปรับ-ส่ง คอยอุปัฏฐากให้ดีนะ..."

    พระองค์นี้สำคัญนะ
    ศิษย์ใกล้ชิดที่รับใช้ครูบาวงศ์มานานท่านหนึ่ง ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า ได้ยินมาจากปากของคุณวิทยาซึ่งเป็นศิษย์ของ หลวงปู่เปลื้อง อริยสงฆ์แห่งเมืองใต้ (ปัจจุบันท่านสิ้นไปแล้ว) ได้ถ่ายทอดคำพูดของหลวงปู่เปลื้องที่พูดถึงครูบาวงศ์ว่า เมื่อครั้งที่ไปรับหลวงปู่เปลื้องที่สนามบินเชียงใหม่ ในเที่ยวบินนั้นมีหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์โดยสารมาด้วย หลวงปู่ทั้งสองได้สนทนากันเพียงเล็กน้อย พอลงจากเครื่องต่างก็มีลูกศิษย์มารับ ระหว่างทางหลวงปู่เปลื้องได้เปรยกับคุณวิทยาว่า พระองค์นี้สำคัญนะ ให้หาโอกาสไปกราบให้ได้
     
  15. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    คำยกย่องจากพระเถระ
    การบำเพ็ญเพียรทางจิตของครูบาชัยวงศาได้เจริญรุดหน้าจากการเล่นกสิณ ๑๐ ไปจนถึงการบำเพ็ญทางฌานบารมีและอภิญญา กล่าวกันในหมู่พระทรงฌานทั้งหลายว่าครูบาชัยวงศาเป็นพระอริยสุปฏิปันโนที่ทรงอภิญญาแก่กล้ามาก
    หลวงปู่ครูบาพรหมจักรแห่งวัดพระบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูนได้กล่าวถึงครูบาชัยวงศาต่อหน้าศิษย์นับร้อย เมื่อครั้งเดินทางไปทอดผ้าป่าว่า "...พวกลูกมีบุญมากและโชคดีที่ได้มาพบพระระดับหลวงพ่อวงศ์ ซึ่งเป็นพระปฏิบัติดี มีคุณธรรมสูง เคยเดินธุดงค์มาด้วยกันกับท่าน หลวงพ่อได้อะไร หลวงพ่อวงศ์ก็ได้เช่นเดียวกัน ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย... อย่าเสียทีที่เกิดมามีบุญ ได้พบพระระดับหลวงพ่อวงศ์ ควรสอบถามข้อธรรม และปฏิบัติตามหลวงพ่อวงศ์ให้มากๆ..."
    <table id="table6" border="0" align="left" width="189"> <tbody> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript"> หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร
    </td></tr></tbody></table>
    อีกองค์หนึ่ง คือ หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร วัดดอนมูล อ.สันกำแพง เมื่อครั้งที่ครูบาชัยวงศานำผ้าป่าไปทอด หลวงปู่คำแสนถึงกับลงมารับ พร้อมกับแสดงความดีใจที่ได้พบหลวงพ่อวงศ์ นิมนต์ให้ครูบาชัยวงศานั่งบนอาสนะที่สูงกว่า ครูบาชัยวงศาไม่ยอมเพราะเห็นว่าพรรษาของท่านน้อยกว่า และคุณธรรมก็น้อยกว่าหลวงปู่คำแสน แต่หลวงปู่คำแสนกลับตอบว่า "...หลวงพ่อวงศ์พรรษาน้อยกว่าก็จริง แต่ด้านคุณธรรมสูงกว่ามาก..." จึงไม่ยอมนั่งสูงกว่าครูบาชัยวงศา เมื่อต่างก็เถียงให้นั่งสูง บรรดาลูกศิษย์จึงยกอาสนะอีกตัวหนึ่งให้หลวงปู่คำแสนนั่ง เพื่อให้เสมอกัน หลังจากหลวงปู่คำแสนนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้หันมาบอกกับลูกศิษย์ที่ติดตามไปว่า
    "...ลูกโชคดีนะ ที่ได้พบพระอริยสุปฏิปันโน ที่มีคุณธรรมสูงอย่างท่านครูบาชัยวงศา ให้ปฏิบัติธรรมให้เก่งอย่างครูบาวงศ์นะ เพราะท่านเป็นพระกรรมฐานพิจารณากฎไตรลักษณ์ได้แล้ว ลูกต้องซักถามท่านให้มากๆ จะได้กุศลอันสูงส่ง...ในชาตินี้"
    คุณธรรมความดีของครูบาชัยวงศา ได้แพร่ขยายไปในหมู่ชาวเขาตามชายแดนพม่ามาก โดยเฉพาะเป็นที่ยกย่องนับถือของ "ครูบาราช" พระทรงฌานที่มีอิทธิฤทธิ์มาก ทุกปีครูบาราชจะต้องเดินทางไปกราบครูบาชัยวงศา ที่พระพุทธบาทห้วยต้มไม่เคยขาด
    ครูบาราชเป็นพระทรงอภิญญาที่ล่วงรู้อดีต ปัจจุบัน และรู้วาระจิตของคนด้วย มีครั้งหนึ่งที่สามารถทายอดีตของนักศึกษาหนุ่ม ผู้ให้รายละเอียดเรื่องราวของครูบาวงศ์องค์นี้ได้ถูกต้อง บอกชื่อ บอกนามสกุล บอกวันเดือนปีเกิด และวงศาคณาญาติได้ถูกหมด ที่น่าทึ่งก็คือ สามารถบอกไปถึงประวัติของบิดามารดาได้ถูกต้อง ทั้งที่ครูบาราชไม่เคยรู้จักกับน้องคนนี้มาก่อน ครูบาราชได้พูดขึ้นว่า "...ลูกพยายามหัดกัมมัฏฐาน และวิชาจากครูบาวงศ์ให้หมดนะ...เพราะจะหาพระกัมมัฏฐานระดับนี้ยากมากนัก แต่ครูบาวงศ์ท่านเทศน์ไม่เก่ง ต้องคอยสอบถามและตั้งใจให้ดีนะ เพราะครูบาวงศ์เป็นพระไม่คุยมาก..."
    อีกเรื่องหนึ่งจากคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิดเล่ามาว่า มีพระอภิญญารูปหนึ่งชื่อ "พระอนันตยา" อยู่ในประเทศพม่า ท่านองค์นี้ยังไม่เคยพบหลวงพ่อวงศ์มาก่อน (ด้วยกายหยาบ) แต่เคยพบบ่อยๆ ทางสมาธิจิต ปกติท่านจะนำของมาทำบุญในเทศกาลสำคัญๆ ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มอยู่เสมอโดยใช้เวลาเดินทางถึง ๘ วัน นับเป็นความอุตสาหะอันยิ่งใหญ่ ได้เคยมีผู้กราบเรียนถามถึงความอุตสาหะในข้อนี้ ได้รับคำตอบจากพระอภิญญารูปนั้นว่า
    "...ต้องการมากราบหลวงพ่อวงศ์ เพราะท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ประเสริฐ สมัยนี้จะหาพระสุปฏิปันโนเช่นนี้ไม่ได้ง่ายๆ ใครได้มาฟังเทศน์ทำบุญ จะได้กุศลมหาศาล..."
    ตามปกติครูบาวงศ์ ไม่เคยรู้จักกับพระอนันตยารูปนี้มาก่อน แต่พระอนันตยากลับเป็นฝ่ายติดตามครูบาวงศ์ โดยได้ฝากปัจจัยเพื่อร่วมสร้างรูปเหมือนของครูบาวงศ์เพื่อนำไปไว้ที่ประเทศพม่า ให้ชาวพม่าที่เคารพเลื่อมใสได้กราบไหว้ โดยฝากมากับฤาษีณี เดินทางจากพม่ามาเยือนไทย เพื่อฝากครูบาวงศ์ให้ช่วยหาช่างในเมืองไทยทำให้อีกที
    เมื่อฤาษิณีไปถึงวัดไม่ทันจะอ้าปากบอกครูบาวงศ์ชิงบอกเสียก่อนว่า ได้คุยกับพระอนันตยาถึงเรื่องการสร้างรูปเหมือนแล้ว ได้รับปากว่าจะจัดการให้ ท่านได้ฝากบอกไปกับฤาษิณีให้ไปเรียนพระอนันตยาด้วย
    ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาหลายคนแปลกใจไปตามๆกัน เพราะทั้งครูบาวงศ์และพระอนันตยาต่างก็อยู่กันคนละประเทศ และไม่เคยพบกันเลยในทางรูปธรรมตอนเมื่อก่อนหน้านี้ ทำไมได้รู้จักและคุ้นเคยกันแล้ว แปลกแท้ๆ และในภายหลังท่านทั้งสองจึงได้เดินทางมาพบกัน
    เป็นที่ยอมรับกันในหมู่พระธุดงค์ว่า ครูบาวงศ์เป็นพระทรงอภิญญา สามารถทำอะไรแปลกๆได้ คือ หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้วาระจิต ระลึกชาติ รู้กำเนิดสัตว์ แม้แต่ในหมู่ศิษย์ใกล้ชิดเองหลายๆคน ต่างเคยประสบพบเห็นความสามารถพิเศษของท่านในหลายๆ เรื่องจนเป็นที่ประจักษ์แก่ตามาแล้ว เป็นประสบการณ์เฉพาะตน ที่บางคนไม่กล้าเผยแพร่ และมีอยู่มากมายจนมิอาจนำมาบรรยายเขียนถึงในที่นี้ได้หมด คงต้องรวมเล่มจัดพิมพ์ใหม่ขึ้นโดยเฉพาะในโอกาสหน้า ไม่เช่นนั้นหลวงปู่ท่านจะมีลูกศิษย์มาช่วยสร้างศาสนสถานอันสำคัญในพระศาสนาหลายๆ แห่งตามรอยสืบเนื่องครูบาอาจารย์ได้มากและเสร็จเร็วเช่นนี้หรือ...?
     
  16. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    [​IMG]
     
  17. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    พระธาตุข้าว ผมไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ทางวัดมีให้ศรัทธา ญาติโยม นำไปบูชา แล้วแต่ทำบุญ ผมยังนำมาบูชา แจกคนรู้จัก นำมาบอกเผื่อใครอยากได้ พระเครื่องรุ่นที่ทันครูบาชัยยะวงศาก็ยังมีอยู่ หนังสือธรรมะก็มี มีโอกาสไปทางเหนือน่าแวะไปทำบุญครับ
     
  18. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    ผมเพิ่งไปวัดมาล่าสุด พระที่ทันหลวงปู่หลายรุ่นก็หมดจากวัดไปแล้วครับ รุ่นที่ยังเหลือก็มีไม่มากแล้ว คงน่าจะเป็นเพราะช่วงปีสองปีหลังนี้มีคนเก็บพระหลวงปู่กันเยอะพอสมควรครับ ส่วนพระธาตุข้าวบิณฑ์ที่ให้ร่วมทำบุญก็หมดเช่นกันครับ
     
  19. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    ครูบาชัยวงศา (พระอริยบุคคลในดงกะเหรี่ยง)

    เรียบเรียงโดย มณธิรา
    โพสท์ในลานธรรมเสวนา หมวดบันเทิงธรรม กระทู้ 15939 โดย: wit 30 ก.ค. 48
    <center> <center> [​IMG]
    </center></center>
    จากอดีตในวัยเยาว์ที่ผ่านมา เคยขอทานเพื่อหาเงินเลี้ยงดูโยมบิดา-มารดาและน้องอีก ๙ คน พอโตขึ้นมาก็ถูกเพื่อนลูกศิษย์ด้วยกันกลั่นแกล้วเอาน้ำรักใส่ที่นอน จนหลังเน่าเปื่อยทนทุกข์เวทนาอย่างสาหัส เมื่อเรียนหนังสือก็ถูกครูใช้สันขวานเคาะศีรษะและทุบตีจนเนื้อแตก ในยามนอนก็ถูกเพื่อนเอาทรายกรอกปาก เอาน้ำราดหัว เอากระโถนน้ำมูตรคูถมาวางตรงหน้าขณะกินข้าว
    ด้วยขันติบารมีการวางเฉย ด้วยใจที่ให้อภัยต่อสัตว์โลก ครูบาชัยวงศา จึงได้รับการยกย่องจากชาวเขาเผ่าต่างๆ ให้เป็น ครูบา ผู้เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง และด้วยอำนาจความเพียรพยายามทางจิต ท่านครูบาชัยวงศา คือผู้หนึ่งที่เทพยดาฟ้าดินให้ความเมตตาอภิบาลรักษาคุ้มครองป้องกันเพื่อให้ท่านได้กระทำความดี สร้างบารมีเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ด้วยจุดมุ่งหมายอันยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้า นั่นคือแทนแห่งพุทธภูมิ
    <table id="table1" border="0"> <tbody> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript"> ครูบาศรีวิชัย ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกับศิษยานุศิษย์มี ครูบาขาวปี, ครูบาชัยวงศา เป็นต้น
    ที่ร่วมกันก่อสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพจนเป็นผลสำเร็จ
    โดยถ่าย ณ เชิงบันไดขึ้นองค์พระธาตุ ในวันเปิดใช้ทางเป็นวันแรก
    </td></tr></tbody></table>​
    เป็นกำลังสำคัญสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ
    ครูบาชัยวงศาได้ไปร่วมแรงร่วมใจกับครูบาขาวปี ช่วยครูบาศรีวิชัยทำงานในด้านต่างๆ ทั้งงานศาสนาและงานสาธารณประโยชน์ ทั้งที่ได้รับอุปสรรคนานัปการ โดยเฉพาะอุปสรรคในการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพร่วมกับครูบาศรีวิชัย
    <table id="table2" border="0" align="left"> <tbody> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript"> วัดอนาคามี อยู่ระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ
    หลังศูนย์ควบคุมไฟป่าภาคเหนือ
    ปัจจุบันเหลือแต่ทรากปรักหักพัง
    </td></tr></tbody></table>
    โดยครูบาชัยวงศาและครูบาขาวปี เป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมในการสร้างทางคนละครึ่ง ครูบาขาวปีรับผิดชอบควบคุมช่วงล่างตั้งแต่วัดศรีโสดาถึงวัดสกิทาคามี (วัดนี้ถูกรื้อไปแล้ว) ส่วนครูบาชัยวงศารับช่วงตั้งแต่วัดสกิทาคามี และสร้างวัดอนาคามี (ซึ่งขณะนี้ทรุดโทรมและถูกรื้อไปแล้ว) ไปจนถึงทางขึ้นดอยสุเทพ
    ในขณะสร้างทางได้รับความลำบากทุกข์เวทนาอย่างสาหัส เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งจากตำรวจหลวงและพระสงฆ์ที่ไม่เข้าใจในเจตนามุ่งมั่นอันแท้จริงของครูบาศรีวิชัย คอยจับสึกอยู่เสมอ การดำเนินการก่อสร้างจึงต้องลงมือเมื่อพระอาทิตย์ล่วงลับไปเสียก่อน และต้องหาที่หลบซ่อนเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าของวันใหม่ งานสร้างทางตอนเริ่มแรกมีชาวบ้านมาช่วยงานไม่มากเท่าไร แต่นานไปก็ได้มีพวกชาวกะเหรี่ยงและชาวบ้านในหลายตำบล หลายหมู่บ้าน พากันมาลงแรงร่วมใจอย่างมากมาย ด้วยความศรัทธาและเต็มใจ จนในที่สุดการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพก็สำเร็จลุล่วงได้
    เหตุที่ห่มขาว
    <table id="table3" border="0" align="right"> <tbody> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript"> ครูบาขาวปี
    </td></tr></tbody></table>
    มีผู้สงสัยว่า เหตุใดครูบาขาวปีจึงได้รับการยกย่องเทียบเท่าพระอริยสงฆ์ที่มีฌานบารมีเก่งกล้าทั้งที่นุ่งขาวห่มขาว จะขอเล่าเบื้องหลังของการนุ่งขาวห่มขาวของท่านสักนิด
    ครั้งนั้นเมื่อครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์ โดนจับตัวนำเข้ากรุงเทพฯ บรรดาลูกศิษย์ที่ช่วยสร้างทางต่างหนีกันกระเจิดกระเจิงเข้าป่า ซึ่งบางรูปหนีแล้วไม่ยอมออกมา บางองค์ก็สำเร็จไปแล้ว ส่วนครูบาขาวปีและครูบาชัยวงศาหนีไม่ทัน เพราะคอยไปแจ้งข่าวให้เพื่อนสงฆ์ทราบ เมื่อหนีไม่ทันจึงถูกจับสึกไม่ให้ห่มจีวร เมื่อไม่ให้ห่มเหลืองครูบาขาวปีจึงหันมาห่มขาวแทนและปฏิบัติกิจเช่นสงฆ์เหมือนเดิม เพราะคิดว่าการเป็นพระที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เครื่องนุ่งห่ม หากแต่อยู่ที่ใจ
    ห่มขาวแล้วก็ออกธุดงค์เข้าป่า เพื่อเผยแพร่ธรรมะแก่ขาวเขาต่อไป ส่วนครูบาศรีวิชัยยังคงห่มเหลืองเช่นเดิม และยังรุดเร่งดำเนินการ ก่อสร้างจนสำเร็จ แล้วมรณภาพที่วัดบ้างปาง เมื่อครูบาชัยวงศาอายุ ๒๗ ปี
    <table id="table4" border="0" align="left"> <tbody> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript">[​IMG]</td></tr> <tr> <td style="TEXT-ALIGN: center; LINE-HEIGHT: 19px; TEXT-INDENT: 0px; MARGIN: 0pt 10pt 10pt 10px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(2,66,2); FONT-SIZE: 10pt" class="pic_descript"> ร่างท่านครูบาขาวปี
    </td></tr></tbody></table>
    หลังจากครูบาศรีวิชัยมรณภาพ ครูบาชัยวงศาและครูบาขาวปีได้ร่วมกันเผยแพร่ธรรมและสร้างสิ่งอันเป็นสาธารณกุศล ทั้งทางโลกและด้านศาสนาต่อไป ตามแนวทางที่ครูบาศรีวิชัยกำหนดไว้ ตลอดจนการบูรณปฎิสังขรณ์สถานที่สำคัญในพระศาสนา
    ครูบาขาวปีได้ร่วมแรงร่วมใจกับครูบาชัยวงศา สร้างทางไปเชียงใหม่ได้ไม่เท่าไร ครูบาขาวปีจึงมรณภาพลง โดยร่างกายของท่านไม่เน่า ไม่เปื่อย ขณะนี้ศพถูกนำเก็บไว้ในโลงแก้วที่วัดพระบาทผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน
     
  20. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,456
    มาตามหน้าที่
    เดิมวัดพระพุทธบาทห้วยต้มตกอยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่า จะขอย้อนไปเมื่อครั้งที่ครูบาชัยวงศายังเป็นสามเณรน้อย ได้เดินธุดงค์มากับครูบาก๋า มาพบวัดพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้เข้า
    สามเณรน้อย (ครูบาชัยวงศา) ได้เคยถามครูบาก๋าถึงการปฎิสังขรณ์วัดนี้ ได้รับคำตอบว่าไม่ใช่หน้าที่ของท่าน โดยได้ชี้มาที่ตัวครูบาชัยวงศา แล้วบอกว่า "ต่อไปเณรน้อยจะได้มาเป็นผู้สร้างวัดนี้" ซึ่งเรื่องนี้ได้ไปตรงกับข้อมูลที่ได้จากคำพูดของครูบาศรีวิชัย เมื่อครั้งที่ได้มีชาวบ้านไปนิมนต์ครูบาศรีวิชัยให้มาบูรณะวัดนี้ ท่านได้ปฏิเสธกับชาวบ้านว่าไม่ใช่หน้าที่ของท่าน เป็นหน้าที่ของครูบาชัยวงศา จึงแนะให้ชาวบ้านไปนิมนต์ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นสามเณรอยู่

    พระพุทธเจ้าน้อย
    จวบจนกระทั่งชาวบ้านได้ขุดพบศิลาจารึก ที่มีตัวอักษรล้านนาไทยเขียนไว้ด้วยประโยคสั้นๆว่า "ผู้ที่จะสร้างวัดนี้คือพระพุทธเจ้าน้อย ซึ่งจะเริ่มมาสร้างปี.... ตอนนี้อยู่ที่.... เกิดที่.... จะเป็นผู้มาสร้าง" ซึ่งก็เป็นความจริงตามในศิลาจารึกแผ่นนั้นทุกประการ
    ขณะนั้นครูบาชัยวงศาได้รับการยกย่องจากชาวเขา ให้เป็นพระพุทธเจ้าน้อยอยู่ก่อนแล้ว แม้แต่สถานที่อยู่ สถานที่เกิด ก็ตรงกับทิศทางที่ศิลาจารึกบอกทุกประการ
    ด้วยเหตุนี้บรรดาชาวบ้าน ตลอดจนนายอำเภอจึงไปนิมนต์ครูบาชัยวงศามาสร้างและบูรณะวัดพระพุทธบาทห้วยต้มตั้งแต่นั้นมา

    ตรงตามนิมิต
    จากประสบการณ์ของลูกศิษย์ท่านหนึ่งผู้ติดสอยห้อยตามครูบาชัยวงศามานาน ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
    ครั้งแรกที่ไปอยู่วัดนี้ใหม่ๆ ได้ฝันไปว่ามีชายชราผมขาวสองคน คนหนึ่งนุ่งลายเสือ ส่วนอีกคนนุ่งขาวห่มขาว ได้มาปรากฏร่างให้เห็นในความฝันแล้วได้บอกว่า
    "หลวงพ่อองค์นี้จะเป็นผู้สร้างวัดนี้ให้สำเร็จ เพราะวัดนี้จะเป็นวัด ๑ ใน ๓ แห่ง ที่สืบต่อพระศาสนาต่อไปจนถึง ๕,๐๐๐ ปี ซึ่งเจ้าและหลวงพ่อองค์นี้ได้เคยสร้างวัดนี้มาแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งพระสมณโคดมได้เสด็จล่วงสู่สุวรรณภูมิแห่งนี้..." พูดจบก็หายวับไป
    เมื่อนำเรื่องราวที่ฝันไปเล่าให้ครูบาชัยวงศาฟัง โดยยังไม่ทันบอกรูปลักษณะของผู้ปรากฏกายในความฝัน ครูบาชัยวงศาก็ตอบแทนเสียก่อนว่า
    "ผู้ที่แต่งลายเสือที่มาหานั้นเป็นปู่ฤาษีเมื่ออดีตชาติ คือพี่ชายของหลวงพ่อเอง ส่วนคนนุ่งชุดขาว คือพ่อพญา ซึ่งท่านทั้งสองเป็นเทพผู้ดูแลสถานที่นี้อยู่ และจะสำเร็จอรหันต์ในสมัยพระศรีอาริย์..."
     

แชร์หน้านี้

Loading...